Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธรรรมศึกษา ตรี โท เอก

ธรรรมศึกษา ตรี โท เอก

Published by arom2527, 2018-08-25 09:22:28

Description: ศึกษาสอบธรรมศึกษา

Search

Read the Text Version

ปญ หาและเฉลยขอ สอบ นักธรรมช้ันโท - เอก และธรรมศกึ ษาตรี - โท - เอก พ.ศ. ๒๕๕๙ สาํ นกั งานแมก องธรรมสนามหลวงเลขท่ี ๒๘๗ อาคารหอสมดุ มหามกฎุ ราชวทิ ยาลยั หนาวดั บวรนเิ วศวหิ ารถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนเิ วศ เขตพระนคร กรงุ เทพมหานคร ๑๐๒๐๐โทร. ๐-๒๖๒๙-๔๓๐๐, ๐-๒๖๒๙-๐๙๖๑, ๐-๒๖๒๙-๐๙๖๒โทรสาร. ๐-๒๖๒๙-๐๙๖๓ Homepage : www.gongtham.netEmail : [email protected], [email protected]

เรื่อง ปญหาและเฉลยขอ สอบ นักธรรมชน้ั โท-เอก และธรรมศกึ ษาตรี-โท-เอก พ.ศ. ๒๕๕๙พิมพค ร้งั แรก : วันท่ี ๘ ธนั วาคม พ.ศ. ๒๕๕๙จาํ นวน : ๓,๐๐๐ เลมจัดพมิ พ : สํานักงานแมก องธรรมสนามหลวง เลขที่ ๒๘๗ อาคารหอสมุดมหามกุฎราชวทิ ยาลัย หนา วดั บวรนิเวศวหิ าร ถนนพระสเุ มรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐ โทร. ๐-๒๖๒๙-๔๓๐๐, ๐-๒๖๒๙-๐๙๖๑, ๐-๒๖๒๙-๐๙๖๒ โทรสาร. ๐-๒๖๒๙-๐๙๖๓ที่ปรึกษา สมเดจ็ พระวันรตั วดั บวรนิเวศวิหาร พระพรหมมนุ ี วัดราชบพิธสถติ มหาสมี ารามตรวจตนฉบบั และพสิ จู นอกั ษร : พระเทพเจติยาจารย วดั โสมนัสวิหาร พระสุธีรตั นาภรณ วดั สุทัศนเทพวราราม พระราชสารสุธี วัดตรที ศเทพ พระมงคลเมธาวัฒน วดั นรนาถสนุ ทริการามพิมพ / รปู เลม : พระราชมงคลเมธี วดั สมั พันธวงศ พระครูพพิ ธิ วรกจิ จาทร วดั ระฆังโฆสติ ารามพิมพที่ โรงพิมพสาํ นกั งานพระพทุ ธศาสนาแหง ชาติ๓๑๔-๓๑๖ ปากซอยบานบาตร ถ.บาํ รุงเมอื ง เขตปอมปราบศัตรูพา ย กรงุ เทพฯ ๑๐๑๐๐นายอินทพร จนั ทรเอ่ยี ม โทร. ๐-๒๒๒๓-๓๓๕๑, ๐-๒๒๒๓-๕๕๔๘

วิธีตรวจในสนามหลวงขอประกาศแกก รรมการทั้งหลายทราบท่วั กนั การตรวจประโยคธรรม และธรรมศึกษาของสนามหลวงความประสงคเพ่ือทราบความรูของนักเรียนตามความเปนจริง เปนทางใหผูศึกษาเจริญในวิทยาการและจรยิ สมบตั ิสืบอายุพระพุทธศาสนาตอ ไป ปญหาที่ออกสอบ สนามหลวงแผนกธรรมไดรวบรวมขึ้นจากขอสอบของพระกรรมการหลายรูป มีกรรมการตรวจพิเศษคัดเลือกอีกช้ันหน่ึง ถามความจําบางความเขาใจบาง ความคิดบาง การตรวจตองถือแนวนี้เปนเกณฑตรวจคําถามที่ถามความจําตองตอบใหตรงตามแบบ และอาจเหมือนกันไดหมดทุกคนท่ีถามความเขาใจในทางท่ีถูกมีไดอยางเดียว แตโวหารอาจตางกันท่ีถามความคิดเหตุผล ยอมมีไดคนละอยางตามความคิดของแตละคน น้ีเปนประมาณในการตอบ คําเฉลยนั้นเปนเพียงแนวทางใหกรรมการไดถือเปนเกณ ฑในการตรวจไดสะดวก เปนเพียงมติหน่ึงท่ีอาศัยหลักเปนสําคัญ จะเกณฑใหนักเรียนตอบตรงกันทุกขอคงเปนไปไมได เวนไวแตใจความสําคัญเทานั้น สวนขอสอบของธรรมศึกษาทุกช้ัน เวนเรียงความแกกระทูธรรมปญ หาท่ีออกสอบเปนแบบปรนัย คือเลือกคําตอบที่ออกมาแลวในแตละขอแตตองเปนคําตอบที่ถูกตองที่สุดในแตละขอ ซ่ึงมีท่ีถูกที่สุดเพียงขอละคําตอบเดียวนักเรียนจะตองเลือกตอบขอท่ีถูกเทานั้น เลือกตอบผิดเปนไมไดคะแนน เปนการถามทั้งความรู ความเขา ใจ ความจาํ และความคิดไปในตวั ดว ย การตรวจก็เพื่อจะรูวานักเรียนมีความรูหลักธรรมวินัย ควรแกการดํารงพระศาสนาหรือไม ควรไดเปนได ควรตกเปนตก อยางน้ีเปนทางเจริญวิทยาการของผูศึกษาตอ ไป ผูตรวจพึ งต้ังใจอยูในมัชฌั ตตุเบกขาวางตนเปนกลาง ถือความจริงเปนหลักถูกวาตามถูก ผิดวาตามผิด ไมควรถืออคติอันทําใหเสียความเท่ียงธรรมมุงทํากิจพระศาสนาสงเคราะหก ลุ บตุ รใหไ ดความเสมอภาคทัว่ หนากัน ๓

ทานท้ังหลายไดรับอาราธนามาใหเปนกรรมการนั้น คือเปนผูที่สนามหลวงเหน็ แลววา ทรงคุณธรรม ควรแกฐ านะสมควรจะยกยองใหเ ปนผูตรวจความรขู องนักเรยี นไดขอทานจงเคารพตอความเปนธรรม เพ่ือความเสมอภาคแกนักเรียนท้ังหลายถาคณะกรรมการกองใดหรือผูใดมีมติไมลงกัน หรือขัดของอยางใด หากตกลงกันไมไดใหห ารือประธานในท่ีนน้ั ใหทา นชี้ขาด และพึงปฏบิ ัตติ ามโดยธรรม อนึ่งนักเรียนบางคนบางสํานักอยากไดจนเกินพอดี ถึงกับทําผิดระเบียบของสนามหลวง ลืมคิดถึงตนวาเรียนธรรมสอบธรรมเปนนักธรรม ขอใหก รรมการทง้ั หลายชว ยสอดสอ งตรวจตรากํากับไปดวย ลกั ษณะของใบตอบทสี่ อทจุ รติ ดังน้ี ๑. ฉบับเดียวกัน ลายมือไมเหมือนกัน หรือวันตนอยางหน่ึง วันหลังอยางหนึ่ง ซึ่งสอวาเปนคนละคนเหลาน้แี ปลวา คนอนื่ ทาํ ให ๒. คําตอบที่ตองเรียงคําพูดมากๆ เหมือนกับฉบับอื่นอันสอวาไมใชความจําความรู อนั เปนสาํ นวนของตนนี้ แปลวาดูคําตอบของคนอื่นหรอื ใหค นอ่ืนดูคาํ ตอบ ๓. ตอบโดยทํานองอยางเขียนคําบอกเหมือนกันจริง ๆ เชน ผิดเหมือนกันถูกเหมือนกัน แกเหมือนกัน ขีดฆาเหมือนกัน ตกขอความเหมือนกัน นี้แสดงวามผี บู อกใหต อบ ๔. ถาเห็นวาทุจริตอยางใดอยางหนึ่งจงลงเลข ๐ นําเสนอประธานกรรมการเก็บรวบรวมไวก บั ใบตอบคนเดยี วกนั เพื่อเปนหลกั ฐาน ๔

วิธีตรวจประโยคธรรมสนามหลวง ๑. วิธตี รวจน้ีเปนวิธตี รวจใหคะแนน คะแนนเตม็ แตละขอ มี ๑๐ คะแนน ๒. การจะตรวจใหคะแนนเต็มหรือไม ใหกรรมการพิจารณาเห็นตามสมควรถา ไมถูกเลยใหล งเลข ๐ ๓. ขอใหญที่มีขอยอยใหลงคะแนนท่ีขอยอยแตละขอ แลวรวมคะแนนไวท่ีเลขหัวขอใหญน้ันๆ เมื่อตรวจขอยอยครบในแตละขอยอยใหญ ใหรวมคะแนนไวคราวหนงึ่ แลว เขียนเลขจาํ นวนคะแนนท่ไี ดเ ฉพาะขอนั้นๆไวท ่ีเลขหัวขอ ของขอ นัน้ ๆ ๔. เมื่อตรวจครบท้ัง ๑๐ ขอแลวใหรวมคะแนนทงั้ หมด (๑๐ ขอ) แลวเขยี นไวที่มมุ ขวาดา นบนทกุ ฉบับ ๕. ตรวจเสร็จแลวใหลงชื่อกํากับไวที่มุมซายมือดานบนทุกฉบับ และฉบับแรกของแตละปกใหลงช่ือโดยเขยี นตัวบรรจงทุกปก ๖. เฉพาะใบตอบของธรรมศึกษาทุกชั้น เวนกระทู ขอสอบแตละวิชามี ๕๐ ขอๆละ ๒ คะแนน ใหตรวจไปตามใบเฉลยฉบับท่ีเฉลยไว ใหตรวจแตละฉบับแลวใหนับขอรวมคะแนน และปฏิบตั ิเชนเดียวกับ ขอ ๕ ๗. ในกรณีที่นักเรียนธรรมศึกษากากบาทลงในชองคําตอบในขอเดียวกันหลายคาํ ตอบ ถือวาขอน้ันๆ เปนผิดไมไดคะแนน หากมีรอยขูดลบขีดฆาไว แตพอเปน หลักฐานใหทราบวา นกั เรียนตกลงใจตอบคาํ ตอบในขอไหนไดก ใ็ หตรวจ ไปตามน้ัน ๘. การตรวจใหใชกรรมการ ๒ รูปเมื่อกรรมการรูปท่ี ๑ ตรวจเสร็จแลวใหกรรมการ รูปที่ ๒ ตรวจซํ้า ถาเห็นไมรวมกันใหตกลงแกไขเปลี่ยนแปลงไดถาเห็นรวมกันก็ไมตองเปลี่ยนแปลงแกไขแลว ใหลงนามกํากับไวทุกฉบับโดยปฏิบัติเชน เดยี วกบั กรรมการรปู ที่ ๑ ๕

การใหคะแนน ๑. การใหค ะแนนนักธรรมและธรรมศึกษาทุกชนั้ มีหลักเกณฑด ังนี้ ๑.๑ สําหรับประโยคนักธรรมทุกช้ันใหถือ ๔๐๐ คะแนนเปนเกณฑ วิชาทุกวิชา ใหคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เมื่อรวมคะแนนของท้ัง ๔ วิชาแลวตอ งไดคะแนนไมต่าํ กวา ๒๘๐ คะแนน ถือวาสอบได ตํ่ากวา ๒๘๐ คะแนน ถอื วาสอบตก ๑.๒ สําห รับ ธรรมศึกษ าทุ กชั้น ให ถือ ๔ ๐ ๐ คะแน น เป น เกณ ฑ วชิ าทุกวิชาใหคะแนนเต็ม ๑๐๐ คะแนน เมอื่ รวมคะแนนของทงั้ ๔ วิชา แลวตองไดคะแนนไมตํ่ากวา ๒ ๐ ๐ คะแนน ถือวาสอบได ตา่ํ กวา ๒๐๐ คะแนนถอื วาสอบตก ๑.๓ นักธรรมและธรรมศึกษาทุกชั้น เม่ือตรวจดูคะแนนของแตละวิชาที่ได แลวหากมีวิชาใดวิชาหน่ึงไดคะแนนต่ํากวา ๒๕ คะแนน แมจะรวมครบ ทุกวิชาแลวไดเกินกวาเกณ ฑท่ีกําหนดก็ตาม ถือวาการสอบ คร้งั น้ีเปน การสอบตกดว ย ๒. ผูสอบนกั ธรรมและธรรมศึกษาทกุ ชัน้ ตองสอบท้ัง ๔ วิชา ถาขาดสอบวิชาใดวิชาหนง่ึ สนามหลวงแผนกธรรมไมร ับพิจารณา ใหอยใู นเกณฑสอบตก ๓. การตอบสับขอใหหักคะแนนเสีย ๒ คะแนน เชนเดิมคือแทนที่จะได๑๐ คะแนนเต็มก็ใหเพียง ๘ คะแนนเทานั้น หากตอบไมหมดขอคงใหคะแนนไมเตม็ ขอเทากบั การตอบ ถาผูตรวจเห็นวาฉบับใดผิดมากไมไดแ มแตคะแนนเดียวก็ใหลง๐ ไวดว ย ๔. วิชาท่ีตอบตองไดคะแนนทุกวิชาจึงจะยอมรับรวมคะแนนให หากเกิดวิชาใดวิชาหนึ่งไมไดคะแนนแมแตคะแนนเดียว หรือไดตํ่ากวา ๒๕ คะแนน ก็หามรวมคะแนนปรับเปน ตก แมร วมทกุ วชิ าแลว จะไดคะแนนสูงถงึ เกณฑท ี่กาํ หนดไวก ็ตาม ๖

แนวตรวจกระทูธรรม สําหรับกรรมการพจิ ารณาใหคะแนน ๑. แตง ไดต ามกาํ หนด ๒. อา งกระทไู ดต ามกฎ ๓. เช่อื มกระทไู ดด ี ๔. อธิบายความสมกับกระทูที่ไดต้งั ไว ๕. ใชสาํ นวนสุภาพเรยี บรอย ๖. ใชต ัวสะกดการันตถูกเปน สว นมาก ๗. สะอาดไมเปรอะเปอ น ขอใหกรรมการสนามหลวงแผนกธรรมไดป ฏิบัตใิ หชอบดวยระเบยี บเพอื่ ใหเปน ไปตามวตั ถปุ ระสงคข องการสอบทุกประการ วธิ ตี รวจน้ใี หใ ชเฉพาะในการสอบธรรมสนามหลวง *********** สาํ นกั งานแมกองธรรมสนามหลวง ๗



ปญั หาและเฉลยขอ้ สอบนกั ธรรม นกั ธรรมชน�ั โท-เอก ของสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ ๙

๑๐

ปญั หาวชิ าเรยี งความแกก้ ระทธู้ รรม นักธรรมชน�ั โท สอบในสนามหลวง วนั พธุ ท�ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙อจฺจยนฺติ อโหรตตฺ า ชีวติ ํ อปุ รุชฺฌติอายุ ขียติ มจฺจานํ กนุ ฺนทนี ํว โอทก.ํ วนั คนื ยอ่ มลว่ งไป ชวี ติ ยอ่ มหมดเขา้ ไป อายุของสตั วย์ อ่ มส�นิ ไปเหมอื นนาํ� แห่งแมน่ าํ� นอ้ ย ๆ ฉะนน�ั(พทุ ธฺ ) ส.ํ ส. ๑๕/๑๕๙ ข.ุ มหา. ๒๙/๑๔๔ ------------------- แต่งอธิบายเป็นทาํ นองเทศนาโวหาร อา้ งสุภาษติ อ�นื มาประกอบไมน่ อ้ ยกว่า ๒ ขอ้ และบอกช�อื คมั ภรี ์ท�มี าแห่งสุภาษติ นนั� ดว้ ย หา้ มอา้ งสุภาษิตซาํ� ขอ้ กนั แต่จะซาํ� คมั ภีรไ์ ดไ้ ม่หา้ ม สุภาษิตท�อี า้ งมานนั� ตอ้ งเรียงเชอ�ื มความใหส้ นิทตดิ ต่อสมเรอ�ื งกบั กระทูต้ ง�ั .ชน�ั น�ี กาํ หนดใหเ้ขยี นลงในใบตอบ ตงั� แต่ ๓ หนา้ (เวน้ บรรทดั ) ข�นึ ไป ------------------- ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๑๑

๑๒

ปญั หาวิชาธรรม นกั ธรรมชน�ั โท สอบในสนามหลวง วนั พฤหสั บดที �ี ๑๗ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙๑. เจโตวมิ ตุ ติ กบั ปญั ญาวมิ ตุ ติ ต่างกนั อยา่ งไร ?ตอบ เจโตวมิ ตุ ติ เป็นวมิ ตุ ตขิ องท่านผู ไ้ ดบ้ รรลุฌานมาก่อนแลว้ จงึ บาํ เพญ็ วปิ สั สนาต่อ ส่วนปญั ญาวมิ ตุ ติ เป็นวมิ ตุ ตขิ องทา่ นผู ไ้ ดบ้ รรลุดว้ ยลาํ พงั บาํ เพญ็ วปิ สั สนาลว้ น อกี นยั หน�ึง เรยี กเจโตวมิ ตุ ตเิ พราะพน้ จากราคะ เรยี กปญั ญาวมิ ตุ ตเิ พราะพน้ จากอวชิ ชา ฯ๒. พระอรยิ บคุ คล ๘ จาํ พวก จาํ พวกไหนช�ือว่าพระเสขะ และพระอเสขะ ? เพราะเหตไุ ร ?ตอบ พระอรยิ บคุ คล ๗ เบ�อื งตน้ ชอ�ื ว่าพระเสขะ เพราะเป็นผูย้ งั ตอ้ งปฏบิ ตั เิ พอ�ื บรรลุมรรคผลเบ�อื งสูง ฯ พระอรยิ บคุ คลผูต้ ง�ั อยู่ในอรหตั ตผล ช�อื วา่ พระอเสขะ เพราะเสรจ็ กจิ อนั จะตอ้ งทาํ แลว้ ฯ๓. ราคะ โลภะ อสิ สา กล�นิ รส อย่างไหนเป็นกเิ ลสกาม อยา่ งไหนเป็นวตั ถกุ าม ?ตอบ ราคะ โลภะ อสิ สา เป็นกเิ ลสกาม กลน�ิ รส เป็นวตั ถกุ าม ฯ๔. คาํ ว่า “โสดาบนั \" แปลวา่ อะไร ? ผูบ้ รรลโุ สดาบนั น�ัน ละสงั โยชน์อะไรไดเ้ ด็ดขาด ?ตอบ โสดาบนั แปลว่า ผูแ้ รกถงึ กระแสพระนิพพาน ฯ ทา่ นละสงั โยชนไ์ ดเ้ดด็ ขาด ๓ อยา่ ง คอื ๑. สกั กายทฏิ ฐิ ๒. วจิ กิ จิ ฉา ๓. สลี พั พตปรามาส ฯ ๑๓

๕. ความตรใิ นฝ่ ายชวั� เรยี กวา่ อะไร ? มกี อ�ี ย่าง ? อะไรบา้ ง ?ตอบ เรยี กว่า อกศุ ลวติ ก ฯ มี ๓ อย่าง ฯ คือ ๑. กามวติ ก ความตรใิ นทางกาม ๒. พยาบาทวติ ก ความตริในทางพยาบาท ๓. วหิ งิ สาวติ ก ความตรใิ นทางเบยี ดเบยี น ฯ๖. มจั จุมารไดแ้ กอ่ ะไร ? ไดช้ �ือว่าเป็นมารเพราะเหตไุ ร ?ตอบ ไดแ้ ก่ความตาย ฯ ช�อื ว่าเป็นมาร เพราะเมอ�ื ความตายเกดิ ข�นึ บคุ คลยอ่ มหมดโอกาสทจ�ี ะทาํ ประโยชนใ์ ด ๆ อกี ต่อไป ฯ๗. จรติ คอื อะไร ? คนมีปกตเิ ช�ืองา่ ยเป็นจรติ อะไร ?ตอบ คือ พ�นื เพอธั ยาศยั ของบคุ คลทแ�ี สดงออกมาตามปกตเิ ป็นประจาํ ฯ เป็นสทั ธาจรติ ฯ๘. กเิ ลสท�ไี ดช้ �ือว่าอนุสยั และไดช้ �ือว่าสงั โยชน์ มีอธบิ ายอย่างไร ?ตอบ กเิ ลสทไ�ี ดช้ อ�ื ว่าอนุสยั เพราะเป็นกเิ ลสอยา่ งละเอยี ด นอนเน�ืองอยู่ในสนั ดานของสตั ว์ มกั ไม่ปรากฏ ต่อเมอ�ื มอี ารมณม์ ายวั� จงึ ปรากฏข�นึ กเิ ลสทไ�ี ดช้ �อื วา่ สงั โยชน์ เพราะเป็นกเิ ลสทผ�ี ูกใจสตั วไ์ วก้ บั ภพไมใ่ หห้ ลุดพน้ ไปได้ ฯ๙. พระพทุ ธคุณบทวา่ อรหํ เป็นพระอรหนั ต์ มีความหมายอย่างไรบา้ ง ? เลอื กตอบมา ๒ อยา่ งตอบ มคี วามหมายได้ ๔ อยา่ ง ฯ คือ ๑. ช�อื ว่าเป็นพระอรหนั ต์ เพราะเป็นผู้ไกลจากกเิ ลสและบาปธรรม กลา่ วคอื เป็นผูบ้ รสิ ุทธ�ิ ๒. ชอ�ื วา่ เป็นพระอรหนั ต์ เพราะเป็นผูห้ กั กาํ สงั สารจกั ร คือ อวชิ ชา ตณั หา อปุ าทาน กรรม ได้ ๓. ช�อื ว่าเป็นพระอรหนั ต์ เพราะเป็นผูค้ วรแนะนาํ สงั� สอนเขา หรอื เป็นผูค้ วร รบั ความเคารพนบั ถอื ๔. ชอ�ื ว่าเป็นพระอรหนั ต์ เพราะเป็นผู้ไมม่ คี วามลบั คือมไิ ดท้ าํ ความเสยี หาย อนั ใดทจ�ี ะพงึ ซอ่ นเรน้ ฯ ๑๔

๑๐. จงใหค้ วามหมายของคาํ ตอ่ ไปน�ี ? ๑. อโหสกิ รรม ๒. กตตั ตากรรม ตอบ อโหสกิ รรม คือกรรมใหผ้ ลสาํ เรจ็ แลว้ เป็นกรรมลว่ งคราวแลว้ เลกิ ใหผ้ ลเปรียบเหมอื น พชื ส�นิ ยางแลว้ เพาะไมข่ �นึ กตตั ตากรรม คือกรรมสกั วา่ ทาํ ไดแ้ ก่กรรมอนั ทาํ ดว้ ยไมจ่ งใจ ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๑๕

ปญั หาวิชาอนุพทุ ธประวตั ิ นักธรรมชน�ั โท สอบในสนามหลวง วนั ศกุ รท์ �ี ๑๘ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙๑. ประวตั อิ นุพทุ ธบุคคลมีความสาํ คญั ต่อผูศ้ กึ ษาอยา่ งไร ?ตอบ ทาํ ใหผ้ ูศ้ ึกษาไดร้ บั ความรูใ้ นจรยิ าวตั ร และคุณความดที ท�ี ่านไดบ้ าํ เพญ็ มา ตลอดจนถงึ ผลงาน ในการช่วยเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาอนั ทาํ ใหเ้จรญิ สบื มาถงึ ทุกวนั น�ี นาํ ใหเ้กดิ ความเลอ�ื มใสและความนบั ถอื เป็นทฏิ ฐานุคตอิ นั ดี สามารถนอ้ มนาํ มาปฏบิ ตั ติ ามได้ ฯ๒. เอหภิ กิ ขุอปุ สมั ปทาท�ปี ระทานแกพ่ ระโกณฑญั ญะและพระยสะต่างกนั อยา่ งไร ? เพราะเหตไุ ร ?ตอบ ต่างกนั คอื ทป�ี ระทานแก่พระโกณฑญั ญะมคี าํ ว่า เพอ�ื ทาํ ทส�ี ุดทกุ ขโ์ ดยชอบ สว่ นทป�ี ระทานแก่ พระยสะไมม่ คี าํ ว่า เพอ�ื ทาํ ทส�ี ุดทกุ ขโ์ ดยชอบ ฯ เพราะพระยสะไดถ้ งึ ท�สี ุดทกุ ขแ์ ลว้ ฯ๓. พระพทุ ธเจา้ ทรงยกย่องใครวา่ เป็นผูม้ ีบริวารมาก ? เพราะเหตไุ ร ?ตอบ พระอรุ ุเวลกสั สปะ ฯ เพราะเหตทุ ท�ี ่านเป็นผูร้ ูจ้ กั เอาใจบรวิ าร รูจ้ กั สงเคราะหด์ ว้ ยธรรมบา้ ง ดว้ ยอามสิ บา้ ง ผูป้ ระกอบดว้ ยคุณสมบตั นิ �ี ยอ่ มเป็นผูส้ ามารถควบคุมบรวิ ารใหญ่ไว้ได้ ฯ๔. พระพทุ ธองคท์ รงยกยอ่ งพระสารบี ตุ รคูก่ บั พระโมคคลั ลานะโดยอปุ มาไวอ้ ยา่ งไร ?ตอบ พระพทุ ธองคต์ รสั อุปมาวา่ พระสารบี ตุ รเปรยี บเหมอื นมารดาผู้ใหท้ ารกเกิด พระโมคคลั ลานะเปรยี บเหมอื นนางนมผูเ้ล�ยี งทารกนนั� ทเ�ี กดิ แลว้ ฯ ๑๖

๕. พระสาวกองคใ์ ด เป็นผูม้ กั นอ้ ยสนั โดษอยา่ งยง�ิ ? ท่านทาํ ใจอย่างไร ?ตอบ พระมหากสั สปะ ฯ ทาํ ใจอย่างน�ี คอื เมอ�ื แสวงหาไมไ่ ด้ กไ็ มส่ ะดุง้ ตกใจ เมอ�ื แสวงหาไดแ้ ลว้ กไ็ มก่ าํ หนดั ยนิ ดี ในปจั จยั ๔ นนั� ฯ๖. พระสาวก ผูอ้ ธบิ ายภทั เทกรตั ตสูตรท�ีทรงแสดงโดยยอ่ ใหพ้ สิ ดารคอื ใคร ? ทา่ นไดร้ บั การสรรเสรญิ จากพระศาสดาว่าอย่างไร ?ตอบ คอื พระมหากจั จายนะ ฯ ท่านไดร้ บั สรรเสริญจากพระศาสดาวา่ เป็นผูฉ้ ลาดในการอธบิ ายคาํ ทย�ี อ่ ใหพ้ สิ ดาร ฯ๗. พระพทุ ธเจา้ ทรงแสดงธรรมอปุ มาดว้ ยพณิ ๓ สาย แกใ่ คร ? ดว้ ยทรงพระประสงคใ์ ด ?ตอบ แก่พระโสณโกฬวิ สิ ะ ฯ ดว้ ยทรงพระประสงคจ์ ะใหท้ ่านทาํ ความเพยี รพอประมาณ เพราะท่านทาํ ความเพยี รอย่างยง�ิ เดนิ จงกรมจนเทา้ แตก ฯ๘. สตรีคนแรกทไ�ี ดอ้ ปุ สมบทในพทุ ธศาสนาคอื ใคร ? อปุ สมบทดว้ ยวธิ ใี ด ?ตอบ คือ พระมหาปชาบดโี คตมี ฯ ดว้ ยวธิ รี บั ครุธรรม ๘ ประการ ฯ ศาสนพธิ ี๙. ธรรมเนียมของสงฆท์ พ�ี งึ ปฏบิ ตั ิชอบต่อกนั เพอ�ื ความสามคั คี เรียกวา่ อะไร ? หมายถงึ อะไร ?ตอบ เรยี กวา่ สามจี กิ รรม ฯ หมายถงึ การขอขมาโทษ และการใหอ้ ภยั กนั ฯ๑๐. การถวายผา้ วสั สกิ สาฎกน�ัน มีมลู เหตมุ าจากอะไร ? ใครเป็นผูถ้ วายคนแรก ?ตอบ มมี ลู เหตมุ าจากเดมิ ยงั ไมม่ พี ทุ ธานุญาตใหภ้ กิ ษุมผี า้ วสั สกิ สาฎก ภกิ ษุทง�ั หลายจงึ เปลอื ยกาย อาบนาํ� นางวสิ าขา มหาอบุ าสกิ า ทราบเร�อื งนนั� แลว้ เหน็ ว่าไมส่ มควรแก่เพศสมณะ จงึ ทลู ขอ พระพทุ ธานุญาต เพอ�ื ถวายผา้ อาบนาํ� ฝนแก่ภกิ ษุทง�ั หลาย ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๑๗

๑๘

ปญั หาวิชาวนิ ยั บญั ญตั ิ นักธรรมชน�ั โท สอบในสนามหลวง วนั เสารท์ �ี ๑๙ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙๑. อภสิ มาจารคอื อะไร ? ภกิ ษุผู้ไ ม่เอ�อื เฟ�ื อในอภสิ มาจารมีโทษอยา่ งไรบา้ ง ?ตอบ คือธรรมเนียมของภกิ ษุ ฯ มโี ทษปรบั อาบตั ถิ ลุ ลจั จยั เป็นอย่างสูง แต่มนี อ้ ย ส่วนมากปรบั อาบตั ทิ กุ กฏเป็นพ�นื ฯ๒. ในกายบรหิ าร มีขอ้ ปฏบิ ตั เิ ก�ยี วกบั หนวดและค�วิ ไวอ้ ยา่ งไร ?ตอบ เก�ยี วกบั หนวด มขี อ้ ปฏบิ ตั ไิ วว้ ่า อยา่ พงึ ไวห้ นวดไวเ้ครา คอื ตอ้ งโกนเสมอ หา้ มไมใ่ หแ้ ต่งหนวด และหา้ มไมใ่ หต้ ดั หนวดดว้ ยกรรไกร เก�ยี วกบั ค�วิ ไมไ่ ดว้ างหลกั ปฏบิ ตั ไิ ว้ แต่พระสงฆไ์ ทยนิยมโกนพรอ้ มกบั ผม ฯ๓. สงั ฆาฏิ บาตร ประคตเอว เข็ม มดี โกน อยา่ งไหนจดั เป็นบรขิ ารบรโิ ภค อยา่ งไหนจดั เป็น บรขิ าร อปุ โภค ?ตอบ สงั ฆาฏิ บาตร ประคตเอว จดั เป็นบรขิ ารบรโิ ภค เขม็ มดี โกน จดั เป็นบรขิ ารอปุ โภค ฯ๔. นิสยั ระงบั กบั นิสยั มตุ ตกะ มอี ธบิ ายอย่างไร ?ตอบ นิสยั ระงบั หมายถงึ การทภ�ี กิ ษุผูถ้ อื นิสยั ขาดจากปกครอง เช่น อุปชั ฌายม์ รณภาพ เป็นตน้ นิสยั มตุ ตกะ หมายถงึ ภกิ ษุผู้ไดพ้ รรษา ๕ แลว้ และมคี ุณสมบตั พิ อรกั ษาตนไดเ้มอ�ื อยู่ตามลาํ พงั ทรงพระอนุญาตใหพ้ น้ จากนิสยั ฯ ๑๙

๕. วตั รคอื อะไร ? อปุ ชั ฌายวตั รและสทั ธิวหิ ารกิ วตั ร ใครพงึ ทาํ แกใ่ คร ?ตอบ คอื แบบอยา่ งอนั ดงี ามทภ�ี กิ ษุควรประพฤตใิ นกาลนน�ั ๆ ฯ อปุ ชั ฌายวตั ร สทั ธวิ หิ ารกิ พงึ ทาํ แก่อปุ ชั ฌาย์ สทั ธวิ หิ ารกิ วตั ร อุปชั ฌายพ์ งึ ทาํ แก่สทั ธวิ หิ ารกิ ฯ๖. ภกิ ษุไดช้ �ือว่า “กลุ ปสาทโก ผูย้ งั ตระกลู ใหเ้ ลอ�ื มใส” เพราะมีปฏปิ ทาอย่างไร ?ตอบ เพราะมปี ฏปิ ทาอยา่ งน�ี คือเป็นผูถ้ งึ พรอ้ มดว้ ยอาจาระ ไมท่ อดตนเป็นคนสนิทของสกลุ โดยฐานเป็นคนเลว และอกี อย่างหน�ึง ไมร่ ุกรานตดั รอนเขา แสดงเมตตาจติ ต่อเขา ประพฤตพิ อดพี องาม ยงั ความเลอ�ื มใสนบั ถอื ของเขาใหเ้กดิ ในตน ฯ๗. ภกิ ษุอยูจ่ าํ พรรษาแลว้ มีเหตไุ ปท�อี น�ื ผูกใจจะกลบั มาใหท้ นั ในวนั น�ัน แตก่ ลบั มาไม่ทนั เช่นน�ีพรรษา ขาดหรอื ไม่ ? เพราะเหตใุ ด ?ตอบ ถา้ ไปดว้ ยธุระทท�ี รงอนุญาตใหไ้ ปดว้ ยสตั ตาหกรณียะ พรรษาไมข่ าด เพราะยงั อยูใ่ น พระพทุ ธานุญาตนน�ั เอง ทงั� จติ คิดจะกลบั กม็ อี ยู่ ถา้ ไปดว้ ยมใิ ช่ธุระทเ�ี ป็นสตั ตาหกรณียะ พรรษาขาด ฯ๘. สงฆส์ วดปาฏโิ มกขอ์ ยู่ ภกิ ษุอน�ื มาถงึ หรอื มาถงึ เม�อื สวดจบแลว้ พงึ ปฏบิ ตั อิ ยา่ งไร ?ตอบ พงึ ปฏิบตั อิ ย่างน�ี คือ ถา้ ภกิ ษุมาใหม่มากกว่า ภิกษุท�ปี ระชุมกนั อยู่ ตอ้ งสวดตง�ั ตน้ ใหม่ ถา้ เท่ากนั หรือ นอ้ ยกว่า ส่วนท�ีสวดไปแลว้ ก็แลว้ ไป ใหภ้ ิกษุท�ีมาใหม่ฟงั ส่วนท�ียงั เหลืออยู่ ถา้ สวดจบแลว้ จะมา มากกว่าหรอื นอ้ ยกว่า ก็ไม่ตอ้ งสวดซาํ� อีก ใหภ้ ิกษุท�มี าใหม่บอกปาริสุทธิในสาํ นกั ภิกษุผูฟ้ งั ปาฏโิ มกข์ แลว้ ฯ๙. อนาจาร หมายถงึ อะไร ? เล่นอย่างไรบา้ ง จดั เป็นอนาจาร ?ตอบ อนาจาร หมายถงึ ความประพฤตไิ มด่ ไี มง่ าม และการเลน่ มปี ระการต่าง ๆ ฯ เลน่ อยา่ งเดก็ เลน่ คะนอง เลน่ พนนั เลน่ ป้ยู ป�ี ้ยู าํ เล่นองึ คะนึง จดั เป็นอนาจาร ฯ ๒๐

๑๐. ภณั ฑะของภกิ ษุผูม้ รณภาพ จะตกเป็นของใคร ? ภกิ ษุผูอ้ ปุ ฏั ฐากจะถอื เอาดว้ ยวสิ าสะไดห้ รอื ไม่ ? จงอธิบายตอบ ตกเป็นของสงฆ์ ฯ ไมไ่ ด้ เพราะการจะถอื เอาดว้ ยวสิ าสะ ตอ้ งถอื เอาในเวลาทเ�ี จา้ ของภณั ฑะยงั มชี วี ติ อยู่ ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๒๑

๒๒

ปญั หาวชิ าเรยี งความแกก้ ระทธู้ รรม นกั ธรรมชน�ั เอก สอบในสนามหลวง วนั พธุ ท�ี ๑๖ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙ อนฺนโท พลโท โหติ วตถฺ โท โหติ วณฺณโท ยานโท สุขโท โหติ ทปี โท โหติ จกขฺ ุโท. ผูใ้ หข้ า้ ว ชื�อว่าใหก้ าํ ลงั ผู ใ้ หผ้ า้ ชื�อว่าให ้ผิวพ รรณ ผูใ้ หย้ านพาหนะชื�อว่าใหค้ วามสุข ผูใ้ หป้ ระทีปโคมไฟ ช�ือว่าใหจ้ ักษุ. ( พทุ ธฺ ) ส.ํ ส. ๑๕/๔๔. ------------------- แต่งอธิบายเป็นทาํ นองเทศนาโวหาร อา้ งสุภาษติ อ�นื มาประกอบ ไมน่ อ้ ยกว่า ๓ ขอ้ และบอกช�อื คมั ภรี ์ทม�ี าแห่งสุภาษติ นนั� ดว้ ย หา้ มอา้ งสุภาษติ ซาํ� ขอ้ กนั แต่จะซาํ� คมั ภรี ไ์ ด้ ไมห่ า้ ม สุภาษติ ทอ�ี า้ งมานน�ั ตอ้ งเรยี งเชอ�ื มความใหส้ นิทตดิ ต่อสมเรอ�ื งกบั กระทตู้ งั� . ชน�ั น�ี กาํ หนดใหเ้ขยี นลงในใบตอบ ตง�ั แต่ ๔ หนา้ (เวน้ บรรทดั ) ข�นึ ไป ------------------- ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๒๓

๒๔

ปญั หาวิชาธรรม นกั ธรรมชน�ั เอก สอบในสนามหลวง วนั พฤหสั บดที �ี ๑๗ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙๑. อทุ เทสว่า “สูทง�ั หลายจงมาดูโลกน�ี” โลกในท�นี �ี หมายถงึ อะไร ? คนมลี กั ษณะอย่างไรช�ือว่าหมกอยู่ในโลก ?ตอบ หมายถงึ โลก โดยตรงไดแ้ ก่แผน่ ดนิ เป็นทอ�ี าศยั โดยออ้ มไดแ้ ก่หมสู่ ตั วผ์ ูอ้ าศยั ฯ คนผู ้ไ รว้ จิ ารณญาณไม่หยงั� เหน็ โดยถ่องแท้ เพลดิ เพลนิ ในส�งิ อนั ให้โ ทษ ระเริงจนเกนิ พอดี ในส�งิ อนั อาจให้โทษ ตดิ ในสง�ิ อนั เป็นอปุ การะจนถอนตนไมอ่ อก คนมลี กั ษณะอย่างน�ี ยอ่ มไดร้ บั สุขบา้ งทกุ ขบ์ า้ ง แมส้ ุขกเ็ ป็นเพยี งสามสิ สุข สุขอนั มเี หยอ�ื ลอ่ ใจ เป็นเหตใุ หต้ ดิ ดุจเหยอ�ื อนั เบด็ เก�ียวไวฉ้ ะนน�ั ฯ๒. นิพพทิ าคอื อะไร ? ปฏปิ ทาเคร�ืองดาํ เนินใหถ้ งึ นิพพทิ าน�ันอย่างไร ?ตอบ นิพพทิ า คอื ความหน่ายในทกุ ขขนั ธ์ ฯ อยา่ งน�ีคือ พจิ ารณาเหน็ ดว้ ยปญั ญาว่า สงั ขารทง�ั หลายทงั� ปวงไมเ่ ทย�ี ง เป็นทกุ ข์ ธรรมทง�ั หลายทง�ั ปวงเป็นอนตั ตา ยอ่ มเกดิ นิพพทิ า เบอ�ื หน่ายในทกุ ขขนั ธ์ ไมเ่ พลดิ เพลนิ ยดึ มนั� หมกมนุ่ อยู่ในสงั ขารอนั ยวั� ยวนเสน่หา ฯ๓. วริ าคะ ไดแ้ กอ่ ะไร ? คาํ วา่ “วฏฏฺ ปู จฺเฉโท ธรรมเขา้ ไปตดั เสยี ซ�ึงวฏั ฏะ” มอี ธบิ ายว่าอย่างไร ?ตอบ ไดแ้ ก่ ความส�นิ กาํ หนดั ฯ อธบิ ายว่า วฏั ฏะ หมายเอาความเวยี นวา่ ยตายเกดิ ดว้ ยอาํ นาจกเิ ลสกรรมและวบิ าก วริ าคะเขา้ ไปตดั ความเวยี นวา่ ยตายเกดิ นนั� จงึ เรยี กว่า วฏฏฺ ูปจเฺ ฉโท ธรรมเขา้ ไปตดั เสยี ซง�ึ วฏั ฏะ ฯ ๒๕

๔. ความหลดุ พน้ อย่างไรเป็นสมจุ เฉทวมิ ตุ ติ ? จดั เป็นโลกยิ ะหรอื โลกตุ ตระ ?ตอบ ความหลุดพน้ ดว้ ยการตดั กเิ ลสไดเ้ดด็ ขาด ไดแ้ ก่อรยิ มรรค ฯ จดั เป็นโลกุตตระ ฯ๕. ธรรมอะไรเป็นยอดแห่งสงั ขตธรรม ? เพราะเหตไุ ร ?ตอบ อฏั ฐงั คิกมรรคเป็นยอดแห่งสงั ขตธรรม ฯ เพราะองค์ ๘ แต่ละองค์ ๆ ของอฏั ฐงั คิกมรรค กเ็ ป็นธรรมดี ๆ รวมกนั เขา้ ทงั� ๘ ย่อมเป็น ธรรมดยี ง�ิ นกั และเป็นทางเดยี วนาํ ไปถงึ ความดบั ทกุ ขห์ รอื ถงึ ความหมดจดแห่งทสั สนะ ฯ๖. สนั ติ ความสงบ เกดิ ข�ึนท�ใี ด ? มีปฏปิ ทาท�จี ะดําเนินอยา่ งไร ?ตอบ เกดิ ข�นึ ทก�ี าย วาจา ใจ ฯ มีปฏิปทาท�ีจะดําเนิน คือ ปฏิบตั ิกาย วาจา ใจ ใหส้ งบจากโทษเวรภยั ดว้ ยการละโลกามิส คือกามคุณ ๕ ฯ๗. พระบาลวี า่ “สพพฺ ูปธปิ ฏนิ ิสฺสคโฺ ค ธรรมเป็นท�สี ละอปุ ธิทง�ั ปวง” ในคาํ น�ี อปุ ธิ เป็นช�ือของอะไรไดบ้ า้ ง ? แตล่ ะอยา่ งมีอธิบายวา่ อย่างไร ?ตอบ เป็นชอ�ื ของกเิ ลสและปญั จขนั ธ์ ฯ ทเ�ี ป็นชอ�ื ของกเิ ลส มอี ธิบายว่า เขา้ ไปทรงคอื เขา้ ครอง ทเ�ี ป็นช�อื แห่งปญั จขนั ธ์ มอี ธบิ ายว่า เขา้ ไปทรงคือหอบไวซ้ ง�ึ ทกุ ข์ ฯ๘. คติ คอื อะไร ? สตั วโลกท�ตี ายไป มีคตเิ ป็นอยา่ งไรบา้ ง ?ตอบ คือ ภมู หิ รอื ภพเป็นทไ�ี ปหลงั จากตายแลว้ ฯ มคี ตเิ ป็น ๒ คอื ๑. ทคุ ติ ภมู เิ ป็นทไ�ี ปขา้ งชวั� ซง�ึ เกดิ จากการประพฤตทิ จุ ริตทางกายวาจาใจ ๒. สุคติ ภมู เิ ป็นทไ�ี ปขา้ งดี ซง�ึ เกิดจากการประพฤตสิ ุจรติ ทางกายวาจาใจ ฯ๙. ในพระพทุ ธคุณ ๙ ประการน�นั สว่ นไหนเป็นเหตุ สว่ นไหนเป็นผล ? เพราะเหตไุ ร ?ตอบ พระพทุ ธคุณ ส่วนอตั ตสมบตั ิ เป็นเหตุ ส่วนปรหติ ปฏบิ ตั ิ เป็นผล ฯ เพราะทรงบรบิ รู ณด์ ว้ ยพระพทุ ธคุณส่วนอตั ตสมบตั กิ ่อนแลว้ จงึ ทรงบาํ เพญ็ พทุ ธกจิ ใหส้ าํ เรจ็ ประโยชนแ์ ก่เวไนย ฯ ๒๖

๑๐. ในวสิ ุทธิ ๗ วสิ ทุ ธขิ อ้ ไหนบา้ ง เป็ นเหตใุ หเ้ กดิ ข�ึนและตง�ั อยูแ่ หง่ วปิ สั สนา ? เพราะเหตไุ ร ? จงอธิบายตอบ ขอ้ สลี วสิ ุทธิ ความบรสิ ุทธ�แิ หง่ ศีล และจติ ตวสิ ุทธิ ความบรสิ ุทธ�แิ หง่ จติ เป็นเหตใุ หเ้กดิ ข�นึ และตงั� อยูแ่ หง่ วปิ สั สนา ฯ เพราะผูม้ ศี ีลไม่บรสิ ุทธ�ิ จติ ย่อมไมส่ งบ เมอ�ื จติ ไมส่ งบกย็ ากทจ�ี ะเจรญิ วปิ สั สนา ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๒๗

ปญั หาวชิ าพทุ ธานุพทุ ธประวตั ิ นักธรรมชน�ั เอก สอบในสนามหลวง วนั ศกุ รท์ �ี ๑๘ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙๑. พทุ ธานุพทุ ธประวตั ิ ใหค้ วามรูแ้ กผ่ ูศ้ กึ ษาทางใดบา้ ง ? จงอธิบายพอได้ใ จความตอบ ๑. ทางประวตั ศิ าสตร์ เช่นความเป็นไปของบา้ นเมอื งในครง�ั พทุ ธกาล และลทั ธธิ รรมเนียมของประชาชนในสมยั นนั� ๒. ทางจรรยาของพระพทุ ธเจา้ และจรรยาของเหลา่ พระอรยิ สาวก ๓. ทางธรรมวนิ ยั ทป�ี รากฏในตาํ นานและความเป็นมาแห่งศาสนธรรม พรอ้ มทง�ั ตวั อยา่ งการบาํ รุงพระพทุ ธศาสนาใหร้ ุ่งเรอื ง ฯ๒. การท�พี ระพทุ ธองคท์ รงเลกิ การทรมานพระวรกายแลว้ กลบั มาเสวยพระกระยาหาร เพราะทรงพจิ ารณาเหน็ อยา่ งไร ?ตอบ เพราะทรงพจิ ารณาเหน็ วา่ คนท�ไี มบ่ ริโภคอาหารจนร่างกายหมดกาํ ลงั ไมส่ ามารถบาํ เพญ็ เพยี รทางจติ ได้ ฯ๓. อาสยะ และ ปโยคะ ในสตั ตูปการสมั ปทา หมายถงึ อะไร ?ตอบ อาสยะ หมายถงึ ความมพี ระหฤทยั เยอื กเยน็ ดว้ ยความกรุณา ปรารถนาคุณประโยชนอ์ ยู่ เป็นนิตย์ แมใ้ นบคุ คลทท�ี าํ ผดิ ต่อพระองคม์ พี ระเทวทตั เป็นตน้ กย็ งั ทรงกรุณา ปโยคะ หมายถงึ ความมพี ระหฤทยั มไิ ดม้ งุ่ หวงั ต่ออามสิ เทศนาสงั� สอนสตั วด์ ว้ ยขอ้ ปฏบิ ตั ิ คอื ศีล สมาธิ ปญั ญา ฯ ๒๘

๔. ดวงตาเหน็ ธรรมปราศจากธุลี เกดิ ข�นึ แกพ่ ระโกณฑญั ญะความวา่ อย่างไร ? ในขณะน�ัน ท่านเป็นพระอรยิ บคุ คลชน�ั ไหน ?ตอบ ความวา่ สง�ิ ใดสง�ิ หน�ึงมคี วามเกิดข�นึ เป็นธรรมดา สง�ิ นนั� ทงั� หมดมคี วามดบั ไปเป็นธรรมดา ฯ เป็นพระอรยิ บคุ คลชนั� พระโสดาบนั ฯ๕. พระศาสดาทรงแสดงอนุปพุ พกี ถา และอรยิ สจั ๔ ตามลาํ ดบั แกบ่ คุ คลผูม้ ีคณุ สมบตั เิ ช่นไร ?ตอบ แก่ผูม้ คี ุณสมบตั ดิ งั ต่อไปน�ีคอื ๑. เป็นมนุษย์ ๒. เป็นคฤหสั ถ์ ๓. มอี ปุ นิสยั แก่กลา้ ควรบรรลุโลกตุ รคุณ ฯ๖. “สง�ิ ทง�ั ปวงไม่ควรแก่ขา้ พเจา้ ๆ ไม่ชอบใจหมด” เป็นคาํ พดู ของใคร ? พระพทุ ธองคต์ รสั ตอบวา่ อย่างไร ?ตอบ เป็นคาํ พดู ของทฆี นขะ อคั คเิ วสสนโคตร ฯ ตรสั ตอบว่า ถา้ อย่างนน�ั ความเหน็ อยา่ งนน�ั กต็ อ้ งไมค่ วรแก่ทา่ น ทา่ นกต็ อ้ งไมช่ อบความเหน็ อย่างนนั� ฯ๗. พระพทุ ธโอวาท ๓ ขอ้ ท�ที รงประทานแกพ่ ระมหากสั สปะวา่ อยา่ งไร ? จดั เขา้ ในการอปุ สมบทวิธใี ด ?ตอบ พระโอวาท ๓ ขอ้ ว่าดงั น�ี ๑. กสั สปะ ท่านพงึ ศึกษาวา่ เราจกั เขา้ ไปตง�ั ความละอายและความยาํ เกรงไว ้ ในภกิ ษุทงั� ทเ�ี ป็นผูเ้ฒ่า ทง�ั ทเ�ี ป็นผู ใ้ หม่ ทง�ั ทเ�ี ป็นปานกลางอยา่ งแรงกลา้ ๒. เราจกั ฟงั ธรรมอนั ใดอนั หน�ึงซง�ึ ประกอบดว้ ยกศุ ล เราจกั เงย�ี โสตฟงั ธรรม นนั� พจิ ารณาเน�ือความ ๓. เราจกั ไมล่ ะสตเิ ป็นไปในกาย คือพจิ ารณากายเป็นอารมณ์ ฯ จดั เขา้ ในเอหภิ กิ ขอุ ปุ สมบทวธิ ี ฯ๘. พระพทุ ธเจา้ ตรสั สอนพระราธะว่า “สง�ิ ใดเป็นมาร ท่านจงละความกาํ หนดั พอใจในสง�ิ น�นั เสยี ” มารในท�นี �ีหมายถงึ อะไร ?ตอบ หมายถงึ รูป เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ ฯ ๒๙

๙. อายสุ งั ขาราธิษฐานกบั การปลงอายุสงั ขาร หมายถงึ อะไร ? พระพทุ ธเจา้ ทรงกระทาํ ท�ไี หน ?ตอบ อายุสงั ขาราธษิ ฐาน หมายถงึ การทพ�ี ระพทุ ธเจา้ ทรงตงั� พระหฤทยั ว่า จกั ดาํ รงพระชนมอ์ ยู่แสดงธรรม สงั� สอนมหาชน จนกวา่ พทุ ธบรษิ ทั จะตงั� มนั� และไดป้ ระกาศพระศาสนา ใหแ้ พร่หลายมนั� คง สาํ เรจ็ ประโยชนแ์ ก่มหาชน การปลงอายุสงั ขาร หมายถงึ การทพ�ี ระพทุ ธเจา้ ทรงกาํ หนดวนั ปรนิ ิพพาน นบั แต่วนั เพญ็ เดอื น ๓ ไปอกี ๓ เดอื น ฯ อายุสงั ขาราธษิ ฐานทรงกระทาํ ท�อี ชปาลนิโครธ ใกลส้ ถานทต�ี รสั รู้ การปลงอายุสงั ขารทรงกระทาํ ทป�ี าวาลเจดยี ์ เมอื งไพศาลี ฯ๑๐. การทาํ สงั คายนาครง�ั แรก เกดิ ข�ึนหลงั จากปรนิ ิพพานลว่ งแลว้ กเ�ี ดือน ? ใชเ้ วลาเทา่ ไร ? ใครทาํ หนา้ ท�ปี จุ ฉาและวสิ ชั นา ?ตอบ ลว่ งแลว้ ๓ เดอื น ฯ ใชเ้วลา ๗ เดอื น ฯ พระมหากสั สปะทาํ หนา้ ทป�ี จุ ฉา พระอบุ าลที าํ หนา้ ทว�ี สิ ชั นาพระวนิ ยั พระอานนทท์ าํ หนา้ ทว�ี สิ ชั นาพระสูตรและพระอภธิ รรม ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๓๐

ปญั หาวิชาวนิ ัยบญั ญตั ิ นักธรรมชน�ั เอก สอบในสนามหลวง วนั เสารท์ �ี ๑๙ พฤศจกิ ายน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๙๑. มลู เหตุทท�ี าํ ใหเ้ กดิ สงั ฆกรรมมกี �อี ย่าง ? อะไรบา้ ง ?ตอบ มี ๒ อย่าง ฯ คอื ๑. มภี กิ ษุบริษทั เพม�ิ จาํ นวนมากข�นึ ๒. มพี ระพทุ ธประสงคเ์ พอ�ื ใหส้ งฆเ์ ป็นใหญ่ในการบริหารหมคู่ ณะ ฯ๒. ญตั ติและอนุสาวนา หมายถงึ อะไร ? อนุสาวนามใี ชใ้ นสงั ฆกรรมอะไรบา้ ง ?ตอบ ญตั ติ หมายถงึ คาํ เผดยี งสงฆ์ อนุสาวนา หมายถงึ คาํ ประกาศคาํ ปรึกษาและขอ้ ตกลงของสงฆ์ ฯ มใี ช้ใ น ๒ สงั ฆกรรม คือ ๑. ญตั ตทิ ตุ ยิ กรรม ๒. ญตั ตจิ ตตุ ถกรรม ฯ๓. การทกั นิมิตในทิศทง�ั ๘ น�ัน ทกั ทศิ ละหนถกู ตอ้ งหรอื ไม่ ? เพราะเหตไุ ร ? จงเขยี นคาํ ทกั นิมิตในทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือมาดู ?ตอบ ไมถ่ กู ตอ้ ง ฯ ทถ�ี กู ตอ้ งนนั� เมอ�ื เร�มิ ตน้ ทกั นิมติ ในทศิ บูรพาแลว้ ทกั มาโดยลาํ ดบั จนถงึ นิมติ สุดทา้ ยแลว้ ตอ้ งทกั นิมติ ในทศิ บูรพาซาํ� อกี ฯ คาํ ทกั นิมติ ในทศิ ตะวนั ออกเฉียงเหนือวา่ ดงั น�ี อตุ ตฺ ราย อนุทสิ าย กึ นิมติ ตฺ ํ ฯ๔. คาํ ว่า “เจา้ อธกิ าร” ในพระวนิ ัยหมายถงึ ใคร ? มีกแ�ี ผนก ? อะไรบา้ ง ? ๓๑

ตอบ หมายถงึ ภกิ ษุทส�ี งฆส์ มมติใหเ้ป็นเจา้ หนา้ ทท�ี าํ กจิ การของสงฆ์ ฯ มี ๕ แผนก ฯ คอื ๑. เจา้ อธกิ ารแหง่ จวี ร ๒. เจา้ อธกิ ารแห่งอาหาร ๓. เจา้ อธกิ ารแห่งเสนาสนะ ๔. เจา้ อธกิ ารแห่งอาราม ๕. เจา้ อธกิ ารแห่งคลงั ฯ๕. กรานกฐนิ ไดแ้ กก่ ารทาํ อยา่ งไร ? จงเขยี นคาํ อนุโมทนากฐนิ มาดู ?ตอบ ไดแ้ ก่ เมอ�ื มผี า้ เกดิ ข�นึ แก่สงฆใ์ นเดอื นทา้ ยฤดูฝน พอจะทาํ เป็นไตรจวี รผนื ใดผนื หน�ึงได้ สงฆพ์ รอ้ มใจกนั ยกใหแ้ ก่ภกิ ษุรูปหน�ึงผูเ้หมาะสม ภกิ ษุผู้ไดร้ บั ผา้ นนั� นาํ ไปทาํ เป็นจวี รผนื ใดผนื หน�ึง ใหแ้ ลว้ เสรจ็ ในวนั นนั� แลว้ มาบอกแก่ภกิ ษุผูย้ กผา้ นนั� ใหเ้พอ�ื อนุโมทนา ภกิ ษุเหลา่ นน�ั อนุโมทนา ทงั� หมดน�ี คอื กรานกฐนิ ฯ คาํ อนุโมทนากฐนิ ว่า อตถฺ ตํ ภนฺเต สงฆฺ สฺส กฐนิ ํ ธมมฺ โิ ก กฐินตฺถาโร อนุโมทามิ ฯ๖. การบอกนิสสยั ๔ และอกรณียะ ๔ บอกในเวลาใด ? และใครเป็นผูบ้ อก ?ตอบ ท่านใหบ้ อกในลาํ ดบั แหง่ อปุ สมบทแลว้ หา้ มไมใ่ หบ้ อกก่อนหนา้ อุปสมบท ฯ อปุ ชั ฌายะบอกกไ็ ด้ กรรมวาจาจารยห์ รอื อนุสาวนาจารยบ์ อกกไ็ ด้ ฯ๗. อนุวาทาธกิ รณ์ คอื อะไร ? เม�ือเกดิ ข�ึนใครตอ้ งขวนขวายเพอ�ื ระงบั ? หากปล่อยไวจ้ ะเกดิ ผลเสยี อย่างไร ?ตอบ คือการโจทกนั ดว้ ยอาบตั นิ นั� ๆ ฯ ภกิ ษุผูเ้ป็นประธานสงฆ์ พงึ ขวนขวายรบี ระงบั ฯ หากไมร่ บี ระงบั จะทาํ ใหเ้สยี สลี สามญั ญตาและเสยี สามคั คี เป็นทางแตกเป็นนานาสงั วาส ฯ๘. ในทางพระวนิ ยั การควาํ� บาตร หมายถงึ อะไร ? และจะหงายบาตรได้ เม�ือไร ?ตอบ หมายถงึ การไมใ่ หค้ บหาสมาคมดว้ ยลกั ษณะ ๓ ประการ คือ ๑. ไมร่ บั บณิ ฑบาตของเขา ๒. ไมร่ บั นิมนตข์ องเขา ๓. ไมร่ บั ไทยธรรมของเขา ฯ เมอ�ื ผูถ้ กู ควาํ� บาตรนน�ั เลกิ กลา่ วตเิ ตยี นพระพทุ ธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นตน้ นนั� แลว้ กลบั ประพฤตดิ ี พงึ หงายบาตรแก่เขาได้ ฯ ๓๒

พระราชบญั ญตั ิ ๙. องคก์ รปกครองคณะสงฆส์ ูงสดุ เรยี กว่าอะไร ? มกี าํ หนดองคป์ ระกอบไวอ้ ยา่ งไรบา้ ง ? ตอบ เรยี กวา่ มหาเถรสมาคม ฯ มกี าํ หนดองคป์ ระกอบไวด้ งั น�ี สมเดจ็ พระสงั ฆราชทรงดาํ รงตาํ แหน่งประธานกรรมการ โดยตาํ แหน่ง สมเด็จพระราชาคณะทกุ รูป เป็น กรรมการ โดยตาํ แหน่ง และพระราชาคณะซง�ึ สมเด็จพระสงั ฆราชทรงแต่งตง�ั มจี าํ นวนไม่เกิน ๑๒ รูป เป็นกรรมการ ฯ๑๐. ผู้ใ ดใสค่ วามคณะสงฆห์ รอื คณะสงฆอ์ น�ื อนั อาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสอ�ื มเสยี หรอื ความ แตกแยก มีโทษอย่างไร ? ตอบ ตอ้ งระวางโทษจาํ คุกไมเ่ กนิ หน�ึงปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ สองหมน�ื บาทหรอื ทง�ั จาํ ทงั� ปรบั ฯ ใหเ้ วลา ๓ ชวั� โมง ๓๓

๓๔

ปญั หาและเฉลยขอ้ สอบธรรมศึกษา ธรรมศึกษาชน�ั ตร-ี โท-เอก ของสนามหลวงแผนกธรรม พ.ศ. ๒๕๕๙ ๓๕

๓๖

ปญั หาวิชากระทูธ้ รรม ธรรมศึกษาชน�ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั จนั ทรท์ �ี ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ อคคฺ สฺส ทาตา ลภเต ปนุ คฺค.ํ ผูใ้ หส้ �ิงท�ีเลิศ ย่อมไดส้ �ิงท�ีเลิศอีก . อง.ฺ ป�ฺจก. ๒๒/๕๖ ---------------------- แต่งอธิบายใหส้ มเหตุผล อา้ งสุภาษติ อ�นื มาประกอบดว้ ย ๑ ขอ้ และบอกชื�อคมั ภีรท์ ี�มาแห่งสุภาษิตนน�ั ดว้ ย สุภาษิตท�อี า้ งมานนั� ตอ้ งเรียงเช�ือมความใหต้ ดิ ต่อสมเรอ�ื งกบั กระทตู้ ง�ั ชนั� น�ี กาํ หนดใหเ้ขยี นลงในใบตอบตงั� แต่ ๒ หนา้ (เวน้ บรรทดั ) ข�นึ ไป -------------------- ใหเ้วลา ๓ ชวั� โมง ๓๗

ปญั หาและเฉลยวชิ าธรรม ธรรมศึกษาชน�ั ตรี สอบในสนามหลวงวนั จนั ทรท์ �ี ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙๑. บคุ คลทาํ อะไรมกั ผดิ พลาด เพราะขาดคุณธรรมขอ้ ใด ?ก. หริ ิ - โอตตปั ปะ ข. สติปฏั ฐานค. สติ – สมั ปชญั ญะ ง. อรยิ สจัเฉลยขอ้ ค.๒. ขอ้ ใด เป็นผลของสตแิ ละสมั ปชญั ญะ ? ข. ทาํ ใหร้ อบคอบ ง. ทาํ ใหก้ ตญั �ู ก. ทาํ ใหฉ้ ลาด ค. ทาํ ใหข้ ยนั เฉลยขอ้ ข.๓. ละอายต่อบาปทจุ รติ ไม่ทาํ ผดิ ศีลธรรมต่างๆ เพราะมคี ุณธรรมใด ? ก. สติ ข. สมั ปชญั ญะ ค. หริ ิ ง. โอตตปั ปะ เฉลยขอ้ ค.๔. อดทนต่อความลาํ บากตรากตราํ ตรงกบั คุณธรรมใด ? ก. สติ ข. หริ ิ ค. ขนั ติ ง. โสรจั จะ เฉลยขอ้ ค. ๓๘

๕. ขอ้ ใด เป็นเหตใุ หเ้กดิ ขนั ตโิ สรจั จะ ? ข. เขม้ แขง็ อดทน ก. มองโลกในแงด่ ี ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. มจี ติ เมตตา เฉลยขอ้ ง.๖. ขอ้ ใด เป็นความหมายของบุพพการชี น ? ข. รูอ้ ปุ การคุณ ก. ทาํ อปุ การะกอ่ น ง. สนองคุณ ค. ทดแทนคุณ เฉลยขอ้ ก.๗. ชาวพทุ ธมอี ะไร เป็นทพ�ี ง�ึ ทร�ี ะลกึ ? ข. พระอศิ วร ก. พระรตั นตรยั ง. พระพฆิ เนศ ค. พระพรหม เฉลยขอ้ ก.๘. พระบรสิ ุทธิคุณ เป็นคุณของขอ้ ใด ? ข. พระธรรม ก. พระพทุ ธเจา้ ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. พระสงฆ์ เฉลยขอ้ ก.๙. โอวาทของพระพทุ ธเจา้ ตรงกบั ขอ้ ใด ? ข. ทาํ ดี ก. ละชวั� ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. ทาํ ใจใหผ้ อ่ งใส เฉลยขอ้ ง.๑๐. ประโยชนส์ ูงสุดของการปฏบิ ตั ติ ามพทุ ธโอวาทคอื อะไร ?ก. ศีล ข. สมาธิค. สวรรค์ ง. พระนิพพานเฉลยขอ้ ง.๑๑. การฉอ้ โกง รบั สนิ บน จดั เป็นทจุ รติ ประเภทใด ?ก. กายทจุ ริต ข. วจที จุ รติค. มโนทจุ รติ ง. ถกู ทกุ ขอ้ -๑๑๓๕๙-

เฉลยขอ้ ก.๑๒. วจสี ุจรติ ขอ้ ใด สง่ เสรมิ ใหเ้กดิ ความปรองดองสมานฉนั ท์ ?ก. ไมพ่ ดู เทจ็ ข. ไมพ่ ดู คาํ หยาบค. ไม่พดู สอ่ เสยี ด ง. ไมพ่ ดู เพอ้ เจอ้เฉลยขอ้ ค.๑๓. ขอ้ ใด เป็นลกั ษณะของคนประพฤตมิ โนสุจรติ ?ก. ไมฆ่ ่าสตั ว์ ข. ไมล่ กั ขโมยค. ไมโ่ กหก ง. ไม่พยาบาทปองรา้ ยเฉลยขอ้ ง.๑๔. การทาํ รา้ ยคนอ�นื เกดิ จากอกศุ ลมลู ใด ?ก. โลภะ ข. โทสะค. โมหะ ง. ถกู ทกุ ขอ้เฉลยขอ้ ข.๑๕. ขอ้ ใด จดั เป็นโลภะ ? ข. อยากฟงั ธรรม ก. อยากทาํ บุญ ง. อยากปรองดอง ค. อยากทจุ รติ เฉลยขอ้ ค.๑๖. อกศุ ลมลู ใด เป็นเหตขุ องการทจุ รติ คอรปั ชนั� ?ก. โลภะ ข. โทสะค. โมหะ ง. ถกู ทกุ ขอ้เฉลยขอ้ ก.๑๗. บญุ กริ ยิ าวตั ถุ หมายถงึ อะไร ? ข. การทาํ บญุ ก. การบวงสรวง ง. การบชู าไฟ ค. การชาํ ระบาป เฉลยขอ้ ข. ๔๐

๑๘. สตั บรุ ุษ คือคนเช่นไร ? ข. คนพดู ดี ก. คนทาํ ดี ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. คนคดิ ดี เฉลยขอ้ ง.๑๙. ตาํ รวจเหน็ คนทาํ ผดิ ไมจ่ บั กุม เพราะกลวั อทิ ธพิ ล จดั วา่ มอี คตใิ ด ?ก. ฉนั ทาคติ ข. โทสาคติค. โมหาคติ ง. ภยาคติเฉลยขอ้ ง.๒๐. พยายามรกั ษาความดไี มใ่ หเ้ส�อื มถอย ตรงกบั ขอ้ ใด ?ก. สงั วรปธาน ข. ปหานปธานค. ภาวนาปธาน ง. อนุรกั ขนาปธานเฉลยขอ้ ง.๒๑. ใชป้ ญั ญารกั ษาสจั จะ เพม�ิ พนู จาคะ ศึกษาสนั ติ ตรงกบั ธรรมหมวดใด ?ก. อธษิ ฐานธรรม ข. อทิ ธบิ าทค. พรหมวหิ าร ง. ปธานเฉลยขอ้ ก.๒๒. เพยี รพยายามเร�อื ยไป จนกว่าจะประสบความสาํ เรจ็ ตรงกบั ขอ้ ใด ?ก. ฉนั ทะ ข. วริ ยิ ะค. จติ ตะ ง. วมิ งั สาเฉลยขอ้ ข.๒๓. เมอ�ื เหน็ คนอน�ื ไดด้ ี ควรเจรญิ พรหมวหิ ารขอ้ ใด ?ก. เมตตา ข. กรุณาค. มทุ ิตา ง. อเุ บกขาเฉลยขอ้ ค. -๑๔๑๗๑-

๒๔. ทุกขท์ ง�ั หลายทเ�ี กดิ ข�นึ จดั เป็นอริยสจั ใด ?ก. ทกุ ข์ ข. สมทุ ยัค. นิโรธ ง. มรรคเฉลยขอ้ ก.๒๕. กรรมใด หา้ มสวรรค์ หา้ มนิพพาน ? ข. อนันตรยิ กรรม ง. อโหสกิ รรม ก. อกศุ ลกรรม ค. อาสนั นกรรม เฉลยขอ้ ข.๒๖. ไมง่ มงายเชอ�ื งา่ ย ไมห่ ลงเช�อื การดลบนั ดาล เป็นเวสารชั ชกรณธรรมใด ?ก. สทั ธา ข. ศีลค. พาหสุ จั จะ ง. โอตตปั ปะเฉลยขอ้ ก.๒๗. ทาํ ความเหน็ ใหถ้ กู ตอ้ ง เป็นอานิสงสข์ องผูป้ ระพฤตอิ ะไร ?ก. ใหท้ าน ข. รกั ษาศีลค. สมาธิ ง. ฟงั ธรรมเฉลยขอ้ ง.๒๘. พลธรรมขอ้ ใด ทาํ ใหร้ ูแ้ จง้ เหน็ จรงิ ในสง�ิ ทง�ั ปวง ?ก. วริ ยิ ะ ข. สติค. สมาธิ ง. ปญั ญาเฉลยขอ้ ง.๒๙. ในขนั ธ์ ๕ อะไรจดั เป็นรูปธรรม? ข. เวทนา ก. รูป ง. วญิ ญาณ ค. สงั ขาร เฉลยขอ้ ก. ๔๒

๓๐. ธรรมเป็นทต�ี งั� แห่งการระลกึ ถงึ กนั ตรงกบั ขอ้ ใด ?ก. สปั ปรุ สิ ธรรม ข. พลธรรมค. สาราณิยธรรม ง. คารวธรรมเฉลยขอ้ ค.๓๑. ขอ้ ใด จดั เป็นทฏิ ฐสิ ามญั ญตา ? ข. มศี ีลเสมอกนั ก. เหน็ ตรงกนั ง. พดู ดตี ่อกนั ค. คิดดตี ่อกนั เฉลยขอ้ ก.๓๒. รูว้ ่าสง�ิ ใดควรทาํ ก่อน สง�ิ ใดควรทาํ ทหี ลงั จดั เป็นสปั ปุรสิ ธรรมขอ้ ใด ?ก. ธมั มญั �ุตา ข. อตั ถญั �ุตาค. มตั ตญั �ุตา ง. กาลญั �ตุ าเฉลยขอ้ ง.๓๓. ไมป่ รบั ปรุงตวั ใหด้ ขี �นึ ถอื ว่าขาดสปั ปุรสิ ธรรมขอ้ ใด ?ก. ธมั มญั �ุตา ข. อตั ถญั �ุตาค. อตั ตญั �ุตา ง. ปรสิ ญั �ุตาเฉลยขอ้ ค.๓๔. โลกธรรมใด จดั เป็นอฏิ ฐารมณ์ ? ข. ทกุ ข์ ก. นินทา ง. เสอ�ื มลาภ ค. มลี าภ เฉลยขอ้ ค.๓๕. เหน็ อย่างไร ช�อื ว่าเหน็ ชอบ ? ข. เหน็ ตามสงั คม ก. เหน็ ตามเพอ�ื น ง. เหน็ ดว้ ยปญั ญา ค. เหน็ ตามตาํ รา เฉลยขอ้ ง. -๑๔๑๙๓-

๓๖. การกระทาํ ทเ�ี ป็นเหตใุ หผ้ ูท้ าํ เศรา้ หมอง เรยี กว่าอะไร ?ก. กเิ ลสกาม ข. กรรมกเิ ลสค. กรรมวฏั ฏ์ ง. กรรมบถเฉลยขอ้ ข.๓๗. ขอ้ ใด ไมน่ บั เขา้ ในกรรมกเิ ลส ? ข. ลกั ทรพั ย์ ก. ฆ่าสตั ว์ ง. ด�มื สุรา ค. พดู เทจ็ เฉลยขอ้ ง.๓๘. ผูต้ อ้ งการงดเวน้ จากปาณาตบิ าต ควรประพฤตคิ วบคู่กบั ธรรมใด ?ก. เมตตา ข. สมั มาชพีค. กามสงั วร ง. สจั จะเฉลยขอ้ ก.๓๙. ผูต้ อ้ งการงดเวน้ จากอทนิ นาทาน ควรประพฤตคิ วบคู่กบั ธรรมใด ?ก. เมตตา ข. สมั มาชีพค. กามสงั วร ง. สจั จะเฉลยขอ้ ข.๔๐. ผูต้ อ้ งการงดเวน้ จากกาเมสุมจิ ฉาจาร ควรประพฤตคิ วบคู่กบั ธรรมใด ?ก. เมตตา ข. สมั มาชพีค. กามสงั วร ง. สจั จะเฉลยขอ้ ค.๔๑. ผูต้ อ้ งการงดเวน้ จากมสุ าวาท ควรประพฤตคิ วบคู่กบั ธรรมใด ?ก. เมตตา ข. สมั มาชพีค. กามสงั วร ง. สจั จะเฉลยขอ้ ง. ๔๔

๔๒. ธรรมเป็นเคร�อื งยดึ เหน�ียวจติ ใจใหส้ ามคั คี เรยี กวา่ อะไร ?ก. สงั คหวตั ถุ ข. ฆราวาสธรรมค. อทิ ธิบาท ง. พรหมวหิ ารเฉลยขอ้ ก.๔๓. การทาํ ประโยชนส์ ว่ นรวม ตรงกบั สงั คหวตั ถขุ อ้ ใด ?ก. ทาน ข. ปิยวาจาค. อตั ถจรยิ า ง. สมานตั ตตาเฉลยขอ้ ค.๔๔. คิดเอาแต่ไดฝ้ ่ายเดยี ว เป็นลกั ษณะของมติ รประเภทใด ?ก. ปอกลอก ข. ดแี ต่พดูค. หวั ประจบ ง. ชกั ชวนในทางฉิบหายเฉลยขอ้ ก.๔๕. ปากปราศรยั นาํ� ใจเชอื ดคอ จดั อยู่ในมติ รประเภทใด ?ก. ปอกลอก ข. ดแี ต่พดูค. หวั ประจบ ง. ชกั ชวนในทางฉิบหายเฉลยขอ้ ค.๔๖. การคา้ ขายชนิดใด เป็นขอ้ หา้ มของอบุ าสกอบุ าสกิ า ? ข. ขายน�ําเมาก. ขายเส�อื ผา้ค. ขายอาหาร ง. ขายเคร�อื งสาํ อางเฉลยขอ้ ข.๔๗. ขอ้ ใด เป็นสมบตั ขิ องอบุ าสก ? ข. ทรพั ย์ ก. ศรทั ธา ง. ตาํ แหน่ง ค. ยศ เฉลยขอ้ ก. -๑๔๒๑๕-

๔๘. ธรรมเป็นเครอ�ื งยดึ เหน�ียวจติ ใจใหส้ ามคั คี เรยี กวา่ อะไร ?ก. สงั คหวตั ถุ ข. ฆราวาสธรรมค. อทิ ธบิ าท ง. พรหมวหิ ารเฉลยขอ้ ก.๔๙. แนะนาํ ดี เป็นหนา้ ทข�ี องใคร ? ข. ครูอาจารย์ ก. มารดาบดิ า ง. ถกู ทกุ ขอ้ ค. สมณพราหมณ์ เฉลยขอ้ ง.๕๐.จรงิ ใจ ฝึกฝน อดทน ใหป้ นั ตรงกบั ธรรมหมวดใด ?ก. สงั คหวตั ถุ ข. ฆราวาสธรรมค. อธษิ ฐานธรรม ง. พรหมวหิ ารเฉลยขอ้ ข. ------------------- ๔๖

เฉลยวชิ าธรรม ธรรมศึกษาชน�ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั จนั ทรท์ �ี ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙ ๑. ค. ๑๑. ก. ๒๑. ก. ๓๑. ก. ๔๑. ง.๒. ข. ๑๒. ค. ๒๒. ข. ๓๒. ง. ๔๒. ก. ๓. ค. ๑๓. ง. ๒๓. ค. ๓๓. ค. ๔๓. ค. ๔. ค. ๑๔. ข. ๒๔. ก. ๓๔. ค. ๔๔. ก. ๕. ง. ๑๕. ค. ๒๕. ข. ๓๕. ง. ๔๕. ค. ๖. ก. ๑๖. ก. ๒๖. ก. ๓๖. ข. ๔๖. ข.๗. ก. ๑๗. ข. ๒๗. ง. ๓๗. ง. ๔๗. ก. ๘. ค. ๑๘. ง. ๒๘. ง. ๓๘. ก. ๔๘. ก. ๙. ง. ๑๙. ง. ๒๙. ก. ๓๙. ข. ๔๙. ง.๑๐. ง. ๒๐. ง. ๓๐. ค. ๔๐. ค. ๕๐. ข. -๑๔๒๓๗-

ปญั หาและเฉลยวชิ าพทุ ธประวตั ิ ธรรมศึกษาชน�ั ตรี สอบในสนามหลวง วนั จนั ทรท์ �ี ๒๑ พฤศจกิ ายน พ.ศ. ๒๕๕๙๑. ในปจั จบุ นั ประเทศใดจดั อยู่ในชมพทู วปี ?ก. อหิ ร่าน ข. อนิ เดียค. เมยี นมา ง. ศรลี งั กาเฉลยขอ้ ข.๒. ชาวนาและพอ่ คา้ จดั อยู่ในวรรณะใด ?ก. กษตั รยิ ์ ข. พราหมณ์ค. แพศย์ ง. ศูทรเฉลยขอ้ ค.๓. บตุ รท�เี กดิ จากพอ่ เป็นพราหมณ์ แมเ่ ป็นศูทร เรยี กว่าอะไร ?ก. พราหมณ์ ข. แพศย์ค. จณั ฑาล ง. ศูทรเฉลยขอ้ ค.๔. สกั กชนบท ตงั� อยู่ทศิ ใดของชมพทู วปี ?ก. เหนือ ข. ใต้ค. ออก ง. ตกเฉลยขอ้ ก.๕. ศากยวงศ์ มคี วามผูกพนั กบั วงศใ์ ดเป็นพเิ ศษ ?ก. โกลยิ ะ ข. มลั ละค. ลจิ ฉวี ง. โกศลเฉลยขอ้ ก. ๔๘

๖.เจา้ ชายสทิ ธตั ถะประสูตทิ ใ�ี ด ?ก. ลมุ พนิ ีวนั ข. เวฬวุ นัค. ลฏั ฐวิ นั ง. สาลวนัเฉลยขอ้ ก.๗. ใครเป็นผูท้ าํ นายลกั ษณะของพระมหาบรุ ุษเป็นคนแรก ?ก. อทุ กดาบส ข. อาฬารดาบสค. อสติ ดาบส ง. โกณฑญั ญะเฉลยขอ้ ค.๘. พระกมุ ารประสูตไิ ดก้ �วี นั จงึ ขนานพระนาม ?ก. ๓ วนั ข. ๕ วนัค. ๗ วนั ง. ๙ วนัเฉลยขอ้ ข.๙. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะ ไดป้ ฐมฌานครงั� แรกในพธิ ใี ด ?ก. ขนานพระนาม ข. แรกนาขวญัค. ทาํ นายลกั ษณะ ง. อภเิ ษกสมรสเฉลยขอ้ ข.๑๐. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงเหน็ เทวทตู ๔ เมอ�ื พระชนมายุก�ปี ี ?ก. ๙ ปี ข. ๑๙ ปีค. ๒๙ ปี ง. ๓๙ ปีเฉลยขอ้ ค.๑๑. ขอ้ ใด ไมจ่ ดั อยู่ในเทวทูต ๔ ?ก. คนเกดิ ข. คนแก่ค. คนเจบ็ ง. คนตายเฉลยขอ้ ก.๑๒. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงผนวชดว้ ยวธิ ใี ด ? ข. อธษิ ฐานเพศก. เอหภิ กิ ขุค. ไตรสรณคมน์ ง. ญตั ตจิ ตตุ ถกรรมเฉลยขอ้ ข. -๑๔๓๗๙-

๑๓. หลงั จากบรรพชาแลว้ ทรงเรม�ิ ศึกษาในสาํ นกั ใครก่อน ?ก. อสติ ดาบส ข. อาฬารดาบสค. อทุ กดาบส ง. วศิ วามติ รเฉลยขอ้ ข.๑๔. ใครเป็นผูถ้ วายขา้ วมธุปายาสแก่พระมหาบรุ ุษ ?ก. นางสชุ าดา ข. นางวสิ าขาค. พระนางปชาบดี ง. พระนางอมติ าเฉลยขอ้ ก.๑๕. ใครเป็นผูถ้ วายหญา้ คา แก่พระมหาบรุ ุษ ?ก. ตปุสสะ ข. ภลั ลกิ ะค. อปุ กะ ง. โสตถยิ ะเฉลยขอ้ ง.๑๖. พระพทุ ธเจา้ ตรสั รู้ ตรงกบั วนั อะไร ?ก. วนั มาฆะ ข. วนั วสิ าขะค. วนั อฏั ฐมี ง. วนั อาสาฬหะเฉลยขอ้ ข.๑๗. อบุ าสกผูถ้ งึ พระพทุ ธ พระธรรมเป็นสรณะ คือใคร ?ก. ตปสุ สะ ภลั ลกิ ะ ข. โสตถยิ ะค. อนาถปิณฑกิ ะ ง. บดิ าพระยสะเฉลยขอ้ ก.๑๘. พระพทุ ธองคต์ ดั สนิ พระทยั ทจ�ี ะแสดงธรรม ทรงคดิ ถงึ ใครก่อน ?ก. ปญั จวคั คีย์ ข. อาฬารดาบส อทุ กดาบสค. กบลิ ดาบส ง. อสติ ดาบสเฉลยขอ้ ข.๑๙. พระพทุ ธเจา้ แสดงปฐมเทศนา ทเ�ี มอื งใด ? ข. กสุ นิ าราก. ราชคฤห์ค. พาราณสี ง. สาวตั ถีเฉลยขอ้ ค. ๕๐


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook