Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore วันพืชมงคล

Description: พืชมงคล

Search

Read the Text Version

สือ่ สรา้ งสรรค์ใหค้ นไทยรกั การอ่าน ห้องสมดุ ประชาชนอําเภอท่าบ่อ กศน.อําเภอท่าบอ่ สาํ นักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย

พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพระราชพิธี ๒ พิธี รวมกัน คือ ๑. พระราชพิธีพืชมงคล อันเป็นพิธีสงฆ์ อย่างหน่ึง ซ่ึงจะประกอบพระราช พิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรตั นศาสดาราม ๒. พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ อนั เป็นพิธีพราหมณ์ อย่างหน่ึง ซ่ึงจะประกอบพระราชพิธีในวันรุง่ ข้นึ ณ มณฑลพิธีสนามหลวง พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพระราชพิธีท่ีมีมาแต่โบราณ ต้ังแต่คร้ังกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี ซ่ึงในสมัยกรุงสุโขทัยน้ันพระมหากษัตรยิ ์ไม่ ได้ลงมือไถนาเองเป็นแต่เพียงเสด็จไปเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีเท่าน้ัน คร้ัง ถงึ สมัยกรุงศรีอยุธยาพระมหากษัตริย์ไมไ่ ด้เสด็จไปเป็นองค์ประธานเหมือนกับ สมัยกรุงสุโขทัยและจะทรงจําศี ลเงยี บ ๓ วัน แต่จะมอบอาญาสิทธ์ิให้เจา้ พระยา จนั ทกุมารเป็นผู้แทนพระองค์ โดยทรงทําเหมือนอย่างออกอาํ นาจจากกษัตริย์ ซ่ ึ งวิธีน้ ีได้ใช้ ตลอดมาถึงปลายสมัยกรุ งศรีอยุธยา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้มีการประกอบพระราชพิธีน้ีมาต้ังแต่สมัย รัชกาลท่ี ๑ แต่ผู้ทําการแรกนาเปล่ียนเป็นเจา้ พระยาพลเทพ คู่กันกบั การ ยืนชิงช้า แต่พอถงึ รัชกาลท่ี ๓ ให้ถือวา่ ผู้ใดยืนชิงช้าผู้น้ันเป็นผู้แรกนา ใน สมัยรัชกาลท่ี ๔ ได้ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้จัดมีพิธีสงฆ์เพ่ิมข้นึ ใน พระราชพิธีต่างๆ ทุกพิธี ดังน้ัน พระราชพิธีพืชมงคล จงึ ได้เร่มิ มีข้นึ แต่ บดั น้ันมา โดยได้จัดรวมกบั พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และมีช่ือ เรียกรวมกนั ว่า พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ

ความมุ่งหมายอนั เป็นมูลเหตุให้เกดิ มีพระราชพิธีน้ีข้นึ พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจา้ อยู่หัว ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ในพระราช นิพนธ์เร่ือง พระราชพิธีสิบสองเดือน วา่ \"การแรกนาท่ีต้องเป็นธุระของผู้ซ่ึงเป็นใหญใ่ นแผ่นดินเป็น ธรรมเนียมนิยม มีมาแต่โบราณ เช่น ในเมืองจีนส่ีพันปีลว่ งมาแล้ว พระเจา้ แผ่นดินกล็ งทรงไถนาเองเป็นคราวแรก พระมเหสี เล้ียงตัวไหม ส่วนจดหมายเร่ืองราวอันใดในประเทศสยามน้ี ท่ีมีปรากฏอยู่ในการ แรกนาน้ี กม็ ีอยู่เสมอเป็นนิตย์ ไมม่ ีเวลาว่างเว้น ด้วยการซ่ึงผู้น้ันเป็น ใหญใ่ นแผ่นดินลงมือทําเองเช่นน้ี ก็เพ่ือจะให้เป็นตัวอย่างแกร่ าษฎร ชักนําให้มีใจหม่ันในการท่ีจะทํานา เพราะเป็นส่ิงสําคัญ ท่ีจะได้อาศั ย เล้ียงชีวิตท่ัวหน้า เป็นต้นเหตุของความต้ังม่ันและความเจริญไพบูลย์ แหง่ พระนครท้ังปวง แต่การซ่ึงมีพิธีเจือปนต่างๆ ไมเ่ ป็นแต่ลงมือไถนา เป็นตัวอย่าง เหมือนอย่างชาวนาท้ังปวงลงมือไถนาของตนตามปกติ ก็ ด้วยความหวาดหว่ันต่ออนั ตราย คือ นาฝนนาท่ามากไปน้อยไป ด้วง เพล้ียและสัตว์ต่างๆ จะบงั เกิดเป็นเหตุอันตราย ไมใ่ ห้ได้ประโยชน์เต็ม ภาคภูมิ และมีความปรารถนาท่ีจะให้ได้ประโยชน์เต็มภาคภูมิเป็นกาํ ลัง จงึ ต้องหาทางท่ีจะแก้ไขและหาทางท่ีจะอุดหนุนและท่ีจะเส่ียงทายให้รู้ ลว่ งหน้า จะได้เป็นท่ีม่ันอกม่ันใจโดยอาศั ยคําอธิษฐานเอาความสัตย์เป็น ท่ีต้ังบ้าง ทําการซ่ึงไม่มีโทษ นับวา่ เป็นการสวัสดิมงคลตามซ่ึงมาในพระ พุทธศาสนาบ้าง บูชาเซ่นสรวงตามท่ีมาทางไสยศาสตร์บ้าง ให้เป็นการ ช่ วยแรงและเป็นท่ ีม่ ันใจตามความปรารถนาของมนุษย์ซ่ ึ งคิดไม่มีท่ ี ส้ ิ นสุด\" ดังน้ัน จะเห็นได้ว่า ความมุง่ หมายของพิธีแรกนาอยู่ท่ีจะทําให้เป็น ตัวอย่างแกร่ าษฎรเพ่ือชักนําให้มีความม่ันใจในการทํานา แม้จะเป็นความ จาํ เป็นสําหรบั บ้านเมืองในสมัยโบราณอย่างไร ถึงปัจจุบนั น้ีคงเป็นอยู่อย่างน้ัน เพราะการเกษตรซ่ึงมีการทํานา เป็นหลกั น้ัน เป็นส่ิงสําคัญแกช่ ีวิตความเป็น อยู่และการเศรษฐกิจของประเทศทุกสมัย

ส่ วนพิธีกรรมนอกเหนือจากการทําให้เป็นตัวอย่างตามท่ ีทรงจําแนก ไว้ ๓ อย่าง โดย ๒ อย่างแรกท่ีวา่ \"อาศั ยคําอธิษฐานเอาความสัตย์เป็นท่ีต้ัง บ้าง ทําการซ่ึง ไมม่ ีโทษนับว่าเป็นการสวัสดิมงคลตามซ่ึงมาในพระพุทธ ศาสนาบ้าง” น้ัน ทรงหมายถงึ พิธีพืชมงคลอันเป็นพิธีสงฆ์ท่ีกระทํา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ส่วนอีกอย่างหน่ึงท่ีว่า \"บูชาเซ่นสรวงตามท่ีมา ทางไสยศาสตร์บ้าง” น้ัน ทรงหมายถงึ พิธีจรดพระนังคัล แรกนาขวัญ อันเป็นพิธีพราหมณ์ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพิธีการเพ่ือความ เป็นสิริมงคลและบํารุงขวัญเกษตรกร กาํ หนดจดั ข้นึ ในเดือนหกของทุกปี ซ่ึงระยะน้ีเป็นระยะเหมาะสมท่ีจะเร่ิมต้นการทํานาอันเป็นอาชีพหลกั ของ ประชาชนคนไทย แต่ไมไ่ ด้กําหนดวันท่ีแน่นอนไว้เหมือนกบั วันในพระราช พิธีอ่ืน ส่วนจะเป็นวันใดในเดือนหกหรือเดือนพฤษภาคมท่ีมีฤกษ์ยามท่ี เหมาะสมต้องตามประเพณีกใ็ ห้จัดข้นึ ในวันน้ัน การจดั งานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ได้กระทํา เต็มรูปบูรพประเพณี คร้งั สุดท้ายในปี พ.ศ. ๒๔๗๙ เว้นไปจนกระท่ังในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ คณะรฐั มนตรีได้มีมติ ให้ฟ้ ืนฟูพระราชประเพณีน้ีข้นึ ใหม่ และได้กระทําติดต่อกนั มาทุกปีจนถงึ ปัจจุบัน ด้วยเห็นว่าเป็นการรกั ษา พระราชประเพณีอันดีงาม มีผลในการบํารุงขวัญและจติ ใจของคนไทย พระ บาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลท่ี ๙ ทรงมี พระราชกระแส ให้ปรบั ปรุงพิธีการบางอย่างให้เหมาะสมกบั ยุคสมัยและ เสด็จพระราชดําเนินมาเป็นองค์ประธานในพระราชพิธีน้ ีทุกปีสื บมา มิได้ขาดเม่ือได้มีการฟ้ ืนฟูพระราชประเพณีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ข้นึ มาในระยะแรกน้ัน พระยาแรกนา ได้แก่ อธิบดีกรมการขา้ วโดยตําแหน่ง สําหรับเทพีท้ังส่ีพิจารณาคัดเลือก จากภริยาขา้ ราชการช้ันผู้ใหญใ่ น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายหลังพระยาแรกนา ได้แก่ ปลัดกระทรวง เกษตรและสหกรณ์โดยตําแหน่ง ส่วนผู้ท่ีมาทําหน้าท่ีเป็นเทพีคู่หาบทอง และคู่หาบเงนิ น้ัน ได้ทําการพิจารณาคัดเลือกจากข้าราชการหญงิ โสด ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ท่ีมีตําแหน่งต้ังแต่ข้าราชการ พลเรือนสามัญช้ันโทข้นึ ไป

พระราชพิธีพืชมงคล เป็นพิธีทําขวัญพืชพันธ์ุธัญญาหารท่ีพระมหา กษัตรยิ ์ทรงอธิษฐานเพ่ือความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธ์ุธัญญาหารแหง่ ราชอาณาจักรไทย ขา้ วน้ันถือว่าเป็นอาหารหลกั ของประชาชนในภาษาบาลี เรียกวา่ ปุพพัณณะ หรือ บุพพัณณะ หรือ บุพพัณณชาติ ส่วนพืชอ่ืน ๆ ท่ีเป็นอาหารเรียกวา่ อปรณั ณ หรืออปรัณชาติ หมายถงึ พืชจาํ พวกถ่ัว งา เป็นต้น ถ้าเรียกควบท้ังสองอย่าง กเ็ รียกว่าบุพพัณณปรณั ณชาติ ท่ีหมายถงึ พืชท่ีเป็นอาหารทุกชนิด บุพพัณณปรัณณชาติ ท่ีนําเขา้ พระราชพิธีพืชมงคลน้ัน เป็นขา้ วเปลือก มีท้ังข้าวเจ้าและข้าวเหนียว นอกจากน้ีมีเมล็ดพืชต่าง ๆ รวม ๔๐ อย่าง แต่ละ อย่างบรรจุถุงผ้าขาว กับเผือกมันต่าง ๆ พันธ์ุพืชเหลา่ น้ีเป็นของปลูกงอกได้ ท้ังส้ิน นอกจากน้ียังมีข้าวเปลือกท่ีหว่านในพิธีแรกนาบรรจุกระเช้าทองคู่หน่ึง และเงนิ คู่หน่ึง เป็นขา้ วพันธุ์ดีท่ีโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ ม ให้ปลูกในโครงการ ส่วนพระองค์สวนจติ รลดารโหฐาน และพระราชทานมาเขา้ พระราชพิธีพืช มงคล พันธ์ุข้าวพระราชทานน้ีจะใช้หวา่ นในพระราชพิธีแรกนาส่วนหน่ึงและ อีกส่วนหน่ึงท่ีเหลือทางการจะบรรจุซอง แล้วส่งไปแจกจา่ ยแกช่ าวนาและ ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ให้เป็นม่ิงขวัญและเป็นสิริมงคลแกพ่ ืชผลท่ีจะ เพาะปลูกในปีน้ี อน่ึง นับต้ังแต่ปี พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นต้นมา คณะรัฐมนตรีได้ประชุม ปรึกษาลงมติให้วันพระราชพิธีพืชมงคลน้ี เป็นวันเกษตรกรประจาํ ปีอีกด้วย ท้ังน้ีเพ่ือให้ผู้มีอาชีพทางการเกษตรพึงระลกึ ถึงความสําคัญของการเกษตร และรว่ มมือกันประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เพ่ือเป็นสิรมิ งคลแกอ่ าชีพของตน ท้ังยังกอ่ ให้เกดิ ประโยชน์แกเ่ ศรษฐกิจ ของประเทศชาติ จงึ ได้จัดงานวันเกษตรกรควบคู่ไปกับงานพระราชพิธี พืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญตลอดมา

ท้ังน้ี ในปีพุทธศั กราช ๒๕๖๓ ประเทศไทยและนานาประเทศท่ัวโลก ต้องเผชิญกบั สถานการณ์การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรสั โคโรนา ๒๐๑๙ (Covid-๑๙) ซ่ึงมีมาตรการและข้อปฏบิ ตั ิทางสาธารณสุขหลาย ประการเพ่ือป้องกนั การแพรก่ ระจายของโรค ดังน้ัน กระทรวง เกษตรและสหกรณ์จงึ ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยงดการประกอบ พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีน้ี จากเดิมท่ ีสํ านักพระราชวังได้กําหนดให้ประกอบพระราชพิธีในวัน อาทิตย์ท่ี ๑๐ และวันจันทร์ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยขอพระราชทาน พระบรมราชานุญาตประกอบพิธี ปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ขา้ วพระราชทานและ พืชพันธ์ุต่าง ๆ ในวันอาทิตย์ท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยนําพันธุ์ข้าวทรง ปลูกพระราชทานในฤดูทํานาปี ๒๕๖๒ และพันธ์ุพืชต่าง ๆ มาเข้าประกอบ พิธี พร้อมท้ังพิธีหวา่ นหวา่ นขา้ วในแปลงนาทดลองสวนจิตรลดา ในวันจันทร์ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เพ่ือความเป็นสิริมงคลและสร้างขวัญกําลงั ใจแก่ เกษตรกรทุกสาขาท่ัวประเทศ

ประกาศพระราชพิธีพืชมงคล ประกาศพระราชพิธีพืชมงคลน้ัน เป็นคาถาภาษาบาลีพระราชนิพนธ์ ในรัชกาลท่ี ๔ อา่ นทํานองสรภัญญะ จบแล้วดําเนินความภาษาไทยเป็นคํา ร้อยแกว้ เน้ือความเป็นคําอธิษฐาน ๔ ขอ้ ดังน้ี ข้อ ๑ เป็นคํานมัสการสรรเสริญพระคุณพระพุทธเจา้ ว่าทรงดับทุกขไ์ ด้ มีพระหฤทัยคงท่ี ทรงปลูกธรรมให้งอกงามจํารูญแกบ่ รรดาสาวกพุทธเวไนย สืบๆ มา แม้วา่ โลกจะเรา่ ร้อนด้วยเพลิงกิเลส พระสัทธรรมอนั มีผลเป็นอมตะ กย็ ังงอกงามได้ด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์ บัดน้ีเราท้ังหลายบูชา พระพุทธเจา้ พระองค์น้ันกบั พระธรรมและพระสงฆ์ แล้วจะปลูกพืช คือ บุญ ในพระรตั นตรยั อนั เป็นเน้ือนาบุญอย่างดี พืชคือบุญน้ี เมล็ดผลเป็นญาณ ความรู้อนั เป็นเคร่ืองถา่ ยถอนทุกขใ์ นโลก สามารถส่งผลให้ได้ท้ังในปัจจุบัน และในกาลภายหน้าสืบๆ ไป ตามกาลอนั ควรจะให้ผลเป็นอุปการะ นานาประการ ขอให้พืชคือบุญท่ีเราหวา่ นแล้ว จงให้ผลตามความปรารถนา อน่ ึงขอให้ข้าวกล้าและบรรดาพืชผลท่ ีหว่านท่ ีเพาะปลูกลงในท่ ีน้ ันๆ ท่ัวราชอาณาเขต จงงอกงามจํารูญตามเวลา อย่าเสียหายโดยประการใดๆ ขอ้ ๒ ยกพระคาถาท่ีพระพุทธเจา้ ตรัสแสดงการทํานาของพระองค์แก่ พราหมณ์ชาวนาผู้หน่ึงวา่ \"ศรทั ธา-ความเช่ือเป็นพืชพันธุ์ขา้ วปลูกของเรา ตบะ-ความเพียร เผาบาป เป็นเมล็ดฝน ปัญญา-ความรอบรู้เป็นแอกและไถ หิริ-ความละอายใจ เป็นงอนไถ ใจเป็นเชือกชัก สติ-ความระลกึ ได้ เป็นผาล และปฎกั เราจะระวังกายระวังวาจาและสํารวมระวังในอาหาร ทําความซ่ือสัตย์ ให้เป็นท่อไขนา มีโสรจั จะ-ความสงบเสง่ยี มเป็นท่ีปลดไถ มีวิริยะ-ความเพียร เป็นแรงงานชักแอกไถ เป็นพาหนะนําไปสู่ท่ีอันเกษมจากเคร่ืองผูกพันท่ีไปไม่ กลับ ท่ีไปแล้วไมเ่ ศร้าโศก การไถของเราเช่นน้ี มีผลเป็นอมตะ มิรู้ตาย บุคคลมาประกอบการไถเช่นวา่ น้ีแล้ว ย่อมพ้นจากทุกขส์ ้ินทุกประการ” ดังน้ี มายกข้นึ เป็นคําอธิษฐานว่าท่ีพระพุทธเจา้ ตรสั น้ีเป็นความสัตย์จรงิ ด้วยอํานาจแหง่ ความสัตย์น้ี ขอให้ข้าวกล้าและพืชผลท่ีหวา่ นท่ีเพาะปลูก จงงอกงามท่ัวภูมิมณฑลอันเป็นราชอาณาเขต

ประกาศพระราชพิธีพืชมงคล ขอ้ ๓ ยกพระคาถาอนั เป็นภาษิตของพระเตมีย์โพธิสัตว์ ความว่า \"บุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายมิตรโคย่อมจํารูญพูนเกดิ แกเ่ ขา พืชท่ีหว่านในนาของ เขาย่อมงอกงามจาํ เริญ เขาย่อมได้รบั บรโิ ภคผลแหง่ พืชพันธ์ุท่ีหวา่ นแล้ว” และวา่ \"บุคคลผู้ไม่ประทุษร้ายมิตรอนั ศั ตรูหมู่อมิตรไมอ่ าจยายีได้ดุจไม้ไทร มีรากและย่านอนั งอกงามพายุไม่อาจพัดพานให้ล้มไปได้ฉันน้ัน” มาต้ังเป็น สัตยาธิษฐานวา่ ด้วยอํานาจสัจวาจาน้ี ขอให้ขา้ วกล้าและพืชผลท่ีหวา่ นเพาะ ปลูกในภูมิมณฑลท่ัวราชอาณาเขต จงงอกงามไพบูลย์ ขอ้ ๔ อ้างพระราชหฤทัยของพระเจา้ แผ่นดิน ซ่ึงทรงพระเมตตากรุณา แกป่ ระชาราษฎร ต้ังพระราชหฤทัยจะบํารุงให้อยู่เย็นเป็นสุขท่ัวหน้าเป็นความ สัตย์จรงิ ด้วยอํานาจความสัตย์น้ี ขอให้ข้าวกล้าและพืชผลงอกงามบรบิ ูรณ์ ท่ัวราชอาณาเขต ต่อจากน้ัน เป็นการกลา่ วถึงพระพุทธรูปศั กด์ิสิทธ์ิท่ีเรียกว่า “พระ คัณธาราษฎร์” ท่ีมีพุทธานุภาพบนั ดาลให้ฝนตก อันเป็นพระพุทธรูปท่ีสําคัญ ในพระราชพิธีน้ี แสดงตํานานโดยลาํ ดับจนรชั กาลท่ี ๑ ได้ทอดพระเนตร และ ได้โปรดให้หลอ่ ข้นึ ใหม่สําหรบั ต้ังในพระราชพิธี และต่อน้ันไปว่าด้วยการ พระราชกุศลท่ีทรงบําเพ็ญในพระราชพิธีน้ัน ทรงพระราชอุทิศแกเ่ ทพยดา ท้ังปวง แล้วอธิษฐานเพ่ือให้ขา้ วปลาอาหารอุดมสมบูรณ์ และฝนตกตาม ฤดูกาล พระสงฆ์จะสวดต่อท้ายการสวดมนต์ในพระราชพิธีพืชมงคล ส่วนพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ (วันไถหวา่ น) เป็นพิธี พราหมณ์น้ันจะได้ประกอบพิธีบริเวณมณฑลพิธีสนามหลวงโดยได้ต้ังโรงพิธี ประดิษฐานเทวรูปสําคัญ อาทิ พระอิศวร พระพรหม พระนารายณ์ พระอุมา ภควดี พระมหาวิฆเนศวร์ พระลกั ษมี พระพลเทพ และพระโคอุศุภราช ซ่ึงใน ตอนคาพระมหาราชครูจะทําพิธีบวงสรวงเพ่ือความสวัสดีแกพ่ ืชผลด้วย พิธีปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทาน

การประกอบพิธี พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จัดข้นึ เป็นงานเฉพาะ เพ่ือสร้างความเป็นสิริมงคลแกก่ ารผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารของประเทศไทย มุ่งหมายบาํ รุงขวัญให้กาํ ลังใจแกเ่ กษตรกรของชาติ เม่ือย่างเข้าสู่ต้นฤดูกาล เพาะปลูกทุกปีนับต้ังแต่โบราณจวบจนปัจจุบัน พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญเป็นพระราชพิธี ๒ พิธีรวมกันคือ พระราชพิธีพืชมงคลอนั เป็นพิธีสงฆ์ ประกอบพระราชพิธีวัน แรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และพระราชพิธีจรดพระนังคัล แรกนาขวัญ (พิธีไถหว่าน) อันเป็นพิธีพราหมณ์ ซ่ึงจะประกอบพระราชพิธี ในวันรุง่ ข้นึ ณ มณฑลพิธีสนามหลวง ในการน้ี พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หวั ทรงพระกรุณาโปรดอาราธนา ให้สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อมั พร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จไปทรงเป็นประธานในการประกอบพิธีปลุกเสก เมล็ดพันธ์ุขา้ วพระราชทานและพืชพันธุ์ต่าง ๆ พร้อมท้ังพระมหาราชครู พิธีศรีวิสุทธิคุณ เป็นประธานฝ่ายพราหมณ์ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรตั น ศาสดารามในพระบรมมหาราชวัง ในวันอาทิตย์ท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ โดยพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระคันธารราษฎร์ใหญ่ (ประทับน่ัง) และพระคันธารราษฎร์จนี (ประทับน่ัง) ท่ีประดิษฐาน ณ หอพระ คันธารราษฎร์ วัดพระศรีรตั นศาสดาราม ไปประดิษฐานเป็นพระพุทธรูป ประธานในพิธี ปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ข้าวพระราชทานและพืชพันธุ์ต่าง ๆ พร้อมท้ังทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธาน องคมนตรี ปฏิบัติหน้าท่ีประธานฝ่ายฆราวาสในพิธีปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ ข้าวพระราชทานและพืชพันธุ์ต่าง ๆ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดา ราม ในวันอาทิตย์ท่ี ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๗.๐๐ น. และปฏบิ ตั ิหน้าท่ี ประธานในพิธีหวา่ นข้าวในแปลงนาทดลองสวนจติ รลดาในวันจนั ทร์ท่ี ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๐.๐๐ น. โดยมีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายอนันต์ สุวรรณรัตน์) เป็นผู้หว่านข้าว เพ่ือเป็นเมล็ดพันธ์ุสําหรับ การประกอบพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปี พุทธศั กราช ๒๕๖๔

พระโคแรกนา พระโค ในทางศาสนาพรามหณ์ หมายถึง เทวดาผู้ทําหน้าท่ีเป็นพาหนะ ของพระอิศวรซ่ึงเปรียบได้กบั การใช้แรงงานและความเขม้ แข็ง และเป็นสัตว์ เล้ียงท่ีพระกฤษณะและพระพลเทพดูแลซ่ึงเปรียบได้กบั ความอุดมสมบูรณ์ ดังน้ัน ในการประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ จงึ ได้กาํ หนดให้ ใช้พระโคเพศผู้เข้ารว่ มพระราชพิธีเสมอมาต้ังแต่รัชกาลท่ี ๑ เพ่ือเป็นตัวแทน ของความเขม้ แขง็ และความอุดมสมบูรณ์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้กรมปศุสั ตว์เป็นหน่วย งานดําเนินการคัดเลือกโคเพ่ือเป็นพระโคตามหลกั เกณฑ์ กลา่ วคือ จะต้อง เป็นโคท่ีมีลักษณะดี รูปรา่ งสมบูรณ์ มีความสูงไมน่ ้อยกว่า ๑๕๐ เซนติเมตร ความยาวลาํ ตัวไม่น้อยกว่า ๑๒๐ เซนติเมตร ความสมบูรณ์รอบอกไม่น้อย กว่า ๑๘๐ เซนติเมตร โคท้ังคู่จะต้องมีสีเดียวกัน ผิวสวย ขนเป็นมัน กริ ยิ า มารยาทเรียบร้อย ฝึกงา่ ย สอนงา่ ยไมด่ ุร้าย เขาลกั ษณะโค้งสวยงามเท่ากนั ตาแจม่ ใส หูไม่มีตําหนิ หางยาวสวยงามดี มีขวัญหน้า ขวัญทัดดอกไม้ซ้าย ขวา และขวัญหลังถูกต้อง มีขาและกีบขอ้ เท้าแข็งแรง มองดูด้านขา้ งลาํ ตัว จะเป็นส่ ี เหล่ ียม ในปี ๒๕๖๓ กรมปศุสัตว์ ได้ทําการคัดเลือกพระโคแรกนาขวัญ จํานวน ๒ คู่ คือ พระโคแรกนาขวัญ ๑ คู่ ได้แก่ พระโคพอ พระโคเพียง พระโคสํารอง ๑ คู่ ได้แก่ พระโคเพ่ิม พระโคพูล

พระโคแรกนาขวัญ พระโคพอ มีความสูง ๑๖๕ เซนติเมตร ความยาวลําตัว ๒๒๓ เซนติเมตร ความสมบูรณ์ รอบอก ๒๑๓ เซนติเมตร อายุ ๘ ปี พระโคเพียง มีความสูง ๑๖๙ เซนติเมตร ความยาวลําตัว ๒๓๘ เซนติเมตร ความสมบูรณ์ รอบอก ๒๐๕ เซนติเมตร อายุ ๘ ปี นายสมชาย ดําทะมิส บรจิ าคทรพั ย์ซ้ือพระโคพอ แล้วมอบให้ กรมปศุสัตว์ นําน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ใช้เป็นพระโคแรกนาขวัญ ประจําปีพุทธศั กราช ๒๕๖๓ นายอาคม วัฒนากูล บรจิ าคทรัพย์ซ้ือพระโคเพียง แล้วมอบให้ กรมปศุสัตว์ นําน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช ใช้เป็นพระโคแรกนาขวัญ ประจาํ ปีพุทธศั กราช ๒๕๖๓

พระโคสํ ารอง พระโคเพ่ิม มีความสูง ๑๕๙ เซนติเมตร ความยาวลําตัว ๒๓๐ เซนติเมตร ความสมบูรณ์ รอบอก ๒๐๑ เซนติเมตร อายุ ๑๐ ปี พระโคพูล มีความสูง ๑๕๗ เซนติเมตร ความยาวลําตัว ๒๓๘ เซนติเมตร ความสมบูรณ์ รอบอก ๒๐๕ เซนติเมตร อายุ ๑๐ ปี นายทฤษดี ชาวสวนเจริญ อดีตอธิบดีกรมปศุสัตว์บริจาคทรัพย์ ซ้ือพระโคเพ่ิม แล้วมอบให้ กรมปศุสัตว์ นําน้อมเกล้าฯ ถวายพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใช้เป็นพระโคสํารอง ประจําปีพุทธศั กราช ๒๕๖๓ นายวิจารณ์ ภุกพิบูลย์ มอบพระโคพูลให้กรมปศุสัตว์ ได้นําน้อม เกล้าฯ ถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ใช้เป็น พระโคสํารองประจาํ ปีพุทธศั กราช ๒๕๖๓

พระโคแรกนาขวัญ และพระโคสํารอง ประจาํ ปีพุทธศั กราช ๒๕๖๓ เป็นโคพันธ์ุขาวลําพูน มีสีผิวขาวอมชมพู ขนสีขาวสะอาด ท้ังลําตัวไม่มีจุด ด่างดํา หรือสีอ่ืนบนลาํ ตัว เขามีสีขาว ลําตัวเป็นลําเทียน เขาท้ังสองขา้ งมี ลักษณะโค้งสวยงาม ดวงตาแจม่ ใสสีนาตาลออ่ น ขนตาสีชมพู บริเวณจมูก ขาว กีบสีขาว ขนหางเป็นพวงสีขาวยาว ลําตัวช่วงขาหลงั และกบี มีความ สมบูรณ์แขง็ แรง เวลายืนและเดินสงา่ ประวัติโคขาวลาํ พูน โคขาวลําพูนเป็นโคพ้ืนเมืองสําหรับใช้งานด้ังเดิม ท่ีพบกันมากในอาํ เภอ ต่างๆ ของจงั หวัดลาํ พูนและเชียงใหม่ และแพรก่ ระจายไปยังอําเภอต่างๆ ของ จงั หวัดลาํ ปาง พะเยา และเชียงราย ท่ีอยู่ใกล้กบั จังหวัดลําพูนและเชียงใหม่ มีลักษณะท่ีโดดเด่นคือมีรูปรา่ งสูงใหญ่ สูงโปรง่ ลาํ ตัวมีสีขาวตลอด พู่หาง ขาว หนังสีชมพูส้ม จมูกสีชมพูส้ม เน้ือเขาเน้ือกบี สีนาตาลส้ม จากลกั ษณะ เด่นเป็นสงา่ ดังกลา่ ว จงึ ได้ถูกคัดเลือกให้เป็นพระโคในพระราชพิธี จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ความเป็นมาของโคขาวลาํ พูนน้ัน ยังไม่มีผู้ใดศึ กษาไว้อย่างจริงจงั และยัง ไม่ทราบแน่นอนถงึ ถ่ินกําเนิดท่ีแท้จริง อยู่ท่ีใดและมีมาแล้วต้ังแต่เม่ือใด ท่ีเร่ิมรู้จกั กันน้ันมีความเป็นมาจากการท่ีภาควิชาสัตวบาล มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ได้รเิ ร่ิมเล้ียงฝูงโคขาว ต้ังแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ แทนฝูงโคเน้ือลูกผสม พันธุ์ต่างประเทศ เพ่ือหาทางศึ กษาช้ีนําให้มีการอนุรักษ์และปรับปรุงพันธ์ุ

โคขาวลําพูนเป็นโคพ้ืนเมืองท่ีเกิดจากฝีมือและผลงานของชาวบ้านใน จงั หวัดลําพูน มีการพัฒนาสายพันธุ์มานานกวา่ ๑๐๐ ปี เล้ียงกนั แพรห่ ลาย ในจังหวัดลําพูนและเชียงใหม่ แล้วแพรก่ ระจายไปยังจังหวัดลาํ ปาง พะเยา เชียงราย เกดิ ข้นึ มาได้อย่างไรไมม่ ีหลกั ฐานแน่ชัด บางท่านเลา่ วา่ เกดิ จาก การกลายพันธุ์ของโคพ้ืนเมืองในสมัยพระนางจามเทวี ผู้ครองนครหริ ภุญไชยพระองค์แรก เม่ือ ๑,๓๔๐ กว่าปีมาแล้ว และเป็นสัตว์คู่บารมีของชน ช้ันปกครอง ในสมัยน้ัน ใช้ลากเกวียน แต่หริภุญไชยกล็ ม่ สลายต้ังแต่คร้ังเม่ือ พ่อขุนเม็งรายมหาราชยึดครอง อีกท้ังเป็นเมืองร้าง สมัยพมา่ ครองเมือง ช่วงกรุงศรีอยุธยาแตกคร้งั ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๓๑๐ ในตําราฝร่ังบางเลม่ กลา่ ววา่ ต้นตระกูลของโคพ้ืนเมืองในภาคพ้ืนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าจะเป็นโคยุโรป ท่ีไม่มีหนอก ซ่ึงต่อมาถูกผสมขา้ มโดยโคอนิ เดียท่ีมีหนอก เพราะโคใน ภูมิภาคน้ีส่วนใหญม่ ีลักษณะของท้ังโคยุโรปและโคอินเดียรวมกัน คือมีเหนียง คอส้ัน หน้าผากแบน และหูเล็กแบบโคยุโรป มีหนอกแบบโคอนิ เดีย โคขาวลาํ พูนมีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีสีขาวปลอดท้ังตัว ซ่ึงแตกต่าง จากโคสีขาวพันธุ์อ่ืน ๆ ท่ีปาก จมูก ขอบตา กบี เขา และพู่หางสีดํา แต่โคขาว ลาํ พูนจะเป็นสีขาวท้ังหมด และไมใ่ ช่โคเผือกเพราะตาดําไม่เป็นสีชมพู เน่ืองจากมีลาํ ตัวสีขาวจงึ ทําให้ทนความร้อนจากแสงแดดได้ดีเป็นพิเศษ โคขาว ลําพูนนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและสั งคมเกษตรกรรมของบรรพบุรุ ษชาว ล้านนา ดังน้ัน เราไมค่ วรปลอ่ ยปละละเลยให้สูญพันธุ์ไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตามคติของศาสนาพราหมณ์ ตามตํานานกลา่ วว่าโคอุสุภราชเผือกผู้มี นามวา่ พระนนทิ ถือกนั วา่ เป็นเทพเจา้ แหง่ สัตว์จตั ุบาท พระนนทิ จะแปลงรูป เป็นโคให้พระอศิ วรทรง ซ่ึงความเช่ือน้ีคนอินเดียจงึ ไมท่ านเน้ือโค จงึ มีโคเยอะ มากในประเทศอนิ เดีย ไทยเรารบั ความเช่ือของพราหมณ์มา ดังน้ัน ในการ ประกอบพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เร่มิ ต้ังแต่รชั กาลท่ี ๑ ราชวงศ์ จกั รี ได้กําหนดให้มีพระโคเพศผู้เขา้ รว่ มในพระราชพิธีน้ี

คันไถ คันไถท่ีใช้ในพระราชพิธีพืชมงคล จรดพระนังคัลแรกนาขวัญ น้อมเกล้าน้อม กระหมอ่ มสร้างถวาย พระบาทสมเด็จพระ บรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช มหาราช บรมนาถบพิตร เพ่ือใช้ในพระราช พิธีดังกลา่ วตลอดมาน้ัน สร้างเม่ือปี พ.ศ. ๒๕๓๙ โดยกลุม่ เกษตรกรผู้เล้ียงโคนม หนองโพ อาํ เภอ โพธาราม จังหวัดราชบุรี เป็นคันไถท่ีทําจากไม้สมอ ซ่ึงชุดคันไถ ประกอบด้วย ๑. คันไถ ขนาดความสูงวัดจากพ้ืนถงึ เศี ยรนาค ๒.๒๖ เมตร และ ความ ยาวจากเศี ยรนาคถงึ ปลายไถ ๖.๕๙ เมตร ทาสีแดงชาดตลอดคันไถ ท่ีหวั คัน ไถทําเป็นเศี ยรพญานาคลงลกั ปิดทอง ลวดลายประดับคันไถเป็นลายกระจัง ตาอ้อยลงลกั ปิดทองตลอดคัน ปลายไถหุ้มผ้าขาวขลบิ ทองสําหรับมือจบั ๒. แอกเทียมพระโค ยาว ๑.๔๕ เมตร ตรงกลางแอกประดับด้วยรูป ครุฑยุดนาคหลอ่ ด้วยทองเหลืองลงลกั ปิดทองอยู่บนฐานบวั ปลายแอกท้ังสอง ด้านแกะสลักเป็นรูปเศี ยรพญานาคลงลักปิดทอง ลวดลายประดับเป็นลาย กระจังตาอ้อยลงลักปิดทองตลอดคัน ท่ีปลายแอกแต่ละด้านมีลูกแอกท้ังสอง ด้านสําหรบั เทียมพระโคพร้อมเชือกกระทาม ๓. ฐานรอง เป็นท่ีสําหรับต้ังรองรับคันไถพร้อมแอก ทําด้วยไม้เน้ือแข็ง ทาด้วยสีแดงชาด มีลวดลายประดับเป็นลายกระจังตาอ้อยลงลกั ปิดทอง ท้ัง ด้านหวั ไถและปลายไถ ๔. ธงสามชาย เป็นธงประดับคันไถติดต้ังอยู่บนเศี ยรนาค ทําด้วย กระดาษและผ้าสักหลาด เขยี นลวดลายลงลักปิดทองประดับด้วยกระจกแวว มีพู่สีขาวประดับด้านบนเป็นเคร่ืองสูงชนิดหน่ึงเพ่ือประดับพระเกยี รติ ธงสาม ชายมีลักษณะเป็นรูปสามเหล่ียม ฐานยาว ๔๑ เซนติเมตร สูง ๕๐ เซนติเมตร และเสาธงยาว ๗๒ เซนติเมตร

สัตยาธิษฐาน การเส่ียงทาย การต้ ังสั ตยาธิษฐานหยิบผ้านุ่งแต่ง การเส่ียงทายของกิน ๗ ส่ิง กาย (การเส่ียงทายผ้านุ่ง) ของกิน ๗ ส่ิงท่ีต้ังเล้ียงพระโค \"ผ้านุ่งแต่งกาย” ผ้านุ่งซ่ึง น้ันมี ขา้ วเปลือก ข้าวโพด พระยาแรกนาต้ ังสั ตยาธิษฐานหยิบ ถ่วั เขียว งา เหล้า นา และหญ้า น้ัน เป็นผ้าลาย มีด้วยกัน ๓ ผืน ถ้าพระโคกินส่ ิ งใดก็จะมีคําทํานาย คือ หกคืบ ห้าคืบ และส่ีคืบ ผ้านุ่ง ไปตามน้ันคือ น้ีจะวางเรียงบนโตกมีผ้าคลุม เพ่ือให้พระยา แรกนาขวัญหยิบ ถ้าพระโคกินข้าว หรือ ถ้าหยิบได้ผืนใดกจ็ ะมีคําทํานายไป ขา้ วโพด พยากรณ์ว่า ตามกันคือ ธัญญาหาร ผลาหาร จะบรบิ ูรณ์ดี ถ้าหยิบผ้าได้ ๔ คืบ ถ้าพระโคกนิ ถ่วั หรือ งา พยากรณ์ว่า นาจะมากสักหน่อย พยากรณ์ว่า ผลาหาร ภกั ษาหาร นาในท่ีดอนจะได้ผลบรบิ ูรณ์ดี จะอุดมสมบูรณ์ดี นาในท่ีลุม่ อาจจะเสียหายบ้าง ได้ผลไมเ่ ต็มท่ี ถ้าพระโคกนิ นา หรือหญ้า พยากรณ์ว่า นาท่าจะบริบูรณ์ ถ้าหยิบได้ผ้า ๕ คืบ พอสมควร ธัญญาหาร ผลาหาร พยากรณ์วา่ นาในปีน้ีจะมีปริมาณ ภักษาหาร มังสาหารจะอุดม พอดี ขา้ วกล้าในนาจะได้ผล สมบูรณ์ บริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี ถ้าพระโคกิน เหล้า พยากรณ์วา่ การคมนาคม ถ้าหยิบได้ผ้า ๖ คืบ จะสะดวกข้นึ การค้าขายกบั ต่าง พยากรณ์วา่ นาจะน้อย นาในท่ีลุม่ ประเทศดีข้นึ ทําให้เศรษฐกิจ จะได้ผลบรบิ ูรณ์ดี แต่นาในท่ีดอน รุง่ เรือง จะเสียหายบ้าง ได้ผลไม่เต็มท่ี

พันธุ์ขา้ ว บญั ชีรายช่ือพันธ์ุข้าวและนาหนัก ฤดูนาปี ๒๕๖๒ โครงการนาทดลอง ในโครงการส่วนพระองค์สวนจติ รลดา ท่ีนําเขา้ ในพิธีปลุกเสกเมล็ดพันธุ์ขา้ วพระ ราชทานและพืชพันธ์ุต่าง ๆ สําหรับปี ๒๕๖๓ น้ี กรมการขา้ วได้ดําเนินการขอพระราชทานพระบรม ราชานุญาตนําพันธ์ุข้าวท้ังหมด ๕ พันธ์ุ รวมนาหนักเมล็ดพันธ์ุขา้ วท้ังส้ิน ๑,๔๕๘ กิโลกรมั จัดส่งให้สํานักเมล็ดพันธ์ุข้าวกรมการข้าว จดั เป็น “พันธ์ุข้าว ทรงปลูกพระราชทาน” และบรรจุในซองพลาสติกแจกจา่ ยเพ่ือเป็นม่ิงขวัญและ สิรมิ งคลในการประกอบอาชีพการเกษตรตามประเพณีนิยม เพ่ือให้เป็นไปตาม พระราชประสงค์สื บไป ข้าวนาสวน ลําดับ พันธ์ุขา้ ว นาหนัก (กโิ ลกรัม) ๑ ๒ ขาวดอกมะลิ ๑๐๕ ๕๑๔ ๓ ๔ ปทุมธานี ๑ ๒๐๐ ๕ กข ๗๙ ๔๘๙ กข ๔๓ ๒๐๐ กข ๖ ๕๕ รวม ๑,๔๕๘ แหลง่ ข้อมูลอ้างอิง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. ๒๕๖๓. พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ. สืบค้นเม่ือวันท่ี ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ จาก https://www.moac.go.th/royal_ploughing-home.

ขาวพนั ธุ ขาวดอกมะลิ๑๐๕ (KhaoDawk Mali ๑๐๕) ชอ่ื พันธุ ขาวดอกมะลิ ๑๐๕ (KhaoDawk Mali ๑๐๕) ชนดิ ขาวเจา หอม ประวัติพนั ธุ ไดมาโดยนายสุนทร สีหะเนิน เจาพนักงานขาว รวบรวมจากอำเภอบางคลา จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๓-๒๔๙๔ จำนวน ๑๙๙ รวง แลวนำไป คัดเลือกแบบคัดพันธุบริสุทธ์ิ (Pure Line Selection) และปลูกเปรียบเทียบ พั น ธุ ที่ ส ถ า นี ท ด ล อ ง ข า ว โ ค ก ส ำ โ ร ง แ ล ว ป ลู ก เป รี ย บ เที ย บ พั น ธุ ท อ ง ถิ่ น ในภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือจนไดสายพันธุขาวดอกมะลิ ๔-๒-๑๐๕ ซ่ึงเลข ๔ หมายถึง สถานท่ีเก็บรวงขาว คืออำเภอบางคลา เลข ๒ หมายถึงพันธุทดสอบท่ี ๒ คือ ขาวดอกมะลิ และเลข ๑๐๕ หมายถึง แถวหรอื รวงที่ ๑๐๕ จากจำนวน ๑๙๙ รวง การรบั รองพันธุ คณะกรรมการการพิจารณาพันธุ ใหใชขยายพันธุเปนพันธุรับรอง เม่ือวันท่ี ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๐๒ ลักษณะประจำพันธุ - เปนขา วเจา สูงประมาณ 140 เซนตเิ มตร - ไวตอ ชว งแสง - ลำตนสีเขียวจาง ใบสีเขียวยาวคอนขางแคบ ฟางออน ใบธงทำมุมกับคอรวง เมลด็ ขาวรปู รางเรียวยาว - ขาวเปลอื กสีฟาง - อายเุ กบ็ เก่ียว ประมาณ 25 พฤศจิกายน - เมล็ดขา วเปลอื ก ยาว x กวา ง x หนา = 10.6 x 2.5 x 1.9 มิลลิเมตร - เมล็ดขา วกลอง ยาว x กวาง x หนา = 7.5 x 2.1 x 1..8 มลิ ลิเมตร - ปรมิ าณอมิโลส 12-17 % - คณุ ภาพขา วสุก นมุ มีกล่ินหอม ผลผลติ ประมาณ 363 กโิ ลกรมั ตอไร ลักษณะเดน - ทนแลงไดดีพอสมควร - เมล็ดขาวสารใส แกรง คณุ ภาพการสดี ี - คุณภาพการหงุ ตมดี ออนนุม มีกลน่ิ หอม - ทนตอ สภาพดนิ เปร้ยี ว และดนิ เคม็ ขอควรระวัง - ไมตานทานโรคใบสีสม โรคขอบใบแหง โรคไหม และโรคใบหงกิ - ไมต านทานเพลี้ยกระโดดสีนำ้ ตาล เพล้ียจักจั่นสเี ขยี ว และหนอนก พ้นื ทแ่ี นะนำ ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื และภาคเหนอื ตอนบน

พันธุขาว ปทุมธานี๑ (PathumThani๑) ชื่อพันธุ ปทมุ ธานี ๑ (PathumThani๑) ชนดิ ขาวเจา คผู สม BKNA๖-๑๘-๓-๒ / PTT๘๕๐๖๑-๘๖-๓-๒-๑ ประวตั พิ ันธุ ไดจากการผสมพันธุระหวางสายพันธุ BKNA๖-๑๘-๓-๒ กับสายพันธุ PTT๘๕๐๖๑- ๘๖-๓-๒-๑ ท่ีศูนยวิจัยขาวปทุมธานี ในป พ.ศ. ๒๕๓๓ ปลูกคัดเลือกจนได สายพนั ธุ PTT๙๐๐๗๑-๙๘-๑-๑ การรบั รองพันธุ คณะกรรมการวิจัยและพัฒนากรมวิชาการเกษตร มีมติใหเปนพันธุรับรอง เม่อื วันท่ี ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๔๓ ลักษณะประจำพันธุ - เปน ขาวเจา สงู ประมาณ 104-133 เซนติเมตร - ไมไวตอชว งแสง - อายุเก็บเกีย่ ว ประมาณ 104-126 วนั - ทรงกอต้ัง ใบสีเขียวมีขน กาบใบและปลองสีเขียว ใบธงยาว ทำมมุ 45o กับคอรวง รวงอยใู ตใบธง - เมลด็ ขาวเปลอื กสฟี าง มขี น มีหางเลก็ นอ ย - ระยะพักตวั ของเมลด็ ประมาณ 3-4 สปั ดาห - เมลด็ ขา วเปลอื ก ยาว x กวาง x หนา = 10.5 x 2.4 x 1.9 มลิ ลเิ มตร - เมลด็ ขา วกลอ ง ยาว x กวา ง x หนา = 7.6 x 2.1 x 1.7 มิลลเิ มตร - ปริมาณอมิโลส 15-19 % - คณุ ภาพขา วสุก นมุ เหนียว มกี ล่ินหอมออน ผลผลิต ประมาณ ๖๕๐-๗๗๔ กิโลกรมั ตอ ไร ลกั ษณะเดน - ผลผลติ สูง - คณุ ภาพเมลด็ คลา ยพนั ธขุ าวดอกมะลิ ๑๐๕ - ตา นทานเพลย้ี กระโดดสนี ้ำตาล และเพลี้ยกระโดดหลังขาว - ตา นทานโรคไหม และโรคขอบใบแหง ขอควรระวัง คอนขางออนแอเพลย้ี จกั จ่นั สีเขยี ว โรคใบหงกิ และโรคใบสสี ม พื้นทแ่ี นะนำ เขตชลประทานในภาคกลาง

พนั ธขุ าว กข79 ช่ือพันธุ กข79 ชนดิ ขา วเจา คผู สม พันธุผสมระหวาง PSL00034-37-3-1-3 กับ PSBRc20 ไดสายพันธุ CNT07018- 26-1-1-1 การรบั รองพันธุ คณะกรรมการพิจารณาพันธุ กรมการขาว มีมติรับรองพันธุ ช่ือ กข79 เมื่อวันท่ี 21 กมุ ภาพนั ธ 2562 ลักษณะประจำพนั ธุ - ขาวเจาไมไ วตอชว งแสง - ตน สูงประมาณ 102 เซนตเิ มตร - อายุเกบ็ เกี่ยวประมาณ 113-118 วนั - ทรงกอต้ัง ลำตนแข็ง ใบสเี ขยี ว ใบธงต้ัง คอรวงโผลเลก็ นอ ย - ขนาดเมล็ดขางกลอง 7.74x2.16x1.80 มลิ ลิเมตร - ระยะพกั ตวั 6 สปั ดาห - อมโิ ลส 16.82% - คณุ ภาพขา วสกุ นุม ไมหอม ผลผลิต ประมาณ 809 กโิ ลกรัมตอ ไร ลกั ษณะเดน - เปน ขาวอมิโลสต่ำ ขา วสกุ นมุ - ผลผลติ สูง ศกั ยภาพใหผ ลผลิตสูงถึง 1,182 กโิ ลกรมั ตอไร - คอนขางตา นทานโรคเพลย้ี กระโดดสนี ำ้ ตาลและโรคไหม ขอควรระวัง ไมตานทานโรคขอบใบแหง พ้นื ทแ่ี นะนำ พนื้ ท่นี าชลประทาน

พันธขุ า ว กข๔3 (RD๔3) ชื่อพันธุ กข๔3 (RD๔3) ชนิด ขาวเจา คผู สม ไดจ ากการผสมเดยี่ วระหวางพันธขุ าวเจา หอมสุพรรณบุรี และพนั ธสุ พุ รรณบรุ ี 1 ประวตั พิ ันธุ ไดจากการผสมเดี่ยวระหวางพันธุขาวเจาหอมสพุ รรณบุรี และพันธุสุพรรณบรุ ี 1 ที่ศูนยวิจัยขาวสุพรรณบุรี ในฤดูนาปรัง พ.ศ.2542 และปลูกคัดเลือกช่ัวที่ 2-7 จนไดสายพันธุ SPR99007-22-1-2-2-1 ปลูกทดสอบผลผลิตในสถานี ระหวางสถานี ในนาราษฎร ทดสอบความตานทานตอโรคและแมลงศัตรูขาว การรบั รองพนั ธุ คณะกรรมการพิจารณาพันธุ กรมการขาว มีมติรับรองพันธุ ช่ือ กข43 เพื่อแนะนำ ใหเกษตรกรปลกู เมื่อวันท่ี 17 กันยายน 2552 ลกั ษณะประจำพันธุ - ความสูงประมาณ 103 เซนติเมตร - ไมไวตอ ชวงแสง - ทรงกอตัง้ ตนคอ นขา งแข็ง ใบสีเขยี วจาก ใบธงเอนปานกลาง - เมล็ดขาวเปลอื กสฟี าง ขาวกลอ งสีขาว รูปรางเรียว - เมล็ดขา วเปลือก ยาว x กวาง x หนา = 10.9 x 2.6 x 2.1 มิลลเิ มตร - เมล็ดขา วกลอ ง ยาว x กวา ง x หนา = 7.5 x 2.1 x 1.8 มลิ ลิเมตร - ปรมิ าณอมิโลสสูง (18.82%) - คณุ ภาพของเมล็ดทางการหุงตมรบั ประทานดี ขา วสกุ นุมเหนยี ว มกี ล่ินหอมออ น - ระยะพักตัวของเมลด็ พันธปุ ระมาณ 5 สัปดาห ผลผลิต ประมาณ 561 กโิ ลกรมั ตอไร ลักษณะเดน - อายุการเกบ็ เกยี่ วส้นั 95 วัน เมอ่ื ปลูกโดยวิธีหวา นนำ้ ตม - คุณภาพของเมล็ดทางการหุงตม รับประทาน ดี ขา วสกุ นุม มกี ล่ินหอมออน - คอนขา งตา นทานตอ โรคไหมแ ละเพลีย้ กระโดดสีน้ำตาล ขอ ควรระวงั เนื่องจากอายุเก็บเกี่ยวสั้น ไมควรปลูกรวมกับขาวที่มีอายุตางกันมากอาจจะเสียหาย จากการทำลายของนกและหนูได ขาวพันธุน้ีมีลำตนเล็กการใสปุยอัตราสูง อาจทำใหข าวลมไดแ ละขาวพนั ธุน ้อี อนแอตอโรคไหมที่พษิ ณโุ ลก พนื้ ทแี่ นะนำ พ้ืนท่ีนาชลประทาน พ้ืนที่ท่ีมีน้ำทวมขังเปนเวลานานและเกษตรกรมีชวงเวลา ในการทำนานอยกวาพ้ืนที่ปลูกขาวอื่น ๆ และ/หรือพื้นที่ที่มีปญหาขาววัชพืช ระบาด

พนั ธุขาว กข๖ (RD๖) ช่ือพนั ธุ กข๖ (RD ๖) ชนิด ขา วเหนยี ว ประวัตพิ นั ธุ ไดจากการปรับปรุงพันธุ โดยการใชรังสีชักนำใหเกิดการกลายพันธุ โดยใชรังสี แกมมาปริมาณ 20 กิโลแรด อาบเมล็ดพันธุขาวขาวดอกมะลิ 105 แลวนำมาปลกู คัดเลือกท่ีสถานีทดลองขาวบางเขนและสถานีทดลองขาวพิมาย จากการคัดเลือกไดขาวเหนียวหลายสายพันธุในขาวชว่ั ที่ 2 นำไปปลูกคัดเลือก จนอยูตัวไดสายพันธุท่ีใหผลผลิตสูงสุดคือ สายพันธุ KDML105´65-G2U-68-254 นบั วาเปนขาวพันธุดีพันธแุ รกของประเทศไทย ท่ีคนควาไดโดยใชวิธีชักนำพันธพุ ืช ใหเปล่ยี นกรรมพนั ธโุ ดยใชร งั สี การรบั รองพันธุ คณะกรรมการวิจัยและพัฒนากรมวิชาการเกษตร มีมติใหเปนพันธุรับรอง เมื่อวนั ที่ 4 พฤษภาคม 2520 ลกั ษณะประจำพันธุ - เปน ขาวเหนยี ว สงู ประมาณ 154 เซนติเมตร - ไวตอ ชวงแสง - ทรงกอกระจายเล็กนอย ใบยาวสเี ขียวเขม ใบธงตัง้ เมล็ดยาวเรยี ว - เมลด็ ขา วเปลอื กสนี ำ้ ตาล - อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 21 พฤศจกิ ายน - ระยะพักตวั ของเมลด็ ประมาณ 5 สัปดาห - เมล็ดขา วเปลอื ก ยาว x กวา ง x หนา = 9.9 x 2.7 x 2.0 มิลลิเมตร - เมล็ดขาวกลอ ง ยาว x กวาง x หนา = 7.2 x 2.2 x 1.7 มลิ ลเิ มตร - คุณภาพขา วสุก เหนยี วนุม มกี ลนิ่ หอม ผลผลิต ประมาณ 666 กิโลกรัมตอ ไร ลักษณะเดน - ใหผ ลผลติ สูงและทนแลง ดกี วา พันธเุ หนียวสนั ปา ตอง - คณุ ภาพการหงุ ตม ดี มกี ลน่ิ หอม - ลำตนแข็งปานกลาง - ตานทานโรคใบจดุ สนี ้ำตาล - คุณภาพการสดี ี ขอควรระวัง - ไมต านทานโรคขอบใบแหง และโรคใบไหม - ไมตานทานเพลยี้ กระโดดสนี ้ำตาลและแมลงบวั่ พื้นทีแ่ นะนำ ภาคเหนอื และภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ

คณะผู้จดั ทํา ท่ีปรึกษา นายปุณณรัตน์ ศรีทาพุฒ ผู้อํานวยการ สํานักงาน กศน. จงั หวัดหนองคาย นางสาวปาริชาติ ไชยสถิตย์ รองผู้อํานวยการสํานักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย นางจามรี ภูเมฆ ผู้อํานวยการ กศน.อําเภอท่าบอ่ ผู้จัดทํา/รวบรวมขอ้ มูล/ออกแบบ นางสาววรุณยุภา นาเกลือ บรรณารกั ษ์ชํานาญการ กศน.อําเภอท่าบอ่ หนังสือเลม่ น้ีเป็นลขิ สิทธ์ิของห้องสมุดประชาชนอําเภอท่าบอ่ ศูนย์การศึ กษานอกระบบและการศึ กษาตามอัธยาศั ยอําเภอท่าบอ่ สํานักงาน กศน.จังหวัดหนองคาย พุทธศั กราช ๒๕๖๓


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook