ลาโพงลาโพงเป็นอุปกรณท์ ่ีทาหน้าที่เปลยี่ นแปงพลงั งานไฟฟา้ ให้เปน็ พลังงานเสยี งในยทุ ธจักรองลาโพง สามารถแบ่งชนดิ ของลาโพงเปน็ 2 แบใหญๆ่ คอื1. ลาโพงแบบไดนามคิลาโพงแบบนเ้ี ป็นที่นยิ มใช้กันอยา่ งกวา้ งขวางในวิทยุ, โทรทัศน์, เครอ่ื งเสียงเกรดตา่ ไปจนถงึ เกรดสูง โดนมีส่วนประกอบดังน้ี- ขอบลาโพง - กรวยลาโพง - โครงลาโพง - วอยซค์ อยล์- ข้ัวตอ่ สาย - วัตถหุ ย่นยืด - แมเ่ หล็ก - ตวั ยึดแม่เหลก็สัญญาณเสยี งท่ีถกู แปงเปน็ พลังงานไฟฟา้ จากเครื่องขยายเสยี ง จะถกู ส่งผ่านมายังขดลวดทเ่ี รยี กว่า \" วอยซ์คอยล์ \"ซงึ่ วางอย่ใู นช่องแคบของสนามแมเ่ หล็กถาวร การเปลย่ี นแปลงทางแรงเคลือ่ นไฟฟ้าในวอซค์ อยล์ อันก่อ้ให้เกดิสนามแมเ่ หล็กไฟฟ้าไปเสรมิ และผลักกบั สนามแมเ่ หลก็ ถาวร เนือ่ จากขดลวดวอยซ์คอยล์ยดึ ติดกับกรวยลาโพง ซึ่งเป็นแผ่นบางๆ แรงดดู และผลักจะทาใหก้ รวยลาโพงกระพอื ไปตามความถ่ีเสียง กาเนิดเป็นเสียงออกมาเหมือนอยา่ งสญั ญาณตน้ แบบลาโพงแบบไดนามิค บางชนดิ ทาเปน็ แผ่นพเิ ศษออกไปอยา่ งเชน่ เป็นแบบรบิ บอน หรือเป็นแบบใบไม้ ซง่ึ เปน็ ลาโพงทวที เตอรท์ ี่ใชข้ ับความถเ่ี สยี งต้ังแต่ 3 KHz ขึน้ ไป โดยทวีทเตอร์ท่เี ป็นริบบอนจะไม่มีวอยซค์ อยล์ใหเ้ ห็นชัดๆ แต่จะมีขดลวดตวั นาเลก็ ๆ ซ่ึงทาจากไมก้าหรือสารสังเคราะห์ท่คี ุณสมบตั ไิ กล้เคียงกนั เยอ่ื น้ีจะเคล่ือนที่เขา้ ออกตามสัญญาณไฟฟ้า ทาใหเ้ กิดเป็นพลงั งานเสียงออกมา2. ลาโพงแบบอเิ ลคโตรสแตติคลาโพงแบบนบี้ างคนอาจจะไม่คนุ้ เคยนกั เพราะใช้ในงานบางงานเท่านน้ั หลกั การของลาโพงแบบนี้กค็ ือ ต้องประกอบดว้ ยแผ่นตวั นาไฟฟ้า( Conductive Plate )สองแผน่ บางๆ แผ่นอเิ ลคโทรดในแบตเตอรี อเิ ลคโทรดน้ีต้องมแี รงเคล่ือนไฟฟา้ ป้อนอยู่ตลอดเวลา เพือ่ ใหเ้ กิดสนามไฟฟา้ ในช่องวา่ งระหว่างแผน่ เย่อื บางๆ ท่อี ยู่ระหวา่ ง้แผ่นตวั นาท้ังสองจะรับแรงเคลอ่ื นไฟฟ้าจากเคร่ืองขยายเสียงเขา้ มา การส่ันไหวตามสัยญาณไฟฟ้าจะทาให้เกิดเสยี งขน้ึ--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------ลาโพง ( LOUND SPEAKER. )ลาโพงเป็นอปุ กรณท์ ่เี ปล่ียนสัญญาณไฟฟ้าให้อยู่ในรปู สัญญาณเสียงในรูปการส่นั สะเทือน ทาให้อากาศท่ีอยรู่ อบๆลาโพงเกิดการสนั่ สะเทือนเรว็ ก็ได้ความถีส่ งู ( เสยี งแหลม ) ออกมา ถ้าส่นั สะเทือนชา้ ก็ได้ความถีต่ ่า ( เสียงทุ้ม )ออกมา ดงั นน้ั ความสาคญั ของลาโพงก็อยู่ทีก่ ารส่ันสะเทือนทีต่ วั ลาโพงสามารถทาได้ การสั่นส้ะเทือนดังกล่าวจะได้กว้างหรือแคบ ครอบคลมุ ย่านความถีเ่ สยี งมากน้อยแค่ไหน ขนึ้ อย่กู ับโครงสร้างของลาโพงท่ีผลิตขนึ้ มา
- โครงสร้างของลาโพง1. ตะแกรงเหล็กโปรง่ ( METAL GRILLER. ) ไว้ปอ้ งกันการถูกกระทบของกรวยลาโพงหรือวอยส์คอยล์ ป้องกันการชารดุ เสียหายของลาโพง2. กรวยลาโพง ( CONE. ) หรอื ไดอะแฟรม ทาหน้าทสี่ ัน่ ตามสญั ญาณเสียง เพื่อทาให้อากาศรอบๆ ลาโพงสน่ ตามทาใหเ้ กดิ เสยี งข้ึน3. วอยสค์ อยล์ ( VOICE COIL. ) เปน็ ขอลวดรับสญั ญาณเสียงในรปู สญั ญาณไฟฟ้ามาเปล่ียนเป็นสนามแม่เหลก็ไฟฟา้ ไปผลักดนั กบั สนามแมเ่ หลก็ ถาวร ทาใหเ้ กิดมากส่นั ของวอยลค์ อยล์ ไปทาใหก้ รวยลาโพง หรือไดอะแฟรมสัน่4. แม่เหล็กถาวร ( MAGNET. ) ช่วยผลักดนั กบั แม่เหล็กไฟฟ้าจากวอยลค์ อยล์ ทาใหเ้ กดิ เปน็ สัญญาณเสยี งขนึ้5. สว่ นยึดแขวนวอยสค์ อยล์ ( SPIDER. ) ชว่ ยยดึ วอยสค์ อยล์ใหส้ ามารถลอยตวั อยู่ในร่องของสนามแม่เหล็กถาวรได้ โดยไม่เบียดหรือเสยี ดสกี ับขอบของแม่เหล็กถาวร6. ฟองน้ายึดขอบกรวย ( FORM. ) ช่วยทาให้การสน่ั ตวั ของลาโพง สะดวกข้นึ คุณภาพของกรวยตอบสนองความถี่เสยี งของลาโพง7. โครงห้มุ ลาโพง ( CAST FRAME. ) เป็นโครงยึดสว่ นประกอบต่างๆของลาโพงใหอ้ ย่ใู นตาแหนง่ ท่ถี ูกต้อง และไว้เปน็ สว่ นยึดลาโพงเข้ากับตลู้ าโพง---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------SPL (Sound Pressure Level)ลาโพง SPEAKERSหน้าทห่ี ลกั ของลาโพง คือ เปลย่ี นสัญญาณไฟฟ้าใหเ้ ปน็ คลน่ื เสยี ง ลาโพงจะมีตวั ขับเสยี ง เรยี กว่า \"ไดรเวอร์Driver \" ไดรเวอรม์ ีมหี ลายแบบทงั้ แบบเปน็ กรวยและเปน็ โดมไดรเวอร์ขนาดใหญ่น้ัน เรยี กวา่ \" วฟู เฟอร์
Woofer \" ซงึ่ มหี ลายขนาด ตัง้ แต่ 6,8,10,12 หรอื มากกว่า ถัดมากเ็ ปน็ ไดรเวอร์ขนาดทเ่ี ล็กลงมา เรยี กวา่มดิ เรนจ์ มหี นา้ ท่ีขับเสยี งกลาง และตัวท่ีเล็กท่ีสดุ คอื ทวีทเตอร์ ทาหนา้ ที่ขบั เสยี งแหลม ภายในลาโพงจะมีครอสโอเวอร์ เน็ทเวอรค์ CROSSOVER NETWORK ทาหนา้ ทใ่ี นการตดั แบ่งความถ่ี เชน่ จะตดั เสียงทุ้มส่งไปยงั วูฟเฟอร์ เสียงกลางไปมดิ เรนจ์ และเสยี งแหลมไปทวิทเตอร์ ทางดา้ นชนดิ ของวัสดุทน่ี ามาทากรวยลาโพง ก็มีอยหู่ ลายชนิด เชน่ กระดาษ พลาสตคิ ไปจนถึงอะลูมเิ นียม และวสั ดุผสมพิเศษอีกมากมาย ตามถนดั ของผ้ผู ลิตด้านท้ายของกรวยลาโพงทุกแบบจะตดิ เอาไว้ด้วยเส้นลวดสองเส้นซ่ึงถกู ตดิ ไว้อีกทีกับขดเสน้ ลวดท่พี นั กนั ไว้เพือ่ นท่ีจะสรา้ งสนามแมเ่ หล็ก เมื่อมกี ระแสไฟไหลผ่านมาเขา้ ขดลวด จะเกดิ สนามแม่เหล็กขึ้นบรเิ วณรอบๆ และจะทาปฏกิ ริ ยิ ารว่ มกับสนามแม่เหล็ก เมือ่ มีสนามแมเ่ หลก็ เกิดขนึ้ ทัง้ สองฝ่ัง ทั้งสองย่อมจะเกิดการผลกั กนั โดยจะผลกั ทตี ัวขดลวด แล้วต่อแรงสนั่ ไปยังเส้นลวดน้กี จ็ ะไปส่ันกรวยลาโพงอกี ที จนเกิดมาเปน็ เสียงให้เราได้ยินสว่ นตวั ตลู้ าโพงน้นั กเ็ ปน็ สิง่ สาคญั เช่นกนั ตูล้ าโพงท่ดี ีนนั้ ตอ้ งแข็งแรง รับแรงอดั ของกรวยลาโพงได้ ถ้าตู้ไม่แข็งแรง จะไปทาเสียงเกดิ อาการ พร่ามัว เสียงก้องอู้ และจะลดทอนคณุ ภาพเสยี งในทุกๆดา้ น ตู้ลาโพงน้นั มีการออกแบบหลักๆอยู่ สองแบบ แบบแรกคือ ลาโพงตู้ปิด( SELAD ACOUSTIC SUSPENSION) หมายถงึ ตัวตู้ลาโพงจะปดิ ไม่ปลอ่ ยให้อากาศไหลออกจากตู้ และอีกแบบคอื ต้เู ปดิ (PORT BASS REFLEX ) จะเปิดชอ่ งว่าง สาหรับเป็นทางผา่ นของอากาศท้งั ส่วนท่ีจะเขา้ หรือจะออก ซ่งึ เป็นผลเนอื่ งจากการเครือ่ นท่ีของกรวยท้ังสองทิศทางพจิ ารณาในการเลอื กซอื้ หรือนาลาโพงมาจัดไวท้ ี่ระบบทค่ี ุณมี ควรคานึงถงึ คือ ขนาดห้องซ่ึงถา้ คณุ นาลาโพงท่ีมขี นาดใหญไ่ ปไว้ท่หี ้องซ่ึงมีขนาดเลก็ จะทาเสยี งมลี ักษณะ เบลอบวม ของวูฟเฟอร์ การคานงึ ถึงสเปคของลาโพง1ค่าความไว SENSITIVITYคอื คา่ ทีจ่ ะบอกประสิทธใิ นการแปลงสัญญาณไฟฟาให้เป็นเสียง เช่น ลาโพงคู่หนงึ ระบุความไวในสเปควา่เท่ากบั 86 dB/ 1w/1m ก็หมายความวา่ ถา้ มกี าลังขับจากแอมปจ์ านวน หน่ึงวตั ตผ์ ่านเข้าไป ก็จะไดค้ ่าความดังเท่ากบั 86 เดซเิ บล โดยวัดหา่ งจากลาโพงถึงจดุ ฟังเท่ากบั หนงึ่ เมตร2 คา่ ความตา้ นทาน หรืออมิ พแี ดนซ์( IMPEDANCE )
ลกั ษณะคอื การส่งกระแฟไฟฟ้าจากแอมปไ์ ปยงั ลาโพง ถ้าลาโพงมคี า่ อิมพแี ดนซส์ งู กระแสไฟฟ้าจากแอมปจ์ ะเขา้ ไปทลี่ าโพงได้ยาก และจะทาให้แอมปท์ างานหนกั มากขน้ึ3ความสามารถในการทานกาลังขับ (POWER HANDLING)จะเป็นตัวบอกวา่ คณุ ควนนาลาโพงนไี้ ปใช้ร่วมกับแอมปก์ ี่วตั ต์ โดยท่ัวไปลาโพงส่วนมากจะระบุไวส้ องคา่ คอืคา่ ตา่ สดุ และสงุ สุด เช่น แนะนาให้ใชร้ ่วมกับแอมปท์ ี่ 30-300 วัตต์ ซึ่งกห็ มายถึง นาลาโพงนี้ไปใช้งานร่วมกับแอมป์ ไดต้ ้ังแตแ่ อมป์มีกาลงั ขับที่ 30 ไปจนถงึ แอมปท์ ่ีมกี าลงั ขบั 300 วตั ต์ ถา้ คณุ ใชล้ าโพงคนู่ ก้ี บั แอมป์ทม่ี ีกาลงั ขับต่ากวา่ ลาโพงของคุณก็จะไม่คอ่ ยดงั คุณจึงอาจต้องเปดิ ใหด้ ังมากขึ้นเรอื่ ยๆ ก็จะเกิดความเพ้ียนและความเพีย้ นนจี้ ะไปทาลายลาโพงนัน้ ในทสี่ ุดก็\" พงั \" ฉะนนั้ อยา่ ใช้แอมป์ท่ีมกี าลงั ขบั ต่ากวา่ ทล่ี าโพงกาหนด แต่ถ้าในทางกลบั กนั อาจมีปัญหาน้อยกว่า.สว่ นลาโพงทตี่ ้องเพ่ิมขึ้นในระบบโฮมเธยี เตอร์น้ัน คือลาโพงเซน็ เตอร์(CENTER CHANNEL SPEAKER SYSTEMS)กค็ ือเปน็ ลาโพงทชี่ ่วยให้การรับฟงั เสียงสนทนาของภาพยนตรส์ มจริง เพราะถา้ ไม่มีลาโพงเซ็นเตอร์ในระบบการไดย้ นิ เสยี งตัวละครสนทนากนั จะได้ยนิ จากลาโพงซา้ ย/ขวา ซึง่ ทีจ่ ริงควรจะไดย้ นิ จากตรงกลางลาโพงเซอร์ราวนด์ ( SURROUND SPEAKER SYSTEMS)ลาโพงเซอรร์ าวนดม์ ีไว้เพอ่ื สรา้ งบรรยากาศดา้ นหลงั และข้างเพื่อรับความต่อเน่ืองจากลาโพงคหู่ น้า สร้างบรรยากาศให้คลา้ ยผู้ชมกาลังรว่ มเหตกุ ารณอ์ ยู่กับภาพของภาพยนตร์ มไิ ด้เพยี งร้สู กึ วา่ มเี สยี งวิ่งจาก ซ้ายไปขวาทา่ นั้น แตจ่ ะรู้สกึ ว่าเสียงน้ันวง่ิ วนรอบอยู่ตัวของผชู้ มซับวูฟเฟอร์ ( SUBWOOFER)
คือลาโพงที่ทาหน้าที่ถ่ายถอดสญั ญาณเสียงตา่ โดยเฉพาะ ตั้งแต่30 Hz ลงมาเสยี งของซับวูฟเฟอรท์ ด่ี ีน้ันจะให้ความรู้สึกสน่ั สะเทอื นในยา่ นความถีต่ า่ ได้ แต่จะตอ้ งไม่บวมเบลอ ไล่เสียงจากตา่ ไปจนถึงตา่ มาก ไดอ้ ย่างไม่สะดดุ ซับวูฟเฟอรม์ ีอยู่สองชนิดคอื แบบมแี อมปใ์ นตวั และแบบไมม่ แี อมปใ์ นตัวน้นั จะมีแอ็คทีฟ ครอสโอเวอร์ไวจ้ ะตัดเอาความถต่ี า่ ทตี่ ัง้ ไว้เทา่ นั้นเข้ามาและทางาน สว่ นในแบบที่ไม่มแี อมปใ์ นตัวจะเหมาะกับลาโพงที่ออกแบบมาด้วยกนั เป็นชดุ แลว้ เพราะจะทางานประสานกนั ไดด้ กี ว่าcomments:ไมว่ ่าจะเป็นลาโพงแบบไหน การจะไดม้ าและใช้ประกอบเข้ากับ systemทมี่ ีอย่แู ล้วไดอ้ ย่างลงตวั น้นั ควรได้ลองฟัง และทดสอบกอ่ น มิใชฟ่ งั เฉพาะโฆษณา หรอื คาบอกเล่าเทา่ น้ัน SOUND ปญั ญาใหญ่ทีส่ ุดท่ีทาใหก้ ารจัดระบบเสยี งนนั้ ลม้ เหลวคือ \"เสยี งท่ดี ีเปน็ อยา่ งไร\"เสยี งทด่ี ีต้องให้ ค่าเฉลี่ย ของแตล่ ะความถี่เสียงมรี ะดบั พอๆกนั ไม่ใชเ่ สียงแหลมโด่ง เสยี งกลางจม เบา เสียงทุ้มตกถ้าเสียงแหลมตกจะเหมอื นมีม่านกน้ั ระหวา่ งเรากบั วงดนตรี เสยี งจะแหง้ ๆทึบ ไม่เปิดโลง่ โปรง่ ไม่มีความกงั วาล ถา้ เฉพาะปลายแหลม ( ความถี่ 10 kHz ขนึ้ ไป ) ตกจะเหมอื นแต่ละโน๊ต หรือการแตกตัวของอากาศรอบจุดกาเนดิ เสียงไมว่ า่ จะเปน็ โนต๊ ของเครือ่ งดนตรีใด ( ไมใ่ ช่เฉพาะเสยี งแหลม ) ถ้าเปน็ เสยี งรอ้ งก็ไมม่ ีเสียงลมหายใจจากคารอ้ ง ฟังดา้ นๆปลายแหลมไม่พรวิ้ เสียงเคาะเสยี งเกาเคร่ืองดนตรีจะขาดความคมชัดไม่ร้ถู งึ การ \" กระทบ\" ของการกรีด การดดี การตี การเคาะเสียงกลางสงู ตก ( แถวๆ 2 kHz-3 kHz ) เสยี งกระแทกจะเหมือนขาดน้าหนัก ตีกลองเหมือนเอาผ้าหุ้มหัวตีก่อน เสยี งเปียโนเหมือนสายเปยี โนหุม้ ผา้ เสียงแกว้ แตกกระแจกบนพื้นปนู เหมือนพรมหนา ประกายของเสียงหายไป เหมือนดูภาพเครื่องโครเม่ยี มแก้ว ที่มีฝนุ่ ละเอียดเกาะทผี่ ิวทาให้หมอง เสยี งรอ้ ง จาก \" ก \" \" ค\" \"ไม่ชัด เสยี งริมฝีปากไม่ได้ยนิ เหมือนเสียงรอ้ ง โดยริมฝีปากไมแ่ ตะกนั \" พีเพิล้ \" เป็น \" อีเกิ้ล \" แต่ถา้ กลางสูงมากไป จะกลับตรงข้ามอะไรท่ีอาจหายไปเมื่อมนั ตก จะถูกเน้นขึน้ มา เสยี งร้องถูกกระแทกชัดเหมือนจีบปากจีบคอร้อง ตัว \" ก \" ออกเสยี งเปน็ ตวั \" ข\" ขาดความฉอเลาะ เสียงไวโอลิน,เปยี โน แขง็ กระดา้ ง ท้งั หมดเหมือนเสียงอีเล็คโทรนิคส์ เสียงรอ้ งอาจถงึ กบั จมกู บ้ี ขณะเดียวกันถา้ ปลายแหลมมากไปฟังนานๆ จะเจบ็ หู ปลายแหลมเหมือนถูกสาด ทมิ่ ออกมา จนกลบเสยี งกลางหมด เสียงปลายแหลมมีอิทธิพลมาก แม้ไมโ่ ด่งเกินไปกว่าปกติไม่มาก แต่ก็มากพอท่ีจะแย่งความสนใจของเสียงช่วงอนื่ ๆ ไดห้ มด ปลายแหลมทด่ี ตี ้องออกมาอย่างผ่อนคลายไม่สบัด \"s\" ตัว \"ส\" ตอ้ งฟังสะอาดไมพ่ ร่า ถ้ามากไปเสียงตัว \" ก \" จะเป็น \"ก+ง\" เชน่ \" กนิ \" กเ็ ปน็ \" กงนิ \"อาจฟงั เผนิ ๆไมก่ นี่ าทเี หมือนมันชัดดี แตจ่ ะเฉพาะปลายแหลม เสียงกลางต่าจะไม่ชดั เจน ถ้ามากไปจะกลบหางเสยี งก้องทต่ี ามมา จึงฟังหว้ นๆทรงชนิ้ ดนตรีผอมแหลมเปน็ เข็มเสียงกลาง( แถวๆ 800-1,000 Hz ) ถา้ มากไปเสียงนกั ร้องจะผอมบางขาดนา้ หนัก เสียงนกั ร้องชายขาดความเป็น ชายเหมือนเสียง \" กระเทย\" เสียงนกั รอ้ งหญงิ จะตบี เสียงเคร่ืองดนตรีแข็งกระดา้ งขนึ้ เสยี งตีกลองใบใหญ่กลายเป้นใบเล็กลง เสยี งทัง้ หมดบางทีเหมือนตะโกนผ่านปากแตรโลหะ (บ)ี้ ถ้าตกลง เสียงนักร้องจะจม
ขาดความคมชดั ถอ้ ยชัดคาการตอกบา้ เสยี งเหลาะแหละ และจะกลับส่งเสริมใหเ้ หมือนกลางสูงและสูงถูกยกขนึ้กวา่ ปกติเสียงกลางตา่ (300-800 Hz) ถ้าตกลงเสยี งร้องลงท้องไม่มขี าดน้าหนกั ขาดการตอ่ เน่ืองจากกลางไปสูเ่ สยี งตา่ทาใหไ้ ม่ประสานกลมกลืนกันเหมอื นดนตรตี ่างคนตา่ งเล่นทรวดทรงชิ้นดนตรีแบนไมม่ ีสว่ นเวา้ นนู เปน็ กอ้ นสามมิติ เสียงเบสเหมือนถูกปลอ่ ยเกาะ ความฉอเลาะ อ่อนช้อยละมนุ โรแมนตกิ ของเสยี งไมม่ ี เหมอื นถกู บงั คับให้เล่นดนตรหี รอื รอ้ งกนั ไปเสียงต่า (75-150 Hz) เป็นเบสโดยตรง เป็นตวั เดนิ เบสโดยเฉพาะที่ 125-150 Hz ถา้ ขาดหายไป, เบสจะหายทง้ั วงเหมือนขาดจงั หวะโคน เหมือนตน้ ไม้ทโี่ อนเอนอยู่บนเลน บ้านท่ไี ม่มเี สาเขม็ น้าหนักเสียงหายหมด ทกุ ชิน้ดนตรที ้งั วงเหมือนเล่นกนั เท้าไมต่ ิดพื้น และกลางเหมือนถูกโยนออกมาอยา่ งแบนๆ วงแบนไม่มีลาดบั ตน้ื ความหวานอบอนุ่ หายไป ถา้ โด่งข้ึนมาจะฟงั มัน จังหวะถูกเน้นถ้ามากไปอาจกระตุน้ การก้องของตลู้ าโพงและหอ้ งการกอ้ งจะมมี ากถา้ อาการโดง่ เปน็ มากแถวๆ 200-250 Hz การขาดท่ี 75 Hz เบสจะไม่มีฐานเหมือนตอกเสาเขม็ ทไี่ ม่มกี ารสนั่ กระห่ึมตามมา เสยี งกลองใหญจ่ ะไม่ใหญ่จริงขาดการกระพือยวบยาบของหนังกลองไล่ตามเสียงกระทบมา ขาดความกระหึ่มเร้าใจ เสียงทงั้ หมดฟงั ดยู ่อส่วนลงไม่อลังการณโ์ อโ่ ถง แต่ถา้ ท่ี 75 Hzมากไป จะเพ่ิมความข่นุ การส่นั ค้างไม่เกิดความเดด็ ขาดเหมือนมีหมอกฟงุ้ ตลบในวงอาจกระตนุ้ การวูบวาบท่ีเกดิ จากเสียงต่าลกึ ท่ีมาถึงหูซา้ ยและขวา ไมพ่ ร้อมกนั หรือคนละจงั หวะกนั น่าราคาญและแกย้ าก เบสจะหนัดแนน่ แบบไม่มเี รอ่ื งราว รายละเอียดเพราะขาดหัวโนต๊ มแี ตต่ ัวความถ่ีต่ากว่า 50 Hz จะใหแ้ ต่ \" ความร้สู กึ \" ถึงการไหลออกมาปะทะตัวเราของเสียงเบส การดิ่งลงพนื้ ของเสียงเบสไม่ฟุ้งกระจาย (แต่ไหลออกมาหาตัวเรา) ให้บรรยากาศของวง เวทีเสียงกว้างโอบตัวเรามากข้ึน ถา้โดง่ มากเบสจะพร่ามัวกลบรายละเอียดหยุมหยิม ถ้าขาดไปจะไมค่ อ่ ยร้สุ ึกเท่าไหร่ บางทีอาจฟังเบสกระชับขน้ึ
Search
Read the Text Version
- 1 - 6
Pages: