กล่มุ สาระการเรียนรู้สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 2 จดั ทาํ โดย นางสาวนัยนา ศิริมูล ตําแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครูชาํ นาญการพเิ ศษ โรงเรยี นปากช่อง ๒ สํานกั การศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม องคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดนครราชสมี า กระทรวงมหาดไทย
คาํ นาํ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ โดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ ชุด ใส่ใจสขุ ภาพ กลมุ่ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี 2 ชุดที่ 2 เทคโนโลยีท่ีมีผลต่อสุขภาพ จัดทําขึ้นเพ่ือให้สอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางการศึกษา ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ท่ีเน้นนักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครูเป็นผู้แนะนําเพื่อให้ นักเรียนเกิดความรู้ความเข้าใจ สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการ ปอ้ งกนั โรค มุ่งเสริมพัฒนาความคิด เสริมสร้างสมรรถนะ และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของนกั เรียน แล้วสามารถนาํ ไปใช้ในชวี ิตประจําวันได้ ดังน้ัน ครูผู้สอนเห็นความสําคัญการ เรียนรู้ สาระที่ 4 การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรคจึงนํามาจัด กจิ กรรมการเรยี นรู้ ใหแ้ กน่ กั เรยี น หวังว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เล่มนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อครูผู้สอนและผู้ท่ีสนใจ ได้เป็นอยา่ งดยี ง่ิ นัยนา ศริ ิมูล
สารบัญ หนา้ คํานํา 1 สารบญั 3 คําแนะนํา 4 บทบาทของครผู ้สู อน 5 บทบาทของนกั เรียน 5 สาระและมาตรฐาน 5 ตัวช้วี ัด 5 สาระสาํ คัญ 6 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 8 เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือ 11 แบบทดสอบกอ่ นเรียน 12 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น 13 ชนั้ ท่ี 1 ช้แี จงเตรยี มบทเรียน 30 ข้ันท่ี 2 นําสอนเนือ้ หา 34 ข้นั ที่ 3 จัดกิจกรรมฝึกฝนเรียนรสู้ ู่ทมี 42 ข้ันที่ 4 นําไปใชแ้ ละตรวจสอบ 44 ขนั้ ที่ 5 สรุปบทเรียนและประเมนิ ผลการทาํ งานกลุ่ม 47 แบบทดสอบหลังเรียน 48 เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 49 ตารางบันทกึ คะแนน บรรณานกุ รม
1 คําแนะนํา การใชช้ ุดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชเ้ ทคนิคการเรียนแบบร่วมมือเชิงสรา้ งสรรค์ เร่ือง ใส่ใจสุขภาพ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ชุดนี้เป็นชุดที่ 2 เทคโนโลยีท่ีมีผลต่อสุขภาพ สร้างข้ึนเพื่อนําไปเป็นส่ือในการจัดการเรียน การสอนโดยใช้กระบวนการกลุ่ม ให้นักเรียนได้ศึกษาและปฏิบัติกิจกรรมร่วมกันเป็นกลุ่ม ยึดหลักการทํางานร่วมกัน ให้ความช่วยเหลือซ่ึงกันและกัน ชุดการสอนนี้ครูเป็นผู้แนะนํา นักเรียน ฉะนั้นครูจะต้องให้นักเรียนปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างเคร่งครัด จึงจะทําให้การเรียน การสอนเกดิ ประสทิ ธภิ าพสูงสดุ ชดุ กจิ กรรมการเรยี นรู้ มที ัง้ หมด 7 ชุด ดงั นี้ ชุดท่ี 1 การเลือกใช้บริการทางสุขภาพ ชุดที่ 2 เทคโนโลยีท่มี ีผลต่อสุขภาพ ชุดที่ 3 สุขภาพกายและสุขภาพจติ ชุดท่ี 4 การจดั การกบั ความเครยี ด ชดุ ท่ี 5 ห่างไกลยาเสพติด ชดุ ที่ 6 ลดความเสี่ยง ชดุ ท่ี 7 หลีกเลยี่ งอันตราย ชุดกิจกรรมการเรียนรู้แต่ละชดุ ประกอบด้วย 1. คําชี้แจง 2. บทบาทครูผ้สู อน 3. บทบาทนักเรียน 4. ข้ันตอนการจดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้เทคนิคการเรียนแบบรว่ มมือเชงิ สร้างสรรค์ 5. สาระ / มาตรฐาน / ตัวช้ีวดั 6. สาระสาํ คญั 7. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 8. แบบทดสอบกอ่ นเรียน จาํ นวน 10 ขอ้ 9. บัตรเน้อื หา
2 10. บตั รกิจกรรม 11. เฉลยบตั รกจิ กรรม 12. แบบทดสอบหลงั เรยี น จาํ นวน 10 ขอ้ 13. เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน 14. เกณฑก์ ารประเมินผล / แบบบนั ทึกผลการประเมนิ ผล
3 บทบาทของครผู ูส้ อน การใช้ชดุ กจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใช้เทคนคิ การเรียนแบบร่วมมือเชิงสรา้ งสรรค์ ชุดท่ี 2 เทคโนโลยที ่ีมีผลตอ่ สขุ ภาพ 1. ครูศึกษาวธิ ีใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ แผนการจดั การเรียนรตู้ ลอดจนการจดั การ เรยี นรโู้ ดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมอื เชงิ สร้างสรรค์ 2. คน้ ควา้ และอ่านเนือ้ หาที่เกีย่ วขอ้ งเพ่มิ เติม 3. เตรยี มการสอนลว่ งหน้า เตรยี มสถานที่ สอ่ื การสอนตา่ ง ๆ ตลอดจนวัสดุอปุ กรณ์ อน่ื ๆ 4. การจดั ห้องเรียนควรแบ่งนักเรยี นออกเปน็ กลุม่ จํานวน 6 กลุ่ม กลุ่มละเทา่ ๆ กัน จัดวางสื่อ การสอนตามแผนผังการจดั ชน้ั เรียน (อาจเปล่ยี นแปลงได้) 5. ครจู ัดเตรยี มชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการกลมุ่ เทคนิคเชงิ สร้างสรรค์ ให้ครบถว้ น 6. แนะนาํ วิธกี ารใช้ชุดกจิ กรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้เทคนิคการเรียนแบบร่วมมือเชิง สร้างสรรค์เพ่ือใหน้ กั เรียนปฏิบตั ไิ ดถ้ ูกต้อง 7. ดาํ เนินการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ที่กําหนดในแผนการจัดการเรยี นรู้ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรม ตามข้นั ตอนการเรยี นรู้โดยใช้เทคนคิ การเรียนแบบร่วมมือเชงิ สร้างสรรคโ์ ดยมี 5 ขั้นตอน ดงั นี้ ข้ันท่ี 1 ช้แี จงเตรียมบทเรียน ขนั้ ท่ี 2 นําสอนเนอ้ื หา ข้นั ท่ี 3 จัดกจิ กรรมฝกึ ฝนเรยี นร้สู ู่ทีม ขน้ั ท่ี 4 นําไปใช้และตรวจสอบผลงาน ขน้ั ท่ี 5 สรุปบทเรียนและประเมินผลการทาํ งานกลุ่ม 8. หากนักเรยี นบางกล่มุ หรือบางคนเรียนไม่ทัน ครูควรให้คําแนะนาํ เพิ่มเติมให้เกดิ ความ เขา้ ใจ และใหท้ ันกบั เวลาทกี่ าํ หนด 9. ประเมินผลการเรียนของนักเรยี นหลงั ใช้ชุดกจิ กรรมการเรียนรู้ เพอ่ื การพฒั นาและ ความกา้ วหน้าของ ผูเ้ รียน 10. ดูแล ส่อื และอปุ กรณต์ ่าง ๆ ทีม่ อี ยู่ในชดุ การสอนให้เรยี บร้อยก่อนและหลังการใช้ ทกุ ครงั้
4 บทบาทของนกั เรียน การใช้ชดุ กิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้เทคนิคการเรียนแบบรว่ มมอื เชงิ สร้างสรรค์ ชุดที่ 2 เทคโนโลยีทมี่ ีผลต่อสขุ ภาพ 1. นักเรยี นแบ่งกลุ่ม โดยคละความสามารถของนักเรียน เก่ง ปานกลาง และอ่อน ออกเปน็ กลุ่ม เลอื กหวั หน้ากลมุ่ เลขานกุ าร และตัง้ ชือ่ กล่มุ 2. ในการปฏิบัติกจิ กรรมใหเ้ ป็นไปตามขัน้ ตอนอย่างเคร่งครดั 3. นกั เรยี นศกึ ษาชดุ กิจกรรมการเรยี นรู้ และทาํ กจิ กรรมไปตามลาํ ดับข้ันตอนการเรียนรู้ โดยใช้เทคนคิ การเรยี นแบบร่วมมือเชิงสร้างสรรค์ โดยมี 5 ขั้นตอน ดังน้ี ข้นั ท่ี 1 ชแี้ จงเตรียมบทเรียน ข้ันที่ 2 นําสอนเน้อื หา ข้นั ท่ี 3 จัดกิจกรรมฝกึ ฝนเรยี นรู้สู่ทีม ขั้นท่ี 4 นําไปใชแ้ ละตรวจสอบผลงาน ขัน้ ท่ี 5 สรปุ บทเรียนและประเมนิ ผลการทํางานกลุ่ม 3. นักเรียนพยายามทําให้เสร็จตามกําหนดเวลา อ่านคําช้ีแจงแต่ละกิจกรรม และ ปฏิบัติตามคําส่ังทีละข้ันตอน คือ ทดสอบความรู้ก่อนเรียน ทํากิจกรรม ตรวจคําตอบจากเฉลย ทบทวนความรู้ และทาํ ข้อสอบหลังเรยี น 4. คาํ ถามจากบทเรียน ไม่ใช่ข้อสอบ แต่เป็นส่วนหนง่ึ ของการเรยี นรู้ หากมี ข้อสงสัยในการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ใหถ้ ามครผู สู้ อนไดท้ นั ที 5. การศึกษาชุดกิจกรรมการเรยี นรู้เล่มนี้ จะไม่บรรลุผลสาํ เรจ็ ถ้านกั เรยี นขาด ความซอื่ สตั ยใ์ นการปฏิบตั ิกิจกรรม 6. ให้นักเรียนปฏิบัตกิ ิจกรรม และห้ามขดี เขียนขอ้ ความใด ๆ ลงใน ชดุ กิจกรรมการเรียนรู้เลม่ นี้
5 สาระที่ 4 การสร้างเสริมสขุ ภาพ สมรรถภาพและการป้องกันโรค มาตรฐาน พ 4.1 เห็นคณุ คา่ และมที กั ษะในการสร้างเสรมิ สุขภาพ การดาํ รงสขุ ภาพ การป้องกันโรค และการสร้างเสริมสมรรถภาพเพื่อสุขภาพ ตวั ชว้ี ัด 2. วิเคราะห์ผลของการใชเ้ ทคโนโลยีท่ีมตี ่อสขุ ภาพ 3. วิเคราะหค์ วามเจรญิ ก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มผี ลตอ่ สุขภาพ สาระสําคญั ความเจริญก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยีในปจั จุบนั สง่ ผลกระทบตอ่ สขุ ภาพท้งั ด้านดีและดา้ น เสยี การรจู้ ักเลอื กใช้เทคโนโลยอี ย่างชาญฉลาดจะชว่ ยใหป้ ลอดภยั และใชป้ ระโยชนไ์ ด้อยา่ งเตม็ ประสทิ ธภิ าพ นอกจากนี้จะต้องรูจ้ กั วเิ คราะห์และเลอื กรปู แบบการให้บริการทางการแพทยแ์ ละ สขุ ภาพที่เหมาะสม เพื่อให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเอง จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บอกคณุ ค่าของเทคโนโลยีทางสุขภาพได้ 2. จําแนกประเภทของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพได้ 3. วเิ คราะหผ์ ลของการใช้เทคโนโลยที ่ีมีตอ่ สขุ ภาพได้ 4. วเิ คราะหค์ วามเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ท่มี ีผลต่อสขุ ภาพได้ 5. บอกแนวทางในการพิจารณาเลือกใช้บรกิ ารทางการแพทยท์ ่ีเหมาะสมได้
6 เทคนคิ การเรยี นแบบรว่ มมอื การจดั การเรียนรแู้ บบร่วมมือ หมายถงึ การจัดกจิ กรรมการเรียนรูส้ ําหรับผ้เู รียนต้งั แต่ สองคนข้นึ ไปหรือโดยการแบง่ ผเู้ รยี นออกเป็นกล่มุ ย่อยๆ ส่งเสรมิ ให้ผู้เรยี นทํากิจกรรมรว่ มกนั โดยในกลมุ่ ประกอบดว้ ยสมาชกิ ท่มี ีความสามารถแตกตา่ งกัน มกี ารแลกเปล่ียนความคดิ เห็น มกี ารช่วยเหลือพง่ึ พากนั มคี วามรับผิดชอบร่วมกนั ทัง้ ในสว่ นตนและส่วนรวม เพอื่ ใหต้ นเอง และสมาชกิ ทกุ คนในกลมุ่ ประสบความสําเรจ็ ตามเป้าหมายทก่ี ําหนด ซงึ่ ตรงข้ามกบั การเรียนท่ี เนน้ การแขง่ ขนั และการเรียนตามลาํ พัง สาํ หรบั การจัดการเรยี นการสอนสขุ ศกึ ษา ชนั้ มัธยมศึกษาปีที่ 2 ผู้สอนได้บรู ณาการ วธิ ีการจัดการเรยี นรูแ้ บบร่วมมือทง้ั 6 วิธีมาเป็นเทคนิคการเรียนแบบรว่ มมือเชิงสร้างสรรค์ เทคนคิ การเรยี นแบบร่วมมอื เชิงสรา้ งสรรค์ ขัน้ ที่ 1 ชแ้ี จงเตรียมบทเรยี น 1. ให้นกั เรยี นแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 3 – 4 คน โดยคละความสามารถเก่ง ปานกลางและออ่ น 2. ครแู จกสอ่ื การเรียนใหค้ รบทกุ กล่มุ 3. ครนู ําเข้าสู่บทเรียนเพอ่ื กระตุ้นความสนใจให้กบั นกั เรียน โดยมกี ารใชส้ ่ือเช่น เกม เพลง กจิ กรรมอ่ืน ๆ ขนั้ ที่ 2 นําสอนเนือ้ หา 1. ครทู บทวนเน้ือหาท่ีเรยี นมา 2. ให้นักเรยี นแตล่ ะกล่มุ ศึกษาเน้อื หาของบทเรยี น และครูอธบิ ายเพิม่ เติมและเสริมความรู้ ข้ันท่ี 3 จดั กิจกรรมฝกึ ฝนเรียนรู้สทู่ มี 1. ให้นกั เรยี นทําใบงานหรือกิจกรรม นําคําตอบของแตล่ ะคน ในกล่มุ มารวมเปน็ คําตอบท่ี สมบรู ณ์
7 ขัน้ ที่ 4 นําไปใช้และตรวจสอบผลงาน 1. นักเรียนศกึ ษาความรเู้ พ่มิ เตมิ เพือ่ ขยายความรูแ้ ละนาํ ความรู้ทไ่ี ด้ไปปรบั ใช้ใน ชวี ติ ประจาํ วัน 2. นักเรยี นแต่ละกลุ่มรว่ มกันอภปิ รายการทาํ กจิ กรรมท่ีได้จนเป็นที่เข้าใจของทกุ คนในกลมุ่ 3. นกั เรยี นตรวจสอบผลงาน ขน้ั ท่ี 5 สรปุ บทเรียนและประเมินผลการทํางานกลมุ่ 1. ให้นักเรยี นสรปุ บทเรียนท่ีเรยี นมา 2. ใหแ้ ต่ละกลมุ่ รายงานผลการสรปุ เนอ้ื หาชองบทเรยี น และการทํากิจกรรม โดยให้คาํ ชมเชยและรางวัลแก่กลุม่ ท่ถี ูกต้องทส่ี ดุ
8 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น กล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สาระที่ 4 การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพและการป้องกนั โรค เรอื่ ง เทคโนโลยีท่มี ีผลตอ่ สขุ ภาพ เวลา 10 นาที ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี 2 1. ข้อใด ไมใ่ ช่ เทคโนโลยี ก. การใชแ้ รงงานคนเกี่ยวขา้ ว ข. การใช้หนุ่ ยนต์ผ่าตัดผูป้ ่วย ค. การสง่ ข้อความทางโทรทศั น์เคล่ือนท่ี ง. การใช้เครื่องดดู 2. เทคโนโลยที างการแพทยม์ ีประโยชน์อย่างไร ก. สง่ เสรมิ ให้เกิดการอนุรกั ษพ์ ลงั งานมากข้นึ ข. ลดอัตราการเสียชีวิตของประชากรโลก ค. ธุรกจิ ภาคอตุ สาหกรรมขยายตัว ง. ปัญหาอาชญากรรมน้อยลง 3. เทคโนโลยีในขอ้ ใดส่งผลดตี ่อสุขภาพ ก. การใชโ้ ทรศพั ท์เคลอื่ นท่ที ค่ี ล่ืนความถ่ีสงู ข. การจดั ทอ่ งเที่ยวสําอวกาศ ค. การสรา้ งภาพยนตรแ์ บบสามมิติ ง. การผลติ รถยนต์ทใี่ ช้น้ําแทนนํา้ มัน 4. ข้อใดเปน็ ผลกระทบต่อสขุ ภาพของเทคโนโลยีการสอ่ื สาร ก. ปวดทอ้ งเพราะรับประทานอาหารรสจดั ข. มีความเครียดเพราะทาํ ข้อสอบไม่ได้ ค. เป็นโรคหูดบั เพราะคยุ โทรศพั ทน์ าน ง. ปวดหลังเพราะยกของผดิ วิธี
9 5. การใช้คอมพิวเตอร์เปน็ เวลานานมผี ลเสียต่อสุขภาพอย่างไร ก. ทําให้สิวข้ึนบนใบหน้า ข. ทําใหน้ ้าํ หนกั ตวั เพิ่มขน้ึ ค. ทําใหเ้ ป็นโรคสมองเสอื่ ม ง. ทําให้เวียนศรีษะ คล่นื ไส้ 6. ความเจริญก้าวหน้าทางการแพทย์ท่มี ีผลกระทบต่อสุขภาพของวัยรุน่ มากที่สดุ ก. การใส่คอนแทคเลนสบ์ ีกอายส์ ข. การผ่าตัดศัลยกรรม ค. การปลูกถา่ ยอวัยวะ ง. การจดั ฟนั 7. ข้อใดใช้ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในทางท่ีผิด ก. การใสค่ อนแทคเลนส์บีกอายส์แกป้ ญั หาสายตาสัน้ ข. ปอ้ งกนั การระบาดของโรคติดต่อร้ายแรง ค. ชว่ ยใหม้ ที รพั ยากรธรรมชาตใิ ชไ้ ด้ยาวนาน ง. ทาํ ให้ทกุ คนมีรปู ร่างหน้าตาท่สี วยงาม 8. ความกา้ วหน้าทางการแพทย์สง่ ผลดีตอ่ ประชากรโลกอย่างไร ก. ประชากรมกี ารศกึ ษาดขี ึ้น ข. ป้องกนั การระบาดของโรคติดตอ่ ร้ายแรง ค. ช่วยใหม้ ีทรพั ยากรธรรมชาตใิ ชไ้ ดย้ าวนาน ง. ทาํ ให้ทกุ คนมีรปู รา่ งหน้าตาสวยงาม 9. ขอ้ ใดเป็นผลกระทบจากการทาํ ศัลยกรรมความงาม ก. ทาํ ใหส้ ูญเสียบคุ ลิกภาพและความมั่นใจ ข. ต้องระมัดระวังการทํากจิ กรรมเปน็ พิเศษ ค. ภูมติ า้ นทานโรคลดลง ง. ทําใหแ้ กเ่ ร็ว
10 10. ความก้าวหนา้ ทางการแพทย์ในขอ้ ใดช่วยใหม้ นษุ ย์ยนื ยาวข้ึน ก. การผสมเทียม ข. การฝัง่ เข็มเพ่ิมความสูง ค. การสรา้ งอวัยวะเทียมต่าง ๆ ง. การแก้ไขปญั หาสายตาดว้ ยการทําเลสกิ
11 เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง เทคโนโลยีทมี่ ผี ลต่อสุขภาพ 1. ก 2. ข 3. ง 4. ค 5. ง 6. ก 7. ง 8. ข 9. ข 10. ค
12 ขนัÊ ทÉี ř ชÊีแจงเตรยี มบทเรยี น นักเรียนเคยได้ยินสํานวนท่ีวา่ “หวานเปน็ ลม ขมเป็นยา” หรอื ไม่ มีความหมายอย่างไร ............................................................................................... . มะระ เปน็ ผกั รสขมที่เชื่อกนั ว่ามีฤทธเิ์ ปน็ ยารักษาโรค นิยม นาํ มาประกอบอาหารเพอื่ บํารงุ ร่างกาย โดยเชื่อวา่ อาจมีคณุ สมบตั ิตา้ นอนุมูลอิสระ เป็นประโยชน์ต่อ ผ้ปู ว่ ยโรคเบาหวาน ชว่ ยสมานแผล หรือแมแ้ ต่อาจ ตา้ นเช้ือเอชไอวี ยกตวั อย่างผกั ทม่ี ีรสขมและมปี ระโยชน์ต่อรา่ งกาย .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... .......................................................................................................................... ..........................................................................................................................
16 คณุ ค่าของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ คณุ ค่าของเทคโนโลยีทางสขุ ภาพ ดา้ นคณุ ภาพชวี ติ ด้านความประหยัด ด้านประสิทธภิ าพของงาน ดา้ นประสิทธิผลของผลผลิต เทคโนโลยีทางสขุ ภาพมีคณุ คา่ ตอ่ วิถกี ารดาํ เนนิ ชีวติ ของบุคคลในภาพรวม ดังน้ี 1. ดา้ นคุณภาพชีวิต ความเจรญิ กา้ วหน้าทางเทคโนโลยีในส่วนทเี่ กี่ยวข้องกบั สขุ ภาพนน้ั ช่วยให้บุคคลมวี ิถีชีวติ ท่สี ะดวกสบาย 2. ดา้ นประสทิ ธิภาพของงาน การนําเทคโนโลยที างสขุ ภาพมาใชใ้ นการดูแลสขุ ภาพ การสร้างเสริมสขุ ภาพ การปอ้ งกนั รกั ษาโรคภยั ไข้เจ็บ และการฟน้ื ฟสู มรรถภาพร่างกาย 3. ด้านประสทิ ธิผลของผลผลติ เทคโนโลยีในส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกบั สุขภาพช่วยให้ การศึกษา ค้นคว้า และการวิจัยของนกั วชิ าการทางสุขภาพในหลากหลายสาขาวชิ า สามารถ สร้างผลงานหรือผลผลติ ที่มีคุณคา่ และมปี ระโยชน์ตอ่ ชีวิตมนุษย์ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 4. ดา้ นความประหยดั การใชเ้ ทคโนโลยีทางสุขภาพ ชว่ ยประหยัดทัง้ แรงงานและเวลา ในการทํางาน รวมถงึ ชว่ ยใหบ้ ุคคลสามารถใช้เวลาในการปฏบิ ตั ิงานได้อย่างรวดเร็ว ภาพที่ 5 การใช้เทคโนโลยมี าช่วยในการวินจิ ฉัยโรค ทมี่ า : https://sites.google.com/a/sk1edu.go.th/maneemon/home/thekhnoloyi-thang- sukhphaph
17 ประเภทของเทคโนโลยีทางสุขภาพ 1. เทคโนโลยีเกย่ี วกบั ผลิตภณั ฑ์สขุ ภาพ เป็นเทคโนโลยที ีน่ ํามาใช้เปน็ เคร่ืองอปุ โภคและ บริโภคในชีวิตประจําวัน โดยสามารถแบง่ ออกได้ 4 ประเภท ดงั้ นี้ 1.1 เทคโนโลยีเกย่ี วกบั ผลติ ภัณฑ์เครอื่ งสําอาง 1.2 เทคโนโลยีเกี่ยวกับผลติ ภัณฑอ์ าหาร 1.3 เทคโนโลยเี กี่ยวกับผลติ ภัณฑ์ยา 1.4 เทคโนโลยเี กย่ี วกับผลิตภัณฑ์ทเ่ี ป็นเครอ่ื งมือแพทย์ 1.5 เทคโนโลยเี กีย่ วกับผลติ ภัณฑ์ที่เปน็ อุปกรณห์ รือเครือ่ งมือสุขภาพ 2. เทคโนโลยเี กีย่ วกบั บริการสขุ ภาพ เปน็ เทคโนโลยีเพ่อื การให้บริการสุขภาพ ซ่งึ แบง่ ออกได้ 3 ประเภท ดงั น้ี 2.1 เทคโนโลยเี กย่ี วกับการตรวจและรกั ษาโรค 2.2 เทคโนโลยเี ก่ยี วกบั การป้องกนั โรค 2.3 เทคโนโลยีเกย่ี วกับการสร้างเสริมสขุ ภาพ 3. เทคโนโลยเี กย่ี วกบั ขา่ วสารสขุ ภาพ 3.1 เทคโนโลยกี ารพิมพ์เก่ียวกับข่าวสารสุขภาพ 3.2 เทคโนโลยีคมนาคมเกย่ี วกบั ข่าวสารสุขภาพ 3.3 เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์เกีย่ วกับขา่ วสารสขุ ภาพ
18 ประโยชน์ของเทคโนโลยี 1. ลดแรงงานคนในการทํางานต่างๆ เช่น การควบคมุ การผลติ และช่วยในการคาํ นวณ 2. เพม่ิ ความสะดวกสบายต้งั แตส่ ว่ นบคุ คล จนถึงการคมนาคมและการสือ่ สารทวั่ โลก 3. เป็นแหลง่ ความบันเทิง 4. ได้ผลผลิตที่มีมาตรฐาน เหมือนกันหมดทุกช้ิน ซ่ึงอเฎลเคนว่าเป็นการลดคุณค่าของ ช้ินงาน เพราะhandmade งานชน้ิ เดยี วในโลก 5. ลดต้นทนุ การผลติ ทําใหค้ ุณภาพชีวิตดีขน้ึ 6. ทําใหก้ ารเท่าเทียมสังคมและการกระจายโอกาสทําให้เกิดสื่อการเรียนการสอนต่างๆ มากขน้ึ 7. ทาํ ใหเ้ กดิ การจดั การทรพั ยากรธรรมชาตไิ ดดียิง่ ข้นึ โทษของเทคโนโลยี 1. สน้ิ เปลอื งทรพั ยากร เชน่ นํ้ามนั แก๊ส และถ่านหิน 2. เปลี่ยนสังคมชาวบ้าน ใหก้ ลายเป็นวตั ถุนยิ ม 3. ทําให้มนุษย์ขาดการออกกําลงั กาย 4. ทาํ ให้เกดิ ปญั หาการวา่ งงาน เพราะใช้แรงงานเครื่องจักแทนแรงงานคน 5. ทาํ ให้เสยี เวลา ท้งั จากรายการไรส้ าระในโทรทศั น์ 6. จะทาํ ให้ผู้ใช้มโี ลกเปน็ ของตัวเองขาดการติดตอ่ กับผอู้ ืน่ โดยเฉพาะทเี่ ห็นชัดเจนเกิด ชอ่ งว่างระหวา่ งผสู้ งู อายุกับเดก็ ดังนั้นในชีวิตประจําวันของมนุษย์ทุกคน จะต้องเก่ียวข้องกับวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยีอยูต่ ลอดเวลา เกีย่ วขอ้ งกับววิ ฒั นาการทางด้านความรู้ ทาํ ใหม้ กี ารเปล่ียนแปลง หลาย ๆ ด้าน จึงมคี วามจาํ เปน็ อยา่ งยิ่งท่ีจะทําให้บุคคลในสังคม รู้จักวิธีการคิดอย่างมีเหตุผล มี วิธีการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่มีระบบ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาด้านสติปัญญาซึ่งวิธีการคิดน้ัน เปน็ วธิ เี ดยี วกันกับท่ใี ชอ้ ยใู่ นกระบวนการแสวงหาความรู้ทางวทิ ยาศาสตร์
19 อทิ ธิพลของเทคโนโลยที มี่ ีตอ่ สุขภาพ 1. โทรทัศน์ การดูโทรทัศน์ก็ส่งผลกระทบต่อพัฒนาการของเด็กแล้ว โดยที่ยังไม่ต้องคํานึงถึงเน้ือหา ของรายการ รวมท้ังส่ืออิเล็กทรอนิกส์ดิจิตอลสมัยใหม่ต่างๆที่ทําให้เด็กต้องอยู่น่ิง เฝ้าดูจ้องมอง ทั้งหลายด้วย เช่นคอมพิวเตอร์ วีซีดี มีผลงานวิจัยแสดงให้เห็นถึงผลของการดูทีวีต่อการคิด การพูด จินตนาการ สัมผัสรู้ต่างๆ(senses) ร่างกาย อารมณ์ความรู้สึก และพฤติกรรมของ เด็ก จึงเป็นเรอ่ื งสําคัญที่ผปู้ กครอง ครู นักการศึกษาต้องตระหนักถงึ ผลกระทบเหลา่ น้ี ภาพท่ี 6 การนง่ั ดโู ทรทศั น์ ท่มี า : http//www.sitegoogle.com ผลกระทบของการดโู ทรทัศน์ 1. เด็กตกอยู่ในสภาวะ “ผีดิบซอมบ้ี” การดูโทรทัศน์ทําให้เด็กไม่กระตือรือร้น และจิต ตกภวังค์ คล้าย “ผีดิบซอมบี้” สภาวะเช่นนี้จะต่างไปจากภาวะท่ีเด็กร่าเริง กระตือรือร้น เมื่อ พวกเขาไมไ่ ดน้ งั่ หนา้ จอ 2. หลังการดูโทรทัศน์เด็กจะสนองต่อการเร้าได้ง่าย เช่นโกรธฉุนเฉียวง่าย “เด็กๆ ขัด เคืองใจและโกรธง่ายหลังดูทีวี” “หลังดูทีวีหงุดหงิด เบื่อ ขัดอกขัดใจ ก่อนท่ีจะค่อยๆกลับสู่ ภาวะปกติ” คําถามกค็ ือเด็กมปี ระสบการณแ์ บบไหนกนั เล่า ในระหวา่ งที่พวกเขาดทู วี ี
20 3. โทรทัศน์และการพูดเดก็ เรยี นรกู้ ารพูดจากการพูดคุยกบั ผู้คนจริงๆ ไม่ใช่จากการฟัง คําพูดท่ีออกมาจากกลไก ไม่เอ้อื ใหเ้ ด็กหัดทจี่ ะพดู โทรทัศนส์ ง่ เสริมให้เปน็ นักอา่ นท่ีเกยี จคร้าน การอา่ นน้ันสมั พนั ธก์ ับการมสี มาธิ การรบั รู้ทีถ่ ูกต้อง จินตนาการ และความเข้าใจเร่อื งราว และ ความเปน็ อิสระของผอู้ ่านในการกําหนดจังหวะการเคลือ่ นไหว การจอ้ งมองท่ีว่างเปล่า จงึ ทําให้ ไม่กระตือรือร้น 4. พฤตกิ รรมต่อต้านสังคมเนื้อหาของรายการที่แฝงความรุนแรงอาจส่งผลต่อพฤติกรรม ของเด็ก เพราะเด็กเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ อย่างไรก็ตามการดูทีวีโดยตัวของมันโดยท่ียังไม่ ตอ้ งคาํ นงึ ถงึ เนื้อหาก็อาจกอ่ ใหเ้ กิดพฤติกรรมต่อต้านสังคมได้ ผลจากการดูทีวีท่ีทําให้เด็กคิดว่า ผอู้ ่ืนเป็นวตั ถุส่ิงของแทนทจี่ ะเห็นว่า เปน็ มนุษย์ กอ็ าจก่อความรุนแรงขน้ึ ได้ 5. เปน็ โรคอว้ นและคลอเลสเตอรอลสงู เน่อื งจากน่งั อย่กู บั ท่ีไม่ได้ขยับตัวหรือเคล่ือนไหว และรับประทานอาหารขบเค้ียว แนวโน้ม เม่ือเป็นผู้ใหญ่ จะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจ มะเรง็ ลําไส้ มะเรง็ เต้านม ปวดหลงั ข้อแนะนําการใช้ 1. ควรดูโทรทศั น์ที่มีแสงสว่างเพียงพอ 2. ไมค่ วรดรู ายการทมี่ ีภาพเคลื่อนไหวมาก นานกวา่ ปกติ จะทาํ ให้สานตาเสีย 3. หลกี เลยี่ งการเปลย่ี นชอ่ งโทรทัศน์บอ่ ยเกนิ ไป 4. ควรรบั สารจากสื่ออื่นๆบ้าง
21 2. โทรศัพทเ์ คลอื่ นที่ ผลกระทบท่ีมตี อ่ สุขภาพ 1. จากการแผ่รังสี คือ รังสีไมโครเวฟ หากได้รับปริมาณรังสีมากๆ จากการคุยโทรศัพท์ นานๆ ทําให้มีผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น มีอาการปวดหูปวดศีรษะ ตาพร่ามัวมึนงง ขาด สมาธิ และเกิดความเครียดนอนไม่หลับ อาจทําให้เกิดโรคความจําเสื่อม ผิวหนังเหี่ยว ย่น นอกจากน้ีคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า อาจทําให้เกิดการร่ัวของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ซ่ึงจะ สะสมในระบบหมุนเวียนโลหิต ส่งผลให้เกิดโรคความดันโลหิตสูง เยื่อหุ้มสมองเส่ือม และเป็น โรคอัลไซเมอร์ได้ เสีย่ งกับการเนื้องอก เป็นมะเร็งสมอง ไม่ควรพกมือถือที่เอวเพราะ เสี่ยงได้รับ ผลกระทบต่อไขกระดูกและอัณฑะ 2. อันตรายจากแบตเตอร่โี ทรศพั ท์ แบตเตอรี่หรือไส้แบตเตอร่ีท่ีเส่ือมคุณภาพแล้วจัดเป็นขยะอันตรายท่ีก่อให้เกิดโทษกับ สุขภาพของส่ิงมีชีวิตทุกชนิดในโลกและส่ิงแวดล้อม เน่ืองจากขั้วลบของถ่านชนิดน้ีเป็น \"แคดเมียม ไฮดรอกไซด์\" เม่ือบรรจุไฟแล้วจะกลายสภาพเป็นแคดเมียม\" ซึ่งมีทั้ง สารตะก่ัว ลิ เธียม ทองแดง นิเกิล มีผลกระทบต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทําให้ระบบหายใจผิดปกติ ไต อักเสบ ไตวาย เกิดอาการหอบหืด หลอดลมอักเสบ ข้อเสื่อม ถุงลมโป่งพอง และทําให้เกิด มะเร็งในอวัยวะได้หลายชนิด เพราะฉะน้ันเมื่อแบตเตอร่ีเส่ือมคุณภาพแล้วไม่ควรเก็บไว้ควร นาํ ไปทงิ้ หรือถา้ จะทําลายกโ็ ดยวิธกี ารฝังดิน ภาพที่ 7 การเลน่ โทรศัพท์ ทม่ี า : https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/766331
22 ข้อแนะนําการใช้ 1. ควรใชโ้ ทรศัพทแ์ ต่ละครงั้ ไม่ควรเกนิ 15 นาทีตอ่ 1 ครั้ง 2. ควรใช้อปุ กรณห์ ูฟงั ทกุ ครัง้ ที่ใช้ เพ่ือให้โทรศพั ทอ์ ย่หู า่ งจากสมองจะทาํ ให้ได้รบั คล่ืน แมเ่ หล็กไฟฟา้ นอ้ ยลง 3. ขณะที่มีสายเรียกเข้า ควรกดรับสายใหห้ า่ งจากตัวแลว้ เวน้ ระยะก่อนนําโทรศพั ทม์ า แนบหู เพราะขณะทม่ี สี ายเรียกเข้าจะมคี ลื่นแมเ่ หล็กจากโทรศพั ท์ ซ่ึงเปน็ พลงั แรงมากทส่ี ดุ 4. อย่าตดิ หรอื แขวนโทรศพั ท์ตดิ ตัวไวต้ ลอดเวลา เพราะคลืน่ รงั สีจะแผ่มาถูกอวัยวะท่ี สาํ คัญ โดยเฉพาะกระดูกซง่ึ มีไขกระดกู ทท่ี าํ หนา้ ท่ีสร้างเมด็ เลือดตา่ งๆ เชน่ กระดกู เชิงกราน และกระดูกท่ีหนา้ อก อาจทาํ ใหม้ ีผลกระทบต่อการสรา้ งเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลอื ดขาวได้ 5. หลกี เล่ียงการใชโ้ ทรศพั ท์ ในเด็กอายุตํ่ากว่า ๑๐ขวบ เพราะคล่นื แมเ่ ลก็ ไฟฟ้าจะผ่าน กะโหลกศรี ษะของเด็กเข้าสู่เยือ่ สมองไดล้ กึ กวา่ ของผู้ใหญ่ 6. หลีกเลีย่ งการใช้ในขณะขบั รถ เพราะทาํ ให้ขาดสมาธิ จะทําให้เกดิ อุบตั ิเหตไุ ด้ 7. หลีกเลย่ี งการใชใ้ นขณะเติมน้าํ มัน,แกส๊ รถยนต์ เพราะจะทําให้เกิดอุบตั เิ หตุไฟไหม้ได้ 8. หลกี เลย่ี งการฟังเพลงจากโทรศพั ท์ ขณะนอนหลับเพราะทําใหอ้ วัยวะในหูสั่น ตลอดเวลาและสมองตืน่ ตวั การตดิ โทรศพั ทม์ ือถือทําลายอะไรบา้ ง -ทาํ ลายนาฬกิ า -ทําลายโทรทัศน์ -ทําลายคอมพวิ เตอร์ -ทําลายเคร่อื งรับวทิ ยุ -ทําลายเครื่องบนั ทกึ เทป -ทําลายกลอ้ งถ่ายรปู -ทาํ ลายเครอ่ื งเล่นเกมต่างๆ -ทําลายธุรกิจการพิมพ์ -ทาํ ลายปฏิทนิ -ทาํ ลายเครดิตการ์ดต่างๆ-ทําลายกระเป๋าสตางค์ ฯลฯ ส่ิงท่ตี ามมา......ยังทําลายอะไรอกี …..? กําลงั ทาํ ลาย “ดวงตาสองข้าง”ของท่าน กาํ ลังทําลาย “กระดูกสันหลงั -สว่ นคอ”ของทา่ น กาํ ลงั ทําลาย “สุขภาพ”ของทา่ น รแู้ บบน้ีแล้ว ..... จะวาง กําลังทาํ ลาย “ชวี ิตครอบครวั ”ของท่าน “โทรศพั ทม์ อื ถอื ” ไดบ้ ้างหรอื ยงั และ “กําลงั ทําลายผู้สบื สกลุ ”ของทา่ น
23 3. คอมพวิ เตอร์ อนั ตรายจากการใช้คอมพวิ เตอร์ 1. ส่งผลต่อดวงตาและระบบประสาทเม่ือเราใช้คอมพิวเตอร์ไปนานๆ หรือเพ่งจอมากๆ จะทําให้รูส้ ึกว่าปวดตา อาจทําให้สายตามีปัญหา เช่น สายตาส้ัน ส่วนใหญ่ผู้ที่ทํางานหน้าเคร่ือง คอมพวิ เตอรเ์ ปน็ ประจํา หรือคนทเ่ี ล่นเกมจะปวดตามาก 2. ส่งผลต่อระบบประสาท โดยคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้า ทําให้เกิดอาการปวดศีรษะ คล่ืนไส้ อดึ อัดและนอนไมห่ ลับ อ่อนเพลยี 3. เสี่ยงต่อการเป็นหมัน เน่ืองจากมีอุณหภูมิสูงส่งผลต่อการสร้างสเปิร์มซ่ึงมีผลต่อการ ทาํ ใหล้ ดจํานวนลง 4. เกิดอาการปวดข้อพบกับกลุ่มที่ใช้คอมพิวเตอร์นานๆ เกิดโรคปวดข้อ ข้อกระดูกข้อ น้ิวมือและอาการชา ข้อแนะนําการใช้ 1. ใช้ในท่ีมีแสงสว่างเพียงพอ ติดต่อกันนานไมค่ วรเกนิ ๓ ชว่ั โมง 2. พกั สายตาบ่อยๆ หรอื เปลี่ยนอิรยิ าบถระหว่างใช้งาน 3. ติดตง้ั หรือวางคอมพิวเตอรใ์ นทมี่ อี ากาศถ่ายเทสะดวก
24 ความเจริญกา้ วหน้าทางการแพทย์ทม่ี ผี ลตอ่ สขุ ภาพ เทคโนโลยที างการแพทยม์ กี ารพฒั นาอยา่ งตอ่ เนอ่ื งและเปน็ การคิดคน้ เพื่อ อํานวยความสะดวกและง่ายตอ่ การรักษาโรค ทาํ ใหก้ ารวินิจฉัยโรคงา่ ยขนึ้ ถูกตอ้ ง แม่นยํา เพือ่ ลดความเสีย่ งตอ่ อันตรายถึงแกช่ ีวติ เชน่ เครอ่ื งมอื ตรวจวดั การทํางาน ของหวั ใจ การรักษาโรคโดยการผา่ ตัดดว้ ยเลเซอร์ การรกั ษามะเร็งดว้ ยการใช้เข็ม สอดผา่ นผวิ หนังเขา้ ไปทาํ ลายก้อนมะเร็งดว้ ยคลนื่ ความถส่ี ูง ภาพท่ี 8 มอบเครื่องไตเทยี ม ทีม่ า: http://www.moph.go.th/ops/iprg/news_pic/% A1.jpg_.
25 ตัวอย่างความเจรญิ ก้าวหน้าทางแพทย์ทเ่ี กยี่ วข้องกบั วัยรนุ่ 1. การจดั ฟนั การจัดฟนั เปน็ เทคโนโลยที างการแพทย์ ท่ีได้รับความนยิ มโดยเฉพาะวยั รนุ่ ที่ต้องการจดั ฟนั ใหเ้ ปน็ ระเบยี บสวยงาม และทาํ ใหใ้ บหน้าเรยี วเล็กลง ภาพที่ 9 ภาพจดั ฟนั . ที่มา : http://topicstock.pantip.com/woman/topicstock/2011/08/Q10915792/Q10915792- 0.jpg ขอ้ ดี 1. การจัดฟนั ทําให้ฟันชิดเรยี งเปน็ ระเบยี บ สง่ ผลให้บดเคีย้ วอาหารได้ดี บดเค้ียวอาหารได้ดี 2. ชว่ ยป้องกนั การเกิดโรคปริทนั ตเ์ หงือกอักเสบ 3. ทําใหฟ้ ันเรยี งตวั สวยงาม เป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพและเพิ่มความม่นั ใจให้แก่ ตนเอง 4. การมีฟนั ทีเ่ รียงเป็นระเบยี บจะทาํ ให้ออกเสียงพดู ไดช้ ดั เจน ขอ้ เสยี 1. การทําความสะอาดเป็นไปได้ยาก ซง่ึ หากดแู ลรักษาสะอาดชอ่ งปากและฟนั ไมด่ ี จะทาํ ใหฟ้ นั ผแุ ละเหงอื กอักเสบได้ง่าย 2. มีอาการเจบ็ จากการเคล่อื นตัวของฟัน หรอื เกิดจากเครอื่ งมอื จัดฟนั ไปทม่ิ กับ เนือ้ เย่อื ภายในช่องปาก 3. มอี าการปวดข้อต่อขากรรไกรระหว่างการจดั ไฟ เน่อื งจากฟันเคลอื่ นตวั ไปใน ตําแหน่งท่ีไม่เหมาะสมต่อการบดเคยี้ ว การจดั ฟนั เปน็ เทคโนโลยที างการแพทย์ทไ่ี ด้รบั ความนยิ มและกลายเปน็ แฟชนั่ ในหมู่ วัยรุ่นจนมกี ารเลียนแบบโดยนําเหล็กดดั ฟนั ทไี่ ม่ได้มาตรฐานออกมาจาํ หน่ายในราคาถกู เม่ือ นาํ ไปใช้จึงทําให้เกิดอนั ตรายได้
26 2. การใช้คอนแทคเลนส์ คอนแทคเลนส์เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่มีการคิดค้นขึ้นเพ่ือแก้ไขสายตาท่ี ผิดปกติ มีลักษณะเป็นแผ่นพลาสติกบางท่ีมีความโค้งจําเพาะ ออกแบบมาเพ่ือใช้วางบน กระจกตา ภาวะแทรกซ้อนหรือผลข้างเคียงจากการใส่คอนแทคเลนส์ เช่น โรคตาแห้ง เยื่อบุ ตาหรอื กระจกตาอกั เสบจากการแพ้คอนแทคเลนส์ กระจกตาบวมขุ่นหรือมีเส้นเลือดผิดปกติท่ี กระจกตาจากการทีก่ ระจกตาขาดออกซิเจน และที่รุนแรงท่ีสุดคือการติดเชื้อท่ีกระจกตา ขาด ออกซิเจน และที่รุนแรงที่สุดคือการติดเชื้อที่กระจกตา ซ่ึงอาจลุกลามเข้าไปภายในในลูกตา และทาํ ใหต้ าบอด ปัญหาสําคัญจากการใช้คอนแทคแลนส์ คือ การใช้คอนแทคเลนส์ชนิดบ๊ิกอายส์ (Big eyes) เพอ่ื แกไ้ ขสายตาหรอื เพ่ือความสวยงาม ซึ่งคอนแทคแลนส์ ชนิดน้ีมีสีหลากหลาย ราคาไม่สูง และสามารถหาซื้อได้ง่าย ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักเป็นคอนแทคแลนส์ที่ไม่ได้รับรอง คณุ ภาพวา่ มีความปลอดภัย และผูใ้ ชม้ ักเลือกซอ้ื ใสโ่ ดยไม่ทราบถึงขนาดความโค้งของคอนแทค แลนส์ ท่ีเหมาะสมกับกระจกของตนเอง ทําให้เกิดภาวะแทรกซ้อนโดยเฉพาะอย่างยิ่งการติด เชื้อทกี่ ระจกตา ภาพที่ 10 การใชค้ อนเทคเลนส์ ท่มี า : https://productnation.co/th/
27 3. การทําศลั ยกรรมเสรมิ ความงาม การทําศัลยกรรมเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่นิยมกันแพร่หลาย โดยเฉพาะการ ศัลยกรรมเสริมความงาม เช่น การลบแผลเป็น กรีดตาสองชั้น เสริมจมูก เสริมคาง ตัด กราม ทําหน้าเรียว ฉีดปากให้อวบอิ่มหรือผ่าตัดปากบาง เสริมหน้าอก ซ่ึงแนวโน้มในการ ทาํ ศัลยกรรมมเี พ่ิมข้นึ เร่อื ย ๆ ไม่เว้นแม้กระทัง่ วัยรุน่ ชายท่หี นั ให้ความใจในเร่อื งนี้ การทําศัลยกรรมทําให้ต้องปรับเปล่ียนการดําเนินชีวิต จากเคยเล่นกีฬาผาดโผน หรือทาํ กจิ กรรมท่ีต้องออกแรงกําลังมาก ก็ต้องหลีกเล่ียงโดยเฉพาะคนที่เสริมจมูก เพราะกลัว วา่ จมูกจะได้รบั การกระทบกระเทือนจึงต้องหมั่นสังเกตบริเวณที่ผ่านการศัลยกรรมเสมอว่ามีสิ่ง ผดิ ปกติเกดิ ข้ึนหรือไม่ ภาพที่ 11 การเสริมจมกู . ที่มา : https://www.thaiticketmajor.com/variety/lifestyle/6638/ การมีเทคโนโลยี ทท่ี นั สมัยทําใหค้ นหันมาสนใจดแู ลสุขภาพตนเองมากขน้ึ โดยเฉพาะเทคโนโลยที างการแพทยท์ ่ชี ่วยลดอตั ราความเส่ียงตอ่ การเจ็บป่วยหรอื เสยี ชวี ติ แต่ทั้งนกี้ ็ต้องรู้จกั ใชเ้ ทคโนโลยอี ยา่ งถกู ต้อง เพราะอาจทาํ ใหเ้ กิดผลเสยี ตอ่ สขุ ภาพได้เชน่ กนั
28 ความปลอดภยั และ ศัลยกรรมตกแต่ง ความปลอดภัยเปน็ ส่งิ ท่ีสาํ คัญ ตอ้ งคาํ นึงถงึ เป็นส่ิงแรก ในการทําศลั ยกรรมเพ่ือ ความสวยงาม การทําศัลยกรรมเสริมสวย ส่วนใหญ่ จะมีความปลอดภัยสูง ในมือของ ศัลยแพทย์ตกแต่ง ท่ีได้จบหลักสูตรการฝึกอบรมมาอย่างสมบูรณ์ถูกต้อง และ ได้ใช้ ความรู้อย่างถูกต้อง ตรงไปตรงมา ตามหลักวิชาการ อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัย และ ผลหลังศัลยกรรมที่ดี ไม่สามารถเกิดข้ึนได้เอง ถ้าหากทําโดยไม่มี หรือ ไม่ใช้ ความรู้ และ ไม่มรี ะบบระมดั ระวงั ปฏบิ ัตทิ เี่ หมาะสม การดูแล และ ปฏิบัติ เพื่อให้มีความปลอดภัย จากการทําศัลยกรรม ทุกระยะ เพอ่ื ความปลอดภัย ชว่ งกอ่ นทาํ ศลั ยกรรม 1. การทําศัลยกรรมทุกชนิด ใช้แต่วิธีท่ีได้รับการยอมรับ ให้ผลดี เช่ือถือได้ และ ความปลอดภยั สงู เท่านั้น 2. การเตรยี มตวั กอ่ นศลั ยกรรมทด่ี ี จะคดั กรอง หรอื กาํ จัด สาเหตุท่ีจะทําให้มี ปัญหาออกไปได้ ดังนั้นก่อนศัลยกรรม จะผ่านการตรวจท่ีละเอียด ครบถ้วน รวมถึง การถามประวัติการเจ็บป่วย ควรแจ้ง โรคประจําตัว เช่น โรคหัวใจ ความดันสูง โรคเบาหวาน โรคเลือด เป็นต้น การแพ้ยา ยาท่ีใช้อยู่เป็นประจํา ทางคลินิกจะต้องงด ทําศัลยกรรม เม่ือ ตรวจพบว่าสภาพร่างกายคุณไม่ปลอดภัยถ้าทําศัลยกรรม หรือ แมแ้ ต่ พบว่ามีสภาพทีไ่ มพ่ ร้อม มโี อกาสท่มี ปี ญั หาในการทาํ ศลั ยกรรม 3. การเลือกวิธใี นการทาํ ศัลยกรรม ตรงถูกต้องตามมาตรฐาน และวิชาการ ทาง การแพทย์ของ ศัลยกรรมตกแต่ง อยา่ งเคร่งครดั ตรงไปตรงมา และ แจ้งใหท้ ราบขอ้ ดี ข้อจาํ กดั กอ่ น (ไมม่ ีวธิ ีศลั ยกรรมใด ท่ีดพี รอ้ มทกุ อย่าง โดยไมม่ ขี อ้ จํากดั จึงต้องเลอื กใช้ ใหถ้ กู คน ถูกวิธี เพ่อื ให้ไดผ้ ลศลั ยกรรมทด่ี ี และ ขอ้ จาํ กัดนอ้ ยทส่ี ุด) เพือ่ ความปลอดภยั ระหว่างทาํ ศลั ยกรรม ( Surgery ) 1) ทกุ ราย มีการดแู ล ขณะทาํ ศลั ยกรรมโดยแพทย์ อยา่ งใกลช้ ดิ 2) การทําศลั ยกรรม ทมี แพทย์ จะเนน้ ความละเอยี ด ความปราณตี และ ความครบถ้วนทกุ ขน้ั ตอนอย่างเตม็ ท่ี ไมม่ ีการเรง่ รีบ โดยไมม่ ีข้อจาํ กัดเรอื่ งเวลา เพ่อื คณุ ภาพของการศลั ยกรรม ที่สม่ําเสมอ ทกุ ราย
29 3) เพอ่ื ไมใ่ หม้ ีความเส่ียงจากยาไมม่ กี ารให้ยาอน่ื ใดเกนิ จาํ เปน็ ในการ ทําศลั ยกรรม โดยเฉพาะยาท่กี ดระบบประสาท ซึง่ จะมีผลกดการหายใจได้ เชน่ ยา นอนหลบั หรือ ยาทาํ ให้ลืม ความเจบ็ ปวดขณะทาํ ศลั ยกรรมจะไมม่ ี ความต่นื เต้นจะนอ้ ย จาก การให้ยา ชาทีถ่ ูกต้องเพียงพอ และ การทําศลั ยกรรมอย่างน่มุ นวล ไม่ใช้ความรนุ แรงของแพทย์ และ แพทยจ์ ะยังไมท่ าํ ศลั ยกรรมเด็ดขาด ถา้ หากคุณยังมคี วามรสู้ ึกเจ็บแมแ้ ตน่ ดิ เดยี ว เพือ่ ความปลอดภยั ช่วงหลังทําศลั ยกรรม ( After Surgery ) 1) ทกุ ราย ต้องผา่ นการดแู ล หลังทาํ ศลั ยกรรมโดยแพทย์ อย่างใกลช้ ิด และจะกลับได้เมอ่ื แพทยเ์ หน็ ว่าปลอดภยั แลว้ 2) ให้คาํ แนะนาํ ข้ันตอนวิธกี ารดูแล ให้ไดผ้ ลดี อยา่ งละเอยี ด พรอ้ มอาการท่ี อาจเกิดขน้ึ ไดแ้ ละวิธปี ฏบิ ัติ 3) ติดต่อพบแพทยไ์ ดโ้ ดยตรงตลอดเวลา จากความจริงท่ี การทาํ ศลั ยกรรม ทกุ อย่างย่อมมีความเสยี่ งที่จะเกิดปญั หาได้ ถึงแมโ้ อกาสมปี ญั หาจะนอ้ ยมากกต็ าม แต่ ต้องมกี ารเตรยี มพรอ้ มเสมอ การพรอ้ มทจี่ ะให้การดูแลเมอื่ มีปญั หา ยอ่ มเปน็ สิ่งดี คณุ จะม่ันใจไดว้ า่ จะไดร้ ับการ ใส่ใจ ดูแล จากแพทย์ อยา่ งเรว็ ทส่ี ุด ตั้งแต่ระยะแรกเรมิ่ ซงึ่ เปน็ ช่วงท่มี ีผลกระทบนอ้ ย แกไ้ ขปัญหาให้หมดไปได้งา่ ย และได้ผลดที ี่สดุ 4) ทมี ศลั ยแพทยท์ ไี่ ดท้ าํ ศลั ยกรรมให้คณุ ต้องมี ความรู้ ความสามารถ ประสบการณเ์ พยี งพอทจ่ี ะ รับให้การชว่ ยเหลือ แกไ้ ข ปญั หาไดอ้ ย่างไดผ้ ล หากมผี ลท่ี ไมต่ อ้ งการเกิดขึ้นจากการทําศลั ยกรรมนัน้ และมีความรบั ผดิ ชอบ และพร้อมที่จะดแู ล คณุ ได้ทันทตี ลอดเวลา
30 ขนัÊ ทีÉ ś จดั กิจกรรมฝึ กฝนเรยี นรสู้ ทู่ ีม ให้นกั เรียนทาํ กจิ กรรมลงในบตั รกจิ กรรม ใหน้ ักเรียนนําคาํ ตอบชองแตล่ ะคนในกลุ่ม มารวมเปน็ คาํ ตอบที่สมบรู ณ์
34 ขนÊั ทีÉ Ŝ นําไปใชแ้ ละตรวจสอบผลงาน ให้นกั เรียนตรวจผลงานการทาํ กรอบแบบฝกึ หัด ให้นกั เรียนค้นหาขอ้ มลู จากแหล่งเรยี นรตู้ า่ ง ๆ เก่ียวกับเทคโนโลยีกับสขุ ภาพ ให้นักเรยี นอ่านเรอ่ื ง เทคนิคใหมแ่ ก้หลอดเลอื ดสมอง อดุ ตัน และเร่อื ง ความร้สู ึกใหม่ท่ีไมต่ อ้ งใสแ่ ว่นตา
Search