Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รัตนโชติ 009

รัตนโชติ 009

Published by รัตนโชติ เกตุคล้า, 2018-03-26 04:57:36

Description: รัตนโชติ 009

Search

Read the Text Version

coding 1. Download HP Reveal App2. Scan QR Code with Line or search 3.Scan picture

หลักการเขยี นโปรแกรมคอมพวิ เตอร์เบือ้ งต้น• ในการเขยี นโปรแกรมเพ่ือแก้ปัญหาต่างๆจาเป็ นต้องมีการวางแผน และออกแบบโปรแกรมไว้ล่วงหน้า โดยกาหนดข้ันตอน วธิ ีการทางานให้ชัดเจน ซึ่งกระบวนการวเิ คราะห์ และออกแบบโปรแกรมเรียกว่า วฏั จกั รการพฒั นาระบบงาน System Development Lift Cycle ( SDLC) ซึ่งมกี ระบวนการทางานเร่ิมต้นจากการวเิ คราะห์ปัญหาไปจนถึงการนา โปรแกรมไปใช้งาน และปรับปรุงพฒั นาระบบให้ดขี นึ้ มขี ้นั ตอนของ วฏั จกั รการพฒั นาระบบงาน ดงั ต่อไปนี้• ข้นั ตอนที่ 1 การวเิ คราะห์ปัญหา (Problem Analysis) ข้นั ตอนที่ 2 การออกแบบโปรแกรม (Program Design) ข้นั ตอนท่ี 3 การเขียนโปรแกรม (Program Coding) ข้นั ตอนท่ี 4 การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม ( Program Testing & Verification) ข้นั ตอนท่ี 5 การจดั ทาเอกสารและคู่มือการใช้งาน (Program Documentation) ข้นั ตอนท่ี 6 การใช้งานจริง (Program Implement) ข้นั ตอนท่ี 7 การปรับปรุงและพฒั นาโปรแกรม (Program Maintenance)

การวิเคราะห์ปัญหา (Problem Analysis)• 1. กาหนดขอบเขตของปัญหา เพ่ือให้ทราบข้นั ตอนการทางานต่างๆ ดงั นี้ • กาหนดจุดประสงค์การทางาน เพื่อให้ทราบว่าเขยี นโปรแกรมเพ่ือต้องการแก้ปัญหาอะไร เช่น ปัญหาเกย่ี วกบั การคานวณพืน้ ทข่ี องสามเหลยี่ ม เป็ นต้น • กาหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เพื่อให้ได้ผลลพั ธ์ทตี่ ้องการ เช่น โปรแกรมคานวณพืน้ ทข่ี องสามเหลย่ี ม ต้องการคานวณพืน้ ทร่ี ูปสามเหลย่ี มได้หลายขนาดและแสดงผลเป็ นตัวเลข • ศึกษาวธิ ีการแก้ปัญหา เพื่อออกแบบข้นั ตอนการทางานได้อย่างเหมาะสม เช่น การใช้สูตรคานวณทางคณติ ศาสตร์ต่างๆ • กาหนดข้อจากดั และศึกษาความเป็ นไปได้เพ่ือใช้ในการแก้ปัญหาตามวตั ถุประสงค์ เช่น โปรแกรมคานวณพืน้ ทขี่ องสามเหลยี่ ม ต้องการคานวณพืน้ ทไ่ี ด้เฉพาะรูปสามเหลย่ี ม 2. กาหนดข้อมูลนาเข้า ซึ่งประกอบหัวข้อพจิ ารณาดงั นี้ • กาหนดลกั ษณะการรับข้อมูล เช่น รับข้อมูลจากแป้นพมิ พ์ หรือ อ่านข้อมูลจากไฟล์ • รูปแบบข้อมูลทรี่ ับเข้ามาเป็ นอย่างไร เช่น ข้อมูลช่ือนิสิตเกบ็ เป็ นตวั อกั ษรหรือสตริง ข้อมูลเงนิ เดือนพนักงานเกบ็ เป็ นจานวนทศนิยม เป็ นต้น • ขอบเขตของข้อมูลมชี ่วงค่าของข้อมูลได้เท่าไหร่ เช่น รับข้อมูลเงนิ เดือนมคี ่าอยู่ระหว่าง 0.00 ถงึ 100,000.00 บาท เกบ็ ข้อมูลเป็ นจานวนทศนิยม เป็ นต้น • ข้อจากดั ในการรับข้อมูลอย่างไรบ้าง เช่น รับข้อมูลได้เฉพาะค่าตัวเลขทม่ี ากกว่า 0 เป็ นต้น 3. วธิ ีการประมวลผล เป็ นข้นั ตอนทสี่ าคญั ในการแก้ปัญหา ประกอบด้วยข้อกาหนดดงั นี้ • กาหนดวิธีการ หรือเทคนิคทใี่ ช้แก้ปัญหา ปัญหาต่างๆ จะมวี ธิ ีการปัญหาแตกต่างกนั ไปขนึ้ อยู่กบั สภาพของปัญหา และผู้แก้ปัญหา และปัญหาหนึ่งๆสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยหลายๆ วธิ ีการ ดงั น้ันให้เลือกวธิ ีการ แก้ปัญหาทเ่ี หมาะสมกบั ปัญหาน้ันๆ • กาหนดข้นั ตอนทางานให้ชัดเจน เพื่อแก้ปัญหาตามลาดบั การทางานของวธิ ีการทไี่ ด้เลือกใช้ และประมวลผลให้ได้ผลลพั ธ์ทตี่ ้องการ 4. กาหนดผลลพั ธ์ • กาหนดรูปแบบการแสดงผล เช่น แสดงผลลพั ธ์เป็ นภาพกราฟฟิ กส์ทางจอภาพ หรือพมิ พ์ข้อมูลออกทางเคร่ืองพมิ พ์ เป็ นต้น • ตรวจสอบข้อผดิ พลาดและความถูกต้องของผลลพั ธ์ เช่น ตรวจสอบข้อผดิ พลาดจากการคานวณ ตรวจสอบผลลพั ธ์ว่าถูกต้องตรงตามทตี่ ้องการหรือไม่ 5. กาหนดโครงสร้างข้อมูลทใ่ี ช้ ประกอบด้วย • ภาษาทใี่ ช้ในการเขยี นโปรแกรม ซึ่งขนึ้ อยู่กบั ความถนัด ประเภทของงานและคุณสมบตั เิ ฉพาะของเคร่ืองคอมพวิ เตอร์ • วธิ ีการเกบ็ ข้อมูลและเรียกใช้ตวั แปร เช่นการประกาศตวั แปรอาเรย์ให้สามารถเกบ็ ข้อมูลได้หลายตวั หรือเกบ็ ข้อมูลเป็ นคลาส หรือตามโครงสร้างข้อมูลแบบต่างๆ เป็ นต้น

การเขียนโปรแกรม (Program Coding) • เป็ นข้นั ตอนสาคญั หลงั จากได้ผ่านการออกแบบโปรแกรมแล้ว โดยการนาแนวคดิ จากอลั กอริธึ่ม หรือผงั งานมาแปลงให้อยู่ในรูปคาส่ังคอมพวิ เตอร์ โดยอาศัยความรู้และทกั ษะการเขียนโปรแกรมและใช้ภาษาคอมพวิ เตอร์รวมท้งั เครื่องมือช่วยในการเขียนโปรแกรมต่างๆ เพื่อให้เกดิ ผลลพั ธ์ถุกต้อง และทางานตามทเี่ ราต้องการ สรุปการเขียนโปรแกรม ต้องพจิ ารณาองค์ประกอบดังนี้ • เลือกภาษาทเ่ี หมาะสม • ลงมือเขยี นโปรแกรม โดยการแปลงข้ันตอนการทางาน (ประมวลผล) ทไี่ ด้จากการออกแบบ ให้อยู่ในรูปของคาส่ังทถ่ี ูกต้อง ตรง ตามรูปแบบของภาษาทเ่ี ลือกน้ัน

การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม ( Program Testing & Verification)•• การทดสอบและแก้ไขโปรแกรม เป็ นข้นั ตอนการตรวจสอบโปรแกรมทเ่ี ขยี นได้ ว่าทางานถูกต้องตรงตามความต้องการของ ผู้ใช้ หรือตรงตามลกั ษณะงานของโปรแกรมน้ันหรอไม่ ความผดิ พลาด ( Errors) ทส่ี ามารถเกดิ ขนึ้ ได้จากการเขยี น โปรแกรม มีดงั นี้ • Syntax Error ความผดิ พลาดทเ่ี กดิ จากการใช้คาสั่งผดิ รูปแบบทภี่ าษาน้ันกาหนด เช่น การลืม ประกาศตวั แปร การเขียนคาส่ังผอิ ด เช่น คาส่ัง while( ) เป็ น WHILE( ) • Logic Error ความผดิ พลาดที่เกดิ จากการที่โปรแกรมทางานผดิ ไปจากข้นั ตอนท่คี วรจะเป็ น เช่น การตรวจสอบเงื่อนไขผดิ ไม่ตรงตามวตั ถุประสงค์ คานวณค่าได้คาตอบไม่ถูกต้อง หรือ ทางานผดิ ลาดบั ข้นั ตอน เป็ นต้น • System Design Error ความผดิ พลาดท่ีเกดิ จากการทโี่ ปรแกรมทางานได้ไม่ตรงตามความ ต้องการของลกู ค้า

ขัน้ ตอนการทดสอบและแก้ไขโปรแกรม• • Desk-Checking ผู้เขยี นโปรแกรมตรวจสอบโปรแกรมด้วยตนเอง ถ้าให้ผู้อ่ืนช่วยดูจะเรียกว่า Structured-Walkthrough • Translating ตรวจสอบรูปแบบคาส่ังต่างๆท่ใี ช้ในโปรแกรมโดยตวั แปลภาษา ( Translator) เป็ นผู้ตรวจ • Debugging เป็ นการทดลองใช้โปรแกรมจริง เพ่ือค้นหาข้อบกพร่อง เช่น ผลลพั ธ์ท่ไี ม่ ตรงตามความต้องการ ซึ่งอาจมสี าเหตุจาก Logic Errors และถ้าได้ทดสอบกบั ผู้ใช้จริงกจ็ ะสามารถ ตรวจสอบ System Design Errors ได้

การจดั ทาเอกสารและคมู่ ือการใช้งาน (Program Documentation)• การจดั ทาเอกสารและคู่มือการใช้งานจดั ทาเอกสารต่างๆ ท่เี กยี่ วข้องกบั ระบบหรือการเขยี นโปรแกรม ได้แก่ • คู่มือสาหรับผู้ใช้โปรแกรม (User's Manual or User's Guide) คือเอกสารทอ่ี ธิบายวธิ ีการใช้ระบบหรือโปรแกรม เรียกว่า User Manual ใช้สาหรับผู้ใช้งานโปรแกรม แนะนาวธิ ีการใช้งานโปรแกรม แนะนาคุณสมบัติ และองค์ประกอบของโปรแกรมต่างๆ วธิ ีการ ตดิ ต้งั โปรแกรม สามารถทาควบคู่ไปกบั การเขยี นโปรแกรม อาจทาเป็ นคู่มือเอกสารทอ่ี ยู่ในรูปแบบโปรแกรมออนไลน์กไ็ ด้ (Online Manual) • คู่มือสาหรับผู้เขยี นโปรแกรม (Programmer's Manual or Programmer's Guide) เป็ นคู่มือทจ่ี ดั ทาขนึ้ เพื่อให้ผู้พฒั นาโปรแกรม รวมท้งั เทคนิคพเิ ศษต่างๆ ของโปรแกรม เพ่ือให้สะดวกต่อการปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมทมี่ ีอย่เู ดมิ โดยทวั่ ไปจะเป็ นเอกสารแสดง การวเิ คราะห์ และออกแบบระบบ เรียกว่า System Manual ใช้สาหรับผู้พฒั นาระบบหรือโปรแกรม เท่าน้ัน

การใช้งานจริง (Program Implement)• การใชง้ านจริง เป็นข้นั ตอนสาคญั หลงั จากทาการทดสอบและแกไ้ ขโปรแกรมใหม้ ีความถูกตอ้ งเรียบร้อยแลว้ โดย การนาโปรแกรมไปใชง้ านจริงดว้ ยการป้อนขอ้ มูลต่างๆ สภาวะแวดลอ้ ม และสถานการณ์ต่างๆโดยผใู้ ชง้ าน โปรแกรมสามารถทางานตามฟังกช์ นั่ และทาตามจุดประสงคข์ องโปรแกรมท่ีเขียนไว้ ข้นั ตอนการใชง้ านจริงของ โปรแกรมหากพบขอ้ ผดิ พลาด กส็ ามารถปรับปรุง แกไ้ ข โปรแกรมใหถ้ ูกตอ้ งได้

การปรับปรุงและพฒั นาโปรแกรม (Program Maintenance)• การเขยี นโปรแกรมทด่ี ตี ้องมขี ้นั ตอนการปรับปรุงและพฒั นาโปรแกรมให้มคี วามถูกต้อง ทนั สมยั และตรงกบั ความ ต้องการของผู้ใช้มากทสี่ ุด โดยทวั่ ไปโปรแกรมทใี่ ช้งานจะประกอบด้วยหลายๆรุ่น เช่นรุ่นทดสอบ (Beta Version) และ รุ่นทใี่ ช้งานจริง (Release Version) และต้องมีการปรับเปลย่ี นโปรแกรมให้ดขี ึน้ ดงั ตวั อย่างเช่นโปรแกรมเวอร์ชัน 1 มกี ารเพมิ่ เตมิ ปรับปรุง แก้ไขโปรแกรมเป็ นเวอร์ชัน 1.2 เป็ นต้นการพฒั นา โปรแกรมให้ดขี นึ้ มปี ระโยชน์ต่อผู้ใช้งาน และผู้เขยี นโปรแกรมต้องอาศัยคู่มือการใช้งาน และเอกสารประกอบของ โปรแกรม เพ่ือเป็ นแนวทางในการแก้ไข และให้ผ้อู ่ืนๆสามารถพฒั นาต่อได้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook