พืช วิธปี ลกู ระยะปลกู การเตรยี มพันธป์ุ ลูก (ตน้ x แถว) 10. ส้มแขก เพาะเมล็ด มีทง้ั ตน้ ตัวผ้แู ละตัวเมียจงึ ควรเสียบยอด 9 x 9 ม. พันธด์ุ ขี องตน้ ตวั เมียบนต้นตอทเ่ี พาะ 11. ดีปลี ปักช�ำ 1 x 1 ม. จากเมล็ดอีกครงั้ หนึง่ 12. พรกิ ไทย ปกั ช�ำ 2 x 2 ม. ตัดเถายาว 4-6 ขอ้ เพาะช�ำในถงุ 60 วนั 13. พลู ปักชำ� 1.5 x 1.5 ม. ใช้ยอดหรือส่วนท่ไี มแ่ กจ่ ัด อายุ 1-2 ปี 14. พญายอ ปักช�ำ 50 x 50 ซม. ตดั เปน็ ท่อน 5-7 ขอ้ 15. เจตมูลเพลงิ ปกั ช�ำ 50 x 50 ซม. ตัดเถาเปน็ ทอ่ นใหม้ ีใบ 3-5 ข้อ 16. หญา้ หนวดแมว ปักช�ำ 30 x 60 ซม. ตัดกิง่ พันธุ์ 6-8 นิ้ว มตี า 3 ตา ใบยอด 1/3 ของก่งิ พนั ธ์ุ 17. มะแขว่น เพาะเมล็ด 4 x 4 ม. ใชก้ ิ่งก่งึ แกก่ ่ึงออ่ นปักช�ำ ตัดกงิ่ แกห่ รอื แกป่ านกลางยาว 1-2 คืบ 18. ขม้นิ ชนั เหงา้ 30 x 30 ซม. เลือกยอดตรงดีกว่ายอดข้าง 19. ตะไครห้ อม เหง้า 1.5 x 1.5 ม. แชเ่ มล็ดในน้�ำร้อน 5-10 นาที แลว้ แช่ 20. ไพล เหงา้ 50 x 50 ซม. ในน้�ำเย็น 1 คืนเพอ่ื ใหเ้ ปลอื กนอกแตก 21. บุก หวั 40 x 40 ซม. และทำ� ลายไขท่ีเคลือบเมลด็ 22. หางไหล ไหล 1.5 x 1.5 ม. เหง้าอายุ 7-9 เดอื น แบง่ ให้มีตา 23. เร่ว หน่อ 1 x 1 ม. อย่างนอ้ ย 3-5 ตา 24. วา่ นหางจระเข้ หน่อ 50 x 70 ซม. ตดั แบ่งให้มขี ้อ 2-3 ข้อ ตัดปลายใบออก ปลูก 3 ต้นต่อหลุม เหง้าอายมุ ากกว่า 1 ปี มีตาสมบรู ณ์ 3-5 ตา หัวขนาดประมาณ 200 กรมั ฝังลกึ จาก ผิวดิน 3-5 เซนตเิ มตร เลือกขนาดก่ิง 0.7-1 เซนติเมตร มขี ้อ 3-4 ขอ้ ตดั แยกหน่อจากตน้ เดมิ ใหม้ ลี ำ� ต้น ติดมาดว้ ย แยกหนอ่ ขนาดสูง 10-15 เซนติเมตร พชื สมนุ ไพร ภูมปิ ญั ญาไทย 37
การให้ปุ๋ย ปุ๋ยเป็นปัจจัยส�ำคัญและจ�ำเป็นต่อการเจริญเติบโต การเพ่ิมผลผลิต และคุณภาพผลผลิตการใช้ปุ๋ยเคมีในการปลูกพืชสมุนไพร ควรใช้ในปริมาณ จ�ำกัด เพราะจะมีผลกระทบตอ่ คุณภาพผลผลติ เช่น การใหป้ ๋ยุ ไนโตรเจนมากไป การเจริญเติบโตจะเร็ว แต่อาจมีผลให้ปริมาณสารส�ำคัญลดลง ปุ๋ยเคมีควรใช้ให้ สอดคล้องกับความต้องการของสมุนไพรแต่ละชนิด และใช้เฉพาะในระยะแรก ของการเจริญเติบโตการใช้ปุ๋ยอินทรีย์ต้องย่อยสลายแล้ว ระมัดระวังไม่ให้มี โลหะหนักตกคา้ งจากวัสดุท่ีใช้ท�ำปุ๋ย 38 พืชสมนุ ไพร ภูมิปญั ญาไทย
การก�ำจัดวัชพืช การก�ำจดั วชั พชื เป็นปัญหาสำ� คญั ในขณะที่พืชยงั เลก็ โดยวธิ ที างกายภาพ ได้แก่ ถอน ตัด ขุดทิ้ง การก�ำจัดวัชพืชพร้อมการพรวนดินช่วยให้ดินโปร่ง ร่วนซุย ท�ำลายที่หลบซ่อนของแมลงศัตรู และท�ำให้รากพืชสามารถดูดน�้ำ และอาหารได้ดีข้ึน แต่ต้องระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนรากพืช ข้อควร ปฏบิ ตั ิ คอื ควรทำ� สม่�ำเสมอ ร้จู กั ชนดิ ของวัชพืชในแปลง ควบคมุ ก�ำจดั กอ่ นทีว่ ชั พชื นน้ั ๆ จะออกดอก เพอื่ ไมใ่ หข้ ยายพันธ์เุ พม่ิ ขนึ้ ระยะแรกปลกู อาจใชฟ้ างคลมุ แปลงช่วยป้องกันวชั พชื และรักษาความชนื้ ได้ ใช้พลาสติกคลุมแปลงเพ่ือป้องกันวัชพืช ไม่มีค่าแรงงานคนแต่มีต้นทุน ค่าวัสดุ พชื สมนุ ไพร ภูมปิ ญั ญาไทย 39
การพรางแสงและทำ� คา้ งปญั จขนั ธ์ การดูแลรักษาอนื่ ๆ การดแู ลรักษาอืน่ ๆ ตามชนดิ พชื สมนุ ไพร ไดแ้ ก่ การพรางแสง จ�ำเป็นในสมุนไพรหลายชนิดท่ีต้องการร่มเงาอาจใช้ ตาข่ายพรางแสง เชน่ ปญั จขนั ธ์ หรือปลกู ร่วมกับพชื อนื่ ทมี่ รี ่มเงา เชน่ บุกเน้ือทราย ในสวนปา่ กระวานไทยในสวนยางพารา เปน็ ตน้ การท�ำค้างแบบต่างๆ จ�ำเป็นส�ำหรับพืชเถาเลื้อย และยังท�ำให้ผลผลิต ท่ไี ด้รบั สะอาด เช่น การท�ำค้างในปัญจขนั ธ์ วานิลลา พรกิ ไทย เปน็ ตน้ การให้น�้ำให้เหมาะสมกับชนิดพืชสมุนไพร ตามความต้องการของพืช การให้น้�ำต้องสม�่ำเสมอ ไมม่ ากนอ้ ยเกนิ ไป การตัดแต่ง ตัดแต่งกิ่งที่ผิดปกติ เป็นโรคเพ่ือป้องกันการระบาด ให้ โปร่ง ไม่เป็นทีส่ ะสมโรคแมลง หรือตัดแตง่ กิง่ และใสป่ ยุ๋ หลังการเกบ็ เก่ียวผลผลิต เพื่อให้ตน้ สมบรู ณ์เตรยี มการออกดอก 40 พืชสมุนไพร ภมู ิปัญญาไทย
การปอ้ งกันกำ� จดั ศัตรพู ืช วัตถุดิบพืชสมุนไพรเป็นต้นน�้ำในการน�ำไปใช้ประโยชน์ท่ีเก่ียวข้องกับยา และสุขภาพ จ�ำเป็นอย่างยิ่งท่ีต้องไม่มีการปนเปื้อนจากสารเคมีป้องกันก�ำจัด ศตั รูพืช เพอ่ื ใหเ้ กิดความปลอดภยั แกผ่ ูบ้ ริโภคและสรา้ งความเชื่อถอื ในผลติ ภณั ฑ์ การปลูกพืชสมุนไพรจึงไม่ควรใช้สารเคมีป้องกันก�ำจัดศัตรูพืช และมีวิธีการ จดั การศัตรพู ชื ดงั นี้ 1. ควรใช้การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน สารเคมีป้องกันก�ำจัด ศัตรูพชื ควรจะใช้ใหน้ ้อยทส่ี ุดและใช้เฉพาะเมอื่ ไมม่ ีมาตรการทางเลือกอน่ื แล้ว 2. การป้องกันโรคและแมลง ใช้แนวทางการป้องกันเพ่ือลดความ เสียหายโดยเร่ิมต้ังแตก่ ารปลูก 3. ปรับพื้นท่ีแปลงปลูกให้มีความลาดเอียง เพ่ือให้มีการระบายน้�ำที่ดี ไม่มีสภาพน้�ำขัง เป็นการป้องกันโรครากและโคนเน่า โดยเฉพาะในพืชสมุนไพร ประเภทหัว เชน่ ขม้นิ ชัน ขมนิ้ ชนั พืชสมุนไพร ภูมปิ ัญญาไทย 41
4. การใช้ปูนปรับสภาพความเป็นกรด-ด่าง ของดิน ไมใ่ ห้เปน็ กรดทเี่ หมาะกับการเกิดโรค 5. ใช้ต้นพันธุ์ กิ่งพันธุ์ที่แข็งแรงไม่มีโรค สามารถตรวจสอบทมี่ าได้ 6. การตัดแต่งก่ิงให้โปร่ง เพ่ือลดความช้ืน และใหม้ ีอากาศถ่ายเทสะดวก 7. ท�ำความสะอาดแปลง เก็บกิง่ ใบบรเิ วณ โคนต้นออกท�ำลายนอกแปลง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่ง สะสมโรคและแมลง พุทธรักษาแดง 42 พชื สมนุ ไพร ภมู ปิ ัญญาไทย
8. การใช้สารชีวภัณฑ์ต้ังแต่เร่ิมปลูก เสริมสร้างสภาพแวดล้อม ของดินปลูก ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ และ จุลินทรีย์อื่นๆ ท่ีมีประโยชน์ในดิน ได้แก่ เช้ือราไตรโคเดอม่า เชื้อแบคทีเรีย Bacillus subtilis เป็นต้น หรือน�ำจุลินทรีย์ซ่ึงมีผู้ผลิตขายเป็นการค้าในรูปผง ไปใส่ในแปลงปลูกร่วมกับอินทรียวัตถุต่างๆ เพ่ือเพ่ิมปริมาณเช้ือจุลินทรีย์ ปฏิปักษใ์ นแปลงปลกู ให้มากขนึ้ 9. ปลูกสมุนไพรท่ีมีกลิ่นฉุน และมฤี ทธใ์ิ นการรบกวนแมลงแทรกอยู่ ดว้ ย เชน่ ดาวเรอื ง ตะไครห้ อม กะเพรา เสี้ยนดอกมว่ ง เปน็ ต้น 10. ใช้วิธีกลในการก�ำจัด ศัตรูพืช เช่น การใช้กับดักกาวเหนียว สีเหลอื ง การใช้กับดกั แสงไฟ พชื สมนุ ไพร ภมู ิปญั ญาไทย 43
การปลูกมะแว้งร่วมกบั ขา้ วโพด 11. ลดการปลกู พชื สมนุ ไพรเชิงเด่ียว จัดระบบปลกู พชื สมนุ ไพรหลายชนิด ร่วมกันแบบผสมผสาน โดยวางแผนการผลิตตามอายุเก็บเก่ียว หรือปลูกร่วมกับ พืชหลักที่เหมาะสม 12. จัดระบบการผลิตแบบหมุนเวียน ไม่ปลูกซ�้ำที่เดิมหลายรุ่นโดยไม่ เปลยี่ นชนดิ พืชเพ่อื ตัดวงจรของศัตรพู ืช และไมป่ รับปรงุ บำ� รงุ ดนิ 13. ใช้สารจากธรรมชาติ โดยใช้พืชสมุนไพรที่มีฤทธิ์ ต่อแมลงศัตรูพืชในการป้องกันศัตรูพืช เชน่ สะเดา หางไหล หนอนตายหยาก ขา่ สาบเสือ ตะไคร้หอม บอระเพ็ด สาบเสือ บอระเพ็ด 44 พชื สมนุ ไพร ภูมิปญั ญาไทย
ตวั อย่างพชื สมุนไพรทน่ี ำ� มาใชใ้ นการปอ้ งกันกำ� จดั ศตั รพู ชื ข่า : เหงา้ มนี �ำ้ มนั หอมระเหย ป้องกันและก�ำจัดด้วงงวงข้ าว มอดแป้ง วิธีการใช้ ตำ� ขา่ เมล็ดสะเดา ตะไคร้หอม อย่างละ 200 กรัม แชผ่ สมกันในน้�ำ 20 ลิตร ค้างคนื แลว้ กรองเอาแต่น้�ำ สารสกัดท่ีได้ 1 ลิตร ผสมกับน�้ำธรรมดา 1 ปี๊บ สามารถ ใชฆ้ ่าแมลงศัตรูในพ้นื ท่ี 1 ไร่ ขา่ สาบเสือ : ต้นและใบใช้ ป้องกันก�ำจัดเพล้ีย วิธีการใช้น�ำต้น และใบสาบเสือมาตากแดดให้แห้ง แล้วบดให้ละเอียดเป็นผง แช่ในน้�ำ อัตราส่วนน้�ำหนักผง 400 กรัมต่อน้�ำ 8 ลิตร ทิ้งไว้ 24 ชั่วโมง น�ำสารที่ได้ มาฉดี พ่นทุก 7 วนั สาบเสือ พืชสมุนไพร ภูมปิ ญั ญาไทย 45
บอระเพด็ : เถามสี ารรสขม ใชป้ ้องกนั และก�ำจัด หนอนกอ หนอน กระทูต้ ่างๆ ใชเ้ ถาบอระเพ็ด 5 กิโลกรมั สับเป็นชิ้นเล็กๆ ทุบให้แหลก แช่น้�ำ 1 ปี๊บ แช่ท้ิงไว้ 2 ช่ัวโมง แล้วน�ำน�้ำ ไปฉีดพน่ บอระเพด็ สาบแรง้ สาบกา สาบแร้งสาบกา : ล�ำต้น และใบก�ำจัดแมลง วิธีการใช้ โขลก ล�ำต้นและใบ ประมาณ 1 กิโลกรัม แช่น้�ำ 1 ปี๊บ หมักค้างคืน น�ำน้�ำมา ฉีดพน่ 46 พชื สมนุ ไพร ภมู ิปัญญาไทย
ตะไครห้ อม ตะไคร้หอม : ใบและล�ำต้น มีน้�ำมันระเหยหอมป้องกันก�ำจัดแมลง ยุง และแมลงสาบ รวมทั้งยังก�ำจัดหนอนกระทู้ และหนอนใยผัก ล่อแมลงวันทอง ตัวผู้ ขับไล่ มอดข้าวเปลือก วิธีการใช้ น�ำเหง้าและใบตะไคร้หอมมาห่ันเป็น ชิน้ เลก็ ๆ แล้วบดละเอยี ดประมาณ 5 ขดี นำ� มาผสมน้ำ� 10 ลติ ร แช่ทิง้ ไว้ 1 วัน กรองเอาแต่น้ำ� ผสมสารจบั ใบ เชน่ สบู่ หรือแชมพู ฉีดพน่ พืชสมุนไพร ภมู ิปัญญาไทย 47
หนอนตายหยาก : ราก มีสารป้องกันและก�ำจัดแมลงและ หนอนต่างๆ วิธีการใช้ รากประมาณ 1 กิโลกรัม ต�ำละเอียดแล้วแช่ในน้�ำ 1 ปบี๊ ทิง้ ไว้ 1 คืน น�ำนำ�้ หมักมาฉดี พน่ หนอนตายหยาก หางไหล : รากมีสาร โรติโนน (rotenone) ก�ำจัดหนอน กระทู้ผัก หนอนใยผัก ด้วงหมัดผัก หนอนเจาะสมอฝ้าย และเพลี้ยอ่อน ฝ้าย เปน็ ต้น วธิ ีการใช้ นำ� รากหางไหล ½ -1 กิโลกรัม มาทุบแล้วแช่น�้ำ 1 ปี๊บ ทิ้งไว้ค้างคืน น�ำน้�ำหมักมา ฉดี พน่ หางไหล 48 พืชสมุนไพร ภมู ปิ ัญญาไทย
กะเพราแดง ช่ือวิทยาศาสตร์ : Ocimum sanctum L.
เก็บเก่ยี มวดสี ี ารสำ� คญั สูง การเก็บเกีย่ วที่เหมาะสม การเก็บเก่ียวพืชสมุนไพรเป็นข้ันตอนที่มีความส�ำคัญยิ่งในกระบวนการ ผลิตพืชสมุนไพร เกษตรกรต้องทราบส่วนของพืชที่จะน�ำมาใช้ เก็บเก่ียวท่ีอายุพืช ฤดกู าล ชว่ งเวลาและวิธีการเก็บเกีย่ วทถ่ี กู ต้อง มรี ายละเอียดดังน้ี 1. ต้องทราบส่วนของพืชท่ีเก็บเก่ียวที่ถูกต้อง ส่วนใดของพืช ท่ีมีสารส�ำคัญออกฤทธ์ิสูง ท�ำให้วัตถุดิบท่ีได้มีคุณภาพดีและผู้แปรรูปต้องการ เช่น ฟ้าทะลายโจร มีสารส�ำคัญออกฤทธ์ิมากท่ีส่วนใบ ต้นและก้านจะมี สารส�ำคัญออกฤทธิ์น้อย เกษตรกรจึงควรเก็บเกี่ยวส่วนใบหรือส่วนยอดโดย ตัดต้นเหนือพื้นดิน 1 ฟุต ในระยะที่ต้นยังไม่แก่หรืออายุประมาณ 3 เดือนคร่ึง ซ่ึงจะมีใบมาก ไม่ควรเก็บเก่ียวท้ังต้นเหนือดินในระยะต้นแก่ซ่ึงจะมีแต่ส่วนก้าน และมีสารสำ� คญั ต่�ำ พืชสมนุ ไพร ภมู ิปญั ญาไทย 49
2. ต้องทราบอายุเก็บเกี่ยวที่เหมาะสม หรือช่วงเวลาเก็บเกี่ยว ท่ีเหมาะสม เน่ืองจากปริมาณสารส�ำคัญออกฤทธ์ิที่ได้จากส่วนต่างๆ ของพืช จะมีมากน้อยแตกต่างกันตามระยะการเจริญเติบโตของพืช อายุเก็บเก่ียวท่ี เหมาะสมของพืชสมุนไพรแต่ละชนิดที่มีสารส�ำคัญออกฤทธ์ิสูงจะทราบได้จาก งานศึกษาวิจัย ซ่ึงหากไม่มีงานวิจัยให้ใช้องค์ความรู้ตามภูมิปัญญาเป็นเกณฑ์ กำ� หนดดงั น้ี ✤ เก็บเกี่ยวราก หรือ หัว ในช่วงท่ีพืชหยุดการเจริญเติบโต ใบ ดอกร่วงหมด หรือในช่วงฤดูหนาวปลายฤดูร้อน ซึ่งจะมีการสะสมปริมาณสาร ออกฤทธิ์สงู ✤ เก็บเกีย่ วใบ หรอื ทงั้ ตน้ ในช่วงทพ่ี ืชเจรญิ เตบิ โตมากที่สดุ หรือ ในช่วงท่ีดอกตมู เร่ิมบาน ผลยังไมส่ กุ เก็บเกย่ี วฟ้าทะลายโจร 50 พืชสมนุ ไพร ภูมปิ ญั ญาไทย
✤ เก็บเกี่ยวเปลือกต้น อบเชย ระหว่างช่วงฤดูร้อนต่อกับฤดูฝน ผลอ่อนฝร่ัง ป ริ ม า ณ ย า จ ะ สู ง แ ล ะ ล อ ก เ ป ลื อ ก ออกง่าย การลอกเปลือกต้น อย่า ลอกออกท้ังต้นเพราะจะท�ำให้พืช ตายได้ ควรลอกแขนงหรือก่ิง ส�ำหรับ เปลือกราก ควรเก็บเก่ียวช่วงต้น ฤดูฝน ✤ เก็บเก่ียวดอก โดย ท่ัวไปเก็บเกี่ยวในช่วงดอกเริ่มบาน บางชนิดเก็บเกี่ยวช่วงดอกตูม เช่น กานพลู ✤ เก็บเกี่ยวผลและ เมล็ด ส่วนใหญ่เก็บเก่ียวช่วงผลแก่ เต็มท่ี แต่ยังไม่สุก เช่น มะแว้ง ดีปลี บางชนิดเก็บเกี่ยวผลอ่อน เช่น ผลอ่อนฝรัง่ ดปี ลี พชื สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย 51
ดอกคำ� ฝอยระยะเก็บเกยี่ ว 3. เก็บเกี่ยวในสภาพแวดล้อมท่ีเหมาะสม สภาพแวดล้อมท่ีควร หลีกเลี่ยง ได้แก่ สภาพดินเปียก นำ้� คา้ ง ฝน หรอื อากาศมีความชนื้ สูง เนื่องจาก ระดบั ความช้นื สงู จะเรง่ ให้เกิดจลุ นิ ทรีย์และเช้อื ราในสมนุ ไพรที่เก็บเกย่ี ว 4. อุปกรณ์การเก็บเกี่ยว ภาชนะบรรจุ บริเวณท่ีผลผลิตสัมผัส ตอ้ งสะอาด ปราศจากเศษดนิ ผงฝุ่น โรค แมลง สารเคมี ฯลฯ เครอ่ื งมอื เหล่านี้ ควรเก็บไว้ในที่ที่ไม่มีการปนเปื้อนและแห้ง หรือในที่ท่ีปราศจากแมลง หนู นก และสัตว์รังควานอ่ืนๆ และในที่ท่ีปศุสัตว์หรือสัตว์เล้ียงเข้าไม่ถึง การเก็บเก่ียว ต้องใช้ภาชนะเกบ็ เกี่ยว ไมว่ างผลผลิตบนพืน้ ดิน ไม่บรรจแุ น่นเกนิ ไป 5. วิธีการเก็บเกยี่ ว ขน้ึ กบั ชนดิ พืชสมุนไพร 52 พชื สมนุ ไพร ภมู ิปญั ญาไทย
6. เก็บเกี่ยวให้มีดินติด การล้างขมิ้นชนั ผลผลิตน้อยท่ีสุด หลีกเลี่ยงการ สัมผัสกับดินให้มากที่สุดเท่าท่ีจะท�ำได้ เพอื่ ลดปริมาณของจลุ ินทรยี ์ในวัตถดุ ิบ สมุนไพรท่ีเก็บเกี่ยว ถ้าต้องใช้ส่วนท่ี อยใู่ ต้ดิน (เช่นราก) ควรเอาดินทตี่ ดิ มา ออกให้หมดหรือให้มากท่ีสุดทันทีที่ เกบ็ เกยี่ วข้นึ มา 7. ระวังไม่ให้มีเศษวัชพืช ปะปนมาในระหว่างการเก็บเก่ียว ซ่ึงจะกลายเป็นส่ิงปลอมปนในวัตถุดิบ สมุนไพรแห้ง ท�ำให้มีคุณภาพต่�ำ ยากแก่การจ�ำแนกและไม่ปลอดภัย แก่ผ้ใู ช้ พืชสมนุ ไพร ภมู ิปัญญาไทย 53
ฟกั ข้าว 8. การวางผลผลิตท่ีเก็บเก่ียว ต้องซ้อนไม่หนาเกินไป ควรวางบนยกพื้นห่าง จากพื้นดิน 9. วัตถุดิบสมุนไพรท่ีเก็บเก่ียว แล้วควรขนส่งทันทีในสภาพท่ีสะอาด และแห้ง โดยอาจบรรจุในตะกร้าท่ีสะอาด ถุงท่ีแห้ง หลีกเลี่ยงความเสียหายจากการ กระทบกระแทกหรือการอัดแน่นของวัตถุดิบ สมนุ ไพร เชน่ เนือ่ งมาจากการบรรจุเกนิ ขนาด หรือการวางกระสอบหรือถุงบรรจุสมุนไพร ซ้อนกันมากๆ ท่ีอาจท�ำให้เกิดการเน่าเสีย หรอื การเสือ่ มคณุ ภาพของสมนุ ไพรได้ 54 พืชสมุนไพร ภมู ปิ ัญญาไทย
ตารางแสดงการเก็บเกีย่ วพืชสมุนไพรบางชนิด พืช ส่วนทเ่ี ก็บเกย่ี ว การเกบ็ เกี่ยวเพื่อให้ได้สารสำ� คัญสงู สุด ขมน้ิ ชัน เหง้า อายเุ กบ็ เกี่ยว 9 เดอื นขน้ึ ไป สภาพต้นแหง้ ฟบุ เหงา้ แกร่ง ขเี้ หลก็ ใบ ต้นอายุ 1-10 ปีขน้ึ ไป เก็บใบอ่อน 5 ใบประกอบ นับจากยอด คำ� ฝอย เกสร อายุเก็บเกย่ี ว 90-100 วนั ลำ� ต้น ใบ ช่อดอก แห้ง เมล็ด เกบ็ เมลด็ ทอ่ี ายุ 120-150 วัน ไมม่ ชี ่อดอก ตะไคร้ ใบ อายุ 8 เดอื น ตน้ มีข้อเดน่ ชดั ระยะกอ่ นออกดอก บกุ หวั ใต้ดนิ อายุเก็บเกย่ี ว 2-3 ปี ต้นฟุบแหง้ หวั บนใบ อายุ 1 ปี ชว่ งประมาณเดือน ส.ค.-ก.ย. ไพล เหงา้ อายุ 2 ปขี ้ึนไป ต้นฟุบ ไม่เกบ็ ชว่ งฤดูฝนหรือ เมื่อแตกหนอ่ ใหม่ ฟา้ ทะลายโจร ใบ อายุ 110 วนั เรม่ิ ออกดอกไมค่ วรให้เรม่ิ ตดิ เมล็ด พชื สมนุ ไพร ภูมิปญั ญาไทย 55
พืช สว่ นท่เี กบ็ เกีย่ ว การเก็บเกย่ี วเพ่ือให้ได้สารสำ� คญั สงู สุด มะขามแขก ใบ อายเุ ก็บเกย่ี ว 50-90 วันเม่ือเรมิ่ ออกดอก ฝกั เก็บเก่ยี วท่ีต้นอายุ 80-120 วัน เก็บฝักที่อายุ 20-23 วนั เทา่ นน้ั ฝกั ไมแ่ ก่ เร่มิ มีเมลด็ ใสๆ มะแวง้ เครือ ผล เกบ็ เกีย่ วที่อายุ 8 เดอื น ผลแกแ่ ตย่ ังไม่สกุ เร่ิมเปลี่ยนสีเป็นสีเหลอื งอมส้ม ส้มแขก ผล อายุเก็บเกย่ี ว 8-70 ปี เกบ็ ผลสกุ แกข่ นาดโตเตม็ ที่ ดีปลี ผล ตน้ อายุ 1-5 ปีข้นึ ไป ผลแกจ่ ัด สเี หลอื งอมสม้ แตไ่ ม่สุกแดง กระเจ๊ียบแดง กลีบดอก อายุ 120 วัน ทยอยเกบ็ ดอกแก่และโต ทองพนั ชัง่ ทั้งตน้ อายุ 4 เดอื น ถงึ 2 ปี เก็บเก่ียวเมอ่ื เริ่มออกดอก กระเจี๊ยบแดง ทองพันช่ัง ส้มแขก 56 พืชสมุนไพร ภูมิปญั ญาไทย
พทุ ธรกั ษาแดง ช่อื วทิ ยาศาสตร์ : Canna indica Linn.
ทำ� แห้งดมี ีคณุ ภาพ การปฏิบัติหลังการเก็บเก่ียวและการท�ำแห้งพืชสมุนไพร ข้อน้ีเป็น จุดออ่ นท่ีมกั จะไมเ่ ครง่ ครดั และเปน็ ที่มาของเชอื้ จุลินทรยี ์ เช้อื รา ควรดำ� เนนิ การ ให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพ หรือตามมาตรฐานของผู้ซ้ือให้มากท่ีสุด มีกระบวนการดงั น้ี หญ้าปักก่งิ 1. ขนส่งจากแหล่งผลิต หลังการเก็บเกี่ยวแล้วไปยังสถานที่ แปรรูป โดยเร็วท่ีสุดเท่าท่ีจะท�ำได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการบูดเน่าจาก เชื้อจุลินทรีย์หรือเกิดการเส่ือมสลาย ด้วยความร้อน 2. ล ด ค ว า ม ร ้ อ น จ า ก แปลงปลูก โดยการแผ่ หรือ ผึ่ง ในร่ม บนพื้นท่ียกและสามารถ ระบายความรอ้ น พชื สมนุ ไพร ภมู ปิ ญั ญาไทย 57
3. ตรวจสอบและคดั แยกสงิ่ ปลอมปน กอ่ นทจี่ ะไปผา่ นกระบวนการ แปรรปู ขัน้ ตน้ คดั แยกดว้ ยตาเปลา่ โดย 3.1 คัดแยกส่ิงปลอมปน เช่น หิน ดิน ทราย เศษหญ้า ใบไม้ โดยเฉพาะสมนุ ไพรที่ใชร้ ากและหัว 3.2 คัดแยกท้ิงส่วน ของพืชท่ีไม่ต้องการ วัชพืช หรือ สมุนไพรอื่นที่คล้ายคลึง กันปะปนมา ท�ำให้สมุนไพร อาจไม่มีสรรพคุณทางยาหรือ ไม่ปลอดภัยในการใช้ 3.3 คัดเลือกทิ้งส่วน ทเ่ี นา่ เสยี มโี รคแมลง ออกจาก ส่วนทีม่ คี ุณภาพดี คัดแยกปัญจขนั ธ์ คดั แยกส่วนท่ไี มด่ อี อก ผลผลติ ท่เี นา่ เสีย 58 พืชสมนุ ไพร ภมู ปิ ญั ญาไทย
ล้างขมิ้นชัน 4. ล้างท�ำความสะอาด 4.1 ช�ำระส่ิงสกปรกและสิ่งที่ติดมากับผลผลิต เพ่ือป้องกันการ เข้าท�ำลายของเชื้อจุลินทรีย์และแมลงศัตรู การล้างท�ำความสะอาดสมุนไพร บางชนิดอาจท�ำให้เสียสารส�ำคัญบางอย่างที่สามารถละลายในน้�ำได้ดี จึงไม่ควร แช่นำ้� นานๆ 4.2 ท�ำใหแ้ หง้ โดยเรว็ ท่ีสุด ผลผลิตกวาวเครอื มีดนิ ตดิ ล้างกวาวเครอื พืชสมนุ ไพร ภมู ิปญั ญาไทย 59
5. ตัดแต่ง ตัดแต่งเท่าที่ จ�ำเป็น ในทุกส่วน เช่น ตัดรากฝอย ในเหงา้ ขม้ินชัน ปอกเปลอื กกวาวเครือ ขาว รดิ ใบแหง้ แก่ หรอื เน่าเสยี เปน็ ตน้ 6. ลดขนาด ลดขนาดให้ เหมาะสมกับการด�ำเนินงานต่อไป เช่น หั่น ฝานเป็นชิ้น หรือเป็นท่อน เพื่อการท�ำแห้งหรือการบรรจุหีบห่อ ตามความเหมาะสมของพืชสมุนไพร แตล่ ะชนิด 7. รักษาสี รักษาสีซ่ึงอาจมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อถูกความร้อน หรือถูกแสงโดยการลวกในน้�ำเดือดส�ำหรับสมุนไพรบางชนิด เช่น ผลมะแว้ง พรกิ ฯลฯ 60 พชื สมนุ ไพร ภมู ปิ ญั ญาไทย
8. ท�ำแห้งสมุนไพร โดยท่ัวไปการท�ำแห้งจะให้มีความชื้นเหลือ ประมาณ 10-12% เพื่อป้องกันการเกิดเช้ือราในช่วงเก็บรักษา รอจ�ำหน่าย พืช สมนุ ไพรสามารถท�ำใหแ้ ห้งไดห้ ลายวธิ ีทเี่ หมาะสมกับสมุนไพรแตล่ ะชนดิ คอื 8.1 ผึ่งลม การผึ่งใน ที่ร่มท่ีอากาศถ่ายเทดี (มีร่มเงาบัง ไ ม ่ ใ ห ้ ไ ด ้ รั บ แ ส ง อ า ทิ ต ย ์ โ ด ย ต ร ง ) วางเป็นชั้นบางๆ บนแผงตากในห้อง หรือในอาคารที่กรุมุ้งลวด หม่ันคน หรือกลับบ่อยๆ เพื่อให้อากาศถ่ายเท ท่ัวถึง แผงตากควรจะอยู่ห่างจากพ้ืน อญั ชนั มากพอ และควรพยายามให้วัตถุดิบสมุนไพรแห้งอย่างสม่�ำเสมอเพ่ือหลีกเลี่ยง การเกิดเชื้อรา การผ่ึงลมจะเป็นวิธีท่ีดีส�ำหรับพืชสมุนไพรที่ใช้ใบหรือดอก และ ต้องการรกั ษาสีของใบและดอกใหม้ ากที่สุด ตวั อยา่ งสมนุ ไพร ไดแ้ ก่ ดอกอัญชนั ลานตากยกพื้นมหี ลงั คา พชื สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย 61
8.2 ตากแดด การตากแดดโดยตรงท�ำได้ในพ้ืนที่และฤดูกาลที่ มีแสงแดดเหมาะสม เป็นวิธีการท�ำแห้งที่ประหยัด หากสถานท่ีเหมาะสมหรือ ภาชนะที่สะอาด แต่จะปนเปื้อนฝุ่นละอองส่ิงสกปรกได้ง่าย ซึ่งเกษตรกรต้อง ตระหนักในความส�ำคญั และมีวธิ ีการจดั การทีด่ ี ดังนี้ 1) สถานที่ตอ้ งสะอาดไม่มีฝุ่นละออง เชน่ ไม่ตากใต้ราวสายไฟ ที่อาจเป็นทเี่ กาะของนก หรอื ข้างถนนท่มี ีฝุ่น ไมม่ ีสัตวเ์ ล้ียงมารบกวน 2) ลานตาก การตากแดดต้องมีภาชนะรองรับที่สะอาด หลีกเล่ียงการตากโดยวางบนพ้ืนดิน หรือพื้นซีเมนต์ หรือสังกะสีโดยตรง ลานตากต้องยกสูงจากพ้ืน ห่างจากพ้ืนดินประมาณ 1 เมตร มีวัสดุรอง เช่น ผนื ผา้ ใบหรือผา้ ชนิดอน่ื ทีเ่ หมาะสม อากาศถ่ายเทได้และสามารถเก็บเพอื่ ป้องกนั ความช้ืน หรือฝนได้ พ้ืนลานตากควรเป็นพ้ืนซีเมนต์หรือ พ้ืนท่ีสะอาดไม่มีฝุ่น ละออง การตากโดยไม่ยกพนื้ จะปนเปือ้ นฝุน่ ละออง ส่ิงสกปรกไดง้ ่าย 62 พืชสมนุ ไพร ภูมิปัญญาไทย
3) การตากโดยใช้โรงเรือนเป็นวิธีท่ีสะอาด ผลผลิตสมุนไพร ไม่สัมผัสแดดโดยตรง แต่ต้องมีการลงทุนโรงเรือนหลังคาโปร่งแสง อาจใช้ โครงสร้างท�ำจากวัสดุในท้องถ่ิน มีลานตากอยู่ภายในซ่ึงอาจจะมีข้อจ�ำกัดเร่ือง ปริมาณผลผลิตทต่ี ากอาจไดไ้ ม่มาก โรงเรือนอบแหง้ พลังแสงอาทติ ย์ ภาพจาก : www.dede.go.th ภาพจาก : www.dede.go.th 4) การตากแดดต้องตากให้แห้งสนิทจริงเพ่ือไม่ให้เกิดเชื้อรา ในระหว่างการเกบ็ รักษาหรือรอการขนสง่ ลานตาก พืชสมุนไพร ภูมิปญั ญาไทย 63
8.3 อบแห้งโดยใช้ลมร้อน การอบแห้งที่เหมาะสมเป็นวิธีการตาก ที่ได้ผลผลิตท่ีแห้งสนิทและมีคุณภาพดี วิธีการและอุณหภูมิที่ใช้ในการท�ำให้แห้ง อาจมีผลกระทบต่อคุณภาพของวตั ถดุ ิบสมุนไพรท่ไี ด้ จึงตอ้ งควบคมุ อุณหภมู กิ าร อบแห้ง เพื่อหลีกเลี่ยงการสลายตัวของสารเคมีท่ีเป็นสารออกฤทธ์ิ หลักการอบ แหง้ สมนุ ไพร คอื ใชอ้ ณุ หภมู ติ ำ่� และระยะเวลาการอบแหง้ นาน โดยทว่ั ไปควรรกั ษา อุณหภูมิให้ต�่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ทั้งน้ีเคร่ืองอบแห้งท่ีใช้ ควรมีตัวควบคุม อุณหภูมิ ในกรณีท่ีใช้เช้ือเพลิงอื่นในการก่อไฟ ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้เช้ือเพลิงหรือ ควันสัมผัสกบั วตั ถดุ ิบสมุนไพร เครอ่ื งอบแหง้ แบบอุโมงค์ 64 พืชสมุนไพร ภมู ิปญั ญาไทย
เทคนิคการทำ� แห้ง 1) เกลี่ยให้แผ่บางบนภาชนะ ซ้อนทับหนาจะท�ำให้เกิด ความรอ้ น สมุนไพรจะมสี ีดำ� คุณภาพและราคาลดลง 2) หมัน่ กลบั สมุนไพรบ่อยๆ เพ่อื ใหแ้ หง้ สม�่ำเสมอ 3) วัสดทุ ่มี ีการคดั หรอื ลดขนาด เช่น การตัด ฝาน หัน่ ยอ่ ยให้ สม่�ำเสมอ จะมอี ัตราการลดความชน้ื ท่สี ม่ำ� เสมอ จะท�ำใหว้ ตั ถุดบิ แหง้ สม�ำ่ เสมอ พชื สมนุ ไพร ภมู ปิ ัญญาไทย 65
9. เก็บรักษาสมนุ ไพร หลังจากสมนุ ไพรแหง้ สนิทแล้ว ควรเก็บรกั ษา ดงั นี้ 9.1 ต้องเก็บในถุงหรือภาชนะปิดสนิทป้องกันแสงได้ เช่น ถุงด�ำ ถังมฝี าปิด ถุงพลาสติกใสใ่ นปบี๊ หา้ มใชถ้ ุงปุย๋ หรือถงุ ทเี่ คยบรรจุสารเคมอี ่นื ๆ 9.2 เขียนช่อื สมนุ ไพรและวนั ท่ีเกบ็ ติดไวใ้ ห้ชดั เจน 9.3 แยกเก็บแต่ละชนิดเปน็ สดั สว่ น บนชนั้ วางห่างจากผนัง 9.4 สมุนไพรที่มีกล่ินหอม หรือมีสารระเหยง่าย ต้องบรรจุใน ภาชนะทีป่ ิดสนทิ 9.5 ไม่เก็บสมุนไพรนานเกิน 2 ปี สารส�ำคัญอาจเกิดการ เปล่ยี นแปลงทางเคมที �ำใหค้ ุณสมบตั เิ ปล่ยี นไป 9.6 โรงเกบ็ ตอ้ งสะอาด แหง้ อากาศถา่ ยเทได้ดี เกบ็ ในท่ีอุณหภูมติ ่ำ� สามารถกันแมลง สัตวเ์ ลี้ยงไดม้ ิดชิด 66 พืชสมนุ ไพร ภูมิปัญญาไทย
เคร่ืองบด เคร่ืองบด เครื่องกลัน่ เครอื่ งอบแหง้ พลงั แสงอาทิตย์ เคร่อื งฝาน เครอ่ื งผสม 10. เครอ่ื งมือและอปุ กรณท์ �ำแห้ง ✤ โต๊ะคัดผลผลติ เพื่อไมท่ �ำงานกบั พื้น ✤ เคร่ืองห่ัน ✤ เครอ่ื งฝาน ✤ เครื่องอบแห้ง ✤ ตาชง่ั ✤ ภาชนะบรรจผุ ลผลิต เพื่อการคัด การท�ำความสะอาด ✤ ภาชนะบรรจุเพือ่ การเกบ็ รักษา ✤ เครอ่ื งผนึกส�ำหรบั หบี หอ่ หรอื ถุง พชื สมุนไพร ภมู ปิ ัญญาไทย 67
11. สขุ อนามัยและการควบคุมคณุ ภาพ สถานที่ตั้งบริเวณท�ำแห้งโดยรอบควรสะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกที่จะ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์ หรือแมลงและเชื้อโรคต่างๆ ไม่มีน�้ำขังแฉะและสกปรก มีท่อระบายน้ำ� เกษตรกรต้องค�ำนึงถึงความสะอาดส่วนบุคคล ละเว้นการกระท�ำ ทที่ ำ� ให้ผลผลิตสมุนไพรปนเปอื้ นจลุ ินทรยี ์ เชน่ การไอ การบ้วนน�้ำลาย น�้ำหนอง การเจ็บปว่ ยหรอื เป็นพาหะโรค การสวมใส่เสื้อผา้ สบู บหุ รี่ การล้างมอื และอืน่ ๆ ทเ่ี ปน็ การเสี่ยงกบั การปนเปอื้ น เกษตรกรและชุมชนผู้ผลิตเองเป็นผู้ควบคุมคุณภาพทุกข้ันตอน ต้ังแต่การปลูก เพื่อให้ได้วัตถุดิบสมุนไพรท่ีดีเกษตรกรควรให้ความส�ำคัญกับ การบนั ทึกข้อมลู ทจี่ ำ� เปน็ ไดแ้ ก่ ✤ ที่มาของเมลด็ พนั ธ์ุหรือส่วนขยายพนั ธ์ุ ✤ การปฎิบัติงานในขบวนการปลูก เช่น วันที่ปลูก วันเก็บเกี่ยว ปริมาณทที่ �ำแห้ง น�้ำหนกั สดต่อน�้ำหนกั แห้ง ตน้ ทุนค่าใชจ้ า่ ย วัตถุดิบสมุนไพรท่ีมั่นใจได้ คือวัตถุดิบที่ชุมชนปลูก และเก็บเก่ียว กันเอง เกษตรกรผลิตตามน้ีแล้ว วัตถุดบิ สมนุ ไพรทไี่ ดจ้ ะเปน็ ผลผลิตทม่ี คี ุณภาพสูง ไม่มสี ารเคมี สง่ิ ปนเปือ้ น และเชื้อจุลนิ ทรียป์ นเปอ้ื นต่ำ� กว่าระดบั ท่ยี อมรบั ได้ 68 พชื สมุนไพร ภมู ิปัญญาไทย
มะขามปอ้ ม ช่อื วิทยาศาสตร์ : Phyllanthus emblica Linn.
สมนุ ไพรอินวทิถรีธยี ์.ร..รมชาติ เกษตรอนิ ทรยี ก์ ับการผลติ สมุนไพร ปัจจุบันผู้บริโภคมีความต้องการใช้สินค้าอินทรีย์ สมุนไพร และ สารธรรมชาติเพ่ิมมากข้ึน ท้ังใช้เป็นยา อาหาร เครื่องด่ืม อาหารเสริม เครื่องส�ำอาง สปา และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ท่ีใช้อุปโภคบริโภคประจ�ำวัน การผลิต พืชแบบอินทรีย์ที่เน้นความปลอดภัยของผลผลิต ผู้ผลิต ผู้บริโภค รวมท้ัง สภาพแวดล้อมมีความต้องการมากยิ่งข้ึนในปัจจุบันการผลิตพืชสมุนไพรเพ่ือ เป็นวัตถุดิบตั้งต้นในการแปรรูปใช้ประโยชน์เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ต่างๆ ผลผลิตหรือวัตถุดิบสมุนไพรท่ีปลูกจะต้องไม่มีการปนเปื้อนสารเคมี หรือโลหะหนัก หรือสารพิษใดๆ โดยเฉพาะพืชสมุนไพรท่ีใช้เป็นยา การปลูกพืช สมุนไพรจึงควรเป็นการปลูกแบบผสมผสาน หลากชนิด หลีกเล่ียงการปลูก แบบเชิงเด่ียวที่การบริหารจัดการจ�ำเป็นต้องใช้สารเคมี มีการวางแผนการผลิต และกระจายการผลิตให้เหมาะสมและน�ำภูมิปัญญาพ้ืนบ้านมาใช้ในการผลิต การปลูกพืชสมุนไพรอินทรีย์จึงเป็นวิถีการผลิตพืชสมุนไพรท่ีดี เกษตรกร ผู้ปลูกพืชสมุนไพรควรตระหนัก และปรับเปลี่ยนการผลิตของตนเองให้เข้าสู่ การผลิตแบบอินทรีย์ และเข้าสู่การรับรองมาตรฐานการผลิตแบบอินทรีย์ เพ่ือ สรา้ งความเช่ือม่ันให้แกผ่ ูบ้ รโิ ภค พชื สมุนไพร ภูมิปัญญาไทย 69
เกษตรอินทรยี ์คอื อะไร? เกษตรอนิ ทรีย์คอื ระบบการผลติ ทร่ี ักษาสภาพแวดล้อม รกั ษาสมดุลของ ธรรมชาตแิ ละความหลากหลายทางชวี ภาพ โดยมกี ารระบบการจดั การนเิ วศวทิ ยา คล้ายคลึงกับธรรมชาติ หลีกเล่ียงการใช้สารสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สาร เคมปี ้องกนั กำ� จัดศตั รพู ชื และฮอร์โมนต่างๆ ตลอดจนการไม่ใช้พชื และสัตว์ท่เี กิด จากการตัดต่อทางพันธุกรรมที่อาจก่อให้เกิดมลพิษในสภาพแวดล้อม เน้นการใช้ อนิ ทรียวตั ถุ เชน่ ปยุ๋ คอก ปุ๋ยหมัก ปุย๋ พชื สด และปุ๋ยชีวภาพ ในการปรับปรุงบำ� รุง ดิน ใหม้ คี วามอุดมสมบูรณ์เพื่อให้ต้นพชื มคี วามแข็งแรงสามารถต้านทานโรคและ แมลงได้เอง รวมถึงการนำ� เอาภมู ปิ ญั ญาชาวบา้ นมาใช้ประโยชน์ดว้ ย ผลผลิตทไ่ี ด้ จะปลอดภัยจากอันตรายของสารพิษตกค้างท�ำให้ปลอดภัยทั้งตัวผู้ผลิตผู้บริโภค และไมท่ �ำให้สภาพแวดลอ้ มเสอื่ มโทรมลงอกี ด้วย 70 พืชสมนุ ไพร ภูมิปญั ญาไทย
จดุ มุง่ หมายของเกษตรอนิ ทรีย์ ✤ พัฒนาระบบการผลติ ไปสู่แนวทางเกษตรผสมผสาน ท่มี ีความหลากหลายของพืชและสัตว์ ✤ พัฒนาระบบการผลิตท่ีพ่ึงพาตนเองในเร่ืองของอินทรียวัตถุและ ธาตุอาหารภายในฟารม์ ✤ ฟื้นฟูและรักษาความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ โดย ใช้ทรัพยากรในฟาร์มมาหมุนเวยี นใชใ้ ห้เกิดประโยชน์สงู สดุ ✤ รักษาความสมดุลของระบบนิเวศในฟาร์มและและความยั่งยืน ของระบบนเิ วศโดยรวม ✤ ปอ้ งกันและหลกี เล่ยี งการปฏิบัติที่ท�ำใหเ้ กดิ มลพษิ ตอ่ สง่ิ แวดล้อม ✤ สนับสนุนระบบการผลิตและกระบวนการจัดการทุกข้ันตอน ที่ค�ำนึง ถึงหลักมนษุ ยธรรม ✤ ยึดหลักการปฏิบัติหลังการเก็บเกี่ยวและการแปรรูปท่ีเป็นวิธีการ ธรรมชาติ ประหยดั พลงั งาน และสง่ ผลกระทบตอ่ สิ่งแวดลอ้ มน้อยท่ีสดุ แปลงบกุ รว่ มกบั ขมิ้นชนั พชื สมุนไพร ภูมปิ ญั ญาไทย 71
หลักพื้นฐานของเกษตรอินทรยี ์ 1. เน้นการปรับปรุงบ�ำรุงดินด้วยอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยพืชสด ตลอดจนการปลูกพืชหมุนเวียนเพ่ือให้พืชแข็งแรงมีความต้านทาน ตอ่ โรคและแมลง 2. ห้ามใช้สารเคมีสังเคราะห์ทางการเกษตรทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น ป๋ยุ เคมี ยาฆ่าหญา้ ยาป้องกันก�ำจดั ศัตรพู ืช และฮอร์โมน 3. รักษาความสมดุลของธาตุอาหารภายในฟาร์มโดยใช้ทรัพยากร ในท้องถิน่ มาหมนุ เวียนให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ 4. ป้องกันมิให้มีการปนเปื้อนของสารเคมีจากภายนอกฟาร์ม ทั้งทาง ดิน นำ้� และอากาศ 5. ใช้พันธุ์พืชที่มีความต้านทานและมีความหลากหลายห้ามใช้พันธุ์ ที่มีการตัดต่อพนั ธุกรรม 6. การก�ำจัดวัชพืช ใช้การเตรียมดินที่ดีและแรงงานคนหรือเครื่องมือกล แทนการใชย้ าเคมกี ำ� จัดวชั พชื 7. การป้องกันก�ำจัดศัตรูพืชให้ใช้สมุนไพร ตัวห้�ำตัวเบียน และสาร ชวี ภณั ฑ์แทนการใชส้ ารเคมีกำ� จดั ศัตรูพชื 8. ใช้ฮอร์โมนท่ีได้จากธรรมชาติ เช่น จากน้�ำสกัดชีวภาพแทนการ ใช้ฮอร์โมนสงั เคราะห์ 9. สร้างเสริมและรักษาความหลากหลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ ไร่นาโดยการรกั ษาไวซ้ ่ึงพันธพ์ุ ืชทมี่ อี ยใู่ นทอ้ งถ่ิน ตลอดจนการปลูกข้ึนมาใหม่ 10. การปฏิบัติหลังการเก็บเก่ียวและการแปรรูปใช้วิธีธรรมชาติและ ประหยดั พลงั งาน 11. ให้ความเคารพสทิ ธขิ องมนุษย์และสตั ว์ 12. ตอ้ งเก็บบันทกึ ข้อมูลไว้เพื่อตรวจสอบ 72 พชื สมนุ ไพร ภูมปิ ัญญาไทย
การปลกู สมุนไพรอินทรีย์ การเลือกพน้ื ที่ ✤ เลือกพ้ืนท่ีที่เหมาะสม : ควรอยู่ห่างถนนหลวง ห่างโรงงาน ห่าง แปลงปลกู ที่ใชส้ ารเคมี มแี หล่งน�ำ้ ท่ีสะอาดไมม่ ีสารพษิ เจือปน ✤ ศึกษาประวัติของพ้ืนที่ เช่น เคยปลูกพืชอะไร การใช้ปุ๋ย การใช้ สารเคมี ย้อนหลังอย่างนอ้ ยสามปี ✤ เลอื กปลูกพืชใหเ้ หมาะกบั ดิน : ดินร่วน ดนิ เหนียว ดินเค็ม หนา้ ดินต้ืน หน้าดนิ ลกึ ดินเปน็ กรด ดินเป็นดา่ ง ✤ สงั เกตจากพืชทขี่ น้ึ อยเู่ ดิม เก็บตัวอย่างดิน ตวั อยา่ งนำ้� ไปวเิ คราะห์ การวางแผนจัดการ ✤ การวางแผนป้องกันสารพิษจากภายนอก ท้ังทางน�้ำและทางอากาศ : การป้องกันทางน�้ำ โดยการขุดครู อบแปลง การป้องกันทางอากาศ โดยปลูกพชื กันชน ทั้งไมท้ รงสงู ทรงสูงปานกลาง และตน้ เตย้ี บนคันกัน้ น้ำ� รอบแปลง ✤ การวางแผนป้องกันภายใน จัดระบบการระบายน้�ำ การเก็บรักษา เคร่ืองมือ อุปกรณแ์ ละการเข้าออกพ้ืนท่ปี ลกู ✤ การวางแผนระบบปลูกพืช เลือกฤดูปลูกท่ีเหมาะสม พันธุ์พืชที่ ต้านทานโรค แมลง พชื บ�ำรุงดิน พชื ไล่แมลง พชื สมุนไพร ภูมิปญั ญาไทย 73
การเลือกพนั ธ์ุปลกู ✤ ค�ำนึงถึงสภาพดิน ภูมิอากาศ ความต้านทานต่อโรคแมลง วัชพืช และความหลากหลายของชนิดพชื ในแปลง ✤ ไม่ใช้พืชท่ไี ดจ้ ากการตัดต่อพนั ธกุ รรม ✤ ไมใ่ ช้เมลด็ พันธทุ์ คี่ ลกุ สารสงั เคราะห์ การปรบั ปรงุ บ�ำรงุ ดิน ✤ เลือกพืน้ ทีท่ มี่ คี วามอุดมสมบูรณ์ ✤ ถ้าดนิ เป็นกรดให้ใช้หนิ ปูนบดในการลดความเปน็ กรดของดิน ✤ ปลูกพชื ตระกลู ถวั่ และไถกลบเช่น โสน ถวั่ พุม่ ถัว่ มะแฮะ ฯลฯ ✤ ใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก เศษซากพืชเพื่อช่วยปรับโครงสร้างดินและให้ ธาตุอาหารพืช ✤ ดินขาดฟอสฟอรัสให้ใช้ปุ๋ยหนิ ฟอสเฟต ✤ ดินขาดโพแทสเซยี มใหใ้ ชป้ ุ๋ยมลู คา้ งคาว เกลอื โพแทสเซียมธรรมชาติ และข้ีเถา้ ถ่าน ปุ๋ยมลู คา้ งคาว ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมกั 74 พชื สมนุ ไพร ภมู ิปญั ญาไทย
สารทอี่ นุญาตให้ใชป้ รับปรุงดิน สารอนิ ทรีย์ ✤ ปุ๋ยอินทรีย์ท่ีผลิตจากวัสดุในไร่นา เช่น ปุ๋ยหมักจากเศษซากพืช ฟางขา้ ว ขเ้ี ล่อื ย เปลอื กไม้ เศษไม้ และวัสดเุ หลือใชท้ างการเกษตรอืน่ ๆ เปน็ ตน้ ✤ ปุ๋ยคอกจากสตั ว์ทเี่ ล้ียงตามธรรมชาติ ไมใ่ ช้สารเร่งการเจรญิ เติบโต ✤ ปยุ๋ พชื สด เศษซากพืช และวสั ดเุ หลือใช้ในไร่นาในรูปสารอินทรยี ์ ✤ ดินพรุที่ไมเ่ ตมิ สารสงั เคราะห์ ✤ ปยุ๋ ชีวภาพหรอื จุลินทรีย์ทพี่ บตามธรรมชาติ ✤ ขยุ อนิ ทรีย์ สิง่ ขบั ถ่ายจากไสเ้ ดือนและแมลง ✤ ดนิ อินทรยี ท์ ี่ได้รับการรบั รองอย่างเป็นทางการ ✤ ดนิ ชน้ั บน (หน้าดนิ ) ทปี่ ลอดการใชส้ ารเคมมี าแลว้ อยา่ งนอ้ ย 1 ปี ✤ ผลิตภัณฑ์จากสาหร่ายและสาหร่ายทะเลที่ได้รับการรับรองอย่าง เป็นทางการ ✤ ปุ๋ยอินทรยี ์น้�ำทไี่ ดจ้ ากพชื และสตั ว์ ✤ อุจจาระและปัสสาวะท่ีได้รับการหมักแล้ว (ใช้ได้กับพืชท่ีไม่เป็น อาหารของมนุษย์) ✤ ของเหลวจากระบบน้�ำโสโครก จากกระบวนการหมักท่ีไม่เติม สารสังเคราะห์ และไม่เป็นพิษต่อสิ่งแวดล้อม ท่ีได้รับการรับรองอย่างเป็น ทางการ ✤ ของเหลือใช้จากกระบวนการในโรงงานอุตสาหกรรม เช่น โรงงานน�้ำตาล โรงงานมันส�ำปะหลัง โรงงานน้�ำปลา โดยกระบวนการเหล่านั้น จะตอ้ งไม่เตมิ สารสังเคราะห์และต้องไดร้ ับการรบั รองอย่างเปน็ ทางการ พืชสมุนไพร ภูมปิ ัญญาไทย 75
สารอนินทรยี ์ ✤ หินและแร่ธาตุ เช่น หินบด หินฟอสเฟต และหินปูนบด (ไม่เผาไฟ) ยิปซัม แคลเซียม ซิลิเกต แมกนีเซียมซัลเฟต แร่ดินเหนียว แร่เฟลด์สปาร์ แร่เพอร์ไลท์ ซีโอไลท์ เบนโทไนท์ หินโพแทส แคลเซียมจากสาหร่าย และ สาหร่ายทะเล เปลือกหอย เถ้าถ่าน เปลือกไข่บด กระดูกป่น และเลือดแห้ง เกลือสินเธาว์ โบแร๊กซ์ ก�ำมะถัน ธาตุอาหารเสริม (โบรอน ทองแดง เหล็ก แมงกานีส โมลิบดินมั และสงั กะสี) แผนการจัดการศตั รูพืช กอ่ นปลกู กรณีใช้เมล็ดพันธุ์ปลูก ควรใช้เมล็ดพันธุ์ที่ต้านทานโรค แมลงและ วัชพชื ใช้เมล็ดพันธุ์ท่ปี ราศจากศตั รูพืช (โรค แมลงและวชั พืช) แช่เมลด็ ในน�้ำอนุ่ (50-55 องศาเซลเซียส) นาน 10-30 นาที แล้วแต่ชนิดเมล็ดพันธุ์ เพื่อก�ำจัด เชื้อราและเชื้อแบคทีเรียที่ติดมากับเมล็ดพันธุ์ คลุกเมล็ดด้วยจุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น เชื้อไตรโคเดอรม์ ่า เป็นตน้ การเตรียมแปลงเพาะกล้า อบดินแปลงเพาะด้วยไอน้�ำ หรือคลุกดิน ด้วยเชอ้ื ราปฏิปักษเ์ พื่อควบคุมเชื้อราในระยะกล้า 76 พชื สมุนไพร ภมู ิปัญญาไทย
การเตรียมแปลงปลูก ไถตากดิน 1-2 สัปดาห์ ให้เมล็ดวัชพืชงอกแล้ว ไถกลบใช้พลาสติกใสท่ีไม่ย่อยสลายคลุมแปลงก�ำจัดวัชพืชในดินท่ีต้องการ แสงแดด ใช้ปูนโดโลไมท์หรือปูนขาวจากธรรมชาติ ปรับความเป็นกรด-ด่าง ของดิน เพื่อให้เชื้อโรคไม่เติบโต ขังน้�ำให้ท่วมแปลง เพื่อควบคุมโรค-แมลง ที่อยู่ในดิน ตากดินให้แห้งเพ่ือก�ำจัดแมลงในดิน ใส่เชื้อราปฏิปักษ์ เช่น เชื้อไตรโคเดอร์มา่ ลงในดินปอ้ งกันการระบาดของเช้ือราบางชนิด ระยะพืชเจรญิ เตบิ โต การควบคุมโรคพืช โรยเชื้อราปฏิปักษ์รอบโคนต้น เก็บท�ำลาย (เผา) ชิ้นส่วนของพืชที่เป็นโรค ใช้เชื้อแบคทีเรียบาซิลลัส สัปทิลิสทาแผลหรือพ่น ทต่ี ้นพชื แปลงแกน่ ตะวัน พืชสมนุ ไพร ภูมิปญั ญาไทย 77
สารทอ่ี นญุ าตให้ใชค้ วบคุมโรคพชื ไดแ้ ก่ ก�ำมะถนั บอร์โดมกิ ซเ์ จอร์ พชื สมนุ ไพร สารสกัดจากพืชสมุนไพร คอปเปอร์ซัลเฟต คอปเปอร์ไฮดรอกไซด์ และคอปเปอร์ออกซิคลอไรด์ การควบคมุ แมลง ส�ำรวจแมลงศัตรูพืชในแปลงปลกู หากพบแมลงศตั รพู ืชใหป้ ฏบิ ตั ิ ดงั น้ี ✤ ถ้ามีแมลงจ�ำนวนน้อย ให้ใช้วิธีการควบคุม ทางชีวภาพจากพืช หรือสารสกัดจากพืชสมุนไพร เช่น ดาวเรือง ว่านน�้ำ พริก สาบเสือ หางไหลแดง สะเดา เป็นต้น ใช้จุลินทรีย์ปฏิปักษ์ เช่น เชื้อไวรัสเอ็นพีวี เชื้อแบคทีเรียบีที ไส้เดือนฝอย ศัตรูธรรมชาติ เชื้อราเมตาไรเซียม ใช้ตัวห�้ำ ตัวเบียน น้�ำสบู่ หรือน�้ำ สารท�ำหมนั แมลง ✤ หากแมลงระบาด ใช้กับดักกาวเหนียว กับดักแสงไฟ เพื่อลดปริมาณแมลง ใช้ไวท์ออยล์ หรือ มิเนอร์รลั ออยลท์ ีไ่ ดจ้ ากธรรมชาติ การควบคุมวัชพชื ✤ ควรควบคุมก่อนวัชพืชออกดอก ✤ โดยวธิ ีทางกายภาพ อบ ตาก บด ถอน ตัด ✤ ปลูกพืชตระกลู ถัว่ คลมุ ดนิ ✤ ใช้พลาสตกิ ทบึ แสงทไี่ ม่ยอ่ ยสลายคลมุ ✤ ใช้สารสกัดจากพชื ✤ ใชช้ ีววธิ ี เช่น แมลง สตั ว์ จลุ นิ ทรยี ์ 78 พืชสมนุ ไพร ภูมปิ ัญญาไทย
การเกบ็ รักษาและการขนส่งผลผลิต ✤ ผลิตผลหรือผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ต้องแยกออกจากที่ไม่ใช่เกษตร อินทรียอ์ ยา่ งชัดเจนตลอดทุกกระบวนการ ✤ ต้องป้องกันไม่ให้สัมผัสและปนเปื้อนวัสดุสังเคราะห์ต้องห้ามใน มาตรฐานเกษตรอินทรยี ์ ✤ การเก็บรกั ษาและขนส่งตอ้ งรกั ษาความสะอาดอยา่ งเคร่งครดั การแปรรปู ✤ วัตถุดิบต้องมาจากกระบวนการผลิตโดยเกษตรอินทรีย์ที่ผ่าน การรับรองแล้ว กระบวนการผลิตต้องปฏิบัติตามข้อก�ำหนดและมาตรฐาน ของหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์น้ันๆ ในการบรรจุหีบห่อ ควรใช้วัสดุที่ปลอดภัยไม่ท�ำลายสิ่งแวดล้อม และถูกต้องตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ อนิ ทรีย์ของประเทศเปา้ หมายทจ่ี ะส่งออก พชื สมนุ ไพร ภูมปิ ัญญาไทย 79
รายชือ่ วสั ดุทอ่ี นญุ าตให้ใช้ในการแปรรูปสารเสริมแตง่ อาหาร และวสั ดเุ สรมิ แต่ง (ตามข้อก�ำหนดของมาตรฐานระหวา่ งประเทศ) กรดก�ำมะถัน กรดแอสคอร์บิก โซเดียมแอสคอร์เบท และ โพแทสเซียมแอสคอร์เบท กรดทาร์ทาริกและเกลือของกรดนี้ กรดแลคติก กรดมาลิก กรดซิตริกและเกลือของกรดนี้ กรดอะซิติก กรดแทนนิก ข้ีผ้ึง ไขคาร์นอบา คาร์บอนไดออกไซด์ เคซีอีน เคร่ืองเทศ แคลเซียมคลอไรด์ แคลเซียมคาร์บอเนต แคลเซียมซัลเฟต โซเดียมคลอไรด์ เกลือทะเล ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ เจลาติน โซเดียมคาร์บอเนต โซเดียมไฮดรอกไซด์ ดินเบา ดินขาว ดินเบนโทไนท์ ถ่านกัมมันต์ ไนโตรเจน น้�ำผึ้ง เปลือกเม็ด มะม่วงหิมพานต์ แป้งจากข้าว ข้าวโพด มันส�ำปะหลัง มันฝร่ัง โพแทสเซียม คลอไรด์ โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ ผงฟู ซ่ึงปลอดจากอลูมินัม เพคติน แมกนีเซียมคลอไรด์ แมกนีเซียมคาร์บอเนต ยางไม้ วุ้นจากสาหร่ายทะเล สารเตรียมจากจุลินทรีย์ และเอนไซม์ซ่ึงใช้ช่วยในการแปรรูป สารให้สี จากธรรมชาติ สารให้รสจากธรรมชาติ สมุนไพร สารท�ำข้นคาราจีแนน ส่าหมักจุลินทรีย์ แอมโมเนียมคาร์บอเนต อาร์กอน ออกซิเจน โอโซน ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารทอี่ นญุ าตใหใ้ ช้ในการท�ำความสะอาด กรดฟอสฟอรกิ คอสติก โพแทช จาเวลวอเตอร์ โซเดยี มไบคาร์บอเนต น�้ำสม้ หมกั จากพืช ผลไม้ น�ำ้ ดา่ ง ปูนขาว ผงซกั ฟอกทีย่ ่อยสลายไดท้ างชวี ภาพ สารละลายด่างทบั ทิม สารฟอกขาวถึง 10% ไอโอดนี ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 80 พชื สมนุ ไพร ภูมปิ ญั ญาไทย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150