Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore โครงงานภาษาไทย

โครงงานภาษาไทย

Published by Guset User, 2022-01-26 03:36:43

Description: โครงงานภาษาไทย

Search

Read the Text Version

โครงงานภาษาไทย เรื่อง ของดีเมืองตรังใน แบบกลอนสุภาพ โดย ด.ช.ณฐั ภทั ร ศรีประภา ม.2/1 เลขท่ี 5 ด.ช.พชิ ญพงศ์ สิงหา ม.2/1 เลขที่ 12 ครูท่ีปรึกษา คุณครูอุไรภรณ์ พรหมลา โครงงานน้ีเป็ นส่วนหน่ึงของรายวิชาภาษาไทยเพื่อการเขียนรายงานเชิงวิชาการ โรงเรียนสภาราชินีจงั หวดั ตรัง ภาคเรียนท่ี 2 ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี2 ปี การศึกษาท่ี 2564

คานา รายงานเล่มน้ีจดั ทาข้ึนเพอ่ื เป็นส่วนหน่ึงของวชิ า ภาษาไทยเพ่อื การเขียนรายงานเชิง วชิ าการ เพอ่ื ใหไ้ ดศ้ ึกษาหาความรู้ในเร่ืองกลอนตา่ งๆ โดยไดศ้ ึกษาผา่ นแหล่งความรู้ต่างๆ อาทิเช่น ตารา หนงั สือ หนงั สือพมิ พ์ วารสาร หอ้ งสมุด และแหล่งความรู้จากเวบ็ ไซตต์ า่ งๆ โดย รายงานเลม่ น้ีมีเน้ือหาเก่ียวกบั กลอนสุภาพ ผจู้ ดั ทาหวงั เป็นอยา่ งย่งิ วา่ การจดั ทาเอกสารถบบั น้ีจะมีขอ้ มลู ที่เป็นประโยชน์ต่อผทู้ ี่ สนใจจะศึกษาเก่ียวกบั กลอนตา่ งๆ ณฐั ภทั ร ศรีประภา พชิ ญพงศ์ สิงหา

กติ ตกิ รรมประกาศ โครงงานเร่ืองของดีเมืองตรังใน แบบกลอนสุภาพน้ีสาเร็จลงไดด้ ว้ ยความกรุณาของคณุ ครูกลมุ่ สาระ การเรียนรู้กายาไทยและครูท่ีปรึกษาโครงงาน คุณครูอไุ รกรณ์ พรหมลาท่ีกรุณาใหค้ าแนะนาในการจดั ทา โครงงาน การสืบคนั ขอ้ มลู ดว้ ยอินเทอร์เน็ตและการคน้ หาหนงั สือรวมถึงการใชพ้ จนานุกรม ทา้ ยสุดขอขอบคณุ คณุ พ่อและคุณแมท่ ่ีกรุณาใหข้ อ้ มลู รวมท้งั สนบั สนุนวสั ดุอปุ กรณ์ และใหก้ าลงั ใจในการทาโครงงานจนสาเร็จลงดว้ ยดี ผจู้ ดั ทาหวงั วา่ รายงาน ใครงงานเลม่ น้ีจะเป็นประ โยชน์ต่อผสู้ นใจสาหรับเป็นแนวทาง ในการจดั ทารายงานโครงงานต่อไป

บทคดั ย่อ โครงงานเรื่อง ของดีเมืองตรังใน แบบกลอนสุภาพท่ีกลมุ่ ของขา้ พจา้ ไดจ้ ดั ทาข้นึ เพ่อื ใหผ้ เู้ รียนรู้และผทู้ ่ี สนใจทกุ คนไดศ้ ึกษาคนั ควา้ และสามารถนาไปใชเ้ ป็นเอกสารประกอบการเรียนไดแ้ ละเพ่อื ใหท้ ุกคนรับรู้ถึง คาศพั ทแ์ ละความหมายที่ถกู ตอ้ งของคายมื ที่มาจากภาษาจีน การทางานคร้ังน้ีจดั ทาข้ึนเพื่อจุดประสงคห์ ลายประการ เช่น เพอื่ ใชเ้ ป็นเอกสารประกอบ การเรียนรู้เพื่อใหผ้ เู้ รียนสามารถศึกษากนั ควา้ นาไปประกอบการเรียน รู้จกั กลอนสุภาพไดด้ ียงิ่ ข้นึ เยอะข้นึ และอ่านกลอนไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งตรงตามความหมาย

สารบญั เร่ือง คานา……………………………………………………………………………………….ก กิตติกรรมประกาศ…………………………………………………………………………ข บทคดั ยอ่ …………………………………………………………………………………...ค บทท่ี 1 บทนา………………………………………………………………………………1 - ท่ีมาและความสาคญั ของโครงงาน - วตั ถปุ ระสงค์ - ขอบเขตการศึกษาคน้ ควา้ - ประโยชน์ที่คาควา่ จะไดร้ ับ บทท่ี 2 เอกสารและโครงงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง……………………………………………………2 - 3 บทที่ 3 วิธีการจดั ทาโครงงาน………………………………………………………………4 - วสั ดุและอุปกรณ์ - วธิ ีการจดั ทาโครงงาน บทที่ 4 ผลการศึกษา…………………………………………………………………………5 - 10 บทที่ 5 สรุปผล และขอ้ เสนอแนะ……………………………………………………………11 - สรุปผลการศึกษา ประโยชน์ที่ไดจ้ ากโครงงาน ขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม……………………………………………………………………………12

บท1 ท่ีมาและความสาคญั บท1 บทนา ท่ีมาและความสาคญั เป็นกลอนประเภทหน่ึง ซ่ึงลกั ษณะคาประพนั ธ์ของภาษาไทย ที่เรียบเรียงเขา้ เป็นคณะ ใชถ้ อ้ ยคาและ ทานองเรียบ ๆ ซ่ึงนบั ไดว้ า่ กลอนสุภาพเป็นกลอนหลกั ของกลอนท้งั หมด เพราะเป็นพ้ืนฐานของกลอนหลาย ชนิด หากเขา้ ใจกลอนสุภาพ กส็ ามารถเขา้ ใจกลอนอื่น ๆ ไดง้ ่ายข้นึ คาประพนั ธ์ ที่ต่อทา้ ยวา่ \"สุภาพ\" นบั วา่ เป็นคาประพนั ธ์ที่แสดงลกั ษณะเป็นไทยแท้ ดว้ ยมีขอ้ บงั คบั ใน เรื่อง \"รูปวรรณยกุ ต\"์ ในกลอนสุภาพนอกจากมีบงั คบั เสียงสระเป็นแบบแผนเช่นกลอนปกติแลว้ ยงั บงั คบั รูป วรรณยกุ ตเ์ พิ่ม จึงมีขอ้ จากดั ท้งั รูปและเสียงวรรณยกุ ต์ เป็นการแสดงไหวพริบปฏิภาณและความแตกฉานในการ ใชภ้ าษาไทยของผแู้ ต่งใหเ้ ด่นชดั ยง่ิ ข้นึ คาประพนั ธก์ ลอนสุภาพนิยมเลน่ กนั มากต้งั แตส่ มยั อยธุ ยา จวบจนถึงปัจจุบนั ในตน้ รัตนโกสินทร์น้นั งาน กลอนสุภาพเด่นชดั ในรัชกาลที่ 2 ซ่ึงเฟื่ องฟถู ึงขนาดมีการแข่งขนั ต่อกลอนสด กลอนกระทู้ ตลอดรัชสมยั มี ผลงานออกมามากมาย เช่น กลอนโขน กลอนนิทาน กลอนละคร กลอนตาราวดั โพธ์ิ เป็นตน้ บทพระราชนิพนธ์ เร่ือง เงาะป่ า กเ็ กิดข้นึ ในยคุ น้ี ยงั มีกวที า่ นอ่ืนที่มีช่ือเสียง เช่น สุนทรภู่ เป็นตน้ และในสมยั รัชกาลท่ี 6 กม็ ีปราชญ์ กวที างกลอนสุภาพที่สาคญั หลายทา่ นเช่นกนั วตั ถปุ ระสงค์ 1.เพอ่ื ทาใหเ้ กิดความภาคภูมิใจในวรรณคดีของไทย และรักษาวฒั นธรรมไทย 2.เพือ่ ดึงดูดความสนใจใหค้ นอ่ืนๆหนั มาอยากศึกษาเร่ืองน้ี สมมติฐาน - โครงงานเรื่องน้ี มีเน้ือหาและท่ีมาและความสาคญั ของกลอน ท่ีสามารถเป็นสื่อในการศึกษาหาความรู้ได้

บทที่ 2 เอกสารท่เี กย่ี วข้อง ในการศึกษาโครงงานเรื่อง ผจู้ ดั ทา ไดร้ วบรวมแนวคิดต่างๆจากเอกสารที่ เกี่ยวขอ้ งดงั ตอ่ ไปน้ี 2.1 ขอ้ มูลทวั่ ไปของกลอนสุภาพ 2.2 ลกั ษณะของกลอนสุภาพ 2.3 หลกั การแตง่ กลอนสุภาพ 2.1 ข้อมูลของกลอนสุภาพ 2.1.1ประวตั ิความเป็นมา กลอนสุภาพ เป็นกลอนชนิดหน่ึงที่กวนี ิยมแตง่ มากที่สุด ดว้ ยเสน่ห์ของการบงั คบั วรรณยกุ ตเ์ อกโทอนั เป็นมรดกของภาษาไทยท่ีลงตวั ท่ีสุดคาว่า สุภาพ หรือ เสาวภาพ หมายถึงคาท่ีมิไดม้ ีรูปวรรณยุกต์ กลอนสุภาพ ปรากฏในวรรณกรรมไทย ต้งั แต่สมยั ตน้ อยธุ ยา ปรากฏในมหาชาติคาหลวงเป็นเรื่องแรกและมีวรรณกรรมท่ีแตง่ ดว้ ยกลอนสุภาพ 3 เรื่อง ไดแ้ ก่ โคลงนิราศหริภุญชยั โคลงมงั ทราตีเชียงใหม่และลิลิตพระลอสมยั อยธุ ยาตอนกลาง วรรณกรรมท่ีใชโ้ คลงส่ีสุภาพ ไดแ้ ก่ โครงเรื่องพาลีสอนนอ้ ง โคลงทศรถสอนพระราม และโคลงราชสวสั ด์ิ พระราชนิพนธส์ มเด็จพระนายรายณ์มหาราชโคลงเฉลิมพระเกียรติพระนารายณมห์ าราช โคลงนิราศนครสวรรค์ กาพยห์ ่อโคลงและโคลงอกั ษรสามของพระศรมี โหสถสมยั อยธุ ยาตอนปลาย ไดแ้ ก่ โคลงนิราศพระบาทโคลงนิราศเจา้ ฟ้าอภยั และกาพยห์ ่อโคลงพระราชนิพนธ์เจา้ ฟ้าธรรมาธิเบศรสมยั ธนบรุ ีไดแ้ ก่โคลงยอพระเกียรต พระเจา้ กรุงธนบุรีและลิลิตเพชรมงกุฎสมยั รัตนโกสินทร์วรรณกรรมที่ใชโ้ คลงส่ีสุภาพท่ีเด่นๆไดแ้ ก่ ลิลิตตะเลงพ่าย นิราศนรินทร์ โคลงนิราศสุพรรณ โคลงโลกนิติ สามกรุงกลอนสุภาพเป็นคาประพนั ธท์ ่ีกวชี อบแตง่ และผา่ นการพฒั นามายาวนานจนมีฉนั ทลกั ษณ์ท่ีลงตวั และเป็นแบบฉบบั ดงั ที่ยดึ ถือกนั ในปัจจุบนั

2.2 ลกั ษณะของกลอนสุภาพ กลอนสุภาพ เป็นกลอนประเภทหน่ึง ซ่ึงลกั ษณะคาประพนั ธข์ องภาษาไทย ที่เรียบเรียงเขา้ เป็นคณะ ใชถ้ อ้ ยคา และทานองเรียบๆ ซ่ึงนบั ไดว้ า่ กลอนสุภาพเป็นกลอนหลกั ของกลอนท้งั หมด เพราะเป็นพ้ืนฐานของกลอนหลาย ชนิด หากเขา้ ใจกลอนสุภาพ กส็ ามารถเขา้ ใจกลอนอ่ืนๆ ไดง้ ่ายข้นึ คาประพนั ธ์ ที่ต่อทา้ ยวา่ \"สุภาพ\" นบั วา่ เป็น คาประพนั ธท์ ่ีแสดงลกั ษณะเป็นไทยแท้ ดว้ ยมีขอ้ บงั คบั ในเร่ือง \"รูปวรรณยกุ ต\"์ ในกลอนสุภาพนอกจากมีบงั คบั เสียงสระเป็นแบบแผนเช่นกลอนปกติแลว้ ยงั บงั คบั รูปวรรณยกุ ตเ์ พ่ิม จึงมีขอ้ จากดั ท้งั รูปและเสียง วรรณยกุ ต์ เป็นการแสดงไหวพริบปฏิภาณและความแตกฉานในการใชภ้ าษาไทยของผูแ้ ตง่ ใหเ้ ด่นชดั ยงิ่ ข้นึ คา ประพนั ธก์ ลอนสุภาพนิยมเลน่ กนั มากต้งั แต่สมยั อยธุ ยา จวบจนถึงปัจจุบนั ในตน้ รัตนโกสินทร์น้นั งานกลอน สุภาพเด่นชดั ในรัชกาลที่ ๒ ซ่ึงเฟื่ องฟูถึงขนาดมีการแขง่ ขนั ตอ่ กลอนสด กลอนกระทู้ ตลอดรัชสมยั มีผลงาน ออกมามากมาย เช่น กลอนโขน กลอนนิทาน กลอนละคร กลอนตาราวดั โพธ์ิ เป็นตน้ บทพระราชนิพนธ์เร่ือง เงาะป่ า กเ็ กิดข้ึนในยคุ น้ี ยงั มีกวที า่ นอ่ืนที่มีช่ือเสียง เช่น สุนทรภู่ เป็นตน้ และในสมยั รัชกาลท่ี ๖ กม็ ีปราชญก์ วี ทางกลอนสุภาพท่ีสาคญั หลายท่านเช่นกนั กลอนสุภาพ คือกลอนท่ีใชถ้ อ้ ยคา และทานองเรียบๆ แบง่ ออกเป็น ๔ ชนิด คือ กลอนสุภาพแบง่ เป็น ๔ ชนิด คอื ๑. กลอน ๖ เป็นกลอนท่ีใชใ้ นหน่ึงบทมี ๒ คากลอน หน่ึงค ากลอนมี ๒ วรรค ทุกวรรคมี ๖ คา(การเรียกชื่อ กลอน ๖ จึงมาจากจานวนค าในวรรคในหน่ึงบทมี ๔ วรรค คอื วรรคสดบั วรรครับ วรรครอง วรรคส่ง ๒. กลอน ๗ เป็นกลอนท่ีใชใ้ นหน่ึงบทมี ๒ คากลอน หน่ึงค ากลอนมี ๒ วรรค ทุกวรรคมี ๗ คาเรียกช่ือ กลอน ๗ ตามจานวนค าในแตล่ ะวรรค ลกั ษณะสมั ผสั ก็จะคลา้ ยกบั กลอน ๖ ๓. กลอน ๘ เป็นกลอนที่ใชใ้ นหน่ึงบทมี ๒ คากลอน หน่ึงค ากลอนมี ๒ วรรค ทกุ วรรคมี ๘ คาลกั ษณะ สมั ผสั เหมือนกลอน ๖และ ๗ ๔. กลอน ๙ เป็นกลอนที่ใชใ้ นหน่ึงบทมี ๒ คากลอน หน่ึงคากลอนมี ๒วรรค ทุกวรรคมี ๙ ค า ลกั ษณะ สมั ผสั เหมือนกลอน ๖,๗ และ ๘

กฎสัมผสั พยางคส์ ุดทา้ ยของวรรคที่ ๑ สัมผสั กบั พยางคท์ ่ี ๓ หรือ ๕ ในวรรคที่ ๒พยางคส์ ุดทา้ ยของวรรคที่ ๒ สมั ผสั กบั พยางคส์ ุดทา้ ยของวรรคท่ี ๓ และสัมผสั กบั พยางคท์ ่ี ๓ หรือ ๕ ในวรรคที่ ๔ สมั ผสั ระหวา่ งบทพยางค์ สุดทา้ ยของบทตน้ สัมผสั กบั พยางคส์ ุดทา้ ยของวรรคท่ี ๒ของบทถดั ไป สัมผสั ในกลอนสุภาพจะมีความไพเราะยง่ิ ข้นึ ไป นอกเหนือจากการสมั ผสั ตามสัมผสั บงั คบั แลว้ ยงั ตอ้ งมี สมั ผสั ในที่เป็น สัมผสั สระและสัมผสั อกั ษร อีกดว้ ยจึงจะเป็นบทกลอนที่ไพเราะ เสียงวรรณยกุ ต์ คอื การบงั คบั เสียงทา้ ยวรรคของบทร้อยกรองโดยเฉพาะบทร้อยกรองประเภทกลอน อนั ท่ีจริงไม่ถึงกบั เป็นการบงั คบั ที่ เคร่งครัดแตก่ ็เป็นความนิยมโดยทวั่ ไปทางการแตง่ บทร้อยกรอง เสียงทา้ ยวรรคของกลอน วรรคสดบั นิยมใชเ้ สียงวรรณยกุ ตท์ กุ เสียง วรรครับ นิยมใชเ้ สียงวรรณยกุ ตเ์ อก โท และจตั วา วรรครอง นิยมใชเ้ สียงวรรณยกุ ตส์ ามญั และ ตรี วรรคส่ง นิยมใชเ้ สียงวรรณยกุ ตส์ ามญั และตรี

บทท3ี่ วธิ ีการดาเนนิ โครงงาน ในการจดั ทาโครงงานภาษาไทยเพอื่ การเขียนรายงานเชิงวิชาการ เรื่อง บอกเลา่ เร่ืองราวของดีในจงั หวดั ตรังดว้ ยดว้ ยกลอนสุภาพเพ่ือแสดงเอกลกั ษณ์ในตา้ นกวีและของตีทว่ั ไป ผจู้ ดั ทาโครงงานมีวธิ ีตามข้นั ตอนตงั น้ี 3.1 ข้นั ตอนการดาเนินงาน 3.1.1 คิดหวั ขอ้ โครงงานเพ่ือนาเสนอท่ีปรึกษาโครรงงาน 3.1.2 ศึกษาและคน้ ควา้ ขอ้ มลู ท่ีเก่ียวขอ้ งกบั เร่ืองท่ีสนใจ คอื เรื่อง บอกเลา่ เร่ืองราวของตีในจงั หวดั ตรังดว้ ย โคลง สุภาพวา่ มีเน้ือหามากนอ้ ยเพียงใตและตอ้ งศึกษาคน้ ควา้ เพ่ิมเติมเพยี งใตและเกบ็ ขอ้ มลู ไวเ้ พอ่ื จตั ทาเน้ือหาต่อไป 3.1.3 ศึกษาการสร้างเวบ็ บลอ็ กที่สร้างจากเวบ็ ไชค์ Google ide จากเอกสารจากครูประจาวชิ าที่กาหนต และจากเวบ็ ไชตต์ า่ งๆที่นาเสนอเทคนิค วธิ ีการสร้างเน้ือหาของโครงงาน 3.1.4. จดั ทาโครงร่างโครงงานภาษาไทยเพอื่ การเขยี นรายงานเชิงวชิ าการ เพ่ือนาเสนอครูท่ีปรึกษาผา่ น google Sideของตวั เอง 3.1.5 ปฏิบตั ิการทาโครรงงานภาษาไทยเพ่ือนการเขยี นรายงานเชิงวิชาการ เร่ือง บอกเล่าเรื่องราวของดีใน จงั หวดั ตรังดว้ ยโคลงสีสุภาพ โดยการสร้างบทเรียนท่ีสนใจตามแบบเสนอโครงร่างท่ีเสนอไวแ้ ลว้ 3.1.6 นาเสนอรายงานความกา้ วหนา้ เป็นระยะๆ ซ่ึงครูท่ีปรึกษาโครรงงานจะใหข้ อ้ เสนอแนะต่างๆ เพอ่ื ให้ จดั ทา เน้ือหา และการนาเสนอท่ีนาสนใจตอ่ ไป ท้งั น้ีเมื่อไดร้ ับคาแนะนากจ็ ะนามาปรับปรุงแกไ้ ขแกใ้ ขใหเ้ ป็นที่สนใจ ยง่ิ ข้ึน 3.1.7 จดั ทาเอกสารรายงานโครรงงานคอมพิวเตอร์โดยนาเสนอในรูปแบบ ไฟลค์ อมพิวเตอร์ 3.1.8 ประเมินผลงาน โตยการนาเสนอผา่ น Google Side 3.1.9 นาเสนอผา่ น Google Side เพ่อื ให้ผสู้ นใจศึกษาหาความรู้ต่อไป 3.2 วสั ตอปุ กู รณณ์ 3.2.1 สมดุ จดเอาไวส้ อบถอบชาวบา้ น 3.2.2 ปากกาเอาไวจ้ ดส่ิงสาคญั 3.2.1 โทรศพั ทม์ ือถือ หรือส่ืออิเลก็ ทรอนิคไวใ้ ชห้ าขอ้ มูลเก่ียวกบั เวบ็ ไชต์

3.3 ข้นั ตอนการทา 3.3.1 จดั เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมเพื่อศึกษาหาขอ้ มลู เกี่ยวกบั โครงงาน เช่น สอบถามชาวบา้ นในบริเวณน้นั หรือศึกษาผา่ นทางเวบ็ ไชต์ 3.3.2 ศึกษาหาขอ้ มลู ผา่ นทางเวบ็ ไชด์ และสอบถามชาวบา้ นเพอื่ รวบรวมขอ้ มลู 3.3.3 นาขอมลู ท่ีไตม้ าสรุปใจความสาคญั ใหช้ ดั เจน

บทที่4 ผลการดาเนนิ งาน ในการจดั ทาโครงงานภาษาไทยเร่ือง ของดีเมืองตรังใน แบบกลอนสุภาพ ผจู้ ดั ทาไดม้ ีผลการดาเนินงาน ดงั น้ี 4.1 ตารางบนั ทึกผลและการดาเนินงาน ลาดบั ที่ ข้นั ตอนการดาเนินงาน ปัญหาและอปุ สรรค/แนวทางแกป้ ัญหา 1 ช้ันวางแผน ปัญหาและอุปสรรค 2 1.ศึกษาและหาขอ้ มลู สมาชิกมีหวั ขอ้ ท่ีอยากจะทาตา่ งกนั 2.นาเสนอหวั ขอ้ โครงงาน 3.ส่งแบบร่างโครงงาน แนวทางแกป้ ัญหา ปรีกษาร่วมกนั คิดถึงความยากง่ายของหวั ขอ้ ที่ จะทา และจะใหป้ ระโยชนม์ ากนอ้ ยเพยี งใด ข้นั เตรียม ปัญหาและอุปสรรค 1.จดั เตรียมอุปกรณ์ท่ีใชส้ าหรับ อุปกรณ์ในการทางานชารุดบ่อย ทาโครงงาน แนวทางแกป้ ัญหา 2.ทดลองทาโครงงาน นาอปุ กรณืท่ีชารุดไปซ่อม ข้นั ดาเนินการ ปัญหาและอุปสรรค 1.เริ่มลงมือทาโครงงาน 1.ขอ้ มูลหาไดย้ าก 3 2.รวบรวมและจดั เตรียมเน้ือหา 2.ใชเ้ วลาในการทารูปเล่มเป็นเวลานาน 3.จดั ทารูปเลม่ ของโครงงาน แนวทางแกป้ ัญหา คน้ หาขอ้ มลู ในอินเทอร์เน็ตเพื่อความรวดเร็ว ข้นั ประเมนิ ผล ปัญหาและอุปสรรค 1.ตรวจสอบขอ้ ผิดพลาดในเลม่ 1.โครงงานมีขอ้ ผดิ พบาด 4 โครงงาน 2.จาบทในการนาเสนอไมค่ อ่ ยได้ 2.บนั ทึกและสรุปการทาโครงงาน แนวทางแกป้ ัญหา 3.นาเสนอโครงงาน 1.แกไ้ ขขอ้ ผิดพลาดในโครงงาน 2.ฝึ กนาเสนอบ่อยๆ

บทที่ 5 สรุปและอภปิ รายผลการดาเนินงาน ในการจดั ทาโครงงานภาษาไทย เร่ือง ของดีเมืองตรังในแบบกลอนสุภาพ มีผลสรุปและอภิปรายการ ดาเนินงาน ดงั น้ี 5.1 สรุปผลการดาเนินงาน จากการศึกษาคน้ ควา้ เร่ืองของดีเมืองตรังในแบบกลอนสุภาพสรุปไดว้ า่ กลอนสุภาพน้นั มีรูปแบบแตกต่างจาก กลอนอื่นและแตกต่างกนั ออกไป ผจู้ ดั ทาเลยยกตวั อยา่ งมาบางส่วนเพอื่ เป็นแนวทางในการอ่านละรวบรวมไวท้ ี่ กลอนในบทท่ี4 5.2 อภิปรายผลการดาเนินงาน โครงงานเรื่องของดีเมืองตรังในแบบกลอนสุภาพ เป็นโครงงานท่ีช่วยทาใหบ้ คุ คลที่ศึกษาหาความรู้วธิ ีเขยี น และ อ่านกลอนไดอ้ ยา่ งถูกวิธี นอกจากน้ีการทาโครงงานน้ีจะช่วยใหเ้ รามีความรู้เกี่ยวกบั กลอนสุภาพไดด้ ียง่ิ ข้ึน อีกดว้ ย 5.3 ปัญหาที่พบ 5.3.1 อุปกรณ์ในการทาชารุดบอ่ ย 5.3.2 หาขอ้ มูลไดย้ าก 5.3.3 ใชเ้ วลานานในการรวบรวมขอ้ มูลและทารูปเลม่ 5.4 ประโยชน์ที่จะไดร้ ับ มีความรู้ความเขา้ ใจในเรื่องกลอนสุภาพมากยง่ิ ข้นึ และสามารถนาความรู้เรื่องกลอนสุภาพไปใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั ไดด้ ียง่ิ ข้ึน 5.5 ขอ้ เสนอแนะ 5.5.1 ควรศึกษาหาความรู้เพม่ิ เติมเก่ียวกบั เน้ือหาที่จะนามาเขยี นเป็นกลอนใหม้ ากข้นึ 5.5.2 ควรศึกษาวางแผนใหเ้ ป็นระบบมากยงิ่ ข้ึน 5.5.3 ควรพูดคยุ กบั สมาชิกในกลมุ่ หีมีความเขา้ ใจเพ่มิ มากยงิ่ ข้นึ

บรรณานุกรม สัมผสั กลอนสุภาพ - บา้ นจอมยทุ ธ https://www.baanjomyut.com/library_2/thai_poetry/05.html


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook