Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore Sheet 2

Sheet 2

Published by Wittawat Swatpunyachote, 2020-07-11 09:36:09

Description: Sheet 2

Search

Read the Text Version

»‚ 2559 1. กําหนดลาํ ดับจํากดั 100 พจน เปน ดังนี้ 1, 2, 4, 7, 11, 16, ⋯ , a50, ⋯ , a100 แลว พจนท ี่ 50 (a50) มคี าเทาใด 1. 1,176 2. 1,226 3. 1,276 4. 1,300 5. 1,301 2. นายยอดตั้งใจปนจักรยานทุกวัน เปนเวลา 49 วัน โดยใหไดระยะทางรวมตอสัปดาห เพิ่มขึ้นเปนสองเทา ของสัปดาหกอนหนาเสมอ ถาสัปดาหแรกเขาปนไดระยะทาง 20 กิโลเมตร แลว เขาจะปนไดระยะทางกี่ กโิ ลเมตรในสปั ดาหสุดทาย 1. 280 กิโลเมตร 2. 640 กิโลเมตร 3. 980 กโิ ลเมตร 4. 1,280 กโิ ลเมตร 5. 2,560 กโิ ลเมตร 3. ถา Sn = n2 − 4n เปนผลบวก n พจนแรกของอนุกรมเลขคณิต ท่ีมี an เปนพจนท่ี n และ d เปน ผลตางรวม แลว d + a1a2 เทากับเทาใด 1. 5 2. 9 3. -7 4. -9 5. -58 4. ถา การจดั เรยี งจํานวนเต็มในแถวที่ 1, 2, 3, ... (จากบนลงลา ง) เปนดงั ภาพ 1 23 456 7 8 9 10 11 12 13 14 15 ⋮ แลว ผลบวกของจาํ นวนเต็มในแถวท่ี 50 เทากบั ขอ ใด 1. 60,025 2. 62,525 3. 65,025 4. 66,225 5. 66,275 เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 50

5. ในการรกั ษาผูปวยรายหนึ่ง ตองใหยาครัง้ ละ 5 มิลลกิ รัม ทั้งหมด 8 คร้ัง ถา Rn เปนปริมาณยาที่คงอยูใน รางกายกอนกรใหยาคร้ังที่ n + 1 โดยที่ Rn = 5e−k + 5e−2k + ⋯ + 5e−nk เมื่อ k และ e เปน คาคงท่ีบวก แลว ปรมิ าณยาทคี่ งอยใู นรางกายกอนการใหย าคร้ังที่ 8 เปนเทาใด (มลิ ลิกรัม) 1. 5e−k�1 + e−7k� 2. 5e−k�1 + e−8k� 3. 5e−k �11−−ee−−6kk� 4. 5e−k �11−−ee−−7kk� 6. 5e−k �11−−ee−−8kk� 6. กําหนดลาํ ดับของจาํ นวนจรงิ ดงั นี้ 2 − √5 , 4 − √9 , 8 − √13 , 16 − √17 พจนท่ี 12 เทากบั เทา ใด 7. เสา A สูง 100 เซนติเมตร เสา B สูง 300 เซนติเมตร และต้ังอยูหางกัน 200 เซนติเมตร ถาตองการปก เสาเพ่มิ ระหวา งเสา A และ เสา B ในแนวเสนตรง โดยท่ี แกนกลางของเสาแตละตนที่อยูติดกัน อยูหางกัน 25 เซนตเิ มตร และลําดับความสงู ของเสาทกุ ตน (รวมเสา A และ เสา B) เปนลําดับเลขคณิต แลว เสาตน ท่อี ยตู ิดเสา B สงู กี่เซนติเมตร »‚ 2560 1. ลําดับในขอ ใด เปนลาํ ดบั เลขคณติ 1. 1, 1.1, 1.11, 1.111, 1.1111 2. 1, -1, 1, -1, 1 3. -5, 7, -9, 11, -13 4. −5, − 19 , − 18 , − 17 , −4 4 4 4 5. −5 + 10, −5 + 102, −5 + 103, −5 + 104, −5 + 105 เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 51

2. กําหนดให a1 , a2 , a3 , ⋯ เปนลําดับเรขาคณิต ซ่ึงมีพจนแตละพจนเปนจํานวนจริงบวก ถา a5 = 4a1 แลว อตั ราสว นรว มของลาํ ดับนเี้ ทา กบั ขอ ใด 1 1 1 2 1. 4 2. √2 3. 4. √2 5. 2 3. พ่ีมีนยืมเงินจากนอ งมวิ 630 บาท และตกลงกนั วาจะจา ยเงินคืนใหนองทุกวัน โดยวันแรกจะคืนเงินให 10 บาท วันที่สองจะคืนเงินให 12 บาท และในวันตอ ๆไป จะคืนเงินเพ่ิมข้ึนจากวันกอนหนาวันละ 2 บาท ทกุ วนั จํานวนวันทีพ่ ม่ี ีนจะจายเงนิ คนื ใหน อ งมวิ ไดค รบพอดเี ทากบั ขอใด 1. 21 วัน 2. 22 วนั 3. 23 วัน 4. 24 วนั 5. 25 วัน 4. ถ า a1, a2 , a3,..., a12 เ ป น ลํ า ดั บ เ ร ข า ค ณิ ต ซ่ึ ง มี อั ต ร า ส ว น ร ว ม เ ท า กั บ 2และ a1 + a2 + a3 + 3 + a12 = 63 แลว a1 + a2 + a3 + 3 + a10 มคี าเทากับขอใด 1. 29 2. 30 3. 31 4. 32 5. 33 5. ถา 2, 9, 16, … เปนลาํ ดับเลขคณิต แลวพจนท่เี ทา ใดของลําดบั นที้ ม่ี ีคา อยูในชว ง [180 , 185] เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 52

»‚ 2561 1. เด็กหญงิ ปลาเก็บเงินทกุ เดือนเปน เวลา 40 เดือน โดยเก็บเงนิ เดอื นแรก 500 บาท เดือนที่สอง 550 บาท เดอื นท่ีสาม 600 บาท และเดือนตอๆ ไปเก็บเงนิ เพิม่ ขนึ้ จากเดอื นกอนหนาอีก 50 บาท เด็กหญิงปลาเก็บ เงินไดท ั้งหมดก่ีบาท 1. 50,000 บาท 2. 58,500 บาท 3. 59,000 บาท 4. 60,000 บาท 5. 61,000 บาท 2. กาํ หนดลาํ ดับจาํ กัด ดงั น้ี 100 x 3, 99 x 5, 98 x 7, 97 x 9, … , 68 x 67 พจนที่ 20 ของลําดบั นเ้ี ทา กับ เทา ใด 1. 79 x 41 2. 80 x 41 3. 80 x 43 4. 81 x 41 5. 81 x 43 3. กําหนดลาํ ดบั จาํ กัด ดังนี้ − 3 , 6 , − 9 , 12 , − 15 ,⋯ , 30 จาํ นวนในขอ ใดอยูในลาํ ดบั นี้ 3 4 5 6 7 12 1. − 24 2. − 24 3. 24 4. 24 5. 27 11 10 10 11 11 4. กําหนดให a และ b เปนจาํ นวนจรงิ ถา 3, a, b เปนลาํ ดับเรขาคณติ และ 3ab = 216 แลว ลาํ ดับในขอ ใดเปนลาํ ดับเลขคณติ 1. 3, a, b – 1 2. 3, a, b – 2 3. 3, a, b – 3 4. 3, a, b – 4 5. 3, a, b – 5 5. ผลบวกของพจนท ุกพจนของลาํ ดับเรขาคณติ 6, 12, 24, 48, … , 1536 เทา กบั เทา ใด 3�28−1� 3�29−1� 6�28−1� 1. 2−1 2. 2−1 3. 2−1 4. 6�29−1� 5. 6�210−1� 2−1 2−1 เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 53

ʶµÔ Ô สถิติ เปนศาสตรท่ีใชเปนเคร่ืองมือชวยในการตัดสินใจอยางมีเหตุผล ตัวอยางของกรณีหรือปญหาท่ีตองใช สถิติ เชน การทดสอบประสิทธิผลของยารักษาโรค การควบคุมคุณภาพสินคาท่ีผลิตการสํารวจความคิดเห็น หรอื โพล สถิติเชิงพรรณนา เปนการวิเคราะหข้ันตนที่มุงวิเคราะหเพ่ือหาลักษณะกวางๆ ของขอมูลชุดน้ัน สถิติเชงิ อนมุ าน เปนการวิเคราะหขอมลู ท่ีเกบ็ รวบรวมไดจากตัวอยา งเพ่ืออางองิ ไปถึงขอมลู ท้ังหมด สถิติศาสตร ครอบคลุมองคประกอบคือ การเกบ็ รวบรวมขอ มลู การวเิ คราะหขอมูลและการนําเสนอ ขอสรุป ขอมูล เปนขอความจริงหรือส่ิงที่บงบอกถึงสภาพ สถานการณหรือปรากฏการณใดปรากฏการณหนึ่ง ขอมูล อาจเปนตัวเลขหรือขอความก็ได ขอมูลเชิงสถิติเปนขอมูลท่ีสามารถนํามาประมวลผล หรือวิเคราะหดวย กระบวนการหรอื วธิ กี ารตา งๆ เพื่อตอบคําถามในประเด็นตา งๆได จาํ แนกประเภทขอ มูลตามวิธเี ก็บรวบรวมขอ มูลไดเ ปนขอมลู ปฐมภูมิ และขอ มลู ทุติยภูมิ ขอมูลปฐมภูมิ คือขอมูลท่ีผูใชจะตองเก็บรวบรวมจากผูใหขอมูลหรือแหลงที่มาของขอมูลโดยตรง ทําไดห ลายวิธี การสาํ มะโนและการสํารวจกลมุ ตวั อยาง ขอมูลทตุ ยิ ภูมิ คอื ขอมูลท่ไี ดจากขอ มลู ที่มีผอู น่ื เก็บรวบรวมไวแลว เชน รายงานของหนว ยราชการ จาํ แนกประเภทขอ มลู ตามลกั ษณะของขอมลู ไดเปนขอมลู เชิงปรมิ าณ และขอ มลู เชงิ คุณภาพ ขอมูลเชิงปริมาณ คือ ขอมูลท่ีใชแทนขนาดหรือปริมาณซ่ึงวัดออกมาเปนจํานวนที่สามารถนํามา เปรยี บเทยี บกันได เชน ปริมาณการผลิตน้าํ มนั ดิบ ขอมูลเชิงคุณภาพ คือขอมูลที่ไมสามารถวัดออกมาเปนจํานวนไดโดยตรง แตอธิบายลักษณะหรือ คุณสมบัติในเชิงคุณภาพได เชน เพศ สถานภาพ การสมรส ขอมูลเชิงคุณภาพบางลักษณะสามารถวัดเปน ลาํ ดับท่หี รือตําแหนงได เชน ความชอบ ความคิดเหน็ วธิ ีเกบ็ รวมรวมขอ มูลทุตยิ ภูมิ ควรพจิ ารณา 1. ตวั บคุ คลผเู ขยี นรายงาน บทความหรือเอกสารมีความรแู ละความเช่ียวชาญในเรื่องทเ่ี ขยี น 2. ขอมูลที่ตองการมีความผิดพลาดเนอื่ งจากการลอกผดิ พิมพผ ดิ หรอื เขาใจผิดบางหรือไม 3. ขอ มูลท่ีเกบ็ รวบรวมเปน ขอมูลท่ีเปน ขอความจริง ขอมูลที่ไดจ ากทะเบยี น ขอมลู ท่เี ปนความ คิดเหน็ หรอื เจตคติ 4. ขอมูลท่ีไดจ ากการสาํ รวจจากกลุม ตัวอยางควรตรวจสอบวิธีการทใี่ ชในการเลอื กกลุม ตวั อยา ง เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 54

ปญหาในการใชขอ มลู การใชขอมลู ทตุ ยิ ภูมิ มปี ญหาเกย่ี วกบั 1. ความถูกตองเชื่อถอื ไดข องขอมูล 2. ความทนั สมยั ของขอมลู 3. การขาดหายไปของขอมูลบางรายการ การใชข อ มลู ปฐมภูมิ มปี ญ หาเกย่ี วกบั 1. ไมท ราบวธิ ีเลอื กตัวอยา งหรือวิธีการวางแผนการทดลอง 2. ไมทราบวธิ ีประเมินความถูกตอ งเช่ือถือไดของขอมลู 3. ไมทราบวธิ ีวเิ คราะหขอ มูล ¡ÒÃᨡᨧ¤ÇÒÁ¶¢Õ่ ͧ¢ÍŒ ÁÅÙ 1. การแจกแจงความถี่ คือ การหาคาความถี่ของคาท่เี ปน ไปได มลี กั ษณะดงั น้ี (1) เปนวิธีการทางสถิติอยางหนึ่งท่ีใชในการจัดขอมูลที่มีอยู หรือท่ีเก็บรวมรวมมาไดใหอยูเปนพวกๆ เพื่อความสะดวกในการนําเสนอขอมลู และวิเคราะหขอมูลเหลาน้ัน (2) การแจกแจงความถ่มี ักจะทําเมื่อขอมูลที่ทําการศึกษาหรือวิเคราะหมีเปนจํานวนมาก หรือมีคาซํ้ากัน อยูมาก (3) ชว ยใหป ระหยัดเวลาและสรปุ ผลไดชัดเจนขน้ึ เหมาะสมทจี่ ะนาํ ไปใชเปน ประโยชนตอไป คําศพั ทท่คี วรสนใจ พิจารณาตารางแจกแจงความถ่ีตอ ไปน้ี x (คะแนน) 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 f (ความถ่ี) 1 0 1 0 0 2 0 1 0 0 1 จากตาราง ตัวแปร ไดแ ก คะแนนสอบวิชาคณติ ศาสตร ตัวแปร คือ ลักษณะของประชากรทีเ่ ราสนใจวิเคราะหโดยท่ลี ักษณะนั้นๆ ของประชากร สามารถเปลย่ี นคาได ไมวาจะเปน เชิงปริมาณหรอื เชงิ คุณภาพ คา ทเี่ ปนไปได มี 11 คา ไดแก 0 ถึง 10 คา จากการสงั เกต ไดแ ก 0, 2, 5, 7 และ 10 ความถ่ี คือ จาํ นวนทแี่ สดงวา คาทเ่ี ปนไปไดแตละคาเกดิ ขึน้ ก่ีครัง้ เชน ความถี่ ไดแ ก 0, 1, 2 เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 55

2. การแจกแจงความถส่ี ะสม ความถี่สะสม ของคาทเ่ี ปน ไปไดคาใดหรือของอันตรภาคชั้นใดคือผลรวมของความถ่ีของคานั้น หรือ ของอันตรภาคชั้นนั้นกับความถี่ของคาหรือของอันตรภาคชั้นท่ีมีชวงคะแนนตํ่ากวาท้ังหมด (หรือสูงกวา ท้งั หมดอยางใดอยางหนึ่ง) โดยทวั่ ไปนิยมใชความถขี่ องคา หรืออันตรภาคชัน้ ที่มีชว งคะแนนต่าํ กวาท้ังหมด ตวั อยางของตารางแจกแจงความถสี่ ะสม เชน อันตรภาคชั้น ความถ่ี ความถส่ี ะสม 30-39 12 12 40-49 18 30 50-59 20 50 60-69 35 85 70-79 15 100 วัตถุประสงคสําคัญในการสรางตารางแจกแจงความถ่ีสะสม เพ่ือเปรียบเทียบความถี่ของคาจาก การสังเกตท้งั หมดท่ตี กอยูในแตล ะคาที่เปนไปไดห รือในแตละอนั ตรภาคชน้ั 3. การแจกแจงความถ่ีสัมพทั ธ ความถ่สี ัมพทั ธของคา ทเี่ ปน ไปไดคาใดหรือของอันตรภาคช้ันใด คืออัตราสวนระหวางความถ่ีของคา นั้น หรอื ของอันตรภาคชั้นนนั้ กับผลรวมของความถท่ี ้งั หมด ดงั น้นั ความถ่สี มั พัทธ = f N ความถส่ี ัมพทั ธอาจแสดงในรูปเศษสว นหรอื ทศนยิ มหรอื รอยละ ตวั อยางของตารางแจกแจงความถสี่ ะสม เชน ความถส่ี มั พัทธ รอยละของความถส่ี ัมพัทธ อันตรภาคช้นั ความถ่ี (f) 30-39 12 12 = 0.12 12 40-49 18 100 18 50-59 20 18 = 0.18 20 60-69 35 100 35 70-79 15 20 = 0.20 15 100 N = 100 35 = 0.35 100 15 = 0.15 100 เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 56

4. การแจกแจงความถี่สะสมสมั พทั ธ ความถ่ีสะสมสัมพัทธของคาที่เปนไปไดคาใด หรือของอันตรภาคชั้นใดคืออัตราสวนระหวางความถี่ สะสมของคา น้นั หรือของอนั ตรภาคชน้ั นั้นกบั ผลรวมของความถ่ที ั้งหมด ดงั นนั้ ความถส่ี ะสมสมั พัทธ = F N ความถี่สะสมสัมพัทธอาจแสดงในรูปเศษสวน หรอื ทศนยิ มหรอื รอ ยละ ตวั อยา งของตารางแจกแจงความถส่ี ะสมสัมพทั ธ เชน อันตรภาคชนั้ ความถ่ี (f) ความถสี่ ะสม (F) ความถ่สี ะสมสัมพัทธ รอยละของความถ่สี ะสมสัมพัทธ 12 30-39 12 12 0.12 30 50 40-49 18 30 0.30 85 100 50-59 20 50 0.50 60-69 35 85 0.85 70-79 15 100 1 5. การแจกแจงความถีโ่ ดยใชกราฟ การใชกราฟแสดงการแจกแจงความถข่ี องตัวแปรสามารถทําใหเห็นการกระจายของขอมูลไดชัดเจนกวา กราฟที่ใชแสดงการแจกแจงความถ่ีของขอมูล ไดแ ก ฮิสโทแกรมและแผนภาพตน-ใบ ฮิสโทแกรม มีลักษณะเปนรูปส่ีเหลี่ยมมุมฉากวางเรียงติดตอกันบนแนวนอน โดยมีแกนนอนแทนคา ของตัวแปร ความกวางของรูปส่ีเหลี่ยมมุมฉากแทนความกวางของอันตรภาคชั้นและความสูงของรูปเหลี่ยม แตละรปู แทนความถ่ขี องแตล ะอันตรภาคช้นั แผนภาพตน-ใบ เปนการสรางแผนภาพเพอ่ื แจกแจงความถีแ่ ละวเิ คราะหข อมูลเบอื้ งตน ไปพรอมกนั µÇÑ ÍÂÒ‹ § 1. ขอ ใดตอ ไปนีเ้ ปนเทจ็ 1. สถติ เิ ชงิ พรรณนา คือสถติ ิการวเิ คราะหขอมูลขน้ั ตนท่มี ุงอธิบายลกั ษณะกวา งๆของขอ มูล 2. ขอ มูลทเี่ ปนหมายเลขท่ีใชเรียกสายรถโดยสารประจําทางเปน ขอมลู เชิงคุณภาพ 3. ขอมลู ปฐมภูมิ คือขอมลู ท่ีผูใชเ กบ็ รวบรวมจากแหลงขอมูลโดยตรง 4. ขอมลู ทีน่ ักเรียนรวบรวมจากรายงานตางๆ ที่ไดจ ากหนว ยงานราชการเปนขอมลู ปฐมภูมิ เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 57

2. ตารางแสดงนํา้ หนักของนกั เรียนจํานวน 50 คน เปน ดังตอ ไปน้ี น้าํ หนกั (กโิ ลกรมั ) จาํ นวน (คน) ขอ สรุปในขอใดตอไปนี้ไมถูกตอง 30-39 4 1. นักเรยี นกลุมนสี้ วนใหญมีนา้ํ หนกั 60-69 กโิ ลกรมั 40-49 5 2. นกั เรยี นทีม่ นี ํา้ หนักต่ํากวา 50 กโิ ลกรมั มี 9 คน 50-59 13 3. นักเรียนทมี่ ีน้าํ หนกั ในชวง 50-59 กโิ ลกรมั มี 26% 60-69 17 70-79 6 4. นักเรยี นทม่ี นี ํา้ หนักมากกวา 80 กิโลกรัม มี 10% 80-89 5 3. กาํ หนดใหตารางแจกแจงความถ่สี ะสมของคะแนนของนักเรยี นหองหนงึ่ เปน ดังนี้ ชว งคะแนน ความถีส่ ะสม ขอสรปุ ในขอใดตอไปนถี้ ูกตอ ง 30 - 39 1 1. นกั เรยี นที่ไดค ะแนน 40 - 49 คะแนน มีจํานวน 22 % 40 - 49 11 2. นักเรยี นสวนใหญไ ดค ะแนน 60 - 69 คะแนน 50 - 59 18 3. นักเรียนทไ่ี ดค ะแนนมากกวา 53 คะแนน มจี าํ นวนนอย 60 - 69 20 กวานักเรยี นทไ่ี ดคะแนน 40 - 49 คะแนน 4. นกั เรียนทไี่ ดค ะแนนนอยกวา 47 คะแนน มีจํานวน มากกวานักเรยี นท่ีไดค ะแนนมากกวา 50 คะแนน 4. การเลอื กใชค า กลางของขอมูลควรพิจารณาส่งิ ตอไปน้ี ยกเวนขอ ใด 1. ลักษณะของขอมูล 2. วิธีจัดเรียงลําดับขอมูล 3. จุดประสงคข องการนาํ ไปใช 4. ขอดีและขอ เสียของคา กลางแตล ะชนิด 5. ในกรณีท่ีมีขอมูลจาํ นวนมาก การนําเสนอขอ มลู ในรูปแบบใดตอไปน้ีทาํ ใหเหน็ การกระจาย ของขอมลู ไดช ัดเจนนอ ยที่สดุ 1. ตารางแจกแจงความถี่ 2. แผนภาพตน – ใบ 3. ฮิสโทแกรม 4. การแสดงคา สังเกตทุกคา 6. ขอตอไปน้ีมีผลกระทบตอความถกู ตองของการตดั สินใจโดยใชสถิติ ยกเวน ขอใด 1. ขอ มลู 2. สารสนเทศ 3. ขาวสาร 4. ความเช่อื เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 58

7. ครูสอนวทิ ยาศาสตรมอบหมายใหน กั เรียน 40 คน ทําโครงงานตามความสนใจ หลงั จากตรวจรายงาน โครงงานของทกุ คนแลว ผลสรุปเปน ดงั น้ี ผลการประเมิน จาํ นวนโครงงาน ขอ มลู ท่ีเกบ็ รวบรวม เพ่ือใหไดผ ลสรปุ ขางตน เปนขอมลู ชนดิ ใด ดีเย่ียม 3 1. ขอมลู ปฐมภูมิ เชิงปริมาณ ดี 20 2. ขอทตุ ยิ ภมู ิ เชิงปริมาณ 12 3. ขอ มลู ปฐมภูมิ เชงิ คุณภาพ พอใช 5 4. ขอมูลทตุ ยิ ภูมิ เชิงคุณภาพ ตองแกไข 8. ขอมลู ชดุ หนงึ่ มบี างสว นถกู นําเสนอในตารางตอ ไปน้ี ความถีส่ ัมพทั ธ 0.2 อนั ตรภาคชั้น ความถ่ี ความถ่ีสะสม 0.3 2-6 7-11 11 12-16 14 17-21 6 ชว งคะแนนใดเปน ชว งคะแนนทม่ี คี วามถี่สงู สดุ 1. 2 - 6 2. 7 – 11 3. 12 – 16 4. 17 – 21 9. ในการใชสถิตเิ พ่ือการตดั สินใจและวางแผน สําหรับเร่อื งที่จําเปน ตอ งมีการใชข อมูล และสารสนเทศ ถา ขาดขอมลู และสารสนเทศดังกลา ว ผูตดั สนิ ใจควรทําขนั้ ตอนใดกอน 1. เก็บรวบรวมขอมลู 2. เลือกวิธีวเิ คราะหขอมลู 3. เลอื กวธิ ีเก็บรวบรวมขอมูล 4. กําหนดขอ มูลท่จี ําเปนตองใช 10. ขอ ใดไมอ ยใู นขน้ั ตอนของการสาํ รวจความคดิ เห็น 1. กาํ หนดขอบเขตของการสาํ รวจ 2. กาํ หนดวธิ เี ลือกตัวอยา ง 3. สรา งแบบสํารวจความคดิ เห็น 4. ประมวลผลและวิเคราะหผลการสํารวจ 5. เผยแพรผ ลการสํารวจความคดิ เห็น เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 59

¡ÒÃÇ´Ñ µÒํ á˹§‹ ·¢Õ่ ͧ¢ÍŒ ÁÅÙ เพอ่ื ใหก ารกลาวถงึ ตาํ แหนงที่หรือลําดับท่ีของขอมูลเปนไปอยางมีความหมาย สามารถบอกไดทันที วาตาํ แหนงน้นั ดีหรือไมดีเพียงไรในกลมุ จึงไดมีการพฒั นาวิธีการบอกตาํ แหนงโดยใชเปอรเ ซน็ ไทล เมื่อเรยี งคาของขอมูลจากนอยไปหามาก และแบงขอมูลออกเปน 100 สวนโดยแตละสวนมีจํานวน เทา ๆ กัน เปอรเซ็นไทลที่ r หรือ Pr คอื คาท่บี อกใหทราบวา มจี าํ นวนขอ มลู อืน่ เทากับหรือนอยกวาขอมูลคาน้ี อยู r สวนในรอยสวนของจํานวนขอมูลทั้งหมด เชน เปอรเซ็นไทลท่ี 85 (P85) คือคาท่ีมีจํานวนขอมูลนอย กวา คานีอ้ ยปู ระมาณ 85 สว นใน 100 สว นของจาํ นวนขอมลู ทั้งหมด การหาเปอรเ ซ็นไทลของขอมูลทไี่ มไ ดแ จกแจงความถ่ี มีวิธีหาดงั นี้ 1. เรยี งขอ มูลจากคา นอยทสี่ ดุ ไปหาคา มากที่สดุ 2. หาตาํ แหนงท่ีของเปอรเ ซ็นไทลท ี่ตองการ Pr อยู ณ ตาํ แหนงที่ r(N+1) 100 เมือ่ N เปน จํานวนขอ มลู ทง้ั หมด µÑÇÍ‹ҧ 1. เมื่อพจิ ารณาผลการสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียน 39 คนพบวา เปอรเซ็นไทลที่ 25 ของคะแนนสอบ เทากบั 35 คะแนน และมนี ักเรียน 30 คน ไดค ะแนนนอยกวาหรอื เทากับ 80 คะแนน ถามีนักเรียนท่ีสอบ ได 35 คะแนนเพียงคนเดียว แลวจํานวนนักเรียนที่สอบไดคะแนนในชวง 35-80 คะแนน เทากับขอใด ตอไปนี้ 1. 18 คน 2. 19 คน 3. 20 คน 4. 21 คน 2. ขอ มลู ชดุ หนึง่ ประกอบดวย 19 จํานวนตอ ไปน้ี 18 19 6 8 9 12 12 15 15 16 30 20 20 21 22 23 24 25 30 4. 7 ควอรไทลท่ี 3 มีคาตางจากเปอรเ ซ็นไทลท่ี 45 เทา กบั ขอใดตอไปน้ี 1. 4 2. 5 3. 6 เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 60

3. ขอ มูลชดุ หนง่ึ มี 5 จาํ นวน ถา ควอไทลท ่หี นง่ึ ควอไทลท ี่สอง และควอไทลทสี่ ามเทากับ 18, 25 และ 28 ตามลําดับ แลว คาเฉลยี่ เลขคณติ ของขอมูลชุดนีเ้ ทา กับขอใดตอไปนี้ 1. 23.4 2. 23.7 3. 24.0 4. 24.3 4. คะแนนของผเู ขา สอบ 15 คน เปนดังนี้ 45 , 54 , 59 , 60 , 62 , 64 , 65 , 68 , 70 , 72 , 73 , 75 , 76 , 80 , 81 ถา เกณฑในการสอบผา น คือ ตอ งไดค ะแนนไมต าํ่ กวา เปอรเซน็ ไทลที่ 60 แลวขอ ใดตอ ไปน้เี ปน คะแนน ต่าํ สุดของผูที่สอบผาน 1. 68 คะแนน 2. 70 คะแนน 3. 72 คะแนน 4. 73 คะแนน 5. นักเรยี นกลุม หนึง่ จาํ นวน 80 คน ซึ่งมี ลาํ เจียก ลําดวน และลําพู รวมอยูดว ยปรากฏผลการสอบดังน้ี ลําดวนไดคะแนนตรงกับควอไทลทสี่ าม ลําพูไดคะแนนตรงกับเปอรเซ็นไทลท่ี 50 ลาํ เจียกไดค ะแนนเปนลาํ ดับท่ี 30 เมือ่ เรยี งคะแนนจากมากไปหานอย ขอ ใดตอ ไปนีเ้ ปน การเรียงรายช่ือของผูทีไ่ ดคะแนนนอยไปหาผทู ่ีไดคะแนนมาก 1. ลาํ พู ลาํ เจียก ลาํ ดวน 2. ลาํ พู ลําดวน ลําเจยี ก 3. ลาํ เจียก ลําพู ลาํ ดวน 4. ลําเจียก ลาํ ดวน ลาํ พู 6. ขอ มลู ชุดหนึ่ง ถาเรียงจากนอยไปมากแลว ไดเปนลําดบั เลขคณิตตอไปน้ี 4. 72 2 , 5 , 8 , .... , 92 ควอไทลท ี่ 3 ของขอมลู ชุดน้ี มคี าเทากบั ขอใดตอไปน้ี 1. 68 2. 69 3. 71 เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 61

7. พจิ ารณาขอมูลตอไปนี้ 10, 5, 6, 9, 12, 15, 8, 18 คาของ P80 ใกลเคยี งกบั ขอใดตอไปนี้มากทีส่ ดุ 1. 15.1 2. 15.4 3. 15.7 4. 16.0 8. จากการตรวจสอบลําดับท่ีของคะแนนสอบของนาย ก และนาย ข ในวิชาคณิตศาสตรท่ีมีผูเขาสอบ 400 คน ปรากฏวานาย ก สอบไดคะแนนอยูในตําแหนงควอรไทลที่ 3 และนาย ข สอบไดคะแนนอยูใน ตําแหนงเปอรเซ็นไทลที่ 60 จํานวนนักเรียนที่สอบไดคะแนนระหวางคะแนนของนาย ก และนาย ข มี ประมาณกคี่ น 1. 15 คน 2. 30 คน 3. 45 คน 4. 60 คน 9. คะแนนสอบวิชาวทิ ยาศาสตรของนักเรยี นหอ งหน่ึงจาํ นวน 119 คน เปน ดงั นี้ คะแนนท่ไี ด จาํ นวนนกั เรียน (คน) 52 13 55 12 57 17 60 9 62 10 65 6 70 14 75 14 78 7 80 10 82 7 คะแนนทเ่ี ปอรเซ็นไทลท ี่ 56 เทา กบั เทา ใด เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 62

¡ÒÃÇ´Ñ ¤Ò‹ ¡ÅÒ§¢Í§¢ÍŒ ÁÅÙ คากลางของขอมลู คือ คา สถิตหิ รือตวั เลขตัวหนึง่ ท่ีไดจ ากการวิเคราะหข อมลู ชดุ หนึ่ง คา ทไ่ี ดน ั้นเรา ถอื วา เปนตัวแทนของขอมูลชุดนัน้ ทาํ ใหสะดวกในการจดจําหรอื สรปุ เร่ืองราวเกย่ี วกับขอมลู น้นั คากลางของขอ มูลมีวิธีหาไดหลายวธิ ี คา กลางทน่ี ยิ มใชม ี 3 ชนดิ คอื คา เฉล่ียเลขคณิต มัธยฐาน และ ฐานนิยม 1. คาเฉล่ยี เลขคณติ ( Arithmatic Mean ) 1.1 คา เฉลย่ี เลขของขอ มูลที่ไมไดแ จกแจงความถ่ี ถา ให X1, X2, X3, ⋯ , Xn เปนขอมลู N จาํ นวน และ X� แทนคาเฉล่ยี เลขคณติ ของขอมูลนแี้ ลว N ∑ xi หรือ x= ∑x =x i=1 NN 1.2 คาเฉลีย่ เลขคณติ ของขอมูลทแี่ จกแจงความถ่ี เมื่อ N เปนจํานวนคาจากการสังเกตท้ังหมด f1 เปนความถี่ของคาจากการสังเกต X1, f2 เปน ความถ่ขี องคาจากการสังเกต X2 เรือ่ ยไปจนถงึ fk เปนความถี่ของคา จากการสงั เกต Xk แลวคาเฉล่ยี เลขคณิตคือ x = f1x1+f2x2+f3x3+⋯+fkxk f1+f2+f3+⋯+fk == 1.3 คาเฉลย่ี เลขคณติ โดยวธิ ที อนคาขอมลู เม่ือ A เปนจุดก่ึงกลางของอันตรภาคช้ันใดอันตรภาคชั้นหนึ่ง (โดยทั่วไปมักเลือกจาก อันตรภาคชัน้ ทมี่ ีความถส่ี ูงสดุ ) X เปนจดุ กึง่ กลางของแตล ะอันตรภาคช้ัน d = X − A x� = A + ∑ fd ∑f ในกรณีท่ีขอมูลแจกแจงความถ่ีและความกวางของอันตรภาคช้ันแตละช้ันเทากัน สามารถประยุกต สูตรใหมไดเปน x� = A + I(∑ fd) N เม่อื I แทนความกวา งของอันตรภาคช้ัน และ N แทนจาํ นวนขอ มูล เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 63

1.4 คา เฉล่ยี เลขคณติ ถว งนํ้าหนัก ถาให w1, w2, w3, ⋯ , wn เปนความสําคัญหรือนํ้าหนักถวงของคาจากการสังเกต x1, x2,x3, ⋯ , xn ตามลําดับแลว x� = w1x1+w2x2+w3x3+⋯+wnxn w1+w2+w3+⋯+wn == 1.5 คาเฉล่ยี เลขคณติ รวม ถา x1, x2, x3, … , xk เปนคาเฉลี่ยเลขคณิตของขอมลู ชุดที่ 1, 2, 3, ⋯ , k ตามลําดับ ถา N1, N2, N3, ⋯ , Nk เปนจาํ นวนคาจากการสังเกตขอมูลชดุ ท่ี 1, 2, 3, ⋯ , k ตามลําดับ x�ÃÇÁ = n1x�1+n2x�2+⋯+nkxk n1+n2+⋯+nk รวม = คาเฉล่ยี เลขคณิตใชไ ดกบั ขอมูลเชิงปริมาณเทาน้ัน สมบัตขิ องคา เฉลยี่ เลขคณติ บางประการทีน่ ําไปชวยแกปญหาโจทยไ ดเ รว็ ขน้ึ 1. xmin ≤ x� ≤ xmax เมอื่ xmin และ xmax เปน คาจากการสังเกตท่นี อยทส่ี ดุ และคา จากการสงั เกตที่มากท่สี ุดในขอ มลู ชุดนน้ั ตามลาํ ดับ 2. ถาตัวแปร Y สมั พนั ธก ับตัวแปร X ในรปู ท่ัวไปเปน yi = axi + b เมื่อ i คอื 1, 2, 3, ⋯ , n และ a, b เปน คาคงตวั ใดๆ แลว คา เฉลย่ี ของ Y จะสมั พันธกบั คาเฉล่ยี ของ X ดงั นั้น y� = ax� + b เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 64

2. มัธยฐาน (Median) มัธยฐาน คอื คาที่มีจาํ นวนขอ มลู ท่ีมากกวาและนอยกวาคาน้ีอยปู ระมาณเทา ๆกนั การหามัธยฐานของขอมลู ที่ไมไดแ จกแจงความถี่ มีวิธหี าดังน้ี 1. เรียงลาํ ดบั คาในขอมลู ในกรณที ่ีมีคาซาํ้ กันไวติดกัน 2. หาตาํ แหนงของมธั ยฐาน ถาขอ มลู มีท้ังหมด N คา จะไดวา ตําแหนง ของมัธยฐาน = N+1 2 3. คํานวณคามธั ยฐาน คามัธยฐานใชไ ดกบั ขอมูลเชงิ ปริมาณเทานนั้ เหมาะทจี่ ะนาํ มาใชเ ปน คากลางของขอมูล เม่ือขอมูลนน้ั มีคาใดคา หนง่ึ หรือหลายๆคา ซ่ึงสงู หรือตา่ํ กวา คา อื่นๆอยางผิดปกติ 3. ฐานนยิ ม (Mode) ฐานนิยมของขอมลู ที่ไมไดแจกแจงความถี่ คือคา ในขอมูลท่ีมีความถ่ีมากท่สี ุด ฐานนิยมใชไดกับขอมลู เชิงปรมิ าณและเชงิ คุณภาพ ¡ÒÃÇ´Ñ ¡ÒáÃШÒ¢ͧ¢ÍŒ ÁÅÙ คาวัดการกระจายเปนคาสถิติที่อธิบายถึงการกระจายของขอมูลในชุดขอมูล การวัดการกระจายมี ความสําคัญในลักษณะท่ีทําใหตัดสินใจเก่ียวกับความเชื่อถือไดของคาวัดแนวโนมสูสวนกลางไดดีมากข้ึน รวมทงั้ สามารถเปรียบเทยี บขอ มลู สองชุดไดดีข้นึ วิธีการวดั การกระจายทีศ่ ึกษา ไดแ ก 1. พิสัย คือ คาทใ่ี ชว ัดการกระจายท่ไี ดจ ากผลตา งระหวางขอมูลที่มีคาสูงสดุ และขอมูลทีม่ ีคา ตา่ํ สุด ถา x1, x2,x3, ⋯ , xn เปนคา ของขอมลู ชุดหน่ึง พสิ ัยของขอ มูลชุดนเ้ี ทา กับ xmax − xmin เมือ่ xmax และ xmin เปนคาสงู สุดและคาตํา่ สดุ ของขอมูลชุดน้ตี ามลําดับ 2. สวนเบย่ี งเบนมาตรฐาน 2.1 การวัดการกระจายของขอ มลู โดยใชสว นเบ่ยี งเบนมาตรฐานเปนวธิ ีการวัดการกระจายท่ใี ชข อมูล ทุกคา มาคํานวณ ถา x1, x2,x3, ⋯ , xn เปน ขอ มูล N จํานวนและมีคา เฉลย่ี เลขคณติ เปน x� แลว ( )∑N 2 xi - x สวนเบย่ี งเบนมาตรฐาน S = i=1 N เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 65

2.2 สมบัติสําคัญของสว นเบยี่ งเบนมาตรฐาน (1) สว นเบ่ียงเบนมาตรฐานมีคา เปน บวกเสมอ และมหี นว ยเดียวกบั คาของขอมูล (2) ถาคํานวณหาสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานโดยใชคากลางของขอมูลชนิดอื่นท่ีไมใชคาเฉล่ียเลข คณิต คาของสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานที่ไดจะมีคามากกวาสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานท่ีใช คาเฉลยี่ เลขคณติ เสมอ (3) The 25% Rule สามารถนําไปหาคาประมาณของสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานจากพิสัย โดย พิจารณาวา ถาประมาณ 95% ของขอมูลทั้งหมดอยูในชวง (x� − 2s, x� + 2s) แลวถาให พสิ ัยมคี า ประมาณ 4 เทา ของสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน S = พสิ ยั 4 3. ความสัมพันธร ะหวา งการแจกแจงความถี่ คากลาง และการกระจายของขอ มูล ลักษณะของการกระจายของขอมลู อาจแบง เปน 3 แบบ พิจารณาฮิสโทแกรมตอไปนี้ รูปท่ี (1) ลกั ษณะการกระจายของขอมูลในแบบที่ (1) เปนการกระจายแบบสมมาตร (symmetric รูปที่ (2) distribution) คาเฉล่ียเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยม มีคาเทากัน หรืออยูที่จดุ เดียวกัน รูปที่ (3) คอื จุดที่มคี วามถี่สูงสุด เปนการกระจายทีเ่ บทางขวา (right-skewed distribution) แทง ส่เี หลีย่ มมุมฉากของ ฮสิ โทแกรม ท่ีมีความถน่ี อ ยและนอยที่สดุ อยูทางดานขวา คาเฉลย่ี เลขคณิตจะมคี า มากทส่ี ุด รองลงมาเปน มธั ยฐาน และฐานนิยมตามลาํ ดับ เปนการกระจายเบท างซา ย (left- skewed distribution) แทง ฮิสโทรแกรมท่ีมีความถีน่ อย และคา นอยท่สี ุดจะอยูทางดานซา ย ฐานนิยมจะมีคา มากท่ีสดุ รองลงมาเปน มธั ยฐาน และ คาเฉลี่ยเลขคณติ จะมีคานอยทสี่ ดุ เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 66

¢ÍŒ Êͺ O-NET àÃÍ่× § Ê¶ÔµÔ »‚2549 1. ถา ขอมูลชุดหน่ึงประกอบดวย 10 , 12 , 15 , 13 , และ 10 ขอความในขอใดตอ ไปนเ้ี ปนเทจ็ สําหรบั ขอ มูลชุดนี้ 1. มธั ยฐาน เทากับ 12 2. ฐานนิยม นอ ยกวา 12 3. ฐานนิยม นอ ยกวา คา เฉล่ียเลขคณิต 4. คา เฉลยี่ เลขคณิต มากกวา 12 2. ครอบครัวหน่ึงมีบุตร 4 คน บุตร 2 คนมีน้ําหนักเทากันและมีน้ําหนักนอยกวาบุตรอีก 2 คน ถานํ้าหนัก ของบุตรท้ัง 4 คน มีคาฐานนิยม มัธยฐาน และพิสัยเทากับ 45,47.5และ 7 กิโลกรัม ตามลําดับ แลว คาเฉล่ียเลขคณติ ของนาํ้ หนกั ของบุตรทั้ง 4 คน มคี าเทากบั ขอ ใดตอไปนี้ 1. 46 กิโลกรมั 2. 47 กโิ ลกรมั 3. 48 กโิ ลกรัม 4. 49 กิโลกรัม 3. ถาในป พ.ศ.2547 คาเฉล่ียเลขคณิตของอายุพนักงานของบริษัทแหงหนึ่งเทากับ 23 ป ในปตอมา บริษัท ไดรับพนักงานเพิ่มข้ึนอีก 20 คน ทําใหคาเฉล่ียเลขคณิตของอายุพนักงานในป พ.ศ. 2548 เทากับ 25 ป และผลรวมของอายุของพนักงานเพ่ิมข้ึนจากป พ.ศ. 2547 อีก 652 ป เม่ือส้ินป พ.ศ. 2548 บริษัทแหงนี้ มีพนกั งานท้งั หมดจาํ นวนเทา กบั ขอใดตอไปนี้ 1. 76 คน 2. 96 คน 3. 326 คน 4. 346 คน 4. ขอมูลชดุ หนง่ึ มี 10 จาํ นวนประกอบดวยจํานวนตอไปน้ี 4, 8 , 8 , 9 , 14 , 15 , 18 , 18 , 22 , 25 ควอรไ ทลทีส่ ามของขอ มลู ชดุ น้มี คี าเทากบั เทาใด เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 67

5. มขี อมลู 5 จาํ นวน ซึ่งเรยี งจากนอยไปมาก คือ x1, x2, x3, x4, x5 โดยมี xi = 7 คาเฉลี่ยเลขคณิตเทากับ x� และความแปรปรวนเทา กบั 16 ถากําหนดตารางแสดงคา ของ xi − x� ดังน้ี i xi − x� แลวคาของ x� เทา กบั ขอใดตอไปนี้ 1 7 − x� 1. 10 2 -3 2. 10.5 3 -1 3. 12 4 3 4. 12.5 56 6. ถาน้าํ หนัก (คิดเปน กโิ ลกรัม) ของนักเรยี น 2 กลมุ กลุมละ 6 คน เขยี นเปนแผนภาพ ตน -ใบ ไดดังน้ี นกั เรยี นกลมุ ท่ี 1 นกั เรยี นกลมุ ท่ี 2 864349 8664224 50 ขอสรปุ ในขอใดตอไปน้ีถูกตอง 1. นาํ้ หนกั เฉล่ียของนักเรียนกลุมที่ 2 มากกวาน้าํ หนักเฉลย่ี ของนักเรยี นกลุมท่ี 1 2. ฐานนิยมของนํ้าหนักของนักเรยี นกลุม ท่ี 2 มากกวาฐานนิยมของน้ําหนักของนักเรียนกลุมที่ 1 3. มัธยฐานของนํ้าหนักของนักเรียนกลมุ ที่ 2 มากกวา มธั ยฐานของนาํ้ หนักของนกั เรียนกลุมท่ี 1 4. มัธยฐานของน้าํ หนักของนักเรียนทั้งหมด มากกวามธั ยฐานของนา้ํ หนักของนกั เรียนกลุมที่ 1 7. จากแผนภาพกลองของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนจาํ แนกตามเพศดงั นี้ ขอสรปุ ในขอใด ตอไปน้ีถูกตอง 1. คะแนนสอบเฉลยี่ ของวชิ าคณิตศาสตรข องนกั เรียนชายสงู กวาคะแนนเฉล่ียวิชาคณิตศาสตรข อง นกั เรยี นหญงิ 2. คะแนนสอบของนักเรยี นชายมีการกระจายเบข วา 3. คะแนนสอบวชิ าคณิตศาสตรของนักเรยี นหญิงมีการกระจายมากกวา คะแนนสอบวชิ าคณติ ศาสตรของ นกั เรยี นชาย 4. คะแนนสอบวชิ าคณิตศาสตรของนักเรยี นหญิงมีการกระจายเบขวา เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 68

»‚ 2550 1. ผลการสอบวิชาคณิตศาสตรของนายคณติ ในช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 4 เปนดังนี้ รหสั วิชา ค41101 ค42101 ค41102 ค41202 จํานวนหนวยกติ 1 1.5 1 1.5 เกรด 2.5 3 3.5 2 เกรดเฉล่ยี ของวิชาคณติ ศาสตรข องนายคณติ ในชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 4 เทากับขอ ใดตอไปนี้ 1. 2.60 2. 2.65 3. 2.70 4. 2.75 2. อายเุ ฉลีย่ ของคนกลมุ หนึง่ เทา กบั 31 ป ถา อายุเฉลย่ี ของผูหญงิ กลมุ นเี้ ทากับ 35 ป และอายุเฉล่ยี ของ ผูช ายในกลมุ นีเ้ ทากบั 25 ป แลวอตั ราสว นระหวา งจาํ นวนผูหญงิ ตอ จํานวนผูช ายในกลมุ เทากบั ขอใด ตอ ไปน้ี 1. 2 : 3 2. 2 : 5 3. 3 : 2 4. 3 : 5 3. ความสัมพันธระหวางกําไร (y) และราคาทุน (x) ของสินคาในรานแหงหน่ึง เปนไปตามสมการ y = 2x − 30 ถาราคาทุนของสินคา 5 ชนิด คือ 31, 34, 35, 36 และ 39 บาท แลวคาเฉล่ียเลขคณิต ของกําไรในการขายสินคา 5 ชนิดนี้ เทา กบั ขอใดตอ ไปน้ี 1. 25 บาท 2. 30 บาท 3. 35 บาท 4. 40 บาท เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 69

4. ตารางแจกแจงความถ่ี แสดงจํานวนนักเรียนในชวงอายตุ า งๆ ของนักเรียนกลมุ หนึ่ง เปนดงั น้ี ชวงอายุ (ป) ความถ่ี (คน) อายเุ ฉลี่ยของนักเรยี นกลุมนี้ เทา กบั ขอใดตอ ไปนี้ 1–5 4 1. 9 ป 2. 9.5 ป 6 – 10 9 3. 10 ป 4. 10.5 ป 11 – 15 2 16 - 20 5 5. กําหนดใหข อมูลชุดหน่ึง คือ 10, 3, x, 6, 6 ถา คาเฉล่ยี เลขคณิตของขอมูลชุดนี้ มคี าเทากับมธั ยฐาน แลว x มีคา เทากบั ขอใดตอ ไปนี้ 1. 3 2. 4 3. 5 4. 6 6. เมอื่ สองปกอนนกั เรยี นหอ งหน่ึงมี 30 คน แบง ออกไดเปนสองกลุมกลุมที่หนึ่งมี 10 คน ทุกคนมีอายุ 10 ป และกลุมที่สองมี 20 คน มีอายุเฉล่ีย 8.5ป ถาความแปรปรวนของอายุนักเรียนในกลุมท่ีสอง เทากับ 0 แลวในปจจบุ นั ความแปรปรวนของอายุนกั เรียนหองน้ี เทากบั ขอใดตอ ไปนี้ 1 2 5 8 1. 2 2. 3 3. 2 4. 3 8. แผนภาพ ตน -ใบ ของขอมูลแสดงนา้ํ หนกั (กโิ ลกรมั ) ของนักเรียนกลมุ หน่งึ เปน ดงั น้ี 4210 508322 60314 เม่ือสมุ เลือกนักเรยี นมา1 คน จากกลุมน้ี ความนาจะเปน ทีจ่ ะไดน ักเรียนทีม่ ีนํ้าหนกั นอยกวาฐานนิยมของ กลมุ มคี าเทา กับขอใดตอไปน้ี 5 1 1 12 1 1. 4 2. 3 3. 4. 2 เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 70

9. จากการทดสอบนักเรียนจํานวน 100 คนใน 2 รายวิชา แตละรายวิชามีคะแนนเต็ม 150 คะแนน ถาผล การทดสอบทงั้ สองรายวชิ า เขยี นเปน แผนภาพกลองไดดังนี้ แลวขอสรุปในขอใดตอไปนี้ถูก 1. คะแนนสอบท้ังสองรายวิชามกี ารแจกแจงแบบปกติ 2. จาํ นวนนกั เรยี นที่ไดค ะแนนไมเ กนิ 80 คะแนน ในรายวิชาที่ 1 มากกวาจํานวนนกั เรียนที่ไดค ะแนนไม เกิน 80 คะแนน ในรายวชิ าท่ี 2 3. คะแนนสงู สดุ ท่ีอยูในกลุม 25 % ตํา่ สดุ ของผลการสอบรายวิชาที่ 1 นอ ยกวาคะแนนสูงสดุ ที่อยใู นกลมุ 25 % ต่ําสุด ของผลการสอบรายวชิ าที่ 2 4. จํานวนนักเรยี นที่ไดคะแนนระหวา ง 60 - 80 คะแนน ในการสอบรายวิชาท่ี 2 นอ ยกวา จํานวนนกั เรยี น ทีไ่ ดค ะแนนในชวงเดียวกัน ในการสอบรายวิชาที่ 1 »‚ 2551 1. กาํ หนดใหขอมูลชดุ ท่ีหนง่ึ ซ่งึ ประกอบดว ย x1, x2,x3, ⋯ , x10 มคี า เฉล่ียเลขคณติ เทากบั x� และขอมูลชดุ ท่ี สองซ่ึงประกอบดว ย y1, y2,y3, ⋯ , y20 มคี าเฉลี่ยเลขคณิตเทา กบั y� โดยท่ี 10 − x) 2 = 160 , ∑(xi i=1 20 (y − y) 2 = 110 และ x� = y� นําขอมูลท้งั สองชุดมารวมเปนชดุ เดยี วกนั แลว สว นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ∑ i i =1 ของขอมูลชุดใหมเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 3 2. 5 3. 7 4. 9 2. ในการทดสอบความถนดั ของนกั เรยี นกลุม หนึง่ มีตารางแจกแจงความถ่ีของผลการสอบดังนี้ ชวงคะแนน ความถี่ (คน) ถาคาเฉลี่ยเลขคณิตของคะแนนสอบเทากับ 11 แลว นักเรียนท่ี 0-4 4 5-9 5 สอบไดคะแนนในชวง 5-14 คะแนนมีจํานวนคิดเปนรอยละของ 10-14 x 15-19 7 นักเรยี นกลุม นี้ เทากับขอ ใดตอไปน้ี 1. 46.67% 2. 56.67% 3. 63.33% 4. 73.33% เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 71

3. แมคานําเมล็ดมะมวงหิมพานต 1 กิโลกรัม ถ่ัวลิสง 3 กิโลกรัม และเมล็ดฟกทอง 4 กิโลกรัม มาผสมกัน แลวแบงใสถุงๆ ละ 100 กรัม ถาแมคาซ้ือเมล็ดมะมวงหิมพานต ถั่วลิสงและเมล็ดฟกทอง มาในราคา กิโลกรัมละ 250 บาท 50 บาท และ 100 บาท ตามลําดับ แลวแมคาจะตองขายเมล็ดพืชผสมถุงละ 100 กรมั นใ้ี นราคาเทา กบั ขอใดตอ ไปน้ี จงึ จะไดกาํ ไร 20% เม่อื ขายหมด 1. 10 บาท 2. 12 บาท 3. 14 บาท 4. 16 บาท 4. ในการแขงขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งท่ี 24 ซึ่งประเทศไทยเปนเจาภาพ มีการสงรายชื่อนักกีฬาจาก ประเทศไทย 379 คน มีอายุเฉล่ีย 22 ป ถามีการถอนตัวนักกีฬาไทยออก 4 คน ซ่ึงมีอายุ 24, 25, 25 และ 27 ปและมกี ารเพิม่ นกั กฬี าไทยอีก 5 คน ซง่ึ มอี ายเุ ฉล่ีย 17 ปแลว อายขุ องนักกีฬาจากประเทศไทย จะเทากับขอใดตอไปนี้ 1. 21.6 ป 2. 21.7 ป 3. 21.8 ป 4. 21.9 ป 5. พนักงานโรงแรมแหงหนึ่งจํานวน 1,000 คน ไดรับเงินเดือนเฉล่ียคนละ 8,000 บาท มีสวนเบ่ียงเบน มาตรฐานเทากับ 1,000 บาท ถาการกระจายของเงินเดอื นพนกั งานจากโรงงานแหง น้ีเปน แบบปกตแิ ลว ขอ สรปุ ใดตอไปนผี้ ดิ 1. พนกั งานจํานวนนอ ยกวา 100 คน ไดร ับเงนิ เดือนนอ ยกวา 6,000 บาท 2. พนักงานอยางมาก 930 คน ไดร ับเงนิ เดอื นมากกวา หรอื เทา กบั 6,000 บาท 3. พนักงานที่ไดรบั เงนิ เดือนมากกวา 10,000 บาท มีจํานวนนอ ยกวา 70 คน 4. ถาในปต อไปพนักงานไดร ับเงนิ เดอื นเพ่มิ ขึ้นคนละ 400 บาท แลว สว นเบ่ียงเบนมาตรฐานของ เงนิ เดือนพนกั งานโรงงานน้ยี ังคงเดมิ 6. กาํ หนดแผนภาพ ตน-ใบ ของขอมูลชดุ หน่ึง ดงั นี้ 2. มัธยฐาน < คา เฉล่ียเลขคณติ < ฐานนิยม 0 375 4. คา เฉลย่ี เลขคณติ < มัธยฐาน < ฐานนิยม 1 643 2 0212 3 01 สาํ หรับขอ มูลชุดน้ี ขอใดตอไปน้ีเปน จรงิ 1. มัธยฐาน < ฐานนยิ ม < คาเฉลย่ี เลขคณิต 3. คาเฉล่ียเลขคณิต < ฐานนยิ ม < มัธยฐาน เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 72

»‚ 2552 1. สวนสูงของพี่นอง 2 คน มีพิสัยเทากับ 12 เซนติเมตร มีคาเฉล่ียเลขคณิตเทากับ 171 เซนติเมตร ขอใด ตอ ไปนเี้ ปนสวนสูงของพ่ีหรือนอ งคนใดคนหน่ึง 1. 167 เซนติเมตร 2. 172 เซนติเมตร 3. 175 เซนตเิ มตร 4. 177 เซนตเิ มตร 2. ขอมูลชุดหน่ึงประกอบดว ย 4, 9, 2, 7, 6, 5, 4, 6, 3, 4 ขอใดตอไปนี้ถกู ตอง 1. คา เฉลีย่ เลขคณติ < ฐานนยิ ม < มัธยฐาน 2. ฐานนยิ ม < มัธยฐาน < คาเฉลีย่ เลขคณติ 3. ฐานนิยม < คา เฉล่ยี เลขคณิต < มธั ยฐาน 4. มธั ยฐาน < ฐานนิยม < คาเฉลี่ยเลขคณติ 3. ความสงู ในหนว ยเซนตเิ มตรของนักเรียนกลุมหนึง่ ซึง่ มี 10 คน เปน ดงั นี้ 155, 157, 158, 158, 160, 161, 161, 163, 165, 166 ถามนี ักเรยี นเพ่ิมขึน้ อีกหนึ่งคนซง่ึ มีความสูง 158 เซนติเมตร แลว คาสถติ ิใดตอไปนี้ ไมเปล่ียนแปลง 1. คา เฉลยี่ เลขคณิต 2. มธั ยฐาน 3. ฐานนยิ ม 4. พิสัย 4. ขอมลู ชุดหนึ่งมีคา เฉล่ียเลขคณิตเทา กบั 20 มัธยฐานเทา กับ 25 และฐานนิยมเทากบั 30 ขอ สรุปใดตอไปนถี้ กู ตอ ง 1. ลักษณะการกระจายของขอมูลเปน การกระจายที่เบทางซา ย 2. ลักษณะการกระจายของขอมูลเปนการกระจายท่ีเบทางขวา 3. ลักษณะการกระจายของขอมลู เปน การกระจายแบบสมมาตร 4. ไมส ามารถสรุปลกั ษณะการกระจายของขอ มลู ได เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 73

5. จากการสอบถามเยาวชนจาํ นวน 12 คน วาเคยฟง พระธรรมเทศนามาแลว จํานวนกคี่ รงั้ ปรากฏผลดัง แสดงในแผนภาพตอไปนมี้ ัธยฐานของขอมูลน้ีคือขอใด 1. 3 ครัง้ 2. 3.25 ครัง้ 3. 3.5 คร้งั 4. 4 คร้งั »‚ 2553 1. คา เฉลีย่ เลขคณติ ของน้ําหนักของพนักงานของบริษัทหน่ึง เทากับ 48.01 กิโลกรัม บริษัทนี้มีพนักงานชาย 43 คน และพนักงานหญิง 57 คน ถา คา เฉลย่ี เลขคณิตของน้ําหนักพนักงานหญิงเทากับ 45 กิโลกรัม แลว นาํ้ หนักของพนกั งานชายทง้ั หมดรวมกันเทากับขอใด 1. 2,236 กโิ ลกรัม 2. 2,279 กโิ ลกรัม 3. 2,322 กโิ ลกรัม 4. 2,365 กโิ ลกรมั 2. สาํ หรบั ขอ มูลเชิงปริมาณใดๆ ที่มีคาสถิตติ อ ไปนี้ คาสถิตใิ ดจะตรงกบั คาของขอ มูลคาหนึง่ เสมอ 1. พสิ ยั 2. คาเฉลีย่ 3.มัธยฐาน 4.ฐานนิยม 3. ขอ มูลตอไปนี้แสดงนา้ํ หนกั ในหนวยกิโลกรมั ของนักเรยี นกลุมหน่ึง 41, 88, 46, 42, 43, 49, 44, 45, 43, 95, 47, 4 คากลางในขอใดเปน คาท่ีเหมาะสมที่จะเปนตวั แทนของขอมลู ชดุ น้ี 1. มธั ยฐาน 2. ฐานนยิ ม 3. คา เฉลย่ี เลขคณิต 4. คา เฉลยี่ ของคาสงู สดุ และคาตา่ํ สดุ เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 74

4. คะแนนสอบความรูท่วั ไปของนกั เรยี น 200 คน นําเสนอโดยใชแผนภาพกลองดังนี้ ขอ ใดเปน ขอเทจ็ 1. จํานวนนักเรียนท่ีทาํ ได 12 ถึง 16 คะแนน มีเทากบั จาํ นวนนักเรยี นท่ที ําได 16 ถึง 18 คะแนน 2. จาํ นวนนักเรยี นท่ีทาํ ได 12 ถงึ 18 คะแนน มีเทากบั จาํ นวนนักเรยี นท่ที าํ ได 18 ถงึ 24 คะแนน 3. จํานวนนกั เรียนทท่ี าํ ได 10 ถึง 12 คะแนน มีเทากับ จํานวนนักเรียนท่ีทาํ ได 18 ถงึ 24 คะแนน 4. จํานวนนกั เรียนทีท่ าํ ได 10 ถึง 16 คะแนน มเี ทากบั จาํ นวนนกั เรียนทท่ี าํ ได 16 ถึง 24 คะแนน »‚ 2554 1. ในการสาํ รวจนาํ้ หนกั ตัว ของนกั เรยี นในชน้ั เรยี นทม่ี ีนักเรยี น 30 คน เปนดงั น้ี นํ้าหนกั (กโิ ลกรัม) ความถ่ีสะสม (คน) คาเฉล่ียเลขคณิตของนํ้าหนักตัวของนักเรียนในชั้นเรียนนี้ 30 - 49 10 เทากับกี่กโิ ลกรมั 50 - 69 26 70 - 89 30 2. ขอมูลชดุ หนง่ึ เรยี งลาํ ดบั จากนอยไปมากไดดังนี้ 233x4y7 4 √7 ถาคา เฉลีย่ เลขคณติ และสวนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของขอมูลชุดนี้เทา กับ 4 และ ตามลาํ ดับ แลว y − x มคี า เทา ใด 3. ชายคนหน่ึงตักปลาท่ีเลี้ยงไวในกระชังเพ่ือสงขายจํานวน 500 ตัว ซึ่งมีน้ําหนักโดยเฉลี่ยตัวละ 700 กรัม ในจํานวนนี้เปน ปลาจากกระชังท่ีหน่ึง 300 ตัว และจากกระชังท่ีสอง 200 ตัว ถาปลาในกระชัง ที่หนึ่งมีนํ้าหนักเฉลี่ยตอตัวมากกวาในกระชังที่สอง 50 กรัม แลวเขาตักปลาจากกระชังท่ีสองมากี่ กโิ ลกรมั เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 75

4. ในการสํารวจอายุของคนในหมูบา นแหงหน่งึ เปนดังนี้ คา x ในตารางแจกแจงความถ่สี ัมพทั ธเทา กับเทาใด อายุ (ป) ความถี่ (คน) ความถส่ี ัมพัทธ 0 - 10 10 11 - 20 25 x 21 - 30 35 31 - 40 0.10 41 - 50 40 51 - 60 20 61 - 70 15 71 - 80 3 81 - 90 2 5. คะแนนสอบวชิ าคณติ ศาสตรข องนักเรียนหองหนึง่ แสดงดว ยแผนภาพ ตน - ใบ ดังน้ี 3 049 4 077888 5 00122346677889 6 0233689 7 01 เปอรเซน็ ตไทลท่ี 50 ของคะแนนสอบน้ีเทากับคะแนนเทา ใด »‚ 2556 1. คากลางของขอ มลู ในขอ ใดมีความเหมาะสมทจ่ี ะใชเปนตัวแทนของขอมูลของกลุม 1. คา เฉลีย่ เลขคณิตของนํา้ หนกั ตวั ของชาวจงั หวดั เชยี งใหม 2. คา เฉล่ียเลขคณิตของจาํ นวนหนาของหนังสอื ทคี่ นไทยแตล ะคนอานในป พ.ศ. 2554 3. มธั ยฐานของจํานวนเงนิ ทแี่ ตละคนใชจายตอเดอื นของคนไทย 4. ฐานนยิ มของความสงู ของนกั เรียนหองหนึง่ 5. คาเฉล่ยี ของฐานนิยมกับมัธยฐานของคะแนนสอบของนักเรยี นทงั้ โรงเรียน เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 76

2. ขอมลู ชุดหน่ึงมี 11 จาํ นวนดังน้ี 15, 10, 12, 15, 16, x, 16, 19, 13, 17 ,15 ถา คา เฉลยี่ เลขคณติ ของขอ มลู ชดุ นเ้ี ทา กับ 15 แลว กาํ ลงั สองของสวนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของขอ มูลชดุ นี้ เทา กับขอ ใด 1. 6.4 2. 4.9 3. 3.6 4. 2.6 5. 1.8 3. ในการสํารวจนํ้าหนักตัวของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ของโรงเรียนแหงหน่ึง ซึ่งมี 3 หอง มีจํานวน นักเรยี น 44, 46 และ 42 คน ตามลาํ ดบั ปรากฏวามีคาเฉล่ียเลขคณิตเทา กับ 50 กโิ ลกรัม แตพบวาเคร่ือง ชัง่ ที่ใชส าํ หรับนักเรียนหองแรกมีความคลาดเคล่ือนทําใหช่ังนํ้าหนักไดตัวเลขสูงเกินจริงคนละ 1 กิโลกรัม ดังนน้ั คา เฉล่ียเลขคณติ ท่ถี ูกตองของน้ําหนักตวั ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6 นเ้ี ทากับกก่ี ิโลกรมั 1 1 2 3 1. 49 2. 49 3 3. 49 2 4. 49 3 5. 49 4 4. คะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนกั เรียน 50 คน มตี ารางแจกแจงความถี่ดังน้ี ชว งคะแนน จาํ นวนนักเรยี น (คน) คาเฉลี่ยเลขคณติ ของคะแนนสอบนี้เทากับเทาใด 1 – 20 3 21 – 40 5 41 – 60 13 61 – 80 20 81 – 100 9 เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 77

5. แผนภาพตน-ใบของขอมูลชุดหนึง่ เปนดงั น้ี 2. ก. ถูก และ ข. ผิด 2 00358 4. ก. ผิด และ ข. ผดิ 3 14467 4 3357 5 1222 6 35 พจิ ารณาขอ ความตอ ไปน้ี ก. ขอมลู ชุดนไี้ มมฐี านนยิ ม ข. มัธยฐานของขอมูลชุดนีเ้ ทากับ 40 ขอ ใดตอ ไปนี้ถูกตอ ง 1. ก. ถูก และ ข. ถกู 3. ก. ผิด และ ข. ถกู »‚ 2558 1. บรษิ ทั หนึง่ มยี อดขายในแตล ะไตรมาสของป 2557 เปนตามลําดบั ดงั น้ี 17 21 19 23 (หนวย : ลา นบาท) การพยากรณย อดขายในไตรมาสถัดไปจะใชคาเฉลี่ยเลขคณิตถวงน้ําหนัก ถาบริษัทถวงนํ้าหนักขอมูลดวย 1, 1, 1 และ 3 ตามลาํ ดับแลว คาเฉล่ยี เลขคณิตถวงนํ้าหนักของขอมูลชุดนเ้ี ทา กับเทาใด 1. 13.33 ลา นบาท 2. 18.00 ลานบาท 3. 20.00 ลานบาท 4. 21.00 ลานบาท 5. 31.50 ลานบาท 2. บริษัทขนสงพัสดุแหงหน่ึงไดบันทึกระยะทาง (หนวย : กิโลเมตร) ในการสงของในแตละวัน เปนเวลา 30 วนั เมอ่ื เรยี งลําดับขอมูลจากนอ ยไปมาก ดังนี้ 33 37 43 44 44 55 58 65 65 66 71 74 75 75 78 81 81 81 82 84 86 86 87 89 89 92 92 93 93 95 แลว เปอรเ ซนไทลท่ี 33 ของขอ มูลชดุ น้ี เทากบั เทาใด 1. 66.00 กิโลเมตร 2. 66.50 กโิ ลเมตร 3. 67.15 กโิ ลเมตร 4. 70.00 กโิ ลเมตร 5. 70.25 กิโลเมตร เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 78

3. ยอดขายตอ เดอื น (หนว ย : หม่นื บาท) ของบริษัทแหงหน่งึ ในระยะเวลา 10 เดือน เปนดงั นี้ ขอ ใดถกู 154 151 148 405 158 157 158 148 148 153 1. คา เฉลย่ี เลขคณิต (x�) เปนคา กลางทีเ่ หมาะสมทสี่ ุดสําหรับเปน ตัวแทนของขอมูลน้ี และ x� = 178 2. ฐานนยิ ม เปนคา กลางที่เหมาะสมทส่ี ุดสาํ หรับเปน ตวั เทนของขอ มูลนี้ และฐานนยิ ม = 148 3. ฐานนยิ ม เปน คา กลางทเี่ หมาะสมที่สุดสาํ หรบั เปนตัวเทนของขอมูลนี้ และฐานนยิ ม = 158 4. มัธยฐาน เปนคา กลางที่เหมาะสมทสี่ ดุ สําหรับเปน ตัวแทนของขอมุลน้ี และมัธยฐาน = 157.5 5. มธั ยฐาน เปนคากลางทเี่ หมาะสมทสี่ ุดสาํ หรบั เปน ตวั แทนของขอ มลุ น้ี และมัธยฐาน = 153.5 4. กําหนดให y เปนรายไดตอเดือนของพนักงาน (หนวย : หม่ืนบาท) และ x เปนจํานวนปท่ีพนักงานใชใน การศกึ ษาระดบั อุดมศกึ ษา โดย x และ y สัมพันธก นั ดงั น้ี yi = 2xi + 1 เมอื่ i = 1, 2, 3, ⋯ ถา พนกั งานสคี่ น ซ่งึ มีรายไดตอเดือนเปน 5, 7, 9, a (หม่ืนบาท) และคาเฉลี่ยเลขคณิต (x�) ของจํานวนป ท่ีพนักงานใชในการศึกษาระดับอุดมศึกษาเทากับ 4 แลว ความแปรปรวนของรายไดตอเดือน เทากับ เทาใด 2. 14.00 (หม่ืนบาท) 2 3. 15.00 (หมืน่ บาท) 2 1. 9.00 (หมนื่ บาท) 2 5. 21.33 (หม่นื บาท) 2 4. 18.67 (หม่นื บาท) 2 5. ขอ มลู ชุดหนึง่ มี 8 คา เรียงจากนอยไปมาก ดังนี้ 74 78 80 80 a 90 90 ถา ขอ มลู ชดุ น้มี พี สิ ัยเทากบั 18 และมัธยฐานกบั 85 แลว คา เฉลีย่ เลขคณติ เทากับเทาใด เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 79

6. ในการสมุ ตัวอยางเพ่อื สํารวจขอ มลู ราคามะนาว (ตอ ผล) จากตลาด 5 แหง ไดขอมูลดังนี้ 2 10 6 8 9 (หนวย : บาท) ถา x� คือ คาเฉลีย่ เลขคณติ ของขอ มลู S คือ สว นเบ่ียงเบนมาตรฐานของขอ มลู แลว รอ ยละของจาํ นวนทีอ่ ยูในชว ง(x� − s, x� + s) เทา กับเทา ใด (กําหนดให √2 = 1.414, √2.5 = 1.58, √10 = 3.16) »‚ 2559 1. ในการสอบวิชาภาษาไทยของนักเรียน 5 คน ปรากฏวาคาเฉล่ียเลขคณิตของคะแนนสอบของ ไก นอง และ นิด เทากับ 65 คะแนน แตห ากคิดคะแนนสอบของ แอน และ จ๋ิว รวมกับสามคนแรก จะไดคาเฉล่ีย เลขคณิตเทากับ 75 คะแนน ถา แอน ไดคะแนนสอบมากกวาจิ๋ว 25 คะแนน แลว จิ๋วไดคะแนนสอบ เทา ใด 1. 6.92 คะแนน 2. 12.50 คะแนน 3. 77.50 คะแนน 4. 82.50 คะแนน 5. 141.00 คะแนน 2. การสอบวิชาภาษาอังกฤษ แบงเปนสอบยอย 2 คร้ัง และสอบปลายภาคเรียน 1 ครั้ง โดยคิดคาเฉล่ียเลข คณิตของคะแนนสอบทัง้ 3 ครั้ง แบบถวงนา้ํ หนัก ดว ยน้าํ หนัก w1, w2 และ w3 ตามลําดบั w1 และ 3 w1+w2+w3 ∑ให Pi , i = 1, 2, ⋯ Pi =1 = 3, , P1 = 0.15 , P2 = 0.25 i =1 ถา นกั เรียนคนหน่งึ ไดค ะแนนสอบยอ ย 74 และ 80 คะแนน คะแนนสอบปลายภาคเรียน 62 คะแนน จาก คะแนนเต็มแตละคร้ัง 100 คะแนน แลว คาเฉล่ียเลขคณิตของคะแนนสอบแบบถวงนํ้าหนักของนักเรียน คนนีม้ คี าเทา ใด 1. 68.3 คะแนน 2. 70.7 คะแนน 3. 72.0 คะแนน 4. 73.7 คะแนน 5. 74.5 คะแนน เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 80

3. ขอมูลชุดหนึ่งเปนจํานวนเต็มบวก 4 จํานวน ถาฐานนิยมเทากับ 6 มัธยฐานเทากับ 5 และพิสัยเทากับ 4 แลวผลบวกของขอ มูลชุดนม้ี คี าเทา ใด 1. 15 2. 18 3. 19 4. 20 5. 24 4. ขอ มูลชดุ หนึง่ มกี ารกระจายแบบสมมาตร ถาชวง (x� − 3s, x� + 3s) เทา กบั (1400, 1580) ถา x� คอื คาเฉล่ยี เลขคณติ ของขอมลู และ S คอื สว นเบ่ียงเบนมาตรฐานของขอมูล แลว คาเฉล่ยี เลขคณิต (x�) และความแปรปรวน (s2) ของขอ มูลชุดนี้ คือขอใด 1. x� = 1445 และ s2 = 2025 2. x� = 1445 และ s2 = 45 3. x� = 1490 และ s2 = 45 4. x� = 1490 และ s2 = 2025 5. x� = 1490 และ s2 = 900 5. ถาขอมูลของระยะเวลาของการใหบ ริการลูกคา 20 คน ของธนาคารแหงหนึ่งเปนดังน้ี ระยะเวลา 3 4 5 6 7 8 แลว คาเฉล่ียเลขคณิต มัธยฐาน (นาที) ฐานนิยม และการกระจายของ จํานวนลกู คา 8 5 3 2 1 1 ขอมูลของระยะเวลาการใหบริการ (คน) ตรงกบั ขอใด 1. คา เฉล่ียเลขคณติ เทากับ 4.3 นาที มธั ยฐานเทา กับ 4 นาที ฐานนิยมเทากับ 3 นาที เปน การกระจายแบบเบทางขวา 2. คาเฉลีย่ เลขคณติ เทากับ 4.3 นาที มธั ยฐานเทา กับ 4 นาที ฐานนิยมเทากับ 3 นาที เปนการกระจายแบบสมมาตร 3. คาเฉล่ียเลขคณติ เทา กับ 4.3 นาที มัธยฐานเทา กบั 4 นาที ฐานนยิ มเทากบั 3 นาที เปน การกระจายแบบเบทางซา ย 4. คาเฉลีย่ เลขคณติ เทา กับ 4 นาที มธั ยฐานเทากบั 4 นาที ฐานนิยมเทากบั 4 นาที เปนการกระจายแบบสมมาตร 5. คา เฉลี่ยเลขคณิตเทากับ 4 นาที มัธยฐานเทากบั 4 นาที ฐานนยิ มเทากับ 3 นาที เปน การกระจายแบบเบท างขวา เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 81

6. คะแนนสอบปลายภาคเรียนของนกั เรยี นจาํ นวน 25 คน เปนดงั ตอไปน้ี 60 65 65 67 70 71 73 75 76 76 79 81 83 84 85 85 88 89 90 92 95 96 99 100 100 ให P25 เปนเปอรเซน็ ไทลที่ 25 และ P75 เปนเปอรเซน็ ไทลท ่ี 75 แลว P75 − P25 มคี า เทาใด »‚ 2560 2. 2, 4, 6, 8, 10, 12 1. ขอมลู ชุดใด มีสว นเบย่ี งเบนมาตรฐานทม่ี คี า มากท่สี ุด 4. 44, 44, 45, 45, 46, 46 1. 500, 500, 500, 500, 500, 500 3. 100, 100, 100, 101, 101, 101 5. 78, 78, 78, 78, 80, 80 2. ตารางแจกแจงความถแ่ี สดงอายุของเด็กท่ีเรียนวายน้ําของโรงเรยี นแหง หน่งึ เปน ดังน้ี อายุของเด็กท่ี ความถี่ คาเฉล่ียเลขคณิตของอายุเด็กกลมุ นี้เทากบั ขอ ใด 1. 7 ป 6 เดือน เรียนวายนาํ้ (ป) (คน) 2. 7 ป 7 เดือน 65 3. 7 ป 8 เดือน 7 10 4. 7 ป 9 เดือน 8 15 5. 8 ป 9 10 3. ผองศรีทําการเกบ็ ขอมูลชดุ หน่งึ โดยนํามาเรียงลําดบั จากนอ ยไปมากไดเปน 100 , 118 , 130 , 150 , 150 , 160 , 180 , 190 , 210 , 220 , 230 , 240 ในภายหลัง ผอ งศรีไดขอมูลมาเพิ่มอีกหนึ่งคา หลังจากผองศรีเพิ่มขอมูลคาใหมเขาไปในขอมูลชุดเดิมแลว ขอ ความใดเปน ไปไมไ ด 1. คาเฉลี่ยเลขคณิตเทาเดิม 2. มัธยฐานเทาเดมิ 3. มธั ยฐานเพมิ่ ข้นึ 20 4. พิสัยเทา เดมิ 5. พิสยั เพม่ิ ขนึ้ 20 เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพม่ิ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 82

4. ขอ มลู แสดงภูมิลําเนาของพนกั งานในบริษัทแหง หน่งึ เปนดงั น้ี ภมู ิลาํ เนา จาํ นวนพนักงาน (คน) ค า ก ล า ง ใ น ข อ ใ ด ใ ช เ ป น ตั ว แ ท น ข อ ง ภาคเหนือ 90 ภูมิลําเนาของพนักงานในบริษัทน้ีและคา ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื 30 กลางนั้นคืออะไร ภาคกลาง 50 ภาคตะวันออก 20 1. ฐานนยิ ม คือ ภาคเหนอื ภาคใต 10 2. ฐานนยิ ม คือ ภาคใต 3. ฐานนิยม คอื 90 4. มธั ยฐาน คือ 30 5. มธั ยฐาน คือ ภาคกลาง 5. ตารางแสดงนา้ํ หนัก (กรมั ) ตอ ผล ของมะนาวจากสวนแหง หน่งึ เปนดังน้ี นา้ํ หนัก (กรัม) ตอ ผล ความถ่สี มั พัทธ ความถ่สี ะสมสัมพัทธ 20 – 29 0.25 30 - 39 0.40 40 - 49 0.70 50 - 59 60 -69 0.25 ถาสุมมะนาวจากสวนแหงนี้มา 1 ผล ความนาจะเปนที่จะไดมะนาวท่ีมีน้ําหนักอยูในชวง 40 – 59 กรัม เทากับขอใด 1. 0.25 2. 0.30 3. 0.35 4. 0.40 5. 0.45 6. ขอ มลู ชุดหนง่ึ ประกอบดว ยจาํ นวนเตม็ บวก 10 จาํ นวน ดังนี้ 5 , 6 , 9 , 6 , 10 , 5 , 9 , 8 , x , y ถา คา เฉลีย่ เลขคณิตของขอมลู ชดุ น้คี ือ 7.2 แลว มธั ยฐานเทากบั เทาใด เอกสารประกอบการเรยี นเพอ่ื เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 83

7. คณุ ครกู ําหนดวาจะใหระดับคะแนน 4 แกนักเรียนท่ีสอบไดคะแนนสูงกวาเปอรเซ็นไทลท่ี 85 ผลการสอบ ของนกั เรยี นจํานวน 49 คน ปรากฏดงั แผนภาพตน – ใบ 34558 4056788 50123456677 62225558899 705556889 80233457 90345 จากผลการสอบนี้ นกั เรียนในกลุมทไี่ ดร บั คะแนน 4 ไดค ะแนนตํ่าสุดกคี่ ะแนน »‚ 2561 มธั ยฐานของคะแนนของนักเรียนกลุมนเี้ ทา กับ 1. ตารางแสดงคะแนนของนักเรียนจํานวน 33 คน เทาใด คะแนน จํานวนนกั เรยี น (คน) 30 7 1. 40 คะแนน 2. 42.5 คะแนน 35 6 40 2 3. 45 คะแนน 4. 47.5 คะแนน 45 8 50 10 5. 50 คะแนน 2. แผนภาพตน - ใบ แสดงขอ มูลซึง่ เปนจาํ นวนหนังสืออา นเลน ของนักเรียน 24 คน ขอใดถกู ตอง 0 7789 1 157 2 233357778 3 1111679 40 1. ฐานนิยมของขอมลู ชุดน้ี คือ 40 เลม 2. ฐานนยิ มของขอมลู ชดุ นี้ คือ 31 เลม 3. มธั ยฐานของขอมลู ชุดนี้ คือ 27 เลม 4. มัธยฐานของขอมลู ชดุ นี้ คือ 25 เลม 5. มัธยฐานของขอมูลชดุ น้ี คือ 23 เลม เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดที่ 2 หนา้ 84

3. วศิ วกรตองการตรวจสอบการทาํ งานของเคร่ืองตัดเหลก็ เคร่ืองหนงึ่ โดยใหเ ครอ่ื งตัดเหล็กเปน ทอ น ทอน ละ 50 เซนตเิ มตร จํานวน 50 ทอน พบวา 50% ของจาํ นวนเหล็กทต่ี ัดได ยาวทอนละ 50 เซนติเมตร พอดี แต 20% ของจาํ นวนเหล็กท่ตี ดั ได ส้ันไปทอนละ 0.5 เซนตเิ มตร และ 30% ของจํานวนเหล็กท่ีตัด ได ยาวไปทอนละ 0.5 เซนติเมตร คา เฉล่ียเลขคณิตของความยาวเหล็ก 50 ทอนนี้เปนก่ีเซนติเมตร 1. 49.50 เซนตเิ มตร 2. 49.95 เซนตเิ มตร 3. 50.00 เซนติเมตร 4. 50.05 เซนติเมตร 5. 50.50 เซนตเิ มตร 4. ขอ มลู แสดงราคาของขวัญท่นี ักเรยี น 6 คน ซื้อจากรานคาแหง หน่งึ เปน ดงั น้ี 40 , 50 , 60 , 70 , 90 , 890 คา กลางที่เหมาะสมสําหรับเปน ตัวแทนของราคาของขวัญของนักเรียนท้งั 6 คนน้ี คอื อะไร และคากลางนั้นเทา กบั เทาใด 1. ฐานนยิ ม เทากบั 65 บาท 2. คาเฉลี่ยเลขคณิต เทากบั 200 บาท 3. คา เฉลีย่ เลขคณติ เทา กับ 65 บาท 4. มัธยฐาน เทา กับ 200 บาท 5. มธั ยฐาน เทา กับ 65 บาท 5. ตารางแสดงคะแนนสอบและคา เฉลย่ี เลขคณติ ของคะแนนสอบของนกั เรยี นสี่คน จากการสอบหาคร้งั ท่ี แตล ะครัง้ มีคะแนนเต็มเทา กัน ครั้ง คะแนนสอบของนักเรยี น (คะแนน) คาเฉล่ยี เลขคณติ ของ ผลการสอบคร้งั ใดมีสวนเบีย่ งเบน มาตรฐานมากท่ีสุด ที่ คนท่ี 1 คนท่ี 2 คนท่ี 3 คนท่ี 4 คะแนนสอบ (คะแนน) 1. ครงั้ ที่ 1 1 10 11 11 12 11 2. คร้ังที่ 2 3. ครง้ั ที่ 3 2 13 13 9 9 11 4. ครง้ั ท่ี 4 5. ครัง้ ที่ 5 3 11 12 13 12 12 4 14 10 12 12 12 5 13 13 13 13 13 6. คะแนนสอบของนักเรียน 10 คน เปน ดังนี้ 8 , 12 , 20 , 20 , 21 , 25 , 27 , 27 , 27 , 30 เปอรเ ซ็นไทลท่ี 25 ของขอมูลชดุ นี้ เทา กับกี่คะแนน เอกสารประกอบการเรยี นเพอื่ เพมิ่ ผลสมั ฤทธ์ิ O-NET ชุดท่ี 2 หนา้ 85


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook