225
4 Families ช้ันมธั ยมศึกษาปี ท่ี 1 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง 1 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสือ่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรือ่ งทฟี่ ังและอ่านจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวัด ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสยี งข้อความ นทิ าน และบทรอ้ ยกรอง (poem) สัน้ ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ อ่าน ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและข้อความให้สมั พนั ธ์กบั ส่ือทีไ่ ม่ใชค่ วามเรียง (non-text information) ทอี่ ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสำคญั (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นทิ าน และเรือ่ งสน้ั มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรสู้ ึกและ ความคิดเหน็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ชว้ี ดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นข้อมลู เก่ียวกับตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขียนเพอ่ื ขอและให้ขอ้ มูล และแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับเร่ืองทฟ่ี ังหรืออา่ น อยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม. 1/5 พดู และเขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เหน็ ของตนเองเกี่ยวกับเรอ่ื งต่าง ๆ ใกล้ตัว กิจกรรมต่าง ๆ พรอ้ มทัง้ ให้เหตุผลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมลู ขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอื่ งตา่ ง ๆ โดยการ พูดและการเขยี น ตวั ชี้วัด ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กจิ วัตรประจำวัน ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกล้ตัว ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขยี นสรปุ ใจความสำคัญ/แก่นสาระ (theme) ทไ่ี ดจ้ ากการวเิ คราะห์เร่ือง/ เหตกุ ารณท์ ีอ่ ยู่ในความสนใจของสงั คม ต 1.3 ม. 1/3 พดู และเขียนแสดงความต้องการ ขอความช่วยเหลอื ตอบรับและปฏเิ สธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างเหมาะสม 226
สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธร์ ะหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชว้ี ดั ต 2.1 ม. 1/1 ใช้ภาษา น้ำเสียง และกิรยิ าทา่ ทางสภุ าพเหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม. 1/2 บรรยายเกยี่ วกับเทศกาล วันสำคญั ชวี ิตความเปน็ อยู่ และประเพณีของเจ้าของภาษา ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จัดกจิ กรรมทางภาษาและวัฒนธรรมตามความสนใจ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของ ภาษากับภาษาและวัฒนธรรมไทย และนำมาใชอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม ตวั ช้วี ัด ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ การใช้ เครอื่ งหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศ และภาษาไทย สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กลุ่มสาระการเรียนรอู้ ่นื มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชอ่ื มโยงความรกู้ บั กลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่ืน และเป็น พนื้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปดิ โลกทศั นข์ องตน ตัวชว้ี ัด ต 3.1 ม. 1/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจรงิ ท่ีเกีย่ วข้องกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื จาก แหล่งการเรยี นรู้ และนำเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น สาระท่ี 4 ภาษากับความสมั พนั ธก์ บั ชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ท้ังในสถานศึกษา ชมุ ชน และสังคม ตัวชีว้ ัด ต 4.1 ม. 1/1 ใช้ภาษาสอื่ สารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จำลองที่เกิดข้ึนในห้องเรียนและ สถานศกึ ษา มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาตา่ งประเทศเป็นเครอ่ื งมือพน้ื ฐานในการศกึ ษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปล่ียนเรียนร้กู บั สงั คมโลก ตวั ชว้ี ดั ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ /คน้ คว้า ความร/ู้ ขอ้ มลู ต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการ เรยี นรตู้ ่าง ๆ ในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ 2 สาระสำคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรคู้ ำศพั ท์ สำนวน และโครงสรา้ งภาษา จะชว่ ยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอียดของเรอ่ื งที่อา่ น และฟงั รวมถงึ บทกลอน นอกจากนย้ี งั สามารถนำสงิ่ ทเี่ รียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขยี นส่ือสาร แลกเปลีย่ น ข้อมูลเกี่ยวกบั ตนเอง สมาชกิ ในครอบครวั อาชพี การถามและบอกเวลาได้อยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม รวมถงึ เป็นพื้นฐานในการคน้ คว้าหาข้อมลู เพ่ิมเตมิ เกย่ี วกับอาชพี ที่สนใจและ วธิ ีทักทายของประเทศต่าง ๆ ตลอดจนมคี วามเข้าใจในมารยาทและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา 227
3 สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: The family (granddad, grandma, dad, mum, brother, sister, uncle, aunt, niece, nephew, son, daughter, father-in-law, mother-in-law, husband, wife, cousin) Character adjectives (funny, quiet, strong, clever, polite, rude, weak, noisy, silly, serious) Jobs (hairdresser, photographer, nurse, footballer, pilot, vet, teacher, mechanic, secretary) The time (o’clock, past, quarter past, half past, to, quarter to) Asking the time (What’s the time, please? Have you got the time, please? What time is it, please?) Telling the time (It’s five o’clock. It’s half past two. It’s ten past three. It’s twenty to ten) Verbs (wear, bark, go places, double for, make an appearance, lives, write, eat, greet, bow, pray) Nouns (skins, machines, housework, stone, bowling, golf, billiards, vacuum cleaner, baseball, pet, drums, club, autograph, look-alike, commercials, success, street, heart, blog, voice, dog, pet, meat, vegetables, custom, palm, chest, status) Adjectives (dark, angry, lazy, cute, fair, calm, professional, real, similar (to), glad, far away) Adverbs (a bit, near, apart) Pronouns (everything, everybody) Phrase (no one more) Conjunction (whether) Sentences (Are you free this afternoon? What time does the court open? Is 4:30 OK with you? Yes, that’s fine. See you Grammar: there!) Present simple Functions: like, love, hate + -ing for Word order Describing character Sak is my granddad. He’s 74. He’s really funny. Talking about daily routines 228
I get up early in the morning. Then I have breakfast. Asking about your family Does your dad like fish? Yes, he does. Talking about jobs What does your mum do? She’s a teacher. Telling the time What’s the time, please? It’s four o’clock. Making arrangements Do you want to go swimming with me? OK. What time does the pool open? At nine o’clock. Is 6:30 OK with you? Talking about favourite singer Who is your favoutite singer? Shakira is my favourite singer. Talking about customs Is it important to follow a country’s customs when you visit there? Yes. Maybe you do something that is rude to local people. 2) Language Skills Listening: ฟงั เพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พูดขอและให้ข้อมูลเกยี่ วกบั ความเปน็ เจ้าของและสมาชกิ ในครอบครวั , พูดบอกกิจวัตรประจำวนั ของตนเอง, พูดถาม-ตอบความรูส้ กึ เกี่ยวกบั กิจกรรม ตา่ ง ๆ, พูดขอและใหข้ ้อมูลเกีย่ วกับตนเองและสมาชกิ ใน ครอบครัว, พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกับอาชีพท่อี ยากเป็นในอนาคต, พูดขอ และให้ขอ้ มูลเก่ียวกับอาชพี ของสมาชกิ ในครอบครัว, พดู ถามและบอกเวลา ในการทำกิจวัตร, พดู สนทนาตามสถานการณท์ ่กี ำหนด, พดู ขอและใหข้ อ้ มูล เกีย่ วกบั นกั รอ้ งท่ีชื่นชอบ, พูดสนทนาเก่ียวกบั ขนบธรรมเนยี มของไทย Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ, อา่ นออกเสยี งบทสนทนา, อ่านบทกลอน Writing: เขยี นบรรยายบคุ ลิกและลักษณะนิสยั ของตัวละครในเรอื่ งทอี่ า่ น, เขียน บรรยายเกย่ี วกับสมาชิกในครอบครัวของตนเอง, เขยี นบรรยายกิจวัตร ประจำวนั ของตนเอง, เขยี นอเี มลเลา่ เกยี่ วกับสมาชกิ ในครอบครวั , แต่งบท สนทนาตามสถานการณท์ ่กี ำหนด, เขียนแสดงความคดิ เห็นของตนเอง 229
เก่ยี วกบั ครอบครัว, แตง่ บทกลอนภาษาอังกฤษ, เขียน blog เก่ียวกบั นักร้อง ที่ชน่ื ชอบ, เขียนอธิบายวิธีทกั ทายของประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซียน 4 สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการสอื่ สาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใช้ทักษะชวี ิต 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ใฝ่เรยี นรู้ 2) มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 3) รักความเปน็ ไทย 6 ชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) เขยี นบรรยายตัวละครในเร่ือง The Flintstones 2) วาด family tree และเขยี นบรรยายเกีย่ วกับสมาชกิ ในครอบครัวของตนเอง 3) เขียนบรรยายกจิ วัตรประจำวนั ของตนเอง 4) เขียนอีเมลเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของตนเอง 5) คน้ คว้าขอ้ มูลเก่ยี วกับเก่ียวกับอาชีพท่ีสนใจและเขียนนำเสนอ 6) อ่านออกเสียงบทสนทนา 7) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ทีก่ ำหนด 8) พูดสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกำหนด 9) อา่ นบทกลอน 10) แต่งบทกลอนภาษาองั กฤษ 11) เขยี น blog เกีย่ วกับนักร้องทชี่ ืน่ ชอบ 12) ค้นควา้ วิธีทกั ทายของประเทศในกลุม่ ประชาคมอาเซยี นและเขียนนำเสนอ 7 การวดั และการประเมินผล 7.1 การประเมินกอ่ นเรียน 7.2 การประเมินระหว่างการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ 7.3 การประเมนิ หลังเรยี น 7.4 การประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 230
1 Reading 4a & Vocabulary 4a 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคำถามจากการอ่านและการฟงั ได้ - เขียนบรรยายบุคลกิ และลักษณะนิสยั ของตัวละครจากเรื่องท่อี า่ นได้ - พูดขอและใหข้ ้อมูลเกีย่ วกับสมาชกิ ในครอบครัวของตนเองและผอู้ น่ื ได้ - วาด family tree และบอกความสมั พนั ธ์ของสมาชิกในครอบครวั ได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชว้ี ัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสือ่ สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมีเหตผุ ล ตัวชว้ี ดั ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและข้อความให้สมั พันธก์ ับสอ่ื ทีไ่ ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ท่อี ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เรือ่ ง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟงั และ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองสัน้ มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปล่ยี นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความร้สู กึ และ ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ชว้ี ดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มลู เก่ยี วกับตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชวี ิตประจำวนั ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขียนเพ่อื ขอและใหข้ อ้ มูล และแสดงความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั เรื่องทฟี่ งั หรอื อ่าน อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอื่ งต่าง ๆ โดยการ พูดและการเขียน ตวั ช้วี ดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกับตนเอง กิจวตั รประจำวัน ประสบการณ์ และส่งิ แวดล้อม ใกลต้ ัว 231
2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรคู้ ำศพั ท์เก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัว และ adjectives ทใ่ี ช้บรรยายบคุ ลิกและลกั ษณะ นิสัย จะช่วยให้เข้าใจและบอกรายละเอียดของเรอื่ งที่อ่าน นอกจากน้ยี ังสามารถนำคำศพั ท์ที่เรยี นไปใชพ้ ดู และเขยี นใหข้ ้อมลู เก่ยี วกบั สมาชิกในครอบครวั ได้อย่างถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: The family (granddad, grandma, dad, mum, brother, sister, uncle, aunt, niece, nephew, son, daughter, father-in-law, mother-in-law, husband, wife, cousin) Character adjectives (funny, quiet, strong, clever, polite, rude, weak, noisy, silly, serious) Verbs (wear, bark) Nouns (skins, machines, housework, stone, bowling, golf, billiards, vacuum cleaner, baseball, pet, drums, club) Adjectives (dark, angry, lazy, cute, fair, calm) Adverb (a bit) Functions: Describing character Sak is my granddad. He’s 74. He’s really funny. 2) Language Skills Listening: ฟงั เพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มูลเก่ยี วกับความเป็นเจา้ ของและสมาชกิ ในครอบครัว Reading: อา่ นเพือ่ หาข้อมูลเฉพาะ Writing: เขียนบรรยายบคุ ลกิ และลักษณะนิสยั ของตัวละครในเรอ่ื งทอ่ี า่ น, เขยี นบรรยายเก่ยี วกับสมาชิกในครอบครัวของตนเอง 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ใฝเ่ รยี นรู้ 2) มงุ่ มั่นในการทำงาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ 232
ชั่วโมงที่ 1 ขน้ั Warm up 1. นกั เรียนอ่านช่ือหนว่ ยการเรยี นรู้ (Families) ในหนังสือเรียน หน้า 45 และชว่ ยกนั บอกความหมาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนดหู ัวข้อต่าง ๆ ทจี่ ะไดเ้ รียนในหน่วยการเรียนรนู้ ้ี 2. Find the page numbers for หน้า 45 นกั เรยี นอา่ นคำท่ีกำหนด แล้วครูอธบิ ายคำวา่ poem และ routine poem (n) = a piece of writing in which the words are chosen for their sound and the images they suggest, not just for their obvious meanings (บทกลอน) routine (n) = the way in which you regularly do things (กจิ วัตรประจำ) จากนั้นให้นกั เรยี นหาว่าภาพทเี่ ก่ียวขอ้ งกบั คำเหล่านี้อยู่ในหนังสอื เรียนหนา้ ใด เมอื่ หาพบแลว้ ครูถาม คำถามเพือ่ ดงึ ความสนใจของนักเรียนเขา้ สู่บทเรียน ขนั้ Pre-reading 1. หนงั สือเรยี น หนา้ 45 Ex. 1 นกั เรยี นทบทวนคำศัพท์เกีย่ วกับสมาชกิ ในครอบครวั โดยฟงั CD และ ออกเสยี งตามพรอ้ มกนั แลว้ ใหน้ ักเรยี นอา่ นออกเสยี งด้วยตนเอง จากนั้นบอกคำเรียกสมาชกิ ใน ครอบครัวเหล่านี้เปน็ ภาษาไทย 2. หนงั สือเรียน หนา้ 45 Ex. 2 นกั เรียนดู family tree ของ Sue และเตมิ คำศัพท์เกี่ยวกับสมาชกิ ใน ครอบครัวลงในช่องวา่ ง เสรจ็ แล้วตรวจคำตอบพรอ้ มกนั 3. ครูสอนการใช้ apostrophe s (’s) เพือ่ แสดงความเปน็ เจา้ ของ ดงั นี้ - ใหน้ ักเรียนดู family tree ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 45 แล้วครถู ามวา่ Who’s Helen? จากนน้ั พดู ตอบว่า She is Kate and Claire’s mum. แล้วเขยี นคำถามและคำตอบบน กระดาน - ครูช้ไี ปท่ีหนงั สอื เรียนของนักเรียนคนหนง่ึ ถามวา่ Whose book is this? จากนั้นพดู ตอบ ว่า It’s (Pat’s) book. แล้วเขยี นคำถามและคำตอบบนกระดาน - ครูช้ีไปทีโ่ ต๊ะเรียน 3-4 ตวั ถามวา่ Whose desks are these? จากนนั้ พดู ตอบวา่ They are the students’ desks. แลว้ เขียนคำถามและคำตอบบนกระดาน - ครูหยิบปากกาของนักเรยี นหลาย ๆ คน ชขู น้ึ และถามวา่ Whose pens are these? จากนน้ั พูดตอบว่า They are children’s pens. แล้วเขียนคำถามและคำตอบบนกระดาน ครใู หน้ กั เรียนสังเกตการใช้ apostrophe s (’s) ในประโยคบนกระดาน แล้วครูอธบิ ายว่า ’s จะวาง ตอ่ ทา้ ยคำนามทเ่ี ปน็ บุคคล เพ่ือแสดงว่าบคุ คลน้ันเปน็ เจา้ ของบางส่ิง - ถา้ เป็นคำนามเอกพจน์ให้ตามดว้ ย ’s ครูชี้ใหด้ ูท่ี Pat’s 233
- ถ้าเปน็ คำนามพหูพจน์ท่ีลงท้ายดว้ ย s จะตามดว้ ย ’ ครูช้ีให้ดูที่ students’ - ถ้าเปน็ คำนามพหพู จนท์ ไ่ี ม่ได้ลงท้ายดว้ ย s จะตามด้วย ’s ชี้ให้ดูที่ children’s ตอ่ มาครูอธบิ ายวา่ Who’s ใชถ้ ามเก่ยี วกบั บคุ คล สว่ น Whose ใชถ้ ามเก่ยี วกบั ความเป็นเจ้าของ จากนน้ั ครูถามคำถามนักเรยี น เชน่ T: Whose pen is this? (หยบิ ปากกาของ Ben ขนึ้ มา) Ss: It’s Ben’s pen. T: Who’s Steve? (ช้ีที่ family tree ในหนังสอื เรียน หน้า 45) Ss: He’s Sam’s father. 4. หนงั สอื เรยี น หนา้ 45 Ex. 3 ครูให้นักเรียน 2 คน อ่านตวั อย่างการถาม-ตอบให้เพ่อื นฟัง โดยให้ นักเรียนคนอ่นื ๆ ดู family tree ของ Sue ตามไปดว้ ย จากนัน้ ใหน้ ักเรยี นจับคกู่ นั พูดถาม-ตอบ เก่ียวกบั ครอบครวั ของ Sue ครเู ดนิ สังเกตวา่ นกั เรียนถามและตอบคำถามถูกต้องหรอื ไม่ จากน้นั สุม่ เรยี กนกั เรยี น 2 คู่ พดู ถาม-ตอบให้เพอ่ื นฟัง 5. นกั เรยี นอ่านคำศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนังสอื เรียน หน้า 46 และช่วยกันอธิบาย ความหมาย ถ้าคำใดนักเรียนไม่รู้ ครชู ว่ ยอธบิ ายหรือใหน้ ักเรยี นเปดิ หาความหมายในพจนานกุ รม เช่น a bit (adv) = a little (เลก็ น้อย) vacuum cleaner (n) = a machine that cleans floors and other surfaces by sucking up dust and dirt (เคร่ืองดูดฝุน่ ) bark (v) = when a dog barks, it makes a short loud sound (เห่า) fair (adj) = having pale skin or a light colour of hair (สีออ่ น) calm (adj) = not excited, nervous or upset (ใจเย็น) 6. หนังสอื เรียน หนา้ 46 Ex. 1a นกั เรียนดภู าพบคุ คล แลว้ ครถู ามว่า Do you know them? Who are they (The Flintstones) แล้วให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกขอ้ มูลเกยี่ วกบั ครอบครวั Flintstones ท่ี นักเรียนรู้ จากน้นั ครถู ามว่า Is it an ordinary family? ใหน้ ักเรยี นเดาคำตอบ จากนนั้ ครูเปดิ CD ให้ นักเรียนฟงั และอ่านบทอ่านตามไปด้วยเพอ่ื ตรวจว่าเดาคำตอบถกู ตอ้ งหรือไม่ ขน้ั Reading 1. หนงั สอื เรียน หน้า 46 Ex. 1b นกั เรียนดูภาพบุคคล แลว้ อา่ นบทอา่ นเพอื่ ระบวุ ่าคอื ใครบ้าง โดยเรยี ง จากซ้ายไปขวา 2. หนงั สอื เรียน หน้า 46 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคำถามทีก่ ำหนดให้ ครถู ามว่ามีคำถามทไี่ มเ่ ขา้ ใจหรอื ไม่ ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ าย จากนน้ั ใหน้ ักเรียนอ่านบทอา่ นเพือ่ หาเนอ้ื เรื่องท่ีเกีย่ วข้องกบั คำถาม เม่อื พบแล้ว อา่ นให้เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคำถาม จากนน้ั ครูเฉลยคำตอบ ข้นั Post-reading 1. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 3 นกั เรยี นทำงานคู่ เขยี นบรรยายตวั ละครในเรื่อง The Flintstones จากนั้นครสู มุ่ เรียกนกั เรยี นพดู บรรยายใหเ้ พอื่ นฟงั 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หน้า 28-29 Exs. 1-4 ใหน้ ักเรียนทำเป็นการบา้ น 234
ชว่ั โมงที่ 2 ขั้น Warm up นักเรยี นเล่นเกม Bingo ทบทวนคำศพั ท์เก่ยี วกบั สมาชกิ ในครอบครัว โดยเขยี นตาราง 9 ชอ่ งลงใน กระดาษ และเขียนคำศพั ทเ์ ก่ยี วกับสมาชิกในครอบครวั ลงในแตล่ ะช่อง ไม่ใหซ้ ำ้ กนั จากน้ันครพู ดู คำศพั ท์ครั้งละ 1 คำ ตารางของใครมคี ำศพั ท์ดงั กล่าวให้กา ทบั คำศพั ทน์ ัน้ คนท่ีกา ได้ 3 ช่อง ติดตอ่ กนั กอ่ นเป็นคนแรกใหพ้ ูดดงั ๆ วา่ Bingo ขน้ั Presentation 1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 4 ครูเปดิ CD 2 ครัง้ ใหน้ ักเรียนฟงั adjectives ท่ใี ช้บรรยายบคุ ลิกและ ลกั ษณะนสิ ยั และฝึกออกเสยี งตามพร้อมกนั แล้วครสู ุม่ เรยี กนกั เรยี นออกเสียงทลี ะคน ครูเน้นให้ นกั เรียนออกเสียงเนน้ หนกั ให้ถูกตอ้ งจากน้ันให้นักเรียนบอกความหมายของ adjectives เหล่านโ้ี ดย เดาจากภาพ funny (ตลก) quiet (เงยี บ) strong (แขง็ แรง) clever (ฉลาด) polite (สภุ าพ) rude (หยาบคาย) weak (อ่อนแอ) noisy (เสยี งดงั ) silly (โง่) serious (เคร่งขรมึ , เอาจรงิ เอาจงั ) 2. นักเรียนอ่าน Study Skills ในหนังสอื เรยี น หนา้ 47 แล้วครยู กตวั อยา่ งคำท่ีมคี วามหมายตรงข้ามกัน เพ่ือช่วยในการจดจำคำศัพทแ์ ละความหมาย เชน่ tall - short, black - white, big - small จากน้ัน ใหน้ ักเรยี นจับคู่ adjectives ใน Ex. 4 ทม่ี ีความหมายตรงขา้ มกนั เสร็จแลว้ ครสู ่มุ เรียกนักเรียนบอก คำตอบ ให้นักเรยี นช่วยกนั ตรวจความถกู ต้อง 3. หนังสือเรยี น หนา้ 47 Ex. 7 นกั เรยี นอา่ นเกีย่ วกบั ตำแหนง่ ของ adjective ในประโยค และชว่ ยกนั สรปุ แลว้ ครูช่วยอธิบายว่า adjectives สามารถวางไวห้ นา้ คำนาม เช่น He’s a funny boy. หรอื วาง ไว้หลงั verb to be เช่น He’s funny. และถา้ ต้องการเนน้ adjectives ใหใ้ ช้ very มาวางไว้หน้า adjectives เช่น He’s very funny. จากนน้ั ให้นักเรยี นหาตวั อยา่ งการใช้ adjectives ในบทอ่าน หน้า 46 4. นกั เรยี นรวมกลมุ่ กลมุ่ ละ 3 คน ครูแจกบัตร adjective ใหก้ ล่มุ ละ 1 ใบ แลว้ ให้แต่ละกล่มุ แตง่ ประโยค 3 ประโยค โดยใช้ adjective วางไวห้ น้าคำนาม วางไวห้ ลงั verb to be และใช้ very วางไว้ หน้า adjective 5. ครูนำเสนอคำถามทีใ่ ชถ้ ามบุคลกิ และลักษณะนิสัย โดยยกตัวอยา่ งบนกระดาน เชน่ What is Fred Flintstone like? He is noisy and funny. ให้นกั เรยี นอา่ นประโยคบนกระดานตามครู แลว้ ครูอธบิ ายวา่ What is + noun/pronoun + like? ใช้ ถามบุคลิกและลักษณะนสิ ัยของบุคคล จากนั้นครูถามคำถามเกี่ยวกับตวั ละครในเร่ือง The Flintstones ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั ตอบ 235
ข้นั Practice 1. หนงั สอื เรียน หนา้ 47 Ex. 5 นกั เรียนอ่านประโยคและเตมิ adjective ท่ีใหม้ าลงในประโยคให้ ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ตรวจคำตอบพร้อมกนั 2. หนังสอื เรียน หนา้ 47 Ex. 6 นกั เรียนทำงานคู่ ผลดั กนั พูดบอกบุคลิกและลกั ษณะนิสัยของสมาชิกใน ครอบครัวหรอื เพ่ือน โดยไมต่ อ้ งพดู adjective แต่ใหท้ ำทา่ ทางบอกใบแ้ ทน เพื่อใหค้ ู่ของตนทายวา่ คือ adjective คำใด ครูให้นักเรยี น 2 คน ทำกจิ กรรมเป็นตวั อย่าง จากนั้นใหเ้ วลานกั เรียนทำกิจกรรม แลว้ สมุ่ เรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน ออกมาทำท่าทางบอกใบ้ adjective ให้เพอ่ื นในชนั้ ทาย โดยใช้ โครงสรา้ งประโยค My (dad/friend/ …) is very … . เมอื่ เพ่ือนทายถูกแล้วให้นักเรยี นที่ทำทา่ ทาง บอกใบพ้ ดู ประโยคท่ีสมบรู ณอ์ ีกคร้งั เชน่ My dad is very funny. 3. หนังสอื เรยี น หน้า 47 Ex. 8 ให้นักเรยี นเรยี งลำดับคำทก่ี ำหนดให้เปน็ ประโยคทถี่ กู ต้อง เสร็จแลว้ ครู ตรวจคำตอบโดยสุม่ เรียกนกั เรยี นอา่ นประโยคคนละ 1 ข้อ 4. หนงั สอื เรยี น หนา้ 47 Ex. 9 ครอู ธบิ ายวา่ นักเรยี นจะไดฟ้ งั บทสนทนาของ Peter กับเพ่อื นคนหน่ึง ซง่ึ สนทนากันเกยี่ วกบั สมาชกิ ในครอบครวั ของ Peter แล้วครูให้นกั เรยี นอ่านชอ่ื บุคคลทีก่ ำหนดให้ จากนนั้ เปิด CD ใหน้ กั เรียนฟงั และจดบันทกึ ว่าชอ่ื บุคคลทีก่ ำหนดให้เกย่ี วข้องกับ Peter อย่างไร เมื่อฟังจบครรู วบรวมคำตอบจากนักเรยี น หลังจากนั้นครเู ปดิ CD ใหน้ กั เรียนฟังอกี ครัง้ โดยคร้ังนี้ใหน้ ักเรียนฟงั และจดบันทกึ บุคลกิ และลกั ษณะ นสิ ยั ของสมาชกิ ในครอบครัวของ Peter เมื่อฟงั จบครูถามว่า What is Laura like? What is John like? What is Mark like? ให้นกั เรียนบอกบุคลกิ และลักษณะนิสัยของแตล่ ะคน 5. หนังสือเรียน หนา้ 47 Ex. 10 นกั เรยี นจับคกู่ ัน แลว้ เขยี นชือ่ สมาชิกในครอบครวั ของตนเองลงใน กระดาษ จากน้นั แลกเปล่ียนกระดาษกับคู่ของตน แล้วผลัดกันถามคำถามเพ่ือหาวา่ บุคคลทีม่ ีชือ่ ใน กระดาษเกย่ี วข้องกบั คู่ของตนเองอย่างไร และมีบคุ ลกิ และลกั ษณะนสิ ัยอยา่ งไร ครูเดินสงั เกตการทำ กิจกรรมรอบ ๆ ชนั้ เรียน ขน้ั Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 11 นักเรยี นวาด family tree ของครอบครวั ตนเอง แล้วเขยี นบรรยาย ขอ้ มูลของสมาชกิ ในครอบครวั เชน่ เกยี่ วขอ้ งกบั นักเรยี นอยา่ งไร อายุ บคุ ลิกและลกั ษณะนสิ ัย ความสามารถ ครูแนะนำใหน้ ักเรยี นดู family tree ในหนา้ 45 เป็นตวั อย่าง หรือนกั เรียนอาจจะนำ ภาพสมาชกิ ในครอบครวั มาติดก็ได้ เสรจ็ แล้วครสู ุ่มเรยี กนกั เรยี นหลาย ๆ คน ออกมาพดู นำเสนอ family tree ของตนเอง 2. นกั เรียนทำ Language Review 4a Exs. 1-2 ในหนังสอื เรียน หน้า 108 ร่วมกันในช้ัน 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 29 Exs. 5-6 ให้นกั เรยี นทำเปน็ การบ้าน 7. การวัดและการประเมินผล วิธกี ารวดั เคร่อื งมอื เกณฑก์ ารผ่าน ตรวจการตอบคำถามจากการอา่ นหรอื แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 การฟัง ประเมินการเขียนบรรยายตัวละคร แบบประเมนิ การเขยี น ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ในเรอ่ื ง The Flintstones 236
สงั เกตการพดู ขอและให้ข้อมลู เก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ สมาชิกในครอบครวั ของตนเองและผอู้ ่ืน ระดับคุณภาพ ผา่ น ประเมินการวาด family tree และเขยี น แบบประเมนิ การเขยี น บรรยายเกีย่ วกับสมาชกิ ในครอบครวั ของตนเอง สังเกตความใฝเ่ รยี นรู้และความมุ่งมัน่ ใน แบบประเมนิ คุณลักษณะ การทำงาน อันพงึ ประสงค์ 8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสอ่ื ฯ ชดุ SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษ 5) พจนานกุ รมออนไลน์ 6) อินเทอร์เน็ต 237
2 Grammar 4b 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - บอกกิจวตั รประจำวนั ของตนเองได้ - พูดขอและให้ข้อมูลเก่ยี วกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครัวได้ - พดู และเขยี นแสดงความรู้สึกโดยใช้ like, love, hate + -ing form ไดถ้ กู ต้อง - เขียนบรรยายกจิ วตั รประจำวนั ของตนเองได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสือ่ สาร มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสอื่ สารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ กึ และ ความคดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ชี้วดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวนั ต 1.2 ม. 1/5 พูดและเขียนแสดงความรู้สกึ และความคิดเห็นของตนเองเก่ยี วกับเรอื่ งตา่ ง ๆ ใกล้ตัว กจิ กรรมต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลสัน้ ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการ พดู และการเขยี น ตวั ชวี้ ดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกับตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และสิง่ แวดล้อม ใกล้ตัว 2. สาระสำคัญ/ความคดิ รวบยอด การรู้และเข้าใจโครงสร้างภาษา ช่วยใหส้ ามารถพดู ขอและให้ขอ้ มูลเกีย่ วกับตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Grammar: Present simple 238
like, love, hate + -ing for Functions: Talking about daily routines I get up early in the morning. Then I have breakfast. Asking about your family Does your dad like fish? Yes, he does. 2) Language Skills Speaking: พูดบอกกิจวัตรประจำวันของตนเอง, พูดถาม-ตอบความรสู้ ึกเกีย่ วกบั กจิ กรรมต่าง ๆ, พูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกับตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั Writing: เขยี นบรรยายกิจวัตรประจำวันของตนเอง 4. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1) ความสามารถในการสอ่ื สาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ขั้น Warm up ครูทบทวน adjectives ท่ีใชบ้ รรยายบุคลกิ และลักษณะนิสยั โดยใหน้ ักเรียนคิด adjective ไว้ 1 คำ แล้วครสู มุ่ เรยี กนักเรียนทลี ะคน ใหอ้ อกมาทำท่าทางใบ้คำ ใหเ้ พ่อื นในชั้นทายว่ามบี ุคลกิ อยา่ งไร เช่น S1: (ทำท่ากอดอก หน้าตานิ่งและขมวดค้ิว) T: What is he like? Class: He is serious. ขั้น Presentation 1. ครูนำเสนอ Present simple ในรูปบอกเล่า โดยเขยี นประโยคต่อไปน้บี นกระดาน I live in London. He lives in London. You live in London. She lives in London. We live in London. It lives in London. They live in London. ครูขีดเสน้ ใต้คำกรยิ าของทกุ ประโยค แลว้ ถามนักเรยี นว่า ประธานตวั ใดบ้างท่ีคำกรยิ าเติม -s (he, she, it) 239
ต่อมาครเู ขียนโครงสรา้ งประโยค Present simple รปู บอกเลา่ คอื Subject + v 1 และอธิบายวา่ ถา้ ประธานเป็น I, you, we, they และคำนามพหูพจน์ คำกริยาจะใชร้ ูป base form (ไม่เตมิ -s/-es) ถา้ ประธานเป็น he, she, it และคำนามเอกพจน์ คำกริยาจะต้องเติม -s/-es จากนน้ั ครูอธบิ าย หลักการใช้ Present simple 2. ครเู ขยี นประโยคต่อไปน้บี นกระดาน แล้วให้นักเรียนเปล่ียนคำกรยิ าในประโยคเหลา่ น้ีเปน็ Present simple เมอื่ ประธานเป็น he I watch TV in the evening. (He watches TV in the evening.) I play football on Friday. (He plays football on Friday.) I like eating chocolate. (He likes eating chocolate.) I study maths on Monday. (He studies maths on Monday.) I miss you. (He misses you.) ต่อมาครูให้นกั เรียนชว่ ยกนั บอกหลกั การเตมิ -s/-es ท้ายคำกรยิ า เม่อื ประธานเปน็ เอกพจน์ ครูช่วย เสรมิ และยกตัวอยา่ งเพิ่มเตมิ 3. หนงั สือเรียน หนา้ 48 Ex. 1 นกั เรยี นอา่ นหลกั การใช้ Present simple และหลักการเตมิ -s/-es เมอื่ ประธานเปน็ เอกพจนบ์ รุ ุษที่ 3 เพื่อทบทวนความเขา้ ใจ จากนน้ั ให้นักเรยี นชว่ ยกนั อธบิ าย ความหมายของตัวอย่างประโยคสฟี ้าเป็นภาษาไทย 4. ครูเขยี นคำกรยิ าบนกระดานดงั น้ี eats, jumps, reads, stands, watches, finishes แลว้ ออกเสียง คำกริยาเหลา่ น้ใี ห้นกั เรียนฟงั ให้นักเรียนสงั เกตว่าเสยี ง s/es ทา้ ยคำกรยิ าจะออกเสียงได้ก่แี บบ จากนัน้ ครูอธบิ ายการออกเสยี ง s/es ท้ายคำกริยา ครูให้นักเรยี นออกเสียงคำกริยาบนกระดานพร้อมกนั หลาย ๆ ครั้ง จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นคดิ ว่าใน ภาษาไทยมกี ารเปลีย่ นรปู คำกริยาเม่ือประธานเป็นเอกพจนห์ รือไม่ ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หนา้ 48 Ex. 2 นักเรยี นอ่านคำกริยาที่กำหนดให้และบอกความหมาย แลว้ ให้นักเรียน เปลีย่ นคำกริยาเหล่านีใ้ ห้อยู่ในรูป Present simple เม่ือประธานเปน็ เอกพจน์บรุ ษุ ท่ี 3 เสรจ็ แลว้ ครู สมุ่ เรยี กนกั เรียนออกมาเขยี นคำตอบบนกระดาน และให้นกั เรียนท่แี หลอื ชว่ ยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง 2. ครแู บ่งนกั เรียนเปน็ 2 ทีม เพ่ือเลน่ เกม ใหแ้ ต่ละทมี ส่งตวั แทนออกมาเล่นเกมคร้งั ละ 1 คน โดยครูจะ พูดคำกรยิ ารูป base form ใหน้ กั เรียนเปลีย่ นเป็นรูปเอกพจน์บุรุษที่ 3 พร้อมทัง้ สะกดคำให้ถกู ต้อง ทีมทที่ ำถูกตอ้ งจะได้ 1 คะแนน เมอื่ จบเกมทมี ทีไ่ ด้คะแนนมากท่ีสุดจะเป็นผู้ชนะ T: I brush Team A S1: He brushes B-R-U-S-H-E-S 3. หนงั สือเรยี น หน้า 48 Ex. 3 นักเรยี นอา่ นวลีทใ่ี ห้มาในกรอบ และชว่ ยกันบอกความหมาย แล้วให้ นักเรียนดูของภาพที่ 1-11 และบอกครวู ่าเด็กผูช้ ายในภาพทำกจิ กรรมอะไรบ้าง จากน้ันให้นกั เรียนใช้ วลที ใี่ ห้มาแตง่ ประโยคเก่ียวกบั กิจกรรมทเ่ี ด็กผู้ชายในภาพทำ 240
5. หนังสอื เรียน หน้า 48 Ex. 5 นักเรยี นลอกตารางลงในสมุด แลว้ ครูเปิด CD ให้นักเรียนฟังคำกรยิ า และขีด ลงในช่องท่ตี รงกับเสียงที่ได้ยิน จากนัน้ ครูเฉลยคำตอบ และเปิด CD ให้นกั เรียนฝกึ ออกเสยี งตามพร้อมกัน แล้วครสู ุม่ เรียกนักเรยี นออกเสยี งทลี ะคน ข้ัน Production 1. หนงั สือเรยี น หนา้ 48 Ex. 4 นกั เรียนจบั คูผ่ ลัดกันพดู บอกกจิ วัตรประจำวนั ของตนเองในแต่ละ ช่วงเวลา ครเู ดนิ สงั เกตขณะนักเรยี นทำกจิ กรรมรอบ ๆ ช้ันเรียน จากนั้นสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกกจิ วตั รประจำวนั ของตนเองใหเ้ พ่ือนในชน้ั ฟงั 2. แบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 30-31 Exs. 1-8 ใหน้ กั เรยี นทำเป็นการบา้ น ช่วั โมงท่ี 2 ข้ัน Warm up ครูทบทวนการเปลย่ี นคำกริยาเป็น Present simple เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ ดว้ ยการเขยี นตาราง 9 ช่อง บนกระดาน และเขยี นคำกริยาลงในตารางช่องละ 1 คำ เช่น eat, get up จากน้ันแบ่ง นกั เรียนออกเปน็ 2 ทมี ใหแ้ ข่งกนั เลน่ เกม Noughts and Crosses โดยผลดั กันพูดคำกริยารูป Present simple ท่ีสัมพันธ์กับคำกรยิ าในตารางใหถ้ กู ตอ้ ง เช่น eat - eats, get up - gets up ครเู น้นให้นกั เรียนออกเสียง s/es ทา้ ยคำกริยาให้ถูกต้อง ถ้าทีมใดพูดถูกจะไดท้ ำสญั ลักษณ์ X หรอื O ในตาราง ทมี ท่ีทำสัญลักษณ์เรยี งตอ่ กันในแนวตั้ง แนวนอน หรอื แนวทแยงไดก้ อ่ นจะเปน็ ผชู้ นะ ข้ัน Presentation 1. ครนู ำเสนอ Present simple ในรปู ปฏเิ สธ โดยเขียนประโยคตอ่ ไปนบ้ี นกระดาน I don’t like Monday. She doesn’t like Monday. ครูขดี เส้นใต้ I don’t และ She doesn’t แลtถามนกั เรียนว่า การทำประโยค Present simple เป็น ปฏเิ สธ จะเติมอะไรหนา้ คำกริยา (don’t/doesn’t) แล้วครูอธิบายว่า การทำเป็นประโยคปฎิเสธจะนำ do not (don’t), does not (doesn’t) มาวางไวห้ น้าคำกริยาหลกั ของประโยค และคำกริยาหลกั จะต้องอย่ใู นรูป base form โดยเราจะใช้ do not (don’t) กบั ประธานพหพู จน์ , I, you, we, they และใช้ does not (doesn’t) กับประธานเอกพจน์, he, she, it 2. ครนู ำเสนอ Present simple ในรูปคำถาม โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน Do I like Mondays? No, I don’t. Does she like Mondays? No, she doesn’t. ครูถามนกั เรยี นวา่ ประโยคคำถามขึน้ ตน้ ด้วยอะไร (Do, Does) และหลงั Do, Does จะตามด้วยอะไร (ประธานของประโยค) แลว้ ครูอธบิ ายว่า การทำเป็นประโยคคำถามจะใช้ do, does ขึ้นตน้ ประโยค ตามด้วยประธาน และคำกริยา ซงึ่ จะตอ้ งอยใู่ นรปู base form สว่ นการตอบคำถามแบบสน้ั (short form) ถ้าตอบรบั ใช้ Yes, I/you/we/they do. Yes, he/she/it does. ถา้ ตอบปฏเิ สธใช้ No, I/you/we/they don’t. No, he/she/it doesn’t. โดยครเู ขยี นโครงสร้างใหน้ ักเรียนดูบนกระดาน Do + subject + verb …? Yes, + pronoun + do. / No, + pronoun + don’t. 241
Does + subject + verb …? Yes, + pronoun + does. / No, + pronoun + doesn’t. 3. ครูสมุ่ ถามคำถามนกั เรยี นหลาย ๆ คน เพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ เช่น T: Do you like sport? S1: No, I don’t. T: Does your mum work? S2: Yes, she does. T: Do we live in Thailand? S3: Yes, we do. 4. หนงั สือเรยี น หนา้ 49 Ex. 6 นักเรยี นอา่ นตัวอยา่ งประโยค และกนั สรปุ หลกั การสร้างประโยคปฏเิ สธ และประโยคคำถามรูป Present simple 5. ครูยกตัวอยา่ งประโยคทใี่ ช้ like, love, hate + -ing form บนกระดาน I like swimming. I love watching TV. I hate drawing. ให้นักเรยี นอา่ นประโยคพร้อมกนั แล้วครูถามนักเรียนวา่ หลงั like, love, hate ตามดว้ ยคำประเภทใด (verb -ing) จากน้นั ครอู ธบิ ายวา่ การเติม -ing ท้ายคำกริยา เปน็ การทำคำกรยิ าใหเ้ ป็นคำนาม เรยี กวา่ gerund เช่น swim (วา่ ยน้ำ) - swimming (การว่ายน้ำ) แลว้ ครูอธิบายหลกั การเติม -ing ท้าย คำกรยิ า ขนั้ Practice 1. หนงั สอื เรยี น หนา้ 49 Ex. 7 นกั เรียนเติม don’t หรือ doesn’t ลงในประโยคใหถ้ ูกต้อง เสร็จแล้ว ครเู ฉลลยคำตอบ 2. หนงั สอื เรยี น หนา้ 49 Ex. 8 นกั เรยี นเติม do, does, don’t หรอื doesn’t ในประโยคใหถ้ ูกต้อง เสร็จแล้วให้นักเรยี นชว่ ยกนั บอกคำตอบ 3. หนงั สอื เรียน หนา้ 49 Ex. 9 นักเรยี นทำงานคู่ ใชค้ ำถามทกี่ ำหนดให้ผลัดกนั พดู ถาม-ตอบเกยี่ วกบั ตนเองและสมาชกิ ในครอบครวั ครูเดินสังเกตขณะนกั เรยี นทำกิจกรรม และสมุ่ เรยี กนกั เรยี น 3-4 คู่ ยนื ขน้ึ พดู ถาม-ตอบให้เพ่อื นฟัง 4. หนงั สือเรียน หน้า 49 Ex. 10a นักเรยี นอา่ นประโยคในกรอบ แลว้ ชว่ ยกันอธิบายความหมาย 5. หนังสอื เรียน หน้า 49 Ex. 10b ให้นกั เรียนเขยี นประโยคแสดงความรูส้ ึกโดยใชค้ ำขน้ึ ตน้ ประโยค และวลีทก่ี ำหนดให้ จากน้นั ครูส่มุ เรียกนกั เรยี นหลาย ๆ คน อา่ นประโยค 6. ครูเขียนวลีเกย่ี วกับกจิ กรรมตา่ ง ๆ บนกระดาน เช่น play computer games, watch TV, read books, cook, get up early, play football แล้วใหน้ ักเรียนจับค่กู นั พดู ถาม-ตอบความรู้สกึ เกย่ี วกบั กจิ กรรมเหล่านโี้ ดยใช้คำถาม How do you feel about…? ข้ัน Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 49 Ex. 11 ใหน้ กั เรียนเขยี นบรรยายกิจวตั รประจำวันของตนเองในวนั ธรรมดา (วันจันทร์-วันศุกร)์ มา 1 วัน ก่อนเขยี นครถู ามนกั เรียนวา่ ส่ิงทที่ ำเปน็ ประจำจะต้องใช้ tense อะไร 242
(Present simple) มีโครงสรา้ งประโยคอยา่ งไร จากนนั้ ครูใหเ้ วลานักเรยี นเขียน เสรจ็ แล้วครูสุ่มเรยี ก นกั เรียน 3-4 คน ออกมาอา่ นใหเ้ พอ่ื นฟังทห่ี นา้ ชน้ั เม่อื อา่ นจบครูถามนักเรยี นทเ่ี หลือว่าใครมีกจิ วตั ร ประจำวนั เหมือนเพือ่ นบา้ ง 2. นักเรียนทำ Grammar Bank 4 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หน้า 75 Exs. 1-6 ร่วมกันในช้ัน 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หน้า 31 Exs. 9-11 ใหน้ กั เรยี นทำเปน็ การบ้าน 7. การวดั และการประเมินผล วิธกี ารวัด เครอื่ งมอื เกณฑ์การผ่าน สงั เกตการพดู บอกกจิ วัตรประจำวนั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ของตนเอง สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ตนเองและสมาชิกในครอบครัว สังเกตการพดู ถาม-ตอบความร้สู กึ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดับคุณภาพ พอใช้ เกยี่ วกับกิจกรรมตา่ ง ๆ ประเมนิ การเขียนบรรยายกิจวัตร แบบประเมินการเขยี น ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ประจำวันของตนเอง สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน อันพงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนังสอื เรียน SPARK 1 ม. 1 2) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 243
3 Skills 4c 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - พดู สนทนาเก่ียวกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครัวได้ - เขยี นบรรยายเกี่ยวกบั สมาชกิ ในครอบครัวได้ - คน้ ควา้ ข้อมลู เกยี่ วกบั อาชีพที่สนใจและเขียนนำเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่อื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งที่ฟังและอา่ นจากสอื่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตผุ ล ตัวชวี้ ัด ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟงั และ อา่ นบทสนทนา นทิ าน และเรือ่ งสัน้ มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร แสดงความรสู้ ึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธิภาพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ียนข้อมูลเกีย่ วกบั ตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจำวนั ต 1.2 ม. 1/3 พดู และเขียนแสดงความตอ้ งการ ขอความชว่ ยเหลือ ตอบรับและปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลอื ในสถานการณต์ ่าง ๆ อย่างเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งตา่ ง ๆ โดยการ พูดและการเขยี น ตัวชวี้ ดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเกยี่ วกบั ตนเอง กิจวัตรประจำวนั ประสบการณ์ และส่งิ แวดลอ้ ม ใกลต้ ัว สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพนั ธ์กับกลุ่มสาระการเรยี นร้อู ่ืน มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรยี นรู้อ่ืน และเป็น พนื้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน ตัวชวี้ ดั ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรปุ ข้อมูล/ขอ้ เท็จจรงิ ท่เี กยี่ วขอ้ งกบั กล่มุ สาระการเรียนรอู้ น่ื จากแหลง่ การเรยี นรู้ และนำเสนอด้วยการพูด/การเขียน สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธก์ ับชมุ ชนและโลก 244
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเปน็ เครอ่ื งมือพนื้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการแลกเปลีย่ นเรยี นรูก้ บั สังคมโลก ตัวชว้ี ัด ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบค้น/ค้นควา้ ความร/ู้ ขอ้ มลู ต่าง ๆ จากส่อื และแหลง่ การเรียนรตู้ า่ ง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเรยี นรคู้ ำศพั ท์ สำนวนภาษาทีใ่ ช้ในการขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั อาชพี จะช่วยใหเ้ ข้าใจและบอก รายละเอียดของเร่ืองที่ฟงั ได้ รวมถึงสามารถนำความรทู้ ี่เรยี นไปใชพ้ ูด/เขยี นสือ่ สารและค้นควา้ เพม่ิ เตมิ เก่ียวกับอาชีพทส่ี นใจได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Jobs (hairdresser, photographer, nurse, footballer, pilot, vet, teacher, mechanic, secretary) Verbs (go places, double for, make an appearance) Nouns (autograph, look-alike, commercials, success) Adjectives (professional, real, similar (to)) Pronoun (everything) Functions: Talking about jobs What does your mum do? She’s a teacher. 2) Language Skills Listening: ฟังเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มูลเกย่ี วกบั อาชีพทอี่ ยากเป็นในอนาคต, พดู ขอและให้ข้อมูลเก่ยี วกับอาชพี ของสมาชกิ ในครอบครัว Writing: เขยี นอเี มลเล่าเกีย่ วกบั สมาชิกในครอบครวั 4. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรยี นรู้ 2) มุง่ ม่ันในการทำงาน 245
6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่วั โมงที่ 1 ขั้น Warm up 1. ครใู หน้ ักเรยี น 1 คน พดู กจิ วตั รประจำวนั ของตนเองให้เพอ่ื นฟัง เม่อื ฟงั จบครูถามคำถามเกย่ี วกบั กิจวตั รประจำวนั ของนักเรยี นคนดังกลา่ ว 2. ครใู หเ้ วลานกั เรียน 1 นาที เขียนคำศัพท์เก่ียวกบั อาชีพท่ีนกั เรียนเคยเรียนมาแลว้ ให้ไดม้ ากทีส่ ุด จากนนั้ ครใู ห้คนท่เี ขยี นไดม้ ากท่ีสุดอา่ นให้เพื่อนฟงั ขนั้ Pre-listening 1. หนังสือเรียน หนา้ 50 Ex. 1 นกั เรียนดภู าพในหนงั สอื เรียน หนา้ 50 และบอกครูเปน็ ภาษาไทยวา่ แตล่ ะคนทำอาชีพอะไร ครเู ขียนคำศัพท์ภาษาองั กฤษบนกระดาน พร้อมทง้ั ขีดเสน้ ใตพ้ ยางค์ท่ีเน้นเสียง หนัก จากนั้นครเู ปดิ CD ให้นักเรยี นฟังคำศัพทแ์ ละออกเสียงตามพรอ้ มกัน แล้วครสู มุ่ เรียกนักเรยี น ออกเสียงทีละคน ครูบอกนกั เรียนวา่ คำวา่ vet มีความหมายเหมอื นกับ veterinarian จากน้ันใหน้ กั เรยี นพดู ช่ืออาชีพ เหลา่ น้ีเป็นภาษาไทยโดยเดาจากภาพ ตอ่ มาครูให้นักเรียนอ่านวลที ่ีให้มา แลว้ ชว่ ยกนั บอกความหมาย ถ้าวลใี ดท่นี ักเรยี นไมร่ ู้ ครูชว่ ยโดย แสดงท่าทางประกอบหรือยกประโยคตัวอยา่ ง จากนน้ั ให้นกั เรยี นใชว้ ลเี หล่านีแ้ ตง่ ประโยคเกยี่ วกบั หน้าทีข่ องแตล่ ะอาชีพ เสรจ็ แลว้ ครูสุม่ เรียก นกั เรียนอา่ นประโยคคนละ 1 อาชีพ 2. ครูเขยี นคำถาม What do you do? บนกระดาน แล้วให้นกั เรยี นถามคำถามนกี้ บั ครู โดยครู ตอบว่า I’m a teacher. ต่อมาครอู ธบิ ายวา่ การถามเก่ียวกับอาชีพของบคุ คลจะใช้คำถาม What do you/they/we do? What does he/she do? ส่วนการบอกอาชีพให้ใช้ You/They/We are a/an + (อาชพี ). He/She is a/an + (อาชพี ). จากน้ันครูแสดงภาพบุคคลซ่งึ ประกอบอาชีพต่าง ๆ แล้วถามคำถาม ให้นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบ เชน่ T: (แสดงภาพหมอ) What does he do? Ss: He’s a doctor. 3. ครบู อกนักเรียนว่าการบอกอาชพี สามารถใช้ประโยค You/They/We work as + (อาชีพ). He/She works as a/an + (อาชีพ). ได้ดว้ ย โดยครูเขียนตวั อย่างประโยคบนกระดาน I’m a pilot. I work as a pilot. She’s a teacher. She works as a teacher. 4. นกั เรยี นดูภาพบุคคลในหนงั สือเรยี น หนา้ 50 Ex. 2 แลว้ ครูถามวา่ Do you know the man in the picture? Who’s he? (David Beckham) What does he do? (He’s a footballer.) 5. นกั เรยี นอา่ นคำศัพท์ในกรอบ Check these words ตามครู แล้วช่วยกนั อธบิ ายความหมาย ถา้ คำใด ไม่ร้ใู หเ้ ปิดหาจากพจนานุกรม 246
autograph (n) = a famous person’s signature (ลายเซน็ ) professional (adj) = connected with a job that needs special training or skill (ที่ทำเป็นอาชีพ) success (n) = a person that has achieved a good result and been successful (ผปู้ ระสบความสำเรจ็ ) look-alike (n) = someone that is similar in appearance to someone (คนทีด่ ูเหมือน/คล้ายกัน) go places (v) = to go the particular position, point or area (ไปยังจุด/ พ้นื ทเ่ี ฉพาะ) double for (v) = to replace an actor in the actor’s absence or in a certain scene (เป็นตัวแทน) commercials (n) = advertisements on the television (โฆษณาทางโทรทัศน)์ real (adj) = happening and not imagined (แท้จรงิ ) similar (to) (adj) = like somebody but not exactly the same (คลา้ ยกัน) make an appearance (v) = to appear in public (ปรากฏตวั ในที่สาธารณะ) 6. ครูบอกนกั เรียนว่า กำลังจะไดฟ้ งั เร่ือง A professional look-alike ซ่ึงเปน็ เรือ่ ง เกย่ี วกับคนทคี่ ล้ายกบั David Beckham แล้วให้นักเรยี นอ่านประโยค 1-6 ในหนงั สอื เรียน หน้า 50 Ex. 2 จากนน้ั ครูย้ำกบั นักเรียนวา่ ไมจ่ ำเปน็ ต้องฟังออกทกุ คำ ให้เน้นฟงั เพอ่ื หา คำตอบมาเตมิ ในประโยค ข้ัน Listening หนงั สือเรยี น หนา้ 50 Ex. 2 ครเู ปิด CD ให้นกั เรียนฟงั โดยต้ังใจฟงั เนอ้ื เรอื่ งส่วนท่เี ก่ียวขอ้ งกับ ประโยค และจดบนั ทึกคำตอบ เม่อื ฟงั จบครถู ามนักเรียนวา่ เติมคำไดค้ รบหรือไม่ ครูอาจจะเปิด CD ให้ นักเรียนฟงั อกี ครง้ั จากน้นั ครขู ออาสาสมคั รบอกคำตอบ แลว้ ใหน้ ักเรียนช่วยกันตรวจความ ถกู ตอ้ ง ขน้ั Post-listening 1. หนังสือเรยี น หนา้ 50 Ex. 3 ให้นักเรียนเติมคำท่ีกำหนดให้ลงในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู รวบรวมคำตอบจากนักเรียน และเฉลยคำตอบ 2. นักเรียนจบั คกู่ บั เพอื่ นผลัดกันพูดถาม-ตอบเกี่ยวกับอาชพี ท่ีอยากเปน็ ในอนาคต โดยใช้คำถาม What do you want to be? และตอบโดยใช้ประโยค I want to be a/an + อาชีพ. เมอื่ ถามตอบกับ คู่ของตนเสร็จแล้วใหน้ ักเรยี นเดินไปถามเพ่อื นคนอืน่ อีก 3 3. นกั เรยี นทำ Language Review 4c Ex. 3 ในหนังสือเรยี น หน้า 108 ร่วมกันในชน้ั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 32-33 Exs. 1-2, 5 ใหน้ ักเรียนทำเปน็ การบ้าน 247
ชว่ั โมงท่ี 2 ขนั้ Warm up ครูเตรียมบัตรคำเกย่ี วกับอาชพี แล้วสมุ่ เรยี กนกั เรียนออกมาจบั บตั รคำ และแสดงท่าทางบอกใบ้ คำศพั ท์ให้เพ่อื นทายว่าคืออาชีพอะไร ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนคำศัพท์เก่ียวกับอาชพี และหนา้ ท่ขี องแตล่ ะอาชีพ โดยครูแสดงบตั รคำเกย่ี วกับอาชพี ทลี ะใบ ให้นักเรียนช่วยกันบอกว่าอาชีพในบัตรคำทำหน้าทอ่ี ะไร 2. ครูทบทวนการถามและตอบเกย่ี วกับอาชพี โดยเขียนคำถาม What do you do? บนกระดาน หลังคำศัพท์เกีย่ วกับอาชีพ nurse What do you do? I’m a nurse. I work as a nurse. teacher What do you do? I’m a teacher. I work as a teacher. ให้นักเรียนชว่ ยกันตอบคำถาม และครเู ขียนคำตอบบนกระดาน จากนน้ั ใหน้ กั เรยี นอา่ นคำถามและ คำตอบพร้อมกัน 3. ครูเขียนคำถาม What does he/she do? บนกระดาน หลงั คำศพั ท์เกย่ี วกับอาชีพและช่ือบุคคล Mary hairdresser What does Mary/she do? She is a hairdresser. She works as a hairdresser. Jack mechanic What does Jack/he do? He is a mechanic. He works as a mechanic. Noi vet What does Noi/she do? She is a vet. She works as a vet. Sak pilot What does Sak/he do? He is a pilot. He works as a pilot. ให้นักเรยี นชว่ ยกันตอบคำถาม และครูเขยี นคำตอบบนกระดาน จากนนั้ ใหน้ ักเรียนอ่านคำถามและ คำตอบพรอ้ มกนั ข้ัน Practice 1. ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลุ่มละ 4 คน คน้ หาคำศพั ท์เกย่ี วกบั อาชพี เพิม่ เตมิ จากพจนานกุ รม กลุ่มละ 5 คำ โดยตอ้ งเป็นอาชพี ท่มี ีในประเทศไทย เช่น programmer, accountant, seller, dentist, engineer, bank teller จากนนั้ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมานำเสนอคำศพั ทท์ ห่ี น้าช้ัน 2. หนังสือเรียน หนา้ 50 Ex. 4 ให้นกั เรยี นจบั คผู่ ลัดกนั พูดถาม-ตอบเกยี่ วกับอาชีพของพ่อและแม่ของ คตู่ นเอง แลว้ จดบนั ทึกคำตอบไว้ 248
3. ให้นกั เรียนทำตารางสำรวจอาชีพของสมาชิกในครอบครัวของเพื่อน Name Uncle Aunt Sister Brother ครใู หน้ ักเรยี นถามเพือ่ นในช้ัน 3 คน เกยี่ วกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครัวอย่างนอ้ ย 2 คน แลว้ จด บนั ทกึ คำตอบลงในตาราง จากนั้นให้นักเรียนเขียนสรุปผลสำรวจโดยใช้ apostrophe s เชน่ Ann’s mum is a teacher. Tom’s Uncle is an engineering. ข้ัน Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 50 Ex. 5 ให้นักเรยี นเขยี นอีเมลถึงเพ่ือนเลา่ เกีย่ วกับครอบครวั ของตนเอง โดยใช้ โครงร่างท่ีกำหนดให้ จากน้นั ครูส่มุ เรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาอา่ นใหเ้ พอ่ื นฟงั 2. ให้นกั เรียนค้นควา้ ข้อมูลเก่ยี วกับอาชพี ทต่ี นเองสนใจมา 1 อาชพี แล้วเขยี นนำเสนอขอ้ มูลเกย่ี วกบั การศึกษาและหน้าที่ความรบั ผดิ ชอบ ครูอาจแนะนำเว็บไซตใ์ หน้ กั เรยี น 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หน้า 33 Ex. 4 ใหน้ ักเรียนฟัง CD แลว้ จบั คบู่ คุ คลกับกิจกรรมให้ถูกตอ้ ง 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 33 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนฟงั CD แล้วเขยี นเติมข้อมลู 5. แบบฝกึ หดั (Workbook) หนา้ 33 Ex. 3 ใหน้ ักเรยี นทำเป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เครอ่ื งมอื เกณฑ์การผา่ น ตรวจการตอบคำถามจากการอา่ นหรอื แบบฝกึ หดั (Workbook) รอ้ ยละ 60 การฟงั สังเกตการพูดขอและให้ขอ้ มูลเกย่ี วกับ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ อาชีพทอ่ี ยากเปน็ ในอนาคต สงั เกตการพูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ยี วกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ อาชพี ของสมาชกิ ในครอบครัว ประเมนิ การเขียนอเี มลเล่าเก่ียวกับ แบบประเมินการเขยี น ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ครอบครัวของตนเอง ประเมินการค้นควา้ ข้อมลู เกยี่ วกบั แบบประเมินการสำรวจ/คน้ ควา้ ระดับคุณภาพ พอใช้ เก่ียวกับอาชีพท่สี นใจและเขียนนำเสนอ สังเกตความใฝเ่ รยี นรแู้ ละความม่งุ มั่นใน แบบประเมนิ คุณลักษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น การทำงาน อนั พึงประสงค์ 8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรยี น SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสอื่ ฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝกึ หัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานกุ รมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานกุ รมออนไลน์ 6) อนิ เทอร์เน็ต 7) บัตรคำเกีย่ วกบั อาชีพ 249
4 Everyday English 4d 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - อ่านออกเสียงบทสนทนาถกู ตอ้ งตามหลักการอา่ นได้ - ตอบคำถามจากการอา่ นบทสนทนาได้ - พดู ถามและบอกเวลาได้ - แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ กี่ ำหนดได้ - พูดสนทนาตามสถานการณ์ทีก่ ำหนดได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่อื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ งั และอ่านจากสือ่ ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมีเหตผุ ล ตวั ชว้ี ดั ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) สนั้ ๆ ถกู ตอ้ งตามหลักการอ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่อื ง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟงั และ อ่านบทสนทนา นทิ าน และเรอื่ งสัน้ มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปลีย่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร แสดงความรสู้ ึกและ ความคดิ เหน็ อยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ ตวั ชี้วดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ยี นข้อมูลเกยี่ วกับตนเอง กจิ กรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชวี ิตประจำวนั สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสมั พนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใชไ้ ด้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ชี้วัด ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้ำเสียง และกิริยาทา่ ทางสภุ าพเหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม ของเจ้าของภาษา สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสมั พันธก์ ับชมุ ชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ตา่ ง ๆ ทง้ั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ชีว้ ดั ต 4.1 ม. 1/1 ใช้ภาษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ ำลองท่เี กดิ ขึน้ ในห้องเรียนและ สถานศึกษา 250
2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเรียนร้สู ำนวนภาษาท่ีใชใ้ นการถามและบอกเวลา จะช่วยให้พูดสนทนาส่ือสารในชีวิตประจำวันได้ อยา่ งถูกต้อง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: The time (o’clock, past, quarter past, half past, to, quarter to) Asking the time (What’s the time, please? Have you got the time, please? What time is it, please?) Telling the time (It’s five o’clock. It’s half past two. It’s ten past three. It’s twenty to ten) Sentences (Are you free this afternoon? What time does the court open? Is 4:30 OK with you? Yes, that’s fine. See you there!) Functions: Telling the time What’s the time, please? It’s four o’clock. Making arrangements Do you want to go swimming with me? OK. What time does the pool open? At nine o’clock. Is 6:30 OK with you? 2) Language Skills Speaking: พดู ถามและบอกเวลาในการทำกจิ วัตร, พูดสนทนาตามสถานการณท์ กี่ ำหนด Reading: อา่ นเพ่ือหาข้อมลู เฉพาะ, อ่านออกเสียงบทสนทนา Writing: แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กำหนด 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ใฝเ่ รยี นรู้ 2) มุ่งมั่นในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ 251
ชัว่ โมงที่ 1 ขั้น Warm up ครูถามความรู้พ้ืนฐานของนกั เรียนเกยี่ วกบั เรอื่ งเวลา เช่น What does the minute hand/hour hand show? How many minutes are there in an hour? How many hours are there in one day? ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนคำศัพทท์ ี่ใช้บอกเวลา o’clock, haft past, quarter past, quarter to, past และ to โดยวาดหน้าปัดนาฬกิ าบนกระดานหรืออาจใชน้ าฬกิ าจริงก็ได้ และให้นักเรยี นช่วยกันบอกหลักการใช้ คำเหล่านี้ จากน้นั ครูสรุปหลกั การใช้ใหน้ กั เรียนฟังอีกครงั้ และวาดหรือหมนุ เขม็ นาฬิกาแสดงเวลา ประกอบด้วย 2. ครูนำเสนอคำถามทใี่ ชใ้ นการถามเวลา โดยถามนักเรยี นวา่ What’s the time, please? ให้นักเรยี นดู เวลาและพูดตอบครู แลว้ ครเู ขียนคำถามและคำตอบบนกระดาน ครูบอกนกั เรียนว่า นอกจากคำถาม What’s the time, please? แลว้ เรายังสามารถใช้คำถาม Have you got the time, please? และ What time is it, please? ในการถามเวลาได้อีกดว้ ย โดยครู เขียนคำถามบนกระดาน ให้นักเรียนอ่านพรอ้ มกนั จากนนั้ ครสู มุ่ เรยี กนักเรยี น 2-3 คู่ พูดถามและบอกเวลาตามเวลาที่ครเู ขียนบนกระดาน 4. ครูบอกนักเรยี นว่า ถงึ แม้สงั คมไทยจะมีความยดื หย่นุ ในเรอื่ งเวลา แต่นกั เรียนกค็ วรจะฝกึ ตนเองใหเ้ ป็น คนตรงตอ่ เวลา โดยเฉพาะเร่ืองที่เกี่ยวข้องกับการเรียน แลว้ ครใู ห้นักเรยี นชว่ ยกันคิดว่าเร่อื งใดบา้ งที่ นกั เรยี นควรตรงตอ่ เวลา เชน่ การมาโรงเรยี น การเข้าชั้นเรยี น การส่งงานครู เป็นตน้ ครูชแ้ี นะ นักเรยี นท่ไี ม่ตรงต่อเวลาใหป้ รบั เปลี่ยนพฤตกิ รรม แลว้ ครูคอยสงั เกตพฤตกิ รรมของนักเรียน 5. ครูสอบถามนกั เรยี นว่า ในแต่ละวนั ทำกิจวัตรอะไรบ้าง เชน่ get up, go to school, study, do homework, have dinner, watch TV, go to bed แล้วครูเขียนประโยคคำถามและคำตอบบน กระดาน ดังนี้ A: What time do you get up? B: I get up at half past five. ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคบนกระดานพรอ้ มกนั แล้วครูอธบิ ายวา่ ถา้ ต้องการถามเวลาในการทำกจิ วัตร ตา่ ง ๆ ใหใ้ ชค้ ำถาม What time do you + กิจวัตร? สำหรบั การตอบให้ตอบวา่ I + กจิ วัตร + at + เวลา. ขนั้ Practice 1. หนังสอื เรียน หน้า 51 Ex. 1 นกั เรยี นทำงานคู่ ผลดั กันดูภาพนาฬกิ า 1-4 แล้วพูดถามและบอกเวลา ครูเดนิ สังเกตรอบ ๆ ชน้ั เรียน เพอ่ื ดูว่านกั เรียนพูดถาม-ตอบถูกตอ้ งหรือไม่ จากนนั้ สมุ่ เรยี กนกั เรียน 4 คู่ พดู ถาม-ตอบใหเ้ พื่อนในชั้นฟังค่ลู ะ 1 ภาพ 2. ครูแบ่งนกั เรยี นออกเปน็ 4 ทีม เพอ่ื เลน่ เกม โดยให้แตล่ ะทมี ผลดั กนั ส่งตัวแทนออกมาเขยี นเวลาเป็น ตัวเลขบนกระดาน แล้วให้ตวั แทนทีมอ่ืน ๆ แข่งกนั ยกมือ ตัวแทนทีมท่ียกมือกอ่ นจะไดส้ ิทธ์ิพูดบอก 252
เวลา ถ้าบอกเวลาถูกตอ้ งทมี น้ันจะได้ 1 คะแนน ถ้าบอกเวลาไม่ถูกต้องให้ตัวแทนทีมท่ีเหลือแข่งกนั ตอ่ ไป สุดท้ายทมี ทไี่ ด้คะแนนมากทส่ี ดุ จะเปน็ ผู้ชนะ 3. ครูสมุ่ ถามนกั เรยี น 2 คน เกีย่ วกับเวลาในการทำกิจวัตร เพ่ือเป็นตัวอยา่ ง เชน่ T: What time do you get up? S1: I get up at 6 o’clock. T: What time do you have breakfast? S2: I have breakfast at half past six. จากน้นั ให้นักเรยี นจบั คู่กันพูดถาม-ตอบเกย่ี วกบั เวลาในการทำกิจวตั รตา่ ง ๆ โดยครเู ดนิ สงั เกตการทำ กจิ กรรมรอบ ๆ ชนั้ เรียน ขั้น Production 1. ครเู ขยี นตารางกจิ วตั รประจำวนั บนกระดาน แล้วให้นักเรยี นแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ใหแ้ ต่ละคนลอก ตารางลงในสมดุ และสอบถามเวลาในการทำกิจวัตรของสมาชกิ ในกล่มุ ตนเอง โดยครเู ดินสังเกตการทำ กจิ กรรมรอบ ๆ ชน้ั เรียน Name Get up Go to school Do homework Go to bed จากนั้นครูสุ่มเรียกนักเรียน 3-4 คน พดู รายงานเวลาในการทำกิจวัตรของสมาชกิ ในกลุ่มใหเ้ พอื่ นฟัง เช่น Nan gets up at 6 o’clock. She goes to school at half past seven. She does homework at 5 o’clock. She goes to bed at a quarter to nine. 2. นักเรียนทำ Language Review 4d Ex. 4 ในหนงั สอื เรยี น หน้า 108 รว่ มกันในชน้ั 3. แบบฝกึ หดั (Workbook) หน้า 34 Ex. 1 ให้นักเรียนทำเป็นการบา้ น ช่วั โมงที่ 2 ขน้ั Warm up ครูทบทวนการบอกเวลา โดยเขยี นเวลาเปน็ ตวั เลขบนกระดาน 1:10 10:15 6:00 12:55 7:30 5:15 8:20 2:30 9:45 4:50 ครูให้นกั เรียนแตล่ ะแถวพูดบอกเวลาบนกระดานตามทค่ี รูชี้ โดยให้นักเรยี นแถวอ่ืนชว่ ยตรวจว่าเพอ่ื น พูดบอกเวลาถกู ตอ้ งหรือไม่ ถ้าพดู ถูกต้องใหย้ กนวิ้ โปง้ ขนึ้ แตถ่ า้ พูดผิดให้คว่ำนิ้วโป้งลง ขั้น Presentation 1. ครูทบทวนการถามและบอกเวลา โดยใหน้ ักเรียนใชค้ ำถาม Have you got the time, please? ครสู ุ่มเรยี กนกั เรยี นทีละคูใ่ หพ้ ูดถาม-ตอบตามเวลาทคี่ รูกำหนด 2. ครบู อกนักเรยี นว่า เราสามารถบอกเวลาแบบง่าย ๆ ได้ โดยบอกชวั่ โมงแลว้ ตามด้วยนาที เช่น 10:30 = ten thirty 8:10 = eight ten 6:20 = six twenty 253
จากน้นั ครูเขียนเวลาบนกระดาน หรือปรบั เขม็ นาฬกิ าบนนาฬกิ าจรงิ แล้วถามเวลาดว้ ยสำนวนตา่ ง ๆ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกเวลา ข้ัน Practice 1. หนังสอื เรียน หนา้ 51 Ex. 2 ใหน้ ักเรยี นอ่านประโยคท่กี ำหนดใหพ้ ร้อมกัน แลว้ ชว่ ยกนั อธิบาย ความหมาย หลังจากนั้นครูบอกนกั เรยี นวา่ ประโยคเหล่าน้มี าจากบทสนทนาของเพ่อื น 2 คน ใหน้ ักเรยี นเดาว่าบทสนทนานน้ี า่ จะเกย่ี วกบั เรือ่ งอะไร แล้วครเู ปิด CD ให้นกั เรียนฟังและอา่ น บทสนทนาตามไปด้วยเพ่อื ตรวจคำตอบ 2. หนงั สือเรียน หน้า 51 Ex. 3 นักเรยี นอา่ นคำถามท่ีกำหนดให้ และอ่านบทสนทนาอีกคร้งั เพ่ือหา เนื้อหาสว่ นท่เี ก่ียวข้องกบั คำถาม จากน้นั อ่านใหเ้ ข้าใจและตอบคำถาม แลว้ ครเู ฉลยคำตอบ หลงั จากนนั้ ครูเปิด CD ใหน้ กั เรียนฟงั และอา่ นบทสนทนาพรอ้ มกนั แล้วให้นกั เรียนจับคู่กันฝกึ อ่านบท สนทนาด้วยตนเอง 3. หนังสือเรยี น หน้า 51 Ex. 4 นักเรยี นอ่านประโยค 1-4 แล้วหาประโยคท่ีมีความหมายเหมอื นกบั ประโยคเหลา่ น้ีในบทสนทนา จากนัน้ ครูสุ่มเรียกนกั เรยี นบอกคำตอบ ขนั้ Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 51 Ex. 5 นกั เรยี นทำงานคู่ เลือกสถานการณ์ใดสถานการณ์หน่ึงทกี่ ำหนดให้ แลว้ แต่งบทสนทนา โดยเปล่ยี นคำท่พี มิ พ์สีฟ้าในบทสนทนา Ex. 2 เป็นขอ้ มูลของสถานการณ์ที่ นกั เรยี นเลอื ก เม่ือแต่งบทสนทนาเสร็จแลว้ ครูให้เวลานักเรยี นฝกึ พดู สนทนา จากน้นั ให้แต่ละคูอ่ อกมา พูดสนทนาทห่ี นา้ ชนั้ 2. ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นแต่ละคู่ไปฝกึ อา่ นบทสนทนาในหนงั สอื เรยี น หนา้ 51 ใหค้ ล่อง แลว้ มาอา่ น บทสนทนาให้ครฟู ังนอกเวลาเรียน 3. นักเรยี นทำ Language Review 4d Ex. 5 ในหนังสือเรียน หน้า 108 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หน้า 34 Ex. 4 ให้นกั เรียนทำเป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล วธิ ีการวัด เครือ่ งมือ เกณฑก์ ารผา่ น ประเมนิ การอา่ นออกเสียงบทสนทนา แบบประเมินการอา่ นออกเสียง ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคำถามจากการอา่ น แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 บทสนทนา สังเกตการถามและบอกเวลาในการทำ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ กจิ วัตร ประเมินการแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมนิ การเขียน ระดับคณุ ภาพ พอใช้ สถานการณท์ ีก่ ำหนด ประเมินการพดู สนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดับคณุ ภาพ พอใช้ สถานการณท์ ีก่ ำหนด บทบาทสมมติ สังเกตความใฝ่เรียนรแู้ ละความมุ่งมนั่ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคุณภาพ ผ่าน ในการทำงาน อันพึงประสงค์ 254
8. สือ่ /แหล่งการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรยี น SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสือ่ ฯ ชดุ SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) นาฬิกา 255
5ค่คู ดิ Across the curriculum 4e 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - อา่ นออกเสียงบทกลอนถกู ต้องตามหลักการอา่ นได้ - ตอบคำถามจากการอา่ นบทกลอนได้ - เขียนและพดู แสดงความคดิ เห็นเกยี่ วกับครอบครวั ได้ - แต่งบทกลอนภาษาอังกฤษได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชวี้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสอ่ื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอ่ื งท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อยา่ ง มีเหตผุ ล ตวั ชีว้ ดั ต 1.1 ม. 1/2 อา่ นออกเสียงข้อความ นิทาน และบทรอ้ ยกรอง (poem) ส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ อ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวข้อเรอื่ ง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟงั และ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรอื่ งสนั้ มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรอ่ื งต่าง ๆ โดยการ พูดและการเขียน ตัวชี้วดั ต 1.3 ม. 1/3 พูด/เขียนแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั กจิ กรรมหรือเร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั พรอ้ มทั้งให้ เหตผุ ลสั้น ๆ ประกอบ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การเรยี นรู้องคป์ ระกอบของบทกลอน จะช่วยให้อ่านบทกลอนเขา้ ใจ รบั รู้ความไพเราะ และสามารถ แต่งบทกลอนไดอ้ ย่างถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verb (lives) Nouns (street, heart) Adjectives (glad, far away) Adverbs (near, apart) Phrase (no one more) 256
Pronoun (everybody) Conjunction (whether) 2) Language Skills Reading: อ่านเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ, อ่านบทกลอน Writing: เขียนแสดงความคิดเหน็ ของตนเองเกีย่ วกับครอบครัว, แต่งบทกลอนภาษาองั กฤษ 4. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ใฝ่เรยี นรู้ 2) มุง่ ม่นั ในการทำงาน 6. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ช่วั โมงท่ี 1 ขนั้ Warm up ครเู ตรียมบัตรเวลาไว้ 2 ชดุ ชุดละ 10 ใบ โดยดา้ นหนา้ บัตรเขียนเลขเวลา และดา้ นหลังเขยี นคำอ่าน แล้วแบ่งนักเรียนออกเปน็ 2 ทมี ใหเ้ ลน่ เกมทลี ะทีม โดยครแู สดงบตั รเวลาให้นกั เรียนดูและพดู บอก เวลาโดยใช้ o’clock, haft past, quarter past, quarter to, past และ to ใหไ้ ด้มากทสี่ ุดภายใน เวลา 10 วินาที ทมี ใดพูดบอกเวลาได้มากทสี่ ุดจะเปน็ ผ้ชู นะ ขนั้ Pre-reading 1. ครูเขียนคำว่า poem (บทกลอน) บนกระดาน ให้นกั เรยี นอ่านออกเสยี งและบอกความหมาย แล้วครู อธิบายว่าบทกลอนจะตอ้ งมีคำสัมผัส หรอื rhyme ครเู ขียนคำว่า rhyme บนกระดาน แล้วให้นกั เรียน บอกลกั ษณะของคำสมั ผสั โดยครูชว่ ยด้วยการยกตัวอยา่ ง เชน่ see - me, two - you, go - no จากน้นั ครสู รุปใหฟ้ งั วา่ คำสัมผัสคอื คำท่มี เี สยี งสระและเสยี งตวั สะกดเหมอื นกัน 2. ครนู ำเสนอคำศพั ทเ์ กี่ยวกับลกั ษณะของครอบครวั โดยวาดวงกลม 3 วงบนกระดานตามน้ี พรอ้ มทง้ั เขยี นคำศพั ท์ใตว้ งกลม พอ่ /แม่ + พ่อ + แม่ พอ่ + แม่ + ลูก ลกู + ลกู + ป่ ู + ยา่ + ลงุ single parent family nuclear family extended family ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสยี งคำศัพท์ตามครคู ำละ 2 ครง้ั จากน้ันชว่ ยกนั บอกลกั ษณะครอบครวั แตล่ ะแบบ single parent family (n) = a family that a husband or wife takes care of their children without a partner (ครอบครัวทม่ี พี อ่ หรือแมเ่ พยี ง คนเดยี ว เล้ยี งดูลกู ) 257
nuclear family (n) = a family that consists of father, mother and children (ครอบครัวเดีย่ ว หรือครอบครวั ทมี่ ีพอ่ แม่ และลูก) extended family (n) = family group that consists not only of parents and children but also of grandparents, uncles, aunts etc. (ครอบครัวขยาย หรือครอบครวั ทีม่ พี ่อ แม่ ลกู และญาติ ๆ อยู่ รว่ มกัน) 3. หนังสือเรียน หน้า 52 Ex. 1a ครเู ขยี นคำถาม What type of family is yours? How many people are there in your family? Who are they? บนกระดาน แลว้ ให้นักเรยี นจบั คู่กัน ดูภาพ ครอบครัว และพูดถาม-ตอบคำถามบนกระดาน จากน้นั ครูสมุ่ ถามคำถามนักเรียน 3-4 คน 4. ใหน้ ักเรยี นอ่านคำศัพทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สอื เรยี น หน้า 52 แลว้ ชว่ ยกันบอก ความหมาย ถ้าคำใดไม่รใู้ ห้เปิดหาในพจนานกุ รม เช่น far away (adj) = distant; a long distance away (ห่างไกล) whether (conj)= used to express a doubt or choice between two possibilities (ไม่วา่ จะ) apart (adv) = not together; separate or separately (แยกจาก) ขัน้ Reading หนังสอื เรียน หน้า 52 Ex. 1b นกั เรียนอ่านรายการบุคคลทก่ี ำหนดให้ แลว้ ครูเปิด CD ใหน้ กั เรียนฟัง และอา่ นบทกลอนเพ่ือหาวา่ บุคคลเหลา่ นี้มลี ักษณะครอบครัวแบบใด ขั้น Post-reading 1. หนังสือเรียน หน้า 52 Ex. 3 ใหน้ ักเรียนตอบคำถามว่าผแู้ ตง่ บทกลอนนีค้ ิดวา่ ครอบครวั คืออะไร จากนั้นเขียนแสดงความคิดเหน็ ของตนเองเก่ยี วกบั ครอบครวั โดยข้ึนตน้ ประโยคว่า “My family is important to me because …” จากน้นั ครูสมุ่ เรยี กนกั เรียน 3-5 คน พดู ความคดิ เหน็ ของตนเองให้ เพอื่ นฟัง 2. ครมู อบหมายให้นักเรียนไปฝึกอา่ นบทกลอนในหนังสอื เรยี น หนา้ 52 ใหค้ ล่อง แล้วมาอา่ นใหค้ รูฟัง นอกเวลาเรยี น 3. แบบฝกึ หัด (Workbook) หนา้ 34 Ex. 2 ใหน้ ักเรยี นทำเปน็ การบ้าน ชว่ั โมงท่ี 2 ขั้น Warm up นกั เรยี นเล่นเกม Beginning with โดยครแู บ่งนกั เรยี นออกเปน็ 2 ทีม แล้วให้แต่ละทีมชว่ ยกันบอก คำศพั ท์เกยี่ วกับสมาชิกในครอบครัวท่ขี น้ึ ต้นดว้ ยตัวอักษรทคี่ รูบอก เชน่ T: Can you tell me a family member beginning with S? Team A Team A: Sister T: Can you tell me a family member beginning with U? Team B Team B: Uncle 258
ขนั้ Presentation 1. ครูทบทวนเรอ่ื งคำสมั ผัสในบทกลอน โดยใหน้ กั เรยี นบอกลกั ษณะของคำสมั ผัส จากนนั้ ช่วยกัน ยกตัวอยา่ งคำสมั ผัส เช่น ring - sing, do - to, cat - bat 2. ครูเขียนคำวา่ verse บนกระดาน ให้นักเรยี นอา่ นออกเสยี งตามครู แลว้ ครูอธบิ ายความหมาย verse (n) = a group of lines that form a unit in a poem (บท) จากนน้ั ครูยกตวั อยา่ งบทกลอนเพ่ือใหน้ ักเรยี นเข้าใจมากข้ึน “All hail!” the bells of Christmas rang, “All hail!” the monks at Christmas sang, 1 verse The merry monks who kept with cheer The gladdest day of all their year. But still apart, unmoved thereat, A pious elder brother sat 1 verse Silent, in his accustomed place, With God’s sweet peace upon his face. ทีม่ า: https://www.poets.org/poetsorg/poem/mystics-christmas ขั้น Practice 1. ครูแจก worksheet 1 ให้นักเรยี นทกุ คน (อยทู่ ้ายแผน ฯAcross the curriculum 4e) ใหน้ ักเรยี นดู บทกลอน แลว้ ครถู ามวา่ How many verse are there? (Four) จากน้ันนกั เรยี นอา่ นบทกลอนเพ่อื หา คำสัมผัส แล้วครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคำสมั ผัสในบทกลอน 2. หนงั สอื เรียน หนา้ 52 Ex. 2 ครเู ปดิ CD ใหน้ กั เรยี นฟงั และอา่ นบทกลอนตามไปด้วย เม่อื อ่านจบครู ถามวา่ How many verse are there? (Four) แลว้ ให้นกั เรียนหาคำสมั ผัสในกลอนแตล่ ะบท และ ช่วยกันบอกคำสัมผัสทพี่ บ จากน้นั ครถู ามว่ากลอนบทใดทไี่ มม่ ีคำสัมผัส ขัน้ Production 1. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็นกลุ่ม กลุม่ ละ 4-5 คน ให้แตล่ ะกลมุ่ แตง่ บทกลอนภาษาอังกฤษ 1 บท กอ่ น ทำงานครูให้นกั เรยี นระดมสมองคิดหวั ขอ้ บทกลอนที่จะแตง่ เช่น ทะเล ตน้ ไม้ ท้องฟ้า กีฬา แลว้ ครู เขียนหัวข้อบนกระดาน จากนนั้ ให้แต่ละกลุ่มเลอื ก 1 หวั ขอ้ เพอ่ื นำไปแต่งบทกลอน ครูใหเ้ วลาแตง่ บท กลอน และยำ้ ว่านกั เรียนตอ้ งแตง่ บทกลอนใหม้ คี ำสัมผัส เมื่อแตง่ บทกลอนเสร็จแลว้ ครูให้แต่ละกลุ่ม ออกมาอา่ นใหเ้ พอ่ื นฟังท่หี น้าชัน้ 2. นักเรียนทำ Vocabulary Bank 4 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 94-97 7. การวัดและการประเมินผล วิธีการวดั เครอ่ื งมือ เกณฑก์ ารผ่าน ประเมินการอา่ นบทกลอน แบบประเมินการอ่านออกเสยี ง ระดับคณุ ภาพ พอใช้ ตรวจการเขียนแสดงความคดิ เหน็ ของ สมดุ นักเรียน - ตนเองเกย่ี วกบั ครอบครัว ประเมินการแต่งบทกลอนภาษาอังกฤษ แบบประเมินการเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มั่นใน แบบประเมินคณุ ลักษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น การทำงาน อนั พงึ ประสงค์ 259
8. ส่อื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1) หนังสอื เรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่อื ฯ ชดุ SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-อังกฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) บตั รเวลา 7) Worksheet 1 260
6 Writing 4f 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคำถามจากการอา่ นได้ - พดู แลกเปลยี่ นข้อมูลเก่ียวกับนกั รอ้ งทช่ี ่ืนชอบได้ - พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั นกั รอ้ งที่ช่นื ชอบได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนร้/ู ตัวช้วี ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเรือ่ งท่ฟี ังและอ่านจากส่อื ประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อยา่ งมีเหตผุ ล ตวั ช้วี ดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสำคญั (main idea) และตอบคำถามจากการฟงั และ อา่ นบทสนทนา นทิ าน และเรือ่ งสัน้ มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนข้อมูลขา่ วสาร แสดงความรูส้ กึ และ ความคิดเห็นอยา่ งมีประสิทธภิ าพ ตัวชวี้ ัด ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นข้อมลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจำวนั มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มลู ขา่ วสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเรือ่ งตา่ ง ๆ โดยการ พูดและการเขียน ตวั ชวี้ ัด ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกยี่ วกบั ตนเอง กจิ วตั รประจำวัน ประสบการณ์ และส่งิ แวดลอ้ ม ใกลต้ วั สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจา้ ของ ภาษากบั วัฒนธรรมไทยและนำมาใช้อยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม ตวั ชีว้ ดั ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้ เครือ่ งหมายวรรคตอน และการลำดับคำตามโครงสรา้ งประโยคของภาษาตา่ งประเทศ และภาษาไทย สาระที่ 4 ภาษากับความสมั พนั ธ์กับชุมชนและโลก 261
มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาตา่ งประเทศเปน็ เครือ่ งมือพ้นื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชพี และการ แลกเปลีย่ นเรียนรู้กับสงั คมโลก ตัวช้วี ัด ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /ค้นคว้าความร/ู้ ข้อมูลตา่ ง ๆ จากสอื่ และแหลง่ การ เรยี นรตู้ า่ ง ๆ ในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้โครงสรา้ งของอีเมลและการแบง่ ย่อหนา้ จะช่วยให้สามารถเขียนส่อื สารไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง และมีประสิทธภิ าพ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (write, eat) Nouns (blog, voice, dog, pet, meat, vegetables) Grammar: Word order Functions: Talking about favourite singer Who is your favoutite singer? Shakira is my favourite singer. 2) Language Skills Reading: อา่ นเพอ่ื หาข้อมูลเฉพาะ Speaking: พูดขอและใหข้ ้อมูลเก่ียวกบั นกั รอ้ งทช่ี ื่นชอบ Writing: เขยี น blog เกย่ี วกบั นักรอ้ งทีช่ ื่นชอบ 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1) ความสามารถในการสือ่ สาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. ครูนำภาพนักร้องทีค่ รชู ื่นชอบมาแสดงให้นักเรียนดู และถามนักเรียนวา่ Do you know her/him? Who is she/he? แลว้ ครูบอกนักเรยี นวา่ (Beyoncé Knowles) is my favourite singer. 2. ครูถามนักเรยี นว่า Do you like listening music? Who is your favourite singer? What is your favourite song? 262
ขน้ั Presentation 1. ครูเขียนคำว่า blog บนกระดาน และอธบิ ายวา่ blog คอื เวบ็ ไซด์ท่ีให้บริการบันทึกขอ้ มลู ส่วนตัว โดย อาจจะเป็นขอ้ ความ ความคิดเหน็ รูปภาพ หรือเสียงเพลง ซึ่งบุคคลทวั่ ไปสามารถเขา้ มาเย่ยี มชมและ ใสค่ วามคดิ เหน็ สว่ นตัวตอ่ เจ้าของบนั ทึกได้ 2. นกั เรยี นอา่ นคำศัพทใ์ นกรอบ Check these words หนังสือเรยี น หน้า 53 แล้วชว่ ยกนั อธบิ าย ความหมาย ขน้ั Practice 1. หนังสอื เรียน หน้า 53 Ex. 1 ใหน้ กั เรยี นดขู อ้ ความ และคดิ ว่าขอ้ ความนีค้ ืออีเมลหรอื blog จากนั้น ให้นักเรียนอา่ นช่ือเรือ่ ง และเดาว่าข้อความนี้นา่ จะเก่ียวกับเรือ่ งอะไร แลว้ ครูเปิด CD ให้นักเรียนฟงั และอา่ นข้อความตามไปดว้ ยเพื่อตรวจว่านกั เรียนคาดเดาถกู ต้องหรือไม่ 2. หนังสอื เรียน หนา้ 53 Ex. 2 นักเรยี นอา่ นคำถามทใ่ี ห้มา แลว้ ช่วยกนั พิจารณาว่าคำตอบแต่ละข้อ น่าจะตอบอะไร เช่น ขอ้ 1 - ช่อื ประเทศ, ขอ้ 2 - อาชีพ เปน็ ต้น จากนั้นให้นกั เรียนอา่ นข้อความใน Ex. 1 อกี ครงั้ เพ่ือหาคำตอบ เมือ่ ตอบคำถามเสร็จแล้วครขู ออาสมคั รบอกคำตอบ และครตู รวจคำตอบ ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หนา้ 53 Ex. 4 ใหน้ ักเรยี นนึกถงึ นกั รอ้ ง 1 คน ทตี่ นเองชื่นชอบ แล้วอ่านคำถามท่ี กำหนดให้ จากนนั้ ให้นกั เรียนรวบรวมขอ้ มูลของนกั ร้องคนดังกลา่ วจากอินเทอรเ์ นต็ หรอื นติ ยสารเพื่อ นำมาตอบคำถาม 2. แบบฝกึ หัด (Workbook) หนา้ 35 Exs. 1, 3 ให้นกั เรียนทำเป็นการบ้าน ชัว่ โมงท่ี 2 ขน้ั Warm up ครูเปดิ เพลงของ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ให้นกั เรียนฟงั 1-2 เพลง แลว้ ครถู ามนกั เรียนว่าเคยไดย้ นิ เพลงเหลา่ น้ีหรือไม่ ชือ่ เพลงอะไรบ้าง และใครเป็นคนรอ้ ง ขั้น Pre-writing 1. ครูเขียนประโยคบนกระดานตามน้ี 1) Mark eats some bread. 2) He can’t play the guitar. 3) Does he like football? ใหน้ ักเรียนสังเกตตำแหนง่ ของประธานในแต่ละประโยค และบอกครูว่าประธานอยใู่ นตำแหนง่ ใด (ประโยค 1 อยู่ขา้ งหนา้ คำกริยาหลัก ประโยค 2 อยขู่ ้างหน้ากริยาช่วย ประโยค 3 อยู่ข้างหลัง กริยาชว่ ย) ครอู ธบิ ายว่า การเรยี งลำดับคำในประโยคภาษาอังกฤษ สำหรบั ประโยคบอกเลา่ และปฏิเสธประธานจะ อยหู่ นา้ คำกรยิ าหลกั ถา้ ในประโยคมีกรยิ าชว่ ย ประธานจะอย่หู นา้ กรยิ าชว่ ย สว่ นประโยคคำถาม ประธานจะอยู่หลังกริยาชว่ ย 2. ครูให้นกั เรียนเปรียบเทยี บการเรยี งลำดับคำในประโยคบอกเลา่ ปฏเิ สธ และคำถามในภาษาไทยกับ ภาษาอังกฤษว่าเหมอื นหรือแตกต่างกันอยา่ งไร (ประโยคบอกเล่าและปฏเิ สธภาษไทยมกี ารเรยี งลำดับ 263
คำ คอื ประธาน กริยา กรรม เชน่ เดียวกบั ภาษาอังกฤษ แตแ่ ระโยคคำถามภาษาไทยจะวางคำแสดง คำถามไวท้ า้ ยประโยค ซึง่ ต่างจากภาษาอังกฤษทใี่ ช้ขน้ึ ต้นประโยค) 3. นักเรียนอา่ น Study Skills หนงั สือเรยี น หน้า 53 เพื่อทบทวนการเรยี งลำดบั คำในประโยค ครอู าจจะ ยกตัวอย่างประโยคเพิม่ เติม เชน่ Anna gets up at six o’clock. She can play the violin. 4. หนงั สือเรียน หน้า 53 Ex. 3 ใหน้ กั เรยี นเรียงลำดับคำทก่ี ำหนดให้เป็นประโยคท่ีถูกตอ้ ง เสรจ็ แล้วครู สุม่ เรยี กนักเรยี นออกมาเขียนประโยคบนกระดาน และให้นกั เรียนในช้นั ช่วยกันตรวจความถกู ต้อง 5. ใหน้ ักเรยี นจบั คู่ ผลดั กันพดู ถาม-ตอบเก่ยี วกับนกั รอ้ งที่ตนเองชน่ื ชอบ โดยใช้คำถามและคำตอบจาก Ex. 4 ครเู ดินสงั เกตการทำกิจกรรมรอบ ๆ ช้ันเรียน แล้วสมุ่ เรยี กนักเรียน 3-4 คู่ ออกมาพูดถาม-ตอบ ท่ีหนา้ ชน้ั 6. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สอื เรียน หน้า 53 Ex. 5 ว่า นักเรียนจะไดใ้ ชค้ ำตอบจาก Ex. 4 มาเขยี น blog เกย่ี วกับนกั รอ้ งทต่ี นเองชนื่ ชอบตามโครงรา่ งท่ีกำหนดให้ ความยาว 50-70 คำ 7. นักเรียนดูโครงร่างการเขียนอเี มลใน Ex. 5 แลว้ บอกวา่ มกี ่ยี ่อหน้า (2 ยอ่ หนา้ ) ใหน้ ักเรียนช่วยกันระบุ วา่ แตล่ ะยอ่ หน้าตอ้ งเขยี นอะไร ยอ่ หนา้ ท่ี 1 นักร้องท่ีชืน่ ชอบ สญั ชาติของนักรอ้ งท่ีชนื่ ชอบ เพลงทต่ี นเองชอบ ย่อหน้าที่ 2 ข้อมลู ของนักรอ้ ง เชน่ ความสามารถ ครอบครัว ส่ิงทชี่ อบฝไมช่ อบ ข้นั Writing หนงั สอื เรยี น หน้า 53 Ex. 5 นักเรยี นเขยี น blog เก่ยี วกับนกั ร้องที่ตนเองชื่นชอบตามโครงสรา้ งท่ี กำหนดให้ โดยใช้คำตอบจาก Ex. 4 ครแู นะนำให้นักเรียนดู blog ใน Ex. 1 เป็นตน้ แบบได้ ขน้ั Post-writing 1. นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดกู ารสะกดคำ ไวยากรณ์ การใช้ capital letters การใช้ เครือ่ งหมายวรรคตอน ย่อหนา้ และปรับแก้งานเขียนใหเ้ รียบร้อย โดยครแู จกกระดาษ A4 ใหน้ ักเรียน คนละ 1 แผน่ ให้นักเรยี นลอกงานเขียนทีแ่ กไ้ ขเรยี บร้อยแล้วลงในกระดาษ และวาดภาพตกแตง่ เพ่อื เพ่มิ ความนา่ สนใจ โดยอาจจะติดภาพนกั รอ้ งด้วยกไ็ ด้ เมอ่ื ทำงานเสร็จแล้วครสู ุ่มเรียกนักเรียน 2-3 คน ออกมาอ่านใหเ้ พอื่ นฟังที่หนา้ ชน้ั แลว้ นักเรียนรวบรวมผลงานส่งครตู รวจ 2. นกั เรยี นทำ Self-Check 4 ในหนงั สอื เรยี น หนา้ 116 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หน้า 35 Exs. 2, 4 ให้นักเรียนทำเป็นการบ้าน 7. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวัด เครอ่ื งมือ เกณฑ์การผ่าน ตรวจการตอบคำถามเกี่ยวกับนักร้องท่ี สมดุ นักเรียน - ช่นื ชอบ สังเกตการเปรียบเทยี บการเรียงลำดับ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ คำในประโยคภาษาองั กฤษกับ ภาษาไทย สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูลเก่ยี วกบั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ นักร้องท่ีช่นื ชอบ ประเมินการเขียน blog เกีย่ วกับ แบบประเมนิ การเขยี น ระดับคุณภาพ พอใช้ นกั ร้องทีช่ ื่นชอบ 264
สังเกตความใฝเ่ รยี นร้แู ละความม่งุ มัน่ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ในการทำงาน อันพงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหลง่ การเรียนรู้ 1) หนงั สอื เรยี น SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชดุ SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) ภาพนกั รอ้ ง 5) เพลง 265
7 ASEAN corner 4 1 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคำถามจากการอ่านได้ - พดู แลกเปล่ยี นข้อมลู เกย่ี วกับขนบธรรมเนียมของไทยได้ - บอกวธิ ีทักทายของชาวตะวันตกได้ - คน้ ควา้ เก่ยี วกับวิธีการทักทายของประเทศในกล่มุ ประชาคมอาเซียนและเขียนนำเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู/้ ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่อื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรอ่ื งทฟี่ ังและอ่านจากสือ่ ประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ชวี้ ัด ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสอ่ื สารทางภาษาในการแลกเปล่ียนขอ้ มูลขา่ วสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสทิ ธภิ าพ ตวั ชีว้ ดั ต 1.2 ม. 1/5 พูดและเขยี นแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเกย่ี วกับเร่ืองต่าง ๆ ใกล้ตวั กจิ กรรมต่าง ๆ พรอ้ มท้งั ใหเ้ หตผุ ลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นำเสนอขอ้ มูลขา่ วสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องตา่ ง ๆ โดยการ พูดและการเขียน ตัวชี้วัด ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขียนสรปุ ใจความสำคญั /แกน่ สาระ (theme) ทไี่ ด้จากการวเิ คราะห์เรอ่ื ง/ เหตุการณ์ทอ่ี ยู่ในความสนใจของสังคม สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนำไปใช้ได้อยา่ ง เหมาะสมกับกาลเทศะ ตัวชว้ี ดั ต 2.1 ม. 1/2 บรรยายเก่ียวกับเทศกาล วันสำคัญ ชวี ิตความเป็นอยู่ และประเพณขี องเจา้ ของภาษา สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธก์ บั กลมุ่ สาระการเรียนร้อู น่ื มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาตา่ งประเทศในการเช่อื มโยงความรู้กับกลุ่มสาระการเรยี นร้อู นื่ และเปน็ พนื้ ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิดโลกทัศนข์ องตน 266
ตัวชีว้ ัด ต 3.1 ม. 1/1 ค้นคว้า รวบรวม และสรปุ ข้อมูล/ขอ้ เท็จจริงที่เกีย่ วข้องกับกลมุ่ สาระการเรียนรอู้ นื่ จาก แหล่งการเรยี นรู้ และนำเสนอด้วยการพูด/การเขยี น 2. สาระสำคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้เก่ยี วกบั วิธีทกั ทายของประเทศต่าง ๆ จะชว่ ยให้สามารถทกั ทายไดอ้ ย่างถกู ตอ้ งและ เหมาะสม เม่ือต้องไปเยือนหรือตดิ ต่อกับคนต่างชาติ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (greet, bow, pray) Nouns (custom, palm, chest, status) Adjective (similar) Functions: Talking about customs Is it important to follow a country’s customs when you visit there? Yes. Maybe you do something that is rude to local people. 2) Language Skills Speaking: พูดสนทนาเกี่ยวกบั ขนบธรรมเนยี มของไทย Reading: อา่ นเพอื่ หาข้อมูลเฉพาะ Writing: เขยี นอธิบายวธิ ที กั ทายของประเทศในกลมุ่ ประชาคมอาเซยี น 4. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1) ความสามารถในการสอื่ สาร 2) ความสามารถในการใช้คิด 3) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 4) ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝเ่ รียนรู้ 2) รักความเป็นไทย 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั Warm up 267
1. ครพู ดู ทักทายนักเรยี นว่า How’s it going? ครเู ขียนประโยคน้บี นกระดาน พรอ้ มประโยคคำตอบ เช่น I’m good./I’m OK./So so./Not (too) bad. แลว้ ครูทักทายนกั เรียนอกี ครง้ั เป็นรายบุคคล จากน้ัน ให้นักเรียนพูดทกั ทายกับเพ่ือนทนี่ ั่งข้าง ๆ 2. ครูถามนักเรียนวา่ Can you tell me the way of greeting? How do Thai people greet? Do you know what countries do the same greeting as Thai? ข้นั Pre-reading 1. ครเู ขยี นคำศัพท์ greet, similar, custom, palm, bow, chest, pray, status บนกระดาน ให้ นักเรียนอา่ นตามครพู ร้อมกนั จากน้นั แข่งกนั เปดิ หาความหมายในพจนานุกรม greet (v) = to say hello to somebody or to welcome them (ทักทาย) similar (adj) = like somebody/something but not exactly the same (เหมอื นกนั / คลา้ ยกัน) custom (n) = an accepted way of doing thing in a society or a community (ประเพณ/ี ธรรมเนยี มปฏิบตั )ิ palm (n) = the inside surface of your hand (ฝ่ามือ) bow (v) = to move your head or the top half of your body forwards and downwards as a sign of respect or to say hello or goodbye (คำนบั ) chest (n) = the top part of the front of the body, between the neck and the stomach (หนา้ อก) pray (v) = to speak to God, especially to give thanks or ask for help (สวด มนต์, ภาวนา) status (n) = the position that you have in relation to other people because of your job or social position (สภาพ/สถานะ) 2. หนงั สือเรยี น หน้า 54 Ex. 1 ครถู ามนกั เรยี นวา่ เคยไดย้ นิ สภุ าษติ น้หี รอื ไม่ “When in Rome, do as the Roman do” ใหน้ ักเรยี นเดาความหมาย จากนั้นนกั เรยี นสดงความคิดเห็นว่าเหน็ ดว้ ยกบั สุภาษติ น้ีหรือไม่ 3. ครูให้นักเรยี นชว่ ยกันคิดวา่ มสี ุภาษิตไทยทีม่ ีความหมายคล้ายกับสภุ าษติ นี้หรอื ไม่ (เขา้ เมืองตาหลว่ิ ต้องหลวิ่ ตาตาม) ขน้ั Reading หนงั สอื เรียน หน้า 54 Ex. 2 นกั เรยี นอา่ นคำถามท่ใี ห้มา ครูตรวจสอบว่าทกุ คนเข้าใจคำถาม แล้วให้ นกั เรียนอ่านบทอ่านเพือ่ หาเน้ือเรอื่ งสว่ นทเ่ี กยี่ วข้องกบั คำถาม เม่ือพบแล้วใหอ้ ่านประโยคหรือ ข้อความที่คำถามนน้ั พาดพงิ ไปถึง เมอ่ื เขา้ ใจแล้วจึงตอบคำถามที่ให้มา ขนั้ Post-reading 1. ครถู ามนกั เรยี นว่าชาวตะวนั ตกมีวิธีทกั ทายกนั อยา่ งไรบ้าง ใหน้ กั เรียนช่วยกนั คดิ เช่น การจับมือ การ กอด การหอมแกม้ แล้วครบู อกนกั เรียนวา่ การจบั มอื เป็นวธิ ีการทกั ทายท่เี ป็นสากลซง่ึ ชาวตะวันตกใช้ ทกั ทายกัน 268
ตอ่ มาครถู ามนักเรียนว่า คนไทยมีวิธีการทักทายอยา่ งไร เมื่อไดค้ ำตอบว่า การไหว้ ครูถามตอ่ ไปว่า วธิ ีการไหว้พระกับไหวพ้ อ่ แม่แตกต่างกันหรอื ไม่ จากน้ันให้นักเรียนชว่ ยกนั บอกวธิ ไี หว้แบบต่าง ๆ ของ ไทย 2. หนังสือเรียน หน้า 54 Ex. 3 นกั เรยี นอา่ นคำถามพร้อมกนั ถา้ มคี ำถามขอ้ ใดท่นี ักเรยี นไม่เขา้ ใจ ให้ ครูชว่ ยอธิบาย จากนนั้ ใหน้ กั เรียนจับคู่กันอภิปรายคำถามเหลา่ นี้ หรือครอู าจให้นักเรียนอภิปรายเป็น กลมุ่ 3. หนงั สือเรียน หน้า 54 Ex. 4 ให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่ม กลุม่ ละ 3-4 คน ค้นควา้ ขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เนต็ เกี่ยวกบั วิธกี ารทกั ทายของประเทศในกลุม่ ประชาคมอาเซียน โดยเลอื กมา 1 ประเทศ แล้วนำข้อมลู มา เขยี นบรรยาย นกั เรียนอาจจะหาภาพมาตดิ ประกอบดว้ ยก็ได้ จากนนั้ ให้แต่ละกลุ่มนำเสนอที่ หน้า ชน้ั เรยี น 7. การวัดและการประเมินผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑก์ ารผ่าน ตรวจการตอบคำถามจากการอา่ น สมดุ นักเรียน รอ้ ยละ 60 สงั เกตการพูดอธบิ ายวธิ การไหว้ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดับคุณภาพ พอใช้ ของไทย ประเมนิ การคน้ คว้าวธิ ีทกั ทายของ แบบประเมนิ การสำรวจ/คน้ คว้า ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ประเทศในกลุม่ ประชาคมอาเซยี นและ เขียนนำเสนอ สงั เกตความใฝเ่ รียนรู้และการรกั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดับคณุ ภาพ ผา่ น ความเป็นไทย อันพงึ ประสงค์ 8. ส่อื /แหลง่ การเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) พจนานุกรมองั กฤษ-อังกฤษ 3) พจนานกุ รมออนไลน์ 4) อินเทอร์เน็ต 269
8 O-NET practice & Fun time 4 1 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ทบทวนคำศพั ทแ์ ละไวยากรณท์ ีเ่ รียนมาแลว้ ในหนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 4 - เขียน quiz เกีย่ วกบั เน้อื หาทีเ่ รยี นมาแล้วได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู/้ ตัวชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสอ่ื สาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่อื งทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล ตวั ชีว้ ัด ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวข้อเร่ือง (topic) ใจความสำคัญ (main idea) และตอบคำถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหวา่ งภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนำไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตัวชีว้ ดั ต 2.1 ม. 1/3 เข้าร่วม/จัดกิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ 2. สาระสำคัญ/ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจคำศัพท์ โครงสรา้ งภาษา ช่วยใหพ้ ูด/เขียนสอื่ สาร และเข้าร่วมกจิ กรรมทางภาษาได้ อย่างเหมาะสม 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: คำศพั ท์ในหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 Grammar: ไวยากรณ์ในหนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 2) Language Skills Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขียน quiz เก่ียวกับเน้ือหาทเี่ รยี นมาแล้ว 4. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 270
5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - มุ่งมน่ั ในการทำงาน 6. กิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ Warm up ให้นกั เรียนเลน่ เกม Beginning with โดยแบ่งนักเรยี นออกเป็น 2 ทีม จากน้นั ครูอธิบายวา่ ให้นกั เรยี น ช่วยกันบอกคำศัพทเ์ กย่ี วกบั สมาชิกในครอบครวั หรืออาชพี ทีข่ ้ึนตน้ ดว้ ยตัวอกั ษรทคี่ รบู อก ขั้น Presentation 1. ให้นกั เรยี นบอกไวยากรณ์ท่เี รยี นในหน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 แล้วครเู ขียนบนกระดานในรูปของ mind map จากน้นั ใหน้ กั เรยี นชว่ ยกนั บอกโครงสร้างและหลกั การใช้ 2. ครเู ขยี นประโยคตามนี้บนกระดาน ใหน้ ักเรยี นอา่ นและเปลี่ยนคำกรยิ าในวงเล็บใหอ้ ยใู่ นรูป Present simple ใหถ้ ูกตอ้ ง จากน้นั ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี นออกมาเขียนคำตอบ แลว้ ครูตรวจความถกู ตอ้ ง I like …… (drink) some milk. My father …… (wash) his car on Sundays. The children hate …….. (eat) vegetables. Jane …….. (go) to bed at 9:30. We …….. (walk) to school every day. I …….. (not get up) early on weekend. It …….. (rain) a lot in rainy season. Pete …….. (not play) tennis on Monday. ข้ัน Practice 1. หนงั สอื เรียน หน้า 56 Ex. 1 นกั เรยี นเล่นเกม Family Riddles! โดยเลน่ เปน็ คู่ ครใู หแ้ ต่ละคู่อา่ นคำ ใบ้แลว้ เขียนคำตอบ คูใ่ ดทำเสรจ็ ก่อนครใู ห้เปน็ ผู้เฉลยคำตอบ 2. หนงั สอื เรียน หนา้ 56 GAME ให้นักเรยี นจับคู่กันเพอ่ื เลน่ เกม โดยใหค้ นหนงึ่ ทำท่าทางบอกใบก้ ิจวัตร ประจำวนั และให้อีกคนหนงึ่ ทายวา่ ค่ขู องตนทำกิจวตั รประจำวันอะไร เชน่ A: (ทำท่าตื่นนอน และชูน้ิว 7 น้ิว) B: You get up at 7 o’clock. 3. หนงั สือเรยี น หนา้ 56 Ex. 2 นกั เรียนทำ quiz โดยห้ามเปดิ ดเู นือ้ หา เสรจ็ แลว้ ให้นักเรียนเปรียบเทยี บ คำตอบกับเพื่อน จากนัน้ ครเู ฉลยคำตอบ 4. หนงั สือเรยี น หน้า 56 Ex. 4 ครูเปดิ CD ใหน้ ักเรียนฟังเพลงและขดี เส้นใตก้ จิ วัตรประจำวันใน เน้อื เพลงดว้ ย เม่อื ฟงั เพลงจบใหน้ กั เรยี นเปรียบเทียบกิจวตั รประจำวันของตนเองกับของนักร้องว่ามี อะไรทเ่ี หมอื นกนั บา้ ง แลว้ ครูสมุ่ เรียกนกั เรียน 2 คน บอกกจิ วัตรประจำวันท่เี หมอื นกับของนักรอ้ ง 6. หนงั สือเรียน หน้า 55 O-NET practice ครูใหเ้ วลานกั เรียนทำข้อสอบ เสรจ็ แล้วตรวจคำตอบ รว่ มกนั ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ให้ครอู ธบิ ายเพม่ิ เติม 271
ข้นั Production หนังสือเรยี น หน้า 56 Ex. 3 นักเรยี นจบั ค่กู นั แลว้ ครูแจกกระดาษให้คลู่ ะ 1 แผ่น ให้แตล่ ะคู่คดิ คำถาม quiz 6-8 ข้อ เกยี่ วกบั เน้ือหาในหนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เช่น What is the word for your mother’s brother? (uncle) ครใู หน้ ักเรยี นเปดิ ดูเนอ้ื หาได้ และใหน้ ักเรียนเขียนคำตอบไวด้ า้ นหลัง กระดาษ เมอ่ื ทกุ ค่คู ิดคำถามเสร็จแล้วใหแ้ ลกกนั ทำ quiz กับคู่อืน่ 7. การวดั และการประเมินผล วธิ ีการวัด เครอ่ื งมอื เกณฑ์การผา่ น ตรวจการเขยี น quiz เกยี่ วกับเน้อื หา - รอ้ ยละ 60 ในหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 สงั เกตความม่งุ ม่นั ในการทำงาน แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน อนั พงึ ประสงค์ 8. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1) หนังสือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสอื่ ฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 272
Search
Read the Text Version
- 1 - 48
Pages: