Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore กิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

กิจกรรมการเคลื่อนไหวสำหรับเด็กเล็ก

Published by studentaffair.cud, 2019-04-17 12:56:40

Description: บทที่1 พัฒนาการของเด็ก

Search

Read the Text Version

เรือ่ ง พั ฒ น า ก า ร ข อ ง เ ด็ ก Child Development Observing and monitoring child development is an important tool to ensure that children meet their ‘developmental milestones’ การสังเกตและการติดตามพัฒนาการของเด็กเป็นสิ่งสำคัญ เพือ่ ทำให้ม่ันใจไดว้ า่ เด็กจะมีพัฒนาการตามลำดบั ขน้ั https://childdevelopment.com.au/areas-of-concern/ what-is-child-development/

หนา้ เนื้อหา 6 ความหมายของพัฒนาการ พัฒนาการของเดก็ ในแต่ละช่วงวัย 7 - 16 17 - 20 พัฒนาการด้านร่างกาย (Physical Development) 21 - 31 พฒั นาการด้านอารมณ์ (Emotional Development) 32 - 43 พฒั นาการด้านสงั คม (Social Development) 44 - 48 พัฒนาการด้านสติปญั ญา (Intellectual Development) ตัวอย่างกิจกรรมส่งเสริมพฒั นาการ

6 ค ว า ม ห ม า ย ข อ ง พั ฒ น า ก า ร การทผ่ี ู้สอนจะจดั กิจกรรมการเคลอ่ื นไหวสำหรบั เดก็ เลก็ ได้นัน้ ผ้สู อนจำเป็นต้องศกึ ษาและทำความเข้าใจ ถงึ พัฒนาการของเดก็ ในแตล่ ะวยั อยา่ งใกลช้ ิด เพื่อท่ีจะสามารถนำกิจกรรมไปใชก้ บั เดก็ เล็กได้อยา่ งเหมาะสม และสง่ เสรมิ พฒั นาการของเด็กไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ซ่ึงพัฒนาการของเดก็ แต่ละวัยมีลกั ษณะทแี่ ตกต่างกันออกไป พฒั นาการของมนษุ ย์เป็นกระบวนการต่อเนอ่ื งทเ่ี รม่ิ ต้นตั้งแต่การปฏิสนธิไปจนตลอดชีวติ พัฒนาการของเด็กจะดำเนินตาม ขั้นตอนท่เี ปน็ แบบแผนและมีทศิ ทาง พัฒนาการของเดก็ คืออะไร เมือ่ ประมาณ 400 ปีก่อนคริสต์ศกั ราชพลาโต (Plato) นักปราชญ์ชาวกรีกได้อธิบายถึงพฒั นาการเด็กไว้ว่า คนเรา ทุกคนเกิดมาด้วยรูปลกั ษณ์ ความสามารถ และความถนัดทีแ่ ตกต่างกัน ดังนั้นควรจะได้รับการสนบั สนนุ ให้เหมาะสมกบั ความสามารถในแต่ละคน เมื่อพดู ถึงพัฒนาการวัยเดก็ จะทำให้นึกไปถึงกระบวนการทีม่ นษุ ย์เริ่มเติบโตตั้งแต่วยั ทารกไป จนถึงวัยชรา ความแตกต่างของการเจริญเติบโตและพัฒนาการวัดได้จากการเจริญเติบโตทางร่างกาย การเจริญเติบโต ทางความคิด และการเจริญเติบโตทางสงั คม ซึง่ พฒั นาการเดก็ จะเริ่มตั้งแต่แรกเกิดไปจนถึงอายุ 17 ปี (Schissel, 2018) สอดคล้องกับทฤษฎีของ Frued (1856 – 1993) ทีเ่ ชื่อว่าเหตกุ ารณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็กมีผลต่อวัยผู้ใหญ่ท้ังในเรื่อง การใช้ชีวิตประจำวัน และบุคลิกภาพของพวกเขา เช่นเดียวกับทฤษฎีของ Erikson ที่กล่าวว่ามนุษย์มีกระบวนการ พัฒนาการเป็นขั้นๆ จากลำดับหนึ่งไปสู่อีกลำดบั หนึง่ ไม่มีการข้ามข้ัน โดยมุ่งเน้นที่ความสมั พนั ธ์ทางสงั คม เปน็ ข้ันตอน ทางจิตสังคมครอบคลุมไปถึงพัฒนาการมนุษย์ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชรา นอกจากนี้ยังมีทฤษฎีพัฒนาการของ Vygotsky ที่เน้นถึงปฏิสัมพั นธ์ทางสังคมซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในพัฒนาการ โดยทฤษฎีของเขาชี้ให้เห็นว่าบทบาทการ แสดงออกของเด็กมาจากการให้คำปรึกษาของพ่อแม่เข้าผ่านกระบวนการพัฒนาพัฒนาการ รวมทั้งยังมีนักจิตวิทยา พฒั นาการ Good () ได้ให้ความหมายของพัฒนาการว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างการทำงานส่วนต่างๆ ของ ร่างกาย ทำให้มีการเพิ่มขนาด การทำงานที่สลบั ซบั ซ้อน การผสมกลมกลืน หรือมีประสิทธิภาพเพิม่ ขึ้น รวมไปถึงการ เปลี่ยนแปลงทีม่ ีความคงทนถาวรเนือ่ งมาจากการเรียนรู้ทีย่ าวนานเช่นเดียวกับ Gardner ที่ให้ความหมายพัฒนาการว่า เปน็ การเปลี่ยนแปลง 5 ด้านคือ ความเจริญทางด้านขนาด ด้านสดั ส่วนของร่างกาย การเปลี่ยนแปลงความซบั ซ้อนทั้ง ด้านโครงสร้างและการทำหน้าที่ การมีสมรรถภาพในการทำหน้าทีใ่ หม่ๆ รวมไปถึงการสลายไปของส่วนต่างๆ สอดคล้อง กับ Gardner ทีใ่ ห้ความหมายของพฒั นาการว่า เป็นการเปลีย่ นแปลงทีม่ ีลำดับข้ันตอนต่อเนื่องกนั ไปตลอด ท้ังทาง ร่างกายและจิตใจ ทำให้บุคคลมีความสามารถที่จะจัดการควบคุมสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ โดยการเปลี่ยนแปลงมีทั้งการ เปลีย่ นแปลงด้านขนาด การเปลี่ยนแปลงด้านสดั ส่วนลกั ษณะเดิมหายไปเกิดลกั ษณะใหม่ขึ้น

7 สรปุ ได้ว่า พฒั นาการ หมายถึงการเปลีย่ นแปลงด้านต่างๆ ของบุคคล ทำให้เพิม่ ความสามารถของระบบให้บุคคลทำ หน้าที่ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพสงู ขึ้น ทำสิง่ ที่ยากและซบั ซ้อนยิ่งขึ้น ตลอดจนการเพิม่ ทักษะใหม่และความสามารถ ในการปรบั ตวั ในภาวะใหม่ของบุคคลนั้น หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย (25560) ได้แบ่งพฒั นาการเด็กออกเปน็ 4 ด้านคือ พัฒนาการดา้ นรา่ งกาย พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ (Physical Development) (Emotional Development) พฒั นาการดา้ นสงั คม พัฒนาการด้านสติปัญญา (Social Development) (Intellectual Development)

8 พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ร่ า ง ก า ย ( P H Y S I C A L D E V E L O P M E N T ) พัฒนาการทางด้านรา่ งกาย หมายถึง ความสามารถของร่างกายในการทำทกั ษะต่างๆ และการแสดงออก โดยการใช้กล้ามเนื้อมดั ใหญ่ เช่น การนงั่ ยืน เดิน วิง่ กระโดด เป็นต้น และการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก เช่น การหยิบจับของ การขีดเขียน ปนั้ ประดิษฐ์ เป็นต้น ร่างกาย : ปฐมวัย(3-6ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ร่ า ง ก า ย ข อ ง เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย ( 3 - 6 ปี ) เดก็ อายุ 3-6 ขวบ พัฒนาการด้านร่างกายเปลีย่ นแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเรื่องความสงู และน้ำหนกั เดก็ จะมีสดั ส่วนของร่างกายใกล้เคียงกับผู้ใหญ่มากขึ้น แขนและขายาวขึ้น เคลือ่ นไหวคล่องแคล่วขึ้น ชอบวิง่ เล่น กระโดดโลด เต้นไม่อยู่นิง่ พร้อมทำกิจกรรมทีต่ ้องใช้แรง ใช้กำลังมากขึ้น ชอบอยู่กลางแจ้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้มือในการหยิบจับ สิ่งของต่างๆ ได้คล่องยิง่ ขึ้น ทำให้เดก็ สามารถแต่งตัว หวีผม แปรงฟนั และทำงานที่ละเอียดขึ้นได้

9 การเปลี่ยนแปลงด้านร่างกายที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนมีดังนี้ เดก็ ปฐมวยั : อายุ 3-6 ปี ฟัน กล้ามเนือ้ เล็ก กลา้ มเนื้อใหญ่ มีฟนั น้ำนมฟคันรบ 20 ซี่ กบลงั ้าคบัมกเานรเคือ้ ลมือ่ นดั ไหใวหขอญง ่ จับดินสอไม่ค่อยถนัด ฟันน้ำนมเริ่มหลุดและจะมี ร่างกายได้ดี ฟนั แท้ขึ้นมาแทนที่ ซี่แรกทีจ่ ะขึ้น สามารถวาดวงกลม มาเป็นฟนั กรามซีล่ ่าง อาจทำให้ หรือรปู เรขาคณิตได้ ซึง่ เดก็ จะ สามารถวิง่ และกระโดดได้ดี เด็กเจ็บปวดและก่อความรำคาญ ทำได้ดีขึ้น เมือ่ มีอายุมากขึ้น ไม่ค่อยอยู่นิง่ ได้พ่อแม่และผู้เลี้ยงดูเด็กควรช่วย ทำความสะอาดปากและฟันให้กับ เด็ก ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำสะอาด หรือใช้แปรงสีฟนั ที่มีขนอ่อนนุ่ม คคววาามมสสมั มั พพันนั ธธ์ร์ระะหหวว่าา่ งงตตาาแแลละมะือมือ เด็กวยั นี้จึงมีความยากลำบากในการใช้สายตาจบั จ้องหรือเพ่งดวู ัตถเุ ล็กๆ ดงั น้ัน ตวั หนังสือที่จะให้เด็ก วยั นี้อ่าน จึงควรเปน็ ตัวโตๆ และความถนัดในการใช้มือซ้ายหรือขวาของเด็ก จะเหน็ ได้ชดั ในวยั นี้ พ่อแม่จึงควร สงั เกตความถนัดของเด็ก

10 หลกั สตู รการศึกษาปฐมวยั (2560) ได้กำหนดสภาพทีพ่ ึงประสงค์เปน็ พฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยทีค่ าดหวังให้เดก็ เกิด บนพื้นฐานพัฒนาตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดสาระการเรียนรู้ในการจัด ประสบการณ์และประเมินพัฒนาการเด็ก โดยกำหนดมาตรฐานและตัวชี้วดั ดังนี้ มาตรฐานที่ 2 กลา้ มเนื้อใหญ่และกล้ามเนื้อเลก็ แขง็ แรงใชไ้ ด้อยา่ งคลอ่ งแคลว่ และประสานสมั พันธก์ นั ตัวบ่งชี้ 2.1 เคลื่อนไหวร่างกายอย่างคล่องแคล่ว ประสานสัมพันธ์และทรงตัวได้ สภาพทีพ่ ึงประสงค์ 3อายุ ปี 4อายุ ปี 5อายุ ปี 6อายุ ปี 3 - 4 ปี 4 - 5 ปี 5 - 6 ปี เดินต่อเท้าไปข้างหน้าเป็นเส้นตรงได้ เดินต่อเท้าถอยหลังเป็นเส้นตรงได้ เดินตามแนวที่กำหนดได้ โดยไม่ต้องกางแขน โดยไม่ต้องกางแขน กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าได้ กระโดดสองขาขึ้นลงอยู่กบั ทีไ่ ด้ โดยไม่เสียการทรงตวั อย่างต่อเนื่องโดยไม่เสียการทรงตัว วิ่งแล้วหยดุ ได้ วิง่ หลบหลีกสิ่งกีดขวาง วิง่ หลบหลีกสิ่งกีดขวางได้อย่าง คล่องแคล่วว่องไว รบั ลกู บอลโดยใชม้ อื และลำตวั ชว่ ย รบั ลกู บอลโดยใช้มือท้ังสองข้าง รบั ลกู บอลทีก่ ระดอนขึ้นจากพื้นได้

ตวั บ่งชี้ 11 2.2 ใช้มือ – ตาประสานสัมพนั ธ์กัน 6อายุ ปี สภาพทีพ่ ึงประสงค์ 5 - 6 ปี 3อายุ ปี 4อายุ ปี 5อายุ ปี 3 - 4 ปี 4 - 5 ปี ใช้กรรไกรตัดกระดาษขาดจากกนั ใช้กรรไกรตดั กระดาษ ใช้กรรไกรตดั กระดาษ ได้โดยใช้มือเดียว ตามแนวเส้นตรงได้ ตามแนวเส้นโค้งได้ เขียนรูปวงกลมตามแบบได้ เขียนรปู สี่เหลี่ยมตามแบบ เขียนรปู สามเหลีย่ มตามแบบ ได้อย่างมีมุมชัดเจน ได้อย่างมีมมุ ชัดเจน ร้อยวัสดทุ ี่มีรูขนาดเส้นผ่าศนู ย์กลาง ร้อยวัสดทุ ีม่ ีรูขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง ร้อยวสั ดทุ ีม่ ีรูขนาดเสน้ ผา่ ศนู ยก์ ลาง 0.25 เซนติเมตรได้ 1 เซนตเิมตรได้ 0.5 เซนติเมตรได้

12 พัฒนาการด้านร่างกายตามวัยที่สำคัญของเด็กปฐมวัย พอจะสรุปได้ดงั นี้ YEARS 3อายุ ปี 4อายุ ปี 5อายุ ปี 6อายุ ปี ขาจะยาวกว่าแขน ผอมเก้งก้าง แปรงฟันและล้างมือเองได้ กระโดดขึ้นลงอยู่กบั ที่ ดูตวั สูงคล้ายผู้ใหญ่ เริม่ ฝึกการขับถ่าย ไม่ถ่ายเลอะ กระโดดขาเดียวได้ ความสูงเพิ่มขึ้นประมาณ ตอ้ งชว่ ยแตง่ ตวั อยบู่ า้ ง รบั ลกู บอลด้วยมือและลำตัว 5 - 8 เซนติเมตร เตะลูกบอลได้ รับประทานอาหารไม่ค่อยหก น้ำหนักตัวขึ้น 1.4 - 2.3 กิโลกรมั สามารถถือถ้วยน้ำดืม่ แบบมีหู เดินขึ้นบนั ไดสลับเท้าได้ ถีบจักรยาน 3 ล้อได้ นอนนาน 10 - 12 ชั่วโมง โดยน้ำไม่หก ในเวลากลางคืน ใช้กรรไกรมือเดียวได้ เขียนรูปวงกลมตามแบบ ลากเส้นแนวตั้งและแนวนอนได้ ต่อบลอ็ กหรือแท่งไม้ได้สงู 7 ช้ัน หรือมากกว่า จบั ดินสอคีบระหว่างนิ้ว 3 นิ้วได้ (นิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วหัวแม่มือ)

13 YEARS YEARS ความสงู โดยเฉลี่ย เขียนรปู สีเ่ หลีย่ มตามแบบได้ กระฉบั กระเฉง ไม่ชอบอยู่เฉย 102-114 เซนติเมตร น้ำหนักโดยเฉลี่ย 14-18 กิโลกรมั ใช้กรรไกรเปน็ ตดั กระดาษ ชอบกระโดดข้ามสิ่งของเลก็ ๆ เปน็ เส้นตรงได้ กระโดดขาเดียวอยู่กับที่ได้ ชอบปีนป่ายสิง่ ต่างๆ เดินขึ้น-ลงบันไดสลบั เท้าได้

14 YEARS YEARS ศีรษะมีขนาดเกือบเท่าผู้ใหญ่ รจู้ กั ความสะอาดและไมท่ ำเลอะ กระโดดขาเดียวไปข้างหน้าอย่าง ความสงู โดยเฉลีย่ สามารถเขา้ หอ้ งนำ้ ขบั ถา่ ยเอง. ต่อเนือ่ ง ยืนขาเดียวได้ 107-117 เซนติเมตร และดแู ลความสะอาดได้ เรียนรู้ทีจ่ ะกระโดดข้ามหรือ น้ำหนักโดยเฉลี่ย 17-20.5 กิโลกรัม กระโดดเชือกได้ เขียนรูปสีเ่ หลีย่ มหรือสามเหลีย่ ม ติดกระดุมและรดู ซิปได้เอง รบั ลูกบอลที่กระดอนขึ้นจากพื้น ตามแบบได้ ได้ด้วยมือทั้งสอง ตดั กระดาษตามแนวเส้นโค้งที่กำหนด รบั ประทานอาหารเอง เดินขึ้น-ลงบันไดสลบั เทา้ ไดอ้ ยา่ ง โดยใช้ช้อนส้อมโดยไม่หก คลอ่ งแคลว่ เดนิ ตอ่ เทา้ ได้ เดนิ ถอยหลงั ตามเสน้ ได้ ใช้กล้ามเนื้อเลก็ ได้ดี เช่น ผูกเชือกรองเท้า ฯลฯ ยืดตัว คล่องแคล่ว พฒั นาการด้านรา่ งกายของเด็กปฐมวัย ถือเป็นพัฒนาการที่เปลีย่ นแปลงอย่าง รวดเรว็ ซึง่ สิง่ ทีส่ งั เกตไดอ้ ยา่ งชดั เจนคือ ฟนั กลา้ มเนื้อใหญ่ กลา้ มเนือ้ เลก็ และความ สัมพนั ธร์ ะหว่างตาและมือ ทำให้วัยนี้ถือเป็นจดุ เริม่ ต้นทีส่ ำคญั ที่ทำใหเ้ ดก็ เกิดการ เคลื่อนไหวต่างๆ และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ดียิง่ ขึน้

15 รา่ งกาย : วยั ประถมศึกษาตอนต้น (6-9ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ร่ า ง ก า ย ข อ ง เ ด็ ก วั ย ป ร ะ ถ ม ต้ น ( 6 - 9 ปี ) เด็กวัยนี้สามารถใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ได้ดี และชอบเคลื่อนไหวโดยธรรมชาติ เพือ่ เสริมสร้างร่างกายให้แขง็ แรงและการทำงาน ประสานกนั ของอวัยวะสมั พนั ธ์กนั อันจะมีผลต่อสุขภาพโดยรวมของเด็กในอนาคต แต่การทีจ่ ะส่งเสริมให้ร่างกายของเดก็ วัยนี้ทำงาน คล่องแคล่ว ประสานกนั ต้องอาศยั การฝึกฝนผ่านการทำกิจกรรม ท้ังการทำงานบ้าน การเล่นกีฬา การทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ซึง่ จะพฒั นาให้เด็กมีสุขภาพร่างกายที่แขง็ แรง กระฉับกระเฉง แคล่วคล่องว่องไว มีสมาธิดี ประสาทต่างๆ ทำงานได้คล่อง การ เปลี่ยนแปลงด้านร่างกายที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนมีดงั นี้ เด็กวัยประถมศึกษาตอนต้น : อายุ 6-9 ปี ฟัน กล้ามเนือ้ เล็ก กลา้ มเนือ้ ใหญ่ ฟนั แท้ซี่แรกเริ่มขึ้นเมือ่ อายุ 6 ปี สามารถใชม้ อื และนวิ้ จบั ดนิ สอไดด้ ี มีกำลังและทำงานประสานกัน ได้แก่ฟันหน้าซี่กลางและฟันกรามซี่ที่ มากขนึ้ ของกล้ามเนื้อซับซ้อนมากขึ้น การ 1 บนและล่าง ใช้และบังคบั กล้ามเนื้อต่างๆจะดีขึ้น สามารถเขยี นหรอื วาดรปู ต่างๆ ที่ มาก ฟันแท้ส่วนใหญ่จะขึ้นแทนที่ฟัน ซบั ซ้อนขึ้น น้ำนมและทยอยขึ้นไปจนถึงอายุ เดก็ จึงชอบการเคลือ่ นไหว 17-21 ปี สามารถทำงานทปี่ ระณตี อยา่ งงาน มากกว่าที่จะอยู่เฉย จึงควรส่งเสริม ปน้ั งานแกะสลกั ได้ ให้เดก็ วัยนี้ได้เล่นกีฬา ฟนั กรามแท้จะเริ่มขึ้นต้ังแต่อายุ 6 ปี ถึง 12 ปี รปู ร่าง เดก็ วยั ประถมศึกษาตอนต้นโดยท่ัวไปจะมีรปู ร่างสงู และค่อนข้างจะผอมกว่าวยั อนบุ าล เดก็ ชายและเดก็ หญิงจะมีน้ำหนักและส่วนสูงขนาดเท่าๆกนั มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 3-3.5 กิโลกรัมต่อปี และมีความ สงู เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 6 เซนติเมตร

16 สมรรถนะและพัฒนาการดา้ นรา่ งกายของเดก็ วยั ประถมศกึ ษาตอนต้น มีดังนี้ YEARS พฒั นาการของการใช้ กลา้ มเนือ้ เล็ก พฒั นาการของการใช้ กล้ามเนื้อใหญ่ เดินบนส้นเท้าได้ เขียนตัวอักษรแบบง่าย ๆ ได้ เดินต่อเท้าถอยหลังได้ วาดรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปนู ได้ กระโดดไกลประมาณ 120 ซม. วาดรูปคน ประกอบด้วยอย่างน้อย 6 ส่วน ใช้สองมือรับลูกบอลที่โยนมาได้ YEARS พัฒนาการของการใช้ กล้ามเนื้อเลก็ พฒั นาการของการใช้ กลา้ มเนื้อใหญ่ กระโดดขาเดียวได้หลายคร้ังต่อกัน เขียนตวั หนังสือได้ครบตามแบบ เดินถือของหลายชิ้นได้ วาดรปู คน มีรายละเอียดมากขึ้น เริ่มขีจ่ กั รยาน 2 ล้อ

17 YEARS พฒั นาการของการใช้ กลา้ มเนือ้ เลก็ พัฒนาการของการใช้ กล้ามเนือ้ ใหญ่ ทรงตัวได้ดี เขียนตัวหนงั สือถกู ต้อง ขี่รถจกั รยาน 2 ล้อได้ดี และเป็นระเบียบ วาดรปู สิ่งทีพ่ บเหน็ เป็นสัดส่วน และมีรายละเอียด YEARS พฒั นาการของการใช้ กล้ามเนื้อเล็ก พฒั นาการของการใช้ กล้ามเนื้อใหญ่ ยืนขาเดียวปิดตา 15 วนิ าที ทรงตวั ไดด้ ี วาดรูปทรงกระบอกมีความลึกได้ พฒั นาการด้านรา่ งกายของเด็กประถมศึกษาตอนต้น จะมีพัฒนาการทีเ่ พิม่ ขึ้น จากวัยอนุบาล โดยเฉพาะรูปร่างที่สูงขึ้น ท้ังนี้การใช้กล้ามเนื้อสามารถทำได้ดีขึ้นโดย เฉพาะในกลา้ มเนื้อใหญ่ จึงทำใหเ้ ดก็ ในวยั นี้ชอบการเคลือ่ นไหว ชอบวิง่ เล่น ซึ่งถือเปน็ กิจกรรมการเลน่ ที่สำคญั และสง่ เสริมพฒั นาการของเด็กต่อไป

18 พั ฒ น า ก า ร ด้ า น อ า ร ม แ ล ะ จิ ต ใ จ ( E M O T I O N A L D E V E L O P M E N T ) พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจ หมายถึง ความสามารถในการรู้สึกและแสดงความรู้สึก เช่น พอใจ ไม่พอใจ รกั ชอบ โกรธ เกลียด กลวั และเปน็ สขุ ความสามารถในการแยกแยะ ความลึกซึ้ง และ ควบคมุ การแสดงออกของอารมณ์อย่างเหมาะสมเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ต่าง ๆ ตลอดจนการสร้างความรู้สึกดี และนบั ถือต่อตนเอง (Self-Esteem) หรืออัตมโนทศั น์ อารมณ์และจิตใจ : ปฐมวยั (3-6ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น อ า ร ม ณ์ แ ล ะ จิ ต ใ จ เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย ( 3 - 6 ปี ) ในขณะทีพ่ ัฒนาการด้านร่างกายของเด็กปฐมวยั มีการเจริญเติบโต พฒั นาการทางด้านอารมณ์และจิตใจก็เช่น เดียวกัน เดก็ วัยอนบุ าลจะแสดงออกด้านอารมณ์เด่นชัดขึ้น มีความสนใจในเรือ่ งต่างๆค่อนข้างสั้น เวลาดีใจ เสียใจ โกรธ หรือกลวั ก็จะแสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ ได้แก่ กระโดด กอด ตบมือ โวยวาย ร้องไห้เสียงดงั ทบุ ตี ขว้างปาสิ่งของ ไม่ พอใจเมือ่ ถูกห้าม ฯลฯ เพียงช่ัวครู่ก็จะหายไป อารมณ์ที่เกิดขึ้นกบั เดก็ วัยนี้มีดังนี้ อารมณแ์ ละจิตใจด้านลบ อารมณแ์ ละจิตใจดา้ น บวก โกรธ เมือ่ ถกู ขดั ใจ ถกู แย่งของเล่น ถกู ห้ามไม่ให้ ทำพฤติกรรมบางอย่าง เดก็ จะแสดงออกด้วย การทุบตี กัด ข่วน หรือแสดงวาจาโกรธเกรี้ยว รกั เมือ่ เด็กรู้สึกมีความสขุ จะแสดงออกด้วย กลัว กลัวถกู ทอดทิ้ง กลวั คนแปลกหน้า การกอด ยิ้ม หวั เราะ อยากอยู่ใกลช้ ดิ กบั กลวั ความมืด กลวั ผี ซึง่ มักจะมาจากจินตนาการ บคุ คลหรอื สงิ่ ทรี่ กั และอาจตดิ สงิ่ ของบางอยา่ ง เชน่ ตกุ๊ ตา หมอน ผา้ หม่ ของเด็กเอง สนุกสนาน อิจฉา เมือ่ มีน้องใหม่ และเดก็ ไม่เข้าใจ อาจแสดงความโกรธ ก้าวร้าว หรือพฤติกรรม เกิดจากความสขุ การประสบความสำเร็จใน เบี่ยงเบนอื่นๆ เช่น ดูดนิ้ว ปสั สาวะรดที่นอน กิจกรรมที่ทำ หรือได้รับสิง่ ใหม่ๆ เด็กจะแสดงออก ดว้ ยการตบมอื ยมิ้ หวั เราะ กระโดด กอด ฯลฯ เศรา้ เสียใจ เกิดขึ้นเมือ่ เดก็ รู้สึกสูญเสียสิ่งที่รัก หรือสิง่ ที่มีความสำคัญ เช่น ของเล่น จึงแสดงออกด้วยอาการที่เศร้าซึม ไม่ยอมเล่น ไม่รับประทานอาหาร หรือรับประทานได้น้อยลง

19 หลักสตู รการศึกษาปฐมวัย (2560) ได้กำหนดสภาพทีพ่ ึงประสงค์เปน็ พฤติกรรมหรือความสามารถตามวยั ที่คาดหวังให้เดก็ เกิด บนพื้นฐานพัฒนาตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดสาระการเรียนรู้ในการจัด ประสบการณ์และประเมินพฒั นาการเดก็ มาตรฐานที่ 3 มีสุขภาพจิตดีและมีความสุข ตัวบ่งชี้ 3.1 แสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม YEARS YEARS YEARS YEARS แสดงอารมณ์ ความรู้สึกได้เหมาะสมกบั แสดงอารมณ์ ความรู้สึก บางสถานการณ์ ได้ตามสถานการณ์ Y E A R SY E A R S แสดงอารมณ์ ความรู้สึก ได้ตามสถานการณ์

ตัวบ่งชี้ 20 3.2 มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อืน่ YEARS YEARS YEARS YEARS กล้าพูดกล้าแสดงออกอย่าง เหมาะ สมบางสถานการณ์ กล้าพดู กล้าแสดงออก แสดงความพอใจในผลงานและ แสดงความพอใจในผลงานตนเอง ความสามารถของตนเอง Y E A R SY E A R S พัฒนาการด้านอารมณ์สำหรับวัยนี้จะ กล้าพดู กล้าแสดงออกอย่าง ค่อนขา้ งมีระยะที่ส้นั โดยเด็กจะแสดง เหมาะสมตามสถานการณ์ ความรสู้ ึกหรือพฤติกรรม จากอารมณ์ ภายในออกมาอย่างเต็มที่ แต่จะเป็นระยะเวลา แสดงความพอใจในผลงานและ เพียงชวั่ ครู่ ซึ่งมักจะยึดตนเองเปน็ ศูนยก์ ลาง ความสามรถของตนเองและผู้อืน่ ในช่วงปลายของวัยจะเริม่ ปรับตวั ได้ โดยสามารถ แสดงอารมณ์ไดอ้ ย่างเหมาะสมมากขึ้น

21 อารมณแ์ ละจิตใจ : วัยเดก็ ประถมตน้ (6-9ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น อ า ร ม ณ์ แ ล ะ จิ ต ใ จ วั ย เ ด็ ก ป ร ะ ถ ม ต้ น ( 6 - 9 ปี ) วัยประถมต้นเปน็ ช่วงเวลาที่เดก็ ถกู คาดหวังให้มีความรู้เบื้องต้นที่จำเป็นต่อการปรบั ตัวในชีวิตตอนเป็นผู้ใหญ่ และ เรียนรู้ทกั ษะทีส่ ำคญั บางอย่าง ท้ังในหลกั สตู รและนอกหลกั สูตรของโรงเรียน ดงั นั้นพฒั นาการด้านอารมณ์ของเด็กวยั นี้ จึงมีทั้งความสขุ และความทุกข์เกิดขึ้นดงั นี้ มคี วามสนกุ สนานในการเลน่ เรมิ่ เรยี นรทู้ จี่ ะใหค้ วามรว่ มมอื มีความพึงพอใจเกยี่ วกบั วยั ของตน รจู้ กั ใหแ้ ละรบั มีความสุข ร่าเริง ปีติเบิกบาน กลวั ถกู ทำโทษ มีความวิตกกงั วล กลวั ถูกล้อ เกี่ยวกบั การเรียน มีความกลวั ต่างๆ กลัวสตั ว์ กลวั งู กลวั ความมืด กลัวที่สงู กลัวฟ้าผ่า ฟ้าร้อง มีการทำร้ายร่างกาย ต่อสู้กนั มีการแสดงออกทางอารมณ์ ด้วยวาจา ล้อ ตั้งสมญา พูด แตกต่างกันระหว่างเด็กหญิง ถากถาง ขู่ หรือไม่พดู ด้วย และเด็กชาย มีอารมณ์ โกรธ พัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็กประถมต้นจะเริ่มมีอารมณ์และความรู้สึกที่ชัดเจน ได้แกก่ ารมีความสุข ความกลวั และอารมณโ์ กรธ ทง้ั นี้ สิง่ ที่สำคัญคือการจดั การ กับอารมณ์ของตนเอง ซึง่ ผ้ปู กครองจะต้องดแู ลอย่างใกล้ชิด คอยใหค้ ำปรึกษา เข้าใจใน พัฒนาการของเด็กและไม่ควรลงโทษที่รุนแรงเพราะจะทำให้เด็กจดจำและนำไปสู่ พฤติกรรมก้าวรา้ วได้

22 พั ฒ น า ก า ร ด้ า น สั ง ค ม ( S O C I A L D E V E L O P M E N T ) พัฒนาการด้านสงั คม หมายถึง ความสามารถในการสร้างสัมพันธภาพกบั ผู้อื่น มีทักษะการปรับ ตัวในสงั คมคือ สามารถทำหน้าที่ตามบทบาทของตนร่วมมือกับผู้อืน่ มีความรับผิดชอบ ความเปน็ ตัวของ ตวั เอง และรู้กาลเทศะ หมายความรวมถึง ความสามารถในการช่วยตัวเองในชีวิตประจำวัน (Personal-social) นอกจาก น้ัน พฒั นาการด้านสงั คมยังเกี่ยวข้องกับพฒั นาการด้านจิตวิญญาณ คุณธรรม และเกี่ยวข้องกับพฒั นาการด้าน สติปญั ญา ทำให้รู้จกั แยกแยะความรู้สึกผิดชอบช่วั ดี และความสามารถในการเลือกดำรงชีวิตในทางสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อสงั คมส่วนรวมอีกด้วย สังคม : ปฐมวัย(3-6ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น สั ง ค ม ข อ ง เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย ( 3 - 6 ปี ) เม่ือเด็กย่างเข้าสู่วัยสามขวบ เด็กเรียนรู้ที่จะ การเล่นและการทำกิจกรรมร่วมกบั ผู้อื่นจะช่วยให้เด็ก ร่วมมือกับผู้อื่นในลกั ษณะกลุ่ม รู้จกั การเป็น เรียนรู้ที่จะลดตนเองจากการเป็นศนู ย์กลางไปสู่การ สมาชิกของกลุ่ม รู้จกั ปฏิเสธ การรับ การ ปฏิบตั ิที่ยอมรบั คนอื่นมากขึ้น สือ่ สาร หรือการใช้ภาษา ซึง่ ส่วนมากเด็กจะ เรียนรู้ผ่านการเล่น การอบรมเล้ียงดเู ดก็ ดว้ ยความเขา้ ใจ ด้วยการเปน็ แบบ อยา่ งท่ดี แี ละแนะนำสั่งสอนเด็กดว้ ยความอ่อนโยน ช้ีแนะ ระเบียบกฎเกณฑข์ องสงั คม การจัดกิจกรรมกลุ่ม การชวน เลน่ แบบมขี อ้ ตกลง จะช่วยพฒั นาการดา้ นสงั คมใหเ้ ด็กไปสู่ คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์

23 Sigmund Freud 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856 - 23 กันยายน ค.ศ. 1939 ประสาทแพทย์ชาวออสเตรีย ผู้เป็นที่รจู้ กั ในฐานะบิดาแห่งจิตวิเคราะห์ ประสบการณ์ในวยั เดก็ มีความสำคญั ที่ส่งผลต่อบคุ ลิกภาพในวยั ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะช่วงปฐมวยั ว่าเปน็ วยั สำคัญที่สุด หากวยั เดก็ มีพัฒนาการที่สมบรู ณ์ จากการอบรมเลี้ยงดอู ย่างถูกต้องจากครอบครวั เด็กจะผ่านข้ันตอนการเจริญ เติบโตอย่างดี ฟรอยด์แบ่งข้ันตอนพฒั นาการบคุ ลิกภาพของมนุษย์ออกเปน็ 5 ขั้น ข้ันที่ 3 ข้ันอวยั วะเพศ (phallic or oedipal stage) อายอุ ยู่ระหว่าง 3 ถึง 5 ปี ฟรอยด์กล่าวว่าลกั ษณะความสนใจของเด็กเริม่ มองเหน็ ความแตกตา่ งของเพศมาก ขนึ้ เดก็ ชายจะเลยี นแบบพ่อ ผหู้ ญงิ จะเลียนแบบแมม่ ากขนึ้ ดังนัน้ การเลยี้ งดเู ด็ก อยา่ งใกล้ชดิ ให้โอกาสเด็กเรียนรู้บทบาทของตนตามเพศจากการเลยี นแบบพ่อแม่ เป็นการส่งเสรมิ พัฒนาการทางสงั คมของเด็กอย่างเหมาะสม

24 Erik H. Erikson 15 มิถุนายน ค.ศ. 1902 – 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1994 ผู้คิดคน้ ทฤษฎีพัฒนาการทางสงั คม Psychosocial development ทฤษฎีพัฒนาการทางบคุ ลิกภาพตามแนวคิดของ Erikson แบ่งพัฒนาการด้าน จิตสังคมของบคุ คลเป็น 8 ข้ัน ขั้นที่ 3 ระยะก่อนไปโรงเรียน (Preschool period) อายุ 3-6 ปี เปน็ ระยะที่ พัฒนาความคิดริเริ่มหรือความรู้สึกผิด (Initiative versus Guilt) เดก็ จะ กระตือรือร้นทีจ่ ะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว รู้จักเล่นเลียนแบบสมมตุ ิ เด็กจึงควร มีอิสระทีจ่ ะในการค้นหา หากไม่มีอิสระเด็กจะรู้สึกผิดทีไ่ ม่สามารถเรียนรู้ ส่ง ผลต่อความรู้สึกไม่ดีของเด็กได้

25 สมรรถนะและพัฒนาการด้านสงั คมของเด็กตงั้ แต่ 3 - 6ปี มดี งั น้ี YEARS สามารถรบั ประทานอาหารไดเ้ อง “การเลน่ คู่ขนาน” คือ เด็ก 2 คนอยู่ ในห้องเดียวกนั นัง่ เลน่ ด้วยกัน แต่ไม่ คยุ กัน ต่างคนต่างสนใจของเล่นของ ตนเอง ไม่สนใจจะเลน่ ด้วยกนั YEARS แตง่ ตัวไดด้ ้วยตนเอง ไปห้องนำ้ ไดเ้ อง เลน่ ร่วมกบั คนอืน่ ได้ รอคอยตาม ลำดับก่อนหลัง แบง่ ของให้คนอื่น เกบ็ ของเลน่ เขา้ ทีไ่ ด้ YEARS ปฏิบตั ิกิจวตั รประจำ พบผู้ใหญ่รู้จกั ไหว้ เลน่ หรือทำงานโดยมีจุดมุ่งหมาย วันได้ดว้ ยตนเอง ทำความเคารพ รจู้ กั ขอบคณุ ร่วมกับคนอืน่ ได้ เมือ่ รับของจากผู้ใหญ่ YEARS มีการเล่นเปน็ กลุม่ รจู้ กั มารยาททางสังคม มีกติกาขอ้ ตกลง เข้าใจความรสู้ ึกของผู้อื่น มากขึน้

26 หลักสูตรการศึกษาปฐมวัย(2560) ได้กำหนดสภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวัยที่คาด หวงั ให้เดก็ เกิด บนพื้นฐานพฒั นาตามวยั หรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดบั อายุ เพือ่ นำไปใช้ในการกำหนด สาระการเรียนรู้ในการจดั ประสบการณ์และประเมินพฒั นาการเดก็ มาตรฐานที่ 4 ชื่นชมและแสดงออกทางศิลปะ ดนตรีและการเคลือ่ นไหว ตัวบ่งชี้ 4.1 สนใจ มีความ สุขและแสดงออกผา่ นงานศลิ ปะ ดนตรี การเคลอื่ นไหว YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS สนใจ มีความสขุ และแสดงออก สนใจ มีความสขุ และแสดงออก สนใจ มีความสขุ และแสดงออก ผ่านงานศิลปะ ผ่านงานศิลปะ ผ่านงานศิลปะ สนใจ มีความสุข และแสดงออก สนใจ มีความสขุ และแสดงออก สนใจ มีความสขุ และแสดงออก ผ่านเสียงเพลงดนตรี ผ่านเสียงเพลงดนตรี ผ่านเสียงเพลงดนตรี สนใจ มีความสุข และแสดงท่าทาง สนใจ มีความสขุ และแสดงท่าทาง สนใจ มีความสขุ และแสดงท่าทาง / เคลื่อนไหวประกอบเพลง / เคลื่อนไหวประกอบเพลง / เคลื่อนไหวประกอบเพลง จงั หวะและดนตรี จงั หวะและดนตรี จงั หวะและดนตรี

27 มาตรฐานที่ 8 อยรู่ ่วมกบั ผู้อื่นไดอ้ ยา่ งมีความสขุ และปฏิบัติตนเป็นสมาชิกที่ดีของสงั คมในระบอบประชาธิปไตย อนั มีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุขดงั นี้ ตวั บ่งชี้ 8.1 สนใจ มีความสุข และแสดงออกผ่านงานศิลปะ ดนตรี การเคลื่อนไหว YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเด็ก เล่นและทำกิจกรรมร่วมกับเดก็ ทีแ่ ตกต่างไปจากตน ที่แตกต่างไปจากตน ทีแ่ ตกต่างไปจากตน ตัวบ่งชี้ 8.2 มีปฎิสมั พนั ธ์ทีด่ ีกบั ผู้อืน่ YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS เล่นร่วมกบั เพื่อน เล่นหรือทำงานร่วมกับเพื่อน เล่นหรือทำงานร่วมกบั เพื่อน เปน็ กลุ่ม สนใจ มีความสุข และ อย่างมีเป้าหมาย ยิ้มหรือทักทายผู้ใหญ่ และ แสดงออกผ่านเสียงเพลงดนตรี บคุ คลทีค่ ุ้นเคยเมือ่ มีผู้ชี้แนะ ยิ้ม ทักทายหรือพูดคยุ กับผู้ใหญ่ ยิ้ม ทักทาย หรือพดู คยุ กับผู้ใหญ่ และบคุ คลที่คุ้นเคยได้เหมาะสม และบุคคลทีค่ ุ้นเคยได้ด้วยตนเอง กบั สถานการณ์

28 ตัวบ่งชี้ 8.3 ปฏิบัติตนเบื้องต้นในการเปน็ สมาชิกทีด่ ีของสังคม YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS ปฎิบัติตามข้อตกลงเมือ่ มีผู้ชี้แนะ มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ มีส่วนร่วมสร้างข้อตกลงและ ปฏิบัติตามข้อตกลงเมือ่ มีผู้ชี้แนะ ปฏิบตั ิตามข้อตกลงด้วยตนเอง ปฏิบตั ิตนเปน็ ผู้นำ และผู้ตาม เมือ่ มีผู้ชี้แนะ ปฏิบัติตนเปน็ ผู้นำและผู้ตามได้ ปฏิบตั ิตนเป็นผู้นำและผู้ตามได้ ด้วยตนเอง เหมาะสมกบั สถานการณ์ ยอมรบั การประนปี ระนอม แกไ้ ข ปญั หาเมอื่ มผี ชู้ แี้ นะ ประนีประนอม แก้ไขปญั หาโดย ประนปี ระนอม แกไ้ ขปญั หาโดย ปราศจากการใช้ความรนุ แรง ปราศจากการใชค้ วามรนุ แรงดว้ ย เมือ่ มีผู้ชี้แนะ ตนเอง พัฒนาการดา้ นสงั คมของเด็กปฐมวัยในชว่ งระยะแรกโดยสว่ นมากจะเป็นรปู แบบ ของแต่ ละคน เช่น ความสามารถในการปฏิบตั ิกิจวตั รประจำวันตา่ ง ๆ ความรบั ผิดชอบตอ่ หน้าที่ทีไ่ ด้รับมอบหมาย และในชว่ งปลายของวัย จึงเริม่ ให้ความสนใจกับการ เล่นเปน็ กลุ่มแทนการเล่นคนเดียวมากขึน้ นอกจากนี้เดก็ จะเริ่มรูจ้ กั และเรียนร้มู ารยาท ทางสังคมอีกด้วย

29 สังคม : ประถมศึกษาตอนต้น (6-9ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น สั ง ค ม ข อ ง เ ด็ ก ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ต อ น ต้ น ( 6 - 9 ปี ) ก ร ะ บ ว น ก า ร ป รั บ ตั ว ท า ง สั ง ค ม (SOCIALIZATION PROCESS) “เปน็ กระบวนการสำคญั ที่เด็กจะเรียนรูแ้ นวทางการปฏิบตั ิตัวในสงั คมที่ถูกต้อง การปรบั ตัวนีเ้ พือ่ ให้ บุคคลอื่นยอมรบั ตนเอง และอย่รู ว่ มสังคมกับบคุ คลอื่นได”้ เด็กจะเรียนรทู้ ี่จะสร้างความสมั พนั ธ์ เด็กจะเรียนรู้ภาษา และ กบั แมแ่ ละขยายไปสู่บุคคลรอบขา้ ง มีความเขา้ ใจภาษามากขึ้น การแสดงความร้สู ึกต่อคนอื่น รจู้ ักการชว่ ยเหลือตนเอง ร้จู ักขอ้ ตกลงทางสงั คม มีพฒั นาทางสงั คมเนือ่ งจากการไดร้ ับ อิทธิพลจากเพือ่ นและสภาพสิง่ แวดลอ้ ม ลดการยึดตนเองเปน็ จุดศนู ยก์ ลาง

30 Sigmund Freud 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1856 - 23 กนั ยายน ค.ศ. 1939 ผคู้ ิดทฤษฏีพัฒนาการทางเพศ (Psychosexual development) ผู้เชือ่ ว่าการพัฒนาการทางบคุ ลิกภาพของเด็กแต่ละคน ขึ้นอยู่กบั การ เปลี่ยนแปลงของร่างกาย โดยร่างกายจะเปลีย่ นแปลงบริเวณแห่งความพึง พอใจเป็นระยะๆ ในช่วงอายทุ ี่ต่างๆ กนั บริเวณแห่งความพึงพอใจนั้นจะได้รบั การตอบสนองเตม็ ที่ เดก็ จึงจะมี พฒั นาการที่ดีและสมบรู ณ์ สำหรับเดก็ วยั 6-9 ปี จะอยู่ในระยะแฝง (The latency stage) เป็นระยะทีเ่ กบ็ กดความพึงพอใจทางเพศไว้ จะไม่มีบริเวณใดใน ส่วนต่างๆ ของร่างกายทีจ่ ะเปน็ บริเวณแห่งความพึงพอใจ ในระยะนี้เด็กมัก แสดงออกถึงความสนใจในเรื่องอืน่ เช่น การแข่งขันในการเรียน และการกีฬา

31 Erik H. Erikson ผู้คิดคน้ ทฤษฎีพัฒนาการทางสงั คม Psychosocial development เดก็ วัยประถมนี้จะอยู่ในข้ันพฒั นาความขยันขนั แข็งหรือความรู้สึกด้อย (Industry vs. feeling of inferiority) เปน็ ระยะที่เดก็ ต้องการทำสิง่ ต่างๆ ให้ บรรลคุ วามสำเรจ็ เดก็ จึงพยายามแข่งขันเพือ่ ให้ประสบความสำเรจ็ แต่ถ้าเกิด การล้มเหลว จะทำให้เด็กมีปมด้อย และเกิดความท้อถอยสิ่งใหม่ในอนาคต

32 สมรรถนะและพฒั นาการด้านสงั คมของเด็กต้งั แต่ 6 - 9ปี มีดงั น้ี YEARS ยังคิดถึงแต่เรอื่ งทเี่ กยี่ วขอ้ งอยู่ ความสนใจกจิ กรรมในเวลาสั้นๆ แล้วเปลี่ยนไป ไม่สนใจว่างานจะสำเรจ็ หรือไม่ เด็กจะสนใจ และกระตือรือร้นทำงานทีต่ นเองชอบ YEARS มีความพยายามทีจ่ ะทำให้งานสำเร็จมีมากกว่าวยั 6 ปี มีความอยากรู้อยากเหน็ มากขึ้น แต่จะทำงานทีละอย่างได้ ดีกว่าการให้ทำกิจกรรมทีเดียวหลายอย่าง YEARS มีความสนใจที่จะทำงานให้สำเร็จ สนใจที่จะทำสิ่งใหม่ๆ มีสมาธิมากขึ้น รบั ฟงั คำแนะนำในการทำงานมากขึ้น มีความสามารถในการเล่นต่างๆ สามารถแสดงบทละคร ง่ายๆ ได้ มีความอยากรู้อยากเหน็ สนใจซักถามมากขึ้น YEARS สามารถแก้ปญั หาและรู้จักหาเหตผุ ลโดยอาศยั การสงั เกต ต้องการอิสรภาพเพิม่ ขึ้น มีความรู้ในด้านภาษา และความรู้ รอบตัวกว้างขึ้น ชอบอ่านหนงั สือทีเ่ กี่ยวกับข้อเทจ็ จริง สนใจทีจ่ ะสะสมสิง่ ของ และจะเลียนแบบการกระทำต่างๆ ของคนอื่น พฒั นาการด้านสังคมของเด็กประถมศึกษาตอนตน้ จะเห็นผลมากกวา่ ปฐมวยั เช่น ความสำเร็จในการปฏิบัติงานต่างๆ แตอ่ ย่างไรกต็ าม ความสนใจในกิจกรรมยงั คง มีระยะส้ัน ถึงแม้จะมีความอยากรอู้ ยากเหน็ มากขึ้นกต็ าม ทงั้ นีเ้ ด็กจะสามารถร้จู กั เหตุผล และนำไปสู่ความสามารถในการแกป้ ัญหาต่างๆ ได้ด้วยตนเอง

33 พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ส ติ ปั ญ ญ า ( I N T E L L E C T U A L D E V E L O P M E N T ) พัฒนาการดา้ นสติปญั ญา หมายถึง ความสามารถในการเรียนรู้ความสัมพันธ์ระหว่าง สิ่งต่าง ๆ กบั ตนเอง การรบั รู้ รู้จักสงั เกต จดจำ วิเคราะห์ การรู้คิด รู้เหตผุ ล และความสามารถในการแก้ปญั หา ตลอดจนการสงั เคราะห์ ซึ่งเป็นความสามารถเชิงสติปัญญาระดบั สูง ซึ่งแสดงออกด้วยการใช้ภาษา และสื่อความ หมายกับการใช้ตากับมือทำงานประสานกันเพือ่ แก้ปญั หา จึงมีความเกี่ยวข้องกับพฒั นาการด้านสติปญั ญา (พัชร พรหมภักดี, 2548) สติปัญญา : ปฐมวัย(3-6ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ส ติ ปั ญ ญ า ข อ ง เ ด็ ก ป ฐ ม วั ย ( 3 - 6 ปี ) สามารถใช้สญั ลกั ษณ์แทน สิง่ ของ วตั ถุ และสถานทีไ่ ด้ มีทกั ษะในการใช้ภาษา มีความคิดคำนึง ทีจ่ ะอธิบายสิ่งต่าง ๆ มีความตั้งใจทีละเรื่อง เดก็ วยั อนบุ าล (3-6 ขวบ) ยังไม่สามารถจะพิจารณา หลายๆเรือ่ งรวมกันได้ และยงั ไม่มีความเข้าใจเกี่ยวกบั ความคงตวั ของสสาร

34 พัฒนาการดา้ นสติปญั ญาของเด็กปฐมวยั (3-6ปี) 1 เกีย่ วข้องกับ 2 ความคิด ความเข้าใจ ได้ฝึกคิดแก้ปัญหา ครอบครัวหรือผใู้ หญ่รอบ ๆ สร้างแรงจูงใจให้เดก็ ต่างๆ ด้วยตวั เอง ตวั เดก็ จะเป็นจุดเริม่ ต้น มีความใฝ่รู้ ฝึกให้สงั เกต ได้แสดงความ สิง่ รอบตัว สามารถ ให้ความสนใจในสิ่งที่ กล้าแสดง เด็กทำ ความคิดเหน็ ให้เดก็ ได้มีโอกาส ปลูกฝงั ให้เดก็ เป็นคน เรียนรู้จากการลอง รู้จกั คิด ผิดลองถกู ในเรื่อง

35 พัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็กปฐมวยั (3-6ปี) การคิด การคิด การใช้ประสาทสัมผัสท้ัง 5 ด้วยการมอง ฟงั สัมผสั ชิมรส และดมกลิน่ การคิดเชือ่ มโยงความสมั พันธ์ สิ่งของต่าง ๆ การคิดสร้างสรรค์ และการคิดแก้ปัญหา การใช้ภาษาในการสื่อสาร ด้วยการฟัง การพูด การอ่าน การเขียน การใชภ้ าษา การสังเกต การสังเกต การจำแนก และการเปรียบเทียบ ได้แก่ การจำแนกเปรียบเทียบความเหมือน-ความต่าง การ จดั หมวดหมู่สิ่ง ของ และการเรียงลำดับสิ่งต่างๆ จำนวน ท้ังการนบั จำนวนและการรู้ค่าของ จำนวน จำนวน มิติสมั พันธ์ คือ การเข้าใจและการอธิบายใน มิติสัมพันธ์ เรือ่ งพื้นที่ ตำแหน่ง ระยะทาง ทิศทาง เวลา ใช้ในการเปรียบเทียบเวลาต่างๆ เรียงลำดบั เวลา เหตกุ ารณ์ และความเข้าใจเกีย่ วกับฤดกู าล

36 เดก็ ทีม่ ีพัฒนาการด้านสติปญั ญาดีหรือเดก็ ฉลาด จะเป็นเด็ก... ใชค้ ำศพั ทไ์ ด้มากและถูกต้อง มีความมีคจวาำมดคิดี เป็นขเดอง็กตชัวเ่าองงสังเกชตอบตง้ั คำถามเรียนรู้เร็ว ชอบอ่านหนงั สือ ชอบคิดแก้ปัญหา ชอบเปน็ ผ้นู ำ มีจินตนาการ ชอบแสดงความคิดเหน็ ชอบทดลองสิ่งตา่ ง ๆ ชอบวาดภาพตามความคิดของตวั เองชอบสำรวจ มีความอยากรูอ้ ยากเห็น ชอบสรา้ งสรรค์สิง่ ตา่ ง ๆ อยา่ งเปน็ อิสระ ดังน้ันหากผู้ใหญ่รอบตัวให้ความสนใจพัฒนาลูกน้อยให้เติบโตเต็มศักยภาพจะส่งผลให้ลูก มีศรัทธาต่อ ตัวเอง มีความเชื่อม่ันในตัวเองเห็นว่าตัวเองมีความสามารถทำสิ่งต่างๆได้สำเร็จ มีท่าทีต่อปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างเหมาะสม มีความสนใจที่จะเรียนรูแ้ ละหาวิธีแกป้ ญั หาไม่โวยวายหรือโทษผู้อื่น สามารถรบั รู้สิ่งตา่ ง ๆ ไดต้ ามความเปน็ จริง เรียนร้จู ากการลองผิดลองถูก ลองคิด ลองทำ โดยไม่สนใจกบั คำพดู ของผู้อืน่ หรือความ วิตกกงั วลต่าง ๆ ของตวั เอง นอกจากนี้หากลูกได้มีการทบทวนพิจารณาสิ่งที่ได้ทำไปด้วยการตรวจสอบการคิดแก้ปัญหาของตนเอง อย่างเปน็ ข้ันตอน เมือ่ พบข้อผิดพลาด ก็จะหาทางแก้ไข หรือพิจารณาปรับปรุงแก้ปัญหาให้ดีขึ้น ซึง่ จะเป็นพื้นฐานที่ ทำให้ลกู พฒั นาต่อไปได้ดี

37 หลกั สูตรการศึกษาปฐมวัย (2560) ได้กำหนดสภาพที่พึงประสงค์เป็นพฤติกรรมหรือความสามารถตามวยั ที่คาด หวังให้เด็กเกิดบนพื้นฐานพัฒนาตามวัยหรือความสามารถตามธรรมชาติในแต่ละระดับอายุ เพื่อนำไปใช้ในการกำหนด สาระการเรียนรู้ในการจดั ประสบการณ์และประเมินพัฒนาการเด็ก มาตรฐานที่ 9 ใชภ้ าษาสื่อสารไดเ้ หมาะสมกบั วยั ดังนี้ ตวั บ่งชี้ 9.1 สนทนาโต้ตอบ และเล่าเรื่องให้ผู้อื่นเข้าใจ YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS ฟังผู้อื่นพดู จนจบและพดู โต้ตอบ ฟังผู้อื่นพูดจนจบและสนทนาโต้ ฟงั ผู้อืน่ พดู จนจบและสนทนาโต้ เกีย่ วกับเรือ่ งที่ฟัง ตอบสอดคล้องกบั เรือ่ งที่ฟงั ตอบอยา่ งตอ่ เนอื่ งและเชอื่ มโยงกบั เรอื่ งทฟี่ งั เล่าเรือ่ งด้วยประโยคส้ันๆ เล่าเรื่องเป็นประโยคอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เล่าเรื่องเป็นเรือ่ งราวต่อเนื่องได้

38 มาตรฐานที่ 10 มีความสามารถในการคิดทีเ่ ป็นพืน้ ฐานในการเรียนดงั นี้ ตัวบ่งชี้ 10.1 มีความสามารถในการคิดรวบยอด YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS บอกลกั ษณะของสิง่ ต่างๆ จาก บอกลกั ษณะและส่วนประกอบ บอกลกั ษณะและสว่ น ประกอบของ การสงั เกต โดยใช้ประสาท ของสิ่งต่างๆ จากการสังเกต สิ่งต่างๆ จากการสังเกต โดยใช้ สัมผสั โดยใช้ประสาทสมั ผัส ประสาทสมั ผัส จบั คู่หรือเปรียบเทียบสิง่ ต่างๆ จับคู่และเปรียบเทียบความแตก จบั คู่และเปรียบเทียบความแตก โดยใช้ลักษณะหรือหน้าที่การใช้ ต่างหรือความเหมือนของสิง่ ต่างหรือความเหมือนของสิ่ง งานเพียงลกั ษณะเดียว ต่างๆ โดยใช้ลกั ษณะที่สังเกตพบ ต่างๆ โดยใช้ลกั ษณะทีส่ งั เกตพบ คดั แยกสิง่ ต่างๆ ตามลกั ษณะ เพียงลกั ษณะเดียว สองลกั ษณะขึ้นไป หรือหน้าที่การใช้งาน เรียงลำดับสงิ่ ของหรอื เหตกุ ารณ์ จำแนกและจัดกลุ่มสิง่ ต่างๆ โดย จำแนกและจัดกลุ่มสิง่ ต่างๆ โดย อย่างน้อย 3 ลำดับ ใช้อย่างน้อย 1 ลกั ษณะเป็น ใชต้ งั้ แตส่ อง ลกั ษณะขึ้นไปเปน็ เกณฑ์ เกณฑ์ เรียงลำดบั สงิ่ ของหรอื เหตุการณ์ เรียงลำดบั สงิ่ ของหรอื เหตุการณ์ อย่างน้อย 4 ลำดบั อย่างน้อย 5 ลำดับ

39 ตัวบ่งชี้ 10.2 มีความสามารถในการคิดเชิงเหตุผล YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS ระบผุ ลทีเ่ กิดขึ้นในเหตุการณ์ ระบสุ าเหตุหรือผลที่เกิดขึ้นใน อธิบายเชื่อมโยงสาเหตหุ รือผลที่ หรือการกระทำเมื่อมีผู้ชี้แนะ เหตุการณ์หรือการกระทำเมื่อมี เกิดขึ้นในเหตกุ ารณ์หรือการ ผู้ชี้แนะ กระทำด้วยตนเอง คาดเดาหรือคาดคะเนสิง่ ทีอ่ าจ จะเกิดขึ้น คาดเดาหรือคาดคะเนสิ่งที่อาจ คาดเดาหรือคาดคะเนสิง่ ทีอ่ าจ จะเกิดขึ้นหรือมีส่วนร่วมในการ จะเกิดขึ้น ลงความ เหน็ จากข้อมลู

ตวั บ่งชี้ 40 10.3 มีความ สามารถในการคิดแก้ปญั หาและตัดสินใจ YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS ตัดสินใจในเรือ่ งง่ายๆ ตัดสินใจในเรื่องง่ายๆ และเริ่ม ตดั สินใจในเรือ่ งง่ายๆ และ แก้ปัญหาโดยลองผิดลองถกู เรียนรู้ผลที่เกิดขึ้น ยอมรับผลที่เกิดขึ้น ระบปุ ญั หาและแก้ปญั หาโดยลอง ระบปุ ญั หาสร้างทางเลือกเลือก ผิดลองถกู วิธีการแก้ปญั หา มาตรฐานท่ี 11 มีจนิ ตนาการและความคิดสร้างสรรค์ดงั นี้ ตัวบ่งชี้ 11.1 ทำงานศิลปะตามจินตนาการและ ความคิดสร้างสรรค์ YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS สร้างผลงานศิลปะเพือ่ สือ่ สาร สร้างผลงานศิลปะเพือ่ สือ่ สาร สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสาร ความคิด ความรู้สึกของตนเอง ความคิด ความรู้สึกของตนเอง ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมีการดัดแปลง และแปลก โดยมีการดัดแปลง และแปลก ใหม่จากเดิมหรือมีรายละเอียด ใหม่จากเดิมและมีรายละเอียด เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น

41 ตัวบ่งชี้ 11.2 แสดงท่าทาง/เคลื่อนไหวตามจินตนาการอย่างสร้างสรรค์ YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS YEARS สร้างผลงานศิลปะเพื่อสื่อสาร สร้างผลงานศิลปะเพื่อสือ่ สาร สร้างผลงานศิลปะเพื่อสือ่ สาร ความคิด ความรู้สึกของตนเอง ความคิด ความรู้สึกของตนเอง ความคิด ความรู้สึกของตนเอง โดยมีการดัดแปลง และแปลก โดยมีการดัดแปลง และแปลก ใหม่จากเดิมหรือมีรายละเอียด ใหม่จากเดิมและมีรายละเอียด เพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้น มาตรฐานที่ 12 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ และมีความสามารถในการแสวงหาความรูไ้ ดเ้ หมาะสมกับวยั ดงั นี้ ตัวบ่งชี้ 12.1 มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้ YEARS YEARS Y E A R SY E A R S YEARS YEARS สนใจฟังหรืออ่านหนังสือด้วย สนใจซกั ถามเกีย่ วกับสัญลักษณ์ สนใจหยิบ หนังสือมาอ่านและ ตนเอง หรือตัว หนังสือทีพ่ บเห็น เขียนสื่อความคิดเหน็ ตนเองเป็น ประจำอย่างต่อเนื่องทีพ่ บเห็น กระตือรือร้นในการเข้าร่วม กระตือรือร้นในการเข้าร่วม กิจกรรม กิจกรรม กระตือรือร้นในการเขา้ รว่ ม กจิ กรรมตง้ั แตต่ น้ จนจบ

42 ตัวบ่งชี้ 12.2 มคี วาม สามารถในการแสวงหาความรู้ YEARS YYEEAARRSYYEEAARRS Y E A R Y EAR YEARS YE ARS ค้นหาคำอบของข้อสงสัยต่างๆ ค้นหาคำอบของข้อสงสัยต่างๆ ค้นหาคำอบของข้อสงสัยต่างๆ ตามวธิ กี ารทมี่ ผี ชู้ แี้ นะ ตามวธิ กี ารของตนเอง โดยใชว้ ธิ กี ารทหี่ ลาก หลายดว้ ย ตนเอง ใช้ประโยคคำถามว่า “ใคร” ใช้ประโยคคำถามว่า “ที่ไหน” “อะไร” ในการค้นหาคำตอบ “ทำไม” ในการค้นหาคำตอบ ใช้ประโยคคำถามวา่ “เมอื่ ไหร”่ “อย่างไร” ในการค้นหาคำตอบ พัฒนาการดา้ นสตปิ ัญญาของเดก็ ปฐมวัยทส่ี ำคญั และเดน่ ชัดคอื การใชส้ ัญลกั ษณ์แทน สงิ่ ของตา่ ง ๆ ซึ่งถือเป็นจดุ เรมิ่ ตน้ ในการพัฒนาสติปัญหาของเด็ก ซง่ึ การสง่ เสรมิ และให้ ความสนใจตอ่ ความสามารถของเด็กจะทำให้มีจินตนาการอย่างสรา้ งสรรค์ เกดิ ความใฝ่รู้ และนำ ไปสทู่ กั ษะการสังเกตและทักษะการคิดวิเคราะห์ของเด็กตอ่ ไป

43 สติปัญญา : ประถมศึกษาตอนต้น (6-9ปี) พั ฒ น า ก า ร ด้ า น ส ติ ปั ญ ญ า ข อ ง เ ด็ ก ป ร ะ ถ ม ศึ ก ษ า ต อ น ต้ น ( 6 - 9 ปี ) เดก็ วยั ประถมต้น (6-9 ขวบ) มีพฒั นาการทางด้านสติปญั ญาทีเ่ รียกว่า Concrete Operation คือ ความคิด รับรู้ มีความสามารถคิดเหตผุ ลเชิงตรรกะได้ สรา้ งสรรค์ สามารถรับรู้สิง่ แวดล้อมตามความเป็นจริง สามารถพิจารณาเปรียบเทียบจดั ของเป็นกลุ่มโดยใช้เกณฑ์หลายอย่าง เริม่ เข้าใจกฎ เกณฑ์ต่างๆ และเข้าใจความคงตัวของสสารว่า การเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายนอกไม่มีผล ต่อสภาพเดิม ต่อปริมาณ น้ำหนกั และปริมาตร มีความคิดสร้างสรรค์ ชอบคิดแก้ปญั หาตามวิธีการของตวั เอง ชอบแสวงหาวิธีการต่างๆ จากการลองปฏิบตั ิ ซักถาม เปรียบเทียบ และจดจำสิ่งของหรือบุคคลต่างๆได้อย่างถกู ภาษา อธิบาย พัฒนาการด้านภาษาและการใช้สญั ลักษณ์ในวัยนี้มีพฒั นาการทีก่ ้าวหน้ามาก สามารถ เข้าใจภาษา ความหมายของคำใหม่ๆ อ่านและเขียนได้มากขึ้น สามารถอธิบาย บอกความเหมือน-ความต่างได้ มีความคิดรวบยอดเกีย่ วกบั สิง่ แวดล้อม โดยนำเอาสิง่ ทีม่ ีอยู่มาสัมพันธ์กัน รวมท้ังเข้าใจ ความหมายของบทเรียนท้ังคณิตศาสตร์ ภาษา และการอ่าน

44 การส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาที่เหมาะสมจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่ และการจัดการเรียนการสอนของครู จะช่วยให้เดก็ มีวิธีคิด มีวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะสม เกิดทางเลือกและวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ซึง่ จะส่งเสริมพัฒนาการในวยั ต่อไปให้ดียิง่ ขึ้น YEARS เด็กวยั นี้มีความสนใจกิจกรรมและงานของตนเองนานขึ้น มีความ กระตือรือร้น สนใจของแปลกใหม่ แต่หากมีสิ่งทีน่ ่าสนใจกว่า อาจ หันไปสนใจของอีกอย่างได้ทันที นอกจากนี้สามารถวาดรูป สีเ่ หลี่ยมขนมเปียกปูน วาดรูปคน เขียนตัวอกั ษรง่ายๆ ได้ รู้ซ้าย ขวา นบั 1-30 ได้ สามารถอธิบายความหมายของคำ และบอก ความแตกต่างของ 2 สิ่งได้ YEARS เมื่อเด็กมีความสนใจสิ่งใดแล้ว จะพยายามทำให้สำเร็จ มีความอยากรู้ อยากเห็น เข้าใจเรือ่ งเหตแุ ละผลมากขึ้น สามารถจดจำระยะเวลา อดีต และปจั จุบนั ได้ มีความสนใจทีย่ าวนานขึ้น แต่ยังไม่สามารถทำอะไรหลาย อย่างได้พร้อมกัน เดก็ วยั นี้สามารถวาดรูปคนมีรายละเอียดมากขึ้น เขียน ตัวหนังสือได้ครบตามแบบ บอกวันในสัปดาห์ เปรียบเทียบขนาดใหญ่ เลก็ เท่ากนั แก้ปัญหาได้ บวก ลบ เลขง่ายๆ และบอกเวลาก่อน-หลังได้ YEARS วัยแห่งการเรียนรู้ เด็กวัยประถมจะสนใจและจดจ่อกับงานทีไ่ ด้รับ มอบหมาย และหมกมุ่นจนกว่างานน้ันจะสำเร็จ เข้าใจคำส่ังและ ตั้งใจทำงานให้ดีกว่าเดิม เด็กวัยนี้วาดรูปสิ่งที่พบเห็นเป็นสัดส่วน และมีรายละเอียด เขียนตวั หนงั สือถกู ต้อง เป็นระเบียบ บอกเดือน ของปีได้ สะกดคำง่ายๆได้ ฟังเรื่องราวแล้วเข้าใจเนื้อหาและขั้น ตอนได้ เปรียบเทียบสิ่งทีเ่ หมือนกัน และสามารถเข้าใจปริมาตร YEARS ซึมซบั ความรู้ วิธีการพูดของเดก็ จะเปลี่ยนแปลงไป มีการใช้ภาษาที่ซบั ซ้อน ขึ้น รู้จกั ถาม-ตอบอย่างมีเหตผุ ล เต็มไปด้วยความรู้รอบตวั สามารถหาคำ ตอบเองได้จากการสงั เกต เด็กจะต้องการความเปน็ ส่วนตัวมากขึ้น มีของ สะสม และเลียนแบบการกระทำของคนที่โตกว่า เด็กวัยนี้สามารถวาดรปู ทรงกระบอกมีความลึกได้ บอกเดือนถอยหลงั ได้ เขียนเปน็ ประโยค เริม่ อ่าน ในใจ เริ่มคิดเลขในใจ บวกลบหลายช้ันและคณู ช้ันเดียว พฒั นาการดา้ นสติปัญญาของเด็กประถมตน้ ถือไดว้ า่ เปน็ วยั แหง่ การเรียนรู้ โดยช่วงแรกเดก็ จะเริ่มสนใจในกิจกรรมและงานของตนเองนานขึ้น มีความกระตือรือร้น สนใจสิง่ แปลกใหม่ และในระยะต่อมามีความสามารถในการจดจำและ คิดคำนวณตวั เลขที่ซับซ้อนมากขึ้น นอกจากนี้ เดก็ ในวยั นีย้ งั สามารถเลียนแบบทา่ ทางและพฤติกรรมของคนทีโ่ ตกวา่ ได้อีกด้วย

45 กิ จ ก ร ร ม ส่ ง เ ส ริ ม พั ฒ น า ก า ร องค์การสหประชาชาติกล่าวไว้ว่า สิทธิในการเล่นถือเป็นพื้นฐานหลกั สากลในชีวิตเดก็ การเล่นถือเป็นสิ่งสำคญั ที่ เป็นหนทางให้เด็กได้เรียนรู้และพัฒนาตนเอง และก่อนที่จะเลือกกิจกรรมที่จะช่วยให้เด็กได้เรียนรู้ผ่านการเล่นควร ทำความเข้าใจก่อนว่าการเล่นต้องมีลักษณะอย่างไร Golinkoff, Pasek and Eyer ได้ระบุหลักการเล่นไว้ว่า ต้องสนุกและมีความสุข, ต้องไม่วางเป้าหมาย, ต้องเปน็ ความสมัครใจ, ต้องมีความคล่องแคล่ว และต้องเปน็ ไปตามธรรมชาติ ชือ่ กิจกรรม กระโดดแตะของ จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป 1 เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อใหญ่ 2 เพื่อฝึกความสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือและตา 3 เพื่อฝึกสายตาในการกะระยะ จุดประสงค์เฉพาะ เพื่อให้เด็กกระโดดแตะของทีช่ อบได้ สื่อ 1 ภาพสิง่ ของต่างๆ 2 เส้นเชือกสำหรับแขวน วิธีการจดั กิจกรรม 1 ครูแขวนของจะเป็นภาพผลไม้ ภาพรปู เรขาคณิต ฯลฯ หรือของ เช่น กระป๋อง ขวด ห่อของขวญั ฯลฯ โดยให้สูงจากพื้นเหนือศีรษะเดก็ ประมาณ 30 – 40 เซนติเมตร แต่ละชิ้นแขวนสูงต่ำไม่เท่ากัน 2 ให้เด็กเข้าแถวกระโดดแตะของทกุ ชิ้นที่แขวนไว้ ถา้ แตะถกู กไ็ ด้ 1 คะแนน ถ้าใครแตะได้มากชิ้นเปน็ ผู้ชนะ การประเมินผล ตรวจสอบจำนวนของที่เด็กกระโดดแตะได้ ขอ้ เสนอแนะ 1 ภาพที่แขวน แขวนสงู บ้างต่ำบ้าง ถ้ามีภาพน้อย อาจให้เดก็ คน หนึ่งกระโดดแตะ 2-3 คร้ัง ถ้าแตะถูก กน็ ับให้ 1 คะแนน 2 กระโดดแตะเป็นรายบคุ คล จนเดก็ ทำไดก้ ค็ อ่ ย ๆ เลอื่ นภาพใหส้ งู ขนึ้ 3 กิจกรรมนี้ช่วยเหลือเด็กที่มีปัญหาด้านพัฒนากล้ามเนื้อและการกะระยะความสูง ช่วยกระตุ้น พฒั นาการด้านสายตาและกล้ามเนื้อใหญ่ในเด็กท่วั ไป 4 กิจกรรมนี้นำไปใชใ้ นชว่ งกจิ กรรมกลางแจง้ หรอื กจิ กรรมเสรี ซึง่ จะเล่นเปน็ กลุ่มย่อย แข่งขนั กนั หรือเป็นราย บคุ คล หรือกลุ่มใหญ่ก็ได้ ประโยชน์ทีเ่ ด็กจะไดร้ ับ 1 ได้รับการพัฒนากล้ามเนื้อขา แขน 2 รู้จกั ระยะความสงู 3 ฝกึ เดก็ ใหม้ คี วามพยายาม อดทน (ถา้ แตะไมไ่ ดก้ จ็ ะพยายามประโดดแตะ)

46 ชื่อกิจกรรม สร้างเมือง จดุ ประสงค์ทั่วไป 1 เพื่อพฒั นากล้ามเนื้อเลก็ 2 เพื่อฝึกการประสานสัมพันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อมือกบั ตา 3 เพือ่ พฒั นาทกั ษะทางการเรียนรู้ (จำนวน) จุดประสงค์เฉพาะ 4 เพื่อส่งเสริมพฒั นาการทางด้านสงั คม เพือ่ ให้เด็กสามารถต่อกล่องได้สงู ตามเวลาที่กำหนด สื่อ 1 กล่องรูปสีเ่ หลี่ยมลกู บาศก์ หรือกล่องนม กล่องยาสีฟัน กล่อง สบู่ ฯลฯ 2 นาฬิกาจบั เวลา 3 นกหวีด วิธีการจัดกิจกรรม 1 จดั เด็กออกเปน็ กลุ่มๆ ละ 4-5 คน แต่ละกลุ่มได้รับกล่องจำนวน 20 กล่อง 2 ให้เด็กช่วยกันต่อกล่องโดยวิธีอย่างไรกไ็ ด้ ให้สูงที่สดุ ในเวลาที่กำหนดให้ 5 – 10 นาที กลุ่มใดเสรจ็ ก่อนและการต่อกล่องสงู ที่สดุ จะเปน็ กลุ่มชนะ การประเมินผล 1 สังเกตความคล่องแคล่วในการช่วยกันต่อ 2 ตรวจสอบความสูงและเวลาที่ใช้ปฏิบตั ิ ข้อเสนอแนะ 1 ก่อนทีจ่ ะต่อกล่องควรฝึกให้เดก็ ต่อกล่องหลายๆ แบบตามรูปแบบที่กำหนด เช่น เกมต่อได้ต่อดี เกม แข่งขันกันเรียง 2 ใช้กิจกรรมนี้กระตุ้นพัฒนาการกล้ามเนื้อของเด็กที่มีความบกพร่อง และใช้เตรียมความพร้อม ด้านกล้ามเนื้อ และพฒั นาการเรียนรู้เรือ่ งจำนวนได้ดีแก่เดก็ ท่ัวไป 3 กิจกรรมนี้ใช้ในช่วงกิจกรรมในวงกลม (ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับจำนวนได้) หรือใช้ในช่วงกิจกรรมกลางแจ้ง หรือกิจกรรมเสรี ประโยชน์ที่เด็กจะไดร้ บั 1 กล้ามเนื้อมีความแข็งแรง 2 การประสานงานระหว่างมือและตาดีขึ้นทำให้การทำงานคล่องแคล่วขึ้น 3 ได้เรียนรู้เรือ่ งจำนวน 4 รู้จกั การช่วยเหลือซึ่งกนั และกนั และมีความสนุกสนาน เพลิดเพลิน

47 ชือ่ กิจกรรม ตัวอะไรเหมือนกนั จุดประสงคท์ ั่วไป 1 เพื่อให้เด็กมีความคิดรวบยอดเกี่ยวกบั เรื่องจำนวน 2 เพอื่ ใหเ้ดก็ มพี นื้ ฐานทดี่ ใี นการเขยี นสญั ลกั ษณต์ วั เลขแทนจำนวน 3 เพือ่ ฝึกการประสานสมั พันธ์ระหว่างกล้ามเนื้อขาและสายตา จดุ ประสงค์เฉพาะ เพื่อให้เดก็ รู้จกั ค่าจำนวนนบั สัญลักษณ์ตัวเลข และสามารถนับเลข 1-10 ได้ สือ่ แผ่นตัวเลข โดยเขียนเลข 1-10 จำนวน 3 ชุด สลับกนั ในแต่ละช่วง มีพื้นที่กว้างพอทีจ่ ะให้เดก็ ยืน วิธีการจดั กิจกรรม 1 ครูวางแผ่นตัวเลขลงบนพื้น หรือเขียนตารางตัวเลขลงบนพื้นซีเมนต์ 2 ครูอธิบายวิธีการเล่น เมือ่ ครูเขียนตวั เลขบนกระดานเลขใด ให้เด็กมองว่าเหมือนตัวเลขใดบนตาราง ตวั เลข ให้กระโดดเข้าไปยืนในตวั เลขนั้น (ขณะครูเขียนเลขต้องพดู ให้เด็กฟังว่า “นีค่ ือเลข 8” และให้ เด็กพดู ตาม) การประเมินผล ตรวจดคู วามถกู ต้องของเดก็ เวลากระโดดตัวเลข ขอ้ เสนอแนะ 1 ครูอาจเปลี่ยนเป็นกิจกรรมจับคู่เหมือน โดยทำแผ่นบัตรเลข 2 ชดุ อีกชุดครูวางบนกระดานให้เด็กช่วย นบั ตวั เลขที่เหมือนในกองไปวางคู่ ฯลฯ หรือปรับวิธีกระโดดหลายแบบๆ เช่น กระโดดขาเดียว 2 การสอนกิจกรรมนี้อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์ สำหรบั ตัวเลขเดียว 3 กิจกรรมนี้ใช้กระตุ้นเดก็ ที่มีปัญหาเรือ่ งกล้ามเนื้อขา การได้ยิน และการใช้สายตา และมีปัญหาเรื่อง ความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสัญลักษณ์แทนจำนวนนอกจากนี้กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมให้เด็กปกติทั่วไป มีความพร้อมในการเขียนสญั ลักษณ์แทนจำนวน 4 กิจกรรมนี้ใช้ช่วงกิจกรรมวงกลม กิจกรรมกลางแจ้งหรือ กิจกรรมเสรีก็ได้ ประโยชนท์ ีเ่ ดก็ จะได้รบั 1 เดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกบั สัญลักษณ์แทนจำนวน 2 เด็กมีกล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น 3 เด็กได้พฒั นาภาษา ด้านการฟังดีขึ้น

48 ชือ่ กิจกรรม สิบตาเหน็ ไม่เท่ามือคลำ จดุ ประสงค์ทว่ั ไป 1 เพื่อฝึกการรับรู้จากการสัมผัสด้วยมือ 2 เพือ่ ฝึกความจำการจำแนก และการเปรยี บเทยี บวตั ถสุ งิ่ ของตา่ ง ๆ 3 เพือ่ พัฒนาด้านความคิดรวบยอด จุดประสงคเ์ ฉพาะ เพื่อให้เด็กมีการรับรู้ และเปรียบเทียบวัสดุสิง่ ของต่าง ๆ โดยการใช้มือสัมผัส สื่อ 1 ถงุ (ผ้า กระดาษ) 2 ใบ 2 เศษผ้าสำลี 2 ชิ้น 3 เศษผ้าแพร 2 ชิ้น 4 เศษกระดาษ 2 ชิ้น 5 กระดาษทรายแผ่นเลก็ ๆ 2 แผ่น 6 สิง่ อืน่ ๆ ทีค่ รตู ้องการให้เดก็ รู้จกั คณุ ลักษณะและเปรียบเทียบ วิธีการจดั กิจกรรม 1 แยกวัสดแุ ต่ละชนิดใส่ถงุ ถงุ ละ 1 ชิ้น จนครบท้ังสองถงุ 2 ให้เด็กล้วงมือลงไปคลำในถุง มือซ้ายล้วงถุงหนึ่ง มือขวาล้วงอีกถงุ หนึ่ง โดยไม่มองในถุง 3 ให้เด็กใช้มือสัมผสั เลือกหยิบวัสดทุ ีเ่ หมือนกนั ออกมาทีละคู่ 4 ตรวจสอบดวู ่าถกู ต้องหรือไม่ การประเมินผล สงั เกตการณ์รบั รู้ และความสามารถในการเลือกวสั ดุที่เหมือนกนั ออกมาจากถงุ ทั้งสองได้ถูกต้อง ข้อเสนอแนะ 1 เมอื่ เดก็ เปรยี บเทยี บไดค้ ลอ่ งแคลว่ แลว้ ครอู าจเปลยี่ นใชว้ ตั ถอุ นื่ ๆ เพิม่ ขึ้น เช่น มะกรดู มะนาว ส้ม น้อยหน่ า ฯลฯ 2 กิจกรรมนี้นอกจากจะใช้ช่วยเหลือเดก็ ทีม่ ีปัญหาด้านกายสมั ผสั และมีความบกพร่องด้านความคิด รวบยอดแล้ว ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านสติปัญญาของเด็กปกติทวั่ ไปได้ดีขึ้น 3 นำไปใช้ในช่วงกิจกรรมวงกลม หรือกิจกรรมเสรี ซึง่ ใช้เปน็ กลุ่มใหญ่ กลุ่มย่อย และเป็นรายบคุ คลก็ได้ ประโยชนท์ ีเ่ ด็กจะได้รบั 1 มที กั ษะในการเปรยี บเทยี บวสั ดทุ มี่ ผี วิ สมั ผสั ทเี่หมอื นกนั และตา่ งกนั ไดม้ ากขึ้น 2 ได้รับการพฒั นาด้านความคิดรวบยอดเพิ่มขึ้น 3 ได้เรียนรู้คำ และรู้จกั คุณลกั ษณะของสิ่งของเพิม่ ขึ้น เช่น หยาบ ละเอียด นิม่ แขง็ ฯลฯ

49 ชื่อกิจกรรม การโยนห่วง จดุ ประสงค์ทั่วไป 1 เพือ่ ฝึกการประสานสัมพันธ์ระหว่างมือกบั ตา 2 เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อเลก็ และกล้ามเนื้อใหญ่ จุดประสงค์เฉพาะ เพือ่ ให้เด็กสามารถรบั ห่วงยางได้ สื่อ ห่วงยาง หรือใช้เชือกมัดทำแบบห่วงยาง วิธีการจัดกิจกรรม 1 แบ่งเด็กออกเปน็ 2 ฝ่าย เท่าๆกัน โดยยืนเข้าแถวเปน็ ตอนลึก 2 เลือกเด็ก 1 คน มายืนอยู่ข้างหน้าของแถว โดยทำหน้าทีโ่ ยนห่วงยางให้เพือ่ น และรับห่วงยางจาก เพื่อน โดยยืนห่างกนั ประมาณ 3 เมตร 3 เด็กคนอืน่ ๆ ทีอ่ ยู่ในแถว ให้รับห่วงจากและโยนให้เพื่อที่อยู่หน้าแถว ทำเสร็จแล้วให้วิ่งไปต่อท้ายแถว 4 ฝ่ายใดทำครบทุกคนก่อนจะเปน็ ฝ่ายชนะ การประเมินผล สงั เกตจากความแม่นยำในการรบั ส่งห่วงยาง ข้อเสนอแนะ 1 ถ้าเด็กคนใดรับไม่ได้บ่อยคร้ังให้ครูช่วยเหลือโดยย่นระยะความห่างระหว่างผู้โยนกับผู้รับเหลือ ประมาณ 2 เมตร หรือ 1.5 เมตร จนเด็กรับได้คล่อง จึงค่อยขยายช่วงความห่างออกไป 2 การเล่นทุกคร้ังครูต้องคอยสงั เกตและแนะนำวิธีการโยน อย่าให้เกิดอันตราย 3 กิจกรรมนี้ช่วยส่งเสริมพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อมือกล้ามเนื้อแขน ขา ในเด็กที่มีปัญหาความ คล่องแคล่วในการเคลื่อนไหว หรือใช้กระตุ้นพฒั นาการด้านร่างกาย สำหรับเด็กท่วั ไป ประโยชนท์ ี่เดก็ จะได้รบั 1 เดก็ มีพฒั นาการทางด้านกล้ามเนื้อใหญ่ดีขึ้น 2 เด็กมีทักษะในการกะระยะ 3 เดก็ มีความเชือ่ ม่ันตนเองมากขึ้น 4 เด็กได้มีความสัมพนั ธ์กับเพื่อน สามารถเข้าสงั คมกบั เพือ่ นได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook