มิลลิลิตร, p = .039) และทารกทีไ่ มต่ ้องรกั ษาด้วยการผา่ ตัดได้รบั น้�ำนมแม่ ตอ่ วนั ในชว่ งสัปดาห์ท่ี 2 หลังเกิด มากกวา่ ทารกทตี่ ้องไดร้ บั การรกั ษาดว้ ย การผา่ ตดั (36.9 มลิ ลลิ ติ ร/กโิ ลกรมั /วนั เทยี บกบั 13.9 มลิ ลลิ ติ ร/กโิ ลกรมั /วนั , p = .016) นอกจากนั้น การได้รับน้�ำนมแม่สามารถท�ำนายการได้รับการ รกั ษาดว้ ยการผา่ ตัดได้ (odds ratio = 0.94) ผวู้ จิ ัยได้สรปุ ว่า การใหน้ ้�ำนม แม่มากข้นึ จะมผี ลต่อความรุนแรงของ ROP ทจ่ี ะต้องได้รับการรักษาดว้ ย การผ่าตัด 6. การศกึ ษาของ Maayan-Metzger และคณะในปี ค.ศ. 2012 ได้ ศึกษาผลระยะสั้นของการได้รับน�้ำนมแม่ต่อทารกเกิดก่อนก�ำหนดอายุครรภ์ คลอดนอ้ ยกวา่ หรอื เทา่ กบั 32 สปั ดาห์ เกบ็ ขอ้ มลู แบบ Retrospective study จากเวชระเบยี นของโรงพยาบาลจากทารกจ�ำนวน 400 คน แบ่งเป็นทารกที่ ได้รับน�้ำนมแม่อย่างเดียวหรือได้รับน้�ำนมแม่เป็นหลักจ�ำนวน 188 คน ทารกที่ได้รับนมผสมอยา่ งเดียวและไดร้ ับนมผสมเป็นหลกั จ�ำนวน 172 คน และทารกทไี่ ด้รับนำ�้ นมแม่และนมผสมเทา่ ๆ กนั จ�ำนวน 40 คน ผลลพั ธท์ ่ีวัด คอื อตั ราการเกดิ ความผิดปกติ เช่น RDS, BPD, atelectasis, NEC, IVH, และ ROP เปน็ ต้น เมื่อเปรียบเทยี บผลของการไดร้ บั นำ�้ นมแม่ ระหวา่ งทารก นมแม่ แนท่ ่สี ดุ 51
กลุ่มที่ได้รับน�้ำนมแม่อย่าง เดียวหรือได้รับน้�ำนมแม่เป็น หลักกับทารกกลุ่มท่ีได้รับนม ผสมอย่างเดียว และได้รับนม ผสมเปน็ หลัก พบว่า ทารกท่ี ได้รับน้�ำนมแม่อย่างเดียวหรือ ไ ด ้ รั บ น�้ ำ น ม แ ม ่ เ ป ็ น ห ลั ก มี อตั ราการเกิด NEC นอ้ ยกวา่ ทารกทีไ่ ดร้ บั นมผสมอย่างเดียวและไดร้ ับนมผสมเป็นหลัก (p = .044) และ ไม่พบผลของการไดร้ ับน้�ำนมแม่ ตอ่ ภาวะความผิดปกติอืน่ ๆ อยา่ งไรก็ตาม เมอ่ื ผ้วู จิ ัยได้ทำ� การศึกษา เปรยี บเทยี บในกลุ่มทารกแรกเกดิ กอ่ นก�ำหนด อายุครรภ์ 24 - 28 สปั ดาห์ กลบั พบวา่ การได้รับนมผสมจะท�ำใหเ้ กดิ ROP grade 3 มากกว่าการไดร้ ับน้�ำนมแม่สงู ถึง 7.34 เท่า (95% CI = 1.32 - 40.9, p = .022) ผู้วจิ ัยจงึ สรปุ ว่า การได้รบั น�้ำนมแมส่ ง่ ผลตอ่ การเกิด NEC และ ROP ในทารกเกิดกอ่ นก�ำหนด จึงควรสนบั สนุนให้มารดาเลี้ยงลกู ด้วย นมแม่ อภปิ ราย ผลจากการวิจยั ท้งั 6 เรอ่ื งในการทบทวนวรรณกรรมครง้ั น้ี สว่ นใหญ่ สนับสนุนวา่ การไดร้ บั นำ้� นมแมส่ ามารถชว่ ยลดอัตราการเกิดภาวะ ROP และชว่ ยลดความรนุ แรงของการเกิด ROP ได้ (Hylander, Strobino, Pez- zullo, & Dhanireddy, 2001; Maayan-Metzger, Avivi, Schushan-Eisen, & Kuint, 2012; Okamoto, et al., 2007; Porcelli & Weaver Jr., 2010) โดยเฉพาะในกลุ่มทารกแรกเกดิ นำ้� หนกั ตัวนอ้ ยมากท่ีสดุ (extremely low birth weight infants) (Okamoto, et al., 2007; Porcelli & Weaver Jr., 52 นมแม่ แน่ที่สุด
2010) และทารกเกดิ กอ่ นก�ำหนดมากที่สดุ ซ่งึ มีอายคุ รรภ์ 24-28 สัปดาห์ (Maayan-Metzger, et al., 2012) นอกจากนั้น การไดร้ ับน�้ำนมแมใ่ น สดั ส่วนทีม่ ากขึ้นยังมีแนวโนม้ ทจ่ี ะท�ำใหร้ ะดับความรุนแรงของ ROP ลดลง อกี ด้วยแม้จะยังไม่มนี ัยส�ำคญั ทางสถิติก็ตาม (Hylander et al., 2001) แตใ่ น ทางคลนิ กิ แลว้ ทารกเกิดก่อนก�ำหนดที่เกิดภาวะ ROP ไม่วา่ จะรุนแรงหรอื ไม่ก็ตามจะส่งผลให้เกิดปัญหาเก่ียวกบั การมองเหน็ ตามมาในอนาคต ดงั นั้น จงึ ควรสนับสนนุ ให้ทารกไดร้ ับน้�ำนมแม่ให้มากที่สุดเท่าทจี่ ะเป็นไปได้ แม้จะมีงานวจิ ัยท่รี ายงานวา่ การไดร้ ับนำ้� นมแมไ่ มม่ ีผลตอ่ การเกดิ ROP ในทารก เกดิ กอ่ นกำ� หนด (Furman, Taylor, Minich, & Hack, 2003; Hell- er et. Al., 2007) แต่เม่ือพิจารณาถงึ ปริมาณ และสดั ส่วนของน�้ำนมแมท่ ี่ ทารกกลมุ่ ตวั อยา่ งไดร้ บั จะพบวา่ ทารกกลมุ่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั ทง้ั 2 เรอ่ื งน้ี ได้ รบั น�้ำนมแมใ่ นสัดส่วนท่นี ้อยมาก โดยงานวจิ ยั ของ Furman และคณะพบ ว่า ทารกได้รับน้�ำนมแม่อยู่ระหว่างร้อยละ 13-16 ของปริมาณอาหาร ทั้งหมดท่ีได้รับเท่าน้ัน (รวมอาหารท่ีให้ทางหลอดเลือดด�ำด้วย) และหาก ค�ำนวณจากปริมาณน้�ำนมที่ได้รับทางปากหรือทางสายให้อาหารก็พบว่า ไดร้ บั น้�ำนมแม่ไม่ถึงรอ้ ยละ 50 ของปริมาณน�้ำนมท้ังหมดทีไ่ ด้รบั เชน่ เดยี ว กบั ในการศกึ ษาของ Heller และคณะ ทพ่ี บวา่ ทารกกลุ่มตวั อยา่ งได้รับ น้ำ� นมแม่ ในสัดส่วนทน่ี ้อยมากเพียงร้อยละ 3 - 66 (median รอ้ ยละ 18) ซึง่ เม่อื เทยี บกบั การศกึ ษาของ Hylander และคณะ (2001) หรือ การศกึ ษา ของ Okamoto คณะ (2007) ท่ีพบประโยชน์ของการไดร้ ับน�้ำนมแมใ่ นการ ลดการเกดิ ROP ในกลุ่มตัวอยา่ ง จะเหน็ ไดว้ า่ กลุม่ ตวั อยา่ งในงานวจิ ยั ทั้ง 2 งานนหี้ ลายคนไดร้ บั นำ้� นมแมใ่ นสดั สว่ นทสี่ งู กวา่ (รอ้ ยละ 60 ขนึ้ ไป) ดงั นนั้ ข้อสรุปของ Furman และคณะ และ Heller และคณะทร่ี ายงานวา่ การไดร้ บั น้ำ� นมแม่ไม่มผี ลตอ่ การเกดิ ROP ในทารกเกิดกอ่ นก�ำหนดอาจยงั ต้องมี การศกึ ษาวจิ ัยเพือ่ พิสูจน์ ขอ้ สรปุ น้ีตอ่ ไป นมแม่ แน่ที่สดุ 53
การได้รับน้�ำนมแม่มีส่วนช่วยให้ทารกเกิดก่อนก�ำหนด หรือ ทารกแรกเกดิ นำ�้ หนกั ตวั นอ้ ยมากถงึ นอ้ ยมากทส่ี ดุ ลดโอกาส เกดิ ภาวะ ROP และความรนุ แรงของภาวะ ROP ได้ จึงควรสนับสนนุ ใหท้ ารก ไดร้ บั น�้ำนมแม่ใหม้ ากทีส่ ุดเท่าท่ีจะเป็นไปได้ 54 นมแม่ แน่ทีส่ ดุ
เอกสารอ้างองิ 1. Furman, L., Taylor, G., Minich, N., & Hack, M. (2003). The effect of maternal milk on neonatal morbidity of very low- birth- weight infants. Arch Pediatric and Adolescent Medicine, 157, 66-71. Heller, C. D., O’Shea, M., Yao, Q., Langer, J., Ehrenkranz, R. A., Phelps, D. L., et al. (2007). 2. Human milk intake and retinopathy of prematurity in extremely low birth weight infants. 3. Pediatrics, 120, 1. DOI: 10.1542/peds.2006-1465 Hylander, M. A., Strobino, D. M., Pezzullo, J. C., & Dhanireddy, R. (2001). Association of human milk feedings with a reduction in retinop athy of prematurity among very low birth weight Infants. Journal of Perinatology, 21, 356-362. 4. Okamoto, T., Shirai, M., Kokubo, M., Takahashi, S., Kajino, M., Takase, M., et al. (2007). Human milk reduces the risk of retinal detachment in extremely low-birthweight infants. Pediatrics In ternational, 49, 894-897. 5. Porcelli, P. J., Weaver Jr., R. G. (2010). The influence of early postnatal nutrition on retinopathy of prematurity in extremely low birth weight infants. Early Human Development, 86, 391- 396. Schanler, R. J. (2011). Outcomes of human milk-fed prema ture infants. Seminars in Perinatology, 35, 29-33. นมแม่ แนท่ ส่ี ุด 55
นมแม.่ .. พัฒนาสมองเดก็ ผลวิจัยหลายสถาบัน ช้ี “นมแม่” เพิม่ คา่ ไอคิวสูงกวา่ 2 - 10 จุด องค์การอนามัยโลก และองค์การยนู เิ ซฟ “กดไลค์” ใหน้ มแมเ่ ปน็ สุดยอดอาหารส�ำหรับทารก ในชว่ ง 6 เดอื นแรกของชีวิต 56 นมแม่ แนท่ ส่ี ุด
เรื่องที่ 6 DHA ในนมแม่ พัฒนาสมองเด็ก โดย: แพทยห์ ญงิ สนุ ทรี รัตนชูเอก แผนกกุมารเวช สถาบนั สุขภาพเด็กแห่งชาตมิ หาราชินี นมแม่กับการพัฒนาสมองและสติปัญญา มีค�ำถามจากพ่อแม่จ�ำนวนมากว่า จะเล้ียงดูบุตรอย่างไรให้ เฉลยี วฉลาด คำ� แนะนำ� ทไ่ี ด้ยินบ่อย ๆ กค็ อื ใหเ้ ลยี้ งลกู ด้วยนมแม่ นมแมม่ ดี อี ยา่ งไร มสี ว่ นประกอบหลายอยา่ งทส่ี ำ� คัญ และมบี ทบาท นมแม่ แนท่ สี่ ดุ 57
ตอ่ การพฒั นาการทางสตปิ ัญญา กว่า 20 ปีทีผ่ ่านมาไดม้ ีการศึกษา วจิ ัยมากมายเก่ียวกับกรดไขมัน จำ� เป็น กลมุ่ โอเมก้า 3 ท่ีเป็นสารตงั้ ต้นของดีเฮสเอ (DHA) การสะสม DHA ปรมิ าณท่ีพอเหมาะในระบบ ประสาทสว่ นกลาง จะมผี ลตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของสมองและพฒั นาการ ของทารกD42 ดงั มรี ายละเอยี ดเพอื่ อธบิ าย และแสดงใหเ้ หน็ ชดั เจนตอ่ ไปดงั น้ี DHA ส�ำคัญอย่างไร DHA เปน็ กรดไขมนั สายยาว ทมี่ กี ารสะสมปรมิ าณมากในสว่ นของสมอง และจอตา เป็นกรดไขมนั ทเ่ี ปน็ โครงสรา้ งสำ� คญั ในเนอื้ เยอื่ ระบบประสาทมี ความสมั พนั ธ์ กับการทำ� งานของสมองD1 โดย DHA มีบทบาทส�ำคัญในการท�ำงานของเซลล์ประสาทเซลล์รับแสงที่จอตาและ ในการส่งกระแสประสาทD6,D17 มีหลักฐานยืนยันความส�ำคัญของ DHA พบวา่ สมองมนษุ ยท์ ม่ี คี วาม ผดิ ปกตติ รวจไม่พบ DHA การสะสมดี DHA เริม่ ตง้ั แตท่ ารกอยใู่ นครรภม์ ารดา จำ� เปน็ ตอ่ การมองเหน็ การพฒั นาการของสมอง และสติปญั ญาทปี่ กติ D8 58 นมแม่ แน่ท่สี ุด
ผลของ DHA ต่อการต้งั ครรภข์ องมารดา การให้น้�ำมันปลาในหญิงมีครรภ์ช่วงไตรมาสสุดท้ายพบระยะเวลา ของการตัง้ ครรภน์ านข้ึน ท�ำใหพ้ บทารกเกิดกอ่ นก�ำหนดลดลง โดยไม่มีผล เสียตอ่ การเจรญิ เตบิ โตของทารกในครรภD์ 39 ผลของ DHA ต่อการเจริญเตบิ โต การบริโภค DHA ของมารดาในขณะตง้ั ครรภ์มีผลใหท้ ารกทเี่ กดิ มา มนี ำ�้ หนกั ตวั แรกเกดิ ขนาดเสน้ รอบวงศรี ษะ และความยาวแรกคลอดเพมิ่ ขน้ึ D5 ทารกท่ไี ดร้ บั DHA โดยไม่ได้รับ AA พบว่ามกี ารเจรญิ เติบโตน้อยกวา่ โดยมี น�้ำหนกั ตวั ความยาว และเส้นรอบวงศรี ษะนอ้ ยกว่า การทบทวนการเจริญ- เติบโตในการศกึ ษาทางคลนิ ิกท้ังหมดพบว่า บางการศึกษามคี วามแตกตา่ ง ของการเตบิ โตมาก การศกึ ษาเมอื่ ไมน่ านมานไ้ี มพ่ บการเตบิ โตทนี่ อ้ ยกวา่ ปกติ ในทารกทไ่ี ด้รับนมผงท่ีเติมทัง้ DHA และ AAD42 ผลของ DHA ตอ่ การมองเหน็ และพัฒนาการ ดา้ นสตปิ ญั ญา การศกึ ษาทางคลนิ กิ ถงึ ผลของการใหก้ รดไขมนั สายยาวตอ่ พฒั นาการ ด้านการมองเห็น และระบบประสาท มกั ทำ� การประเมนิ ในช่วง 12-18 เดอื น หลังอายุครบก�ำหนด การศึกษาเปรียบเทียบการให้น้�ำมันปลาผสมน้�ำมัน ถว่ั เหลืองน้�ำมนั ข้าวโพด (กรดลิโนเลอกิ ) และน�้ำมันถว่ั เหลอื ง (กรดลโิ นเลอกิ และกรดลิโนเลนกิ ) ในระยะทา้ ยของการตั้งครรภ์ โดยมารดาเลย้ี งลกู ดว้ ย นมแม่ แนท่ ่ีสดุ 59
นมแม่ พบวา่ ทารกกลุ่มท่มี ารดา ไมไ่ ดร้ ับน�้ำมนั ท่มี ีกรดไขมันโอเมกา 3 มผี ล การตรวจการมองเหน็ (Visual activity parameters) ท่ตี �่ำกว่า โดยใช้ visu- al-evoked response และ forced-choice preferential-looking proce- dures ท่ีอายคุ รรภ์ 36 และ 57 สปั ดาห์ D12 การทบทวนอย่างเป็นระบบของ การศึกษาทผี่ า่ นมาพบวา่ ทารกเกดิ กอ่ นกำ� หนดได้ประโยชนจ์ าก DHA จากอาหารในช่วงวยั ทารก แตผ่ ลท่พี บในทารกเกิดครบก�ำหนดเปน็ ผลท่ไี ด้ รับในระยะสนั้ D42 นอกจากนย้ี งั มกี ารศึกษาอน่ื ๆ ที่สนบั สนนุ ผลของ DHA ที่ใหม้ ารดาในขณะต้งั ครรภ์ ทเ่ี พ่ิมความสามารถในการมองเหน็ รวมทง้ั ความสามารถในการแกป้ ญั หาD5 และพบว่าปรมิ าณ DHA ในสมองท่ตี ำ�่ จะมีผลต่อการท�ำงานของสมอง ได้แก่ พฤตกิ รรมตา่ ง ๆ การมองเห็น ปริมาณ DHA ในนมแมเ่ พียงพอกบั ความต้องการของทารกหรือไม่ DHA พบปริมาณสูงในนมแม่ จะมกี ารสะสมอย่างรวดเร็วในระยะท่ี มกี ารเจรญิ เติบโตของสมอง ขนาดของสมองจะโตเป็น 2 เท่าในปีแรก จากการศกึ ษากรดไขมนั ทเ่ี ป็นสว่ นประกอบของสมองพบ DHA ปรมิ าณสงู ในทารกที่กนิ นมแม่อย่างเดียว และสงู กวา่ ทารกท่ีกนิ นมผงอยา่ งมีนัยสำ� คัญ 60 นมแม่ แนท่ ี่สุด
ปัจจัยใดท่ีมีผลตอ่ ระดับ DHA ในนมแม่ การเสริมน�้ำมันปลาในขณะตั้งครรภ์จะท�ำให้น้�ำนมแม่มีปริมาณ DHA สงู ขน้ึ อย่างมีนัยสำ� คัญ และสัมพันธก์ บั ระดบั อมิ มโู นโกลบูลนิ เอ (IgA) ในน�้ำนม D3 นอกจากน้ยี งั มีปัจจยั ทม่ี ีผลต่อระดับ DHA ในนมแม่ สภาวะของ DHA ในทารก การศกึ ษาระดบั ของ DHA หรอื กรดไขมนั สายยาวในเมด็ เลอื ดแดง และพลาสมา ซ่งึ เป็นตวั ชวี้ ัดผล ของอาหารต่อการสะสมของ DHA ในสมอง โดยไมม่ ีขอ้ ยกเว้นการศึกษาจากการชันสตู รศพ สนับสนุนวา่ DHA และ AA ในอาหารสัมพันธ์กบั ระดับ DHA ในสมอง เนอ้ื เยอ่ื ไขมัน ตบั และกลา้ มเนื้อ แตก่ ารศกึ ษาเหลา่ น้ีไม่ได้เป็นหลักฐาน ท่บี อกถงึ ความตอ้ งการ DHA ของ ทารก ต่อมามกี ารศึกษาในสตั ว์พบวา่ DHA มีการสะสมในสมองอย่าง รวดเร็วในไตรมาสสุดท้ายของการตง้ั ครรภ์ นมแม่ แนท่ ี่สดุ 61
นมแม่ช่วยใหล้ กู ฉลาด หรือมีระดบั ไอควิ สงู กวา่ จริงหรือ ความฉลาดของคนเรา นอกจากปจั จัยทางพันธุกรรมทพ่ี อ่ แม่ให้มา ต้งั แต่เกิดแลว้ การได้รับสารอาหารที่ครบถว้ นพอเหมาะ และการเลี้ยงดทู ี่ เหมาะสมหลังเกิด เป็นปจั จยั ทสี่ �ำคัญ นมแมม่ ีปรมิ าณสารอาหารตา่ ง ๆ ครบถ้วน และพอเหมาะกับความต้องการของทารก DHA พบปริมาณสูง ในนมแม่จะมีการสะสมอย่างรวดเร็วในระยะที่มีการเจริญเติบโต ของสมอง ขนาดของสมองจะโต เปน็ 2 เท่าในปีแรก จากการ ศึกษา กรดไขมนั ทเี่ ป็นสว่ นประกอบของสมองพบวา่ มี DHA ปริมาณสูงใน ทารกทกี่ นิ นมแมอ่ ยา่ งเดยี วและสงู กวา่ ทารกทกี่ นิ นมผงอยา่ งมนี ยั สำ� คญั นอกจากนกี้ ารให้ลกู กนิ นมแม่ แมล่ ูกมกี ารสัมผสั กนั ทงั้ สายตา เสยี ง กลนิ่ ของนมแม่ รสชาตคิ วามหวานของนำ�้ ตาลแลคโทสจากนมแม่ สัมผัสจากอ้อมกอดของแม่เป็นความอบอุ่นท่ีสร้างความรู้สึกมั่นใจ ปลอดภัยแก่ทารก และเปน็ การกระตุ้นทารกให้เกดิ การเจริญงอกงาม ของเส้นใยประสาทอย่างต่อเน่อื ง 62 นมแม่ แนท่ ีส่ ุด
นมแม่... สนู่ โยบาย ระดบั ประเทศ นมแม่ชว่ ยครัวเรือนประหยัด ครอบครัวที่เล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่ ประหยดั รายจา่ ยเดอื นละ 4,000 บาท หากเลี้ยงลกู ด้วยนมแม่ 1 ปี จะชว่ ยประหยัดรายจา่ ยครอบครัว ถึง 48,000 บาท รู้หรือไม.่ . หากใหเ้ ดก็ ทารกทุกคนได้รับนมแมอ่ ย่างเดียว เป็นเวลามากกว่า 6 เดือน “นมแม่” จะชว่ ยครัวเรือนไทย ประหยัดรายจา่ ยมากกวา่ 1.8 พันลา้ นบาทต่อปี นมแม่ แนท่ ีส่ ดุ 63
เร่ืองที่ 7 นมแมก่ ับผลความคมุ้ ค่า ทางเศรษฐกิจ โดย : นพ. ภูษิต ประคองสาย สำ� นกั งานพฒั นานโยบายสขุ ภาพระหวา่ งประเทศ จากการศกึ ษาของประเทศสหรัฐอเมรกิ า[1] เกยี่ วกบั ผลกระทบทาง เศรษฐศาสตร์ของการเล้ยี งลูกด้วยนมแมใ่ นปี พ.ศ. 2554 พบว่า หากมารดา ในประเทศสหรัฐอเมริกาสามารถใหน้ มบุตรไดถ้ ึงรอ้ ยละ 90 จะสามารถลด ค่าใช้จ่ายท่ีเกิดจากการเจ็บป่วยของเด็กได้ถึง 3,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 114,700 ลา้ นบาท) และลดการสูญเสียทางเศรษฐกิจทเ่ี กิดจาก 64 นมแม่ แนท่ ่ีสุด
การตายกอ่ นวัยอันควรได้ประมาณ 10,100 ล้าน เหรียญสหรฐั (ประมาณ 341,000 ล้านบาท) โดยตน้ ทนุ การเลี้ยงลกู ด้วยนมแม่และการเลีย้ งลูกด้วย นมผงมตี น้ ทุนท่ีแตกต่างกัน ดังน้ี การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม ่ การเลี้ยงลูกดว้ ยนมผสม ค่าอาหารส�ำหรับแม่ท่ใี ห้นมบตุ ร ค่านมผสม ซ่ึงร่วมถงึ อาหารเสรมิ หรืออาหาร ท่ีกนิ เพ่มิ มากข้นึ จากปกติ ค่าอุปกรณส์ ำ� หรับการ เน่อื งจากมารดา เลยี้ งลกู ด้วยนมผสม เช่น ค่าอุปกรณ์ส�ำหรบั การเล้ียงลูก ขวดนม จุกนม เครื่องนง่ึ ดว้ ยนมแม่ เช่น เคร่อื งปมั๊ นม ขวดนม เป็นต้น ถงุ ใส่น�้ำนม เปน็ ตน้ ค่าใช้จา่ ยในโครงการ Baby - Friendly Hospital (ซ่งึ ในประเทศไทยไม่มีคา่ ใช้จา่ ย ในสว่ นนี้) ค่านมผสมท่ีเพ่มิ ข้ึน นมแม่ แนท่ ีส่ ุด 65 1,200 บาท/เดือน
จากการศกึ ษานพ้ี บว่า กรณที ่ีมีแม่เล้ยี งลูกดว้ ยนมแม ่ เพียงอยา่ งเดียวร้อยละ 90 ส่งผลให้... 1. ค่าใช้จา่ ยทีล่ ดลงเม่ือมีการเล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่ - ค่าใช้จา่ ยดา้ นสขุ ภาพของเด็กลดลง 2.5 พนั ลา้ นเหรยี ญสหรฐั - ตน้ ทุนทางตรง (คา่ เดินทาง ค่าเสยี เวลาของผปู้ กครอง) ลดลง 1.2 พันลา้ นเหรียญสหรฐั - ตน้ ทนุ การซ้อื นมผงลดลง 3.94 พนั ล้านเหรยี ญสหรัฐ 2. คา่ ใชจ้ า่ ยทเ่ี พ่ิมขนึ้ เมอื่ มกี ารเลี้ยงลูกดว้ ยนมแม่ - ค่าอาหารของแม่ให้นมบุตรจะเพ่ิมขึ้น 1.67-2.08 พันล้านเหรียญสหรัฐ - คา่ ใชจ้ า่ ยส�ำหรับ Baby-Friendly Hospital เพ่ิมข้นึ 0.145 พันลา้ น เหรยี ญสหรัฐ - ค่าใช้จา่ ยสำ� หรบั การลาคลอดจะเพ่ิมขนึ้ 0.95 พันลา้ นเหรียญสหรฐั 3. ค่าใชจ้ า่ ยปจั จุบนั ของอุปกรณส์ ำ� หรับการเล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่ เท่ากับ 175.8 เหรยี ญสหรัฐต่อเดก็ 1 คน 4. คา่ ใช้จา่ ยปจั จุบนั ของอปุ กรณ์สำ� หรบั การเลี้ยงลกู ด้วยนมผสมเท่ากับ 178.6 เหรียญสหรฐั ตอ่ เด็ก 1 คน 66 นมแม่ แน่ท่ีสดุ
สำ� หรบั เรอ่ื งคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นสขุ ภาพของเดก็ นนั้ มอี กี การศกึ ษาหนง่ึ [2] พบวา่ การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแมน่ อกจากจะทำ� ใหล้ ดคา่ ใชจ้ า่ ยดา้ นสขุ ภาพแลว้ ยงั ลด อตั ราการเสยี ชวี ติ ของเดก็ จากการเจบ็ ปว่ ยไดอ้ กี ดว้ ย เชน่ กรณที ม่ี แี มเ่ ลยี้ งลกู ดว้ ยนมแม่เพยี งอย่างเดยี วจนถึง 6 เดอื น ร้อยละ 90 จะช่วยลดค่าใช้จ่าย เนอ่ื งจาก Sudden infant death syndrome (SIDS) ได้ 102,147,564 เหรียญสหรัฐ และลดอัตราการตายได้ 9 ราย หรือ ท่ีมแี ม่เล้ียงลูกด้วยนมแม่ เพียงอย่างเดยี วจนถึง 6 เดอื น ร้อยละ 90 จะชว่ ยลดค่าใชจ้ า่ ยเนื่องจาก โรคล�ำไส้เนา่ (Necrotizing enterocolitis, NEC) ในเดก็ แรกเกดิ ทมี่ นี ้�ำหนกั ตวั นอ้ ย (low birth weight) ได้ 5,429,948 เหรยี ญสหรฐั และลดอตั ราการตาย ได้ 26 ราย ในประเทศไทยนมผงมรี าคาตงั้ แต่ 300 บาทข้ึนไป ซง่ึ กล่องหนึ่งจะกนิ ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ ซ่งึ การเลี้ยงลูกด้วยนมผงต้องมคี า่ นมผงต่อเดือน อย่างนอ้ ย 1,200 บาทตอ่ เดือน หรอื 14,400 ต่อปี ซง่ึ จะดูไมม่ ากนกั ใน ครอบครัวทีม่ ีเศรษฐานะท่ีดี แต่ในครอบครวั ทตี่ อ้ ง หาเชา้ กินค่�ำไดค้ ่าแรง ขนั้ ตำ�่ วนั ละ 300 บาท (9,000 บาทตอ่ เดอื น) จะเปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยทสี่ งู มาก ดงั นนั้ การเลยี้ งลกู ด้วยนมแม่ นอกจากจะช่วยลดค่านมผงลงแล้วยังชว่ ยลดคา่ ใช้ จา่ ยเน่อื งจากการเจบ็ ป่วยของเดก็ ได้อีกดว้ ย นมแม่ แนท่ สี่ ดุ 67
เอกสารอ้างอิง 1. Bartick, M., Breastfeeding and the U.S. economy. Breastfeed Med, 2011. 6: p. 313-8. 2. Ma, P., M. Brewer-Asling, and J.H. Magnus, A case study on the economic impact of optimal breastfeeding. Matern Child Health J, 2013. 17(1): p. 9-13. 68 นมแม่ แน่ท่ีสดุ
เร่ืองท่ี 8 สูเ่ ปา้ หมาย การเลีย้ งลูกดว้ ยนมแม่ หญิงไทยควรได้รับการลาคลอด เพิ่มข้ึนหรือไม?่ โดย: นพ. ภูษิต ประคองสาย นิศาชล เศรษฐไกรกุล ส�ำนักงานพัฒนานโยบายสขุ ภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสขุ สถานการณก์ ารลาคลอดและการเลยี้ งลกู ดว้ ยนมแม่ในประเทศไทย องค์กรแรงงานระหวา่ งประเทศ [1] ได้จัดทำ� อนุสญั ญาฉบับที่ 183 ปี ค.ศ.2000 ก�ำหนดใหห้ ญงิ ท�ำงานควรมสี ิทธล์ิ าคลอดอย่างนอ้ ย 14 สปั ดาห์ หรือ 98 วนั แต่ในปจั จบุ ันหญิงท�ำงานในประเทศไทยสามารถลาคลอดได้ นมแม่ แน่ทส่ี ุด 69
เพียง 90 วัน (หรอื ประมาณ 13 สปั ดาห)์ ตามพระราชบัญญตั ิคุม้ ครอง แรงงาน พ.ศ. 2541 ทีก่ ำ� หนดใหล้ ูกจา้ งหญิง มสี ทิ ธิลาคลอดได้ไมเ่ กนิ 90 วนั โดยมสี ิทธิไดร้ บั ค่าจ้างเทา่ กบั ค่าจา้ งในวันทำ� งานตลอดระยะเวลาท่ีลา แต่ ไมเ่ กิน 45 วัน ซ่งึ วันดงั กลา่ วจะนับรวมวนั หยุดที่มีในระยะวนั ลาด้วย[2] นอกจากน้ี พระราชบัญญัติ ประกันสงั คม พ.ศ. 2533 มาตรา 67 ก�ำหนดให้ ในกรณที ี่ผู้ประกันตน หยุดงานเพ่ือการคลอดบุตร ใหผ้ ู้ประกันตนมีสิทธิได้ รบั เงินสงเคราะห์ การหยดุ งานเพอื่ การคลอดบตุ รไม่เกินสองครั้ง เป็นการ เหมาจ่ายในอตั ราครงั้ ละรอ้ ยละหา้ สบิ ของคา่ จ้าง เปน็ เวลา 90 วัน[3] องคก์ ารอนามยั โลกไดแ้ นะนำ� วา่ ควรใหล้ กู ไดก้ นิ นมแมเ่ พยี งอยา่ งเดยี ว โดยไมม่ กี ารใหน้ ำ้� และอาหารอน่ื จนถงึ 6 เดอื น แตก่ ารทแี่ มต่ อ้ งกลบั ไปทำ� งาน หลังจากครบกำ� หนดการลาคลอด 90 วันนนั้ มีผลกระทบกับอัตราการเล้ียง ลูกด้วยนมแม่ในประเทศไทย จากรายงานการส�ำรวจสขุ ภาพประชาชนไทย คร้งั ที่ 4 พ.ศ. 2551-2552 [4] (รปู ที่ 1) พบว่า อตั ราการเลี้ยงลกู ดว้ ยนมแม่ เพยี งอยา่ งเดยี วจนครบ 6 เดอื น ลดลงจากอตั ราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เพยี งอยา่ งเดยี วจนครบ 3 เดือนอยา่ งเหน็ ได้ชดั 70 นมแม่ แนท่ ีส่ ุด
100 91.2 Initiation of BF 90 80 70 Exclusive BF in 3 months 60 50 Exclusive BF in 6 months 40 31.1 30 20 10 7.1 0 รูปท่ี 1: อตั ราการเล้ียงลกู ดว้ ยนมแม่ พ.ศ. 2551-52 ทีม่ า: รายงานการส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยครง้ั ที่ 4 พ.ศ. 2551-2552 อย่างไรก็ตาม อัตราการเล้ียงลูกด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวจนถึง 6 เดอื นนน้ั ยงั ขน้ึ อยู่กบั ปจั จัยอน่ื ๆ อีกหลายประการ เชน่ ทศั นคติ ความรู้ ความเขา้ ใจของแม่และครอบครวั การสนับสนุนของ บคุ ลากรทางการแพทย์ นโยบายทีส่ ง่ เสริมการเลี้ยงลกู ดว้ ยนมแม่ และการควบคุมการตลาดของ บริษทั นมผง เปน็ ตน้ ทางออกในการแก้ไขปัญหา ในปัจจุบันประเทศไทยมีโอกาสในการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้อง กับการเลีย้ งลกู ด้วยนมแม่ เนอื่ งจาก มีการเคลอื่ นไหวเรอื่ งการเลี้ยงลกู ดว้ ย นมแมใ่ นระดับโลก เช่น นโยบาย Every Women Every Child ขององค์การ สหประชาชาตแิ ละองคก์ ารอนามยั โลก รวมถงึ ความพยายามของประเทศไทย นมแม่ แนท่ ี่สุด 71
ในการผลกั ดนั ใหห้ ลกั เกณฑว์ า่ ดว้ ยการตลาดอาหารสำ� หรบั ทารก และเดก็ เลก็ เป็นกฎหมายการจดั ตั้งมมุ นมแม่ในสถานประกอบการ และทีส่ �ำคัญการมี โครงการ “สายใยรกั แห่งครอบครวั ” ในพระด�ำริพระเจ้าวรวงศเ์ ธอ พระองค-์ เจา้ ศรรี ศั ม์ิ พระวรชายาฯ ในสมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช สยามมกฎุ ราชกมุ าร ซึง่ ท�ำใหส้ งั คมเกดิ ความตระหนกั ในการเลีย้ งลกู ดว้ ยนมแม่เพิ่มมากข้ึน อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังมีช่องว่างท่ีท�ำให้การขับเคล่ือนเร่ือง การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นไปได้ยาก เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายท่ีควบคุม การโฆษณาและการตลาดของอาหารส�ำหรบั ทารก และเดก็ เล็ก จงึ ท�ำให้มีการละเมิดหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารส�ำหรับเด็กและทารก และผลิตภัณฑ์ทเ่ี กย่ี วข้องอยใู่ นปัจจบุ ัน รวมถงึ การขาดความร่วมมอื อยา่ ง จริงจงั ระหว่างหน่วยงานทีเ่ ก่ียวข้อง และการขาดความตระหนกั ต่อความ สำ� คัญของการลาคลอดและการเลี้ยงลูกด้วยนมแมข่ องคนในสังคม ดังนั้นส่ิงท่ีควรด�ำเนินการเพ่ือส่งเสริมการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ในประเทศไทย จงึ ต้องประกอบดว้ ย 72 นมแม่ แน่ที่สุด
1. การสรา้ งความรู้ เพือ่ ใช้เป็นข้อมูลในการสนับสนนุ นโยบายสง่ เสริมการ เลีย้ งลกู ด้วยนมแม่เพียงอย่างเดียวอยา่ งน้อย 6 เดือน เชน่ ขอ้ มูลความคมุ้ คา่ ทางเศรษฐศาสตร์ในเชิงสังคม เศรษฐกิจและสขุ ภาพ ระหว่างการเลี้ยงลูก ดว้ ยนมแมอ่ ยา่ งเดยี วอยา่ งนอ้ ย 6 เดอื น กบั การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมผงและขอ้ มลู เก่ียวกับทัศนคติและความเข้าใจเกี่ยวกับการลาคลอด และการให้นมแม่ ในสงั คมไทยของกล่มุ ผู้มสี ว่ นไดส้ ว่ นเสยี 2. การขบั เคลอื่ นทางสงั คม เพอ่ื สรา้ งความตระหนกั ความรู้ และความเขา้ ใจ เกยี่ วกบั ประโยชนข์ องการเล้ยี งลูกดว้ ยนมแมอ่ ย่างน้อย 6 เดอื น ประชาชน ทว่ั ไปและกลมุ่ เปา้ หมาย เชน่ แมแ่ ละคนในครอบครวั บคุ ลากรทางการแพทย์ และผูก้ �ำหนดนโยบาย 3. การพฒั นามาตรการและนโยบาย เพอื่ สนบั สนนุ การเลย้ี งลกู ดว้ ยนมแม่ อยา่ งนอ้ ย 6 เดอื น เชน่ กฎหมายควบคมุ การตลาดของนมผง และกฎหมาย ขยายการลาคลอดจาก 90 วันเปน็ 180 วนั พร้อมได้รบั คา่ จา้ งเตม็ จ�ำนวน ในชว่ งลาคลอด และผลกั ดันให้มีการบงั คบั ใชก้ ฎหมายที่มอี ยอู่ ยา่ งจริงจัง พรอ้ มก�ำหนดบทลงโทษ นมแม่ แน่ทสี่ ุด 73
เอกสารอา้ งองิ 1. MATERNITY AT WORK: A review of national legislation. Findings from the ILO Database of Conditions of Work and Employment Laws. [cited 2013 2 May]; Available from: http://www.ilo.org/ wcmsp5/groups/public/@dgreports/@dcomm/@publ/documents/ publication/wcms_124442.pdf. 2. Labour Protection Act B.E. 2541 (1998) [cited 2013 2 May]; Available from: http://www.labour.go.th/en/attachments/ article/ 18/Labour_Protection_Act_BE1998.pdf. 3. Social Security Act B.E. 2553 (1990). [cited 2013 2 May]; Available from: http://www.sso.go.th/sites/default/files/Social% 20%20security%20act.pdf. 4. 4th National Health Examination Survey 2008-2009. [cited 2013; Available from: http://www.nheso.or.th/loadfile/child_ NHESO4%20(1).pdf. 74 นมแม่ แน่ทสี่ ดุ
นมแม่...ÁÕปัญหา»ÃÖ¡ÉÒ·Õèä˹ ¤ÅÔ¹Ô¡¹Áแม่ คุณแม่ท่ีเลี้ยงลูกด้วยนมแม่หลายคนต่างปรารถนาให้ลูกได้กินนมตนเอง แตข่ าดประสบการณจ์ รงิ ในการแกไ้ ขปญั หาดว้ ยตนเองตง้ั แตร่ ะยะแรกคลอด จนถงึ ช่วง 2 สปั ดาห์แรก หากทา่ นใดประสบปัญหาการเล้ยี งลูกดว้ ยนมแม่ ติดตอ่ คลนิ กิ นมแม่ 1. ¤Å¹Ô Ô¡¹Áแม่ þ. ÈÃÔ ÃÔ Òª â·Ã. 0 2419 7000 ตอ่ 5994, 5995 2. ¤Å¹Ô Ô¡¹Áแม่ Ê¶ÒºÑ¹Ê¢Ø ÀҾഡç แห่งªÒµÔÁËÒÃÒª¹Ô Õ â·Ã. 0 2354 8333 ตอ่ 5002, 0 2354 8945 3. ¤ÅÔ¹Ô¡¹ÁแมÃ่ ¾. à¨ÃÔญ¡Ãا»ÃЪÒÃ¡Ñ ษ์ â·Ã. 0 2289 1153-5 ตอ่ 7134, 7135, 7130, 7140 ,7145, 0 2289 7634 4. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ þ. ÊÁµÔ àÔ Çª â·Ã. 0 2711 8000 ตอ่ 8238, 0 2392 0011 ตอ่ ÈÙ¹ยÊ์ ¢Ø ÀҾʵÃÕËÃ×Íá¼¹¡·ÒááÃ¡à¡´Ô 5. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ þ. ¢Í¹áก¹่ ¨. ¢Í¹áกน่ â·Ã. 0 4333 6789 ตอ่ 1470, 1446, 3810 6. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ þ. ÁËÒÃÒª¹¤ÃÈÃ¸Õ ÃÃÁÃÒª â·Ã. 0 7534 0250 ตอ่ 2133 7. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Ááม่ þ. ¾Ãл¡à¡ล้Ò ¨. ¨Ñ¹·ºØÃÕ â·Ã. 0 39324975-84 ต่อ 3454, 3455 8. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ þ. ªØÁ¾Ã ¨. ªÁØ ¾Ã â·Ã. 0 7750 3672-4 ตอ่ 274 9. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ þ. ÊÁà´¨ç ¾ÃÐÊѧ¦ÃҪͧค·์ èÕ 17 ¨. Ê¾Ø ÃóºÃØ Õ â·Ã. 0 3553 1077 ต่อ 2222 10. ¤ÅÔ¹Ô¡¹Áแม่ þ. ÍØµÃ´Ôµถ์ ¨. 굯 ̫µÔ ถ์ â·Ã. 0 5541 1064 ตอ่ 7128 นมแม่ แนท่ ส่ี ุด 75
11. ¤Å¹Ô Ô¡¹Áแม่ þ. ÁËÒÊÒäÒÁ ¨. ÁËÒÊÒäÒÁ â·Ã. 0 4374 0993-6 ตÍ่ 147 12. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ þ. ૹç ต์ËÅÂØ ส์ â·Ã. 0 2675 5000 ต่อ 10242, 10245 13. ¤ÅÔ¹¡Ô ¹Áแม่ ȹ٠ยÍ์ ¹ÒÁÑ·èÕ 1 ºÒ§à¢¹ ¡Ã§Ø à·¾Ï â·Ã. 0 2521 3056, 0 2521 3064 ตอ่ 106, 107, 206 14. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ ÈนÙ ย์͹ÒÁÑ·Õè 2 ¨. ÊÃÐºÃØ Õ â·Ã. 0 3630 0830-32 ตÍ่ 154 15. ¤ÅÔ¹Ô¡¹Áแม่ ÈนÙ ยÍ์ ¹ÒÁÑ·èÕ 3 ¨. ªÅºÃØ Õ â·Ã. 0 3878 6974-7 16. ¤ÅÔ¹¡Ô ¹Áแม่ ÈÙ¹ย์͹ÒÁÂÑ ·Õè 4 ¨. ÃÒªºÃØ Õ â·Ã. 0 3231 0368-71, 0 3233 7509 ตอ่ 2312 17. ¤Å¹Ô ¡Ô ¹Áแม่ ÈÙ¹ยÍ์ ¹ÒÁÑ·Õè 5 ¨. ¹¤ÃÃÒªÊÕÁÒ â·Ã. 0 4429 1677-8 ต่อ112 18. ¤ÅÔ¹Ô¡¹Áแม่ ÈÙ¹ย์͹ÒÁÑ·Õè 6 ¨. ¢Í¹áก¹่ â·Ã. 0 4323 5902-5 ต่อ 5805 19. ¤ÅÔ¹Ô¡¹Áแม่ ÈÙ¹ย์͹ÒÁÑ·èÕ 7 ¨. ÍØºÅÃÒª¸Ò¹Õ â·Ã. 0 4528 8586-8 20. ¤Å¹Ô Ô¡¹Áแม่ ȹ٠ยÍ์ ¹ÒÁÑ·Õè 8 ¨. ¹¤ÃÊÇÃÃค์ â·Ã. 0 5625 5451, 0 5632 5093-5 ตÍ่ 287 21. ¤ÅÔ¹¡Ô ¹Ááม่ ÈÙ¹ย์͹ÒÁÑ·Õè 9 ¨. ¾ÉÔ ³ØâÅ¡ â·Ã. 0 5529 9280-1 22. ¤Å¹Ô Ô¡¹Ááม่ ÈÙ¹ยÍ์ ¹ÒÁÑ·Õè 10 ¨. àªÂÕ §ãËม่ â·Ã. 0 5327 6856 ตอ่ 212 23. ¤Å¹Ô Ô¡¹Ááม่ ÈÙ¹ย์͹ÒÁÂÑ ·Õè 11 ¨. ¹¤ÃÈÃ¸Õ ÃÃÁÃÒª â·Ã. 0 7539 9460-4 76 นมแม่ แนท่ ี่สดุ
24. ¤Å¹Ô Ô¡¹Ááม่ ÈÙ¹ย์͹ÒÁÑ·Õè 12 ¨. ÂÐÅÒ â·Ã. 0 7321 4200 ตอ่ 139 (àÇÅÒÃÒª¡ÒÃ), 107 (¹Í¡àÇÅÒÃÒª¡ÒÃ) âç¾ÂÒºÒÅตÒ่ §æ 25. ÇÔ·ÂÒÅÑÂá¾·ÂÈÒʵร์ ¡Ãا෾ÁËÒ¹¤Ã áÅÐǪÃÔ ¾ÂÒºÒÅ â·Ã. 0 2244 3170, 0 2244 3171 26. þ. µÒ¡ÊÔ¹ â·Ã. 0 2437 0123-5 ตอ่ 1311 27. þ. ¡ÅÒ§ â·Ã. 0 2221 6141 ต่อ 8050 ËÃÍ× ËนÇ่ ÂËÅ§Ñ ¤ÅÍ´ 11305 28. þ. ÀÙÁ¾Ô Å â·Ã. 0 2531 1970-90 29. þ. ÃÒÁÒ¸Ôº´Õ â·Ã. 0 2201 1616 30. þ. ¸ÃÃÁÈÒʵร์ à©ÅÁÔ ¾ÃÐà¡ÂÕ ÃµÔ ÃѧÊÔµ â·Ã. 0 2926 9999, 0 2929 1415 31. þ. ¨ÌØ Òŧ¡Ãณ์ â·Ã. 0 2256 4804-5 Ëน่วÂส่§àÊÃÁÔ ÊØ¢ÀÒ¾ 32. þ. ÁËÒÃÒª ¨. ¹¤ÃÃÒªÊÁÕ Ò â·Ã. 0 4423 5367, 0 4423 5374 33. þ. ÈÃ¹Õ ¤ÃÔ¹·Ã ¤³Ðá¾·ÂÈÒʵร์ ÁËÒÇÔ·ÂÒÅÑ¢͹áก่¹ â·Ã. 0 4334 8360-9 34. þ. ÊÔ§หº์ ÃØ Õ ¨.ÊÔ§ห์ºØÃÕ â·Ã. 0 3652 1445-8 ตอ่ 136 35. þ. àจ้Ò¾ÃÐÂÒÂÁÃÒª ¨. Ê¾Ø ÃóºØÃÕ â·Ã. 0 3552 4068 36. þ. ¡ÒÌÊÔ¹ธุ์ ¨. ¡ÒÌÊ¹Ô ธุ์ â·Ã. 0 4381 1520 ต่อ 1314 áÅзèÕâç¾ÂÒºÒÅÊÒÂÊÁÑ ¾Ñ¹ธá์ ม่ÅÙ¡ ʶҹÍÕ ¹ÒÁÂÑ ÊÒÂÊÁÑ ¾Ñ¹ธแ์ ม่š٠·¡Ø แห่ง นมแม่ แน่ทีส่ ดุ 77
หนังสือทบทวนวรรณกรรม ชุดท่ี 1 สบื คน้ ขอ้ มูลได้ใน http://breastfeedinglib.saiyairak.com/browse 78 นมแม่ แนท่ สี่ ดุ
นมแม่ แน่ท่สี ดุ 79
แผ่นพับเลย้ี งลกู ด้วยนมแม่ สบื คน้ ขอ้ มลู ได้ใน http://breastfeedinglib.saiyairak.com/browse 80 นมแม่ แน่ที่สุด
นมแม่ แน่ท่สี ดุ 81
รายนามคณะกรรมการด�ำเนนิ งาน มูลนธิ ิศนู ย์นมแม่แห่งประเทศไทย คณะกรรมการทป่ี รึกษา รศ. แพทยห์ ญงิ คณุ หญิงส่าหรี จติ ตินนั ทน์ ศ. เกียรติคุณ นพ. วรี ะพงษ์ ฉตั รานนท์ ศ.คลินิกเกียรติคุณ นพ. สวุ ชยั อินทรประเสริฐ ผศ. พญ.สุอารยี ์ อนั ตระการ นายแพทยศ์ ิรวิ ฒั น์ ทิพย์ธราดล นพ. ลอื ชา วนรตั น์ คณะกรรมการดำ� เนินงาน กัญชนะ ประธาน แพทยศ์ ิริพร สวสั ดิวร รองประธาน แพทย์หญงิ ศริ าภรณ์ แหง่ เชาวนิช เลขาธกิ าร แพทยห์ ญิงยพุ ยง บณุ ยเกยี รติ รองเลขาธกิ าร นางสาวนงนุช วรมงคล กรรมการ แพทย์หญิงนิพรรณพร ชศู ิลป์ กรรมการ รศ. แพทย์หญิงกุสมุ า บางสายนอ้ ย กรรมการ แพทย์หญิงกรรณิการ์ ดามาพงษ์ กรรมการ นายสง่า วิจิตรสคุ นธ์ กรรมการ รศ.กรรณิการ์ ตรีรัตนว์ ีรพงษ์ กรรมการ แพทย์หญงิ ธนีนาถ สพสมัย กรรมการ นางมีนะ 82 นมแม่ แนท่ ีส่ ุด
นางลักขณา จุติสมุทร กรรมการ ผศ.ดร.อุไรพร จิตตแ์ จ้ง กรรมการ ผศ.ดร.จริยา วิทยะศภุ ร กรรมการ นางอัจฉรยี ์ แขวงโสภา กรรมการ ผศ. ดร. ปารีณา ศรีวนิชย์ กรรมการ นายนรา บรรลิขติ กลุ กรรมการ แพทยห์ ญิงศริ พิ ัฒนา ศิรธิ นารตั นกุล กรรมการ นางนรีลักษณ ์ กลุ ฤกษ ์ กรรมการ คณะผจู้ ดั ท�ำ แพทย์หญิงศริ าภรณ์ สวสั ดวิ ร สถาบนั สขุ ภาพเด็กแห่งชาตมิ หาราชนิ ี แพทยห์ ญงิ ยพุ ยง แหง่ เชาวนชิ มลู นธิ ิศูนย์นมแม่แห่งประเทศไทย แพทยห์ ญิงกรรณกิ าร์ บางสายน้อย มูลนธิ ิศนู ยน์ มแม่แหง่ ประเทศไทย รศ.พญ.กุสมุ า ชูศลิ ป์ มลู นธิ ศิ ูนยน์ มแม่แห่งประเทศไทย รศ.กรรณกิ าร์ วจิ ิตรสคุ นธ์ มลู นิธิศูนย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย นางสาวสุขจรงิ ว่องเดชากลุ มูลนิธิศนู ย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย นายแพทย์ภูษิต ประคองสาย ส�ำนกั งานพัฒนานโยบายสขุ ภาพ ระหว่างประเทศ นางสาวนิศาชล เศรษฐไกรกลุ ส�ำนักงานพฒั นานโยบายสขุ ภาพ ระหว่างประเทศ นางสาวสริ นิ ทร์ยา พลู เกดิ ส�ำนกั งานพัฒนานโยบายสขุ ภาพ ระหวา่ งประเทศ แพทย์หญงิ ดร.ภาสรุ ี แสงศภุ วานิช คณะแพทยศ์ าสตร์ มหาวิทยาลัย สงขลานครินทร์ แพทย์หญงิ ศริ ลิ ักษณ์ เจนนุวตั ร สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาตมิ หาราชนิ ี นมแม่ แน่ทส่ี ดุ 83
แพทย์หญงิ รัชดา เกษมทรพั ย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชนิ ี แพทย์หญิงสุนทร ี รตั นชเู อก สถาบนั สขุ ภาพเด็กแหง่ ชาติมหาราชินี แพทยห์ ญงิ อดิศรส์ ดุ า เฟื่องฟู สถาบนั สุขภาพเด็กแหง่ ชาติมหาราชนิ ี แพทย์หญงิ นยั นา ณีศะนันท ์ สถาบนั สุขภาพเด็กแหง่ ชาติมหาราชินี แพทย์หญิงวราภรณ ์ แสงทวีสิน สถาบันสขุ ภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี แพทยห์ ญงิ มริ า โครานา สถาบันสขุ ภาพเดก็ แห่งชาติมหาราชนิ ี รศ.พญ.อุมาพร สทุ ศั น์วรวุฒิ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาล- รามาธิบดี มหาวทิ ยาลัยมหิดล ดร. ทพิ วัลย์ ดารามาศ คณะแพทยศ์ าสตร์ โรงพยาบาล- รามาธบิ ดี มหาวทิ ยาลัยมหิดล ดร. สดุ าภรณ ์ พยคั ฆเรอื ง ภาควชิ าการพยาบาลกมุ ารเวชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดร. พรรณรัตน ์ แสงเพ่มิ ภาควิชาการพยาบาลกมุ ารเวชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั มหดิ ล นางสาวศริ ลิ ักษณ ์ ถาวรวฒั นะ สถาบันสุขภาพเดก็ แห่งชาตมิ หาราชนิ ี นางสาวเบญจมาส ทัศนะสภุ าพ นางสาวอัญชรี พรหมสกลุ มูลนธิ ศิ นู ย์นมแม่แหง่ ประเทศไทย 84 นมแม่ แนท่ ส่ี ดุ
ภาพโดยไดร้ บั อนญุ าตจิ าก บรษิ ทั เอเช่ยี น พรอ็ พเพอรต์ ้ี ดเี วลลอปเนมม้นแทม์ จ่ ำ� แกนดั ่ท(ี่สมดุหาชน8)5
นมแม่... ดีตอ่ สุขภาพของลูก สมอง โอกาสเพ่มิ ระดับ IQ 3.16 จดุ ในทารกครบก�ำหนด และ 5.26 จดุ ในทารกเกดิ กอ่ นกำ� หนด สายตา พฒั นาการมองเห็น หู ลดโอกาสเปน็ โรคหนู �้ำหนวก สายตาคมชัด ระบบทางเดินปัสสาวะ ช่องปาก โอกาสติดเชื้อน้อยกวา่ กรามล่างแขง็ แรง ไตแข็งแรง ฟันเกนอ้ ยลง เพราะขบั ของเสียน้อยกว่า เมือ่ โตขึน้ ผวิ พรรณ ลดโอกาสภูมแิ พ้ ผิวหนัง 42% ระบบทางเดินอาหาร ระบบทางเดินหายใจ ลดโอกาสโรคทอ้ งเสยี และ โอกาสติดเชือ้ ทางเดนิ หายใจ ลำ� ไสอ้ ักเสบน้อยกว่า 64% ปอดบวมนอ้ ยกวา่ ทารกกิน การย่อยดี แทบไม่มปี ญั หาทอ้ งผกู นมผสม 60 % และโรคหืด 86 นมแม่ แน่ทีส่ ุด
Search