Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Module 4 TH

Module 4 TH

Description: Module 4 TH

Keywords: IIEP4

Search

Read the Text Version

ผลการเรยี นรู้ทค่ี าดหวงั เม่ือเรยี นบทท่ี 3 จบแลว้ ผูเ้ รยี นควรสามารถ • ระบปุ ัจจัยต่าง ๆ ท่ีมีผลกระทบต่อคุณภาพได้ • ตระหนกั ในกลยุทธท์ ่ใี ชป้ รบั ปรงุ ด้านต่าง ๆ ของคณุ ภาพการศกึ ษา • อธิบายปัจจัยทมี่ อี ิทธพิ ลตอ่ แรงจูงใจของครูได้ • เสนอแนะกลยทุ ธเ์ พอื่ ปรบั ปรงุ ผลการปฏบิ ตั งิ านของครโู ดยเฉพาะครศุ กึ ษา และการสรา้ งแรงจงู ใจได้ • อธิบายเหตุทีต่ อ้ งเน้นการทำ� หนา้ ทขี่ องโรงเรยี นเพ่อื ประโยชน์ต่อการพฒั นาคุณภาพได้ • นำ� เสนอและอภปิ รายปัจจยั ทม่ี อี ิทธพิ ลต่อการทำ� หน้าทอี่ ยา่ งมปี ระสิทธิผลของโรงเรียนได้ • เข้าใจบทบาทที่ส�ำคัญของผอู้ �ำนวยการโรงเรียน และชมุ ชนในการพฒั นาคณุ ภาพของโรงเรียน • ประเมินกลยทุ ธ์ต่าง ๆ ทน่ี �ำเสนอได้ โดยใช้หลกั เกณฑก์ ารประเมินซึ่งระบไุ ว้ในตอนที่ 3 ของบทท่ี 1 เรื่อง ความเปน็ ที่ต้องการ การมีค่าใชจ้ า่ ยเหมาะกับงบประมาณ ความยั่งยืน และความเป็นไปได้กรอบเวลา • บทน้ใี ชเ้ วลาศกึ ษาประมาณสปั ดาหล์ ะ 8 ชว่ั โมงค�ำถามท้ายบท • ผเู้ รยี นจะต้องตอบคำ� ถามตลอดบทน้ดี ว้ ยตนเองก่อนน�ำไปเปรียบเทียบและอภิปรายกบั เพื่อนรว่ ม กลมุ่ และผปู้ ระสานงานกลมุ่ ในการประชมุ กลมุ่ ประจำ� สปั ดาห์กจิ กรรมกลุ่ม • ตอนทา้ ยบทนผ้ี ูเ้ รียนจะต้องท�ำงานกลุม่ ร่วมกบั เพอื่ นในกลุ่ม กิจกรรมกล่มุ นีอ้ อกแบบมาเพื่อชว่ ย ย�ำ้ ความเขา้ ใจหวั ขอ้ หลกั และแง่มมุ ตา่ ง ๆ ของเนื้อหาเอกสารอ่านเพิ่มเติม (ไมบ่ งั คับ) • UNESCO. 2004. EFA Global Monitoring report 2005: The quality imperative, UNESCO Paris, p. 27-37. Available at: www.unesco.org/education/gmr_download/chapter1.pdf. • Anderson, L.W. 2004.“How to increase teacher effectiveness”. In: Increasing teacher effectiveness, Fundamentals of Educational Planning n. 79, Paris: UNESCO/IIEP, pp. 109-117. Available at: http://unesdoc.unesco.org/images/0013/001376/137629e.pdf • Schwille, J.; Dembele, M. 2007. Global perspectives on teacher learning: improving policy and practice. Fundamentals of Educational Planning n. 84, Paris: UNESCO/IIEP, pp. 25-34 and 125-129. Available at: http://unesdoc.unesco.org/ images/0015/001502/150261e.pdf

• Carron, G.; Chau, T. 1996. The quality of primary schools in different development contexts.Paris: UNESCO/IIEP, pp. 245-278. Available at: http://unesdoc.unesco.org/ images/0010/001057/105751eb.pdf• De Grauwe, A.; Carron, G. 2005. Reforming school supervision for quality improvement. Module 1: Supervision, a key component of a quality monitoring system. Paris: UNESCO/IIEP. Available at: www.iiep.unesco.org/fileadmin/user_upload/Cap_ Dev_Training/Training_Materials/Supervision/SUP_Mod1.pdf• The full text of the UNESCO. 2004. EFA Global Monitoring report 2005: The quality imperative is worth reading.• The study by the McKinsey company. “How the world’s most improved school systems keep getting better” offers many useful insights into quality improvement strategies in different contexts. The study is available at: http://www.mckinsey. com/locations/madrid/recentreports/pdf/Informe_World_Improved.pdf• Chapman, J. 2005. Recruitment, retention and development of school principals. Paris: UNESCO/IIEP, pp. 19-30. Available at: http://unesdoc.unesco.org/ images/0014/001409/140987e.pdf• Torres, R.M. 1999. “The New role of the teacher: what teacher education model for what Education model?” In: Bulletin. The Major Project of Education in Latin America and the Caribbean, 49, pp. 37-52.

บทน�ำ บทที่ 3 ศกึ ษาปจั จยั ทมี่ อี ทิ ธพิ ลตอ่ คณุ ภาพ และกลยทุ ธก์ ารพฒั นาคณุ ภาพ การอภปิ รายประเดน็ เหลา่ นี้มคี วามซบั ซอ้ นเพราะเหตผุ ลอยา่ งนอ้ ยสองประการ คอื ประการแรก แนวคดิ เรอ่ื งคณุ ภาพนน้ั ตคี วามไดห้ ลากหลาย (ตามทไ่ี ดก้ ล่าวไวใ้ นหนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 3) และมปี ัจจยั มากมายท่อี าจก่อปญั หาด้านคณุ ภาพ ประการทีส่ อง กลยุทธ์ทเ่ี หมาะสมส�ำหรับการพฒั นาหรอื ปรบั ปรุงคุณภาพการศกึ ษาข้นึ อย่กู ับบรบิ ทเฉพาะของแตล่ ะประเทศ เพราะฉะน้ัน บทนี้จะไม่กล่าวถึงกลยุทธ์ทั้งหมดที่มีผลต่อการยกระดับคุณภาพ ไม่น�ำเสนอกลยุทธ์ทัง้ หมดท่ีอาจบรรจุไว้ในแผนการศกึ ษา และจะกล่าวถงึ ปัจจัยส�ำคญั อ่ืน ๆ เชน่ หนังสอื เรียน อาคารสถานท่ีและห้องสมุดโรงเรียนเพยี งโดยย่อ ไม่ใช่เพราะวา่ ปัจจัยดงั กล่าวไม่สำ� คัญ แต่เพราะวา่ บทนีเ้ นน้ ประเด็นทีค่ วรไดร้ บั ความสนใจพเิ ศษในการอภปิ รายเรอ่ื งการพฒั นาคณุ ภาพ แตล่ ะกลมุ่ จำ� เปน็ ตอ้ งไตรต่ รองวา่ กลยทุ ธต์ า่ ง ๆทีน่ ำ� เสนอในบทน้สี มั พนั ธก์ ับบริบทในประเทศของตนหรอื ไม่

ตอนท่ี 1 ปจั จยั ท่มี ีอทิ ธพิ ลต่อคุณภาพ (Factors influencing quality) ตลอดหลายสบิ ปีผ่านมา ชมุ ชนนานาชาตหิ ันมาสนใจคณุ ภาพการศกึ ษากนั มากขน้ึ และปัจจบุ นั น้ีเป็นที่ยอมรับกันท่ัวไปว่าการจะบรรลุเป้าประสงค์การพัฒนาแห่งสหัสวรรษ และ การศึกษาเพื่อปวงชนได้ต้องมีการศึกษาที่มคี ุณภาพ ใน ค.ศ. 2000 กรอบปฏบิ ตั ิการดาการ์ ถือวา่ คณุ ภาพการศึกษาเปน็ “หวั ใจของการศึกษา” (UNESCO, 2000, p. 17) และก�ำหนดการพฒั นาคณุ ภาพการศึกษาให้เปน็ วตั ถุประสงค์ขอ้ 6วัตถปุ ระสงคข์ ้อ 6. “พฒั นาคณุ ภาพการศึกษาในทุกดา้ น และรับรองความเป็นเลศิ ทง้ั หมด เพอื่ ให้เกดิ ผลลพั ธ์ทางการเรียนรู้ที่ชัดเจนและสามารถวัดได้ โดยเฉพาะในเรื่องการรู้หนังสือ การค�ำนวณตัวเลข และทักษะที่จำ� เป็นต่อชวี ิต”หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี 3 เรอื่ งการวเิ คราะหป์ ัญหาสาขาการศกึ ษา ได้วิเคราะห์แนวคิดเร่ืองคณุ ภาพไปแลว้ ตอนท่ี 1 ของบทนจ้ี งึ จะเสนอสาระส�ำคญั ของกลยทุ ธ์ที่อาจมผี ลกระทบต่อคณุ ภาพการศกึ ษา1.1 รปู แบบการวเิ คราะหแ์ นวคดิ เรือ่ งคุณภาพ(Models to analyse the concept of quality) หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 เรื่องการวิเคราะห์ปัญหาสาขาการศึกษา ได้ให้กรอบการวิเคราะห์คุณภาพการศึกษาไว้แลว้ รูปที่ 1 ข้างล่างนแ้ี สดงรปู แบบทช่ี ่วยระบปุ ัจจยั ท่มี ผี ลกระทบต่อคณุ ภาพ รปู แบบความสมั พนั ธ์ระหว่างปัจจัยน�ำเข้าและผลผลิตนี้(input-output model) แสดงให้เห็นว่าคุณภาพการศึกษาข้ึนอยู่กับปฏสิ มั พันธ์ระหวา่ ง ปัจจยั น�ำเขา้ กระบวนการ ผล และผลลัพธ์ ซ่งึ ล้วนแล้วแต่ไดร้ บั อิทธิพลจากสิ่งแวดลอ้ มท้งั สิ้นรูปที่ 1 รปู แบบปัจจัยน�ำเข้าและผลผลิตปจ จยั นำเขา กระบวนการ สิง่ แวดลอ ม ผล ผลลพั ธ

ค�ำถาม จากรปู ที่ 1 จงเสนอ 2-3 ปจั จยั ท่ีทา่ นคดิ วา่ ควรรวมอย่ใู นแต่ละกลุ่ม (ปจั จยั นำ� เข้า กระบวนการ ผลผลลพั ธ์ และสภาพแวดล้อม) แลว้ เปรยี บเทยี บกับยอ่ หน้าตอ่ ไปนี้ องค์ประกอบที่ระบุในรูปที่ 1(ปจั จัยนำ� เขา้ กระบวนการ ผล ผลลพั ธ์ และสภาพแวดลอ้ ม) อาจรวมสิง่ ต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี • ปัจจยั น�ำเข้า อาคาร อุปกรณ์ ครู นักเรยี น หลักสูตร หนังสือเรยี น ฯลฯ • กระบวนการ กระบวนการสอน ความสมั พนั ธร์ ะหว่างครู ปฏสิ ัมพนั ธร์ ะหว่างผูป้ กครองและครู กระบวนการบรหิ ารจัดการ ฯลฯ • ผล ความรู้ท่ีได้ ผลการสอบ • ผลลพั ธ์ ทศั นคตแิ ละค่านยิ ม ความสำ� เร็จในการหางาน ผลกระทบต่อการพฒั นาสงั คม • สภาพแวดล้อม บรบิ ทดา้ นเศรษฐกิจ สงั คม และการเมอื ง อีกกรอบหนึ่งซึ่งสมบรู ณ์กว่า และละเอยี ดมากกวา่ เปน็ กรอบขององค์การยูเนสโก (รูปที่ 2) ในกรอบน้มี ปี จั จยั เกอื บ 30 ชดุ ท่มี ผี ลกระทบต่อผลสัมฤทธขิ์ องนักเรียนในดา้ นทักษะและคา่ นยิ มที่ไดร้ บั แต่ละปัจจัย(เชน่ “การก�ำกบั ดแู ลโรงเรยี น” หรือ “อปุ กรณ์การเรียนการสอน”) ยังแบง่ ยอ่ ยออกไปได้อีกมาก

รปู ท่ี 2 กรอบรวมคุณภาพการศกึ ษาคุณลักษณะผูเรียน ปจจยั นำเขาเพ่ือคณุ ภาพ ผลลัพธ ทัศนคติ การเรียนการสอน การรหู นังสือ การคำนวณ ความอุตสาหะ ตวั เลขและทกั ษะที่ ความพรอ มทจ่ี ะไป รร. เวลาเรยี น จำเปนตอ ชวี ติ ความรูท่มี ีมากอ น วธิ สี อน ทกั ษะการสรา งสรร อปุ สรรคการเรยี นรู การประเมนิ ผลปอ นกลับ แรงจูงใจ และอารมณ จำนวนนกั เรยี นในหองเรยี น คา นยิ ม ประโยชนทางสังคม ส่อื การเรยี นการสอน โครงสรา งทางกายภาพและวัสดอุ ุปกรณ ทรพั ยากรมนษุ ย ครู อาจารยใ หญ ผตู รวจ ศึกษานิเทศก ผบู รหิ าร การกำกับดูแลในโรงเรียนสถานะของตลาดแรงงานและ บริบท จดุ ยืนทางปรัชญาของผูส อนและผูเรียน มาตรฐานระดบั ชาติความรทู างการศกึ ษาเศรษฐกจิ ในชุมชน ผลของเพือ่ นรว มวัย ความคาดหวังของสาธารณะองคป ระกอบดา นศาสนา สงั คม ความรทู างการศกึ ษาโครงสรา งสนบั สนนุ การสนบั สนุนจากผูปกครอง อุปสงคตลาดแรงงานและวฒั นธรรม ทรพั ยากรสาธารณะเพอ่ื การศึกษา เวลาสำหรบั การเรยี นและการบา น โลกาภิวัตน(กลยทุ ธความชว ยเหลือ) ขดี ความสามารถการแขงขันของ อาชพี ครใู นตลาดแรงงาน กลยุทธการจดั การและการกำกบั ดูแลของประเทศทีม่ า: UNESCO, 2004:36ค�ำถาม ประเทศ ก. ตอ้ งการพฒั นาคณุ ภาพของระบบการศกึ ษา จงึ ตดั สนิ ใจลงทนุ ทรพั ยากรทงั้ หมดในโครงการหนงั สอื เรยี น ซงึ่ เปน็ โครงการขนาดใหญ่ ประกอบดว้ ยการจดั ทำ� และแจกจา่ ยหนงั สอื เรยี น ทา่ นคดิ วา่ การลงทนุทรพั ยากรทงั้ หมดกบั โครงการใหญน่ ม้ี คี วามเสย่ี งอยา่ งไรบา้ ง และควรใชก้ ลยทุ ธใ์ ดควบคไู่ ปกบั โครงการนห้ี รอืไม่

รูปแบบท่ีกล่าวมาท้ังหมดนี้ไม่เพียงแต่สร้างกรอบการวิเคราะห์ท่ีดีเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เป็นเคร่ืองมอื ระบุปัจจัยต่าง ๆ และการผสมปจั จัย ที่ควรพิจารณาในการออกแบบกลยทุ ธเ์ พ่อื พัฒนาคณุ ภาพการศกึ ษากลยทุ ธเ์ หลา่ น้ีอาจรวมเปน็ กล่มุ ตามหวั ข้อต่าง ๆ ตอ่ ไปนคี้ อื กลุ่มกลยุทธข์ องรปู แบบที่เสนอไว้ในรปู ที่ 2 • การพัฒนาคณุ ลกั ษณะของผเู้ รยี น การขยายการศกึ ษาปฐมวยั • การปรบั ปรงุ ปจั จยั น�ำเขา้ ที่เออ้ื ตอ่ การพฒั นาคณุ ภาพ การจดั หาหนงั สอื เรยี นให้เดก็ นกั เรียนทกุ คน การจัดหาคอมพิวเตอรใ์ ห้ทุกโรงเรียน การปฏิรปู การฝึกอบรมครู การเสริมสร้างการนิเทศโรงเรยี น • การปรบั ปรงุ กระบวนการการเรยี นการสอน การจำ� กัดขนาดชน้ั เรยี น การแก้ปญั หาการขาดเรยี นของนกั เรยี น การฝกึ อบรมครูใหร้ ู้จกั ใช้การประเมินนกั เรียนเพือ่ ปรับปรงุ การสอนของตนเอง • การเน้นผลลพั ธ์ให้มากขึ้น การประเมินนักเรียนเป็นประจ�ำ กระทรวงศึกษาธิการในหลายประเทศพบว่าความท้าทายหลักไม่ใช่การระบุกลยุทธ์ที่อาจช่วยพัฒนาคุณภาพได้ แต่คอื การเลอื กกลยุทธท์ อี่ าจมปี ระสทิ ธิผลมากท่สี ดุ ต่อไปน้ีคือค�ำตอบบางประการ1.2 งานวจิ ยั ปจั จัยท่ีมีอิทธิพลต่อคุณภาพ(Research on the factors influencing quality) ได้มีการวิจัยเพ่ือระบุปัจจัยที่มีผลกระทบต่อคุณภาพมากที่สุด และจัดท�ำกลยุทธ์พัฒนาคุณภาพการศกึ ษา การวจิ ยั เหลา่ นพ้ี อจะแบง่ ตามแนวคิดทแ่ี ตกตา่ งกนั ไดเ้ ปน็ สามกลุ่มดงั ตอ่ ไปน้ี 1. การศึกษาหน้าที่การผลิต คือ การศึกษาวิจัยที่พยายามระบุปัจจัยน�ำเข้าที่มีผลกระทบมากท่ีสุดต่อ ผลสมั ฤทธข์ิ องนกั เรยี น งานวจิ ยั กลมุ่ นี้ (ตวั อยา่ งเชน่ งานวิจยั เกยี่ วกับความสำ� คญั ของการจัดหา หนังสอื เรียน หรอื การทข่ี นาดช้นั เรยี นไม่มผี ลกระทบใด ๆ) บางครง้ั ตคี วามอยา่ งงา่ ย เพราะว่าไม่ ใคร่ใส่ใจความสลับซับซ้อนของกระบวนการทแี่ ปลงปัจจัยนำ� เข้าเปน็ ผลลพั ธ์ 2. งานวิจยั อกี กลมุ่ หน่ึงสนใจการท�ำหนา้ ทีข่ องโรงเรียนมากกวา่ แบบแรก ราวกบั เปน็ การโตต้ อบการ วพิ ากษด์ งั กลา่ วในขอ้ 1. ในกลมุ่ นม้ี ที งั้ การศกึ ษาวจิ ยั เชงิ ปรมิ าณขนาดใหญ่ (ทม่ี กั เรยี กกนั โดยทวั่ ไป ว่าการวิจัย “ประสิทธิผลของโรงเรียน”) และกรณีศึกษาซ่ึงบรรยายและวิเคราะห์กระบวนการการ พัฒนาคณุ ภาพ (ท่ีเรยี กวา่ การวิจยั “การพัฒนาโรงเรียน”) 3. การวิจัยอีกประเภทหนึ่งอาจเรียกได้ว่า การวิจัย “การปรับปรุงระบบ” ซ่ึงเน้นการวิเคราะห์ความ กา้ วหนา้ ของคณุ ภาพของระบบการศกึ ษาเชงิ เปรยี บเทยี บ (โดยทว่ั ไป วดั เปน็ ผลสมั ฤทธข์ิ องนกั เรยี น ในการทดสอบครั้งใหญ่ระดับนานาชาติ) การวิจัยในลักษณะน้ีระบุชุดกลยุทธ์ที่น่าสนใจ ซ่ึงใช้ ปรบั ปรงุ คณุ ภาพของระบบการศกึ ษาทมี่ ผี ลสมั ฤทธ์ิ(เฉลย่ี )ของนักเรียนตา่ ง ๆ กนั ได้ (อา้ งองิ ถงึ ใน

รายงานของ McKinsey เรื่อง How the World’s Most Improved School Systems Keep Getting Better, 2010) งานวจิ ยั เหลา่ นม้ี ขี อ้ สรปุ ทบี่ างครง้ั แตกตา่ งกนั และอาจดเู หมอื นขดั แยง้ กนั เชน่ ในเรอ่ื งผลกระทบทแี่ ท้จริงของการฝึกอบรมครูก่อนประจ�ำการต่อระดับผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน แต่ความขัดแย้งนั้นเกิดจากบริบทท่ีแตกต่างกันอย่างมีนัยส�ำคัญของประเทศต่าง ๆ ท่ีได้มีการศึกษาวิจัย (ในด้านสภาพโครงสร้างพื้นฐานของโรงเรยี น ระดับการศกึ ษาของครู คุณภาพของหนงั สอื เรียน ฯลฯ)บทเรียนส�ำคญั ทไี่ ด้จากการศกึ ษาวจิ ัยเหล่าน้ีพอสรุปได้ดังต่อไปนี้ ประการที่หน่ึง การปรับปรุงไม่อาจเกิดข้ึนได้จากการลงทุนในปัจจัยใดปัจจัยหน่ึง หรือสองสามปจั จัยที่ไม่เกี่ยวข้องกนั ความเปน็ จรงิ ในหลายประเทศไดแ้ สดงว่า การเพ่มิ ขึน้ อย่างรวดเร็วของสงิ่ ใดส่งิ หนงึ่เช่น หนังสือเรยี น จะไมท่ �ำใหเ้ กิดการเปล่ียนแปลงดขี ึน้ อยา่ งรวดเร็วได้ ผลการเรียนท่ตี า่ งกันของนกั เรยี นในตา่ งระบบการศกึ ษา และตา่ งโรงเรยี นไมไ่ ดม้ สี าเหตจุ ากปจั จยั ตา่ ง ๆ เปน็ อสิ ระจากกนั แตเ่ กดิ จากการทหี่ ลายปัจจยั มผี ลตอ่ กนั และกนั เช่น วัสดุ บุคลากร และทรพั ยากรเชงิ องคก์ รอนื่ ๆ ที่จำ� เปน็ ต่อการท�ำหน้าที่ได้ถูกตอ้ งของระบบ และการปฏสิ มั พนั ธร์ ะหวา่ งระบบกบั สภาพแวดลอ้ ม (เชน่ พอ่ -แม/่ ผปู้ กครอง ชมุ ชนในทอ้ งถนิ่ผู้จา้ งงาน ฯลฯ) ทั้งหมดท่ไี ดก้ ลา่ วมานแ้ี สดงใหเ้ ห็นถงึ ความซับซอ้ นของการปรบั ปรงุ คุณภาพท่ีมักคบื หน้าช้าๆ และความสำ� คญั ของการดำ� เนินการเปน็ ระบบ ประการทส่ี อง ปจั จยั ทส่ี มั พนั ธก์ บั กระบวนการเปน็ ปจั จยั ทสี่ ำ� คญั เปน็ พเิ ศษ “กระบวนการ” แปรรปูปจั จยั นำ� เขา้ ทใี่ ชใ้ นการศกึ ษาใหเ้ ปน็ ผล โดยอาศยั การบรหิ ารการศกึ ษา การใหบ้ รกิ ารสนบั สนนุ ดา้ นวชิ าชพี และความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบรกิ ารเหลา่ นกี้ บั โรงเรยี น ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโรงเรยี นกบั ชมุ ชน การทำ� หนา้ ทภ่ี ายในของโรงเรยี น เปน็ ตน้ แตน่ า่ สงั เกตวา่ โรงเรยี นทม่ี ปี จั จยั นำ� เขา้ และทรพั ยากรในระดบั เดยี วกนั ไมส่ ามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีได้ดีเทา่ กนั บางโรงเรยี นทำ� ไดด้ ีกว่าโรงเรยี นอืน่ ๆ มาก ประการทีส่ าม ความส�ำคัญของ “กระบวนการ” ไม่ไดห้ มายความว่า ปจั จัยนำ� เข้าไม่มคี วามสำ� คัญใด ๆเลย การทรี่ ะบบจะทำ� หนา้ ทไ่ี ดน้ า่ พงึ พอใจนนั้ ตอ้ งมปี จั จยั นำ� เขา้ พนื้ ฐานครบถว้ น แตโ่ รงเรยี นจำ� นวนมากในหลายประเทศยงั ไมม่ ปี จั จยั นำ� เขา้ เหลา่ นที้ ง้ั หมด ดงั ทเี่ หน็ ไดจ้ ากผลการสำ� รวจโรงเรยี นประจำ� ปี งานวจิ ยั สว่ นใหญแ่ สดงใหเ้ หน็ วา่ โรงเรยี น และ/หรอื ระบบการศกึ ษาตอ้ งมปี จั จยั นำ� เขา้ ทส่ี ำ� คญั ขนั้ ตำ่� จงึ จะสามารถใหก้ ารศกึ ษาทมี่ คี ณุ ภาพดพี อได้ ปจั จยั นำ� เขา้ ขนั้ ตำ�่ นร้ี วมถงึ ครทู มี่ คี วามสามารถ และมแี รงจงู ใจ หนงั สอื เรยี นทม่ี คี วามชดั เจนสอดคลอ้ งกบั หลกั สตู รทบ่ี รู ณาการมาเปน็ อยา่ งดี และเวลาสำ� หรบั การเรยี น (time on task) มากเพยี งพอ ในระยะหลงั น้ีความจำ� ปน็ ของกจิ กรรมร่วมกนั ระหวา่ งครแู ละนักเรียนในชัน้ เรยี นเปน็ หวั ขอ้ ทีไ่ ด้รับความสนใจมาก แต่กิจกรรมดังกล่าวและปัจจัยน�ำเข้าหลักอื่น ๆ ไม่ได้เป็นปัจจัยอิสระ แต่ต้องพ่ึงพาอาศัยซึ่งกันและกนั กบั กระบวนการหลัก ดงั นนั้ การขาดเรยี นของนกั เรียนและการขาดสอนของครูทีม่ องกันว่าทำ� ให้เสียเวลาไปมากมายน้ัน ทีจ่ ริงแลว้ สะท้อนปญั หาทซี่ บั ซอ้ นและลกึ ซ้งึ ซึง่ สมั พันธโ์ ดยเฉพาะกับการบริหารจัดการบคุ ลากรครู การนเิ ทศ คา่ ตอบแทน และงานอาชพี โดยสรุป คุณภาพการศึกษา ขึ้นอยู่กับหลายมิติที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน แนวคิดที่ซับซ้อนนี้ไม่มี มาตรฐาน หรอื นยิ ามเฉพาะ การจะเลือกใช้กลยทุ ธใ์ ด ยอ่ มแลว้ แตว่ า่ ระบบนนั้ ๆ มขี ้อกังวลเร่ืองใดเปน็ สำ� คญั และต้องพิจารณาใครค่ รวญให้ดีกอ่ นตัดสนิ ใจ

แตถ่ งึ อยา่ งไรกม็ กี ลยทุ ธห์ ลกั ทส่ี ง่ เสรมิ ทงั้ คณุ ภาพ และเอกภาพของระบบการศกึ ษา มจี ำ� นวนมากทเ่ี นน้การพฒั นาประสทิ ธผิ ลของ “ครู” ผูเ้ ป็นศูนย์รวมของการให้การศึกษา ตอนที่ 2 จะอภปิ รายกลยุทธ์เหลา่ นี้และตอนที่ 3 จะพจิ ารณาวา่ จะปรบั ปรุงการทำ� หนา้ ท่ขี องโรงเรียนให้ดขี ึ้นได้อยา่ งไร ซงึ่ เป็นเรอ่ื งท่ีได้รบั ความสนใจมากมาหลายปีแลว้ การวดั ผลลพั ธก์ ารเรยี นรเู้ ปน็ เรอื่ งทเี่ ปน็ ทสี่ นใจกนั มากในระยะหลงั นเ้ี ชน่ กนั ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากการทก่ี ารทดสอบผลสมั ฤทธริ์ ะดบั นานาชาตทิ ส่ี ำ� คญั ไดร้ บั ความนยิ มมาก เชน่ โครงการประเมนิ นกั เรยี นระดบั นานาชาติ(Programme for International Student Assessment - PISA) และ การประเมินความรดู้ า้ นคณติ ศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของนักเรยี นระดบั นานาชาติ (Trends in International Mathematics and ScienceStudy - TIMMS) ที่รายงานผลการทดสอบไว้ง่าย ๆ (โดยจัดล�ำดับประเทศจาก “ดีที่สุด” ไปจนถึง “แย่ท่ีสดุ ”) ขอ้ มลู ผลการเรยี นรขู้ องนักเรียน ที่ได้จากการประเมนิ ระดับชาติ หรือระดบั นานาชาติ เปน็ สิ่งจ�ำเป็นและการวเิ คราะหผ์ ลนก้ี ็ช่วยใหเ้ ขา้ ใจดีขน้ึ ถึงสาเหตขุ องคุณภาพต�ำ่ และความเหลื่อมล�ำ้ ในแตล่ ะประเทศและแตล่ ะโรงเรยี น จะเปน็ การดที ส่ี ดุ ถา้ มกี ารประเมนิ เชน่ นที้ กุ ปแี ละเผยแพรผ่ ลการทดสอบโดยเรว็ ได้ อยา่ งไรกด็ ีการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู เพมิ่ เตมิ ไมใ่ ชค่ วามทา้ ทายเพยี งขอ้ เดยี วเทา่ นน้ั แตย่ งั มคี วามทา้ ทายดา้ นการใชข้ อ้ มลู ท่ีมอี ยชู่ ้ีนำ� การเขา้ แทรกแซงในระดับตา่ ง ๆ เมือ่ มีตวั ชวี้ ดั ผลการเรียนรตู้ อ้ งมขี อ้ มูลเชิงเปรียบเทียบมาประกอบ(หากเปน็ ไปได้ ควรเปน็ ขอ้ มลู ทค่ี รอบคลมุ ระยะเวลาทยี่ าวนานมากขน้ึ เพอื่ ทจี่ ะคะเนความกา้ วหนา้ ได)้ พรอ้ มดว้ ยค�ำแนะน�ำว่าจะปรบั ปรุงผลการเรยี นของนกั เรียนได้อย่างไร ไมเ่ ชน่ นนั้ แล้วความเหลื่อมล�้ำจะเพม่ิ สูงขนึ้ การทีเ่ นน้ เร่ืองการวดั ผลสมั ฤทธิ์กันในปจั จุบนั นีอ้ าจก่อให้เกดิ ผลเชงิ ลบตามมาโดยไม่ตงั้ ใจได้ เช่น การยา้ ยทรพั ยากรจากการดำ� เนนิ การตามกลยทุ ธท์ เี่ นน้ การปรบั ปรงุ ไปใชใ้ นการวดั ผลและการสอบทไี่ ดร้ บั ความสนใจมากเกนิ ควร

ตอนที่ 2. การปรับปรุงประสทิ ธผิ ลของครู (Improving teacher effectiveness) ตามท่ีได้อภิปรายในตอนที่ 1 แล้วว่าคุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ มากมาย แต่มีครูเป็นหวั ใจของกระบวนการน้ี ในสภาวะทมี่ ีหนังสอื เรยี นไม่พอ ครุภณั ฑต์ า่ ง ๆ มีสภาพไมด่ ี มนี ักเรยี นไมก่ ค่ี นทเ่ี ข้าถงึ ทรัพยากรการเรียนการสอนมากมายได้ และเม่ือพอ่ -แม/่ ผ้ปู กครองไม่ได้มีการศึกษามากพอที่จะช่วยเหลือและสนบั สนนุ ลกู หลานของตนเองครเู ปน็ ผทู้ ส่ี ำ� คญั เปน็ พเิ ศษและมบี ทบาทสำ� คญั ในเมอื่ ครเู ปน็ หนงึ่ ในผใู้ หญ่เพยี งไมก่ คี่ นท่มี ีการศึกษาดีกวา่ คนอื่น ๆ ในสงั คม ครจู งึ ไมไ่ ดเ้ ปน็ เพยี งผสู้ อนแต่เป็นผ้อู บรมเลย้ี งดูเด็ก และท�ำให้เด็กเข้าเป็นส่วนหน่ึงในสังคม ในทุกประเทศ ครูคืองบประมาณการศึกษาหมวดที่ “แพง” ท่ีสุด และหลายกระทรวงถือวา่ การใช้ครใู หเ้ กดิ ประโยชนส์ ูงสดุ เป็นเร่อื งทม่ี ีล�ำดบั ความส�ำคัญสงู ดังนน้ั จงึ จ�ำเปน็ ต้องเพิ่มประสทิ ธผิ ลของครู เพ่อื ปรบั ปรงุ คุณภาพการศกึ ษา รปู ท่ี 3 แสดงปจั จยั สำ� คญั2 ประการ ซึง่ มผี ลกระทบตอ่ เรอ่ื งน้ี คอื สมรรถนะ และแรงจูงใจของครู ตอนท่ี 2 จะศึกษากลยุทธ์ต่าง ๆ ท่อี าจมีผลกระทบต่อทัง้ สมรรถนะและแรงจงู ใจของครู โดยเร่มิ ตน้ ที่การฝกึ อบรมครแู ละครุศกึ ษา3รูปท่ี 3 ปจั จยั ทม่ี ผี ลกระทบต่อประสทิ ธผิ ลของครูสง่ิ จูงใจ สภาพการทำงาน แรงจูงใจการนเิ ทศ และสนบั สนนุ ประสทิ ธิผลของครู การจดั การ สมรรถนะ (วชิ าที่สอนและวิธีสอน)คุณสมบัติ การฝกอบรมในระยะ เริม่ ตนและตอเนือ่ ง2.1 ครศุ กึ ษา (Teacher education) กอ่ นทจี่ ะกลา่ วถงึ ความจำ� เปน็ ของครศุ กึ ษา ควรตอ้ งอธบิ ายคำ� ศพั ทเ์ ฉพาะทางและสำ� รวจจดุ ออ่ น และแนวปฏิบัตทิ ีด่ ีของครุศกึ ษา ครศุ กึ ษาสำ� หรบั ครรู ะดบั ประถมศกึ ษา แตกตา่ งจากครศุ กึ ษาสำ� หรบั ครรู ะดบั มธั ยมศกึ ษาอยมู่ าก ระดบัการสรรหาวา่ จา้ งครูใหม่ และนำ้� หนักทีใ่ หก้ ับการฝกึ อบรมท้ังก่อนและระหว่างประจำ� การกเ็ ชน่ กนั บทเรียนสว่ นนกี้ ลา่ วถงึ เรอื่ งที่เก่ียวกับครทู ง้ั สองระดบั โดยที่จะไมเ่ น้นความแตกตา่ งดงั กลา่ ว3 ในตอนนี้จะอธิบายความแตกต่างระหวา่ งครศุ ึกษา และการฝกึ อบรมครู

ค�ำศัพท์เฉพาะทาง การพัฒนาขดี ความสามารถของครมู ศี พั ท์ที่เกย่ี วข้องมากมาย ในทน่ี จี้ ะใช้คำ� นิยามตอ่ ไปนี้ - การฝกึ อบรมครู (teacher training) หมายถงึ หลกั สตู รเฉพาะทเ่ี น้นสร้างทักษะตา่ ง ๆ (หลกั สตู ร อบรมก่อนประจำ� การ หลักสูตรอบรมและปฐมนิเทศครใู หม่ และหลักสูตรอบรมครูประจำ� การ) - ครศุ กึ ษา คอื ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรตู้ อ่ เนอื่ งทม่ี แี บบแผนแนน่ อน มจี ดุ มงุ่ หมายเพอ่ื เสรมิ สรา้ งความ ผกู มดั ต่อภาระหน้าท่แี ละสมรรถนะของครู - การพฒั นาวิชาชพี ครู ประกอบด้วย ชุดนโยบาย กลยุทธ์ และกจิ กรรมที่มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พ่ือเสรมิ สร้างความเป็นวชิ าชีพและสถานภาพของครู หน่วยการเรยี นรู้นจ้ี ะไมแ่ ยกแยะระหว่างการฝกึ อบรมครูก่อนประจำ� การ และครูประจำ� การ โดยถอื ว่าระบบครศุ กึ ษาทมี่ ปี ระสทิ ธผิ ลตอ้ งบรู ณาการการฝกึ อบรมทงั้ สองแบบใหเ้ ปน็ ชดุ กจิ กรรมทกี่ ลมกลนื สอดคลอ้ งและสมดลุ กันเป็น “ครุศกึ ษา”ความจ�ำเป็นต้องมีครศุ ึกษา (The need for teacher education) ครุศกึ ษาเป็นสงิ่ สำ� คัญเสมอมา แต่ทกุ วนั นยี้ ่ิงจำ� เปน็ มากข้ึนไปอีกด้วยเหตุผลต่าง ๆ กัน ปจั จุบนั มีการสรรหาวา่ จา้ งครมู ากขน้ึ ทกุ ทเี พอื่ รบั มอื กบั จำ� นวนนกั เรยี นทเ่ี พม่ิ ขนึ้ ครใู หมท่ รี่ บั เขา้ มาอาจมที ง้ั ครทู ม่ี คี ณุ สมบตั ิตำ�่ กวา่ มาตรฐาน และมปี ระสบการณก์ ารสอนนอ้ ย จงึ จำ� ตอ้ งไดร้ บั การฝกึ อบรมและการสนบั สนนุ อยา่ งมากกวา่จะปฏบิ ัตหิ นา้ ที่ไดอ้ ยา่ งสมบรู ณ์ สภาพแวดลอ้ มท่ีเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ และเตม็ ไปดว้ ยการแข่งขันกันในระดบั โลก ทำ� ใหต้ อ้ งปรบั เปลยี่ นสงิ่ ทสี่ อนกนั ในโรงเรยี นอยเู่ สมอเพอ่ื ใหน้ กั เรยี นมขี ดี ความสามารถทจ่ี ะแขง่ ขนักบั ผู้อน่ื ได้ และจะไดม้ ีบทบาทในสังคม ในบริบทนี้ ครูซง่ึ ถกู มองว่าเปน็ ผนู้ ำ� การเปลีย่ นแปลงคนส�ำคัญ ตกอยู่ในสภาวะกดดันมากกว่าเคย ท�ำให้ครุศกึ ษาท่ีดมี คี วามส�ำคัญยง่ิ ขน้ึ ไปอกีจุดออ่ นของครศุ กึ ษาในปัจจบุ นั (Some weaknesses of present teacher education) การจัดให้มีหลักสูตรครุศึกษาเพิ่มมากขึ้นไม่ได้ท�ำให้ครูสอนได้ดีกว่าเดิม ทั้งน้ีเพราะครุศึกษาท่ีมีอยู่ในปัจจบุ ันมีจุดอ่อนซง่ึ สมั พันธก์ ับประเด็นการจัดและวิธกี ารสอน ดังต่อไปนี้ประเด็นการจดั • ครศุ กึ ษา มีกจิ กรรมทจ่ี ัดขนึ้ เพยี งครงั้ เดียวมากมาย และขาดมุมมองในภาพรวม • โอกาสการศึกษาดว้ ยตนเองและการตดิ ตามผลไม่ใครไ่ ดร้ บั การเอาใจใส่ • มีการบูรณาการน้อยมากระหว่างทฤษฎแี ละการปฏบิ ตั ติ ามค�ำแนะนำ� • มีการประเมินผลน้อยมาก โดยเฉพาะในเร่ืองการน�ำครศุ กึ ษาไปปฏิบัติ • มีความสัมพันธ์นอ้ ยมากระหวา่ งการนเิ ทศ และการสนับสนุน • ครไู ม่มีอิสรภาพและอำ� นาจทจี่ ะเปลยี่ นแปลงการปฏิบตั ิของตนประเด็นวิธกี ารสอน • เนื้อหาไมต่ รงกบั ความต้องการของครมู ากพอ • การสอนวิธีสอนยงั เน้นภาคทฤษฎี • การสอนในสถาบนั ฝกึ อบรมครไู มไ่ ดใ้ ชว้ ธิ กี ารสอนทสี่ ถาบนั ฯ สอนใหผ้ ทู้ จี่ ะประกอบวชิ าชพี ครนู ำ� ไปใช้ • การขาดความใสใ่ จในบรบิ ทและความแตกต่างของสถานการณ์

หลกั การของการปฏิบตั ิท่ดี ี (Some principles of good practice) ต่อไปนีค้ ือหลกั การของการปฏบิ ัตทิ ่ีดีเพอื่ แกไ้ ขจดุ อ่อนดา้ นการจัด และการสอนดังกล่าวข้างตน้หลักการการจัด • สรา้ งชดุ ครศุ ึกษาแบบบูรณาการ เชน่ รวมการฝกึ อบรมก่อนประจ�ำการ การฝึกอบรมครูใหม่ และ การฝึกอบรมครูประจ�ำการ การสนบั สนนุ ด้านการสอน และการนิเทศเขา้ ไวด้ ว้ ยกันเป็นระบบเดียว • สร้างสมดลุ ระหว่างการเรยี นรู้นอกโรงเรยี น การปฏิบตั ใิ นชนั้ เรียน และการอภปิ รายในหมูเ่ พอื่ น ร่วมงาน • พฒั นาใหม้ ีการแนะแนว การก�ำกบั ติดตาม และการสนบั สนุนท่ีต่อเนื่อง • ใหค้ รมู ีอิสระมากข้ึนในการตดั สนิ ใจเกย่ี วกบั การฝกึ อบรมและการศกึ ษาของตนเอง (ใหม้ สี ว่ นรว่ ม ในการวางแผน) • ให้การเข้าฝกึ อบรมและความสำ� เร็จในการฝึกอบรมเป็นเง่ือนไขของการเลื่อนขน้ั /เลือ่ นตำ� แหน่งหลักการวิธกี ารสอน (ส�ำหรับการศกึ ษาของครปู ระจำ� การ) • ให้ถอื ว่าครูเปน็ “ผู้ปฏิบัตทิ ร่ี จู้ ักคดิ ไตรต่ รอง” (reflective practitioner) (ครเู ป็นผู้ปฏิบัติ งาน ประจ�ำคอื การสอน ครเู ปน็ คนทีค่ ิดเป็นและคดิ ถงึ งานของตนเองและวธิ ที ่จี ะปรับปรุงการปฏบิ ตั ิ งานของตนดว้ ย) • ตอ้ งประเมินความต้องการของครู • ค�ำนงึ ถงึ พืน้ ฐานของครูว่าครูรอู้ ะไร หรอื ทำ� อะไรมาแลว้ บ้าง และอาจรวมถึงต้องลมื ส่งิ ทเ่ี รียนมาผิด บา้ ง (need to un-learn) • คำ� นึงถงึ สภาพแวดลอ้ มในชนั้ เรียน และบรบิ ทของโรงเรยี น • จดั กิจกรรมใหห้ ลากหลาย • สนับสนุนการเรยี นรจู้ ากเพอ่ื นร่วมงาน และการเผชิญนวตั กรรมใหม่ ๆ เชน่ การใช้เทคนิคการเล่า เรื่องทส่ี มเหตุสมผลและเป็นรปู ธรรม • เม่อื ครเู รยี นอะไรไปแลว้ ต้องนำ� ไปประยกุ ต์ใช้ในห้องเรยี นทันทีการปรับปรุงครุศึกษา: การระบุกลยทุ ธส์ �ำหรับแผนการศกึ ษา(Improving teacher education: Identifying strategies for the education sector plan) ประเทศตา่ ง ๆ ได้พัฒนาแนวปฏบิ ตั ิท่ีน่าสนใจเพอ่ื ใชป้ รับปรุงครศุ ึกษา ซ่ึงสว่ นใหญช่ ่วยเพม่ิ แรงจูงใจให้ครดู ้วย ดังที่จะได้อภปิ รายต่อไปในตอนท่ี 3 ของบทนี้ นอกเหนอื จากตวั อยา่ งกลยุทธต์ อ่ ไปน้ียังมีกลยทุ ธ์อ่ืน ๆ อกี การศกึ ษาส�ำรวจกลยทุ ธเ์ หล่าน้เี น้นเกณฑ์สำ� คญั ทไ่ี ดก้ ลา่ วไวใ้ นบทที่ 1 (ตอนที่ 3) ของหนว่ ยการเรยี นรนู้ ้ี เพอ่ื ประเมนิ วา่ จะนำ� มารวมไวใ้ นแผนการศกึ ษาไดม้ ากเพยี งไร ทง้ั นตี้ อ้ งขนึ้ อยกู่ บั บรบิ ทของประเทศ และความทา้ ทายดา้ นครศุ กึ ษาทกี่ ารวเิ คราะหป์ ญั หาสาขาการศึกษาระบไุ วด้ ว้ ย

กลมุ่ ครใู นโรงเรยี น (in-school teacher group) ประเทศญปี่ นุ่ และอกี หลายประเทศพฒั นาการทำ� งานเป็น กลุ่ม โดยให้ครูในโรงเรียนเดียวกันช่วยกันท�ำงานโครงการเดียวกัน หรือบางคร้ังท�ำงานร่วมกับนักการศกึ ษาภายนอก โครงการเหลา่ น้อี าจเปน็ การทำ� งานในวิชาเดยี วกัน หรือหาทางแก้ปญั หาในโรงเรียนด้วยกนั กลยุทธ์แบบนี้ใช้งบประมาณไม่มาก แต่จะเป็นไปได้และยั่งยืนเมื่อมีภาวะผู้น�ำในระดับโรงเรียนที่จะท�ำให้ครูท�ำงานโครงการด้วยกัน และตารางเวลาของครูต้องยืดหยุ่น ความส�ำเร็จของกลยุทธ์น้ีต้องอาศัยการสร้างความตระหนักรู้ของผู้อ�ำนวยการและผู้บริหารโรงเรียนในเรื่องดังกล่าว และการพัฒนาสมรรถนะด้านภาวะผู้น�ำและการจัดการ กลยุทธ์น้ีจะใช้งบประมาณมากขึ้นเมื่อต้องพึ่งพิงนักการศึกษาจากภายนอก จึงควรแน่ใจเสียก่อนว่า“บุคคลภายนอก” ผู้ท่ีสามารถให้แนวคิดดี ๆ และค�ำแนะน�ำที่เป็นประโยชน์มากมายได้อย่างแน่นอนนี้ จะท�ำงานร่วมกับบุคคลภายนอกกล่มุ อืน่ ๆ ไดด้ ี เชน่ ผตู้ รวจราชการ และ ทป่ี รกึ ษาด้านการสอน (ศึกษานิเทศก)์ หนว่ ยการเรยี นการสอนสำ� หรบั กลมุ่ โรงเรยี น หนว่ ยการเรยี นการสอนนี้ (pedagogical unit) ดแู ลหลายโรงเรียนในเขตพ้ืนที่เดียวกนั และมจี ุดมุ่งหมายด้านการเรยี นการสอนและการบรหิ ารจดั การ หนว่ ยการเรียนการสอนจะชว่ ยใหค้ รแู ละครใู หญจ่ ากหลาย ๆ โรงเรยี นไดพ้ บปะพดู คยุ กนั เปน็ ประจำ� ในหวั ขอ้ ทเี่ กย่ี วขอ้ ง โดยมที ปี่ รกึ ษาดา้ นวธิ กี ารสอน หรอื ศกึ ษานเิ ทศกค์ อยใหค้ ำ� ปรกึ ษาแนะนำ� และสนบั สนนุ ทกุ ครง้ั ทมี่ กี ารประชมุ กนัจะมกี ารรายงานใหส้ ำ� นกั การศกึ ษาในเขตพนื้ ทท่ี ราบถงึ ผเู้ ขา้ ประชมุ และหวั ขอ้ การประชมุ รายงานนจ้ี ะชว่ ยให้หวั หนา้ หนว่ ยฯ และทปี่ รกึ ษาดา้ นวธิ กี ารสอนระบไุ ดว้ า่ ครแู ละครใู หญจ่ ำ� ตอ้ งไดร้ บั การฝกึ อบรมในดา้ นใดบา้ งเพ่อื ทีจ่ ะได้ด�ำเนนิ การตามความเหมาะสมตอ่ ไป กลยทุ ธน์ ี้มตี น้ ทุนบ้าง เชน่ คา่ เดินทางไปประชุมของครู ซง่ึ ผู้จัดต้องรบั ผดิ ชอบเพื่อที่จะได้ไม่เปน็ อปุ สรรคตอ่การเขา้ รว่ มประชมุ ดงั นน้ั จงึ ตอ้ งมกี ารตรวจสอบวา่ มงี บประมาณเพยี งพอกอ่ นทจ่ี ะบรรจกุ ลยทุ ธน์ ไี้ วใ้ นแผนการศกึ ษาการไดพ้ บปะครจู ากหลายโรงเรยี นพรอ้ มกนั ตามกลยทุ ธน์ ช้ี ว่ ยลดภาระงานของศกึ ษานเิ ทศกแ์ ละทปี่ รกึ ษาดา้ นวธิ กี ารสอนได้ แต่ตอ้ งวางแผนลว่ งหนา้ ให้หวั ข้อการฝกึ อบรมตรงกับความตอ้ งการของครแู ละผอู้ ำ� นวยการหรือครูใหญ่ จงึควรประเมินความเปน็ ไปได้และความยั่งยืนของกลยทุ ธใ์ นด้านนด้ี ว้ ย โครงการเปลย่ี นแปลงโรงเรยี น นบั วนั จะมปี ระเทศตา่ ง ๆ จำ� นวนมากขนึ้ ขอใหโ้ รงเรยี นพฒั นาโครงการการปรบั ปรงุ การปฏบิ ตั งิ านของตนเอง วตั ถปุ ระสงคข์ อ้ หนงึ่ ของกลยทุ ธน์ ค้ี อื การสง่ เสรมิ ใหค้ รรู จู้ กั คดิ ไตรต่ รองและรว่ มมอื กนั โครงการพัฒนาโรงเรียนต้องใช้ทรัพยากรในการด�ำเนินโครงการ และเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ในระดับโรงเรยี น ทรัพยากรดงั กลา่ วอาจพอรวบรวมไดใ้ นระดบั โรงเรยี น มิฉะน้นั หน่วยงานสว่ นกลาง (หรอื องค์การเอกชนไม่แสวงหากำ� ไร) อาจโอนไปใหไ้ ด้ ดงั นนั้ จงึ ควรสำ� รวจวา่ กลยทุ ธน์ มี้ ที รพั ยากรเพยี งพอ และมคี วามยง่ั ยนื หรอื ไม่ นอกจากนี้ ผู้มีบทบาทในระดับโรงเรียนต้องได้รับความสนับสนุนให้ระบุความท้าทายในระดับโรงเรียน และระบุกลยุทธ์พิชิตความท้าทายน้ัน ส�ำนักการศึกษาในเขตพื้นที่และศึกษานิเทศก์อาจรับผิดชอบท�ำหน้าที่น้ีเพ่ิมจากภาระความรับผิดชอบอ่ืน ๆ ท่ลี ้นมอื อยูแ่ ลว้ และอาจไม่มที รพั ยากร (บุคลากร และวสั ดุ) ทจี่ ะสนบั สนนุ โรงเรยี นได้ ในกรณนี ีอ้ าจต้องคดิ หาผอู้ นื่ มาชว่ ยรบั ผดิ ชอบ และกำ� หนดอำ� นาจของแตล่ ะฝา่ ยใหช้ ดั เจน ระหวา่ งผทู้ จ่ี ะเขา้ มารบั ผดิ ชอบกบั สำ� นกั การศึกษาในเขตพ้ืนทแี่ ละโรงเรยี น ทกุ ฝา่ ยต้องทำ� งานประสานกับศกึ ษานเิ ทศก์ ซ่งึ หมายความว่าอาจต้องมีค่าใช้จ่ายบ้างจงึ ควรตรวจสอบความเป็นไปไดข้ องกลยทุ ธใ์ นดา้ นน้ดี ้วย ศนู ยว์ ทิ ยาการ (resource centre) เปน็ โครงสรา้ งเฉพาะทม่ี บี คุ ลากรของตนเอง กจิ กรรมของศนู ยฯ์ คอืการจัดหาวัสดุให้ครูได้ใช้ แตอ่ าจมีกลยุทธ์สนับสนุนเชิงรกุ เชน่ การฝกึ อบรมครปู ระจำ� การ ผใู้ ช้บริการศนู ยฯ์คอื ครูและโรงเรียนที่ตงั้ อยู่ในพ้นื ท่ใี กล้เคียง

ศูนย์วิทยาการบริการข้อมูลส�ำหรับครูและโรงเรียนเพ่ือใช้ปรับปรุงการปฏิบัติของตน รวมท้ังจัดการฝึกอบรมภายในศนู ยฯ์ หรอื ในโรงเรยี น ศูนยว์ ิทยาการชว่ ยให้ครูจากโรงเรียนต่าง ๆ ไดพ้ บปะพูดคยุ และอภปิ รายกนั แต่ศนู ยฯ์ ดูจะมผี ลกระทบตอ่ ครเู พยี งจำ� กัด ทีจ่ รงิ มีครเู พยี งสว่ นนอ้ ยที่มาใช้บริการของศูนย์ฯ เปน็ ประจ�ำ ครไู ม่ใครไ่ ดน้ ำ� ความร้ทู ี่ได้รับจากหลกั สูตรต่าง ๆ หรือวสั ดทุ ีศ่ นู ย์ฯ พัฒนาขึ้นไปใชใ้ นโรงเรยี น และศนู ยว์ ิทยาการมบี ุคลากรไมพ่ อทีจ่ ะลงพนื้ท่ีเยี่ยมโรงเรียนให้เป็นกิจจะลักษณะได้ ดังนั้นอาจต้องแก้ปัญหาโดยจ�ำกัดจ�ำนวนโรงเรียนและครูต่อศูนย์ฯ จึงควรประเมนิ ความตอ้ งการทรพั ยากร(บคุ ลากร และวสั ด)ุ และการสรรหาว่าจา้ งบคุ ลากรส�ำหรบั ศนู ย์ฯ เพื่อท่จี ะได้ทราบว่ากลยทุ ธน์ ีม้ รี าคาอย่ใู นระดับท่ีจดั หาได้หรอื ไม่ ยง่ั ยนื และเปน็ ไปไดห้ รอื ไม่ ทั้งหมดน้ีเป็นเพียงบางตัวอย่างของกลยุทธ์ที่อาจน�ำไปปรับปรุงครุศึกษาได้ ส่ิงส�ำคัญท่ีควรจ�ำไว้คือกลยุทธ์ท่ีจะเลือกบรรจุไว้ในแผนนั้นข้ึนอยู่กับผลการวิเคราะห์ความเป็นท่ีต้องการ การมีค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับงบประมาณ ความเป็นไปได้ และความย่งั ยนื และต้องค�ำนึงถึงผลกระทบตอ่ การปรับปรงุ ครศุ ึกษา และประสทิ ธิผลของครใู นภาพรวมดว้ ยคำ� ถาม กลยุทธ์ดังกล่าวข้างบนน้ีมีประโยชน์ส�ำหรับ Vindoland หรือไม่หากพิจารณาถึงความท้าทายตามที่การวิเคราะหป์ ญั หาสาขาการศกึ ษาไดร้ ะบไุ ว้ มีกลยุทธ์ประเภทใดอีกท่ี Vindoland อาจน�ำมาใช้ปรับปรุงครุศึกษาส�ำหรับครูที่สอนในระดับมธั ยมศึกษา จงตรวจความมีค่าใชจ้ ่ายเหมาะสมกับงบประมาณ ความเปน็ ไปได้ และความยง่ั ยืนของกลยุทธ์น้ัน ๆ ตามที่ได้เสนอไวใ้ นตอนที่ 3 ของบทที่ 12.2 การจูงใจและการรกั ษาครไู วใ้ นระบบ (Motivating and retaining teachers) ตอนทผ่ี า่ นมาเนน้ วา่ ครจู ำ� ตอ้ งมที กั ษะและความรทู้ จ่ี ำ� เปน็ ซง่ึ ไดร้ บั จากครศุ กึ ษา แตเ่ วลาทเี่ ลอื กกลยทุ ธ์เพอ่ื ยกระดบั คณุ ภาพและประสทิ ธผิ ลของครนู นั้ การพจิ ารณาถงึ แรงจงู ใจและการรกั ษาครไู วใ้ นระบบเปน็ เรอ่ื งสำ� คัญเชน่ กนั ครูเปน็ ศนู ย์กลางของกระบวนการการศกึ ษา และเป็นผมู้ บี ทบาทส�ำคญั ที่จะท�ำให้การศึกษามีคุณภาพ ดังนั้น จึงจำ� เปน็ ต้องจงู ใจให้ครูทมี่ ีสมรรถนะสูงทีส่ ดุ อยใู่ นอาชีพนตี้ อ่ ไป

รปู ที่ 4 แสดงว่าแรงจูงใจของครูอาจไดร้ บั อทิ ธิพลจากปจั จัยหลัก ๆ 4 ประการ ดงั น้ี • สงิ่ จูงใจท้ังท่เี ป็นตัวเงนิ และไมใ่ ช่ตวั เงิน • สภาพการท�ำงาน • การบริหารจดั การและการวางกำ� ลงั ครู (deployment) • การนิเทศและการสนบั สนนุ ในยอ่ หนา้ ต่อไปน้ีจะเน้นเฉพาะปจั จยั สามประการแรก กลยทุ ธก์ ารบริหารจัดการและการวางกำ� ลังครูขอ้ หน่งึ คอื การพัฒนาบันไดอาชีพทจ่ี งู ใจครูรปู ที่ 4 ปัจจัยที่มีผลตอ่ แรงจงู ใจของครูสง่ิ จูงใจทเ่ี ปนตวั เงนิ สภาพการทำงาน และที่ไมใ ชตวั เงนิ แรงจูงใจของครู การนิเทศ การจัดการและและการสนบั สนนุ การวางกำลงั ครูสงิ่ จูงใจท่ีเป็นตัวเงินและทีไ่ มใ่ ช่ตวั เงนิ (Financial and non-financial incentives)เงินเดอื น เงินเดือนคือส่ิงจูงใจหลักที่ดึงดูดผู้มีความสามารถเข้าสู่วิชาชีพครู และรักษาผู้น้ันไว้ในวิชาชีพได้ ในประเทศสว่ นใหญ่ มกี ารกำ� หนดเงนิ เดอื นตามระดบั วฒุ กิ ารศกึ ษาและคณุ สมบตั เิ มอื่ เรม่ิ เขา้ ทำ� งานในวชิ าชพี นี้และจะพจิ ารณาประสบการณ์ทางวชิ าชีพ (จำ� นวนปีท่สี อน) ประกอบ เพื่อทีค่ รจู ะได้มีเงนิ เดอื นเพ่ิมขน้ึ ตลอดอาชีพ ในบางกรณี มกี ารเพมิ่ เงนิ เดือนตามวุฒิและคณุ สมบตั ิท่ีสงู ขน้ึ อกี ดว้ ย การขน้ึ เงินเดอื นตลอดอาชีพของครแู ตกตา่ งกันไปตามแตล่ ะประเทศ 1) ในบางประเทศ (เชน่ เกาหลี และสวติ เซอรแ์ ลนด)์ ครไู ดร้ บั เงนิ เดอื นเรม่ิ ตน้ ในอตั ราคอ่ นขา้ งตำ่� แต่ จะเพ่ิมข้ึนตลอดเป็นเวลานานจนสูงสุดเมื่ออาชีพสิ้นสุดลง ทางเลือกน้ีช่วยรักษาครูไว้ในระบบได้ แต่อาจดไู มน่ ่าสนใจส�ำหรับผ้ทู ไี่ มแ่ นใ่ จวา่ ตอ้ งการจะเปน็ ครูไปตลอดชีวติ หรอื ไม่ 2) ในประเทศอน่ื ๆ (เช่น เดนมารก์ อังกฤษ ฟนิ แลนด์ ฮังการ)ี ครูมีเงนิ เดือนเรมิ่ ต้นค่อนขา้ งสงู และ เพิ่มข้ึนอย่างรวดเร็ว แต่บันไดเงินเดือนส้ัน ครูส่วนใหญ่จึงข้ึนถึงเงินเดือนขั้นสูงสุดเร็ว เงินเดือน แบบนีด้ ึงดดู ครูเข้ามาในระบบได้ดกี ว่า แต่อาจไม่ช่วยรกั ษาครไู ว้ในวิชาชพี ได้ ดงั น้ัน จงึ จำ� เป็นตอ้ งหาความสมดลุ ระหวา่ งกลยทุ ธท์ ้ังสองน้ี เงินเดอื นครูในหลายประเทศส้เู งนิ เดือนของอาชีพอืน่ ๆ ในระดบั เดยี วกนั ไม่ได้เพราะวิกฤตการณด์ ้านการเงินของรฐั บาล รฐั บาลในบางประเทศพยายามที่จะตอบสนองขอ้ เรียกร้องของครูโดยขึ้นคา่ จา้ งให้ แตย่ งั

ไม่ส่งผลให้ครูมีผลการปฏิบัติงานดีข้ึนได้ในทันทีทันใด ซ่ึงอาจดูน่าแปลกใจ เพราะครูพากันบ่นเสมอว่าเงินเดือนนอ้ ย ซึ่งเปน็ ปัญหาท่ีเหน็ ได้ชดั ในหลายประเทศ การเพม่ิ เงนิ เดอื นครูมีผลน้อยมากเพราะเหตุผลนานับประการ ประการแรก เงนิ เดือนทเ่ี พม่ิ ข้ึนนัน้ เพิม่เพยี งเลก็ นอ้ ย และครถู ือว่ารฐั บาลต้องใหข้ ึน้ เงินเดือนอยู่แล้วเพราะครูรับเงินเดอื นนอ้ ย ประการท่ีสอง การข้นึ เงินเดอื นไม่ใครม่ ีเง่ือนไขวา่ ครตู อ้ งเปลีย่ นแนว (style) และวิธสี อน ในเมอ่ื ครทู กุ คนได้เงินเดอื นขึ้นเหมือนกัน จงึ ไม่มีใครรู้สกึ วา่ ตนไม่สมควรได้เงนิ เดือนขนึ้ หรอื ควรต้องปรับปรงุ การสอนของตนแตอ่ ยา่ งใด ประการสุดท้าย การขึน้ เงนิ เดอื นมักไมม่ มี าตรการยกระดับผลการปฏบิ ตั งิ านของครคู วบคูก่ ันไป (เช่น การฝึกอบรม) ดังน้ัน การขึ้นเงินเดือนจึงไม่ควรเป็นทางเลือกเดียวท่ีจะเพิ่มแรงจูงใจของครูได้ และควรน�ำทางเลือกอื่น ๆ มาพจิ ารณาด้วย ดงั ต่อไปนี้ส่งิ จงู ใจอน่ื ๆ ทเ่ี ปน็ ตัวเงินและทไี่ ม่ใชต่ ัวเงนิ ในหลายประเทศ การขนึ้ เงนิ เดอื นกอ้ นใหญเ่ ปน็ เรอื่ งทท่ี ำ� ไดย้ าก เพราะมคี รทู ำ� งานในหนว่ ยราชการเปน็จ�ำนวนมาก และภาระเงนิ เดอื นภาครัฐมขี ดี จำ� กัด อยา่ งไรก็ตาม มีสงิ่ จูงใจอื่น ๆ ทั้งทเ่ี ปน็ ตัวเงินและไมใ่ ชต่ ัวเงินท่ีจะชว่ ยเสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจใหค้ รูได้ เช่น • กจิ กรรมท่ที �ำใหค้ รูไดเ้ งนิ เดือนเพ่ิมได้ เช่น - การสอนมากกวา่ ปกติ เชน่ ในโรงเรยี นทมี่ สี องผลดั หรอื การทคี่ รมู สี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมนอกหลกั สตู ร - การสอนนกั เรยี นทีม่ คี วามต้องการพเิ ศษ - งานบริหารจดั การทท่ี ำ� เพิม่ เตมิ นอกเหนือจากภาระหนา้ ที่ดา้ นการสอน • ครอู าจไดร้ บั สทิ ธิประโยชนเ์ พ่ิมเติมจากเงินเดือน เช่น เงินชว่ ยเหลือค่าเช่าทีอ่ ย่อู าศยั • ผูป้ ระกอบวชิ าชพี ครใู นหลายประเทศไดส้ วสั ดกิ าร เชน่ การลาป่วย การลาคลอด การประกนั สขุ ภาพ และเบ้ียบ�ำนาญส�ำหรบั ผู้สงู อายุ • ในหลายกรณี ก็อาจมกี ารน�ำขอ้ มูลเกี่ยวกบั สถานภาพด้านครอบครวั ของครูมาพิจารณาประกอบ การตดั สินให้ส่ิงจูงใจต่าง ๆ ดังกลา่ วบนั ไดอาชพี ทจ่ี ูงใจ (A motivating career ladder) ครบู น่ เสมอวา่ วชิ าชพี ครไู มม่ โี อกาสกา้ วหนา้ ปญั หานมี้ สี ว่ นเปน็ อยา่ งมากทที่ ำ� ใหอ้ าชพี ครเู ปน็ อาชพี ทไี่ ม่นา่ สนใจ และไมใ่ ครจ่ งู ใจครผู ทู้ ค่ี ดิ จะเปลยี่ นอาชพี ดงั นนั้ จงึ จำ� เปน็ ตอ้ งพยายามพฒั นาบนั ไดอาชพี ทด่ี งึ ดดู ครไู ด้การพฒั นาบันไดอาชพี ทจ่ี งู ใจครู ระดับความก้าวหน้าในอาชพี ครูควรเป็นดังนี้ • ครผู ู้นอ้ ย • ครู • ครูประจ�ำช้นั • หวั หน้าระดบั /หัวหนา้ กลมุ่ สาระ/หัวหนา้ ภาควิชา • ครูพี่เลย้ี ง (master teacher) • ครูหัวหน้ากลุม่

อาชพี ครูจะมีขอ้ ไดเ้ ปรียบมากมายหากเปิดทางกา้ วหน้าและท�ำใหห้ ลากหลายได้ ดงั นั้น • ต้องรับรู้ (recognize) และจูงใจครทู ่ีมคี วามสามารถ • ตอ้ งรกั ษาครทู ด่ี ีทสี่ ดุ ไวใ้ นวชิ าชพี ครตู อ่ ไป • ตอ้ งค�ำ้ จนุ การปฏิสมั พนั ธ์ระหวา่ งครู • ตอ้ งจัดเครือขา่ ยโรงเรียนใหม่ เพอ่ื ใหค้ รทู มี่ คี วามสามารถและประสบการณม์ ากกว่าได้สนบั สนุน เพื่อนรว่ มวิชาชพี รุ่นหลงัสภาพการท�ำงาน และการมีส่วนร่วมในการบรหิ ารจัดการโรงเรยี น(Working conditions and participation in the management of the school) สภาพการท�ำงานที่ไม่ดีทำ� ให้ครูไม่ใครร่ ูส้ ึกผูกมัด เพราะเหตุผลหลัก 3 ประการ ดังนี้ • ภาระงานทห่ี นักมากของครูในหลายประเทศอันเนื่องจากอัตราการเข้าเรียนเพิ่มข้ึน และโรงเรยี น มที รัพยากรไม่เพียงพอ ภาระงานมากเกนิ ไปเป็นปญั หาของครูซึง่ ท�ำงานในเขตพืน้ ทหี่ ่างไกลและ ในโรงเรียนขนาดเลก็ เป็นพเิ ศษ ครใู นโรงเรียนเหลา่ น้ีต้องท�ำงานอนื่ อีกมากมายนอกเหนือจากการ สอน (เช่น การมสี ่วนร่วมในกิจกรรมนอกหลกั สูตร และงานธุรการ/บริหาร) • การขาดแคลนทรัพยากร (โตะ๊ และเก้าอ้สี ำ� หรับนกั เรียน ไฟฟ้า และ/หรือ น้ำ� ประปา อุปกรณก์ าร สอน) และความสนบั สนนุ จากฝา่ ยบริหารและโรงเรยี น ครูจ�ำนวนมากโดยเฉพาะครทู ส่ี อนในพ้นื ท่ี หา่ งไกลรูส้ ึกโดดเดี่ยว และร้สู ึกถูกทอดท้ิงไวก้ บั งานหนกั และทรัพยากรทไ่ี ม่เพียงพอ • การไมม่ สี ว่ นรว่ มในการบริหารจัดการโรงเรียน หรอื ในระบบการศกึ ษาโดยรวม และไม่ได้แสดง ความคิดเห็นแต่อยา่ งใดกอ่ นทีจ่ ะมกี ารตัดสนิ ใจที่มผี ลกระทบตอ่ การทำ� งานของครู การปรบั ปรุงสภาพการทำ� งานของครูอาจมีกลยทุ ธ์จำ� เพาะ ซึ่งประกอบดว้ ย ก. การจดั เวลาการสอนใหมใ่ หค้ รมู เี วลามากขน้ึ พอทจ่ี ะมสี ว่ นรว่ มในกจิ กรรมอนื่ ๆ ได้ เชน่ การบรหิ าร จัดการโรงเรียนและการพัฒนาความสัมพันธ์กบั ผมู้ บี ทบาทอ่ืน ๆ (เช่น พ่อ-แม/่ ผู้ปกครอง ชมุ ชน ในทอ้ งถ่ิน ประชาสังคม และหนุ้ สว่ นภายนอก) ซึ่งอาจชว่ ยใหค้ รูมีแรงจงู ใจมากขนึ้ กลยุทธ์น้ีดูเหมือนจะเสริมสร้างแรงจูงใจให้ครูได้มากโดยมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลยุทธ์อื่น ๆ อยา่ งไรกต็ าม การจะใชก้ ลยทุ ธน์ ไ้ี ดต้ อ้ งทบทวนการแบง่ ความรบั ผดิ ชอบในระดบั โรงเรยี น ระหวา่ งผอู้ ำ� นวย การ/ครูใหญ่ และครูในโรงเรียนเสียก่อน และผู้อ�ำนวยการ/ครใู หญต่ ้องมภี าวะผู้นำ� มากพอท่ีจะชี้แนะครู ให้ท�ำหน้าท่ใี หม่ ๆ ได้ ทงั้ ผ้บู ริหารและครูควรไดร้ บั การฝกึ อบรมและความสนับสนนุ ซง่ึ อาจมีนัยวา่ จะมี คา่ ใชจ้ า่ ยเพมิ่ ขน้ึ เพราะฉะนนั้ จะตอ้ งมคี ำ� ตอบวา่ ใครจะเปน็ ผรู้ บั ผดิ ชอบสนบั สนนุ และฝกึ อบรมผอู้ ำ� นวย การ/ครใู หญ่ และครใู นดา้ นนี้ และการใชก้ ลยทุ ธน์ จ้ี ะมตี น้ ทนุ เทา่ ไร ดงั นนั้ จงึ ควรวเิ คราะหป์ ระเมนิ กลยทุ ธ์ ทงั้ ในดา้ นคา่ ใช้จ่ายทีไ่ ม่เกนิ ความสามารถ ความย่งั ยืน และความเปน็ ไปได้ ข. การใหค้ รมู สี ว่ นรว่ มในการบรหิ ารจดั การโรงเรยี น ซง่ึ อาจชว่ ยทำ� ใหค้ รรู สู้ กึ ผกู มดั ตอ่ โรงเรยี นมากขน้ึ และชว่ ยท�ำลายความรสู้ ึกโดดเด่ียวและไร้อ�ำนาจ ค. การพัฒนาปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูทั้งภายในและภายนอกโรงเรียนอาจช่วยให้ครูได้แบ่งปัน ประสบการณก์ บั เพอ่ื นรว่ มงานทท่ี ำ� งานในสภาพแวดลอ้ มทคี่ ลา้ ยคลงึ กนั ซง่ึ จะชว่ ยใหเ้ กดิ การแลก เปลยี่ นเรยี นรู้ปัญหาซ่งึ กันและกัน และแนวทางใหม่ ๆ

ง. การเสริมสรา้ งให้ผอู้ �ำนวยการ/ครใู หญ่ และส�ำนกั งานเขตพ้ืนทสี่ นับสนนุ ครูไดแ้ ข็งขันข้นึ จ. การส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้มีบทบาทในระดับท้องถิ่น (พ่อ-แม่/ผู้ปกครอง และชุมชนในท้อง ถนิ่ ) ในการทำ� หน้าท่ขี องโรงเรียน โดยอาศยั โครงสร้าง เชน่ สมาคมผ้ปู กครองและครู หรอื คณะ กรรมการบริหารโรงเรยี นคำ� ถาม หัวข้อที่ 2.1 เรื่องกลยุทธก์ ารปรับปรุงครศุ ึกษาไดอ้ ภปิ ราย “กลยทุ ธ์ ก” ในด้าน 1) ความเปน็ ไปได้ 2)ความยั่งยืน และ 3) การมีค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับงบประมาณ ตามที่ปรากฏเป็นอักษรตัวเอน ขอให้ผู้เรียนประเมนิ “กลยทุ ธ์ ข” ถึง “กลยุทธ์ จ” โดยใช้เกณฑท์ ง้ั 3 ขอ้ ในลักษณะเดยี วกนั โดยสรปุ มกี ลยทุ ธส์ องประการหลกั ท่ีช่วยปรับปรงุ ผลการปฏิบัติงานของครูได้ คือ 1. ครุศกึ ษา เป็นสว่ นส�ำคัญในการปรับปรุงคุณภาพการศกึ ษา จงึ จ�ำเปน็ ตอ้ งพัฒนาชุดหลกั สตู ร ครุศึกษาแบบบูรณาการ (ส�ำหรับก่อนประจ�ำการ ครูใหม่ ครูประจ�ำการ การสนับสนุนด้าน การสอน และการนิเทศ) ซ่ึงต้องมีความสมดุลระหว่างการเรียนรู้ภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ อีกทัง้ ยังตอ้ งมีการช้แี นะและสนับสนุนครเู ป็นประจำ� ครูควรมสี ว่ นรว่ มมากทส่ี ดุ เท่าทจ่ี ะเป็น ได้ในการออกแบบและการน�ำหลกั สตู รครศุ กึ ษาไปใช้ 2. สงิ่ จงู ใจทเ่ี ปน็ ตวั เงนิ มบี ทบาทสำ� คญั ในการดงึ ดดู และรกั ษาครทู มี่ คี วามสามารถไวใ้ นระบบ แต่ ไม่ใช่เร่ืองง่ายเสมอไปเพราะขึ้นอยู่กับงบประมาณภาครัฐโดยรวม และส่ิงจูงใจเช่นน้ีไม่มาก พอทจี่ ะประกนั วา่ ครจู ะมผี ลการปฏบิ ตั งิ านดพี อ กลยทุ ธห์ ลกั ทจ่ี ะกระตนุ้ ครไู ดต้ อ้ งอาศยั สง่ิ ตอ่ ไปน้ี • การประเมินผลการปฏิบตั ิงานเปน็ ระยะสม�ำ่ เสมอ • หนา้ ทรี่ ับผิดชอบด้านการบริหารจดั การ • โอกาสความกา้ วหนา้ ในอาชีพ • การนเิ ทศและการสนับสนุน • สภาพแวดลอ้ มการทำ� งานท่ีดี

ตอนที่ 3 การปรบั ปรงุ การทำ� หน้าทีข่ องโรงเรยี น (Improving school functioning) ตามทไี่ ดอ้ ภปิ รายไวใ้ นตอนทแี่ ลว้ วา่ การพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาจะสำ� เรจ็ ไดโ้ ดยการเพมิ่ สมรรถนะและแรงจูงใจของครู อยา่ งไรก็ตาม ครทู ุกคนมบี ทบาทภายในโรงเรยี น และการปฏิสมั พนั ธ์ระหว่างผู้มบี ทบาททัง้หลายในโรงเรียนมีผลกระทบส�ำคญั ตอ่ คุณภาพของโรงเรยี นน้ัน ๆ หรอื อีกนยั หนง่ึ คณุ ภาพของการศึกษาไม่อาจดีข้ึนได้โดยการปรับปรุงประสิทธิผลของครูเพียงไม่กี่คน นโยบายการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาจ�ำเป็นต้องส�ำรวจตรวจสอบผลกระทบของโรงเรียนในฐานะองค์กรท่ีมีต่อครูและนักเรียน มีงานวิจัยจ�ำนวนมากท่ีแสดงวา่ การทำ� หน้าทข่ี องโรงเรยี นมผี ลตอ่ การปฏิบัติงานของครู และผลสัมฤทธิข์ องนักเรียนมาก ตอนที่ 3 นจ้ี ะศกึ ษาเหตผุ ลทท่ี ำ� ใหก้ ารทำ� หนา้ ทข่ี องโรงเรยี นไดร้ บั ความสนใจเพมิ่ ขน้ึ ในระยะหลงั นี้ และจะศกึ ษานยั เชิงนโยบายเรอ่ื งการบรหิ ารจัดการระบบการศึกษาและโรงเรยี นดว้ ย3.1 ความส�ำคัญของการทำ� หนา้ ท่ีของโรงเรียน (Why focus on school functioning?) ในระยะไม่ก่ปี ที ีผ่ ่านมาน้ี มกี ารวิจัยคณุ ภาพและประสิทธิผลของโรงเรียนเพิ่มข้นึ เร่อื ย ๆ ผลงานวจิ ยั ได้ใหค้ วามเข้าใจลกึ ซ้ึงถงึ สาเหตขุ องการมีผลลัพธ์ด้านวิชาการท่ีดี พร้อมกนั น้นั ประเทศต่าง ๆ ก็ได้รบั บทเรียนส�ำคัญจากความพยายามในอดีตทจี่ ะปรับปรงุ พฒั นาคุณภาพโรงเรียน งานวจิ ยั ในอดีตและประสบการณข์ องประเทศต่าง ๆ ให้ข้อสรุปท่ีเสริมกันอยู่ 3 ประการ ซึ่งมีอิทธิพลต่อแนวคิดในปัจจุบันเกี่ยวกับการปรับปรุงคณุ ภาพ คือ • สง่ิ ท่ีก�ำหนดผลของโรงเรยี นมหี ลายปจั จยั ที่เก่ียวเน่อื งสัมพันธ์กนั โดยเฉพาะการปฏิสมั พนั ธ์ ระหวา่ งวัสดุ ทรพั ยากรบุคคล และทรัพยากรองคก์ รทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกบั กระบวนการสอน • โดยท่วั ไป คณุ ภาพโรงเรียนต่างกันเพราะตัวแปรดา้ นกระบวนการ (การจดั องคก์ รและการปฏิบตั ิ ของโรงเรียน) มากกว่าตัวแปรดา้ นปัจจัยนำ� เขา้ (ความพร้อมของทรัพยากรมนษุ ยแ์ ละวสั ดุ อุปกรณ์) การพัฒนาคณุ ภาพแบบเกา่ ท่เี น้นการเพ่ิมโครงสรา้ งพ้นื ฐาน อปุ กรณ์ การฝึกอบรมครู ฯลฯ ขนานใหญ่เข้าไปในระบบนั้นมผี ลกระทบเพยี งจำ� กัด ปัจจบุ นั มคี วามตระหนกั มากขน้ึ วา่ สง่ิ ที่ ส�ำคญั คือการด�ำเนินการตา่ ง ๆ ให้เสริมกันโดยมุง่ ปรบั ปรุงกระบวนการจดั และรูปแบบพฤติกรรม ในระดบั ตา่ ง ๆ ภายในระบบ • พฤติกรรมของผบู้ ริหารโรงเรียนและครูซง่ึ หมายถงึ ลักษณะความสมั พันธ์กับนักเรยี น เพอื่ นรว่ ม งาน และชุมชนคือหวั ใจของโรงเรยี นทม่ี ีคุณภาพดี ครไู ม่ได้เปน็ เพยี งตวั เชือ่ มผจู้ ดั หาวสั ดอุ ปุ กรณ์ การศกึ ษากบั ผรู้ ับ (นกั เรยี น และ พอ่ -แม/่ ผู้ปกครอง) เขา้ ดว้ ยกนั เท่านน้ั แต่ยังเปน็ ตวั กลางส�ำคัญ ท่ีท�ำใหเ้ กิดกระบวนการเรยี นการสอนในห้องเรยี น ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครูใหญส่ ามารถใช้ภาวะ ผู้นำ� ของตนและการบรหิ ารจดั การ สร้างสภาพทจี่ �ำเปน็ เพอื่ ใหโ้ รงเรยี นท�ำหน้าท่ีได้ดี ดงั นน้ั จงึ ดเู หมอื นวา่ ไมว่ า่ ระบบจะกระตนุ้ ใหใ้ ชม้ าตรการใด การปรบั ปรงุ พฒั นาคณุ ภาพทแี่ ทจ้ รงิ ขน้ึ อยู่กบั สงิ่ ท่เี กิดข้นึ จรงิ ในโรงเรยี นซึง่ เป็นจุดให้บรกิ าร และโดยเฉพาะในหอ้ งเรียน องค์ประกอบต่าง ๆ ของระบบการศกึ ษามาบรรจบกนั ท่ีโรงเรยี น มีปฏสิ ัมพนั ธก์ นั และมีผลตอ่ คณุ ภาพของกระบวนการการเรยี นการสอน รปู ที่ 5 แสดงกรอบการวิเคราะห์การทำ� หน้าที่ของโรงเรียน กรอบการวิเคราะห์นี้พฒั นาขึน้ จากผลการวิจยั ท่ีไดก้ ล่าวมาแลว้

กรอบการวเิ คราะหน์ ม้ี คี วามคดิ พนื้ ฐานวา่ สง่ิ ทเี่ กดิ ขนึ้ ในหอ้ งเรยี นคอื แกนของการทำ� หนา้ ทขี่ องโรงเรยี นปัจจัยน�ำเข้าทั้งหมดมาบรรจบกันในห้องเรียนและมีอิทธิพลต่อกระบวนการการเรียนการสอนที่เกิดข้ึน ผลสดุ ทา้ ยแลว้ สง่ิ ทกี่ ำ� หนดคณุ ภาพของโรงเรยี นคอื วธิ สี อนและวธิ ใี ชเ้ วลาของครู ความมากนอ้ ยของการทคี่ รนู ำ� พาผเู้ รยี นใหเ้ ข้ามามสี ่วนรว่ มและให้ขอ้ มูลป้อนกลบั ฯลฯ ปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างครูและผู้เรียนท่เี กดิ ขึ้นในแต่ละวันเป็นตวั กำ� หนดผลของโรงเรยี นโดยตรงทส่ี ุด ดงั ทจี่ ะเหน็ ไดจ้ ากรปู ที่ 5 กระบวนการเรยี นการสอนมคี ณุ ภาพไดด้ ว้ ยปจั จยั นำ� เขา้ หลายประการ ไดแ้ ก่ 1) คุณลักษณะของครู (ความมีพร้อมและคุณภาพของคณาจารย์ ในด้านการศึกษาและฝึกอบรม ประสบการณ์ สมรรถนะ ความมน่ั คง สภาพความเปน็ อยู่ ระดบั ความเปน็ สว่ นหนง่ึ ของชมุ ชน ความ พงึ พอใจในหนา้ ทกี่ ารงาน และแรงจูงใจ เปน็ ตน้ ) 2) สภาพการเรียนการสอนในเชงิ วธิ กี ารสอน ซ่ึงครอบคลมุ ถงึ การจัดการสอนในชั้นเรยี น (ชัน้ เดยี วหรอื คละชน้ั ชว่ งเวลาเดยี วหรอื หลายชว่ ง) ขนาดชนั้ เรยี น หลกั สตู ร ภาษาทใี่ ชใ้ นการเรยี นการสอน เวลา ทใ่ี หก้ บั การเรียนรู้ เป็นตน้ 3) สภาพของอุปกรณ์การเรียนการสอน ซ่ึงหมายถึง ความมีพร้อมและคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐาน ของโรงเรียน อุปกรณ์ประเภทต่าง ๆ ส�ำหรับห้องเรียน วัสดุส�ำหรับนักเรียน คู่มือและอุปกรณ์ ส�ำหรับครู เป็นตน้ 4) คุณลักษณะของผู้เรียน โดยเฉพาะการกระจายจ�ำแนกตามเพศ อายุ สุขภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจ และสงั คม พ้นื ฐานด้านสงั คมและวฒั นธรรม เปน็ ต้น

รปู ที่ 5 กรอบการวเิ คราะหก์ ารทำ� หนา้ ท่ขี องโรงเรียน การบริหารการศกึ ษาสภาพแวดลอม ความสัมพันธก บั ฝายบริหาร ผลโรงเรยี น ความสัมพันธภายในโรงเรียน คณุ ภาพของคณาจารย หองเรยี น สภาพวสั ดุอปุ กรณ กระบวนการเรยี นการสอน สำหรบั การเรียนการสอน สภาพการสอนองคป ระกอบของนักเรยี นลักษณะของทอั งถ่นิ ความสัมพันธก ับพอ-แม/ ผปู กครอง ชมุ ชน นอกเหนือจากปัจจัยน�ำเข้าพื้นฐานเหล่านี้แล้ว กระบวนการอ่ืน ๆ ยังมีอิทธิพลโดยตรงต่อคุณภาพกระบวนการเรียนการสอนมากกวา่ ปัจจัยดังกลา่ วเสียอกี โดยเฉพาะการปฏสิ มั พันธ์ 3 ประเภท ดงั ต่อไปน้ี 1) ความสมั พนั ธภ์ ายในโรงเรยี น เป็นที่รบั รู้ทั่วไปอยา่ งชัดเจนวา่ ปัจจัยท่สี ำ� คัญทสี่ ดุ คอื บทบาทของผู้ อ�ำนวยการ/ครใู หญ่ อย่างไรก็ตาม ความสัมพนั ธ์ทัง้ แบบทางการและไม่เป็นทางการระหวา่ งเพื่อน ร่วมงานดูจะส�ำคัญตอ่ การคำ้� จนุ ทัศนคตแิ ละพฤตกิ รรมการสอนของครเู ช่นกนั 2) ความสมั พนั ธก์ ับพ่อ-แม่/ผู้ปกครอง โดยธรรมชาติแล้ว พอ่ -แม/่ ผู้ปกครอง ควรเปน็ หนุ้ สว่ นโดยตรง ทสี่ ดุ ของครใู นเรอ่ื งการศกึ ษาของบตุ รหลาน ดงั นน้ั ความสมั พนั ธน์ จ้ี งึ สมควรไดร้ บั การเอาใจใสเ่ ปน็ พเิ ศษ และควรวเิ คราะหโ์ ดยพจิ ารณา ก) ระดบั การสอื่ สารระหว่างพอ่ -แม่/ผปู้ กครอง และครู และ ข) ระดบั การมสี ว่ นรว่ มของพอ่ -แม/่ ผปู้ กครอง ในการทำ� หนา้ ทขี่ องโรงเรยี น (การเงนิ การสอน และ การจัดการ) 3) ความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร แม้ว่าการด�ำเนินการของโรงเรียนจะได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจาก สภาพแวดลอ้ มรอบโรงเรยี น แตโ่ รงเรยี นกเ็ ปน็ สว่ นหนง่ึ ของระบบใหญ่ เพราะฉะนนั้ ความสมั พนั ธ์

ระหว่างโรงเรียนกับฝา่ ยบริหารการศึกษาจงึ เป็นสงิ่ สำ� คัญเชน่ กัน ความสัมพนั ธท์ สี่ ำ� คัญเป็นพิเศษ คอื ก) การควบคมุ และการสนบั สนนุ ดา้ นการสอนสำ� หรบั ครแู ละผอู้ ำ� นวยการ/ครใู หญ่ เพอ่ื ทจ่ี ะได้ ปฏบิ ตั งิ านของตนได้ ข) การไดร้ บั ขอ้ มลู ขา่ วสาร และคำ� สงั่ ทชี่ ดั เจนเกย่ี วกบั วตั ถปุ ระสงค์ หลกั สตู ร และมาตรฐานทต่ี ้องท�ำตาม ฯลฯ โดยต่อเนื่อง และ ค) คุณภาพของการสนบั สนุนด้านบรหิ ารและ ธุรการทีค่ รูและผู้อำ� นวยการจะพง่ึ พิงได้ ปฏสิ ัมพนั ธท์ ัง้ สามประเภททีก่ ลา่ วมานี้ถอื เป็นสว่ นพื้นฐานของการวเิ คราะหก์ ารท�ำหนา้ ท่ขี องโรงเรียนนอกจากนยี้ งั มคี วามสมั พนั ธอ์ นื่ ๆ ทสี่ ง่ ผลกระทบตอ่ การทำ� หนา้ ทข่ี องโรงเรยี นได้ เชน่ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครใู หญแ่ ละครอู าจตดิ ตอ่ โดยตรงกบั ผนู้ ำ� ชมุ ชน ผแู้ ทนจากองคก์ รพฒั นาอน่ื ๆ ผเู้ ชย่ี วชาญจากองคก์ ารเอกชนไม่แสวงหาก�ำไร ฯลฯ ในบริบทจ�ำเพาะบางกรณี ความสัมพันธ์อาจมีนัยส�ำคัญมากยิ่งข้ึน เช่น เม่ือองค์การเอกชนไม่แสวงหากำ� ไรเลือกสนบั สนุนเฉพาะโรงเรียนหนงึ่ โรง ดงั นน้ั ต้องปรบั กรอบการวเิ คราะหท์ ใี่ ช้ใหร้ วมความสมั พันธ์ลักษณะอ่นื ๆ ด้วยคำ� ถามจงสรุปบทเรยี นหลกั เรื่องกรอบการวเิ คราะห์ทน่ี �ำเสนอในรปู ที่ 53.2 หลักการเชงิ ยุทธศาสตร์เพื่อปรับปรุงการท�ำหนา้ ที่ของโรงเรยี น(Strategic principles for improving the functioning of schools) การรบั รวู้ า่ การทำ� หนา้ ทภี่ ายในของโรงเรยี นอาจมผี ลกระทบทมี่ นี ยั สำ� คญั ตอ่ คณุ ภาพการศกึ ษาและผลสัมฤทธ์ิของนักเรียนนั้นยังไม่เพียงพอ การรับรู้เช่นน้ีมีนัยหลายประการต่อการจัดการระบบการศึกษาและโรงเรยี นโดยเฉพาะนัยสำ� คัญสี่ประการตอ่ ไปน้ี

การให้โรงเรยี นบรหิ ารจัดการตนเองได้โดยอสิ ระในระดบั หน่ึง(Giving some degree of autonomy to schools) เมื่อมคี วามสนใจการทำ� หนา้ ทข่ี องโรงเรียนอาจมีนยั ว่า ควรอนุญาตใหโ้ รงเรียนไดม้ อี ิสรภาพมากขึ้นในการตดั สนิ ใจเรอื่ งสำ� คญั เชน่ การบรหิ ารจดั การบคุ ลากรซง่ึ อาจกระทบโครงสรา้ งการศกึ ษาทง้ั ระบบ หากจะให้โรงเรยี นมคี วามเป็นอิสระในการบรหิ ารบุคลากร รฐั บาลหรอื กระทรวงศึกษาธกิ ารจะต้องพิจารณาแบง่ ความรบั ผดิ ชอบการตัดสนิ ใจใหร้ ะดบั การบรหิ ารต่าง ๆ เสยี ใหม่ (เขต ภาค ฯลฯ) การคงระดบั ต่าง ๆ ไว้เชน่ ทเ่ี ปน็มา อาจท�ำใหโ้ รงเรยี นบรหิ ารจดั การตนเองได้เพียงจ�ำกัดเท่าน้นั เป็นการยากที่จะลดขนาด หรือแบ่งส่วนระดับการบริหาร และไม่เพียงแต่ยากในทางการเมืองเท่านั้นแต่ยังอาจมีผลเสียต่อโรงเรียนขนาดเล็ก หรือโรงเรียนท่ีอ่อนแอด้วย ในสถานการณ์ที่ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้วธิ ใี ด ค�ำตอบอาจอยทู่ ีก่ ารสร้างกลมุ่ โรงเรียน ในกรณีท่จี ะพิจารณาให้โรงเรียนมีอำ� นาจการตดั สนิ ใจมากข้ึน ตอ้ งถามคำ� ถามต่อไปนี้ • ใครควรต้องมสี ว่ นในกระบวนการตดั สินใจ และจะมีสว่ นอย่างไร ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครใู หญ่ ครู พ่อ-แม่/ผู้ปกครอง และชุมชน และอาจรวมถงึ นกั เรยี นดว้ ยจะมีบทบาทอยา่ งไร การมีสว่ นมี โครงสรา้ งไดห้ ลายแบบ และบางแบบอาจมีอยแู่ ลว้ ค�ำถามวา่ “อย่างไร” เป็นค�ำถามทีส่ �ำคัญมาก เพราะจะต้องเขา้ ใจว่าการให้กลุ่มต่าง ๆ เขา้ มามีสว่ นน้ัน คือการประชุมปรกึ ษาหารือตามแบบ ราชการ การขอค�ำแนะนำ� หรอื การมีอำ� นาจตัดสนิ ใจที่แท้จรงิ • โรงเรยี นควรมีอ�ำนาจตัดสนิ ใจประเภทใด และในเรอื่ งอะไรไดบ้ า้ ง เช่น หลักสูตร การจดั การสอน และการจัดการทรัพยากร (มนษุ ย์ วสั ดุอปุ กรณ์ และการเงิน) ประเทศต่าง ๆ เลือกใหโ้ รงเรยี น ตัดสินใจไดใ้ นเรื่องท่แี ตกต่างกนั ไป มีข้อคิดเห็นอีกสองประการท่ีแสดงถึงความซับซ้อนของประเด็นเหล่าน้ี ประการแรกคือ ระดับความเป็นอิสระของโรงเรียนไม่สัมพันธ์โดยตรงกับระดับคุณภาพ เช่น โรงเรียนในประเทศฝร่ังเศสมีอิสรภาพน้อยมาก แตค่ ุณภาพการศกึ ษากลับสูงท่ัวไปท้ังประเทศ ความสมั พันธ์ระหวา่ งคุณภาพและระดบั ความเปน็ อสิ ระขน้ึ อยกู่ บั กลยทุ ธท์ มี่ าพรอ้ ม ๆ กบั การแนะนำ� แนวคดิ เรอ่ื งใหโ้ รงเรยี นบรหิ ารจดั การตนเองไดม้ ากขน้ึ โรงเรยี นจะเป็นอิสระมากเพยี งไรขนึ้ อยู่กบั บรบิ ทเฉพาะของแต่ละประเทศ เหตุการณ์ในอดีตทำ� ใหป้ ระเทศหน่ึง ๆ มีโครงสรา้ งการปกครองเชน่ ทเี่ ปน็ อยู่ การเปลย่ี นแปลงทส่ี ำ� คญั ตอ้ งใชเ้ วลาทจี่ ะพฒั นาเปน็ การปฏบิ ตั ปิ ระจำ� วนั ประการทส่ี อง การออกแบบระบบการจดั การใหมเ่ ปน็ เรอื่ งทย่ี งุ่ ยากมากขนึ้ เนอ่ื งจากโรงเรยี นทวั่ ประเทศมสี ถานการณแ์ ตกตา่ งกนั ถงึ ทส่ี ดุ แผนการดำ� เนนิ งานจำ� นวนมากมสี มมตฐิ านทเ่ี ปน็ นยั วา่ ทกุ โรงเรยี นทำ� หนา้ ที่ดว้ ยวธิ คี ลา้ ยคลงึ กบั รปู แบบทใ่ี ชอ้ ยใู่ นเขตเมอื งทอี่ ยใู่ นสถานการณท์ ไี่ ดเ้ ปรยี บ สมมตฐิ านนไี้ มไ่ ดอ้ ยบู่ นพน้ื ฐานของความเปน็ จรงิ และเปน็ ผลเสยี ตอ่ โรงเรยี นชายขอบ เพราะบงั คบั ใหโ้ รงเรยี นเหลา่ นป้ี ฏบิ ตั ติ ามขอ้ กำ� หนดการปฏบิ ตั งิ านและมาตรการการปรบั ปรงุ ซงึ่ ไมเ่ หมาะสมกบั สถานการณข์ องโรงเรยี นดงั กลา่ ว หากผกู้ ำ� หนดกลยทุ ธ์ยอมรบั วา่ โรงเรยี นมคี วามหลากหลาย ยอ่ มจะตอ้ งออกแบบกลยทุ ธก์ ารจดั การแบบตา่ ง ๆ ซงึ่ นำ� ไปปรบั ใหเ้ ขา้กบั สภาพแวดล้อมของทอ้ งถน่ิ ที่แตกตา่ งกันได้

การสนบั สนนุ ผมู้ ีบทบาทหลกั ในระดับโรงเรยี น (Supporting key players at the school level) การให้โรงเรียนเป็นอิสระมากขึ้นอาจมีความเส่ียงมาก หากไม่ได้พยายามพัฒนาขีดความสามารถและทกั ษะของผมู้ บี ทบาทสำ� คญั ในระดบั โรงเรยี นผไู้ ดร้ บั อำ� นาจมากขนึ้ ผมู้ บี ทบาทสำ� คญั ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทข่ี องโรงเรียนและในการยกระดบั คุณภาพโรงเรยี นคอื ผู้อ�ำนวยการโรงเรียน/ครูใหญ่ และชุมชน 1) ผูอ้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครใู หญ่ เป็นศนู ย์กลางของความสมั พันธท์ โ่ี รงเรยี น เปน็ ผู้ท่ีมีปฏิสมั พนั ธ์กบั ครู นักเรียน พอ่ -แม่/ผ้ปู กครอง ชุมชนในทอ้ งถิน่ และฝา่ ยบริหารจัดการการศึกษา ผอู้ �ำนวยการ โรงเรยี น/ครใู หญใ่ นประเทศกำ� ลงั พฒั นาจำ� เปน็ ตอ้ งพฒั นาความสมั พนั ธก์ บั หนุ้ สว่ นภายนอก สำ� หรบั การถา่ ยโอนหนา้ ทคี่ วามรบั ผดิ ชอบใหโ้ รงเรยี น ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครใู หญจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งไดร้ บั ความ สนบั สนนุ ในรูปแบบของการพฒั นาทักษะการส่ือสาร ภาวะผูน้ ำ� และการบรหิ ารจดั การ นอกจาก ทกั ษะดงั กลา่ วแลว้ ยงั ตอ้ งทำ� ใหผ้ อู้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครใู หญร่ บั รถู้ งึ ความจำ� เปน็ ทต่ี อ้ งเปดิ โรงเรยี น ใหแ้ กช่ ุมชน และเชื้อเชิญให้ครมู ีบทบาทขันแขง็ ขึ้นในเรื่องดังกลา่ วดว้ ย 2) ชุมชนในหลายประเทศมีบทบาทมากย่ิงขึ้นเรื่อย ๆ ในการบริหารจัดการและการท�ำหน้าท่ีของ โรงเรียน โดยมีปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน ครู และผู้อ�ำนวยการโรงเรียน/ครูใหญ่ และมีส่วนช่วยใน หลาย ๆ ทาง โดย • กระตนุ้ ความตระหนักของสมาชิกชุมชนในประเดน็ ตา่ ง ๆ ของการศึกษา • เปน็ สอื่ กลางระหวา่ งโรงเรยี นและชุมชน • จัดหา และจดั การทรพั ยากรการเงินและวสั ดอุ ปุ กรณ์ต่าง ๆ • จดั การบคุ ลากรดา้ นการสอน (เชน่ การสรรหาวา่ จา้ ง การแตง่ ตง้ั หรอื แมแ้ ตก่ ารจา่ ยเงนิ เดอื นคร)ู • ใหค้ �ำแนะน�ำเกีย่ วกบั หลกั สูตรและภาษา ประเทศส่วนใหญ่มีกลุ่มตัวแทนของพ่อ-แม่/ผู้ปกครอง และชุมชนเพ่ืออ�ำนวยความสะดวก และเสริมสร้างการมีสว่ นร่วมในการบริหารจดั การและการทำ� หนา้ ทข่ี องโรงเรยี น เช่น สมาคมผู้ปกครองและครู คณะกรรมการบริหารโรงเรียน สมาชิกของสมาคมฯ และคณะกรรมการฯ จ�ำเป็นต้องได้รับการฝึกและความสนบั สนนุ ใหป้ ฏบิ ตั ภิ าระหนา้ ทใ่ี นความรบั ผดิ ชอบไดส้ มบรู ณ์ นอกจากนคี้ วรตอ้ งประกนั วา่ โครงสรา้ งดงั กลา่ วเปน็ ตัวแทนของคนทุกกลมุ่ ในชุมชนการจดั หาทรพั ยากรพ้ืนฐานให้ทุกโรงเรียน (Providing basic resources to all schools) การใหโ้ รงเรยี นรบั ผดิ ชอบการบรหิ ารจดั การคณุ ภาพโดยปราศจากการรบั รองวา่ โรงเรยี นจะมที รพั ยากรที่จำ� เป็นใชใ้ นการสอน เปน็ ส่ิงทีไ่ มย่ ุติธรรมและจะใหผ้ ลตรงกนั ขา้ ม ดังนน้ั กลยุทธป์ รบั ปรุงคุณภาพใด ๆ ท่ีน�ำไปใชต้ ้องรบั รองว่าโรงเรียนจะอยูใ่ นสภาพท่จี ะจัดกระบวนการเรยี นการสอนได้อย่างมปี ระสทิ ธผิ ล สว่ นที่ว่าสภาพหรือเงื่อนไขนี้ประกอบด้วยสิ่งใดบ้างย่อมแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ แต่สิ่งส�ำคัญคือ โรงเรียนแต่ละโรงต้องรู้ว่าจะได้รับทรัพยากรพ้ืนฐานข้ันต่�ำอะไรบ้าง และทรัพยากรพื้นฐานเหล่านี้ต้องเป็นส่ิงที่มีอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ทรัพยากรท่ีถูกมองข้ามเป็นประจ�ำคือสารสนเทศเก่ียวกับการปฏิบัติงานของโรงเรียน การเน้นความสนใจเร่ืองการท�ำหนา้ ท่ีของโรงเรยี นทำ� ใหต้ อ้ งเก็บรวบรวมขอ้ มูลประเภทต่าง ๆ เกยี่ วกับกระบวนการซึง่ เกดิขึน้ จรงิ ในโรงเรียน แต่สว่ นใหญ่ของขอ้ มลู ทไ่ี ดเ้ ก็บรวบรวมและรายงานไว้เปน็ ประจ�ำในแบบสอบถามสำ� หรบั

โรงเรยี น เปน็ ขอ้ มลู เกยี่ วกบั ปจั จยั นำ� เขา้ มากกวา่ ผล หรอื กระบวนการ จงึ ไมเ่ พยี งพอสำ� หรบั การกำ� กบั ตดิ ตามการทำ� หนา้ ทขี่ องโรงเรียน อยา่ งไรกต็ าม การใหส้ ารสนเทศใหมเ่ พอื่ เสรมิ ขอ้ มลู แบบดง้ั เดมิ ไวใ้ ชใ้ นระดบั โรงเรยี นไมใ่ ชท่ างออก แต่จะตอ้ งแนใ่ จไดว้ า่ สารสนเทศดงั กลา่ วนน้ั ไดใ้ ชจ้ รงิ ไมเ่ ชน่ นน้ั ทรพั ยากรทไ่ี ดล้ งทนุ ไปเพอ่ื ปรบั ปรงุ ฐานขอ้ มลู จะสญู เปล่า ประการแรก ต้องเลกิ ปฏบิ ัตติ อ่ ระดบั การตดั สนิ ใจทตี่ �ำ่ ลงไป (ซงึ่ รวมถึงโรงเรยี นและคร)ู ในฐานะท่ีเปน็ เพยี งผใู้ หส้ ารสนเทศและขอ้ มลู เทา่ นนั้ และตอ้ งรวมระดบั นไี้ วใ้ นขนั้ ตอนการระบคุ วามตอ้ งการสารสนเทศประการทีส่ อง ตอ้ งประกันว่ามกี ารปอ้ นขอ้ มูลจากฐานขอ้ มูลไปยังผู้มอี ำ� นาจตดั สนิ ใจ และมกี ารใช้ข้อมูลนัน้จรงิ ในการน้ี จำ� เปน็ ต้องจดั โครงสร้างสารสนเทศใหส้ อดคลอ้ งสัมพันธ์กบั ความต้องการในระดบั ตา่ ง ๆ ของการตัดสินใจต้องพยายามมากเป็นพิเศษท่ีจะให้ผู้อ�ำนวยการโรงเรียน/ครูใหญ่ ครู และชุมชนท้องถิ่นได้รับสารสนเทศทเ่ี ป็นประโยชน์ และตรงตามตอ้ งการการพฒั นาโครงสร้างการควบคมุ และสนับสนุนการทำ� หน้าทขี่ องโรงเรยี น(Developing proper support and control structures on school functioning) ประสบการณท์ ผี่ า่ นมาแสดงใหเ้ หน็ วา่ โรงเรยี นไมส่ ามารถรบั หนา้ ทร่ี บั ผดิ ชอบการปรบั ปรงุ คณุ ภาพเพมิ่ขน้ึ ไดห้ ากไม่มีระบบการควบคุมและสนับสนุนทม่ี ปี ระสทิ ธิภาพคอยช่วยเหลือ โรงเรียนที่ตกอยใู่ นภาวะเชน่ น้ีสว่ นใหญเ่ ปน็ โรงเรยี นในเขตยากจนทัง้ ในเมอื งและในชนบท การขยายตัวอย่างรวดเร็วของการศึกษาระดับประถมศึกษาในหลายประเทศ ท�ำให้กลไกการก�ำกับติดตามแบบดั้งเดิมเสื่อมถอยลงช้า ๆ การมีภาระงานล้นมือแต่ขาดทรัพยากรท่ีต้องใช้ด�ำเนินงานท�ำให้การนิเทศอ่อนลงจนไม่สามารถควบคุมคุณภาพการศึกษาได้เพียงพออีกต่อไป นอกจากการฟื้นฟูกลไกการกำ� กับติดตามแบบด้ังเดิมแล้วยังจ�ำเป็นต้องทบทวนท้ังระบบ และก�ำหนดบทบาทของการบริหารจัดการในระดับตา่ ง ๆ และของฝา่ ยตา่ ง ๆ (ศึกษานเิ ทศก์ ผอู้ ำ� นวยการโรงเรยี น/ครใู หญ่ ครู และ พอ่ -แม่/ผปู้ กครอง) เสยี ใหม่การเนน้ การทำ� หนา้ ทขี่ องโรงเรยี นเปน็ นยั วา่ ตอ้ งถา่ ยโอนโครงสรา้ งการสนบั สนนุ และภาระการรบั ผดิ ชอบไปสู่ระดบั การตดั สนิ ใจทีต่ �่ำลงไป ในระยะไมก่ ปี่ มี านี้ หลายประเทศไดท้ ดลองวธิ ใี หม่ ๆ เชน่ การจดั ตง้ั ศนู ยว์ ทิ ยาการ การสรา้ งกลมุ่โรงเรยี น การจดั ตัง้ ระบบครพู เ่ี ล้ียง การฝกึ อบรมครูประจำ� การรูปแบบใหม่ ฯลฯ ในการนี้ สง่ิ ส�ำคญั คอืต้องแน่ใจว่ากลไกต่าง ๆ ท้ังเก่าและใหม่เชื่อมโยงกันเป็นเอกภาพเพ่ือปรับปรุงการสอนในห้องเรียนปัญหาการขาดความเชื่อมโยงเกิดขึ้นบ่อยจนครูรู้สึกสับสน ประสบการณ์ของหลายประเทศได้แสดงให้เห็นแล้ว4 ว่าความพยายามปรับปรุงคุณภาพมีโอกาสบรรลุผลส�ำเร็จมากท่ีสุดเมื่อครูมีความรู้สึกว่าความพยายามสนับสนุนท้ังหมดนั้นเพ่ือปรับปรุงการปฏิบัติด้านการสอนของตน และเม่ือครูรู้สึกว่าได้มีบทบาทในการฝึกอบรมเพ่ือตนเอง4 อา่ นประสบการณ์ของ BRAC ในประเทศบงั คลาเทศ โครงการเก้ารอ้ ยโรงเรยี น (Nine Hundred Schools Programme) ในประเทศชิลี หรอื โรงเรยี นใหม่ (Escuela Nueva) ในประเทศโคลัมเบีย

คำ� ถาม จงระบอุ งค์ประกอบหรอื ปจั จัยส�ำคญั ท่คี วรค�ำนงึ ถึงในการปรับปรงุ การท�ำหนา้ ทข่ี องโรงเรียน โรงเรียนมีผลอย่างมากต่อคุณภาพการศึกษา เนื่องจากโรงเรียนเป็นผู้ควบคุมปัจจัยต่าง ๆ ซ่ึงเปลี่ยนคณุ ภาพการศึกษาได้ เช่น ปจั จยั ท่เี กีย่ วขอ้ งกับกระบวนการและความสัมพันธร์ ะหว่างผมู้ บี ทบาท

ทา้ ยทส่ี ดุ น้ี สามารถสรปุ ไดว้ า่ เมอ่ื ใหค้ วามสนใจเปน็ พเิ ศษตอ่ การทำ� หนา้ ทข่ี องโรงเรยี น ควรคำ� นงึ ถงึ องคป์ ระกอบต่าง ๆ ดังน้ี • ควรจดั หาทรัพยากรพน้ื ฐานให้ทุกโรงเรียน • จำ� เป็นตอ้ งท�ำให้ตำ� แหนง่ ผู้อำ� นวยการโรงเรียน/ครูใหญ่ เปน็ วชิ าชพี อย่างแท้จริง • ควรเสริมสรา้ งความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งโรงเรียนและชมุ ชนโดยพฒั นาโครงสรา้ ง เชน่ สมาคมผู้ ปกครองและครู และ คณะกรรมการบรหิ ารโรงเรยี น และสรา้ งความตระหนกั เรื่องโรงเรียน และผมู้ บี ทบาทในทอ้ งถิน่ • จำ� เปน็ ตอ้ งมีระบบก�ำกบั ตดิ ตาม (สนับสนนุ และควบคมุ ) • ควรเปลีย่ นรูปแบบการนิเทศโรงเรยี น • ควรแจง้ ใหโ้ รงเรียนทราบถงึ ผลการปฏบิ ัตงิ านของตน • จำ� เป็นตอ้ งออกแบบกลยทุ ธ์การบรหิ ารจดั การทหี่ ลากหลาย ซ่งึ สามารถปรับให้สอดคลอ้ งกบั สภาพในทอ้ งถนิ่ ตา่ ง ๆ ได้กิจกรรมกลุ่ม ตอนท้ายหนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื งการวเิ คราะห์ปญั หาสาขาการศกึ ษา ผเู้ รียนได้จดั ลำ� ดบั ความส�ำคญัของประเด็นปัญหาไว้ จงดำ� เนนิ การต่อไปนี้ (1) เลอื กปัญหาหลกั หน่งึ ข้อ ซ่งึ เป็นปัญหาคุณภาพการศกึ ษาระดบั มัธยมศึกษาของ Vindoland และ เลือกวัตถปุ ระสงคห์ น่งึ ข้อ ทเี่ กยี่ วกับการปรับปรงุ สถานการณ์ทเี่ ป็นปญั หา ซ่งึ ทา่ นได้เลอื กไว้แล้ว (2) ระบุเป้าหมายหนึ่งข้อ (ที่สามารถวัดได้ด้วยตัวช้ีวัดด้านคุณภาพ) ซึ่งจะช่วยให้บรรลุวัตถุประสงค์ เร่งดว่ นน้ี และจะชว่ ยแกป้ ญั หาทเ่ี ก่ยี วกับคุณภาพดังกล่าวข้างบนนี้ (3) ระบกุ ลยุทธ์ 2 ข้อ ซึง่ สามารถนำ� ไปปฏิบตั ใิ ห้บรรลุเปา้ หมายนไี้ ด้ ขอให้นึกถงึ กลยุทธท์ ไี่ ด้อภปิ ราย ไว้ในหน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 น้ี (4) ประเมินความมีค่าใช้จ่ายเหมาะสมกับงบประมาณ ความเป็นไปได้ และความย่ังยืนของการน�ำ กลยุทธท์ ง้ั สองนไี้ ปปฏิบัตใิ น Vindoland (5) ส�ำหรับกลยุทธแ์ ต่ละข้อ จงระบุกลมุ่ ทีค่ วรต้องปรึกษาหารอื ในการน้ี เมื่อคิดตรองค�ำตอบที่เป็นไปได้ สำ� หรบั ขอ้ (2) ถึง ขอ้ (4) ในกจิ กรรมกลุ่มครง้ั น้ี ผู้เรียนจะอา้ งอิงถงึวัตถุประสงค์เฉพาะ เป้าหมาย และกลยุทธ์ซ่ึงเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงคุณภาพการศึกษาในระดับประถมศกึ ษาดงั ท่มี อี ยู่ในแผนภาคการศึกษาของประเทศของตนกไ็ ด้

บรรณานุกรมADB, 2008. Education and Skills-Strategies for Accelerated Development in Asia and thePacific.Mandaluyong City: Asian Development Bank.Chapman, J. 2005. Recruitment, retention and development of school principals. Paris: UNESCO/IIEP.De Grauwe, A. 2005. Improving quality through school-based management: Learning fromInternational Experiences, in: International Review of Education, vol. 51 (4).Göttelmann, G., et al. 2011. Strengthening of education systems. Paris: UNESCO/IIEP.Mourshed, M.; Chijioke, C.; Barber, M. 2010. How the world’s most improved school systemskeep getting better. London: McKinsey. Retrieved from: http://ssomckinsey.darbyfilms.com/reports/EducationBook_A4%20SINGLES_DEC%202.pdfSchwille, J. and Dembele, M. 2007. Global perspectives on teacher learning: improving policyand practice. Paris: UNESCO/IIEP.UNESCO. 2000. The Dakar Framework for Action. Education for All: Meeting our CollectiveCommitments. Paris: UNESCO.UNESCO. 2004. ‘The quality imperative.’ EFA Global Monitoring Report 2005. Paris: UNESCO.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook