หนังสืออเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-Book) เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ เรื่อง พทุ ธประวตั ิ ช้ันประถมศึกษาปี ที่ ๒ นางสาวประสุตา กาญจนบุษย์ โรงเรียนอนุบาลนครปฐม สังกดั สานักงานเขตพืน้ ทีก่ ารศึกษานครปฐม เขต ๑
คานา การศกึ ษา “พุทธประวัติ” จะทาให้ผู้อ่านได้ทราบถงึ เรื่องราวขององค์ สมเด็จพระสมั มาสัมพทุ ธเจ้าตง้ั แต่อดตี ชาติ จนถึงการเสด็จดับขนั ธปรินิพพาน และหลักในการดาเนินชีวิตที่น่าสนใจ ที่สามารถนามาประยุกต์ใช้ในการ ดาเนนิ ชวี ิตไดอ้ ยา่ งมคี วามสขุ
สารบัญ เรือ่ ง หน้า แบบทดสอบกอ่ นเรียน ๔ ประสูติ ๙ พระราชาภเิ ษกสมรส ๑๑ เหตกุ ารณแ์ รกนาขวญั ๑๒ เทวทตู ท้งั ๔ ๑๓ ตรสั รู้ ๑๔ การสั่งสอน ๒๐ อบุ าสกอบุ าสกิ าตวั อยา่ ง ๒๓ แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทเรยี น ๒๙ แบบทดสอบหลงั เรียน ๔๐
แบบทดสอบกอ่ นเรียน เลอื กคาตอบทถี่ ูกทสี่ ดุ เพียงคาตอบเดยี ว ๑. สถานท่ีใดเป็นทีป่ ระสูตขิ องพระพุทธเจา้ ก.ใตต้ ้นโพธิ์ ข.ใตต้ น้ ไทร ค.ใตต้ ้นสาละ ๒. พระพุทธเจา้ มีพระนามว่าอะไร ก.เจ้าชายสุททนะ ข.เจ้าชายสิทธิศกั ด์ิ ค.เจา้ ชายสิทธตั ถะ ๓. หลงั จากประสตู ไิ ด้ ๗ วนั พระมารดาได้สวรรคต ใครเปน็ ผู้เลยี้ งดูพระพุทธเจา้ ก.นางปชาบดโี คตรมี ข.นางวสิ าขา ค.นางสชุ าดา
๔. ผู้ใดเปน็ ผทู้ านายว่าเจ้าชายสิทธตั ถะจะออกผนวช ก.โกณฑญั ญะ ข.พระเจา้ สุทโธทนะ ค.พระนางสริ มิ หามายา ๕. เจา้ ชายสทิ ธัตถะทรงอภเิ ษกสมรสเมื่อมพี ระชนมายุได้กีพ่ รรษา ก.๑๗ พรรษา ข.๑๕ พรรษา ค.๑๖ พรรษา ๖. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงออกผนวชเม่ือมีพระชนมายไุ ดก้ ีพ่ รรษา ก.๒๙ พรรษา ข.๓๐ พรรษา ค.๓๕ พรรษา ๗. เจ้าชายสทิ ธตั ถะทรงออกผนวชเม่อื มีพระชนมายไุ ดก้ ีพ่ รรษา ก.๓๕ พรรษา ข.๒๙ พรรษา ค.๓๐ พรรษา
๘. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงผนวชทร่ี มิ ฝงั แม่น้าใด ก.แมน่ า้ คงคา ข.แม่น้าเนรัชรา ค.แม่น้าอโนมา ๙. พระพทุ ธเจา้ ตรสั รเู้ มอื่ พระชนมายุไดเ้ ทา่ ไร ก.๒๙ พรรษา ข.๓๕ พรรษา ค.๔๐ พรรษา ๑๐. พระพทุ ธเจา้ ปรินพิ พานเม่ือพระชนมายไุ ดเ้ ท่าไร ก. ๓๕ พรรษา ข. ๔๕ พรรษา ค. ๘๐ พรรษา
ประสูติ
วันขึน้ ๑๕ คา่ เดือน ๖ กอ่ นพทุ ธศกั ราช ๘๐ ปี “สิทธตั ถะ กุมาร” ประสตู ิจากพระครรภ์พระนางสิรมิ หามายา พระมเหสีในพระ เจา้ สทุ โธทผคู้ รองแคว้นสักกะ ณ ลุมพินีวนั ระหว่างกรงุ กบลิ พสั ดุ์ และกรงุ เทวทหะ
พระราชาภเิ ษกสมรส คร้ันพระสิทธัตถะพระชันษาได้ ๑๖ ปี ได้อภเิ ษกสมรสกบั พระนางพมิ พา (ยโสธรา) พระราชบุตรีของพระเจ้า สุปปพทุ ธะ ในเทวทหนคร
เหตุการณแ์ รกนาขวัญ พระเจ้าสุทโธทนะ ได้พาเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จไปร่วมงาน พระราชพิธีแรกนาขวัญ เม่ือ ถึงเวลาทาพิธี ทุกคนออกไปดูกัน หมด ปล่อยให้เจ้าชายสิทธัตถะประทับอยู่ใต้ต้นหว้าใหญ่ตาม ลาพัง ขณะน้ันเป็ นเวลาบ่ายแล้ว เงาของต้นไม้อ่ืนทอดยาวไป ตามตะวนั เจ้าชายสิทธัตถะทรงนั่งสมาธิอย่างสงบนิ่ง ได้เกดิ ส่ิง อัศจรรย์ขึน้ คือ เงาของต้นหว้าได้ทอดตรงลงมาเหมือนตอน เท่ียงวัน เพ่ือให้ เงาบัง พระกุมาร เม่ือพระราชบิดา และ ข้าราชบริพารกลบั มาจึงเห็นเป็ นทน่ี ่าอศั จรรย์ยงิ่ นัก
เทวทตู ทงั้ ๔ พระสิทธัตถะเสดจ็ พระราชอุทยานโดย รถพระทน่ี ั่งได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตท้งั ๔ คือ คนแก่ คนเจบ็ คนตาย และสมณะ ทาให้ ทรงเบื่อหน่ายในกามสุขจึงมพี ระอธั ยาศัยน้อม ไปในบรรพชา ไม่ยนิ ดีในฆราวาสสมบตั ิ
ตรัสรู้
พทุ ธประวตั ิ การตรัสรู้ พระสทิ ธตั ถะทรงตรสรเปน็ องค์พระสัมมาสมั พทธเจ้า ศาสดาของพระพทุ ธศาสนา
พุทธประวัติ การตรสั รู ้ การตรัสรู้ ขน้ั ที่ ๑ ทรงฝกึ ปฏิบัติโยคะ • ทรงไปขอศึกษาเลา่ เรียนและฝึกปฏิบตั อิ ยู่กับอาจารย์ “อาฬารดาบส กาลามโคตร” กับ “อุททกดาบส รามบุตร” จนจบความรู้ แต่ก็ยงั ไมใ่ ช่ทางพ้นทกุ ข์ทแ่ี ท้จรงิ ข้นั ที่ ๒ ทรงบาเพ็ญตบะ • การทรมานตนเองใหล้ าบาก ตามวิธที รมาตนเองแบบตา่ งๆ ทน่ี กั บวชชาวอินเดีย นยิ มทากันเป็นจานวนมาก และเชือ่ ว่าเป็นแนวทางพน้ ทุกข์ทางหนึ่ง ข้นั ท่ี ๓ ทรงบาเพ็ญทุกกรกิริยา • ข้ันท่ี ๑ การกัดฟนั • ข้นั ที่ ๒ การกล้ันลมหายใจ • ขน้ั ที่ ๓ การอดอาหาร ขน้ั ท่ี ๔ ทรงบาเพญ็ เพยี ร ทางจิต • เปน็ การคิดค้นหาเหตุผลทางด้านจิตใจ เปน็ ขนั้ ตอน หลังจากท่พี ระองคท์ รงเลกิ บาเพ็ญทกุ กรกิรยิ าแลว้
พุทธประวัติ การตรัสรู้ • หลงั จากทรงพิจารณาไตร่ตรองแล้ว พบว่าการบาเพ็ญทุกกรกิรยิ านั้น มใิ ช่หนทางดบั ทกุ ขท์ ี่แทจ้ ริง พระสทิ ธัตถะจงึ ทรงเลกิ กระทา แลว้ ทรงยดึ ทางสายกลาง จนตรสั ร้เู ปน็ พระพทุ ธเจา้ เมอื่ วนั ขึ้น ๑๕ ค่า เดอื น ๖ กอ่ นพทุ ธศกั ราช ๔๕ ปี โดยสง่ิ ทพ่ี ระองคต์ รสั รู้ คอื กระบวนการเกิดของทกุ ข์และการดับทุกข์ เรยี กวา่ “อริยสัจ ๔” ประกอบด้วย นโิ รธ มรรค ทกุ ข์ สมทุ ัย
พุทธประวตั ิ การตรสั รู้ สมุทยั ทุกข์ สาเหตุของทกุ ข์ หรือ ความทุกข์ หรอื สาเหตุของปญั หาชีวติ ปัญหาของชวี ิต ความดับทุกข์ ท้ังหมด หรือภาวะหมดปญั หา นิโรธ อริยสัตย์ 4 ทางดบั ทกุ ข์ หรือ แนวทางแกป้ ัญหา ชีวติ มรรค
พทุปธระวตั พิ ทุ ธปรการตะสัรวู้ ัติ การตรสั รู้ • ความรแู้ จม่ แจง้ นนั้ เปน็ ความสว่างโพลงภายใน ที่ปราศจากความสงสยั เคลอื บแคลงใดๆ ความรูน้ ้ี ไดต้ อบปัญหาที่ ทรงคา้ งพระทัยมาเปน็ เวลากวา่ ๖ ปี พรอ้ มกบั การเกิดความรดู้ า้ นกิเลส (ความเศร้าหมองแหง่ จติ คอื โลภ โกรธ หลง) ทีท่ รงสงสัยอยใู่ นจติ ใจของพระองคก์ ไ็ ดห้ ายไปหมดสิ้น การรแู้ จ้งของพระองคส์ ามารถสรปุ เป็นขั้นๆ คือ ยามต้น • ทรงระลึกถงึ ชาตหิ นหลงั ของพระองค์ได้ ยามสอง • ทรงไดต้ าทิพย์ มองเหน็ การเกดิ การตายของสตั ว์ทงั้ หลายตามผลกรรมท่ไี ด้กระทาไว้ ยามสาม • ทรงเกดิ การรู้แจง้ ที่สามารถทาลายกเิ ลสให้หมดสิ้นไปได้
พทุ ธประวตั ิ การสัง่ สอน การแสดงปฐมเทศนาโปรดปญั จวคั คีย์ • หลังจากทรงตรสั รู้ พระพทุ ธเจา้ ได้เสด็จไปตรัสสอน “ธัมมจกั กปั ปวตั ตนสูตร” ว่าดว้ ยอรยิ สจั ๔ ประการแก่ปญั จวคั คยี ์ • โกณฑญั ญะ ๑ ใน ๕ ของปัญจวคั คียไ์ ดเ้ กิด “ดวงตาเหน็ ธรรม” และขอบวช • พระพทุ ธเจ้าประทานอุปสมบทใหด้ ้วยวิธี “เอหิภกิ ขุ” เกิดพระสงฆ์รูป แรกขน้ึ ในโลก และมี “พระรัตนตรยั ” ได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และ พระสงฆ์ ครบบรบิ ูรณ์
พทุ ธประวตั ิ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนา • หลงั จากมพี ระอรหันต์สาวกครบ ๖๐ รปู พระพุทธเจา้ ทรงสง่ ให้แยกย้ายไปประกาศพระพุทธศาสนา ยงั ทิศ ตา่ งๆ สว่ นพระพุทธเจา้ เสดจ็ ไปโปรดชฎลิ สามพี่น้อง โดยทรงแสดง “อาทติ ตปริยายสตู ร” จนชฎลิ สามพน่ี ้อง และบริวารบวชเป็นสาวกของพระพุทธองค์ • พระเจ้าพิมพิสาร และชาวเมืองมคธที่นับถือชฎิลสามพี่น้อง ต่างพากันเล่ือมใสในพระพุทธศาสนา และทรง สร้าง “วัดพระเวฬุวัน” ถวายเป็นวัดในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลกศิษย์ของสัญชัยเวลัฏฐบุตร ชอื่ อปุ ติสสมาณพ และโกลิตมาณพ ได้ขอบวชเปน็ พระสาวก ซ่ึงตอ่ มาคือ พระสารีบุตรและพระโมคคลั ลานะ
พุทธ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา ประวตั ิ • สุทัตตเศรษฐี หรืออนาถบิณฑิกเศรษฐี ทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าให้เสด็จไปโปรด ชาวเมือง สาวัตถี และสร้าง “วัดพระเชตะวัน มหาวหิ าร” ถวาย • หลังจากเสด็จไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังแคว้นต่างๆ เป็นเวลา ๔๕ พรรษา พระพุทธเจ้าก็เสด็จดับขันธปริ นพิ พาน เมื่อพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา
อบุ าสกอบุ าสิกาตวั อย่าง
ประวตั ิ พระสารีบุตร • มีนามว่า อปุ ติสสะ เป็นบุตรพราหมณใ์ นเมอื งนาลนั ทา กรงุ ราชคฤห์ • ศกึ ษาปรชั ญาอยใู่ นสานัก สญั ชัยเวลัฏฐบุตร • เม่อื ไดฟ้ ังธรรมจากพระอัสสชเิ ถระจนไดด้ วงตาเหน็ ธรรม จึงขอบวช เป็นสาวกของพระพทุ ธเจ้า ได้นามวา่ “สารีบตุ ร” และไดร้ บั การ แตง่ ต้งั จากพระพทุ ธเจ้าให้เปน็ พระอัครสาวกเบื้องขวา • บรรลธุ รรมในวนั เพญ็ เดือนมาฆะ อนั เรียกว่า “จาตุรงคสนั นบิ าต” คุณธรรมทีค่ วรถอื เป็นแบบอยา่ ง • เป็นผู้มปี ญั ญาหลักแหลม • มคี วามกตัญญกู ตเวทิตาธรรมเปน็ เลิศ • เป็นผมู้ ่นั คง และปรารถนาดตี อ่ พระพทุ ธศาสนา
ประวตั ิ พระโมคคัลลานะ • มีนามเดิมวา่ โกลิตะ เปน็ บตุ รพราหมณห์ ัวหนา้ หมูบ่ ้านโกลิตคาม ได้เขา้ ศกึ ษาปรชั ญาสา้ นกั สญั ชยั เวลฏั ฐบตุ ร • ได้ฟงั ธรรมจากพระอสั สชเิ ถระจนได้ดวงตาเห็นธรรม จงึ ขอบวชเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า มนี ามวา่ “โมคคลั ลานะ” • มีคณุ สมบัตพิ เิ ศษ คอื เปน็ ผมู้ ฤี ทธิม์ าก สามารถใชอ้ ทิ ธปิ าฏิหาริย์ชกั จูงคนให้คลายจากความเห็นผิด ไดร้ บั การ แต่งตั้ง จากพระพทุ ธเจ้าให้เป็นพระอคั รสาวกเบ้ืองซา้ ย คุณธรรมที่ควรถือเปน็ แบบอย่าง • เป็นผทู้ ่มี คี วามอดทนย่ิง • เปน็ ผ้ทู ม่ี คี วามถอ่ มตนย่ิง • ผู้มคี วามใฝ่รู้อย่างย่งิ
ประวัติ นางขุชชุตตรา • เป็นหญิงคอ่ ม ธิดาของนางนมในบา้ นโฆสกเศรษฐี เมอื งโกสมั พี นางขุชชุตตรามีหนา้ ทซ่ี ้ือดอกไมถ้ วายแก่พระนางสามาวดี • ได้ฟงั พระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้า จนบรรลุโสดาปตั ตผิ ล • ไดร้ บั มอบหนา้ ท่ีจากพระนางสามาวดีใหเ้ ปน็ ผู้ไปฟังธรรม แล้ว น้ามาแสดงให้พระนางและบริวารฟงั จนในเวลาตอ่ มาได้ กลายเปน็ อาจารยผ์ แู้ สดงพระธรรม คณุ ธรรมทคี่ วรถือเปน็ แบบอย่าง • เป็นผฝู้ ึกฝนตนเองอยูเ่ สมอ • เป็นผูท้ เี่ อาใจใสห่ น้าที่ทีไ่ ด้รับมอบหมายอย่างดีย่งิ
ประวัติ พระเจา้ พมิ พิสาร • พระเจา้ พมิ พสิ าร เป็นพระมหากษัตริยแ์ คว้นมคธ ทรงมคี วามเลอื่ มใส ศรัทธาใน พระพทุ ธเจ้า และพระพทุ ธศาสนา • พระองคไ์ ดถ้ วายสวนไผ่ เพือ่ ใชใ้ นการสรา้ งวดั เวฬุวนั ถวายพระพุทธเจ้า ซึง่ ถือ เปน็ วดั ในพระพุทธศาสนาแห่งแรกของโลก คณุ ธรรมที่ควรถือเป็นแบบอย่าง • ทรงเป็นพระบิดาทด่ี ขี องบตุ ร • ทรงเป็นผมู้ น่ั คงในพระรตั นตรัย • ทรงเป็นผู้นา้ ท่ีดี
สรปุ พทุ ธประวัติ เปน็ เร่อื งราวเกยี่ วกับพระพทุ ธเจา้ ต้งั แตป่ ระสตู จิ นถึงปรนิ ิพพาน
มาทากิจกรรมท้ายบทเรียนกนั
แบบฝกึ หัดที่ ๑ จงกากบาททับอกั ษร ก.ข.ค.ง. ท่ีเหน็ ว่าถกู ท่ีสดุ เพยี งขอ้ เดียว ๑. เจ้าชายสทิ ธตั ถะประสูติ ณ ทไ่ี หน ก. กรุงกบิลพัสด์ุ ข. สวนลุมพนิ วี ัน ค. สวนสาลวโนทยาน ง. กรงุ เทวทหะ ๒. เจา้ หญงิ ทอ่ี ภเิ ษกสมรสกับเจา้ ชายสิทธัตถะเป็นธิดาในพระนครไหน ? ก. กรงุ เทวทหะ ข. กรงุ กบลิ พัสดุ์ ค. กรุงราชคฤห์ ง. กรุงพาราณสี ๓. ม้าที่เจา้ ชายสิทธตั ถะใชเ้ ปน็ พาหนะเสดจ็ ออกบวชชอ่ื อะไร ก. ม้านาฬาคิรี ข. มาคัสสกะ ค. มา้ กณั ฐกะ ง. ม้าปาลเิ ลยยกะ
๔. พระพุทธเจา้ เสดจ็ ปรนิ พิ พาน ณ เมอื งไหน? ก. เมอื งไพสาลี ข. เมืองพาราณสี ค. เมอื งกบลิ พสั ด์ุ ง. เมืองกสุ นิ ารา ๕. พระพทุ ธเจ้าเสดจ็ ปรินพิ พานเมอ่ื พระชนม์มายุเทา่ ไหร่ ก. ๔๕ พรรษา ข. ๖๑ พรรษา ค. ๗๐ พรรษา ง. ๘๐ พรรษา
จงใส่เคร่ืองหมายถกู ( ) หน้าข้อทถี่ กู ต้อง และเคร่ืองหมายผดิ ( ) หน้าขอ้ ทผ่ี ดิ ............๑. เจา้ ชายสิทธตั ถะเคยปกครองเมอื งกบลิ พสั ด์ุ ............๒. พระพทุ ธเจา้ ตรสั รทู้ ร่ี มิ ฝัง่ แมน่ า้ อโนมานที ............๓. พระพุทธเจ้าตรัสรูท้ ีต่ น้ ศรมี หาโพธ์ิ ............๔. พระพุทธเจ้าไดเ้ สด็จปรนิ พิ พานทีส่ าลวโนทยาน ............๕. พระพุทธเจา้ ได้เสด็จปรินพิ พานในวันขนึ้ ๑๕ ค่า เดือน ๖
จงเลือกข้อความในหมวด ข. ซงึ่ มคี วามเก่ียวข้องกนั ในหมวด ก. โดยนาอกั ษรของหมวด ข. มาใส่ไว้ในช่องวา่ งหนา้ หมวด ก. ให้ถกู ต้อง หมวด ก. หมวด ข. ..............๑. ประกาศาสนา ก. ๓๕ พรรษา .............๒. การอภเิ ษกสมรส ข. ๒๙ พรรษา .............๓. การตรัสรู้ ค. ๔๕ พรรษา .............๔. การเสด็จออกบวช ง. ๖ พรรษา .............๕. การบาเพญ็ ทุกรกริ ยิ า จ. ๑๖ พรรษา
แบบฝกึ หดั ที่ ๒ จงตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ กู ต้อง ข้อที่ ๑ พระพุทธเจา้ เสดจ็ ไปแสดงธรรมเทศนากณั ฑ์แรก คือ ธั ...... จั ...... ...... ...... ...... ...... ...... ...... ...... ต ร หมายถงึ ……………………………………………
ขอ้ ท่ี ๒ คณะพราหมณท์ ่ีไดบ้ รรลุอรหันต์ผลเป็นพระ อรหนั ต์ สาวก ๕ องค์แรกในพระพทุ ธศาสนา ...... ...... จ ...... ...... ...... ย์ ปัญจวคีย์รปู แรกทมี่ ดี วงตาเหน็ ธรรม………………….
ขอ้ ที่ ๓ พุทธสาวกเบอื้ งขวา คือใคร ...... ร ....... ...... ...... รี ...... ต ...... คุณธรรมท่ีเป็นแบบอยา่ ง……………..
ขอ้ ท่ี ๔ พทุ ธสาวกเบ้ืองซา้ ย พ ..... ..... โ ..... ..... คั ..... ล ..... น ..... คุณธรรมท่เี ป็นแบบอย่าง……………….
ขอ้ ที่ ๕ การบวชที่พระพทุ ธเจ้าทรงบวชใหเ้ รียกวา่ เ อ ..... ..... ก ..... ..... ป ..... ม ..... ..... .....
แบบฝกึ หดั ท่ี ๓ คาสงั่ : ให้นักเรยี นจับคขู่ ้อความท่ีสมั พนั ธ์กนั ๑. สิทธตั ถะ …………… ก.ข้ึน ๑๕ คา่ เดอื น ๖ ๒. ลมพินี …………… ข.สถานที่ประสูติของเจา้ ชายสทิ ธตั ถะ ๓. ราหลุ …………… ค.สถานทีป่ รินิพพานของพระพุทธเจา้ ๔. กบิลพสั ด์ …………… ง.พระนามเดมิ ของพระพทุ ธเจ้า ๕. กสินารา …………… จ.พระราชบิดาของเจา้ ชายสิทธตั ถะ ๖. สุทโธทนะ …………… ฉ.มลู เหตุแห่งการตัดสินพระทยั ออกผนวช ๗. ดอกบัวทพ่ี ้นนา้ …………… ช. ม้าท่ีเจ้าชายสทิ ธตั ถะทรงไปออกผนวช ๘. เจ้าชายสทิ ธตั ถะประสตู ิ …………… ญ.พระพุทธเจา้ ทรงเปรยี บคนท่ีฉลาดมาก ๙. กณั ฐกะ …………… ฌ.เมืองของพระเจา้ สุทโธทนะ ๑๐. เทวทูตทง้ั ๔ …………… ซ.พระโอรสของเจา้ ชายสทิ ธัตถะ
แบบทดสอบหลังเรียน เลอื กคาตอบทถี่ ูกทสี่ ดุ เพียงคาตอบเดยี ว ๑. สถานท่ีใดเป็นทีป่ ระสูตขิ องพระพุทธเจ้า ก.ใตต้ ้นโพธิ์ ข.ใตต้ น้ ไทร ค.ใตต้ ้นสาละ ๒. พระพุทธเจา้ มีพระนามว่าอะไร ก.เจ้าชายสุททนะ ข.เจา้ ชายสิทธิศกั ด์ิ ค.เจา้ ชายสิทธตั ถะ ๓. หลงั จากประสตู ไิ ด้ ๗ วนั พระมารดาไดส้ วรรคต ใครเป็นผู้เลยี้ งดูพระพุทธเจา้ ก.นางปชาบดโี คตรมี ข.นางวสิ าขา ค.นางสชุ าดา
๔. ผู้ใดเปน็ ผทู้ านายว่าเจ้าชายสิทธตั ถะจะออกผนวช ก.โกณฑญั ญะ ข.พระเจา้ สุทโธทนะ ค.พระนางสริ มิ หามายา ๕. เจา้ ชายสทิ ธัตถะทรงอภเิ ษกสมรสเมื่อมพี ระชนมายุได้กีพ่ รรษา ก.๑๗ พรรษา ข.๑๕ พรรษา ค.๑๖ พรรษา ๖. เจา้ ชายสิทธตั ถะทรงออกผนวชเม่ือมีพระชนมายไุ ดก้ ีพ่ รรษา ก.๒๙ พรรษา ข.๓๐ พรรษา ค.๓๕ พรรษา ๗. เจ้าชายสทิ ธตั ถะทรงออกผนวชเม่อื มีพระชนมายไุ ดก้ ีพ่ รรษา ก.๓๕ พรรษา ข.๒๙ พรรษา ค.๓๐ พรรษา
๘. เจา้ ชายสทิ ธตั ถะทรงผนวชทร่ี มิ ฝงั แม่น้าใด ก.แมน่ า้ คงคา ข.แม่น้าเนรัชรา ค.แม่น้าอโนมา ๙. พระพทุ ธเจา้ ตรสั รเู้ มอื่ พระชนมายุไดเ้ ทา่ ไร ก.๒๙ พรรษา ข.๓๕ พรรษา ค.๔๐ พรรษา ๑๐. พระพทุ ธเจา้ ปรินพิ พานเม่ือพระชนมายไุ ดเ้ ท่าไร ก. ๓๕ พรรษา ข. ๔๕ พรรษา ค. ๘๐ พรรษา
Search
Read the Text Version
- 1 - 42
Pages: