คณติ ศาสตร์ ม.1 พืน้ ฐาน เทอม 2 : คอู่ นั ดบั และกราฟ 89 5. จงหาพิกดั ของจุด A,B,C,D,E ,F ,G และ H จากรูปท่กี าำ หนดให้ y D A (1,3) AB EC G Bx D H E C F G F H 6. จงลงจุดต่อไปน้บี นระนาบ A (-3,5) , B 3 1 , −1 , C (-5,2) , D −1 1 , 3 2 2 และ E (-5,0) y x
90 คณติ ศาสตร์ ม.1 พนื้ ฐาน เทอม 2 : ค่อู นั ดับและกราฟ 2. กราฟและการนําไปใช้ เคยทราบมาแลว้ วา่ เม่ือมคี วามสัมพนั ธ์ระหว่างปรมิ าณสองกลุ่ม เราสามารถแสดงความสัมพนั ธ์ ได้โดยใช้กราฟ และเม่ือมีกราฟแสดงความสมั พันธร์ ะหว่างปรมิ าณสองกลมุ่ เราสามารถหาพกิ ัดของจุดทอี่ ยู่ บนกราฟนนั้ ได้ ดังตวั อย่างต่อไปน้ี จาำ นวนปลากัด (ตัว) 1 2 3 4 5 6 ราคาปลากดั (บาท) 5 10 15 20 25 30 ตัวอย่างท่ี 1 จงเขียนกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหว่างจาำ นวนปลากัด และราคาปลากัดจาก ตารางที่กำาหนดใหต้ ่อไปน้ี วิธีทาำ จากตาราง เขียนคู่อนั ดับแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจาำ นวนปลากดั และราคาปลากัดไดด้ งั น ้ี (1,5) , (2,10) , (3, 15) , (4, 20) , (5,25) และ (6,30) เมื่อกำาหนดให้แกน x แสดงจำานวนปลากดั และแกน y แสดงราคาปลากดั กราฟแสดงความ สมั พันธ์ของจาำ นวนปลากัดและราคาปลากัด คอื จุด A,B,C,D,E และ F ราคาปลากดั (บาท) 30 F E 20 D จาำ นวนปลากดั (ตวั ) C B 10 A 0
คณติ ศาสตร์ ม.1 พ้ืนฐาน เทอม 2 : คอู่ ันดบั และกราฟ 91 จาก ตวั อย่างท่ี 1 เนือ่ งจากจาำ นวนปลากดั และราคาปลากดั เป�นจาำ นวนบวก กราฟของความ สมั พนั ธจ์ งึ อยูใ่ น จตภุ าคท่ี 1 เทา่ น้นั ตวั อยา่ งท่ี 2 กำาหนดกราฟแสดงจาำ นวนสม้ ที่ชาวสวนคนหนง่ึ เกบ็ สง่ ขายไดต้ ้ังแตว่ ันท่ ี 1 ถึงวันที ่ 12 ของเดอื น ตุลาคม พ.ศ. 2542 ดงั นี้ จำานวนส้ม (ร้อยผล) 12 11 10 9 8 7 6 5 4 3 2 1 0 123 45 6 7 8 9 10 11 12 วันที่ จงตอบคําถามตอ่ ไปนี้ วันท่ ี 3 เกบ็ สม้ ส่งขายไดเ้ ทา่ ไร วนั ทเี่ ท่าไรบ้างทเี่ ก็บสม้ ได้เท่ากัน และไดเ้ ท่าไร วนั ทีเ่ ท่าไรเก็บสม้ สง่ ขายไดม้ ากทสี่ ุด และเก็บได้เท่าไร วันที่เท่าไรที่จำานวนสม้ ทเี่ กบ็ สง่ ขายไดเ้ ริ่มมจี ำานวนลดลงเม่ือเทยี บกบั วนั แรกที่เรม่ิ เก็บสม้ ส่งขาย วิธที ำา 1. 800 ผล 2. วนั ท่ี 4 กับวนั ท ่ี 9 เกบ็ ได ้ 900 ผล และวนั ท่ ี 5 กบั วนั ท่ี 8 เกบ็ ได ้ 1,000 ผล และ วนั ที่ 1 กบั วันที่ 10 เกบ็ ได้ 500 ผล
92 คณติ ศาสตร์ ม.1 พน้ื ฐาน เทอม 2 : คอู่ นั ดบั และกราฟ 3. วันที่ 6 เกบ็ ได ้ 1200 ผล 4. วนั ที่ 11 เก็บได้ ผล ตัวอย่างท่ี 3 จากกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างปริมาณยากับเวลา จงตอบคาำ ถามตอ่ ไปน้ี ปรมิ าณยา(มิลลกิ รมั ) 0 เวลา (ช่ัวโมง) 1. จงหาปริมาณยาตามเวลาท่กี าำ หนดให้ตอ่ ไปนี้ 1 ช่วั โมง 2 ชว่ั โมง และ 6 ชัว่ โมง 2. จงหาเวลาตามปริมาณทก่ี ำาหนดใหต้ อ่ ไปนี้ 400 มลิ ลิกรัม 250 มลิ ลกิ รัม และ 100 มลิ ลกิ รมั วธิ ีทำา 1. ปริมาณยาตามทก่ี ำาหนด หาได้จากกราฟซง่ึ เปน� ตำาแหน่งของจุด Q (1,400) R (2,250) T (6, 50) กลา่ วถึง 1 ชวั่ โมง มปี รมิ าณยา 400 มิลลิกรัม และ 2 ชัว่ โมงมีปริมาณยา 250 มลิ ลกิ รัม และ เวลา 6 ชั่วโมงมปี รมิ าณยา 50 มลิ ลกิ รมั 2. เวลา หาได้จากปรมิ าณยาทีก่ าำ หนดไดจ้ ากกราฟซง่ึ เป�นตาำ แหน่งของจุด Q (1,400) R (2,250) และ S (4,100) กล่าวคือ ปริมาณยา 400 มลิ ลิกรมั เวลา 1 ชั่วโมง และปรมิ าณ 250 มิลลกิ รัม เวลา 2 ชัว่ โมง และปริมาณยา 100 เวลา 4 ชัว่ โมง
คณติ ศาสตร์ ม.1 พื้นฐาน เทอม 2 : ค่อู ันดับและกราฟ 93 แบบฝกึ เสรมิ ทักษะ 1. โรงเรียนแหง่ หนง่ึ ประกาศคะแนนสอบของนักเรยี น แสดงด้วนกราฟได้ดงั นี้ คะแนนทสี่ อบได้ 100 จาำ นวนนกั เรยี น (คน) 80 60 40 20 0 10 20 30 40 50 60 70 80 จงตอบคำาถามต่อไปน้ี มนี กั เรยี นก่ีคนทส่ี อบได้คะแนนมากกว่า 40 คะแนน มนี ักเรียนกีค่ นทีส่ อบไดค้ ะแนน 40 คะแนน นักเรยี นทีไ่ ดค้ ะแนน 15 คะแนน มีก่คี น นกั เรียนทีไ่ ด้คะแนน 95 คะแนน มีจาำ นวนก่คี น นักเรยี นที่ได้คะแนนตำา่ สุดกีค่ ะแนน และมจี ำานวนกค่ี น
94 คณิตศาสตร์ ม.1 พืน้ ฐาน เทอม 2 : ค่อู นั ดบั และกราฟ 2. การบอกอณุ หภมู ใิ นหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทย นิยมบอกโดยใชห้ นว่ ยเปน� องค์เป�น องศาเซลเซยี ส (oC) แต่มีบางประเทศ บอกอณุ หภูมโิ ดยใช้หนว่ ยเป�น องศาฟาเรนไฮต ์ (oF) ความสมั พันธ์ของหน่วยการวันอณุ หภูมิทีส่ องหน่วย แสดงดว้ ยกราฟ ไดด้ ังนี้ 112 96 (30,86) 80 64 (20,68) 48 (10,50) 32 (0,32) 16 (-10,14) (-20,4) -16 (-30,-22) -32 จงใช้กราฟตอบคำาถามต่อไปน ้ี อุณหภมู ิ -10 องศาฟาเรนไฮต ์ เปน� กี่องศาเซลเซยี ส อณุ หภมู ิ 20 องศาฟาเรนไฮต์ เป�นกอี่ งศาเซลเซยี ส อณุ หภูม ิ -4 องศาฟาเรนไฮต์ เป�นก่อี งศาเซลเซยี ส อณุ หภูมิ 50 องศาฟาเรนไฮต ์ เป�นกอี่ งศาเซลเซยี ส
คณิตศาสตร์ ม.1 พืน้ ฐาน เทอม 2 : คู่อันดบั และกราฟ 95 3. กราฟแสดงราคาเฉล่ียของน้ำามันดิบและนำา้ มนั สาำ เรจ็ รูป ป 2538 - 2546 40 35 30 27 33 24 24 27 30 28 27 2544 2545 2546 25 20 24 21 14 16 20 13 11 15 20 19 10 12 5 0 2540 2541 2542 2543 2538 2539 จงตอบคาำ ถามต่อไปนี้ ในป 2539 ราคาเฉลี่ยนำา้ มนั ดิบ เท่ากบั เท่าไร ในปใ ดที่ราคาน้าำ มนั ดบิ สาำ เรจ็ รปู มีราคาสูงท่สี ุด และเทา่ กับเทา่ ไร ในป 2544 ราคาเฉลยี่ ระหวา่ งนาำ้ มนั ดบิ และนาำ้ มันสาำ เร็จรูปต่างกนั อยูเ่ ท่าไร นำ้ามันดบิ ในปใดทีม่ ีค่าเฉล่ียต่าำ ทส่ี ดุ และราคาเทา่ ไร
96 คณิตศาสตร์ ม.1 พน้ื ฐาน เทอม 2 : คู่อนั ดบั และกราฟ 4. ตารางแสดงความสมั พนั ธ์ของจาำ นวนหนงั สอื และราคา ดงั น้ี จำานวนหนังสอื (เลม่ ) 3 4 6 11 ราคา (บาท) 69 92 138 253 จงเขยี นกราฟแสดงความสมั พนั ธ์ของจาำ นวนหนงั สอื และราคา และตอบคำาถามตอ่ ไปนี้ ......................................... ............................... ซอ้ื หนงั สือ 4 เล่ม ราคากบ่ี าท ซือ้ หนังสอื 3 เล่ม ราคา 69 บาท หนงั สือราคาเล่มละก่บี าท มีเงิน 253 บาท ซอ้ื หนังสือไดท้ ง้ั หมดก่เี ลม่ มเี งนิ 345 บาท ซ้อื หนงั สอื ได้จาำ นวนกเี่ ล่ม
คณิตศาสตร์ ม.1 พ้นื ฐาน เทอม 2 : ค่อู ันดับและกราฟ 97 5. ระยะทางทร่ี ถคันหน่ึงแลน่ ได้กบั ปริมาณนำ้ามันท่ีเหลือแสดงดงั ตาราง ระยะทาง (กิโลเมตร) 0 22 44 88 ปรมิ าณนาำ้ มนั ที่เหลือ 52 49 46 40 (ลิตร) จงเขยี นกราฟแสดงความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งระยะทางท่รี ถคันหน่งึ แล่นได้กับปรมิ าณนำา้ มนั ท่ีเหลือในถัง ......................................... ............................... จงตอบคำาถามต่อไปนี้ ก่อนเดินทาง ในถงั มนี ้ำามนั อยู่เท่าไร เม่อื ขบั รถไดร้ ะยะทาง 22 กโิ ลเมตร ยังเหลือนำ้ามนั ในถังอยกู่ ่ีลิตร นา้ำ มนั เหลือในถัง 40 ลิตร รถคนั นี้แลน่ ได ้ ระยะทางก่ีกิโลเมตร
98 คณิตศาสตร์ ม.1 พ้นื ฐาน เทอม 2 : คู่อันดับและกราฟ แบบฝกึ ท้ายบทเรยี น ค่อู ันดับและกราฟ จงเลอื กคาำ ตอบทถี่ ูกตอ้ งทีส่ ุดเพยี งข้อเดียว 1. สมดุ ราคาเล่มละ 8 บาท ขอ้ ใดเป�นคอู่ ันดับแสดงความสมั พนั ธ์ระหวา่ งจำานวนสมดุ กับราคาของสมดุ ก. (1,8),(2,16),(3,18) ข. (1,8),(2,4),(3,2) ค. (1,8),(2,16),(3,24) ง. (1,8),(2,18),(3,38) 2. ข้อใดเปน� การแสดงค่อู ันดับจากรูปทีก่ าำ หนดให้ ก. (3,1),(6,2),(9,3),(12,4) xy 1 3 ข. (1,4),(2,8),(3,12),(4,16) 32 96 ค. (1,3),(2,6),(3,9),(4,12) 4 12 ง. (3,1),(6,2),(3,9),(4,12) y B C3 4x -2 D -5 A จากรปู ทก่ี ำาหนดใหจ้ งตอบคาำ ถามข้อ 3 และ ข้อ 4 3. จดุ A อยู่ในจตภุ าคใด และมพี กิ ัดจดุ ตรงกบั ข้อใดต่อไปนี้ ก. (-5,4) อยูใ่ นจตภุ าคท ่ี 2 ข. (4,-5) อยใู่ นจตภุ าคท่ ี 4 ค. (-5,4) อยใู่ นจตภุ าคที่ 4 ง. (4,-5) อยใู่ นจตุภาคท ี่ 2
คณิตศาสตร์ ม.1 พนื้ ฐาน เทอม 2 : คู่อันดบั และกราฟ 99 4. ข้อใดถูกตอ้ ง ก. จดุ C (3,-2) ข. จดุ B (3,4) ค. จุด D (-2,-5) ง. จุด A (-5,4) 5. รปู ส่เี หลยี่ มทเี่ กดิ จากส่วนของเสน้ ตรงท่ีเชือ่ มจุด (2,2) , (2,5) , (5,2) และ (5,5) มีความยาวรอบรปู ตรงกับขอ้ ใด ก. 6 หนว่ ย ข. 8 หนว่ ย ค. 10 หน่วย ง. 12 หนว่ ย 6. พ้ืนท่ีของรูปส่เี หล่ียมที่เกดิ จากการลากสว่ นของเส้นตรงทเ่ี ชื่อมจุด (1,4) , (3,6) , (5,4) และ (3,1) เทา่ กบั ขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี ก. 10 ตารางหนว่ ย ข. 12 ตารางหนว่ ย ค. 15 ตารางหนว่ ย ง. 20 ตารางหนว่ ย 7. คูอ่ ันดบั ในขอ้ ใดต่อไปน้เี ปน� รูปสี่เหลย่ี มจตั ุรสั ก. (3,8),(8,8),(3,4),(7,4) ข. (3,8),(7,8),(3,4),(7,4) ค. (4,7),(8,7),(4,4),(6,4) ง. (3,8),(7,8),(4,4),(7,4) 8. ถา้ (5,y) อยู่บนกราฟของสมการ y = x-3 แลว้ y มคี ่าเทา่ กับขอ้ ใด ก. -2 ข. 2 ค. -3 ง. 3 9. กำาหนดคู่อนั ดบั (x-3 , y+1) = (5,-8) แล้วค่า x+y เท่ากบั ข้อใดต่อไปน้ี ก. -17 ข. -1 ค. 17 ง. 1
100 คณิตศาสตร์ ม.1 พน้ื ฐาน เทอม 2 : คู่อนั ดับและกราฟ 10. กาำ หนดคอู่ ันดับ (2x,-3y) = (-4,-6) ค่าของ (x+y)2 มคี า่ เท่าใด ก. 0 ข. 1 ค. 3 ง. 5 11. จากกราฟ (x,y) คอู่ นั ดับข้อใดไม่อยใู่ นกราฟนี้ 7 y ก. (2, 4) 6 ข. (1, 5) 5 4 3 ค. (6, 1) 2 1 0 x ง. (4, 2) 12. ∆กขค เปน� รปู สามเหล่ียมหนา้ จวั่ ม ี กข = กค และ กง เปน� เส้นต้งั ฉากกับ ขค ท่ีจดุ ง แทนค่อู ันดับในข้อใด� y ก. (4, 2) 5 ข. (2, 4) 4 3 2 ค. (2, 4.5) 1 0 x ง. (4.5, 2) 13. กราฟของค่อู ันดบั ที่ทำาใหเ้ ปน� รูปสี่เหลี่ยมจุตุรัสคอื ก. (4,0),(4,4),(0,4),(0,0) ข. (7,7),(8,0),(0,8),(0,0) ค. (0,8),(9,1),(8,9),(0,9) ง. (0,0),(1,4),(4,5),(0,5)
คณติ ศาสตร์ ม.1 พืน้ ฐาน เทอม 2 : คู่อนั ดบั และกราฟ 101 ใชข้ อ้ มลู ตอ่ ไปน้ตี อบคาำ ถามข้อ 14 - 15 60 50 40 30 20 10 0 กราฟแสดงความสมั พันธ์ระหวา่ งความสูงทน่ี าย ก ปากอ้ นหินไปในอากาศเปน� เมตร กบั เวลาเปน� วนิ าที 14. หลงั จากปาก้อนหิน 4 วินาที ก้อนหนิ จะสูงจากพืน้ ดนิ กีเ่ มตร ก. 30 เมตร ข. 40 เมตร ค. 50 เมตร ง. 60 เมตร 15. ก้อนหินสงู จากพ้ืนดิน 60 เมตร เม่อื เวลาหลังจากปาก้อนหนิ ไปในอากาศเท่าใด ก. 6 และ 7 วนิ าท ี ข. 5 และ 8 วินาที ค. 4 และ 9 วินาที ง. 3 และ 10 วนิ าที ปรมิ าณนำ้าฝนวัดเปน� มลิ ลลิ ติ ร ในวันท ี่ 1 - 10 ของการทดลองแสดงด้วยกราฟดงั นี้ (ใช้ตอบคาำ ถามขอ้ 16 - 20) 70 60 50 40 30 20 10 0
102 คณิตศาสตร์ ม.1 พน้ื ฐาน เทอม 2 : คู่อนั ดับและกราฟ 16. วันท ่ี 3 วัดปรมิ าณน้ำาฝนไดเ้ ทา่ กับขอ้ ใดตอ่ ไปน้ี ก. 10 มิลลิเมตร ข. 20 มิลลิเมตร ค. 30 มิลลิเมตร ง. 40 มลิ ลิเมตร 17. วนั ใดที่วัดปรมิ าณนา้ำ ฝนได้เท่ากัน ก. วนั ท่ี 3 และ วันท ี่ 9 ข. วันที่ 2 และ วนั ท่ี 6 ค. วนั ท่ ี 6 และ วันท ี่ 10 ง. วนั ท่ี 4 และ วันท ่ี 8 18. วนั ใดทว่ี ดั ปริมาณนาำ้ ฝนได้มากทีส่ ดุ ก. วนั ที่ 3 ข. วันท่ี 4 ค. วันที่ 6 ง. วนั ท ่ี 10 19. วนั ใดที่ฝนไมต่ ก ก. วนั ท ี่ 5 ข. วันที ่ 7 ค. วนั ที่ 9 ง. วันท่ ี 10 20. ปรมิ าณนา้ำ ฝนท่วี ัดไดท้ ั้ง 10 วัน รวมทั้งหมดเท่ากับข้อใดต่อไปนี้ ก. 240 มิลลเิ มตร ข. 250 มลิ ลเิ มตร ค. 260 มลิ ลิเมตร ง. 270 มิลลิเมตร
สถติ แิ ละขอมูล c 147 ʶÔμáÔ ÅТ͌ ÁÅÙ วชิ าสถติ ิหรือสถิตศิ าสตรต รงกับภาษาองั กฤษวา “statistics” ซ่งึ เดมิ มีจุดมุงหมายเพอ่ื การบันทึก และรวบรวมขอ มูล (data) หรอื ขาวสาร (information) ซ่ึงเปนประโยชนแกรัฐหรอื ประเทศในดานตางๆ ที่ จะชว ยในการตดั สินใจและการวางแผนการปกครอง การเมือง และการบรหิ าร เชนรายไดข องประชาชน การ เกบ็ ภาษีอากร จาํ นวนประชากร และยังเปนประโยชนต อ ประชาชนทุกคนในชวี ิตประจําวันอกี ดวย เชน สถติ ิ ทเ่ี กยี่ วกบั โรคระบาดตา งๆ สถติ ริ าคาสนิ คา เพอื่ ประโยชนใ นการตดั สนิ ใจเลอื กซอ้ื สนิ คา สถติ ขิ องคะแนนสอบ เอน็ ทรานซ เปน สวนหน่ึงในการตัดสินใจเลือกคณะ เปนตน ในชีวิตประจําวันของแตละคนอาจจะกลาวไดวาตองมีการตัดสินใจเก่ียวกับเรื่องตางๆ อยูตลอด เวลา ซ่ึงแตละคนอาจมีวิธีการตัดสินใจท่ีแตกตางกันออกไป บางคนอาจใชประสบการณของตนเองหรือผูที่ เกยี่ วขอ ง หรอื บางคนอาจตดั สนิ ใจโดยใชข อ มลู ขา วสารทเ่ี กยี่ วขอ งและบางครงั้ อาจไมส ามารถใชข อ มลู แตเ พยี ง อยา งเดยี วได ตอ งมกี ารวเิ คราะหขอมูลตางๆ ทเ่ี กยี่ วขอ งเสยี กอนจึงจะนาํ มาใชเ พ่ือการตัดสินใจได ขอ มูลท่ี ผานการวิเคราะหแลวไมวาจะเปนวิเคราะหเบ้ืองตนหรือวิเคราะหช้ันสูงก็ตาม เรียก สารสนเทศหรือขาวสาร (Information) กลาวโดยสรุปคือ การตัดสินใจจะมีโอกาสผิดพลาดมากนอยเพียงใดขึ้นอยูกับขอมูลและ สารสนเทศซึ่งผูตัดสินใจมีอยูเปนสําคัญ ขอมูลและสารสนเทศดังกลาวตองมีความทันสมัยและความเช่ือมั่น สามารถหามาไดโดยใชวิธีทางสถิติซึ่งเปนวิชาการและเทคนิคที่เก่ียวของกับการเก็บรวบรวมขอมูลและการ วเิ คราะหขอ มลู นนั่ เอง ความหมายของสถติ ิ สถิติเปนศาสตรที่วาดวยการเก็บรวบรวมและการวิเคราะหขอมูลเพื่อหาขอสรุปจากขอมูลที่ เก่ียวขอ ง การวิเคราะหขอมูลแบงเปน 2 ลักษณะคือ การเคราะหข้ันตนที่มุงวิเคราะหเพ่ืออธิบายลักษณะ กวางๆ ของขอมูลชุดนัน้ ซงึ่ เรยี กวา สถิตเิ ชิงพรรณนา (descriptive slatisics) กบั การวิเคราะหข อ มูลทีเ่ กบ็ รวบรวมไดจ ากตัวอยา งเพ่ืออางอิงไปถงึ ขอมลู ท้ังหมดซง่ึ เรียกวา สถิตเิ ชิงอนมุ าน (Inferential statistics) สถิติเชิงพรรณนา จะวาดวยวิธีการสรุปขอมูลแตละชุดที่เราสนใจดานการวัด คาวัดแนวโนมสู สว นกลาง (คาเฉลย่ี เลขคณิต, มัธยฐาน และฐานนยิ ม)
148 c คณติ ศาสตร ม.4-6 พื้นฐาน เลม 5 ดา นการวดั คา วดั การกระจาย (สว นเบย่ี งเบนมาตรฐาน พสิ ยั ฯลฯ) ตลอดจนการแจกแจงความถี่ ของขอมลู และการนาํ เสนอผลสรุปดังกลาวดว ยตาราง หรอื ดว ยแผนภูมิ แผนภาพ และกราฟ เชน แผนภูมิ รปู วงกลม แผนภูมิแทง แผนภาพการกระจาย และกราฟเสน สถิติเชิงอนุมาน เปนศาสตรที่ใหวิธีการวาในสถานการณหน่ึงจะเลือกตัวแทน (ตัวอยาง) จาก ขอ มลู ทั้งหมด (ประชากร) ศพั ทท ใ่ี ชในวชิ าสถิติ 1. ประชากร (population) หมายถงึ จาํ นวนทง้ั หมดของทกุ สงิ่ ซง่ึ เปน ไปตามเงอ่ื นไขทเี่ ราตอ งการ ศึกษา ดังน้ันประชากรก็เปรียบไดกับเอกภพสัมพัทธน่ันเอง เชน ถาสนใจเก่ียวกับรถยนตในประเทศไทย ประชากร คือ รถยนตท ้งั ประเทศไทย นอกจากนปี้ ระชากรยงั แบงตามขนาดไดเปน 2 ประเภทคอื ประชากรท่ีมีจาํ นวนจํากดั (finite population) คือ ประชากรทเ่ี ราสามารถบอกไดแ นน อนวา มจี าํ นวนเทาไร เชน จํานวนนักเรยี นของโรงเรียนสาธิตปทมุ วัน ประชากรทม่ี ีจํานวนอนันต (infinite population) คอื ประชากรทม่ี ีจาํ นวนมากจนนับไมได เชน จาํ นวนจดุ บนเสน ตรง ปรมิ าณปลาในมหาสมทุ รอนิ เดยี 2. ตัวอยาง (sample) หมายถึง สวนหนึ่งของประชากรท่ีเราสนใจหรือหาขอมูลเพ่ือนํามาใชเปน ตัวแทนของประชากรเนือ่ งจากประชากรมีขนาดใหญ 3. พารามเิ ตอร (parameter) หมายถงึ คา ตา งๆ ทแ่ี สดงลกั ษณะของประชากรโดยคาดังกลา ว ไดจ ากการนําขอ มลู จากประชากรมาคาํ นวณ เชน คาเฉลยี่ ชนดิ ตา งๆ รอยละ อัตราสว น เปนตน 4. คาสถิติ (statistic) หมายถึง คาตางๆ ที่แสดงลักษณะของตัวอยาง กลาวคือ คาสถิติจะมี ลกั ษณะเหมอื นกบั พารามเิ ตอรต า งกนั ทค่ี า ของสถติ เิ ปน คา ทค่ี าํ นวณไดจ ากขอ มลู ของตวั อยา ง เหตทุ ตี่ อ งมคี า สถิติเพราะในบางครั้งเราไมสามารถหาคาพารามิเตอรจากประชากรไดโดยตรง หรือถาหากไดก็ตองเสียเวลา และงบประมาณมาก เราจึงเลือกตัวอยางท่ีดีในการศึกษาเพ่ือท่ีจะไดมาซึ่งคาสถิติที่มีความใกลเคียงกับคา พารามิเตอร พจิ ารณาโดยรวมแลว กลา วไดว า สถติ ศิ าสตรค รอบคลมุ เรอ่ื งของขอ มลู และการเชอื่ มโยงกบั ปญ หา รวมทง้ั การสรา งวธิ ีการวเิ คราะหข อมูล อาจกลา วไดวา สถิตศิ าสตรครอบคลมุ องคประกอบดังตอไปนี้ 1. การเก็บรวบรวมขอมูล การเก็บรวบรวมขอมูลเปนสวนที่มีความสําคัญมาก เม่ือไดขอมูลที่มี คุณภาพดีมาวิเคราะห ผลสรปุ ท่ไี ดร ับจะมีคุณภาพดีไปดว ย วิธกี ารเกบ็ รวบรวมขอ มูลสามารถทําไดห ลายวธิ ี เชน การสอบถาม การสงั เกต การทดลอง เปนตน 2. การวิเคราะหขอมูล เปนการหาขอสรุปจากขอมูลที่มีเพื่ออธิบายหรือตอบคําถามท่ีตองการ ทง้ั นอ้ี าจเปน การวเิ คราะหข อ มลู ขา งตน ซง่ึ เปน สว นของสถติ เิ ชงิ พรรณนา ทใี่ ชอ ธบิ ายวา ขอ มลู ชดุ นน้ั มลี กั ษณะ
สถิติและขอ มลู c 149 อยางไร กับการวิเคราะหขอมูลช้ันสูง ดวยวิธีการวิเคราะหเชิงอนุมาน โดยขอมูลชุดท่ีนํามาทําการวิเคราะห น้นั เปนขอ มูลเพยี งสวนหนึ่งซึง่ เรยี กวา ตัวอยา ง (sample) ท่ีเลอื กมาจากขอมูลทง้ั หมดทเี่ รยี กวา ประชากร (population) 3. การนําเสนอขอสรุป การนําเสนอขอสรุปในรูปแบบที่ผูใชโดยท่ัวไปสามารถเขา ใจไดงาย และ ชดั เจน หรอื การเชอื่ มโยงขอ สรปุ ทไี่ ดจ ากวธิ วี เิ คราะห ไปตอบคาํ ถามหรอื ปญ หาทกี่ าํ หนดไว นบั เปน สงิ่ สาํ คญั มาก สถิติกบั การตัดสนิ ใจและวางแผน ในชีวิตประจําวันของแตละคน อาจกลาวไดวาตองมีการตัดสินใจเก่ียวกับเรื่องตางๆ อยูตลอด เวลา การตดั สินใจดงั กลาวอาจจะเปน การตัดสนิ ใจเพอื่ ตวั เอง เพื่อครอบครัว เพอ่ื ญาตพิ ีน่ อ ง เพอ่ื นฝงู หรอื เพ่ือนหนวยงานที่รับผิดชอบ เชน ตัดสนิ ใจวา วนั นีจ้ ะเดนิ ทางไปโรงเรียนโดยใชร ถประจาํ ทางสายใด ตดั สินใจวา ควรจะซื้อประกนั ชีวติ แบบใดกบั บริษัทใดจึงจะเหมาะสมที่สุด ตดั สนิ ใจวา ควรจะเลือกซ้ือเครอื่ งปรบั อากาศย่ีหอ ใดจึงจะประหยัดพลงั งานไฟฟา ตดั สินใจวา จะซื้อเครือ่ งจกั รอุปกรณย ่ีหอ ใดมาใชง านในบริษทั หรือโรงงาน การตัดสินใจเก่ียวกับเร่ืองตางๆ ดังกลาวน้ี แตละคนอาจมีวิธีตัดสินใจที่แตกตางกันไป เชน บางคนอาจตดั สนิ ใจโดยใชป ระสบการณข องตนเองหรอื ผทู เี่ กย่ี วขอ ง ใชค วามเชอื่ ของตนเองหรอื ผทู ต่ี นเคารพ นับถอื ใชส ามญั สํานกึ หรือบางคนอาจตัดสนิ ใจโดยใชขอ มูลหรือขา วสารที่เกยี่ วของ การตัดสินใจโดยใชว ธิ ีตา งๆ ขางตน นบี้ างคร้ังตัดสนิ ใจถกู แตบ างครัง้ ตัดสนิ ใจผดิ ทงั้ น้ีข้นึ อยูกบั ประสบการณ ความเช่อื สามญั สํานึก หรอื ขอมูลขา วสารท่แี ตล ะคนมีอยูวาถูกตอ งและเหมาะสมกับลักษณะ ของปญหาทีผ่ ูนั้นตอ งตดั สินใจมากเพยี งใด แตอ ยา งไรกต็ าม อาจจะกลา วไดวา ไมว า จะใชวธิ กี ารใดมาชวยใน การตัดสินใจก็จําเปนตองเก่ียวของกับขอมูลและขาวสารไมทางตรงก็ทางออมทั้งสิ้น ตัวอยางเรื่องการตัดสิน ใจวา จะขายสนิ คา ในราคาทล่ี กู คา ตอ รองหรอื ไม อาจพจิ ารณาลกั ษณะการเปน ลกู คา ของผซู อ้ื วา เปน ลกู คา ประจาํ หรอื ลกู คา จร การตดั สนิ ใจดงั กลา วขา งตน หากผตู ดั สนิ ใจทราบหรอื มคี วามรเู กยี่ วกบั ขอ มลู ทเี่ กยี่ วขอ งกบั เรอ่ื ง ที่ตองตัดสินใจมากเพียงใด โอกาสที่จะตัดสินใจผิดพลาดก็จะนอยลงเพียงนั้น แตการตัดสินใจบางเร่ือง การใชขอมูลตางๆ ท่ีเก่ียวของไมสามารถนํามาใชเพ่ือชวยในการตัดสินใจไดโดยตรง แตจะตองนํา มาวิเคราะหเสียกอน ซึ่งอาจใชวิธีวิเคราะหเบื้องตนงายๆ เพื่อทราบลักษณะทั่วๆ ไปของขอมูล เชน จําแนกขอมูลตามลักษณะตางๆ ท่ีสําคัญเรียกวา การแจกแจงความถี่ การหาสัดสวนหรือรอยละการหาคา เฉลี่ย และคาการกระจายของขอมูล เรียกวา คากลางและสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานตามลําดับ หรืออาจใช วิธีวิเคราะหข้ันสูง เชน การประมาณคาขอมูล การทดสอบสมมุติฐานหรือความเชื่อเก่ียวกับเร่ืองตางๆ
150 c คณิตศาสตร ม.4-6 พนื้ ฐาน เลม 5 การหาความสัมพันธระหวางขอมูลและการพยากรณขอมูลในอนาคต ซึ่งการวิเคราะหขอมูลขั้นสูงดังกลาว คอนขางยงุ ยากและซับซอน การตัดสินใจเกีย่ วกับเรื่องตางๆ ขา งตนในบางเรอ่ื งอาจจะไมส ามารถใชขอมลู แตเพยี งอยางเดยี ว ได ตอ งมกี ารวเิ คราะหข อมูลตางๆ ทีเ่ ก่ียวขอ งเสยี กอน จงึ จะนํามาใชเพือ่ การตัดสนิ ใจได ขอมูลทีผ่ า นการ วิเคราะหแ ลวน่ี ไมวาจะวิเคราะหโ ดยใชก ารวิเคราะหเ บอ้ื งตน หรอื วเิ คราะหช นั้ สูงก็ตาม เรียกวา สารสนเทศ หรอื ขา วสาร (information) ในการใชสถิติเพื่อการตัดสินใจและวางแผนไมวาจะเปนการตัดสิใจและวางแผนในชีวิตประจําวัน หรือในการประกอบอาชีพก็ตาม ผูตัดสินใจอาจจะตองทราบวามีขอมูลและ/หรือขาวสารที่จําเปนอะไรบางที่ สามารถนํามาใชชวยในการตัดสินใจได หากตองการใชขอมูลใดก็จะตองตรวจสอบเสียกอนวามีใครหรือ หนวยงานใดเปนผูผลิตหรือเก็บรวบรวมขอมูลดังกลาวไวหรือไม ท้ังน้ีเพื่อประหยัดเวลาและคาใชจายใน การเก็บรวบรวมขอมูลที่ตองการ ในกรณีท่ีตรวจสอบแลวปรากฏวามีขอมูลที่ตองการกอนจะนํามาใชก็ตอง ตรวจสอบความครบถว น ความทนั สมยั และความเชอ่ื ถอื ไดข องขอ มลู เสยี กอ น หากขอ มลู ขาดสมบตั ดิ งั กลา ว ผูตัดสินใจอาจจะตองเก็บรวบรวมขอมูลเอง การเก็บรวบรวมขอมูลเองนี้หากขอมูลท่ีตองการทราบมี ขอบเขตกวางขวาง อาจจําเปนตองใชวิธีเก็บรวบรวมขอมูลจากตัวอยางจํานวนหน่ึงที่เลือกมาเปนตัวแทน ของผใู หข อ มลู เทา นนั้ เพอ่ื เปน การประหยดั เวลาและคา ใชจ า ยในการเกบ็ รวบรวมขอ มลู การทจ่ี ะไดต วั อยา งมา เปนตัวแทนท่ีดีในการเก็บรวบรวมขอมูลท่ีตองการน้ี จะตองใชวิธีเลือกตัวอยางและจํานวนตัวอยางท่ี เหมาะสมดวย สาํ หรบั สารสนเทศทจี่ าํ เปน ตอ งใชใ นการตดั สนิ ใจและวางแผนนน้ั ผตู ดั สนิ ใจจะตอ งเลอื กสารสนเทศ ที่ผานวิธีวิเคราะหขอมูลที่เหมาะสมกับคําตอบที่ตองการไดรับเสียกอน ทั้งน้ีเน่ืองจากโดยทั่วๆไป วิธีท่ีใช วิเคราะหขอมลู สําหรับวตั ถุประสงคเดียวกันมักมหี ลายวธิ ี เชน การหาคา กลางหรือตวั แทนของขอ มูลอาจจะ ใชค าเฉลี่ยเลขคณติ มธั ยฐาน หรือฐานนิยมกไ็ ด การหาคากลางแตละวิธกี ม็ คี วามเหมาะสมกับลกั ษณะของ ขอมูลหรือวัตถุประสงคของผูวิเคราะห ตัวอยางเชน การหาคากลางที่เปนตัวแทนของรายไดตอเดือนของ พนักงานในโรงงาน อุตสาหกรรม หากรายไดข องพนกั งานแตละคนใกลเ คียงกัน อาจใชค าเฉลยี่ เลขคณติ ได แตถามีพนักงานสวนนอยมีรายไดสูงมาก เม่ือเทียบกับพนักงานสวนใหญ การหาคากลางท่ีเปนตัวแทนของ รายไดอ าจจาํ เปน ตอ งใชค า มธั ยฐานแทน หรอื ในการพยากรณย อดขายสนิ คา ของบรษิ ทั ในปถ ดั ไป ผพู ยากรณ อาจตองการทราบแตเพียงวาปหนาบริษัทควรจะขายสินคาไดเทาไร หรือตองการทราบทั้งยอดขายสินคาใน ปหนา และปจจยั ท่มี ผี ลตอ ยอดขายสนิ คา ดังกลาวดว ยการพยากรณตามวตั ถุประสงคแรกอาจใชวธิ ีวเิ คราะห อนกุ รมเวลา (time series analysis) แตการพยากรณต ามวัตถุประสงคหลงั อาจใชว ธิ วี เิ คราะหค วามถดถอย (regression analysis) การวิเคราะหโดยวิธีทั้งสองนี้จะใชขอมูลท่ีแตกตางกัน น่ันคือ วิธีวิเคราะหขอมูลจะ เปนตัวกาํ หนดขอมูลที่จาํ เปนตองใช
สถติ ิและขอมลู c 151 ดังนนั้ โดยทว่ั ๆ ไปหากผวู เิ คราะหย ังไมท ราบวา จะวิเคราะหข อมูลโดยวธิ ใี ด จะไมส ามารถกาํ หนด ขอมูลท่ีจําเปนตองใชได จึงอาจสรุปไดวาผูวิเคราะหไมควรเร่ิมตนการใชสถิติเพื่อการตัดสินใจและวางแผน โดยการเกบ็ รวบรวมขอ มลู กอ นแลว คอ ยมาหาวธิ วี เิ คราะหข อ มลู เพอ่ื นาํ ไปวเิ คราะหข อ มลู ดงั กลา ว ทงั้ นเี้ พราะ ผวู เิ คราะหอ าจไมส ามารถหาวธิ วี เิ คราะหใ ดทเี่ หมาะสมกบั ขอ มูลทมี่ อี ยแู ลวได เนอื่ งจากขาดสมบตั บิ างอยา งที่ จาํ เปนตองใชใ นการวิเคราะหดวยวิธีน้นั ๆ ขอ มลู และการเก็บรวบรวมขอมลู 1.4.1 ความหมายของขอมลู ขอมูลเปนขอความจริงหรือส่ิงที่บงบอกถึงสภาพ สถานการณ หรือปรากฏการณใดปรากฏการณ หน่ึง โดยท่ีขอมูลอาจเปนตัวเลขหรือขอความก็ได เชน ในป พ.ศ. 2547 คณะรัฐมนตรีกําหนดมาตรการ ควบคุมการแพรระบาดของเชือ้ โรคไขห วดั นก หรือในเดอื นกันยายน 2547 นาํ้ มันเบนซนิ 91 จําหนา ยในเขต กรงุ เทพและปรมิ ณฑลราคาลติ รละ 20.99 บาท โดยทว่ั ๆ ไป ขอ มลู มกั จะอยใู นรปู ตวั เลขซง่ึ มหี ลายๆ จาํ นวน ที่สามารถนาํ มาเปรยี บเทยี บขนาดกนั ได เชน ต้งั แตวันที่ 1 มกราคม ถึง 30 กันยายน 2547 ไทยสงออก ขาวไปยังประเทศหน่ึงรวม 2.88 ลานตัน ลดลงจาก 5.00 ลานตันของการสงออกในชวงเวลาเดียวกันของ ปก อ นรอยละ 42.4 ขอ มลู เชงิ สถติ เิ ปน ขอ มลู ทสี่ ามารถนาํ มาประมวลผลหรอื วเิ คราะหด ว ยกระบวนการหรอื วธิ กี ารตา งๆ เพือ่ ตอบคาํ ถามในประเด็นตา งๆ ได 1.4.2 ประเภทของขอ มูล ประเภทของขอมูลสามารถจําแนกไดจากวิธีการเก็บรวบรวมขอมูล และจากลักษณะของ ขอมูล การจําแนกขอมลู ตามวธิ กี ารเกบ็ รวบรวมขอมูล เมื่อจําแนกประเภทของขอมูลตามวธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ มูลจะแบงไดเ ปน 2 ประเภทใหญๆ คอื ขอ มูลปฐมภมู ิ (primary data) และ ขอมลู ทตุ ิยภมู ิ (secondary data) 1) ขอมูลปฐมภูมิ คือขอมูลท่ีผูใชจะตองเก็บรวบรวมจากผูใหขอมูลหรือแหลงท่ีมาของขอมูล โดยตรง ซึ่งอาจทําไดโดยการสัมภาษณ วัด นับ หรือสังเกตจากแหลงขอมูลโดยตรงเน่ืองจากขอมูลเหลานี้ ไมเ คยมผี ใู ดเก็บรวบรวมไวก อน การเกบ็ รวบรวมขอมลู ประเภทน้ีทําได 2 วธิ ีคือ การสาํ มะโน (census) และการสาํ รวจจากกลุม ตวั อยา ง (sample survey) (1) การสํามะโน คือการเก็บรวบรวมขอมูลจากทุกๆ หนวยของประชากรหรือส่ิงท่ีเรา ตองการศึกษา ซึ่งการเก็บขอมูลในลักษณะน้ีทําใหเสียเวลาและคาใชจายในการเก็บรวบรวมขอมูลมาก
152 c คณติ ศาสตร ม.4-6 พ้นื ฐาน เลม 5 การเก็บรวบรวมขอมูลโดยวิธีน้ีจึงไมคอยนิยมใชในทางปฏิบัติ ยกเวนกรณีที่ประชากรมีขนาดเล็กหรือมี ขอบเขตไมกวา งขวางนกั (2) สาํ รวจจากกลมุ ตวั อยา ง คอื การเกบ็ รวบรวมขอ มลู จากบางหนว ยทเ่ี ลอื กมาเปน ตวั แทนจาก ทกุ ๆ หนว ยของประชากรหรอื สง่ิ ทเ่ี ราตอ งการศกึ ษาเทา นน้ั เนอื่ งจากการเกบ็ รวบรวมขอ มลู จากทกุ หนว ยของ ประชากร อาจทาํ ใหเ สยี เวลาและคา ใชจ า ยโดยไมจ าํ เปน เพราะสงิ่ ทตี่ อ งการศกึ ษาอาจจะมบี างกลมุ ทม่ี ลี กั ษณะ ทต่ี อ งการศกึ ษาอยเู หมอื นๆ กนั หรอื ใกลเ คยี งกนั มาก การเลอื กตวั อยา งหรอื ตวั แทนของแตล ะกลมุ มาทาํ การ ศึกษาก็เปนการเพียงพอท่ีจะทําใหสามารถประมาณคาของสิ่งท่ีเราตองการศึกษาท้ังหมดได เชน การสํารวจ ราคาเฉลย่ี ของสนิ คา ชนดิ หนง่ึ ทม่ี ขี นาดบรรจใุ กลเ คยี งกนั จากรา นคา ปลกี ทว่ั ประเทศ ราคามกั จะใกลเ คยี งกนั ดวย ดังนนั้ เราอาจเลอื กรา นคาปลกี เพยี งบางรานมาเปนตวั แทนของรานคา ปลกี ทง้ั หมดได แตจาํ นวนรา นคา ปลีกท่ีเลือกมาเปนตัวแทนจะมีจํานวนมากหรือนอยเพียงใดขึ้นอยูกับความตองการของผูเก็บรวบรวมขอมูล วาตองการใหราคาเฉล่ียของราคาสินคาชนิดนั้นที่หาไดจากราคาสินคาในรานคาตัวอยางท่ีเลือกขึ้นมาเพื่อเก็บ รวบรวมขอมูลน้ีใกลเคียงกับคาที่ควรเปนจริงซ่ึงไดจากการเก็บรวบรวมขอมูลจากรานคาปลีกทุกๆ ราน มากนอยเพียงใด ถาตองการใหไดผลใกลเคียงมากก็ควรเลือกตัวอยางรานคาปลีกมาเก็บรวบรวมขอมูลเปน จาํ นวนมาก 2) ขอมลู ทุตยิ ภมู ิ คือขอมูลที่ผูใชไมตอ งเก็บรวบรวมจากผใู หขอมูลหรือแหลงทมี่ าของขอมลู โดยตรง แตไดจากขอมูลที่มีผูอ่ืนเก็บรวบรวมไวแลว ขอมูลประเภทนี้ ผูใชไมตองเสียเวลาและคาใชจายใน การเก็บรวบรวมขอมูลเอง สามารถนาํ ขอ มูลท่ีมีผูอ่นื เกบ็ รวบรวมไวแลวมาใชไดเลย แตอ ยางไรก็ตามผใู ชจ ะ ตองระมัดระวังในการนําขอมูลประเภทนี้มาใชใหมาก เนื่องจากมีโอกาสผิดพลาดไดมาก ถาผูเก็บรวบรวม ขอ มลู ดังกลาวใชวธิ เี ก็บรวบรวมขอ มูลทีไ่ มเ หมาะสม แหลงที่มาของขอมูลทตุ ยิ ภูมทิ ่สี ําคัญ 1. รายงานตา งๆ ของหนวยงานราชการและองคการของรฐั บาล โดยท่ัวๆ ไปหนว ยงานราชการ หรือองคการของรัฐบาล มักจะมีรายงานแสดงขอมูลพิมพออกมาเผยแพรเปนประจําซ่ึงอาจเปนรายงาน รายเดือน รายสามเดือน หรือรายป ขอมูลท่ีไดจากรายงานตางๆ ของหนวยงานราชการและองคการของ รัฐบาลนอี้ าจถอื ไดว า เปน ทีม่ าของขอ มูลทุติยภูมทิ ่ีสําคัญทสี่ ดุ 2. รายงานและบทความจากหนังสือหรือรายงานจากหนวยงานเอกชน หนวยงานของเอกชนบาง แหง โดยเฉพาะหนว ยงานใหญๆ จะพมิ พร ายงานเกย่ี วกบั ผลการดาํ เนนิ งานของตนออกเผยแพรเ ชน เดยี วกบั หนวยงานของราชการ เชน รายงานประจาํ เดอื นของธนาคารพาณชิ ย นอกจากน้ีหนงั สอื พมิ พรายวัน หรอื สื่อ อน่ื ๆ มักจะมขี อ มลู ทตุ ิยภูมิประกอบบทความหรือรายงานดวย การจาํ แนกประเภทของขอ มูลตามลกั ษณะของขอมูล เมอื่ จาํ แนกประเภทของขอมลู ตามลักษณะของขอ มลู จะจําแนกเปน 2 ลักษณะใหญๆ คือ ขอมูล เชิงปรมิ าณ (quantitative data) และ ขอมลู เชิงคุณภาพ (qualitative data)
สถติ แิ ละขอ มูล c 153 1) ขอมูลเชิงปริมาณ คือขอมูลที่ใชแทนขนาดหรือปริมาณซ่ึงวัดออกมาเปนจํานวนที่สามารถนํา มาใชเปรยี บเทยี บกนั ไดโ ดยตรง เชน ปริมาณการผลิตน้ํามันดบิ ของกลมุ โอเปกในแตล ะป อัตราดอกเบีย้ เงิน กูข องธนาคารพาณิชย จํานวนสมาชกิ โดยเฉลย่ี ของครอบครวั ไทย 2) ขอ มลู เชงิ คณุ ภาพ คอื ขอ มลู ทไี่ มส ามารถวดั ออกมาเปน จาํ นวนไดโ ดยตรง แตอ ธบิ ายลกั ษณะ หรือคุณสมบัติในเชิงคุณภาพได เชน เพศของสมาชิกในครอบครัว สถานภาพสมรสของพนักงานในบริษัท หา งรา น หรอื ความคดิ เหน็ ของประชาชน การวเิ คราะหข อ มลู ประเภทนส้ี ว นใหญท าํ โดยการนบั จาํ นวน จาํ แนก ตามลกั ษณะเชงิ คณุ ภาพ เชน นบั จาํ นวนพนกั งานทเี่ ปน โสด ทส่ี มรสแลว ทหี่ ยา รา ง และทเ่ี ปน หมา ยวา มอี ยา ง ละก่คี น ขอมลู เชงิ คณุ ภาพบางลักษณะสามารถวดั ออกมาเปนลําดับที่หรอื ตําแหนงที่ได เชน ความชอบ วัด ในรูปชอบมากทส่ี ุด ชอบมาก ชอบปานกลาง ชอบนอย ไมช อบเลย ความคดิ เห็น วดั ในรูปเหน็ ดว ยอยางยงิ่ เหน็ ดว ย ไมมคี วามเหน็ ไมเ ห็นดว ย ไมเหน็ ดว ยอยา งยงิ่ ประสิทธิภาพในการดาํ เนินงาน วัดในรูป ดขี นึ้ มาก ดขี ึน้ คงเดมิ เลวลง เลวลงมาก หรอื วัดในรปู สูง ปานกลาง ตํา่ เปนตน การกาํ หนดลําดับทหี่ รอื ตาํ แหนง ที่ ของขอมูลเชิงคุณภาพนี้ เม่ือนําขอมูลไปวิเคราะหจะตองแทนลําดับท่ีหรือตําแหนงท่ีเหลานี้ดวยตัวเลข เชน ใหต ัวเลขทม่ี คี ามากใชแ ทนลักษณะหรอื ความรสู กึ ทดี่ ี ชอบมากทีส่ ดุ หรือ เหน็ ดวยอยางยง่ิ แทนดวย 4 ชอบมาก หรือ เห็นดวย แทนดว ย 3 ชอบปานกลาง หรอื ไมมคี วามเหน็ แทนดวย 2 ชอบนอย หรอื ไมเห็นดวย แทนดวย 1 ไมชอบเลย หรอื ไมเห็นดว ยอยางยงิ่ แทนดว ย 0 ในกรณที ข่ี อ มลู เชงิ คณุ ภาพใดไมส ามารถวดั ออกมาเปน ลาํ ดบั ทหี่ รอื ตาํ แหนง ทไี่ ด เชน กลมุ นกั เรยี น ของโรงเรยี นรฐั บาลกบั กลมุ นกั เรยี นโรงเรยี นเอกชน หรอื กลมุ พนกั งานชายกบั กลมุ พนกั งานหญงิ หากมคี วาม จําเปนตองกําหนดเปนจํานวนเพ่ือใชในการวิเคราะหดวยวิธีการทางสถิติอาจใช 0 แทนกลุมนักเรียนของ โรงเรียนรัฐบาลหรือกลุมพนักงานชาย และใช 1 แทนกลุมนักเรียนโรงเรียนเอกชนหรือกลุมพนักงานหญิง จํานวนท่ีใชแทนขอมูลเชิงคุณภาพเหลานี้ไมสามารถนําไปตีความหมายในเชิงปริมาณได ความหมายของ จาํ นวนที่ใชแทนขอมูลเหลาน้เี ปนเพียงสัญลักษณท ีใ่ ชแ ทน “กลมุ ” ตางๆ เทานัน้ 1.4.3 วธิ ีเกบ็ รวบรวมขอมลู 1) วิธเี กบ็ รวบรวมขอ มลู ทตุ ิยภูมิ ซึง่ สวนใหญม กั จะอยใู นหนังสอื รายงาน บทความหรอื เอกสารตางๆ ควรดําเนินการดังตอไปนี้ (1) พิจารณาตัวบุคคลผูเขียนรายงาน บทความหรือเอกสารเหลานั้นเสียกอนวาเปน ผูมีความรูและมีความเชี่ยวชาญในเรื่องที่จะเขียนถึงขั้นพอท่ีจะเช่ือถือไดหรือไม การเขียนอาศัยเหตุผลและ หลักวิชาการมากนอยเพียงใด ขอมูลที่จะนํามาใชซ่ึงรวบรวมจากรายงาน บทความหรือเอกสารดังกลาวควร ใชข อ มลู ทผี่ เู ขยี นเกบ็ รวบรวมมาเองโดยตรง เชน ขอ มลู ทไ่ี ดจ ากการสาํ รวจหรอื สาํ มะโน หากไมม คี วามจาํ เปน ไมค วรใชข อ มลู ทผ่ี เู ขยี นนาํ มาจากแหลง ขอ มลู อน่ื เนอื่ งจากอาจมกี ารคลาดเคลอื่ นจากขอ มลู ทคี่ วรจะเปน จรงิ ไดม าก
154 c คณิตศาสตร ม.4-6 พืน้ ฐาน เลม 5 (2) ถา ขอ มูลที่ตอ งการเกบ็ รวบรวมสามารถหาไดจ ากหลายๆ แหลง ควรเกบ็ รวบรวม มาจากหลายๆ แหลงเพ่ือใชในการเปรียบเทียบวาขอมูลที่ตองการมีความผิดพลาด เนื่องจากการลอกผิด พิมพผิด หรือเขาใจผิดบางหรือไม นอกจากนี้ผูเก็บรวบรวมขอมูลควรจะใชความรูความชํานาญของตนเอง เก่ียวกับขอมูลเร่ืองนั้นๆ มาพิจารณาวาขอมูลท่ีจะนํามาใชน้ันนาจะเปนไปไดหรือไม เชน จํานวนประชากร ของประเทศไทยในป พ.ศ. 2546 ท่นี าํ เสนออยูในรายงานฉบบั หนึ่งเปน 36 ลา นคน จํานวนดงั กลา ว นาจะ เปน ไปไมไ ด ทถี่ ูกตองควรจะเปน 63 ลา นคน ความผิดพลาดดังกลาว อาจเน่ืองมาจากการคัดลอกของผนู ํา เสนอหรอื การพิมพกไ็ ด กลา วคือคดั ลอกหรอื พิมพเลขโดดกลับกนั (3) พจิ ารณาจากลกั ษณะของขอ มลู ทต่ี อ งการเกบ็ รวบรวมวา เปน ขอ มลู ทเ่ี ปน ขอ ความ จริง ขอมูลที่ไดจากทะเบียน ขอมูลที่เปนความคิดเห็นหรือเจตคติ ขอมูลประเภทความลับ หรือขอมูลซึ่งผู ตอบอาจตอ งเสียประโยชนจ ากการตอบ ถา เปน ขอ มูลท่ีเปน ขอความจริง ขอ มูลท่ไี ดจ ากทะเบยี นหรือขอมูลท่ี เปนความคิดเห็นหรือเจตคติ สวนใหญมักจะมีความถูกตองเชื่อถือไดสูง แตถาเปนขอมูลประเภทความลับ หรอื ขอมูลซ่ึงผตู อบอาจตองเสยี ประโยชนจากการตอบ สวนใหญมกั จะไมถกู ตอ งเช่อื ถือไดน อ ย (4) ถา ขอมูลทจ่ี ะเก็บรวบรวมไดม าจากการสํารวจจากกลมุ ตวั อยาง หรอื ตองผานข้นั ตอนการวิเคราะหโดยใชวิธีการทางสถิติมากอน ควรจะตองตรวจสอบวิธีการที่ใชในการเลือกกลุมตัวอยาง ขนาดกลุม ตวั อยา ง และวธิ กี ารวเิ คราะหวาเหมาะสมท่จี ะใชห รือไม 2) วิธีเก็บรวบรวมขอมูลปฐมภูมิ เก็บรวบรวมขอมูลปฐมภูมิซึ่งอาจทําไดโดยการสํามะโน หรอื สํารวจสามารถทําไดหลายวธิ ี แตว ธิ ที น่ี ยิ มใชก ันทวั่ ๆ ไป มี 5 วธิ ี คือ (1) การสัมภาษณ เก็บรวบรวมขอมูลโดยการสัมภาษณ นิยมใชกันมากกวาเก็บ รวบรวมขอมลู โดยวิธีอ่นื ๆ เนอื่ งจากโอกาสทีจ่ ะไดค าํ ตอบกลบั คนื มามมี าก นอกจากนีห้ ากผูตอบขอ ถามไม เขา ใจขอ ถามใดๆ ก็สามารถสอบถามไดจากผูส ัมภาษณโ ดยตรง แตเก็บรวบรวมขอมลู โดยวธิ นี ้ี ผสู มั ภาษณ ตอ งมคี วามซอื่ สตั ย ไมต อบขอ ถามแทนผถู กู สมั ภาษณเ พราะจะทาํ ใหข อ มลู ทรี่ วบรวมไดม คี วามคลาดเคลอื่ น จากที่ควรจะเปนจรงิ มาก (2) การสอบถามทางไปรษณีย เก็บรวบรวมโดยวิธีน้ีสามารถประหยัดคาใชจายใน การเก็บรวบรวมไดมาก และคอนขางแนใจไดวาผูตอบแบบสอบถามทุกคนไดรับแบบสอบถาม ยกเวนคนที่ มีการยายท่ีอยูเทาน้ัน นอกจากน้ีผูตอบแบบสอบถามจะไดรับความสะดวกในการตอบขอถาม กลาวคือจะ ตอบขอ ถามเมื่อไรก็ไดภายในระยะเวลาที่ผสู าํ รวจไดก าํ หนดไว คาํ ตอบทผี่ ูสํารวจไดร บั จะมีความถกู ตองและ เช่ือถือไดมาก โดยเฉพาะอยางย่ิงคําตอบท่ีจะทําใหผูตอบแบบสอบถามอาจเสียประโยชนจากการตอบ ขอถามน้ันๆ เน่ืองจากผูตอบแบบสอบถามไมจําเปนตองระบุชื่อของตนเองในแบบสอบถามก็ได แตอาจ มจี ดุ ออ นถา ผตู อบแบบสอบถามไมเ ขา ใจปญ หาทถ่ี าม อาจทาํ ใหค าํ ตอบผดิ พลาดได อกี ประการหนง่ึ ผถู กู ถาม อาจไมไดเปนผูตอบขอถามเองแตไปใหผูอ่ืนตอบแทน ขอมูลที่รวบรวมไดก็อาจผิดพลาดไดเชนเดียวกัน นอกจากนี้ผูสํารวจยังไมสามารถประมาณจํานวนแบบสอบถามท่ีจะไดรับกลับคืนมาวาจะมีจํานวนมากนอย เพียงใด ซึ่งบางคร้ังผูสํารวจไดแบบสอบถามกลับคืนมาไมเพียงพอท่ีจะทําการสรุปผลท้ังหมดใหมีความ เช่อื ถอื ได
สถิติและขอ มลู c 155 (3) การสอบถามทางโทรศัพท การสอบถามวิธีนีน้ ยิ มใชนอยกวาวธิ อี ื่น ถงึ แมวา การ เลือกตัวอยางผูตอบทําไดงายและเสียคาใชจายในการเก็บรวบรวมขอมูลนอยก็ตาม ท้ังน้ีเนื่องจากการเก็บ รวบรวมขอ มูลทําไดเ ฉพาะผมู โี ทรศัพทเทาน้นั การสอบถามทางโทรศัพทโดยท่ัวๆ ไปมักใชกับแบบสอบถามท่ีไมใชเวลาในการ สัมภาษณมากนักและขอมูลที่ตองการถามจากผูตอบสัมภาษณเปนขอมูลที่ผูตอบสัมภาษณสามารถตอบได ทันทีโดยไมตองไปคนหาหลักฐานหรือสอบถามจากผูอื่น การสอบถามทางโทรศัพทท่ีใชกันอยูเสมอๆ เชน การสํารวจความคดิ เห็นเกี่ยวกบั เหตุการณทีก่ าํ ลังไดรับความสนใจ (4) การสงั เกต การเกบ็ รวบรวมขอ มลู โดยการสงั เกตมกั ใชป ระกอบกบั การเกบ็ รวบรวม ขอมูลโดยวิธีอื่นๆ ในกรณีท่ีผูสํารวจไมแนใจวาขอมูลที่เก็บรวบรวมไดโดยวิธีน้ันๆ เชื่อถือได ซึ่งอาจจะมี สาเหตุมาจากความไมรวมมือของผูใหขอมูล หรืออาจจะเกิดจากความรูข้ันพ้ืนฐานหรือความรูเก่ียวกับเร่ือง น้นั ๆ ของผูตอบไมดพี อ เชน การสอบถามเก่ียวกับรายไดข องครอบครวั หรือกาํ ไรของบริษทั หางรานตางๆ ขอมูลดังกลาวนี้ผูตอบไมตองการเปดเผย นอกจากน้ีอาจใชการสังเกตเม่ือตองการรวบรวมขอมูลในเชิงลึก เชน ครสู งั เกตพฤติกรรมของนักเรียนในการทํางานรว มกนั และการมีทกั ษะกระบวนการทางคณติ ศาสตร (5) การทดลอง การเกบ็ รวบรวมขอมลู จากการทดลอง เปน การเกบ็ รวบรวมขอมูลที่ ตอ งมกี ารทดลองหรอื ปฏบิ ตั เิ พอ่ื ใหไ ดข อ มลู ทต่ี อ งการ สว นใหญจ ะเปน การเกบ็ รวบรวมขอ มลู ทางวทิ ยาศาสตร เชน การเปรยี บเทยี บประสทิ ธภิ าพของยาแกป วดหลายๆ ชนิด ขอมูลทเี่ กบ็ รวบรวมไดจากการทดลองนี้ จะ มคี วามถูกตองและเช่อื ถือไดมาก ถาไมเ กดิ ความคลาดเคล่ือนจากการวัดหรือการวางแผนการทดลอง 1.4.4 ปญ หาในการใชขอ มลู ปญ หาในการใชขอมูลทุติยภูมิ การใชข อ มลู ทุตยิ ภมู มิ กั จะมีปญ หาเกย่ี วกับเรอ่ื งตางๆ ดังตอไปน้ี 1) ความถูกตอ งเชอื่ ถอื ไดของขอ มลู 2) ความทันสมัยของขอ มูล 3) การขาดหายไปของขอมลู บางรายการ ปญหาในการใชข อมลู ปฐมภูมิ มักจะมีปญหาเกีย่ วกับเร่ืองตางๆ ดงั ตอไปนี้ 1) ไมทราบวาจะใชวิธีเลือกตัวอยางหรือวธิ กี ารวางแผนการทดลองแบบใดจงึ จะเหมาะสม 2) ไมท ราบวาจะประเมนิ ความถกู ตองเชื่อถอื ไดของขอ มลู ที่เกบ็ รวบรวมมาไดอ ยางไร 3) ไมท ราบวา จะวเิ คราะหข อ มลู อยา งไรในกรณขี อ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวมไดไ มค รบถว นหรอื ขาด หายไปมากเนือ่ งจากไมไดรบั ความรว มมือจากผูใหข อมลู
156 c คณติ ศาสตร ม.4-6 พน้ื ฐาน เลม 5 แบบฝก หัด ความหมายสถิติ 1. จงพิจารณาวาขอความตอไปน้ีเปนขอความทีถ่ กู ตอ งหรือผดิ ............. 1. สงิ่ ท่จี าํ เปนในการตัดสนิ ใจไดแกข อมูลและขาวสาร ............. 2. ขอ มลู ที่ผา นการวเิ คราะหแลว เรยี กวาสารสนเทศหรือขาวสาร ............. 3. ระเบยี บวธิ ีทางสถิติ ไดแก การรวบรวมขอมลู การวเิ คราะหขอ มูล ............. 4. การเกบ็ รวบรวมขอมลู จากทุกหนว ยในประชากรเรยี กวา การสํามะโน ............. 5. จํานวนนกั เรียนทสี่ ะสมรองเทา เบอรตางๆ เปน ขอมูลแสดงปริมาณ ............. 6. อายุของนักเรยี นเปน ขอ มลู แสดงปรมิ าณ ............. 7. ขอ มลู สถติ ิเปน ขอ เทจ็ จริงที่ไดจากหนวยงานเดยี ว ............. 8. ขอ มูลสถติ ิคอื ประชากร 63 ลาน มอี าชพี เกษตรกรรม ............. 9. เพศของสมาชิกในครอบครวั เปนขอมลู เชงิ คุณภาพ ........... 10. จาํ นวนของนักเรียนทีม่ าสายในแตละวนั ของเดอื นเปนการเกบ็ รวบรวมโดยการทดลอง ........... 11. คา สถิติคํานวณไดจ ากขอ มูลท้งั หมดของกลมุ ประชากร ........... 12. สถติ ิเปนศาสตรท ่มี ีความสําคัญในการตัดสนิ ใจเพ่ือแกปญ หาอยา งมีเหตผุ ล ........... 13. กลุม ตัวอยางเปน สวนหนง่ึ ของประชากร ........... 14. สัดสวนคนทง้ั 4 ภาคชอบใชร ถโตโยตา เทา กับ “0.54” คาพาราเตอรคือ 4 ........... 15. การเกบ็ รวบรวมขอ มูลสามารถทําไดจ ากการสงั เกต 2. จงหาวาขอมลู ตอไปน้ี เปนขอมลู เชงิ ปรมิ าณหรอื ขอมลู คณุ ภาพ 1. คะแนนสอบวิชาคณติ ศาสตร เปนขอ มลู เชิง.................................................. 2. ประชากรภาคเหนือ เปน ขอมลู เชิง.................................................. 3. จํานวนผจู องซ้ือรถยนตค นั แรก เปนขอมูลเชิง .................................................. 4. หมายเลขโทรศพั ท เปน ขอมลู เชิง.................................................. 5. บานเลขท่ี เปน ขอ มูลเชิง.................................................. 6. หมายเลขทะเบยี นรถยนต เปนขอ มูลเชงิ .................................................. 7. รหัสบตั รประจาํ ตัว เปนขอมูลเชิง .................................................. 8. ราคาขาวสารตอ 5 กิโลกรัม เปนขอมูลเชงิ .................................................. 9. เลขประจําตวั ประชากร เปนขอ มูลเชงิ ..................................................
สถิติและขอ มูล c 157 10. ขนาดรองเทาของนกั เรยี น เปน ขอ มูลเชิง.................................................. 11. จํานวนคนทใ่ี สร องเทาเบอร 40 เปน ขอ มูลเชงิ .................................................. 12. จํานวนคนปวยในโรงเรียนในเดือนสิงหาคม เปน ขอมูลเชิง.................................................. 13. จํานวนนกั เรียนทีม่ าสาย เปน ขอ มลู เชงิ .................................................. 14. เลขรหัสบตั ร เอทีเอ็ม เปนขอมลู เชงิ .................................................. 15. สมพรสอบหอ ง 8103 เปนขอ มูลเชงิ .................................................. 16. รถประจาํ ทาง 108 สาย เปนขอ มูลเชงิ .................................................. 17. รถประจาํ ทางสาย 108 เปนขอ มูลเชิง.................................................. 18. จังหวัดรอ ยเอด็ เปน ขอ มลู เชิง.................................................. 19. รอ ยเอ็ดจังหวดั เปนขอมูลเชงิ .................................................. 20. รับสมคั รคนงาน เปนขอมูลเชิง .................................................. 3. จงพิจารณาวา ขอ มลู ตอไปน้เี ปน ลักษณะของขอมูลปฐมภูมิหรือทุตยิ ภูมิ 1. การสมั ภาษณบ ุคคลเก่ยี วกับการสอน .................................................................... 2. การเสนอขา วจากหนงั สอื พิมพ .................................................................... 3. การสํารวจจากกลมุ ตัวอยาง .................................................................... 4. ขอ มูลทไี่ ดจากสํานักทะเบยี น .................................................................... 5. รายงานตา งๆ ของหนว ยงานราชการ .................................................................... 4. วิธีการเก็บรวบรวมขอมูลปฐมภูมมิ ีวิธีใดบา ง 1. ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... .........................................................................................................................................
158 c คณิตศาสตร ม.4-6 พื้นฐาน เลม 5 2. ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... 3. ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... 4. ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... ......................................................................................................................................... 5. วิธีการเก็บรวบรวมขอมลู แบบทุตยิ ภูมมิ วี ธิ ีการอะไรบา ง 1. ......................................................................................................................................... 2. ......................................................................................................................................... 3. ......................................................................................................................................... 4. .........................................................................................................................................
สถติ แิ ละขอมลู c 159 แบบทดสอบ จงเลอื กคําตอบทีถ่ ูกตอ งที่สุดเพียงขอเดยี ว 2. สามัญสํานึก 1. สง่ิ ทจ่ี ําเปน ในการตัดสนิ ใจไดแ กข อ ใดตอ ไปน้ี 4. ขอมลู และขาวสาร 1. ความเช่ือ 3. ประสบการณ 2. ขอมูลทผ่ี า นการวิเคราะหแลว เรยี กวา อะไร 2. ขาวสาร 1. สารสนเทศ 4. ขอ มูลสนเทศ 3. สารสนเทศหรือขา วสาร 3. ขอใดไมใชลักษณะของขอ มูลที่ดี 2. ความทนั สมยั ของขอมลู 1. ความครบถวนของขอมลู 4. เก็บรวบรวมไดงาย 3. ความเชอื่ ถอื ไดข องขอ มลู 4. ประชากรคือ 2. บริษัททกุ บรษิ ัทในกรุงเทพมหานคร 1. ประชาชนทุกคนในกรุงเทพมหานคร 4. บรษิ ัททุกบรษิ ทั ในประเทศไทย 3. ประชาชนทกุ คนในประเทศไทย 5. ตัวอยางคือ 1. ประชาชนบางคนในประเทศไทยท่ีถกู เลือกเปนตัวอยาง 2. ประชาชนบางคนในกรุงเทพมหานครท่ีถกู เลอื กเปน ตวั อยาง 3. บรษิ ทั บางแหงในประเทศไทยท่ถี กู เลือกเปน ตัวอยาง 4. บรษิ ทั บางแหง ในกรงุ เทพมหานครท่ถี ูกเลอื กเปน ตัวอยา ง 6. การเก็บรวบรวมขอมูลจากทุกหนว ยในประชากรเรียกวาอะไร 1. การสํารวจ 2. การสํามะโน 3. การสาํ รวจดว ยตัวอยาง 4. การสํารวจทะเบียนประวตั ิ 7. ขอ ใดตอไปนี้ ไมใ ชขอมลู แสดงปรมิ าณ 2. รายไดข องแมคา 1. อายขุ องคนงาน 4. เบอรรองเทาที่นกั เรยี นใส 3. จํานวนสมุดของนกั เรยี น 8. ขอ ใดไมใ ชขอ มูลเชงิ ปริมาณ 2. นํ้าหนัก 1. ความสงู 4. เพศ 3. อายุ
160 c คณิตศาสตร ม.4-6 พืน้ ฐาน เลม 5 9. ขอ มูลสถติ ิมีลักษณะตรงกบั ขอ ใด 1. ขอ เทจ็ จรงิ ท่ีไดจ ากหนวยเดียว 2. ขอ เทจ็ จริงเกี่ยวกับเร่อื งท่ีเราสนใจ 3. ขอ เทจ็ จรงิ ทเ่ี ปน ตวั เลขแสดงจาํ นวนจากประชากร 4. ขอมูลหรอื ขอเทจ็ จรงิ ทไ่ี ดจ ากกลุมตวั อยา ง 10. ขอ ใดตอ ไปนี้ ไมถ ูกตอ ง 1. ประมาณคา สถติ จิ ากตวั อยาง 2. พารามิเตอรห มายถึงตวั เลขทีใ่ ชอ ธิบายลกั ษณะประชากร 3. ขอมูลท่เี ปน ตัวเลขเปน ขอมูลทีแ่ สดงถงึ ปริมาณ 4. ประวตั ิจากระเบียบสะสมเปน แหลง ขอ มูลปฐมภูมิ 11. ขอใดตอไปน้ีเปนเทจ็ ( O – NET: ป กศ.51/52) 1. สถติ ิเชิงพรรณนาคือสถติ ิของการวเิ คราะหขอมูลช้ันตนท่ีมุงอธบิ ายลกั ษณะกวา งๆ ของขอ มลู 2. ขอ มูลทีเ่ ปน หมายเลขท่ใี ชเรยี กสายรถโดยสารประจาํ ทางเปนขอ มลู เชงิ คุณภาพ 3. ขอมลู ปฐมภูมคิ อื ขอมลู ท่ผี ูใชเ กบ็ รวบรวมจากแหลงขอมลู โดยตรง 4. ขอ มูลท่นี ักเรยี นรวบรวมจากรายงานตา งๆ ท่ีไดจากหนวยงานราชการเปนขอมูลปฐมภมู ิ 12. ในกรณีที่มีขอมูลจํานวนมาก การนําเสนอขอมูลในรุปแบบใดตอไปนี้ทําใหเห็นกระจายของขอมูลได ชดั เจนนอยที่สุด (O – NET: ป กศ.51/52) 1. ตารางแจกแจงความถี่ 2. แผนภาพตน – ใบ 3. ฮิสโทแกรม 4. การแสดงคา สังเกตทกุ คา 13. ขอ ตอ ไปนผ้ี ลกระทบตอ ความถกู ตอ งของการตดั สนิ ใจโดยใชส ถติ ิ ยกเวน ขอ ใด (O–NET: ป กศ.51/52) 1. ขอ มลู 2. สารสนเทศ 3. ขา วสาร 4. ความเชื่อ 14. ในการใชสถิติเพื่อการตัดสินใจและวางแผน สําหรับเรื่องท่ีจําเปนตองมีการใชขอมูลและสารสนเทศ ถาขาดขอ มูลและสารสนเทศดังกลาว ผตู ดั สินใจควรทําข้นั ตอนใดกอ น (O – NET ป กศ.52/53) 1. เก็บรวบรวมขอมูล 2. เลือกวธิ ีวเิ คราะหขอ มลู 3. เลอื กวธิ ีเก็บรวบรวมขอมลู 4. กาํ หนดขอ มลู ทีจ่ ําเปนตองใช 15. ครูสอนวทิ ยาศาสตรมอบหมายใหน ักเรยี น 40 คน ทําโครงงานตามความสนใจ หลังจากตรวจรายงาน โครงงานของทุกคนแลว ผลสรปุ เปน ดังน้ี ผลการประเมนิ จํานวนโครงงาน ขอ มลู ทเี่ กบ็ รวบรวม เพอ่ื ใหไ ดผ ลสรปุ ขา งตน เปน ดเี ยี่ยม 3 ขอมูลชนิดใด (O – NET ป กศ.52/53) ดี 20 1. ขอ มลู ปฐมภมู ิ เชิงปรมิ าณ พอใช 12 2. ขอ มลู ทตุ ยิ ภูมิ เชงิ ปรมิ าณ ตอ งแกไข 5 3. ขอมลู ปฐมภูมิ เชงิ คณุ ภาพ 4. ขอ มูลทุตยิ ภูมิ เชงิ คุณภาพ
Search