Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หนังสืออ่านประกอบวิชากิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

หนังสืออ่านประกอบวิชากิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

Published by studentaffair.cud, 2019-04-17 11:47:01

Description: บทที่3 การเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

Search

Read the Text Version

เรื่อง ก า ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ส ำ ห รั บ เ ด็ ก เ ล็ ก Movement Activities for Early Childhood ทักษะการเคลือ่ นไหวสำหรับเดก็ เลก็ โดยธรรมชาติ ของเด็กเล็ก อายุ 2 - 5 ปี เปน็ ช่วงอายุทีก่ ำลงั อยากรู้อยากเห็น และมีพลังใน ตัวอย่างมากมาย ชอบวิ่ง และปีนป่าย ดังน้ันกิจกรรมการเคลือ่ นไหวสำหรบั เด็กใน ช่วงอายุนี้มีความจำเป็นอย่างมาก การให้เด็กน่ังนิ่งๆ อยู่กับที่อาจเป็นกิจกรรมไม่ เหมาะสมมากนัก เด็กบางคนจะสามารถเรียนรู้ได้ดีขึ้นถ้ามีการเคลื่อนไหว บาง โรงเรียนได้เปลี่ยนเก้าอี้แบบนั่งธรรมดาท่ัวไปของเด็กเล็กให้เป็นลูกบอลยางใบใหญ่ๆ ให้เด็กนั่ง และสามารถขย่มหรือโยกตัวกบั ลูกบอลได้ระหว่างเรียน การสอนทกั ษะการเคลื่อนไหวให้กับเดก็ ในวัยนี้จึงมีความสำคัญเปน็ อย่างมาก เพราะ ทกั ษะพื้นฐานจะติดตวั เดก็ ไปจนโต ตลอดจนถ้าครูสามารถปลูกฝ่ังให้เด็กมีทศั นะคติ ที่ดีต่อกีฬาหรือการออกกำลังกาย จะทำให้เด็กเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่รักการออก กำลังกายหรือการเล่นกีฬาต่อไปได้

หนา้ เนื้อหา 71 ความหมายและความสำคญั ของการเคลื่อนไหวสำหรบั เดก็ เล็ก ประเภทของการเคลื่อนไหว 72 73 การเคลือ่ นไหวแบบอยู่กับที่ (NON - LOCOMOTOR MOVEMENT) 74 - 77 การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ (LOCOMOTOR MOVEMENT) 78 การเคลือ่ นไหวประกอบอปุ กรณ์ (MANIPULATIVE MOVEMENT) 79 - 80 องค์ประกอบของกิจกรรมการเคลือ่ นไหว หลกั การจดั กิจกรรมการเคลือ่ นไหว

71 Meaning and importance of movement activities for early childhood ค ว า ม ห ม า ย แ ล ะ ค ว า ม ส ำ คั ญ ข อ ง ก า ร เ ค ลื่ อ น ไ ห ว ส ำ ห รั บ เ ด็ ก เ ล็ ก วรรณวิภา เทีย่ งธรรม (2556) เดก็ ในวยั อนุบาลจะมีการเคลือ่ นไหวเป็นการเรียนรู้ ที่เกิดขึ้นต่อตัวเด็กอยู่ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทักษะการเคลื่อนไหวของเด็กอนุบาลทำให้เด็กได้พัฒนาร่างกายของ ตนเองได้สมบูรณ์ยิง่ ขึ้น กิจกรรมการเคลือ่ นไหวเปน็ สิ่งจำเปน็ สำหรับเด็ก เป็นพื้นฐานในการพัฒนาด้านร่างกาย เพือ่ พฒั นาทักษะการเคลื่อนไหวฝึกฝน การใช้กล้ามเนื้อในแต่ละส่วนอย่างถูกวิธี เป็นลำดบั ขึ้นจากง่ายไปหายาก ประเภทของการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก การทรงตวั NON - LOCOMOTOR การยืดเหยียด (Balance) การเคลือ่ นไหวแบบอยู่กับที่ (Stretch) การกระโจน LOCOMOTOR MOVEMENT การงอหรือพับตัว (Leap) การเคลื่อนไหวแบบเคลือ่ นที่ (Curl) การกา้ ว-เขยง่ MANIPULATIVE MOVEMENT การเดิน (Skip) การเคลือ่ นไหวประกอบอุปกรณ์ (Walk) การวิง่ การสไลด์ (Running (Sliding) การกระโดดขาเดียว (Hop) ทรงตวั การกระโดด (Balance) (Jump) การขวา้ ง การเตะ (Throw) (Kick) การรบั การตี (Catch) (Strike)

72 NON - LOCOMOTOR MOVEMENT การเคลื่อนไหวแบบอยู่กับที่ การทรงตวั หมายถึง ความสมดลุ ของร่างกายในขณะที่อยู่กบั ที่และเคลื่อนที่ เดก็ ที่สามารถรักษาทรวดทรงได้ดีก็จะสามารถ (Balance) ทรงตัวในการเคลือ่ นไหวได้ดี การทรงตัวขึ้นอยู่กบั การพฒั นาของกล้ามเนื้อ การทำงานของสายตาและช่องหูด้านใน เด็กอายุ 2 ปี สามารถเดินบนไม้กระดานทีส่ ูงประมาณ 4 นิ้ว กว้าง 3 นิ้วครึง่ ได้ไกลถึง 8 นิ้ว โดยการเดินด้วยการก้าวเท้า ข้างหนึ่งอยู่ข้างหน้า เดก็ อายุ 3 ปี ประมาณร้อยละ 50 สามารถเดินบนเส้นตรงกว้าง 1 นิ้ว ได้ระยะห่าง 10 ฟตุ และสามารถทรงตวั บนขาข้าง เดียวได้ 3-4 วินาที เดก็ อายุ 4 ปี สามารถทรงตัวบนขาข้างเดียวได้ถึง 10 วินาที และเดินบนเส้นรอบวงกลมได้ พอเด็กอายุ 4 ปีครึ่ง สามารถ เดินทรงตัวบนม้าทรงตัวทีก่ ว้าง 2 นิ้วครึง่ ด้วยการเดินสลับเท้าได้ หลงั จากทีเ่ ดก็ มีความพร้อมในการทรงตัวอยู่กับที่ และเคลื่อนที่ได้แล้ว ครคู วรจัดให้เด็กได้ฝึกหดั ทักษะทีย่ ากขึ้น เช่น การกลิ้ง ตัว การถีบจกั รยานสามล้อ การม้วนตวั (พราวพรรณ เหลืองสวุ รรณ, 2536) SCAN ME วิดีโอทกั ษะการเดิน วิ่ง และเดินบนคานทรงตัว (Walk Run and Walk on a Balance beam)

73 LOCOMOTOR MOVEMENT การเคลื่อนไหวแบบเคลื่อนที่ กิจกรรมการเคลื่อนไหวแบบเคลือ่ นที่ เปน็ การเคลือ่ นที่ย้ายตำแหน่งร่างกายจากจุดหนึง่ ไปจุดหนึ่ง (กุลยา ตันติผลาชีวะ, 2551) การเดิน เดินบนเส้นตรง เดินบนเส้นรอบวงกลม เดินและหยุดตามสญั ญาณ การวิง่ วิ่งอยู่กับที่ วิ่งตรงไปข้างหน้า กระโดดทำท่าเลียนแบบสตั ว์ กระโดดหมุนตัว การกระโดดขาเดียว กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ กระโดดขาเดียวไปข้างหน้า กระโดดขาเดียวบนเส้นตรง กระโดดขา เดียวประกอบการเล่นเกม SCAN ME วิดีโอทักษะการเดิน วิง่ และเดินบนคานทรงตวั (Walk Run and Walk on a Balance beam)

74 MANIPULATIVE MOVEMENT การเคลื่อนไหวประกอบอปุ กรณ์ เด็กในวัยก่อนเรียนเป็นช่วงทีต่ ้องเสริมสร้างทักษะพื้นฐานในการเล่น โดยเฉพาะอย่างยิง่ การควบคุมวัตถใุ ห้เคลื่อนทีไ่ ปกลาง อากาศ ทกั ษะทีต่ ้องฝึกหัดมี 4 อย่าง คือ การขวา้ ง การรบั การเตะ และการตี ทกั ษะเหล่านี้จะช่วยให้เด็กเล่นได้อย่างมี ประสิทธิภาพ และเตรียมพร้อมให้เดก็ มีทกั ษะในด้านกีฬาต่อไป สิ่งทีช่ ่วยพัฒนาทักษะได้แก่ ความสามารถในการทำงานของกล้าม เนื้อใหญ่ รูปร่าง การเคลือ่ นไหว การทรงตัว การทำงานของกล้ามเนื้อเล็กๆ และความสมั พนั ธ์ระหว่างมือกับสายตา เท้ากบั สายตา (พราวพรรณ เหลืองสุวรรณ, 2536) การขว้าง (Throw) นักวิชาการบางคนกล่าวว่าการขว้างเริม่ พัฒนาจากวยั ทารกในลักษณะทีท่ ำให้สิ่งของกลิ้งไปโดยตั้งใจ แต่มีหลายคนทีเ่ ขียนไว้ ว่าเริ่มจากเด็กสามารถนง่ั แล้วเดก็ จึงจะสามารถโยนหรือปาสิ่งของทีไ่ ม่ต้องการหรือไม่ชอบออกไป อายุประมาณ 1 ขวบ การทำงานของร่างกายเกีย่ วกบั สายตาและมือดีขึ้น เดก็ จึงเริ่มขว้างได้แม่นยำในบางครั้ง ในระยะแรก เดก็ ใช้วิธีขว้างด้วยการยกแขนเหนือไหล่เพียงอย่างเดียว การเคลื่อนไหวเป็นแบบสะบดั มือ อายุ 3-5 ปี เดก็ เริม่ หมนุ ร่างกายได้ สามารถฝึกหัดขว้างด้วยการยกแขนต่ำลงในระดบั เดียวกบั ไหล่ได้ แต่ยังยืนอยู่กับที่ อายุ 5-6 ปี เดก็ เริม่ เรียนรู้การขว้างแบบการก้าวเท้าไปข้างหน้า การก้าวเท้ามกั ก้าวเท้าเดียวกบั มือที่ขว้าง เดก็ จะมีความพร้อม ในการขว้าง อายุ 6 ปีครึง่ สามารถฝึกขว้างด้วยการก้าวเท้าตรงข้ามกับมือได้ ตัวอยา่ งกิจกรรม 1. ข้ันแรก ให้ฝึกขว้างลกู บอลยาง หรือวัตถทุ ีม่ ีขนาดเหมาะสมและน้ำ หนกั เบาด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องเน้นทิศทางให้ตรงเป้าหมาย 2. ข้ันทีส่ อง เมือ่ เดก็ มีทักษะเพิ่มมากขึ้น ให้ลดขนาดของลูกบอลหรือ วตั ถุให้เล็กลง เช่นลูกเทนนิส หรือถงุ ถั่ว เป็นต้น และเน้นท่าทางให้ถกู ต้องด้วย 3. ขน้ั ทีส่ าม อาจเพิม่ ให้ขว้างโดยให้ตรงเป้าหมายมากขึ้น

75 การรบั (Catch) การรับสิ่งของที่เคลือ่ นทีใ่ นอากาศนั้นมีบางคนกล่าวว่าต้องให้เด็กมีความสามารถในการเหน็ ดีเสียก่อนคือ เดก็ ต้องมีความสามารถมองเห็นความแตกต่างของขนาดวตั ถุ ระยะห่างของวัตถทุ ีเ่ คลือ่ นไหว ลกั ษณะการเคลื่อนไหว ทิศทางการเคลือ่ นไหว และความเร็วที่ลอยมา ได้ดีแล้วจึงจะเริ่มฝึกหดั การรับ ตามความเป็นจริงแล้วความสามารถในการมองเห็นน้ันไม่ได้ขึ้นอยู่กับวุฒิภาวะเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับโอกาสทีเ่ ด็กได้ มีประสบการณ์ในการมองการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุในหลายๆ ลกั ษณะ ในการรบั นั้นการรบั ลูกบอลลูกใหญ่จะมีประสิทธิภาพดีกว่าการรับลกู บอลลกู เลก็ เด็กเริ่มเรียนรู้การรับจากการกลิ้งลกู บอล ด้วยการกลิ้งระหว่างขาที่ยืนแยกขา การรับลกู บอลกลางอากาศจะทำได้เมื่อเดก็ สามารถโยนวัตถขุ ึ้นในลกั ษณะต่างๆ เดก็ อายปุ ระมาณ 3 ปี เริม่ ที่จะเรียนรู้การรับลกู บอลขนาดใหญ่หรือถุงถวั่ ทีโ่ ยนมาให้อย่างเบาและตรง ด้วยการกางแขนออกไป ข้างหน้า ลักษณะแขนแข็งและเหยียดตรง ต่อมาเด็กจะรู้จักการรบั แบบใช้แขนในลกั ษณะผ่อนแรงมากขึ้น มีการงอข้อศอก มือห่าง กนั มากขึ้น เด็กอายุ 4 ปี เดก็ เริ่มรู้จกั ใช้มือและแขนรับลูกบอลแทนการรบั ลูกบอลด้วยการใช้ร่างกายปะทะวัตถุ เดก็ อายปุ ระมาณ 5 หรือ 4 ปีครึ่ง เดก็ สามารถรับลูกบอลหรือวัตถทุ ี่มาจากทิศทางต่างๆ ได้ ACTIVITY TIPS ความรู้สึกกลวั ในการรับวตั ถุของเด็ก สงั เกตได้จากเดก็ หลบั ตา และเบนศีรษะหลบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เคยถูกวตั ถุ โดนหน้า ครจู ะต้องช่วยเหลือให้เด็กมีความมนั่ ใจทนั ที ถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้เดก็ มีนิสยั กลวั การรบั เด็กทีก่ ลัวการรบั สามารถแก้ไขด้วยการใช้อุปกรณ์ทีน่ ้ำหนกั เบา และสามารถรับได้ง่าย เช่น ลูกบอลยาง ลูกโป่ง เชือก หรือถงุ ถัว่ เปน็ ต้น

76 ตัวอยา่ งกิจกรรม 1. ขั้นแรก ให้ฝึกโยนและรบั ลูกบอลยาง หรือวัตถุที่มีขนาดเหมาะสมและ น้ำหนักเบาด้วยตัวเอง 2. ข้ันทีส่ อง ฝึกโยนและรับด้วยตวั เอง โดยใช้ลกู บอลน้ำหนักเบา เช่น บอลยาง หรือลกู โป่ง และลดขนาดของลูกบอลหรือวตั ถุให้เล็กลง เช่น ลกู เทนนิส หรือถงุ ถวั่ เมือ่ เดก็ พฒั นาทักษะได้ดีขึ้น 3. ขน้ั ทีส่ าม อาจเพิ่มให้ทำทักษะก่อนจะรับบอล เช่น ตบมือ หมุนตัว หรือย่อตัวใช้มือแตะพื้น เปน็ ต้น การเตะ (Kick) เด็กสามารถเตะลกู บอลที่อยู่กับทีใ่ ห้กลิ้งไปบนพื้นได้ ตั้งแต่เดก็ สามารถวิ่ง และทรงตัวบนเท้าข้างเดียวได้ เริ่มแรกเดก็ จะเตะด้วยวิธีดันลูกบอลไปข้างหน้าด้วยขาหรือเท้า ต่อมากร็ ู้จกั เหวี่ยงขาไปหาลกู บอล เด็กทำได้ดีเมื่อเด็กสามารถ ทรงตัวด้วยขาข้างเดียวได้เป็นเวลานานพอสมควร แต่ขายังอยู่ในลกั ษณะเกรง็ เดก็ อายุ 4 ปี เดก็ ที่มีโอกาสฝึกหดั การเตะ เด็กจะรู้จกั เหวี่ยงขาไปข้างหลงั โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยและมีการส่งแรงตาม บาง ครั้งเด็กรู้จกั การงอเข่าเพือ่ ให้การเตะมีประสิทธิภาพมากขึ้น เด็กอายุ 5-6 ปี สามารถเตะได้ไกลและแม่นยำ บางคนสามารถโยนลกู บอลแล้วเตะได้ ทักษะการโยนลูกบอลขึ้นแล้วเตะเป็นทกั ษะทีย่ าก เด็กสามารถฝึกหัดได้เมื่อมีการทรงตวั บนขาข้างเดียวและโน้มตัวไปข้างหน้า ในขณะทีโ่ ยนลูกบอลแล้วเตะก่อนทีล่ ูกบอลกระทบพื้น การทีจ่ ะฝึกหัดเตะด้วยการโยนลกู บอลน้ัน ควรเริ่มฝึกหัดหลงั จากทีเ่ ดก็ ฝึกหัด เตะลูกบอลอยู่กบั ที่ได้ดีแล้ว ตัวอย่างกิจกรรม 1. ขัน้ แรก อาจวางลกู บอลขนาดเล็กไว้ แล้วให้เด็กฝึกการวางเท้าหลกั ข้างๆ ลูกบอล พร้อมกับเหวีย่ งขาทีใ่ ช้เตะไปด้านหลัง และทรงตวั ไว้ 2. ข้นั ที่สอง ต่อจากนั้น ให้เดก็ เตะบอลออกไป โดยใช้บริเวณหลังเท้า (บริเวณเชือกรองเท้า) ในการเตะ และงุ้มปลายเท้าลงพื้นตลอดเวลา 3. ขนั้ ทีส่ าม อาจเพิม่ ทกั ษะให้ถือบอลแล้วปล่อยบอลลงพื้น รอบอล กระดอนพื้น 1 คร้ัง แล้วใช้หลังเท้าเตะบอลขึ้นไปอีกครั้งแล้วใช้มือรบั ไว้

การตี (Strike) 77 SCAN ME วิดีโอเกม Mini Baseball : Manipulative skill : Hitting ทกั ษะการตีวัตถไุ ปในอากาศ จะเริม่ จากท่าตีเหนือไหล่เหมือนการขว้างแต่การพัฒนาทักษะมีลำดับไม่แน่นอน การตีเด็กจะหนั หน้าเข้าหาวัตถุและใช้เพียงเคลื่อนไหวแขนและมือ มกั ตั้งท่าตีด้วยมืออยู่ด้านข้าง หรือด้านล่าง เวลาตีกย็ กมือขึ้นในระดับความสูงของ วัตถุ เด็กอายุ 3 ปี เริ่มตีด้วยมือข้างเดียวได้ การตีด้วยสองมือ เช่น การตีกอล์ฟ อายปุ ระมาณ 4 ปีครึ่ง – 5 ปี เดก็ สามารถตีได้ โดยทั่วไปการพัฒนาการตีจะคล้อยๆ กบั ลำดบั การขว้าง และช่วงความสามารถ อาจอยู่ในวยั เดียวกัน ท้ังนี้ขึ้นอยู่กบั โอกาสของเดก็ แต่ละคน รวมทั้งขนาดและน้ำหนักของไม้ตี ตวั อยา่ งกิจกรรม 1. ขั้นแรก ฝึกใช้แขนเดียวตีลกู โป่งให้ลอยขึ้น ทำหลาย ๆ ครั้งต่อเนือ่ ง 2. ขั้นทีส่ อง ให้เด็กจับแท่งโฟม หรือไม้ตีแบบโฟมสองมือ และยืนในท่า พร้อมตีวางลกู บอลยางให้บนหลกั ขนาดใหญ่ระดบั เอวของเดก็ แล้วให้ เด็กเหวีย่ งไม้มาตีลกู ออกไป 3. ขัน้ ที่สาม ลดขนาดลกู บอลให้เล็กลง เช่น ลูกบอลขนาดเลก็ หรือลูก เทนนิส ACTIVITY TIPS ก่อนการปฏิบตั ิกิจกรรมใดๆ ทีต่ ้องใช้อุปกรณ์ เช่น ลูกบอล หรือไม้ตี ควรให้เดก็ ๆ ได้สร้างความคุ้นเคยกับอปุ กรณ์น้ันๆ ก่อนเริม่ เรียน เพื่อให้คุ้นเคยกับขนาด น้ำหนัก และการกระดอน ถ้าเด็กมีความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ได้เรว็ กจ็ ะช่วยให้การ ปฏิบตั ิทักษะต่างๆ ได้ดีขึ้นตามไปด้วย

องคป์ ระกอบของกิจกรรมการเคลื่อนไหว 78 (กุลยา ตนั ติผลาชีวะ, 2551) ระดบั ของการเคลือ่ นไหว กิจกรรมการเคลือ่ นไหวที่มีประสิทธิภาพต้องเป็นกิจกรรมทีท่ ำให้เด็กทราบว่า เปน็ ปริมาณและจำนวนของ ความแข็งแรงในการเคลื่อนไหว เดินเบา รา่ งกายของเขาสามารถทำอะไรได้ ? มีทิศทางอยา่ งไร ? หนกั อ่อนตวั หรือดึงตวั ในการ เกีย่ วข้องกับคนอื่น และสิ่งแวดล้อมอย่างไร ? เคลือ่ นไหวและจงั หวะระดบั ของการ เคลื่อนไหว จะทำให้เดก็ ได้เรียนรู้และ องค์ประกอบสำคัญทีเ่ กีย่ วข้องกับการเคลือ่ นไหวจึงประกอบด้วย สุนทรีกบั ท่าทางและจังหวะ อีกท้ังลด เวลาทีใ่ ช้ในการเคลือ่ นที่ ความจำเจในท่าทาง ซึง่ หมายถึงความเร็วช้าของการ เคลือ่ นที่ บริเวณพืน้ ที่ ห ม า ย ถึ ง บ ริ เ ว ณ ที่ เ ด็ ก เคลื่อนไหวซึ่งจะเกี่ยวข้องกับร่างกาย เด็ก บุคคลรอบตัวเด็ก อุปกรณ์หรือ วัตถุอื่นๆ ที่ช่วยให้เด็กเคลื่อนไหวได้ รอบๆ อย่างปลอดภัย ในที่นี้หมายรวม ถึงทิศทางการเคลื่อนไหวระดังสูงต่ำ ของการเคลื่อนไหว และขนาดบริเวณ พื้นที่ด้วย พื้นทีช่ ่วยให้เด็กเรียนรู้บริเวณ รอบตัว การใช้ประโยชน์และเข้าใจ ความหมายของพื้นทีร่ อบตวั ทา่ ทางการเคลือ่ นไหว บรรยากาศในการเคลือ่ นไหว หมายถึง ลำดับขั้นและทิศทางการ สิง่ แวดล้อม อากาศเป็น เคลือ่ นไหวที่ต้องเปลีย่ นจากขั้นหนึง่ ไปสู่ บรรยากาศที่สำคญั ที่จะกระตุ้นให้เดก็ อีกขั้นหนึง่ หรือจากสภาพการณ์หนึง่ ไป เกิดความรู้สึก และความต้องการการ เคลือ่ นไหวทีม่ ีประสิทธิภาพ ซึง่ ระยะ สู่อีกสภาพการณ์หนึง่ น่นั คือการ เปลี่ยนจังหวะ การใช้เสียงและการใช้ หลังจะมีการนำดนตรีหรือเพลงมา อุปกรณ์ เพือ่ ประสานการเคลือ่ นไหว ประกอบกิจกรรมการเคลือ่ นไหว ของร่างกายกบั จงั หวะ

79 หลกั การจัดกิจกรรมการเคลือ่ นไหว กิจกรรมการเคลื่อนไหวเปน็ กิจกรรมเสริมสมรรถนะทางกายและการเรียนรู้ การเรียนรู้เปน็ กระบวนการทางสติ ปัญญาที่พฒั นาสืบเนื่องตลอดชีวิต สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทุกสถานที่ ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของกิจกรรมที่เด็กได้รับ กระบวนการเรียนที่เหมาะสมสามารถทำให้ผู้เรียนพฒั นาตนเองได้เต็มศักยภาพ (ONEC, 2000) ลกั ษณะของกิจกรรมเคลือ่ งไหวสำหรับเดก็ ปฐมวยั จึงควรมีลักษณะดังนี้ กิจกรรมที่ครูให้เด็กกระทำต้องมีลกั ษณะสร้างสรรค์ มากที่สุด แม้จะเป็นกิจกรรมการเคลือ่ นไหวอยู่กับที่ เช่น ครู ต้องการให้เด็กทำสะพานโค้งและยืนตรง ครูจะต้องไม่เป็นผู้ สาธิตหรือบอกให้เด็กทำตามวิธีการ แต่ให้ครูควรกระตุ้นเด็กใช้ ประสบการณ์นำสู่แนวคิดและการปฏิบัติของเด็กโดยครูเล่าเป็น เรือ่ ง เช่น “เช้าวนั หนึง่ เราไปพบต้นไม้เอนโค้งไปกับพื้น เมื่อ แสงแดดส่องต้นไม้น้ัน ต้นไม้กเ็ ริม่ ....เป็นอย่างไร” ให้เด็กคิด ภาพแล้วคิดต่อที่จะทำตนเป็นต้นไม้ของเด็กไม่ใช่ต้นไม้อย่างที่ ครบู อก กิจกรรมควรเริม่ ต้นจากการเคลือ่ นไหวร่างกายโดย ส่วนรวมก่อน แล้วจึงไปส่วนแขนขา ในขณะเดียวกันครูต้อง สังเกตและสร้างความเชื่อม่ันให้กับเด็กเรียนรู้ร่างกายและการ เคลื่อนไหวของตนด้วย ท่าทางของการเคลื่อนไหวต้องไม่สร้างความยุ่งยากให้กบั เดก็ เพื่อนำไปสู่การสร้างความมั่นใจให้กับเด็ก แต่ต้องมีความหมาย สำหรับเด็ก ในการเรียนรู้ โดยเฉพาะการพัฒนาการรับรู้และการ สร้างสรรค์ตัวอย่างเช่น พัฒนาการรับรู้และอารมณ์ ควรจัดกิจกรรมเดินตามเส้นตรง เส้นเฉียง หรือเดินตามเส้นซิกแซกบ้างเปน็ ต้น พัฒนาการสร้างสรรค์โดยใช้กิจกรรมหลาย ๆ อย่างมารวมกนั เช่น การเคลื่อนไหวประกอบดนตรี ประกอบอุปกรณ์ เปน็ ต้น

80 มีบริเวณและพื้นที่สำหรบั เด็ก เพือ่ ให้มีความคล่องตัว ในการเคลื่อนที่ร่างกายทั้งอยู่กับที่และเคลื่อนที่ เพื่อเด็กจะได้ เรียนรู้พื้นทีร่ อบ ๆ ตัว รู้จกั บริเวณรอบตัวเองและบริเวณรอบ ข้าง การเคลือ่ นไหวสอนให้เด็กเรียนรู้พื้นที่ (space) สิง่ ทีค่ รู สอนไม่ใช่การส่ังให้เดก็ ยืน ณ ตำแหน่งทีค่ รูกำหนด แต่การ เรียนรู้พื้นที่คือสิ่งที่ครูบอกเด็กว่า “ให้หาพื้นทีท่ ีเ่ ด็ก ๆ กางแขน แกว่ง แล้วไม่ชนเพื่อน” การบอกเดก็ เช่นนี้เป็นการสร้างให้เด็ก เรียนรู้ “ตน” กบั “พื้นที” ทีส่ มั พันธ์กบั เพือ่ นคือรู้จกั คำว่า space ให้อิสระเด็กในการเคลื่อนไหวตามลักษณะของกิจกรรม การเคลื่อนไหว ซึ่งอิสระนี้หมายถึง การให้เด็กทำตามเสียง ดนตรีมากกว่าการทำท่าตามเนื้อเพลงหรือทำตามคำสงั่ แต่ให้ เดก็ รู้จักการสงั เกตว่าเมือ่ ไรควรเคลื่อนไหว และเมือ่ ไรควรหยุด ด้วยตวั ของเดก็ เอง