Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สุนทรภู่ ครูกวี

Description: สุนทรภู่ ครูกวี

Search

Read the Text Version

สุนทรภู่ ครูกวีศรีสยาม ส่ื อสร้างสรรค์ให้คนไทยรักการอ่าน ห้องสมดุ ประชาชนอําเภอท่าบ่อ กศน.อําเภอท่าบ่อ สํานักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย

ประวัติของสุนทรภู่ สุนทรภเู่ กิดเม่อื วันท่ี ๒๖ มิถนุ ายน พ.ศ.๒๓๒๙ ในสมัย รัชกาลท่ี ๑ สันนิษฐานว่าบิดาของสุนทรภเู่ ปน็ ชาวบ้านกรา อําเภอแกลง จังหวัดระยอง หรือชาวเพชรบุรี มารดาอพยพ จากกรุงศรีอยธุ ยาสมัยเสียกรุงมาต้ังรกรากท่ีกรุงธนบุรี ต่อมาบิดามารดาหย่ากนั บิดาไปบวชอย่ทู ่ีเมืองแกลง มารดามสี ามีใหมแ่ ละมีบตุ รสาวสองคนช่ือฉิมกบั นิม่ หลงั จากน้ันมารดากเ็ ข้าวังไปเปน็ พระนมพระธิดาใน สมเดจ็ พระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอนุรักษเทเวศร กรมพระราชวังบวรสถานภิมขุ สุนทรภ่จู ึงได้ถวายตัวเปน็ ข้า ในกรมพระราชวังหลังต้ังแต่เด็ก สุนทรภ่เู ริม่ เรียนหนังสือท่ีวัดชีปะขาว (วัดศรีสุดาราม) ริมคลองบางกอกน้อย เม่อื มีความรู้พอจะทํางานได้ก็ไปเปน็ เสมียนนายระวาง กรมพระคลงั สวน ต่อมาออกจากงาน เสมียนกลับมาพํานักอย่ทู ่ีพระราชวังหลงั และลกั ลอบคบหา กับนางในช่ือจัน จนต้องโทษถกู จองจํา

ประวัติของสุนทรภู่ เม่อื กรมพระราชวังหลังทิวงคตใน พ.ศ. ๒๓๔๙ สุนทรภจู่ ึงเดินทางไปบวชอย่กู บั บิดาท่ีเมืองแกลง และแต่งนิราศเมืองแกลง ข้ึนเปน็ นิราศเร่ืองแรก เม่อื กลบั จากเมอื งแกลง สุนทรภไู่ ดม้ าเปน็ มหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระโอรส ของกรมพระราชวังหลงั ซึ่งทรงผนวชอย่ทู ่ี วัดระฆัง พระอัครชายากรมพระราชวังหลัง ประทานนางจันให้เปน็ ภรรยาของสุนทรภู่

ประวัติของสุนทรภู่ ในปลายรัชกาล พระบาท สมเดจ็ พระพุทธเลิศหลา้ นภาลัย โปรดให้สุนทรภ่เู ปน็ พระอาจารย์ ถวายพระอักษรพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าอาภรณ์ สุนทรภู่ จึงไดเ้ แต่ง สวัสดิรักษาคาํ กลอน ถวายเจ้าฟ้าอาภรณ์

ประวัติของสุนทรภู่ ในรัชสมัยพระบาทสมเดจ็ พระน่ังเกลา้ เจ้าอย่หู ัว สุนทรภ่ไู มไ่ ด้รับราชการ จึงอุปสมบทเปน็ ภกิ ษุ ระหว่างน้ัน เจ้าฟ้ากณุ ฑลทิพยวดี พระมารดาพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้า อาภรณ์ โปรดให้สุนทรภ่ถู วายพระอักษรเจ้าฟ้ากลางและ เจ้าฟ้าป๋ วิ ภายหลงั สุนทรภ่ไู ดร้ ับการอุปการะจากสมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ (พระบาทสมเด็จ พระป่ นิ เกลา้ เจ้าอย่หู ัว)และกรมหม่นื อัปสรสุดาเทพ พระเจ้าลูกยาเธอในพระบาทสมเด็จพระน่ังเกลา้ เจ้าอย่หู ัว ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว พระ บาทสมเดจ็ พระป่ นิ เกลา้ เจ้าอย่หู ัวทรงพระกรุณา โปรดเกลา้ ฯ ให้สุนทรภเู่ ปน็ เจ้ากรมพระอาลกั ษณ์ ฝา่ ยพระราชวังบวร มบี รรดาศักดเิ์ ปน็ พระสุนทรโวหาร สุนทรภู่ ดาํ รงตําแหน่งเจ้ากรมพระอาลักษณ์ได้ ๕ ปี กถ็ งึ แก่กรรม พ.ศ. ๒๓๙๘ อายไุ ด้ ๗๐ ปี

สุนทรภู่ เปน็ กวีท่ีได้รับยกย่องว่าเปน็ เลิศในการแต่งกลอนแปด ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ เน่ืองในวาระครบ ๒๐๐ ปเี กดิ ของสุนทรภู่ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่ง สหประชาติ (UNESCO) ได้ ประกาศยกย่องเกียรติคุณให้สุนทรภ่เู ปน็ บุคคลสําคัญท่ีมผี ลงานดเี ดน่ ทางด้าน วัฒนธรรมระดบั โลก (จากนามานุกรมวรรณคดีไทย ชุดท่ี ๒ ช่ือผู้แต่ง, มูลนิธิสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดา, พ.ศ. ๒๕๕๓)

นิราศ ๙ เร่ือง ● นิราศเมืองแกลง ตน้ พ.ศ. ๒๓๕๐ ● นิราศพระบาท ปลาย พ.ศ. ๒๓๕๐ ● นิราศภเู ขาทอง พ.ศ. ๒๓๗๑ ● นิราศเมืองสุพรรณ (แตง่ เป็นโคลง) พ.ศ. ๒๓๘๔ ● นิราศวดั เจ้าฟา้ ราว พ.ศ. ๒๓๗๙ ● นิราศอิเหนา ● นิราศพระเเท่นดงรัง ● นิราศพระประธม พ.ศ. ๒๓๘๕ ● นิราศเมืองเพชรบุรี ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๘ -๙๒ นิราศทัง้ ปวงน้ี แตง่ จบในสมุดไทยเลม่ เดยี วทุกเร่ือง

นิทาน ๕ เร่ือง ● เร่ืองโคบตุ ร ๘ เลม่ สมดุ ไทย แต่งในรัชกาลท่ี ๑ ● เร่ืองพระอภยั มณี ๙๔ เล่มสมุดไทย แต่งในรัชกาลที่ ๓ ● เร่ืองพระไชยสุริยา (แต่งเป็นกาพย์คําเทียบ สอนอ่าน) รวมเลม่ สมดุ ไทย ๑ แต่งใน รัชกาลที่ ๓ ● เร่ืองลกั ษณวงศ์ ๙ เล่มสมุดไทย (เปน็ สํานวนแต่งต่ออีก ๓๐ เล่ม) ● เร่ืองสิงหไตรภพ ๑๕ เลม่ สมุดไทย ตอนต้น แต่งในรัชกาลที่ ๒ สุภาษิต ๒ เร่ือง ● สวัสดิรักษา รวมเลม่ สมุดไทย ๑ ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๔-๗ ● เพลงยาวถวายโอวาท ราวหน้า สมดุ ไทย๑ ราว พ.ศ. ๒๓๗๓

บทละคร ๑ เร่ือง ● เร่ืองอภัยนุราช เล่มสมุดไทย ๑ บทเสภา ๒ เร่ือง ● เร่ืองขุนช้างขุนแผน ตอนกาํ เนิดพลายงาม เล่มสมดุ ไทย ๑ แต่งในรัชกาลที่ ๒ ● เร่ืองพระราชพงศาวดาร ๒ เล่มสมดุ ไทย เเต่งในรัชกาลที่ ๔ บทเห่กลอ่ ม ๔ เร่ือง ● เห่เร่ืองจับระบํา ● เห่เร่ืองกากี ● เห่เร่ืองพระอภยั มณี ● เห่เร่ืองโคบตุ ร บทเห่เปน็ เร่ืองส้ัน ๆ รวมกนั ท้ัง ๔ เร่ือง สักเล่มสมุดไทย ๑

บทละคร เร่ือง อภัยนุราช เน้ือเร่ืองกล่าวถงึ ท้าว อภัยนุราชแห่งเมืองรมเยศ เสด็จไปลา่ สัตว์ในป่า เม่ือถงึ ศาลเทพารักษ์เกา่ แก่ ปรักหักพังซึ่ งกษั ตริย์องค์ ก่อนได้สร้างไว้ จึงส่ังให้ปลูก พลับพลาที่น่ัน แล้วให้ไพร่พล ออกไปต้อนสัตว์ปา่ มาให้ พระองค์ไลย่ ิง แต่กลับยิงไม่ถกู สัตว์แม้แต่ตัวเดยี ว ชาวปา่ ผู้เฒ่า จึงกราบทูลว่าท่ีศาลน้ีมเี ทพารักษ์สถติ อยู่ กษัตริย์องค์ ก่อนได้มาสักการะ แต่พระองค์มิได้บวงสรวงบชู า เทพารักษ์จึงไมใ่ ห้สัตว์ในปา่ แกพ่ ระองค์ ท้าวอภยั นุราช ได้ฟังก็กริ้วส่ังให้เผาศาล ฝา่ ยเทพารักษ์ถกู เผาศาลจึง คิดแก้แค้น โดยการไปหักคอนางศรีสาหงซึ่งเป็น คนทรงแล้วเข้าสิ งนางเดินร้องเพลงมาหน้าพลับพลา ท้าวอภยั นุราชเห็นเข้าก็หลงรักด้วยฤทธิอ์ ํานาจของ เทพารักษ์ คิดจะพานางกลบั ไปอย่ใู นวัง

บทละคร เร่ือง อภยั นุราช เหล่าเสนาอํามาตย์เห็นรูปร่างหน้าตาอันน่าเกลียด ของนางก็พากันแปลกใจ ราชครูรู้ว่านางเปน็ ร่างผีสิง จึงขอทํานามนต์ไล่ผี นางศรีสาหงแกล้งร้องไห้กราบทูล ว่าถกู ริษยา ท้าวอภัยนุราชจึงให้นําราชครู ไปประหารแล้วนํานางเข้าวัง ทรงเช่ือฟังถ้อยคําของ นางทุกประการและไมเ่ สด็จออกว่าราชการ เพราะหลง มัวเมาเฝา้ แต่ชมเชยนาง ฝา่ ยนางทิพมาลมี เหสี ประหลาดใจที่ท้านอภยั นุราชหลงใหลหญงิ อัปลักษณ์ จึงออกไปดู เกดิ การทะเลาะตบตีกัน นางศรีสาหงแกล้ง มารยาว่าถกู รุมทําร้าย ท้าวอภัยนุราชจึงบริภาษมเหสี และบริวาร นางทิพมาลนี ้อยใจและแค้นใจจึงเข้าจิกหัว ตบนางศรีสาหง นางศรีสาหงทํามารยาว่าถูกตบจน ตาบอด ขอให้ท้าวอภยั นุราชควักดวงตานางทิพมาลี มาให้นางเพ่ือใช้เป็นยารักษา คร้ันได้ดวงตามาก็แสร้ง เสกใส่ดวงตาของนาง เพ่ือให้ท้าวอภัยนุราชเห็นว่า ดวงตาของนางหายบอด ทําให้ท้าวอภัยนุราชยินดีมาก (เร่ืองจบเพียงน้ี)

กาพย์ เร่ือง พระไชยสุริยา และ สุภาษิตสอนสตรี พระไชยสุริยา เปน็ พระราชา ครองเมอื งสาวะถี (สาวัตถ)ี มีมเหสีช่ือว่าสุมาลี บ้านเมือง อุดมสมบรู ณ์ มีพ่อค้าต่างเมือง มาค้าขาย ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ต่อมาพวกขุนนางผู้ใหญแ่ ละข้าราชบริพารพากัน ประพฤติผิด ลุม่ หลงในกามคุณและอบายมขุ ต่าง ๆ ผู้มีอํานาจกดขี่ข่มเหงราษฎรจนเดอื ดร้อนกันไปท่ัว การปกครองขาดความยุติธรรม บ้านเมอื งอย่ใู นภาวะ ท่ีขาดเสถียรภาพ ในท่ีสุดเกดิ นาป่าไหลท่วมบ้านเมอื ง ทําให้ผู้คนล้มตายเป็นจํานวนมาก ผู้ที่รอดชีวิตก็หนี ออกจากเมอื งไปหมด พระไชยสุริยาพามเหสีและ บริวารพร้อมเสบียงลงเรือสํ าเภาหนีออกจากเมือง เรือแตกเพราะถกู พายุ บริวารท้ังหลายพลัดไปหมด พระไชยสุริยาและนางสุมาลขี ้ึนฝ่ งั ได้พากันรอนแรม ไปในปา่ ตกทุกข์ได้ยากอยู่หลายวัน

กาพย์ เร่ือง พระไชยสุริยา และ สุภาษิตสอนสตรี พระดาบสรูปหนึ่งเข้าฌานเห็นท้ังสองพระองค์ เร่ร่อนอย่ใู นป่าก็สงสาร เพราะทราบว่าพระไชยสุริยา เปน็ กษัตริย์ท่ีดี แต่ต้องเคราะห์ร้ายเช่นน้ีเพราะหลง เช่ืออํามาตย์ท่ีฉ้อฉล พระดาบสจึงเทศนาโปรดท้ังสอง องค์ให้ศรัทธาถือเพศเปน็ ฤษีบําเพ็ญธรรมอย่าง เคร่งครัดจนได้ไปเสวยสุขในสวรรค์ กาพย์เร่ืองพระไชยสุริยาน้ี สุนทรภ่แู ต่งใน รัชกาลที่ ๓ กรุงรัตนโกสินทร์ เข้าใจว่าจะแต่ง สําหรับเปน็ แบบสอนอ่านคําเทียบให้ศิษย์ของท่าน เล่าเรียนศึกษา คร้ันต่อมาในรัชกาลท่ี ๕ เม่ือพระยา ศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกรู ) แต่งหนังสือ มลู บทบรรพกจิ สําหรับใช้เปน็ แบบเรียนหนังสือไทย ในโรงเรียนหลวง คงเห็นว่า กาพย์เร่ืองพระไชย สุริยาน้ีเป็นบทกวีนิพนธท์ ี่ไพเราะ ท้ังอ่านเข้าใจง่าย และเปน็ คติ จึงนํามาบรรจไุ ว้ในมลู บทบรรพกิจเปน็ ตอนๆ ต้ังแต่ แม่ ก กา ไปจนจบ เกย ผู้ท่ีเคยใช้ หนังสือมูลบทบรรพกิจเปน็ แบบเรียนมักจําคํา กาพย์เร่ืองน้ีข้ึนใจอยู่โดยมาก

กาพย์ เร่ือง พระไชยสุริยา และ สุภาษิตสอนสตรี ส่วนเร่ืองสุภาษิตสอนสตรีน้ัน สมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพทรง อธบิ ายไว้ว่า สุนทรภ่เู ห็นจะแต่งเม่ือราวระหว่าง ปี พ.ศ. ๒๓๘๐-๒๓๘๓ พิเคราะห์ตามสํานวน ดูเหมือนหนังสือเร่ืองน้ีสุนทรภ่จู ะแต่งขาย เปน็ สุภาษิตสําหรับสตรีสามญั ท่ัวไป ความไม่บ่งว่าแต่ง ให้แก่ผู้หนึ่งผู้ใดโดยเฉพาะ ดงั เร่ืองอ่ืนบางเร่ือง เช่น เพลงยาวถวายโอวาท และสวัสดิรักษา ต้นฉบับเดมิ ท่ีหอพระสมุดฯ ได้มาเรียกว่า สุภาษิต ไทย เปน็ คําสมมติของผู้อ่ืน ดูเหมือนผู้สมมติจะ ไมร่ ุ้ว่าเป็นกลอนของสุนทรภ่ดู ้วยซาไป ถ้อยคําใน ต้นฉบับก็วิปลาสคลาดเคล่อื น ต้องซ่อมแซมใน หอพระสมดุ ฯ หลายแห่ง แต่นับว่าแต่งดนี ่าอ่าน การที่สมเด็จฯ กรมพระยาดาํ รงราชานุภาพ ทรงอธบิ ายไว้เช่นน้ี ก็โดยท่ีทรงพิจารณาสํานวน กลอนและโวหารในสุภาษิ ตเร่ืองน้ีประกอบกัน

กลอนสุภาษิ ตของสุนทรภู่ เร่ืองท่ี ๑ สวัสดริ ักษา เร่ืองท่ี ๒ เพลงยาวถวายโอวาท เร่ืองท่ี ๓ สุภาษิตสอนสตรี ๑. เร่ืองสวัสดิรักษา สุนทรภ่แู ต่งถวายสมเด็จเจ้าฟ้าอาภรณ์ในรัชกาล ท่ี ๒ ด้วยพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลิศหล้านภาลยั ทรงมอบสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอพระองค์น้ันให้เป็น ศิ ษย์ศึ กษาอักขรสมัยในสํ านักสุนทรภู่ (ความข้อน้ีปรากฏอยู่ในเพลงยาวถวายโอวาท ท่ีพิมพ์เป็นเร่ืองที่ ๒) เห็นจะแต่งเม่ือปลายรัชกาล ในระหว่าง พ.ศ. ๒๓๖๕ จน พ.ศ. ๒๓๖๗

กลอนสุภาษิ ตของสุนทรภู่ ๒. เพลงยาวถวายโอวาท สุนทรภแู่ ต่งในรัชกาลที่ ๓ เม่ือตัวถกู ถอดแล้ว ไปบวชอย่ทู ่ีวัดราชบุรณะ เห็นจะแต่งเม่ือราว พ.ศ. ๒๓๗๓ พิเคราะห์ความตามที่ปรากฏในเพลงยาว เข้าใจว่าในสมยั น้ันเจ้าฟ้าอาภรณ์ทรงพระเจริญเสด็จ ออกไปอยู่วังนอก เริม่ เข้าฝกึ หัดรับราชการอยู่ ไมก่ ล้า เก้ือหนุนสุนทรภดู่ ้วยเกรงจะเปน็ การฝา่ ฝนื พระราช นิยมในพระบาทสมเด็จฯ พระน่ังเกล้าเจ้าอย่หู ัว จึงแกล้งทําเปน็ เพิกเฉยเสีย แต่สมเด็จเจ้าฟ้ากุณฑล ทิพยวดีพระมารดาน้ัน ยังทรงปรานีสุนทรภอู่ ยู่ อย่างเดมิ คร้ันสุนทรภบู่ วช ทรงพระดําริเห็นว่ามผี ้า กาสาวพัสตร์ป้องกันราชภัยแล้ว จึงทรงมอบสมเด็จ พระราชโอรสซึ่งยังทรงพระเยาว์อย่อู ีก ๒ พระองค์ คือ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยาบําราบปรปักษ์ ซึ่งเรียกกันในสมัยน้ันว่าเจ้าฟ้ากลาง กับเจ้าฟ้าป๋ วิ ให้เปน็ ศิษย์สุนทรภู่

กลอนสุภาษิ ตของสุนทรภู่ ตามเยี่ยงอย่างท่ีพระบาทสมเด็จฯ พระพุทธเลศิ หล้านภาลัย ได้เคยทรงมอบเจ้าฟ้าอาภรณ์ ซึ่งเปน็ พระเชษฐาพระองค์ใหญใ่ ห้เป็นศิษย์มาแต่กอ่ น และทรงส่งเสียทํานุบํารุงสุนทรภมู่ ิให้อนาทร แต่สุนทรภู่ ได้รับความสุขอย่ไู ม่ช้า เกิดอธกิ รณ์ ต้องถกู ขับไลอ่ อก จากวัดราชบุรณะ จึงคิดจะออกไปอย่เู สียตามหัวบ้าน หัวเมอื งพอให้เร่ืองอธกิ รณ์สงบเงียบจึงจะกลบั เข้ามา อยู่กรุงเทพฯ อีก เม่ือสุนทรภจู่ ะไปจากวัดราชบุรณะ จึงแต่งเพลงยาวบทน้ีทูลลาและถวายโอวาทเจ้าฟ้า ซึ่งเปน็ ศิษย์ท้ัง ๒ พระองค์ แล้วข้ึนไประนครศรีอยุธยา ในคราวท่ีแต่งนิราศภเู ขาทอง แต่หาได้ไปยังหัวเมือง ช้านานเหมอื นอย่างที่คิดไว้แต่เดมิ ไม่ ได้ข้ึนไปเพียง พระนครศรีอยธุ ยาแล้วเปล่ยี นความคิด กลบั ลงมา อยู่วัดอรุณฯ

กลอนสุภาษิ ตของสุนทรภู่ ๓. สุภาษิตสอนสตรี สุนทรภเู่ ห็นจะแต่งเม่ือราวในระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๐ จน พ.ศ. ๒๓๘๓ ในเวลาเม่ือสึกกลบั ออกมาเป็น คฤหัสถ์ แล้วต้องตกยากจนลงถงึ ลอยเรืออยู่ พิเคราะห์ตามสํานวน ดูเหมอื นหนังสือเร่ืองน้ีสุนทรภู่ จะแต่งขาย กล่าวความเปน็ สุภาษิตสําหรับสตรีสามญั ท่ัวไป ความไมบ่ ่งว่าแต่งให้แกผ่ ู้หนึ่งผู้ใด โดยเฉพาะ ดงั ๒ เร่ืองท่ีกล่าวมากอ่ น ต้นฉบับเดมิ ที่หอพระสมดุ ฯ ได้มา เรียกว่าสุภาษิตไทย เปน็ คําสมมติของผู้อ่ืน ดูเหมอื นผู้สมมติจะไมร่ ู้ว่าเป็นกลอนของสุนทรภู่ ด้วยซาไป ถ้อยคําในต้นฉบับก็วิปลาสคลาดเคล่ือน ต้องซ่อมแซมในหอพระสมดุ ฯ หลายแห่ง แต่แต่งดี น่าอ่านเหมือนกนั เร่ืองตํานานของสุภาษิตท้ัง ๓ เร่ือง ได้ทราบบรรยายดังกลา่ วมา.

บทกลอนรําพันพิลาป บทกลอนเร่ืองน้ีสุนทรภู่ ได้แต่งข้ึนตามความฝนั ของ ท่านเม่ือ พ.ศ. ๒๓๘๕ อันเป็น ระยะเวลาที่ท่านอยู่ในวัด เทพธิดา ท้ังรําพันถึงเร่ืองราว เหตุการณ์และสถานที่ ในวัด เทพธิดาเกือบตลอดเร่ือง สุนทรภ่บู อกวันเดอื นปที ่ีฝนั ไว้ใน “รําพันพิลาป” ว่า “เดอื นแปดวันจันทวาเวลานอน” และว่า “โอ้ปีน้ีปี ขาลบันดาลฝนั ” จึงเปน็ อันรู้ได้ว่า ท่านฝนั เม่ือคืนวัน จันทร์เดอื น ๘ ปขี าล (พ.ศ. ๒๓๘๕) จะเป็นข้างข้ึน หรือข้างแรม ไมอ่ าจรู้ได้ แต่มกี ลา่ วไว้แห่งหนึ่งว่า “เม่อื ยามฝนั น้ันว่านึกน่ังตรึงตรอง เดือนหงาย ส่องแสงสว่างด่ังกลางวัน” ถ้านอนฝนั แล้วต่ืนข้ึนดึกๆ เห็นดวงจันทร์สองแสงสว่างจ้า ก็คงจะเป็นเวลา ข้างข้ึนแกๆ่ หรือข้างแรมอ่อนๆ กระมงั แต่ในปีขาล พ. ศ. ๒๓๘๕ น้ัน ก็ปรากฏว่ามเี ดอื น ๘ สอง ๘ เสียด้วย จึงยากท่ีจะทราบได้

ประชุมกลอน นิราศ ภาค ๑ นิราศสุนทรภทู่ ่ีรวม ในประชุมนิราศภาคที่ ๑ น้ี จัดเรียงเร่ืองตามลาํ ดบั นิราศ ท่ีสุนทรภ่แู ต่ง คือ ที่ ๑ นิราศ เมอื งแกลง แต่งในรัชกาลท่ี ๑ เม่ือสุนทรภ่เู ปนข้าในกรม พระราชวังหลัง ที่ ๒ นิราศพระพุทธบาท สุนทรภแู่ ต่งในรัชกาลท่ี ๑ เม่อื เป็นมหาดเล็กอย่ใู นพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ พระ โอรสกรมพระราชวังหลงั (ในนิราศพระพุทธบาทน้ี สุนทรภ่กู ล่าวความไว้แห่ง ๑ ว่า “พอแรมคาวันน้ัน ท่านพระคลงั หาบุญยังมาฉลองศาลาลัย” ท่ี ๓ นิราศภเู ขาทอง สุนทรภ่แู ต่งเม่ือบวช ใน รัชกาลที่ ๓ ท่ี ๔ นิราศวัดเจ้าฟ้า สุนทรภ่แู ต่งเม่ือยังบวชอยู่ แต่แต่งเปนสํ านวนเณรพัดผู้เปนบุตร

ประชุมกลอน นิราศ ภาค ๒ สุนทรภ่ไู ด้แต่งนิราส อิเหนาถวายพระองค์เจ้า ลักขณานุคุณ แล้วสึกออกมา เปนข้าอยู่ในกรม แต่อย่ไู ด้ไม่ ช้า พระองค์เจ้าลกั ขณานุคุณ สิ้นพระชนม์ สุนทรภ่สู ิ้นท่ีพึง่ ตกยากอิกคร้ัง ๑ เวลาตกยากคร้ังน้ี อาศรัยเพ่ือนไปเท่ียวพระแท่น ดงรัง จึงแต่งนิราสพระแท่นดงรัง ซึ่งพิมพ์เปนเร่ืองท่ี ๒ ในสมุดเล่มน้ี ต่อมากรมหม่ืนอับสรสุดาเทพ พระราชธิดาในพระบาทสมเด็จฯ พระน่ังเกล้าเจ้าอย่หู ัว ได้ทรงหนังสือพระอภยั มณีท่ีสุนทรภ่แู ต่งไว้โปรด ส่ังให้สุนทรภแู่ ต่งต่อถวายอิก แลทรงเก้ือหนุน สุนทรภ่ตู ่อมา ในตอนน้ี พระบาทสมเด็จพระป่ นิ เกล้า เจ้าอยู่หัว เม่ือยังดาํ รงพระยศเปนสมเด็จพระเจ้า น้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ก็ทรง เก้อื หนุนสุนทรภ่มู าด้วยอีกพระองค์

ประชุมกลอน นิราศ ภาค ๒ ในสมยั เม่อื สุนทรภ่ไู ด้พึง่ พระบาทมเด็จพระ ป่ นิ เกล้าเจ้าอย่หู ัว แลกรมหม่ืนอับสรสุดาเทพอยู่ น้ันไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ จึงแต่งนิราส พระประธม (ท่ีถูกควรจะเรียกว่านิราสพระปฐม เจดยี ์) ซึ่งพิมพ์เปนเร่ืองที่ ๓ ในสมุดเลม่ น้ี คร้ันกรมหม่นื อับสรสุดาเทพสิ้นพระชนม์ สุนทรภไู่ ด้พึง่ แต่พระบาทสมเด็จพระป่ นิ เกล้า เจ้าอย่หู ัวพระองค์เดียว ได้ยินว่าทรงรับไปเล้ียง ไว้ท่ีพระราชวังเดิม อย่มู ามีรับส่ังให้สุนทรภไู่ ปหา สิ่งของท่ีเมอื งเพ็ชรบุรี สุนทรภ่จู ึงแต่งนิราส เมอื งเพ็ชรบรุ ี ซึ่งพิมพ์เปนเร่ืองที่ ๔ ในสมดุ เล่มน้ี เปนนิราสเร่ืองท่ีสุดของสุนทรภู่





ศึกษาขอ้ มูลเพิม่ เติมไดท้ ี่ ห้องสมดุ ดจิ ิทัลวชิรญาณ



คณะผู้จัดทํา ทีป่ รึกษา นายปุณณรัตน์ ศรีทาพุฒ ผู้อํานวยการ สํานักงาน กศน. จังหวัดหนองคาย นางสาวปาริชาติ ไชยสถิตย์ รองผู้อํานวยการ สํานักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย นางจามรี ภเู มฆ ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอท่าบ่อ ผูจ้ ัดทาํ /รวบรวมขอ้ มูล/ออกแบบ นางสาววรุณยุภา นาเกลอื บรรณารักษ์ชํานาญการ กศน.อําเภอท่าบ่อ หนังสือเลม่ น้ีเปน็ ลขิ สิทธขิ์ อง ห้องสมุดประชาชนอําเภอท่าบ่อ กศน.อําเภอท่าบ่อ สํานักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย พุทธศักราช ๒๕๖๓