Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของบุคลากรในวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของบุคลากรในวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

Published by jnlbcnsp, 2019-03-09 17:46:27

Description: แสงเดือน กิ่งแก้ว, ชนุกร แก้วมณี, วรางคณา บุตรศรี

Keywords: ภาวะสุขภาพ,พฤติกรรมสุขภาพ,บุคลากรภายในวิทยาลัยพยาบาล

Search

Read the Text Version

ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของบคุ ลากรในวิทยาลยั พยาบาล แห่งหน่ึง ในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ แสงเดือน กิง่ แกว้ 1, ชนุกร แกว้ มณี2 วรางคณา บุตรศร3ี บทคดั ยอ่ ภาวะสุขภาพท่ดี ีและพฤติกรรมสขุ ภาพทดี่ ขี องบุคคลากรในองคก์ รเป็ นปัจจยั ที่ ทาใหส้ ามารถทางานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ การวิจยั แบบพรรณนาคร้งั น้ ีมีวตั ถุประสงค์ เพอ่ื ศึกษาภาวะสุขภาพและพฤตกิ รรมสุขภาพของบุคลากรในวทิ ยาลยั พยาบาลแห่งหนึ่งใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนื อ กลุ่มตัวอย่างเป็ นบุคคลากรที่ไดร้ ับการตรวจร่างกายใน ปี งบประมาณ 2557 จานวน 98 คน เก็บรวบรวมขอ้ มูลจากบันทึกผลการตรวจสุขภาพ และแบบสอบถามการปฏิบัติพฤติกรรมสรา้ งเสริมสุขภาพ วิเคราะห์ขอ้ มูลดว้ ยสถิติเชิง พรรณนา ผลการวิจยั พบวา่ กลุ่มตวั อย่างสว่ นใหญ่ไมม่ โี รคประจาตวั (รอ้ ยละ 76.6) ระดบั ความดนั โลหติ ปกติ (รอ้ ยละ 83.0) ระดบั น้าตาลในเลือดปกติ (รอ้ ยละ 79.5) และระดบั ไตรกลีเซอไรดใ์ นเลือดปกติ (รอ้ ยละ 67.4) และมากกว่าครึ่งหน่ึงมีระดบั โคเลสเตอรอล ผิดปกติ (รอ้ ยละ 59.8) และดชั นีมวลกายผิดปกติ (รอ้ ยละ 55.1) สว่ นพฤติกรรมสุขภาพ จากกลุ่มตวั อย่างจานวน 78 คนที่สมคั รใจตอบแบบสอบถามพบวา่ กลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่ รอ้ ยละ 55.8 มีพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณารายดา้ น พบว่า กลุ่มตวั อยา่ งมีพฤติกรรมสุขภาพดา้ นสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคลอยู่ในระดบั ดี ดา้ น การพฒั นาทางจิตวิญญาณและดา้ นความรับผิดชอบต่อสุขภาพอยู่ในระดบั ปานกลาง ส่วน ดา้ นโภชนาการ ดา้ นกจิ กรรมทางกาย และดา้ นการจดั การกบั ความเครียดอยใู่ นระดบั ไมด่ ี ผลการวิจยั คร้งั น้ ีจะใชเ้ ป็ นขอ้ มูลพ้ นื ฐานแก่บุคลากรสขุ ภาพหรือผูเ้ กย่ี วขอ้ งใน การส่งเสริมการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพท่ีดีเพ่ือสรา้ งเสริมใหเ้ กิดภาวะสุขภาพที่ดีของ บุคลากรในสถาบันน้ ีต่อไป โดยเฉพาะดา้ นโภชนาการ ดา้ นการออกกาลงั กาย และดา้ น การจดั การกบั ความเครียด คาสาคญั : ภาวะสขุ ภาพ, พฤตกิ รรมสุขภาพ, บุคลากรภายในวิทยาลยั พยาบาล 1-3 อาจารย์ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์

38 วารสารวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ ปีที่ 1 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) Health status and health promoting behavior among staff in One of Nursing colleges in the northeastern of Thailand Sangduan Ginggeaw1, Chanukorn Kaewmanee2 Warangkana Bootsri3 Abstract Good health status and health behavior are factors affecting the effectiveness of organizational work. The purposes of this descriptive study were to explore health status and health behavior of staff at a nursing college in northeastern region of Thailand. Samples were 98 staff who were working at the nursing college in 2014. Health Record and Health Promoting Behavior Questionnaire were used for data collection. Descriptive statistics was used for data analysis. The results showed that most of staff had no diseases (76.6%), had normal blood pressure (83.0%), had normal blood sugar (79.5%), and had normal triglyceride (67.5%). More than half of them had annormal body mass index (55.1%), and had abnormal cholesterol (40.2%). Approximately, half of them rated their overall health behaviors as at a medium level (55.8%). Regarding dimensions of health behaviors, they rated their interpersonal relations as a good level while they rated their spiritual growth and health responsibility as moderate levels. Moreover, they rated their nutrition, physical activity and stress management as poor levels. This study provides information for health care providers or related organizations to promote good health status, especially, nutrition, physical activity and stress management among working staff of this nursing collleg. Key words: health status, health behavior, staff of nursing colledge 1 -3 Instructor, Boromarajonnani College of Nursing, Sanpasithiprasong

วารสารวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ 39 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) ความเป็ นมาและความสาคญั ของปัญหา พฤติกรรมสุขภาพ (health behavior) เป็ นการปฏิบตั ิกิจกรรมที่ผสมผสานอยู่ในวิถี การดาเนินชีวิต ซึ่งประกอบดว้ ย 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความรับผิดชอบต่อสุขภาพ ดา้ น โภชนาการ ดา้ นกิจกรรมทางกาย ดา้ นสมั พันธภาพระหว่างบุคคล ดา้ นการจดั การกับ ความเครียด และดา้ นการพฒั นาทางจติ วิญญาณ ซ่ึงพฤติกรรมสุขภาพท่ีดจี ะสง่ ผลตอ่ การมี ภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี และสามารถทางานไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ1 รวมท้งั จะ ช่วยลดการขาดงาน การเจ็บป่ วยและค่าใชจ้ ่ายในการรกั ษาพยาบาล ผลการสารวจพฤติกรรมสุขภาพจากรายงานสุขภาพประชาชนไท ยคร้ังท่ี 4 พ.ศ. 2551-2552 พบวา่ ประชากรท่มี ีอายุ 15 ปี ข้ นึ ไปมพี ฤติกรรมสุขภาพที่ไม่เหมาะสม โดยมีความชุกของการสูบบุหรี่เป็ นประจา รอ้ ยละ 19.9 ดื่มแอลกอฮอลร์ ะดบั เสี่ยงปาน กลางข้ ึนไป รอ้ ยละ 13.2 มีกจิ กรรมทางกายหรือออกกาลงั กายไมเ่ พยี งพอรอ้ ยละ 18.5 มี พฤติกรรมการรับประทานอาหารม้ ือเย็นในวันทางาน โดยซ้ ืออาหารปรุงเสร็จหรือ รบั ประทานอาหารนอกบา้ น รอ้ ยละ 20 และมีเพียงรอ้ ยละ 17.7 เท่าน้ันทร่ี ับประทานผกั และผลไมป้ ริมาณตอ่ วนั ไดเ้ พียงพอตามขอ้ แนะนา2 สาหรบั พฤตกิ รรมสุขภาพของบุคลากรที่ ทางานอยู่ในสถาบนั การศึกษาพยาบาลและการสาธารณสุข พบว่ามีพฤตกิ รรมสขุ ภาพดา้ น กิจกรรมทางกายและด้านโภชนาการอยู่ในระดับ น้อย3 จนถึงปานกลาง4-7 โดยมี พฤติกรรมการออกกาลงั กายไม่สมา่ เสมอ และมีรปู แบบการดาเนินชีวิตท่ีนัง่ เป็ นส่วนใหญ่ สว่ นพฤติกรรมดา้ นโภชนาการ พบว่ารบั ประทานอาหารครบ 3 ม้ อื ตอ่ วนั รบั ประทานขา้ ว กลอ้ ง ขา้ วซอ้ มมือหรือธญั พืช นานๆ คร้งั ในดา้ นความรับผิดชอบต่อสุขภาพอยู่ในระดบั ปานกลางถึงมาก4-5,7 ดา้ นการจดั การความเครียด ดา้ นสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคล และ การพฒั นาทางจิตวิญญาณอยู่ในระดบั มาก4,6-7 นอกจากน้ันยงั พบว่าบุคลากรมีดชั นีมวล กายเกินเกณฑ์มาตรฐาน (รอ้ ยละ 23.6-35.9) ระดับน้าตาลในเลือดเริ่มสูง (รอ้ ยละ 23.8) รวมท้งั มีระดับไตรกลีเซอไรดแ์ ละระดบั โคเลสเตอรอลเร่ิมสูง (รอ้ ยละ 3.2 และ รอ้ ยละ 35) ซึ่งภาวะสุขภาพขา้ งตน้ เป็ นปัจจยั ที่จะทาใหป้ ระชากรกลุ่มดงั กล่าวมีความ เสย่ี งต่อการเกิดโรคเร้ ือรงั ไดแ้ ก่ โรคความดนั โลหติ สงู เบาหวาน โรคหวั ใจและหลอดเลือด รวมท้งั โรคหลอดเลือดสมองและไขมนั ในเลือดสูง8 เป็ นตน้ นอกจากน้ันพฤติกรรมการ รับประทานอาหารท่ีไม่มีประโยชน์ การออกกาลังกายและการพักผ่อนไม่เพียงพอ ยังเป็ นปั จจัยที่มีความสัมพันธ์กับประสิทธิภาพการทางานของวัยทางาน อันได้แก่ ดา้ นความถูกตอ้ งของงาน การทางานใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์ และการทางานใหเ้ สร็จ ตามกาหนดเวลา9

40 วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธปิ ระสงค์ ปที ี่ 1 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) วิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็ นสถาบันการศึกษา พยาบาลที่กาลงั พฒั นาใหเ้ ป็ นทยี่ อมรบั ทง้ั ในประเทศและต่างประเทศ10 โดยมีหน้าท่ีในการ ผลิตและพฒั นาบุคลากรทางดา้ นสุขภาพ รวมท้งั ทานุบารุงศิลปวฒั นธรรม บริการวชิ าการ และผลิตผลงานวิจัย โดยมีบุคลากรท้ังในสายวิชาการ ซ่ึงเป็ นอาจารย์พยาบาล และ บุคลากรสายสนับสนุน เช่น เจา้ หน้าที่ธุรการ การเงิน พนักงานขบั รถ พนักงานบริการ เป็ นตน้ ซึ่งตอ้ งพฒั นาตนเองในการปฏิบตั ิงานอย่างมีมาตรฐาน เพ่ือใหไ้ ดร้ ับการยอมรบั ทาใหม้ ีภาระงานท่ีเพิ่มมากข้ ึนและอาจทาใหบ้ ุคลากรมีความเครียด มีเวลาในการดูแล สุขภาพลดลง โดยจากการสงั เกตและสอบถามขอ้ มูลเบ้ ืองตน้ พบว่าบุคคลากรส่วนใหญ่มี พฤติกรรมสุขภาพท่ีไม่เหมาะสม ไดแ้ ก่ ขาดการออกกาลังกายสมา่ เสมอ รับประทาน อาหารสาเร็จรูปและมีความเครียด เป็ นตน้ อีกท้งั ยงั พบว่าบุคคลากรบางคนเริ่มมีภาวะ สขุ ภาพทีเ่ สีย่ งต่อการเกิดโรคเร้ ือรงั เช่น น้าตาลในเลือดสงู ไขมนั ในเลือดสูง และความดนั โลหิตสูง เป็ นต้น อันจะส่งผลต่อการมีภาวะสุขภาพและคุณภาพชีวิตท่ีดีหรือทาให้ ประสิทธภิ าพในการปฏิบตั งิ านลดลง ภาวะสุขภาพและพฤตกิ รรมสุขภาพของบุคลากรในองคก์ รจึงเป็ นสงิ่ สาคญั ที่จะตอ้ ง ไดร้ บั การตรวจติดตาม เพื่อส่งเสริมและป้ องกนั การเกดิ ปัญหาสุขภาพหรือโรคเร้ ือรงั ซึ่งจะ ส่งผลต่อประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน ซึ่งจากการทบทวนวรรณกรรม พบการศึกษา ภ า ว ะ สุ ข ภ า พ แ ล ะ พ ฤ ติ ก ร ร ม สุ ข ภ า พ ข อ ง บุ ค ล า ก ร ท่ี ท า ง า น ใ น วิ ท ย า ลั ย พ ย า บ า ล คณะพยาบาลศาสตร์ และในโรงพยาบาลของรัฐในภูมิภาคอื่น ผลการศึกษาเป็ นไปใน แนวทางเดียวกันว่า ภาวะสุขภาพของบุคลากรในองคก์ รส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจาตวั แต่มี ปั จจัยเส่ียงต่อสุขภาพ เช่น มีภาวะอ้วน ไขมันในเลือดสูง ดัชนีมวลกายเกิน เป็ นต้น ส่วนพฤตกิ รรมสขุ ภาพพบวา่ บคุ ลากรมีพฤติกรรมสขุ ภาพโดยรวมอยูใ่ นระดบั ปานกลางถึง มาก4-7,14 อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีการศึกษาในบริบทของวิทยาลัยพยาบาลในภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ ดังน้ัน ผูว้ ิจยั จึงสนใจท่ีจะศึกษาภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพ ของบุคคลากรในวทิ ยาลยั พยาบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ ท้งั น้ ีเพ่ือประเมิน ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพและนาขอ้ มูลท่ีไดไ้ ปใชใ้ นการพฒั นารูปแบบและแนว ทางการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพอันจะนาไปสู่ภาวะสุขภาพท่ีดีและก ารทางานที่มี ประสทิ ธิภาพของบคุ ลากรในองคก์ รตอ่ ไป

วารสารวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธปิ ระสงค์ 41 ปีที่ 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) คาถามการวจิ ยั ภาวะสุขภาพของบุคลากรวิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่งในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็ นอยา่ งไรและมพี ฤติกรรมสขุ ภาพอยู่ในระดบั ใด วตั ถปุ ระสงคข์ องการวจิ ยั 1. เพ่ือศึกษาภาวะสุขภาพของบุคลากรวิทยาลัยพยาบาลแห่งหน่ึ งในภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2. เพอ่ื ศึกษาพฤตกิ รรมสขุ ภาพของบุคลากรวทิ ยาลยั พยาบาลแห่งหนึ่งในภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ กรอบแนวคิดในการวจิ ยั การศึกษาเชิงพรรณนาคร้งั น้ ีเป็ นการศึกษาภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสุขภาพของ บุคลากรในวิทยาลัยพยาบาล ซ่ึงพฤติกรรมสุขภาพเป็ นการปฏิบัติพฤติกรรมท่ีผสมผสาน อยู่ในวิถีการดาเนิ นชีวิตตามแนวคิดพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของเพนเดอร์1 ประกอบดว้ ย 6 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความรบั ผิดชอบต่อสขุ ภาพ ดา้ นโภชนาการ ดา้ นกิจกรรม ทางกาย ดา้ นสมั พนั ธภาพระหว่างบุคคล ดา้ นการจดั การกับความเครียดและดา้ นการ พฒั นาทางจิตวญิ ญาณ ระเบยี บวธิ วี ิจยั การวิจัยคร้ังน้ ีเป็ นการวิจัยเชิงบรรยาย (Descriptive research) เพื่อศึกษาภาวะ สุขภาพ และพฤติกรรมสุขภาพ ของบุคลากรวิทยาลัยพ ยาบาลแห่งหน่ึ งในภาค ตะวนั ออกเฉียงเหนือ โดยมีระยะเวลาดาเนินการวิจยั ระหว่างเดือนตุลาคม ถึง ธนั วาคม 2557 ประชากรและกลุ่มตวั อยา่ ง ประชากรของการศึกษาคร้ังน้ ีเป็ นบุคลากรสายวิชาการและสายสนับสนุนของ วิทยาลัยพยาบาลแห่งหน่ึงในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือท่ีปฏิบัติงานจริงในปี งบประมาณ 2557 จานวน 136 ราย คดั เลือกกลุ่มตวั อย่างแบบเฉพาะเจาะจง จากกลุ่มตวั อย่างท่ีเป็ น ผูเ้ ขา้ รับการตรวจสุขภาพประจาปี พ.ศ. 2557 และมีบนั ทึกผลการตรวจสุขภาพ จานวน 98 ราย โดยในจานวนน้ ีมีกลุ่มตวั อย่างเพยี ง 78 รายท่ียินดีตอบแบบสอบถามการปฏิบตั ิ พฤติกรรมสุขภาพ

42 วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ ปีท่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) การพทิ กั ษส์ ิทธิของกล่มุ ตวั อยา่ ง การวิจัยคร้ังน้ ีผ่านการพิจารณารับรองจริยธรรมการวิจัยจากคณะกรรมการ จริยธรรมการวจิ ยั ในมนุษย์เลขท่ี EC.4/2557 ผวู้ จิ ยั สอบถามความสมคั รใจในการเขา้ ร่วม การวิจยั ของกลุ่มตวั อย่างพรอ้ มท้งั อธิบายวตั ถุประสงคข์ องการวิจยั เป็ นลายลักษณ์อกั ษร กลุ่มตวั อย่างมีสิทธิที่จะตดั สนิ ใจตอบรบั หรือปฏิเสธการเขา้ ร่วมวจิ ยั โดยไม่มีผลกระทบใดๆ หลังจากกลุ่มตวั อย่างยินยอมการเขา้ ร่วมวิจยั แลว้ ผูว้ ิจยั ขอความร่วมมือใหเ้ ซ็นชื่อยินยอม เขา้ ร่วมวิจยั เป็ นลายลักษณอ์ กั ษร หลงั จากน้ันผูว้ ิจยั ไดเ้ ก็บรวบรวมขอ้ มูลจากบนั ทึกผลการ ตรวจสขุ ภาพประจาปี และใหก้ ลุ่มตวั อย่างตอบแบบสอบถามดว้ ยตนเอง และส่งคนื ท่กี ล่อง รบั แบบสอบถามทผี่ วู้ จิ ยั จดั เตรียมไว้ เครอื่ งมอื ทใ่ี ชใ้ นการเกบ็ รวมรวมขอ้ มูล เคร่ืองมือที่ใชใ้ นการรวบรวมขอ้ มูลคร้งั น้ ี เป็ นแบบสอบถามประกอบดว้ ยขอ้ มูล 3 ส่วน ดงั น้ ี ส่วนที่ 1 แบบบนั ทกึ ขอ้ มลู สว่ นบคุ คล ไดแ้ ก่ เพศ อายุ โรคประจาตวั ส่วนท่ี 2 แบบบนั ทึกขอ้ มูลภาวะสุขภาพ ไดแ้ ก่ น้าหนัก ส่วนสูง ดชั นีมวลกาย เสน้ รอบเอว ระดบั น้าตาลในเลือด ระดบั ความดนั โลหติ และระดบั ไขมนั ในเลือด ส่วนท่ี 3 แบบสอบถามการปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพ ซ่ึงผู้วิจัยดัดแปลงจาก แบบสอบถามการปฏิบตั ิพฤติกรรมสุขภาพสาหรบั ผตู้ ิดเช้ ือเอชไอวีที่ไดร้ บั การรกั ษาดว้ ยยา ตา้ นไวรัสของแสงเดือน ก่ิงแกว้ 11 ท่ไี ดพ้ ฒั นาข้ ึนตามแนวคิดพฤติกรรมส่งเสริมสุขภาพของ เพนเดอร1์ ประกอบดว้ ยขอ้ คาถามจานวน 15 ขอ้ เป็ นขอ้ คาถามทางบวก 12 ขอ้ และขอ้ คาถามทางลบ 3 ขอ้ และผ่านการตรวจสอบคุณภาพเคร่ืองมือจากผเู้ ชย่ี วชาญ 3 ทา่ น ดว้ ย การตรวจสอบความตรงเฉพาะหน้า (face validity) และนาแบบสอบถามไปทดลองใชก้ บั บุคลากรท่ีทางานในโรงพยาบาล จานวน 10 ราย ทดสอบค่าความเช่ือมั่นของ แบบสอบถามดว้ ยวิธี Sprit-half โดยใชส้ ูตรของ Spearman-Brown12 ไดค้ ่าความเชื่อมนั่ เทา่ กบั 0.70 (n=10) เกณฑก์ ารแปลผล แปลผลการประเมินภาวะสุขภาพตามเกณฑผ์ ลการตรวจทาง หอ้ งปฏิบตั ิการ ผูท้ ี่ผลการตรวจอยู่ในเกณฑ์ปกติ หมายถึงมีภาวะสุขภาพปกติ และผูท้ ่ีผล การตรวจไม่อยูใ่ นเกณฑป์ กติ หมายถึง มีภาวะสุขภาพผิดปกติ ส่วนการแปลผลพฤติกรรม สุขภาพ แปลตามค่าคะแนนซึ่งมีค่าคะแนนเป็ น 0 หมายถึง ไม่ไดป้ ฏิบัติ, 1 หมายถึง ปฏิบตั ิบางคร้งั และ 2 หมายถงึ ปฏิบตั ิเป็ นประจา คะแนน จากขอ้ คาถามทางบวก 12 ขอ้ และขอ้ คาถามทางลบ 3 ขอ้ โดยคาถามเชิงลบจะใหค้ ะแนนตรงกนั ขา้ ม มีค่าคะแนนรวม

วารสารวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธปิ ระสงค์ 43 ปที ่ี 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ท้งั หมด 30 คะแนน แบ่งระดบั พฤติกรรมสุขภาพเป็ น 3 ระดบั ตามค่าคะแนน ไดแ้ ก่ ค่า คะแนนน้อยกว่าหรือเท่ากบั 18 หมายถึง มีพฤติกรรมสุขภาพไม่ดี ค่าคะแนน 19-23 หมายถึง มีพฤติกรรมสุขภาพปานกลาง และค่าคะแนนต้ังแต่ 24 ข้ ึนไป หมายถึง มี พฤตกิ รรมสุขภาพดี การวเิ คราะหข์ อ้ มูล วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยใชโ้ ปรแกรมคอมพิวเตอร์สาเร็จรูป โดยวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิง ปริมาณ คือ ขอ้ มูลส่วนบุคคลและขอ้ มูลภาวะสุขภาพนามาคานวณหาจานวนและรอ้ ยละ ส่วนขอ้ มูลพฤติกรรมสุขภาพนามาคานวณหาจานวนและรอ้ ยละของกลุ่มตวั อย่างจาแนก ตามระดบั คะแนนพฤตกิ รรมสุขภาพโดยรวมและรายดา้ น ผลการวเิ คราะหข์ อ้ มลู วจิ ยั 1.ขอ้ มลู ทวั่ ไป กลุ่มตวั อย่าง 98 ราย ส่วนใหญ่เป็ นเพศหญิง (รอ้ ยละ 81.7) มีอายุระหว่าง 46- 50 ปี มากที่สุด (รอ้ ยละ 17.3) รองลงมามีอายุระหว่าง 36-40 ปี (รอ้ ยละ 14.5) อายุ เฉลี่ย 41.20 ปี ส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจาตัว (ร้อยละ 76.6) และร้อยละ 23.4 มีโรค ประจาตวั โดยพบว่าเป็ นโรคความดันโลหิตสูงมากท่สี ุด (รอ้ ยละ 10.4) รองลงมาคือ มภี าวะไขมนั ในเลือดสงู (รอ้ ยละ 9.2) และโรคเบาหวาน (รอ้ ยละ 5.2) 2. ภาวะสุขภาพ ขอ้ มูลจากบันทึกผลการตรวจสุขภาพ พบว่า จากกลุ่มตวั อย่าง 98 ราย โดยเกือบ ครึ่งหน่ึง (รอ้ ยละ 44.9) มีดชั นีมวลกายอยู่ในเกณฑป์ กติ และมีกลุ่มตัวอย่างถึงรอ้ ยละ 28.6 ท่ีมีดัชนีมวลกายอยู่ในระดับอว้ น และรอ้ ยละ 21.4 อยู่ในระดับน้าหนักเกิน ส่วนความยาวเสน้ รอบเอว พบว่าเพศชายส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 68.4) มีเสน้ รอบเอวอยู่ใน เกณฑป์ กติ และรอ้ ยละ 31.6 มีเสน้ รอบเอวเกินขนาด และในเพศหญิงส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 67.9) มีเสน้ รอบเอวปกติ และรอ้ ยละ 32.1 มีเสน้ รอบเอวเกินขนาด สาหรบั ระดบั ความ ดนั โลหิต พบว่า สว่ นใหญ่ (รอ้ ยละ 83) อยู่ในระดบั ปกติ รองลงมามีภาวะความดนั โลหิต สงู (รอ้ ยละ 9) และมีภาวะความดนั โลหิตค่อนขา้ งสงู นอ้ ยท่สี ดุ (รอ้ ยละ 8) (ตารางท่ี 1) นอกจากน้ัน กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 79.5) มีระดับน้าตาลในเลือดอยู่ ในเกณฑป์ กติ รองลงมารอ้ ยละ 15.4 อยู่ในเกณฑเ์ ส่ียงต่อการเป็ นเบาหวานจากการท่ีมี ระดบั น้าตาลในเลือดเริ่มสูง และรอ้ ยละ 5.6 เป็ นเบาหวานจากการที่มีน้าตาลในเลือด

44 วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) ในระดับสูง ส่วนการตรวจระดับไขมันในเลือดพบว่า เกือบครึ่งหนึ่ง (รอ้ ยละ 42.7) มีระดบั โคเลสเตอรอลอยใู่ นระดับเรม่ิ สูง รอ้ ยละ 17.1 อยูใ่ นระดบั สูงกว่าเกณฑ์ และ รอ้ ยละ 40.2 อยู่ในระดับปกติ สาหรับระดับไตรกลีเซอไรด์ ส่วนใหญ่ (รอ้ ยละ 67.5) อยู่ในระดับปกติ ยังมีรอ้ ยละ 18.8 ที่อยู่ในระดับสูงกว่าเกณฑ์ปกติ และรอ้ ยละ 13.8 อย่ใู นระดบั เร่ิมสงู (ตารางท่ี 2) 3. พฤติกรรมสุขภาพ จากกลุ่มตัวอย่างจานวน 98 รายที่เขา้ รับการตรวจสุขภาพและมีบันทึกผลการตรวจ สุขภาพ แต่มีผูส้ มคั รใจตอบแบบสอบถามและส่งคืนผูว้ ิจยั จานวน 78 ราย ผูว้ ิจยั จึงวิเคราะห์ ขอ้ มลู พฤตกิ รรมสุขภาพจากกลุ่มตวั อย่างทม่ี ีจานวน 78 ราย ดงั น้ ี กลุ่มตวั อย่างมีพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมอยู่ในระดบั ปานกลางมากที่สุด คิดเป็ นรอ้ ยละ 55.8 เม่ือพิจารณารายดา้ นพบว่า พฤติกรรมสุขภาพท่ีอยู่ในระดบั ดี ไดแ้ ก่ ดา้ นสมั พนั ธภาพ ระหว่างบุคคล (รอ้ ยละ 96.2) พฤติกรรมสุขภาพท่ีอยู่ในระดบั ปานกลาง ไดแ้ ก่ ดา้ นความ รับผิดชอบต่อภาวะสุขภาพ (รอ้ ยละ 56.4) และดา้ นการพัฒนาทางจิตวิญญาณ (ร้อยละ 42.3) ส่วนพฤติกรรมสุขภาพท่ีอยู่ในระดับไม่ดี คือ ด้านโภชนาการ (ร้อยละ 70.5) ดา้ นกิจกรรมทางกาย (รอ้ ยละ 79.5) และดา้ นการจัดการกบั ความเครียด (รอ้ ยละ 75.3) ดงั แสดงในตารางที่ 3 ซ่ึงเม่ือพิจารณารายละเอียดของพฤติกรรมสุขภาพรายขอ้ มีรายละเอียด ท่ีสาคัญ ไดแ้ ก่ มีกลุ่มตัวอย่างที่สูบบุหรี่เป็ นประจา (รอ้ ยละ 3.8) และ ด่ืมแอลกอฮอล์ เป็ นบางคร้ัง (รอ้ ยละ 28.2) ไม่เคยใชถ้ ุงยางอนามัยกับคู่สมรสเม่ือมีเพศสมั พันธ์ (รอ้ ยละ 43.6) ติดตามข่าวสารเก่ียวกับสุขภาพอย่างสมา่ เสมอ (รอ้ ยละ 38.5) นอนหลับพกั ผ่อนได้ อย่างน้อยคืนละ 6 ชัว่ โมง (รอ้ ยละ 53.8) ปรึกษาเจา้ หน้าท่ีทางสุขภาพเป็ นบางคร้ังเม่ือ มีปั ญหาสุขภาพหรืออาการผิดปกติ (ร้อยละ 53.8) รับประทานอาหาร 5 หมู่เป็ นบางวัน (รอ้ ยละ 44.9) รบั ประทานอาหารไขมนั สูงเป็ นบางวนั (รอ้ ยละ 65.4) ออกกาลังกายดว้ ยการ เล่นกีฬาน้อยกว่า 3 คร้ังต่อสัปดาห์คร้ังละ 30 นาที (ร้อยละ 59) ได้ทางานออกแรงจน เหงื่ออกเป็ นบางวนั (รอ้ ยละ 69.2 ) พูดคุยกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานเป็ น ประจาทุกวนั (รอ้ ยละ 96.2) หากมีความเครียดสามารถหาวิธีจัดการความเครียดไดเ้ ป็ น บางคร้งั (รอ้ ยละ 53.2) สวดมนต์ ทาสมาธิ หรือทาบุญ เพื่อใหจ้ ิตใจสงบ สบายใจเป็ นบางวนั (รอ้ ยละ 73.1) และมคี วามสุขและความพึงพอใจในชีวิตทุกวนั (รอ้ ยละ 62.8)

วารสารวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ 45 ปีท่ี 1 ฉบบั ท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ตารางที่ 1 จานวนและรอ้ ยละของกลุ่มตวั อยา่ งจาแนกตามดชั นีมวลกาย ความยาวเสน้ รอบเอวและระดบั ความดนั โลหติ (n=98) ภาวะสขุ ภาพ จานวน (รอ้ ยละ) ดชั นีมวลกาย 5 (5.1) ผอม (≤ 18.5) ปกติ (18.5-22.9) 44 (44.9) น้าหนักเกนิ (23-24.9) 21 (21.4) อว้ นระดบั 1 (25.0-29.9) 18 (18.4) 10 (10.2) อว้ นระดบั 2 (≥ 30) ความยาวเสน้ รอบเอว ปกติ เพศชาย (‹ 90 cm) 13 (68.4) เพศหญิง (‹ 80 cm) 55 (67.9) เกินขนาด 6 (31.6) เพศชาย (≥ 90 cm) 26 (32.1) เพศหญิง (≥ 80 cm) ระดบั ความดนั โลหิต ปกติ (‹ 130/85) 83 (83.0) ค่อนขา้ งสงู (130-139/85-89) 8 (8.0) สงู ระดบั 1 (140-159/90-99) 7 (7.0) สงู ระดบั 2 (160-170/100-109) 2 (2.0) 0 สงู ระดบั 3 (≥180/110)

46 วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปีท่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ตารางที่ 2 จานวนและรอ้ ยละของกลุ่มตวั อยา่ ง จาแนกตามระดบั น้าตาลในเลือด และ ระดบั ไขมนั ในเลือด ภาวะสุขภาพ* จานวน (รอ้ ยละ) ระดบั น้าตาลในเลือด (n=78) ปกติ (<100) 62 (79.5) เร่มิ สงู (100-125) 12 (15.4) 4 (5.1) สงู กวา่ เกณฑป์ กติ (≥126) ระดบั ไขมนั ในเลือด โคเลสเตอรอล (n=82) ปกติ (<200) 33 (40.2) เริ่มสงู (200-239) 35 (42.7) 14 (17.1) ระดบั สงู (≥240) ไตรกลีเซอไรด์ (n=80) ปกติ (<150) 54 (67.5) เร่มิ สงู (150-199) 11 (13.8) 15 (18.8) ระดบั สงู (≥200) * หมายเหตุ การตรวจเลือดจะตรวจตามเกณฑข์ องกระทรวงการคลงั โดยผทู้ ่มี ีอายุน้อยกว่า 35 ปี จะไดร้ บั การตรวจเฉพาะความสมบรู ณข์ องเมด็ เลือดแดง (CBC) ส่วนผทู้ มี่ อี ายุ 35 ปี ข้ นึ ไปจะไดร้ บั การตรวจ CBC, BUN, Cr cholesterol, triglyceride, liver function test, uric acid และ FBS ตารางที่ 3 จานวนและรอ้ ยละของกลมุ่ ตวั อยา่ ง จาแนกตามพฤติกรรมสุขภาพโดยรวมและ รายดา้ น (n=78) การแปลผล พฤตกิ รรมสุขภาพ ไม่ดี ปานกลาง ดี จานวน (รอ้ ยละ) จานวน (รอ้ ยละ) จานวน (รอ้ ยละ) พฤติกรรมสุขภาพโดยรวม 27 (35.1) 43 (55.8) 7 (9.1) ดา้ นความรบั ผิดชอบตอ่ สขุ ภาพ 19 (24.4) 44 (56.4) 15 (19.2) ดา้ นโภชนาการ 55 (70.5) 23 (29.5) 0 ดา้ นกิจกรรมทางกาย 62 (79.5) 14 (17.9) 2 (2.6)

วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ 47 ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) พฤตกิ รรมสุขภาพ ไมด่ ี การแปลผล ดี ดา้ นสมั พนั ธภาพระหวา่ งบุคคล ปานกลาง ดา้ นการจดั การกบั ความเครียด จานวน (รอ้ ยละ) จานวน (รอ้ ยละ) ดา้ นการพฒั นาทางจิตวิญญาณ จานวน (รอ้ ยละ) 3 (3.8) 75 (96.2) 58 (75.3) 0 17 (21.8) 28 (35.9) 33 (42.3) 17 (21.8) 33 (42.3) การอภิปรายผล จากผลการวจิ ยั ผวู้ จิ ยั พบประเด็นที่สาคญั ซ่ึงสามารถอภิปรายไดด้ งั น้ ี ภาวะสุขภาพของกลุ่มตวั อย่าง ผลการวจิ ยั พบวา่ กลุ่มตวั อย่างเกือบครึ่งหน่ึงมีดชั นี มวลกายอยู่ในเกณฑป์ กติ เกือบคร่ึงหนึ่งมีระดบั โคเรสเตอรอลอยู่ในเกณฑ์ปกติ มากกว่า คร่ึงมีระดบั ไตรกลีเซอไรดใ์ นเลือดอยู่ในเกณฑป์ กติ และส่วนใหญ่มีระดบั ความดนั โลหิต และระดบั น้าตาลในเลือดอยูใ่ นระดบั ปกติ แสดงวา่ กลุ่มตวั อย่างประมาณครึ่งหนึ่งมีภาวะ สขุ ภาพปกติ อธิบายไดว้ ่า กลุ่มตวั อย่างปฏบิ ตั ิงานอยใู่ นสถาบนั การศึกษาพยาบาล ซ่ึงนา หลักการสถานท่ีทางานน่าอยู่น่าทางาน (Healthy workplace) มาใชเ้ พื่อเป็ นไปตาม มาตรฐานองค์กรแห่งความสุข13 ทาใหม้ ีการใหส้ ุขศึกษาแก่บุคคลากรในองค์กรอย่าง ต่อเน่ือง ท้งั เร่ืองการออกกาลังกาย และการรับประทานอาหาร และในทุกบ่ายวนั พุธจะ เป็ นชวั่ โมงของการออกกาลงั กายสาหรบั บคุ ลากรในองคก์ ร และยงั มีสมาชิกทรี่ วมกลุ่มกนั เพ่ือออกกาลังกายหลังจากเลิกงานอีก นอกจากน้ัน ภายในองคก์ รยงั มีบุคลากรสุขภาพท่ี ทางานอยู่ดว้ ยซึ่งก็อาจจะเป็ นปั จจัยที่เกี่ยวขอ้ งกับการมีภาวะสุขภาพท่ีดี ท้ังน้ ีเพราะ บุคลากรสุขภาพท่ีเป็ นอาจารย์สามารถท่ีจะใหค้ าปรึกษาแก่บุคลากรสายสนับสนุนได้ บุคลากรในวิทยาลัยฯยงั ไดร้ ับการพฒั นาความรจู้ ากการเขา้ รบั การอบรมเก่ยี วกบั การดแู ล สขุ ภาพ ท้งั ทางดา้ นการส่งเสริม ป้ องกนั รกั ษาและฟ้ ื นฟูสุขภาพ ซึ่งการมีความรู้เก่ียวกับ การดูแลสุขภาพอาจเป็ นปั จจัยท่ีมีความสัมพันธ์กับการรับรูป้ ระโยชน์ของการปฏิบัติ พฤติกรรมสุขภาพและสมั พนั ธก์ บั การมีภาวะสุขภาพที่ดี ดงั น้ันจึงอาจเป็ นสาเหตุท่ีทาให้ กลุ่มตัวอย่างมีภาวะสุขภาพท่ีเป็ นปกติ เช่นเดียวกับหลายการศึกษาท่ีพบว่า ส่วนใหญ่ บุคลากรในองค์กร ไดแ้ ก่ วิทยาลัยพยาบาลฯ คณะพยาบาลศาสตร์ หรือโรงพยาบาล มีภาวะสุขภาพท่ีเป็ นปกติ ไดแ้ ก่ มีดชั นีมวลกายและระดบั ความดันโลหิต อยู่ในเกณฑท์ ี่ ปกติ5,14 มีระดับไขมันในเลือดและระดับน้ าตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ 4 และอาจ เนื่องจากกลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่เป็ นบุคลากรทางสาธารณสุขซ่ึงมีความรูเ้ ก่ียวกบั การดูแล

48 วารสารวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปที ี่ 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) สุขภาพจึงอาจทาใหม้ ีการปฏิบตั พิ ฤติกรรมสุขภาพท่ีดีซึ่งจะทาใหเ้ กิดภาวะสุขภาพที่ดีตาม ไปดว้ ย นอกจากน้ ีปั จจยั ดา้ นอายุซ่ึงกลุ่มตวั อย่างยังมีอายุที่อยู่ในวยั ผูใ้ หญ่ซ่ึงอายุเฉลี่ย เท่ากับ 41 ปี จึงอาจมีความสมบูรณ์ของพัฒนาการทางดา้ นร่างกายและมีรายไดเ้ พียง พอท่จี ะแสวงหาสง่ิ ท่ีเอ้ อื ตอ่ การมีภาวะสขุ ภาพทีด่ ี 4-5,14 อย่างไรก็ตามในการศึกษาคร้งั น้ ีมีกลุ่มตวั อย่างรอ้ ยละ 23.4 มีโรคประจาตวั และ จากขอ้ มูลภาวะสุขภาพ พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีดัชนีมวลกายเกินเกณฑ์ (รอ้ ยละ 50) ระดบั ความดนั โลหิตเร่ิมสูง (รอ้ ยละ 8) ระดบั น้าตาลเร่ิมสงู (รอ้ ยละ 15.4) และระดับ โคเรสเตอรอลเร่ิมสูง (รอ้ ยละ 42.7) และไตรกลีเซอไรดเ์ ร่ิมสงู (รอ้ ยละ 13.8) ซึ่งจะเป็ น ปัจจยั เสยี่ งต่อการเกิดโรคเร้ ือรังและโรคอว้ นลงพุง15 ท้งั น้ ีอาจเนื่องจากกลุ่มตวั อย่างมีอายุ ระหวา่ ง 46-50 ปี ซ่ึงอายุท่ีมากข้ นึ ทาใหม้ โี อกาสเสีย่ งต่อการเกดิ โรคหวั ใจและหลอดเลือด โดยเฉพาะกลุ่มตวั อย่างส่วนใหญ่ท่ีเป็ นเพศหญิงซึ่งอยู่ในช่วงวยั หมดประจาเดือน จึงอาจ ทาให้มีการเปล่ียนแปลงของระดับไขมันและมีผลต่อหลอดเลือดจากระดับฮอร์โมน เอสโตรเจนที่ลดลง16-18 รวมท้งั กลุ่มตวั อย่างมีพฤติกรรมการออกกาลังกายไม่สมา่ เสมอ รับประทานอาหารไขมันสูงเป็ นบางคร้ัง และจัดการกับความเครียดได้บางคร้ัง ซึ่งพฤตกิ รรมดงั กล่าวเป็ นปัจจยั เสยี่ งตอ่ การเกิดโรคเร้ ือรงั เชน่ โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู เป็ นตน้ 19 พฤติกรรมสขุ ภาพโดยรวมของกลุ่มตวั อยา่ ง พบว่าอยู่ในระดบั ปานกลาง อธบิ ายไดว้ ่า กลุ่มตวั อยา่ งมกี ารปฏบิ ตั พิ ฤติกรรมสขุ ภาพท่ีดีบา้ งเป็ นบางคร้งั แตใ่ นบางคร้งั ก็อาจจะขาดความเคร่งครัดในการปฏิบัติ ท้งั น้ ีอาจเนื่องจากลักษณะการทางานที่ตอ้ ง พฒั นาใหไ้ ดต้ ามมาตรฐานต่างๆ เช่น การประกนั คุณภาพการศึกษา มาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาและการบริหารจดั การที่ดี เป็ นตน้ เพื่อใหว้ ิทยาลยั ไดร้ บั การยอมรับท้งั ในประเทศและต่างประเทศ10 ทาใหบ้ ุคคลากรต้องใช้เวลาในการปฏิบัติงานอย่างมี ประสิทธิภาพ บางคร้ังต้องทางานนอกเวลาราชการ รวมท้ังมีบทบาทหน้าที่ในการ ปฏิบัติงานที่มากกว่าภารกิจการสอน เช่น บริการวิชาการ วิจัย และทานุ บารุง ศิลปวัฒนธรรม เป็ นตน้ จึงอาจก่อใหเ้ กิดความเครียดในขณะปฏิบัติงานได้ เพราะตอ้ ง ปฏบิ ตั งิ านใหไ้ ดต้ ามมาตรฐานและตามกาหนดเวลา นอกจากน้ันบุคลากรส่วนใหญ่ยงั ไม่มี โรคประจาตวั ซึ่งอาจเป็ นสาเหตสุ ว่ นหน่ึงท่ที าใหก้ ลุ่มตวั อย่างละเลยในการดแู ลสขุ ภาพเพื่อ ป้ องกนั การเจบ็ ป่ วย ประกอบกบั กลุ่มตวั อย่างคร้งั น้ ีมที ้งั บุคลากรสายวชิ าการ คอื อาจารย์ พยาบาล และบุคคลากรสายสนับสนุน ซึ่งพ้ นื ฐานความรใู้ นการดูแลสขุ ภาพอาจจะแตกต่าง กนั โดยผูท้ ่ีมีระดบั การศึกษาท่ีสูงกวา่ ก็จะสามารถแสวงหาขอ้ มูลความรู้เก่ียวกบั การดูแล สุขภาพและปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพไดด้ ีกว่าผูท้ ี่มีระดับการศึกษาตา่ กว่า ทาใหก้ ลุ่ม ตวั อย่างบางส่วนปฏิบตั ิพฤติกรรมสุขภาพตามความรู้ และความเชื่อของตน20 ซ่ึงก็อาจจะ

วารสารวทิ ยาศาสตร์สุขภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ 49 ปีท่ี 1 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ปฏิบัติพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพบางคร้ัง เช่นเดียวกับหลายการศึกษาท่ีพบว่า กลุ่มตวั อยา่ งซ่ึงเป็ นบุคลากรที่ทางานอย่ใู นสถาบนั การศกึ ษาพยาบาล มพี ฤติกรรมสขุ ภาพ โดยรวมอย่ใู นระดบั ปานกลาง เพราะลักษณะของกลุ่มตวั อยา่ งมที ง้ั อาจารย์ และบคุ คลากร สายสนับสนุน ซึ่งมีระดบั การศึกษาท่ีแตกต่างกัน และส่วนใหญ่ยงั ไม่มีโรคประจาตวั และ รับรูว้ ่าตนเองสุขภาพดี จึงไม่ไดใ้ หค้ วามสาคญั กับการปฏิบตั ิพฤติกรรมสุขภาพ รวมถึง ลักษณะงานที่มีความหลากหลายภารกิจ ตอ้ งทางานต่อเน่ือง และเกิดความเหนื่อยล้า จากการทางาน ทาใหไ้ ม่มีเวลาดูแลสุขภาพหรือปฏิบัติพฤติกรรมสรา้ งเสริมสุขภาพ ไม่เคร่งครดั 5-7 พฤติกรรมสขุ ภาพรายดา้ นของกลุ่มตวั อยา่ ง พบวา่ กลุ่มตวั อยา่ งมีพฤติกรรมสขุ ภาพ อยู่ในระดับที่ไม่ดี 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นกิจกรรมทางกาย ดา้ นโภชนาการ และดา้ นการ จดั การความเครียด อธบิ ายไดว้ ่า กลุ่มตวั อย่างไม่ไดอ้ อกกาลงั กายสมา่ เสมอหรือออกกาลัง กายเป็ นบางคร้ัง กลุ่มตัวอย่างรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่และรับประทานอาหาร ไขมนั สงู บางคร้ัง และเม่ือมีความเครียดจะมีวิธีคลายเครียดบางคร้งั ท้งั น้ ีอาจเป็ นเพราะ สถานการณ์และลักษณะการทางานดงั ที่กล่าวมาแลว้ ขา้ งตน้ ทาใหบ้ ุคลากรมีการปฏิบัติ พฤติกรรมเหล่าน้ ีไม่สมา่ เสมอหรือไม่ไดป้ ฏิบัติเลย หรืออาจเป็ นเพราะการไม่มีเวลา ความเหนื่อยลา้ จากการทางานประจาวนั หรือร่างกายไม่พรอ้ ม21 ลกั ษณะการทางานส่วน ใหญ่เป็ นการนั่ง ยืน หรือการใชเ้ คร่ืองอานวยความสะดวกทาใหไ้ ม่ไดอ้ อกกาลังกาย3 รวมท้งั ความเขา้ ใจว่าการทางานเป็ นการออกกาลังกาย22 สาเหตุเหล่าน้ ีเป็ นอุปสรรคต่อ การออกกาลังกาย1 การบริโภคอาหารตามกลุ่มเพื่อนร่วมงานโดยเฉพาะในช่วงเวลา กลางวนั และมกั จะเป็ นอาหารประเภทอาหารตามสงั่ หรือขา้ วราดแกงเพราะสะดวกและ รวดเร็ว23 ซึ่งอาหารเหล่าน้ ีมกั จะเป็ นอาหารประเภทผัดและทอดท่ีมีไขมนั สูง24 และใน ม้ อื เยน็ มกั จะซ้ ืออาหารสาเร็จหรือออกไปรบั ประทานอาหารเยน็ นอกบา้ นเพ่ือความสะดวก2 อีกดา้ นหนึ่งกลุ่มตวั อย่างสว่ นใหญม่ ีอายุอยรู่ ะหว่าง 46-50 ปี ซึ่งเป็ นช่วงวยั กลางคนท่อี าจ มีบทบาทหน้าท่ีรับผิดชอบที่มากข้ ึนตามอายุงานที่เพิ่มข้ ึนจึงอาจทาใหม้ ีเวลาใหก้ ับ ครอบครัวไม่เพียงพอจึงอาจเกิดความขัดแยง้ จากงานสู่ครอบครัวและความขดั แยง้ จาก ครอบครัวสู่งานได้25 ดังน้ันสาเหตุหรือปั จจัยต่างๆเหล่าน้ ี จึงอาจเป็ นแหล่งที่มาของ ความเครียด และบางคร้งั ไม่สามารถท่ีจะจดั การกบั ความเครียดไดอ้ ย่างมีประสิทธภิ าพ กลุ่มตวั อย่างมีพฤติกรรมสุขภาพอยู่ในระดับปานกลาง 2 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความ รบั ผิดชอบต่อสุขภาพและดา้ นการพฒั นาทางจิตวิญญาณ อธิบายไดว้ ่า กลุ่มตวั อย่างมีการ ปฏิบัติพฤติกรรมสุขภาพท่ีดีบา้ งเป็ นบางคร้ัง แต่ในบางคร้ังก็อาจจะขาดความเคร่งครัด ในการปฏิบัติ ดังเช่นดา้ นความรับผิดชอบต่อสุขภาพ ส่วนใหญ่จะไม่ด่ืมแอลกอฮอล์หรือ

50 วารสารวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ปที ี่ 1 ฉบบั ที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560) สบู บุหร่ี มีเพศสัมพันธโ์ ดยใชถ้ ุงยางอนามยั ส่วนกลุ่มตวั อย่างที่ไม่ไดใ้ ชถ้ ุงยางอนามยั เมื่อมี เพศสัมพันธ์เป็ นกลุ่มท่ีมีคู่สมรส พักผ่อนอย่างเพียงพอ หากมีปัญหาสุขภาพก็จะปรึกษากบั บุคลากรทางสุขภาพบางคร้ัง และมีการติดตามข่าวสารทางสุขภาพบา้ งบางคร้ัง ท้ังน้ ีอาจ เน่ืองจาก บุคลากรอยู่ในองคก์ รท่ีเป็ นสถาบนั การศึกษาพยาบาล และมีการนาหลกั การสถานที่ ทางานน่าอยู่มาใช้ ดังน้ันบุคลากรจึงไดร้ ับความรู้เก่ียวกับการดูแลสุขภาพและไดร้ ับการ ฝึกอบรมในโครงการสรา้ งเสริมสุขภาพ26 แต่การท่ีบุคลากรส่วนใหญ่ไม่มีโรคประจาตวั มีภาระ งานมาก อาจทาใหข้ าดแรงจงู ใจและความตระหนักในการดูแลสุขภาพได้ ส่วนดา้ นการพฒั นา ทางจิตวิญญาณ พบว่า กลุ่มตวั อย่างมีการสวดมนต์ ทาบุญ ทาสมาธิเพื่อใหจ้ ิตใจสงบสบาย เป็ นบางคร้งั มากว่าหนึ่งในสีม่ ีความสุขและพอใจในชีวิตบางคร้งั อาจเป็ นเพราะกลุ่มตวั อย่าง อาจจะใชว้ ิธีการอื่นเพ่ือพัฒนาจิตวิญญาณ27 หรืออาจมีส่ิงยึดเหน่ียวอื่นๆ ท่ีนอกเหนือจาก วิธีการที่ถามในแบบสอบถาม เช่น การมีท่ีต้งั ของส่ิงศักด์ิสิทธ์ิท่ีเป็ นท่ีเคารพและสกั การะของ บุคลากร หรือบุคคลสาคญั อนั เป็ นท่ีรกั และการใชห้ ลกั ธรรมทางศาสนา เป็ นศูนยร์ วมจิตใจ และท่ยี ดึ เหน่ียวจิตใจของบุคลากรในวิทยาลยั ฯ ส่วนพฤติกรรมสุขภาพดา้ นสัมพนั ธภาพระหว่างบุคคลอยู่ในระดับดี อธิบายไดว้ ่า กลุ่มตัวอย่างมีสัมพนั ธภาพที่ดีกับผูอ้ ่ืน มีการพูดคุยกบั สมาชิกในครอบครัวและเพื่อน ร่วมงานสมา่ เสมอ อธิบายไดว้ ่า กลุ่มตวั อย่างอยู่ในวยั ผูใ้ หญ่ ซ่ึงเป็ นวัยที่มีวุฒิภาวะทาง อารมณ์ และมีทักษะในการสรา้ งสัมพันธภาพกับผู้อื่น นอกจากน้ัน ลักษณะงานของ บุคลากรในวิทยาลัยฯ ทาใหต้ อ้ งมีการติดต่อประสานงานกนั อย่างต่อเนื่องสมา่ เสมอ ซึ่งก็ ตอ้ งสรา้ งสมั พนั ธภาพที่ดีต่อกนั เพ่ือใหก้ ารดาเนินงานต่างๆบรรลุผลสาเร็จไปไดด้ ว้ ยดี สอดคลอ้ งกับหลายการศึกษาที่พบว่า กลุ่มตัวอย่างมีพฤติกรรมสุขภาพดา้ นการสรา้ ง สมั พนั ธภาพอยู่ในระดบั มาก6-7 ทง้ั น้ ีเน่ืองจาก กลุ่มตวั อยา่ งสว่ นใหญ่เป็ นอาจารยพ์ ยาบาล ท่ีไดร้ ับการพัฒนาสมรรถนะทักษะดา้ นการสื่อสารและการสรา้ งสัมพันธภาพต้งั แต่เป็ น นักศึกษาพยาบาล เพื่อใชใ้ นการส่ือสารและสรา้ งสมั พนั ธภาพกบั บุคคลที่เกี่ยวขอ้ ง ไดแ้ ก่ นักศึกษา เพื่อนร่วมงานและพยาบาลวิชาชีพบนหอผูป้ ่ วย ทาใหก้ ลุ่มตัวอย่างมีวิธีการ ส่อื สารทด่ี แี ละสมั พนั ธภาพที่ราบร่ืนกบั บุคคลอน่ื ขอ้ เสนอแนะ ขอ้ เสนอแนะในการนาผลการวจิ ยั ไปใช้ 1. ผูบ้ ริหารหรือผูเ้ กี่ยวขอ้ งควรมีนโยบายสนับสนุนใหม้ ีการจดั โปรแกรมเพ่ือสรา้ ง เสริมสุขภาพดา้ นโภชนาการ เช่น อาหารว่างเพ่ือสุขภาพ สมุนไพรตา้ นโรค และอาหาร ชีวจิต เป็ นตน้ ดา้ นการออกกาลังกาย เช่น การเดินข้ ึน-ลงบนั ได การออกกาลังกาย

วารสารวิทยาศาสตร์สุขภาพ วทิ ยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ 51 ปที ่ี 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) ระหวา่ งทางาน และดา้ นการจดั การกบั ความเครียด เชน่ สมาธิบาบดั ดนตรีบาบดั และหรือ มุมสบายคลายเครียด เป็ นตน้ 2. ผูบ้ ริหารหรือผูเ้ กี่ยวขอ้ งควรสนับสนุนสถานท่ี ที่เอ้ ือต่อการสรา้ งเสริมสุขภาพ เพือ่ ใหบ้ คุ ลากรในวิทยาลยั มีพฤติกรรมสุขภาพทางดา้ นโภชนาการ ดา้ นการออกกาลงั กาย และดา้ นการจัดการความเครียด อยู่ในระดับที่ดีเพิ่มข้ ึน เช่น โรงอาหารสุขภาพดี หอ้ ง ฟิ ตเนสสาหรบั ออกกาลงั กาย และหอ้ งคลายเครียด (Edutainment room) 3. ผบู้ ริหารหรือผูม้ ีสว่ นเกยี่ วขอ้ งควรจดั โปรแกรมใหค้ วามรเู้ ก่ียวกบั การดูแลสุขภาพ โดยควรมีการประเมินความฉลาดทางสุขภาพกอ่ นจะใหค้ วามรูท้ างสขุ ภาพที่เหมาะสมกบั ระดบั ความฉลาดทางสุขภาพของบุคลากรในวิทยาลยั ฯ เพ่ือใหเ้ กิดการนาความรูไ้ ปใชไ้ ด้ อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม ซ่ึงจะสง่ ผลใหเ้ กิดผลลพั ธท์ างสุขภาพทด่ี ีตามมา ขอ้ เสนอแนะในการทาวิจยั คร้งั ตอ่ ไป 1. ศึกษาปัจจยั ท่ีมีความสมั พนั ธแ์ ละมีอทิ ธิพลต่อพฤติกรรมสขุ ภาพของบุคลากรใน สถาบนั การศกึ ษาพยาบาล 2. พฒั นาโปรแกรมการสรา้ งเสริมสุขภาพแกบ่ คุ ลากรสาธารณสขุ เอกสารอา้ งอิง 1. Pender, N. J., Murdaugh, C. L., & Parsons, M. A. (2006). Health promotion in Nursing Practice (5th ed.). New jersey: Pearson Education, Inc. 2. วิชยั เอกพลากร. (บรรณาธกิ าร). การสารวจสุขภาพประชาชนไทยโดยการตรวจ ร่างกายคร้งั ท่ี 4 พ.ศ. 2551-2. นนทบุรี: บริษัท เดอะกราฟิ โกซิสเตม็ ส์ จากดั . 2552. 3. ทิพวรรณ ล้ มิ ประไพพงษ์ และคณะ. ภาวะเส่ียงตอ่ การเกิดโรคเร้ ือรงั และพฤติกรรม สุขภาพของบคุ ลากร. วารสารวิทยาลยั พยาบาลพระปกเกลา้ จนั ทบุรี. 2555;23(1):27-37. 4. สมอาจ วงศส์ วสั ด์.ิ ภาวะสุขภาพและพฤติกรรมสรา้ งเสริมสุขภาพของบคุ ลากร โรงพยาบาลจอมทอง จงั หวดั เชยี งใหม่. วารสารสาธารณสุขลา้ นนา. 2550;3(2): 170-80. 5. Prateepchaikul, L., P. Chailungka, and P. Jittanoon. State of health and health- promoting behaviors among staff: a case study of the Faculty of Nursing. Songklanagarind Medical Journal. 2008;26(2):151-62.

52 วารสารวิทยาศาสตรส์ ุขภาพ วทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสิทธิประสงค์ ปีท่ี 1 ฉบับท่ี 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) 6. อนัญญา คูอาริยะกุล, ศศธิ ร ชิดนายี, วราภรณ์ ยศทวี, เสาวลกั ษณ์ เนตรชงั , และนิศา รตั น์ นาคทงั่ . พฤตกิ รรมการสรา้ งเสริมสุขภาพของบุคลากร วิทยาลยั พยาบาลบรมราช ชนนีอุตรดิตถ.์ วารสารวิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี อุตรดิตถ์. 2557:6(1):48-9. 7. อุบลทิพย์ ไชยแสง และนิวตั ิ ไชยแสง. ภาวะสขุ ภาพจติ และพฤตกิ รรมสรา้ งเสริมสุขภาพ ของบุคลากร วทิ ยาลยั การสาธารณสุขสิรินธร จงั หวดั ยะลา. การพยาบาลและ การศึกษา. 2555;5(3):135-44. 8. อรสา พนั ธภ์ กั ดี, อภญิ ญา ศิริพิทยาคุณกิจ, สุภาพ อารีเอ้ อื , พรทพิ ย์ มาลาธรรม, นพวรรณ เปียซื่อ, มณี อาภานันทิกุล และคณะ. ผลการสารวจปัจจยั เส่ียงตอ่ โรคเร้ ือรงั ของบคุ ลากร คณะแพทยศาสตรโ์ รงพยาบาลรามาธบิ ดี. เอกสารประกอบการติดตาม การดาเนินงานของโครงการสารวจภาวะสุขภาพของบุคลากรโรงพยาบาลรามาธิบดี. 2552. 9. ลตติ า พลู ทอง. ผลกระทบของพฤติกรรมการดาเนินชีวิตตอ่ ประสทิ ธภิ าพการทางาน ของกลุ่มวยั ทางานในพ้ นื ท่กี รุงเทพมหานคร (สารนิพนธบ์ ริหารธุรกิจมหาบณั ฑิต). กรุงเทพฯ; มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยรี าชมงคล. 2555. 10. สถาบนั พระบรมราชชนก. วสิ ยั ทศั น์ อานาจหนา้ ที่ และ พนั ธกิจ [อินเตอรเ์ นต] 2558. [เขา้ ถึงเมื่อ 1 ก.ย. 2558]. จากhttp://www.pi.ac.th/group/100/วสิ ยั ทศั น์- อานาจหน้าท่ี-และ-พนั ธกจิ . 11. แสงเดือน กง่ิ แกว้ , วนั ทนา มณีศรีวงศก์ ูล และพนู สขุ เจนพานิชย์ วสิ ุทธิพนั ธ.์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างปัจจยั คดั สรร พฤตกิ รรมสขุ ภาพกบั ความต่อเน่ืองสมา่ เสมอใน การรบั ประทานยาตา้ นไวรสั ของผตู้ ิดเช้ อื เอชไอว.ี วารสารพยาบาลสาธารณสุข. 2556;29(2):1-14. 12. บญุ ใจ ศรีสถิตยน์ รากูร. ระเบียบวิธีการวจิ ยั ทางพยาบาลศาสตร.์ พิมพค์ ร้งั ที่ 5. กรุงเทพฯ: ยแู อนดไ์ อ อินเตอร์ มเี ดีย จากดั , 2553. 13. ดวงเนตร ธรรมกุล. การสรา้ งสุขภาวะในองคก์ ร (Developing Healthy Organization). วารสารวิจยั ทางวทิ ยาศาสตรส์ ขุ ภาพ. 2555;6(1):1-10. 14. วรรณวมิ ล เมฆวมิ ล. ภาวะสขุ ภาพและพฤตกิ รรมการสรา้ งเสริมสขุ ภาพของบุคลากร ในมหาวทิ ยาลยั ราชภฏั สวนสุนันทา. 2554. 15. อนวชั วิเศษบริสุทธ์.ิ ภาวะ Metabolic Syndrome ในบุคลากร โรงพยาบาลมหาราช นครเชยี งใหม่. วารสารสาธารณสุขลา้ นนา. 2556;9(2):65-75. 16. เพญ็ จิตต์ มานพศิลป์ . คุณลกั ษณะสตรีผมู้ ารบั บริการท่ีคลินิกวยั หมดระดโู รงพยาบาล สงขลานครินทร.์ สงขลานครินทรเ์ วชสาร. 2547;22(2):409-13.

วารสารวิทยาศาสตรส์ ขุ ภาพ วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ 53 ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม 2560) 17. สกุ รี สุนทราภา. สตรีวยั ทอง. ศรีนครินทรเวชสาร. 2557;29(4):50-55. 18. สิรยา กิตโิ ยดม. ภาวะวยั หมดระดู (Menopause). เวชสารโรงพยาบาลมหาราช นครราชสมี า. 2555;36(1):61-5. 19. ลออศรี จารุวฒั น์. ปัจจยั เสยี่ งและปัจจยั ท่สี มั พนั ธก์ บั พฤติกรรมเสี่ยงตอ่ โรคความดนั โลหิตสงู และโรคเบาหวานของประชาชน จงั หวดั กาแพงเพชร. วารสารควบคุมโรค. 2552;35(2):79-88. 20. สภุ าวดี พงสุภา. ลกั ษณะทางจติ สงั คมและลกั ษณะทางพุทธท่เี ก่ยี วขอ้ งกบั พฤตกิ รรม การสรา้ งเสริมสขุ ภาพของพยาบาลศนู ยก์ ารแพทยโ์ รงพยาบาลกรุงเทพ. (วิทยานิพนธ์ วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ ) กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. 2552. 21. จิตอารี ศรีอาคะ. การรบั รูอ้ ุปสรรคตอ่ การออกกาลงั กายและพฤติกรรมการออกกาลงั กายของพยาบาลโรงพยาบาลน่าน. (วิทยานิพนธพ์ ยาบาลศาสตรมหาบณั ฑติ ). เชยี งใหม่: มหาวิทยาลยั เชียงใหม.่ 2543. 22. ประภารตั น์ ณ พทั ลุง และเกษราวลั ณ์ นิลวรางกรู . พฤติกรรมเสี่ยงทางสุขภาพจาก การทางาน ของคนทางานวยั กลางคน. วารสารการพยาบาลและการดแู ลสขุ ภาพ. 2552;27(4):12-21. 23. ธนวฒั น์ ศาศวตั วงศ.์ พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารกลางวนั ของประชากรวยั ทางานใน อาเภอเมืองเชยี งใหม่. (สารนิพนธบ์ ริหารธุรกิจมหาบณั ฑติ )เชยี งใหม่: มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ 2552. 24. สุรียพ์ ร โสกนั เกตุ. พฤติกรรมการบริโภคอาหารไขมนั ของประชาชนในเขตเทศบาล เมือง จงั หวดั เชียงราย. (สารนิพนธบ์ ริหารธุรกิจมหาบณั ฑิต) เชียงใหม:่ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม.่ 2544. 25. นัฏชุกา คาวนิ ิจ. ความสมั พนั ธร์ ะหว่างความเครียดในงาน ความขดั แยง้ ระหว่างงาน กบั ครอบครวั และกลยุทธก์ ารจดั การความเครียดกบั พฤตกิ รรมเป็ นสมาชิกทด่ี ี ของ องคก์ ารของครโู รงเรียนมงฟอรต์ วิทยาลยั . (สารนิพนธว์ ทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑิต). เชียงใหม:่ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่. 2551. 26. ธวชั วิเชียรประภา, พรนภา หอมสนิ ธุ์ และรุ่งรตั น์ ศรีสุริยเวศน์. ปัจจยั ทม่ี ผี ลต่อ พฤติกรรมสขุ ภาพของอาสาสมคั รสาธารณสขุ ประจาหมู่บา้ น จงั หวดั จนั ทบรุ ี. วารสาร สาธารณสุขมหาวิทยาลยั บรู พา. 2555:7 (2):53-68. 27. วลั ภา คุณทรงเกยี รติ. จิตวิญญาณในมุมมองของตะวนั ออกและตะวนั ตก. วารสารคณะ พยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั บรู พา. 2551:16(1):1-8.

54 วารสารวทิ ยาศาสตร์สขุ ภาพ วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สรรพสทิ ธิประสงค์ ปีที่ 1 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สงิ หาคม 2560)