กกาารปรรบบั เรปิโลภ่ียนคพอฤาตหกิ รารรม ส�ำหรับวัยทำ� งาน กองสขุ ศกึ ษา กรมสนับสนนุ บรกิ ารสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข
กกาารรปรบับรเปิโลภี่ยนคพอฤาตหกิ รารรม สำ� หรบั วัยท�ำงาน กองสขุ ศึกษา กรมสนับสนุนบรกิ ารสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
คำ� นำ� สถานการณส์ ขุ ภาพในปจั จบุ นั คนไทยทกุ กลมุ่ วยั ตอ งเผชญิ กบั ภยั คกุ คามจากโรค ไมต ดิ ตอ เรอ้ื รงั โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดนั โลหติ สงู มะเรง็ โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด มีแนวโนมเพ่ิมข้ึนอยางรวดเร็ว สาเหตุที่สําคัญมาจากการมีพฤติกรรมสุขภาพไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะพฤติกรรมเส่ียงรว่ ม 3อ. 2ส. (อาหาร ออกกําลังกาย อารมณ บหุ รี่ และสุรา) ซง่ึ เปน็ พฤตกิ รรมสุขภาพในการด�ำเนินชวี ิตของประชาชนที่เส่ยี งตอ่ สขุ ภาพ มีปจั จัยหลกั จากพื้นฐานทางวัฒนธรรม ความเชื่อ ค่านิยม และปัจจัยแวดล้อมทางสังคมและ ทางกายภาพ ซง่ึ สง ผลตอคุณภาพชีวติ เศรษฐกจิ และสังคมของประเทศ ส�ำหรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารนอกจากจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตท่ีท�ำให้เรา รู้สึกอิ่มและมีพลังในการด�ำเนินกิจกรรมในชีวิตประจ�ำวันแล้ว แต่การมีพฤติกรรมการ บรโิ ภค อาหารหวาน-มนั -เคม็ และอาหารทไ่ี มถ่ กู สขุ ลกั ษณะในปรมิ าณมากอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เป็นประจ�ำ ส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ท�ำให้คุณภาพชีวิตลดลง และสูญเสียค่าใช้จ่ายในการ รักษาพยาบาลอย่างมหาศาล ดังน้ัน ควรตัดวงจรของพฤติกรรมเสี่ยงท่ีจะส่งผลให้เกิด ปจั จยั เสยี่ งทเ่ี ปน็ สาเหตกุ อ่ ใหเ้ กดิ โรคอนั จะท�ำไปสู่ “การลม้ ละลายทางสขุ ภาพ” ดว้ ยการ “ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทเี่ หมาะสมและเพยี งพอ เพอ่ื เสรมิ สรา้ งรา่ งกาย และปลอดโรค ปลอดภยั ” เอกสาร การปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมการบริโภคอาหารสำ� หรบั วัยทำ� งาน ฉบับน้ี ได้จัดท�ำข้ึน โดยกองสุขศึกษา กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับ ส�ำนักโภชนาการ กรมอนามยั และผ้ทู รงคุณวุฒิจากมหาวทิ ยาลยั มีเนอ้ื หาสาระประกอบดว้ ยสถานการณ์ และแนวโน้มการเกิดพฤติกรรมเสี่ยง ตัวชี้วัดและเกณฑ์พฤติกรรม และกระบวนการ ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการการบรโิ ภคอาหารส�ำหรบั วยั ท�ำงาน โดยมงุ่ หวงั ใหก้ ลมุ่ แกนน�ำ สขุ ภาพและเจา หนา ทสี่ าธารณสขุ ใชเ้ ปน็ แนวทางการด�ำเนนิ งานการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม การบริโภคอาหารของวยั ท�ำงาน ใหม้ ีประสทิ ธิภาพ เกดิ ประโยชน์ตอ่ ชุมชนตอ่ ไป กองสขุ ศึกษา กรกฏาคม 2558
สารบญั หนา้ บทที่ 1 สถานการณ์และแนวโนม้ ของปัญหาสขุ ภาพ 5 ทีเ่ กิดจากพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารของคนไทย 6 1.1 ความเชือ่ มโยงของพฤตกิ รรมเสย่ี งดา้ นการบริโภคอาหาร 8 กับปญั หาสขุ ภาพ 11 1.2 พฤติกรรมเสี่ยงด้านการบริโภคอาหารและปจั จยั ทส่ี ่งผลต่อพฤติกรรมเสีย่ ง 1.3 แนวโน้มการเกิดพฤตกิ รรมเสีย่ งด้านการบริโภคอาหาร กบั ปญั หาสุขภาพในอนาคต บทที่ 2 พฤตกิ รรมท่พี ึงประสงคแ์ ละเกณฑ์พฤตกิ รรม 12 การบริโภคอาหาร 2.1 พฤตกิ รรมการบริโภคอาหารที่พึงประสงค์ของคนไทย 12 2.2 ตวั ชว้ี ดั และเกณฑพ์ ฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร 16 บทท่ี 3 กระบวนการปรบั เปลี่ยนพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของวยั ทำ� งาน 19 3.1 การปรบั เปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร 20 โดยประชาชนและชุมชน 32 3.2. การปรับเปลย่ี นพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร โดยเจ้าหน้าท่สี าธารณสขุ บรรณานกุ รม 36 ภาคผนวก 37 1. แนวทางการวัดและประเมนิ การเปล่ยี นแปลง 39 พฤติกรรมการบริโภคอาหาร 40 2. แบบประเมนิ พฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร 3. แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารกลุ่มวัยท�ำงาน (15-59ปี)
บทที่ 1 สถานการณ์ และแนวโน้มของปัญหาสุขภาพ ทเ่ี กิดจากพฤติกรรม การบรโิ ภคอาหารของคนไทย ปัจจุบนั คนไทยยังคงมพี ฤตกิ รรมการบริโภคอาหารทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งและไม่เหมาะสมท้งั ประเภท และปรมิ าณ จึงมผี ลกระทบต่อสขุ ภาพและก่อใหเ้ กิดโรคที่ก�ำลงั เปน็ ปญั หาสุขภาพอันดบั ต้นๆ ของ ประเทศ ไมว่ า่ จะเปน็ โรคมะเรง็ โรคเบาหวาน โรความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจและหลอดเลอื ด เปน็ ตน้ และพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารไมถ่ กู ตอ้ งทยี่ งั เปน็ ปญั หา คอื การบรโิ ภคผกั และผลไมน้ อ้ ย บรโิ ภค หวาน มนั เค็มมากเกนิ ความต้องการของร่างกาย ซึ่งจากการศกึ ษาวจิ ัยแผนการลงทุนด้านสุขภาพ ในแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) พบวา่ คนไทยมากกวา่ รอ้ ย ละ 75 บริโภคผกั และผลไมต้ ำ่� กว่าเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งองคก์ ารอนามัยโลกและองคก์ ารอาหารและ เกษตรแห่งสหประชาชาตกิ �ำหนดไว้ (400 กรมั ต่อวนั ) รวมทั้งผลการส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทย สถาบันวจิ ยั ระบบสาธารณสขุ คร้ังท่ี 4 2551-2552 ยังพบอีกเชน่ กนั วา่ ประชากรไทยอายุ 15 ปี ขน้ึ ไป บริโภคผักและผลไม้ เฉลยี่ วนั ละ 3 สว่ น ตอ่ วัน ต�่ำกว่าข้อแนะน�ำ (5 สว่ นมาตรฐานต่อคนต่อวนั ) ถงึ ร้อยละ 82.3 และกล่มุ ประชากรทอ่ี าศยั นอกเขตเทศบาลมสี ดั สว่ นท่ีบรโิ ภคผักและผลไมต้ ำ�่ กว่า เกณฑม์ าตรฐานมากกวา่ ประชากรในเขตเทศบาล และ ภาคใตม้ สี ดั สว่ นการบรโิ ภคผกั และผลไมส้ งู สดุ ส�ำหรบั การบริโภค หวาน มัน เคม็ ศนู ย์บรหิ ารการผลติ ส�ำนกั งานคณะกรรมการอ้อยและ น้�ำตาลพบวา่ คนไทยกนิ น�ำ้ ตาลโดยเฉลย่ี เพ่ิมจาก 12.7 กโิ ลกรัม/คน/ปี เมือ่ พ.ศ.2526 เปน็ 36.6 กโิ ลกรมั /คน/ปีใน พ.ศ. 2554 และวัยท�ำงานอายุระหว่าง 25-59 ปี ด่มื น้ำ� อัดลมและดม่ื นำ้� หวาน รอ้ ยละ 31 จะเห็นได้ว่าอัตราการบริโภคน�้ำตาลเพมิ่ สูงขนึ้ และส่วนด้านการบรโิ ภคอาหารมนั ยังคง กินมากเกินพอดเี ชน่ กัน โดยส่วนใหญ่มาจากการบริโภคอาหารประเภททม่ี ี ไขมนั สงู ขนมทานเล่น/ ขนมกรบุ กรอบ อาหารจานดว่ นทางตะวนั ตก ซง่ึ ในกลมุ่ อาหารทมี่ ไี ขมนั สงู และพบวา่ สว่ นใหญค่ นไทย บริโภค 1-2 วนั /สัปดาห์ รอ้ ยละ 47.3 รองลงมา คือ บรโิ ภค 3-4 วัน/สปั ดาห์และมีเพียงร้อยละ 10 ที่ไม่บริโภค ส�ำหรับด้านการบริโภคอาหารเค็ม พบว่า เคร่ืองปรุงรสที่ใช้ปรุงอาหารมากที่สุดคือ น�้ำปลา รองลงมาคือ เกลือ ซีอิ๊วขาว กะปิ ผงปรุงรส น�้ำมันหอย น้�ำปลาร้า ซอสปรุงรส เครอ่ื งพริกแกง ซีอ๊ิวด�ำ ซุปก้อน ตามล�ำดบั โดยน้�ำปลาและเกลอื เท่านั้นทมี่ กี ารใชเ้ กิน 1 คร้ังต่อวัน ซ่ึงความถ่ีเฉลี่ยในการบริโภคอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารที่มีโซเดียมคลอไรด์รวมทุกภาค พบว่า การบรโิ ภคอาหากราสรปำ� รหับเรปบั ลย่ีวนัยพทฤ�ำตงิกรารนม 5
มกี ารบริโภคนำ้� พริกตา่ งๆ บ่อยมากที่สดุ คอื ประมาณ 3 ครัง้ ตอ่ สปั ดาห์ รองลงมาคือ บะหมี่กึง่ ส�ำเรจ็ รปู มคี วามถเี่ ฉลยี่ การบรโิ ภคประมาณ 1.5 คร้ังต่อสปั ดาห์ จากข้อมูลดงั กลา่ ว พบว่าคนไทย ได้รับโซเดียมคอลไรด์จากการบริโภคอาหารมากถึง 4,351.69 ซึ่งเป็นปริมาณท่ีสูงกว่าท่ีควรได้รับ ประจ�ำวัน ส�ำหรับคนไทยก�ำหนดใหไ้ ด้รบั โซเดียมคลอไรดว์ ันละไมเ่ กิน 2,400 มลิ ลิกรัม 1.1 ความเชอื่ มโยงของพฤติกรรมเสี่ยงดา้ นการบรโิ ภคอาหารกบั ปัญหาสุขภาพ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทไ่ี มถ่ ูกตอ้ ง ไม่ว่าจะเป็นการบริโภคผกั และผลไมน้ อ้ ย และการ บริโภคหวาน มัน เค็มท่ีมากเกินความตอ้ งการของร่างกาย รวมถึงการบริโภคอาหารอาหารท่ีปรุง ไมส่ กุ และไมส่ ะอาด ลว้ นเปน็ พฤตกิ รรมเสย่ี งทกี่ อ่ ใหเ้ กดิ ความเสอ่ื มถอยของสขุ ภาพและเปน็ ปญั หา สขุ ภาพ ไดแ้ ก่ โรคอว้ น โรคเบาหวาน โรคความดนั โลหติ สงู โรคหวั ใจ โรคมะเรง็ โรคหลอดเลอื ดสมอง และโรคระบบทางเดินอาหาร เปน็ ต้น 6 กกาารรปบรบั รเิโปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วัยทำ� งาน
- การบริโภคผกั และผลไมน้ อ้ ย ไม่เพยี งพอต่อความต้องการของรา่ งกาย จะส่งผลตอ่ การ เกิดโรค เน่ืองจากผักและผลไม้เป็นแหล่งวติ ามนิ แร่ธาตุ ใยอาหาร ซ่งึ เปน็ ผลดตี ่อสุขภาพ ใยอาหาร จะท�ำให้อาหารผา่ นทางเดนิ อาหาร ระยะเวลาทสี่ น้ั กว่าอาหารประเภทเนื้อสตั ว์ จึงเป็นการลดเวลา ที่แบคทีเรียในล�ำไส้จะสร้างสารก่อมะเร็ง และใยอาหารยังช่วยลดคลอเลสเตอรอลไม่ดีในเลือด ชว่ ยใหก้ ารยอ่ ย การดดู ซมึ คารโ์ บไฮเดรตจากอาหารชา้ ลง ท�ำใหน้ ำ�้ ตาลทถี่ กู ดดู ซมึ เขา้ กระแสเลอื ดเพม่ิ ขึน้ อย่างชา้ ๆ - การบริโภคอาหารท่ีหวาน มัน เค็ม มากไป * การบรโิ ภคอาหารหวานมาก จะท�ำใหเ้ กดิ โรคอว้ น เปน็ ภาวะทรี่ า่ งกายมกี ารสะสมของ ไขมันมากกว่าปกติ ได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ โดยสะสมพลังงานท่ีเหลือเอา ไว้ในรูปของไขมันตามอวัยวะต่าง ๆ เป็นสาเหตุของโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ไขมันในเลือดสูง นอกจากนี้ โรคเบาหวาน ซง่ึ เกดิ จากการทรี่ ะดบั นำ�้ ตาลในเลอื ดขาดความสมดลุ และความหวานยงั ท�ำใหม้ อี ตั ราเสย่ี ง ต่อการเกดิ โรคหวั ใจและโรคไตไดอ้ กี ดว้ ย * การบริโภคอาหารมันมาก อาหารท่ีมไี ขมนั สูงก่อใหเ้ กดิ ปัจจยั เสี่ยงส�ำคัญ เป็นภาวะที่ ร่างกายมีการสะสมของไขมันมากกว่าปกติ ได้รับพลังงานเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ จึงมี การสะสมพลังงานท่เี หลือเอาไวใ้ นรูปของไขมันตามอวยั วะตา่ ง ๆ โดยเฉพาะคลอเลสเตอรอลชนดิ ไมด่ ี (LDL) มมี ากเกนิ ไปจะไปอดุ ตนั เสน้ เลอื ด และน�ำมาซง่ึ สาเหตขุ องโรคเรอ้ื รงั ตา่ ง ๆ เชน่ โรคอว้ น โรคหวั ใจ หลอดเลือดสมองตบี ความดันโลหติ สงู และโรคมะเรง็ * การบริโภคอาหารเค็มมาก เกิดความเส่ียงต่อโรคความดันโลหติ สงู เพราะรสเค็มท�ำให้ ร่างกายกักเก็บน้�ำมากขึ้น เลือดในร่างกายไหลเวียนช้า ท�ำให้เกิดความดันโลหิตสูง หัวใจและ ไตท�ำงานหนกั ขนึ้ เกิดโรคแทรกซอ้ นอ่นื ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเปน็ โรคหัวใจขาดเลอื ด โรคหวั ใจโต โรคไต โรคทางตา รวมถงึ โรคหลอดเลือดสมอง ท�ำให้เกดิ โรคอัมพฤกษ์ อัมพาต - การบริโภคอาหารปรงุ ไม่สกุ และไม่สะอาด อนั เน่ืองจากการปรงุ และประกอบอาหาร ทไี่ มถ่ กู สุขลักษณะ และเลอื กใช้ผลิตภัณฑ์อาหารทไ่ี ม่ไดม้ าตรฐาน จะท�ำให้ร่างกายได้รับอาหารทม่ี ี การปนเปอ้ื นของเชอื้ โรค สารเจอื ปน และสารเคมที เี่ ปน็ อนั ตราย ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ โรคตา่ งๆ ตามมา ไดแ้ ก่ โรคอุจจาระร่วง วัณโรค โรคมะเร็ง เป็นต้น การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ล่ยีวนยั พทฤำ�ตงกิ รารนม 7
1.2 พฤติกรรมเสี่ยงดา้ นการบรโิ ภคอาหารและปัจจัยที่สง่ ผลตอ่ พฤติกรรมเสยี่ ง 1.2.1 พฤติกรรมเส่ียงดา้ นการบรโิ ภคอาหาร พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง ไมเ่ พยี งพอ ไมไ่ ดส้ ดั สว่ น และเกนิ พอดี จาก การศกึ ษา พบวา่ พฤตกิ รรมเสยี่ งดา้ นการบรโิ ภคอาหารของกลมุ่ วยั ท�ำงาน ประกอบดว้ ย 4 พฤตกิ รรม ดังน้ี 1) พฤตกิ รรมการบรโิ ภคผกั และผลไมน้ อ้ ย วยั ท�ำงานใหค้ วามส�ำคญั กบั การบรโิ ภค ผักและผลไม้ลดลงเรื่อย ๆ ซ่ึงจากผลการส�ำรวจสุขภาพประชาชนไทยปี พ.ศ.2546-2547 พบว่า คนไทยอายุ 15 ปีขนึ้ ไป ท้ังหญิงและชายรับประทานผกั และผลไม้ เฉล่ียเพยี งวนั ละ 3.4 และ 3.5 สว่ นมาตรฐาน ตามล�ำดบั ซ่งึ ตำ่� กว่ามาตรฐานทอ่ี งคก์ รอนามัยโลกก�ำหนดไว้ กลา่ วคอื ควรบริโภค วันละ5-7.5 ถว้ ยมาตรฐาน และในปีพ.ศ.2551-2552 ยังพบวา่ รบั ประทานผกั และผลไมน้ ้อยลงอกี เฉลยี่ เพียงวันละ 3.1 และ3.0 ส่วนมาตรฐาน ตามล�ำดบั โดยมีความชุกของการรบั ประทานผักและ ผลไมป้ รมิ าณตอ่ วนั เพยี งพอตามขอ้ แนะน�ำ (รวม > 5 สว่ น มาตรฐานตอ่ วนั ) ลดลงจากรอ้ ยละ 21.7 ใน พ.ศ. 2546-2547 เป็นรอ้ ยละ 17.7 (9ล้านคน) ใน พ.ศ. 2551-2552 2) พฤติกรรมการบริโภคอาหารหวานมากเกินไป วัยท�ำงานยังคงมีพฤติกรรม บริโภคอาหารหวานในสัดส่วนท่ีเกินเกณฑ์ ซ่ึงตามข้อปฏิบัติการบริโภคอาหารเพ่ือสุขภาพท่ีดีของ คนไทยก�ำหนดโดยส�ำนักโภชนาการ กรมอนามัย “ไมค่ วรบรโิ ภคน�้ำตาลเกนิ 14.6 กิโลกรมั /คน/ปี และจากขอ้ มลู ระบบเฝ้าระวงั พฤตกิ รรมสุขภาพของกองสขุ ศกึ ษา พบว่า กล่มุ เสยี่ งและกล่มุ ป่วยมี พฤตกิ รรมรบั ประทานผลไมร้ สหวานจดั มากกวา่ 4 วนั ตอ่ สปั ดาห์ รอ้ ยละ 14.8 และรอ้ ยละ 11.6 ตามล�ำดับ และพฤติกรรมเติมน้�ำตาลเพ่มิ มากกวา่ 4 วนั ต่อสัปดาห์ ร้อยละ 11.1 และรอ้ ยละ 5.9 ตามล�ำดบั 3) พฤติกรรมการบริโภคอาหารมันมากเกินไป วัยท�ำงานมีพฤติกรรมการบริโภค อาหารประเภททอด อาหารที่ปรงุ ดว้ ยกะทิ อาหารทม่ี ที ี่มีไขมันสงู ซึ่งจากการศึกษาของส�ำนักงาน คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (2550) พบว่า ประชาชนอายุ 15-74 ปี บริโภคอาหารประเภทที่เส่ียงต่อการเกิดโรคอ้วนเฉลี่ยประเภทละ 2-5 มื้อต่อสัปดาห์ โดยบริโภค อาหารทอดสูงสุดเฉล่ีย 5 มื้อ/สัปดาห์ และจากข้อมูลระบบเฝ้าระวังพฤติกรรมสุขภาพของ กองสขุ ศกึ ษา พบวา่ กลมุ่ เสยี่ งและกลมุ่ ปว่ ยมพี ฤตกิ รรมรบั ประทานเนอ้ื สตั วท์ มี่ ไี ขมนั สงู มากกวา่ 4 วนั ตอ่ สปั ดาห์ รอ้ ยละ 12.1 และรอ้ ยละ 7.2 ตามล�ำดบั และพฤตกิ รรมรบั ประทานอาหารทอดมากกวา่ 4 วนั ตอ่ สปั ดาห์ รอ้ ยละ 14.4 และรอ้ ยละ 8.1 ตามล�ำดบั พฤตกิ รรมรบั ประทานอาหารหรอื ขนมหวาน ท่ปี รงุ ดว้ ยกะทิมากกว่า 4 วันต่อสัปดาห์ รอ้ ยละ 11.4 และร้อยละ 6.5 ตามล�ำดับ 8 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมสำ� หรบั วยั ท�ำงาน
4) พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารเคม็ มากเกนิ ไป วยั ท�ำงานมีการบริโภคอาหารรส เค็มจนติดเปน็ นสิ ัย ซงึ่ จะเห็นได้จากการปรงุ อาหารและบริโภคอาหารแลว้ เติมเครื่องปรงุ ซึง่ ความ เค็มจะมาในรปู ของเกลือ หรือโซเดยี มคลอไรด์ แล้วแต่รูปแบบชนดิ ของอาหารทรี่ บั ประทาน โดยมี ข้อมลู ผลการส�ำรวจพฤติกรรมสขุ ภาพของกรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ (2551) พบวา่ คนไทยสว่ น ใหญบ่ รโิ ภคอาหารรสเคม็ (รอ้ ยละ 91.8) และจากขอ้ มลู เฝา้ ระวงั พฤตกิ รรมสขุ ภาพ ของกองสขุ ศกึ ษา พบวา่ กลมุ่ เสย่ี งและกลมุ่ ปว่ ยมพี ฤตกิ รรมเตมิ นำ้� ปลา/นำ้� ปลาพรกิ /ซอี ว้ิ เพม่ิ มากกวา่ 4 วนั ตอ่ สปั ดาห์ รอ้ ยละ 19.7 และรอ้ ยละ 15.9 ตามล�ำดับ 1.2.2 ปัจจยั ก�ำหนดพฤติกรรมเสยี่ ง พฤตกิ รรมเสยี่ งดา้ นการบรโิ ภคอาหาร ไมว่ า่ จะเปน็ การบรโิ ภคผกั และผลไมน้ อ้ ย และ การบริโภคหวาน มัน เค็มที่มากเกนิ ความต้องการของร่างกาย ล้วนมีปัจจยั (สาเหต)ุ ทีก่ อ่ ใหเ้ กดิ พฤติกรรมเสี่ยงเหลา่ นั้น ซ่ึงจากการศกึ ษา พบปจั จยั ทีก่ ่อใหเ้ กิดพฤตกิ รรมเส่ยี ง ดังน้ี 1) ไม่มีความตระหนักหรือสนใจ/ขาดความรู้ท่ีจ�ำเป็นในการเลือกรับประทาน อาหารทม่ี คี ณุ คา่ ทางโภชนาการ จากการศกึ ษาของ หทยั กาญจน์ โสตรดี และอมั พร ฉมิ พลี (2550) พบวา่ นกั ศกึ ษาซง่ึ อยใู่ นกลมุ่ วยั ท�ำงาน ขาดความรู้ ความเขา้ ใจ ในการบรโิ ภคอาหารเกยี่ วกบั คณุ คา่ ของสารอาหารท่ีได้รับ อาหารท่ีให้โปรตีน อาหารที่ไม่ควรบริโภคเป็นประจ�ำ และผลกระทบจาก การรับประทานอาหารหวานปริมาณมากเกินไป ซ่ึงการที่วัยท�ำงานไม่มีความตระหนักหรือสนใจ/ ขาดความรู้ท่ีจ�ำเป็นในการเลือกรับประทานอาหารท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการเป็นสาเหตุที่จะท�ำให้ บริโภคอาหารไม่ถูกต้อง ไม่เพียงพอและไม่ได้สัดส่วนตามเกณฑ์ และท้ายท่ีสุดท�ำให้เกิดปัญหา สขุ ภาพ/โรคตามมา ดงั น้นั ความรแู้ ละความตระหนักจงึ มคี วามส�ำคัญและจ�ำเปน็ เพ่ือใหส้ ามารถ เลอื กรบั ประทานอาหารโดยค�ำนงึ ถงึ ประโยชนด์ า้ นคณุ คา่ ของอาหารทดี่ ตี อ่ สขุ ภาพ รวมทง้ั ค�ำนงึ ถงึ ความสะอาด ปลอดภัย รวมท้ังเกิดการปฏิบัติด้วยการมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้ถูกต้อง ลดการบริโภคอาหารรสจัดทุกแบบ ไม่ว่าหวานจัด มันจัด เค็มจัด ลดการพึ่งพาอาหารขยะ หรือ อาหารจานด่วนบางประเภทท่ีมีคุณค่าทางโภชนาการไม่ครบถ้วน ไม่ท�ำตนตามกระแสนิยมของ ผลติ ภณั ฑอ์ าหารบางอยา่ ง มวี จิ ารณญาณหรอื สตไิ ตรต่ รองถงึ คณุ ประโยชนข์ องอาหาร ซง่ึ กอ่ ใหเ้ กดิ ประโยชน์ตอ่ รา่ งกาย ส่งผลดีตอ่ ประสิทธภิ าพการท�ำกจิ กรรมต่างๆ ในชีวิตประจ�ำวนั 2) คา่ นยิ มการบรโิ ภคอาหารจานดว่ นแบบชาตติ ะวนั ตกเพมิ่ มากขน้ึ ความเรง่ รบี ของกลมุ่ วยั ท�ำงาน สง่ ผลใหพ้ ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารเปลย่ี นแปลงไป มคี วามตอ้ งการความสะดวก ง่ายตอ่ การบริโภค สามารถรบั ประทานได้ทันที ไมต่ อ้ งใชอ้ ุปกรณ์หรือเครื่องมือในการรบั ประทาน อาหารจานด่วนหรอื อาหารจานเดยี ว แบบชาตติ ะวนั ตกหรอื ทีเ่ ราเรียกว่า “ฟาสตฟ์ ดู้ ” จงึ เข้ามามี การบรโิ ภคอาหากราสรปำ� รหับเรปบั ลย่ีวนยั พทฤ�ำตงกิ รารนม 9
บทบาทและส่งผลให้เป็นที่นิยมบริโภคเพ่ิมมากข้ึน กลายเป็นวัฒนธรรมการบริโภคถ่ายทอดถึงกัน อยา่ งแพรห่ ลาย เชน่ แฮมเบอร์เกอร์ สเต็ก แซนตว์ ชิ พาย พชิ ซา่ ไกท่ อดไสก้ รอก เปน็ ต้น ส่วน ประเภทขนม เชน่ โดนัท พุดดิง้ เคก้ และไอศกรีม เปน็ ต้น ลว้ นเปน็ อาหารจ�ำพวก แป้ง ไขมนั และ น้�ำตาลมาก เมื่อรับประทานเข้าไปจะท�ำให้เกิดภาวะโภชนาการเกิน และโรคอ้วน ท�ำให้เส่ียง ต่อการเป็นโรคเบาหวาน ภาวะความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด โรคหลอดเลอื ดสมองตีบ ซึ่งมแี นวโนม้ สูงขึน้ เรอื่ ยๆ 3) มีพฤติกรรมกินอาหารนอกบ้านเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและ สังคมท�ำใหว้ ิถีชีวติ ของคนเปลี่ยนไป ไมว่ ่าจะเป็นคนทีอ่ าศัยอยนู่ อกเขตเทศบาลกบั คนเมือง คนวัย หน่มุ สาว คนท�ำงานส�ำนักงานตา่ งๆ ฯลฯ จึงเป็นสาเหตุส�ำคัญท่ที �ำให้ตอ้ งมกี ารปรบั ตัวให้สามารถ ด�ำรงชีวิตอยู่ได้ มีการเปลี่ยนแปลงวิถีการปฏิบัติในชีวิตประจ�ำวัน เช่น บางครอบครัวสมาชิก สว่ นใหญเ่ ปน็ วยั ท�ำงาน ตอ้ งท�ำงานนอกบา้ น มคี วามเรง่ รบี ในการเดนิ ทางไปท�ำงาน ดว้ ยเวลาทมี่ จี �ำกดั หรอื มเี วลาไมต่ รงกนั ประกอบกบั การรว่ มสงั สรรคก์ บั เพอ่ื นรว่ มงานมมี ากขน้ึ สง่ ผลใหก้ ารท�ำอาหาร รบั ประทานร่วมกับคนในครอบครวั น้อยลง โดยพึง่ พาอาหารนอกบา้ นมากขน้ึ 4) ความเคยชนิ ในการรบั ประทานอาหาร ตดิ รสหวาน มัน เค็ม การรับประทาน อาหารรสชาตอิ ร่อย กลายเปน็ วิธีการคลายเครียดจากการท�ำงานของกลุ่มวัยท�ำงาน โดยเฉพาะตดิ รสหวาน มัน เค็ม การรับประทานอาหารหวาน จึงกลายเป็นส่ิงที่ขาดไม่ได้เพราะความเคยชิน แต่แท้จรงิ แล้วเปน็ กบั ดกั นำ้� ตาล (Sugar Trap) เพราะเมื่อรบั ประทานของหวานเขา้ ไป นำ�้ ตาลจาก ของหวานจะใหค้ วามสดชนื่ เพยี ง 30 นาที จากนน้ั เมอื่ นำ้� ตาลในเลอื ดลดลงจะกระตนุ้ ใหร้ า่ งกายเกดิ ความอยากในการรับประทานของหวานข้ึนอีก จนกลายเป็นวงจรที่ซ้�ำๆ กันในแต่ละวัน เมื่อขาด ของหวานจะรสู้ กึ ออ่ นแรงไมส่ ดชน่ื การกนิ หวานเปน็ ประจ�ำ ยงั ท�ำใหเ้ ปน็ คนหงดุ หงดิ งา่ ย และความ เคยชินจากการเตมิ น�้ำตาล น�ำ้ ปลา จากเครอ่ื งปรงุ เชน่ ก๋วยเต๋ียว ขา้ วราดแกง เป็นตน้ และอาหาร แปรรูป เช่น อาหารกระป๋อง อาหารหมกั ดอง อาหารเคม็ อาหารตากแห้ง เนอื้ เคม็ ปลาเค็ม ปลารา้ ผักดอง ผลไม้ดอง หรืออาหารกึ่งส�ำเร็จรูป เช่น บะหมี่ โจ๊ก ข้าวต้ม เป็นต้น ล้วนเป็นสาเหตุ ของพฤติกรรมเสี่ยงท่ีท�ำให้เกิดโรคท้ังโรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคมะเรง็ บางชนิด 5) อทิ ธพิ ลของสอ่ื โฆษณาตอ่ การบรโิ ภคอาหารทไ่ี มถ่ กู ตอ้ ง การใชช้ วี ติ อยใู่ นสงั คม บริโภคนิยมขอ้ มูลขา่ วสารเกย่ี วกบั สนิ ค้า ผลติ ภณั ฑ์ หรือบริการต่างๆ ทีผ่ ่านสอื่ โฆษณาจากหลาก หลายชอ่ งทางทง้ั โทรทศั น์ วทิ ยุ สง่ิ พมิ พแ์ ละอนิ เตอรเ์ นต็ การโฆษณาประชาสมั พนั ธผ์ ลติ ภณั ฑอ์ าหาร กล่าวอ้างสรรพคุณและคุณค่าโภชนาการอาหารท่ีเกินจริง ท�ำให้คล้อยตามและมีแนวโน้ม ว่ิงตามกระแสสังคมคนสมัยใหม่ที่อาศัยความสะดวกรวดเร็วเป็นหลัก ตกเป็นเหยื่อการโฆษณา สว่ นมากมกั ไมค่ อ่ ยใหค้ วามส�ำคญั และไมค่ �ำนงึ ถงึ ความปลอดภยั หรอื ผลเสยี ทอี่ าจเกดิ ขน้ึ กบั สขุ ภาพ 10 กกาารรปบรบั รเิโปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมสำ� หรบั วยั ท�ำงาน
ร่างกาย ด้วยปัญหาดังกล่าวที่เกิดข้ึน จึงมีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงท่ีประชาชนวัยท�ำงานรู้เท่าทันส่ือ โดยมคี วามสามารถและทกั ษะในการตรวจสอบความถกู ตอ้ ง ความนา่ เชอ่ื ถอื ของขอ้ มลู ทส่ี อ่ื น�ำเสนอ และเลอื กรบั สอ่ื เพอื่ หลกี เลย่ี งความเสย่ี งทอี่ าจเกดิ ขน้ึ กบั สขุ ภาพของตนเอง ฉะนน้ั คนทร่ี เู้ ทา่ ทนั สอื่ จะเลือกซ้อื และบริโภคอาหารมคี ุณค่าตอ่ สขุ ภาพเปน็ ส�ำคัญ 1.3 แนวโนม้ การเกดิ พฤตกิ รรมเสย่ี งดา้ นการบรโิ ภคอาหารกบั ปญั หาสขุ ภาพในอนาคต การเปลี่ยนแปลงท้ังทางดา้ นสงั คม เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมและความเจรญิ ก้าวหนา้ ทางเทคโนโลยี ท�ำให้ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตท้ังในระดับบุคคลและระดับครอบครัว จนกลายเปน็ ปญั หาทเี่ กดิ ขน้ึ ในบางครอบครวั เชน่ สมาชกิ วยั ท�ำงานในครอบครวั ตอ้ งท�ำงานนอกบา้ น และท�ำงานแข่งกับเวลา เพื่อหาเงินมาเล้ียงครอบครัว ท�ำให้ขาดการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะด้านการบริโภคอาหาร ท�ำให้มีการปรุงอาหารส�ำหรับรับประทานร่วมกับสมาชิกใน ครอบครัวน้อยลง มีการซื้ออาหารปรงุ ส�ำเรจ็ ติดรสชาติ หวาน มนั เคม็ มีคา่ นิยมการบรโิ ภคอาหาร จานด่วนแบบชาติตะวันตกและพ่ึงพาอาหารนอกบ้านมากข้ึน จนก่อให้เกิดการบริโภคอาหารที่ไม่ ถูกต้อง ไม่เพียงพอ ไม่ได้สัดส่วนและเกินพอดี ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพและโรคไม่ติดต่อเร้ือรัง ทก่ี �ำลงั เปน็ ปญั หาส�ำคญั ของกระทรวงสาธารณสขุ ไดแ้ ก่ โรคเบาหวาน ภาวะความดนั โลหติ สงู มะเรง็ โรคหัวใจ และหลอดเลือด ดงั นน้ั เพอื่ ปอ้ งกนั การเกดิ ปญั หาสขุ ภาพและลดจ�ำนวนผปู้ ว่ ยโรคไมต่ ดิ ตอ่ เรอ้ื รงั ไมใ่ หเ้ กดิ ขนึ้ ในอนาคต จงึ มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะตอ้ งมกี ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารใหถ้ กู ตอ้ ง ดว้ ยการมพี ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารใหค้ รบ 5 หมู่ มคี วามหลากหลาย และเพมิ่ ผกั หลากหลายสแี ละ ผลไมส้ ดในทกุ วนั ๆ รวมทงั้ การลดอาหารหวาน มนั เคม็ ซงึ่ จะตอ้ งจดั กระบวนการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม ท่ีเหมาะสมและสามารถจัดการแก้ไขปัจจัยท่ีเป็นสาเหตุของพฤติกรรมเสี่ยงด้านการบริโภคอาหาร ท้ังที่เป็นปัจจัยภายในตัวบุคคลและปัจจัยแวดล้อมที่เก่ียวข้อง โดยจะต้องเริ่มตั้งแต่ระดับบุคคล การมีส่วนร่วมของครอบครัว รวมท้ังการขับเคลื่อนของชุมชนและเครือข่ายที่เกี่ยวข้องในการที่จะ ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนกระบวนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารให้กับประชาชน เพือ่ การปลอดโรค ปลอดภยั และมสี ขุ ภาพทดี่ ตี ่อไป การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ล่ยีวนัยพทฤ�ำตงิกรารนม 11
บทท่ี 2 พฤติกรรมทพ่ี งึ ประสงคแ์ ละเกณฑพ์ ฤตกิ รรม การบรโิ ภคอาหาร 2.1 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทพ่ี ึงประสงคข์ องคนไทย พฤติกรรมการบริโภคอาหารที่พง่ึ ประสงคข์ องคนไทย คือ พฤติกรรมการบริโภคอาหารเพ่ือ สุขภาพ ในการเสรมิ สรา้ งร่างกายและปลอดโรค ปลอดภัย ดว้ ยการบรโิ ภคอาหารท่ีเหมาะสมและ เพียงพอ การมีสุขภาพท่ีดไี ม่ไดห้ มายถงึ การมีน้ำ� หนกั ท่ีอยใู่ นเกณฑม์ าตรฐาน แต่หมายถึงการทเ่ี รา ดแู ลตวั เอง มพี ฤตกิ รรมสขุ ภาพทถี่ กู ตอ้ งตง้ั แตเ่ รอ่ื ง การรบั ประทานอาหาร การพกั ผอ่ น การลดหรอื เลกิ สง่ิ ทบ่ี นั่ ทอนสขุ ภาพ เนอ่ื งจากพฤตกิ รรมทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งเปน็ สาเหตขุ องการเกดิ โรคและความเจบ็ ปว่ ย อาทิ โรคมะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจและหลอดเลือด เบาหวานและอ่ืนๆ จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ไม่ถูกต้อง เป็นพฤติกรรมเส่ียงร่วมที่ก่อให้เกิดโรคเหล่านั้น ดังนั้น เพื่อป้องกันและลดโรค จึงควรมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่ถูกต้องใน 2 ประเด็น คือ (1) พฤติกรรมการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในการเสริมสร้างร่างกาย (2) พฤติกรรมการบริโภค อาหารเพือ่ ปลอดโรค ปลอดภัย หลักการบรโิ ภคอาหาร 1. การบริโภคอาหารเพือ่ สุขภาพในการเสริมสรา้ งร่างกาย 1.1 กนิ อาหารหลากหลาย ไมซ่ ำ�้ ซาก (จำ� เจ) ควรกินอาหารใหค้ รบถว้ นตามหลักอาหาร 5 หมู่ แต่ละหมู่กินให้หลากหลายในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายทุกวัน ขอ้ มลู จากส�ำนักโภชนาการ กรมอนามยั จากเอกสารโภชนาการใกลค้ ุณ ดงั นี้ 12 กกาารรปบรบั รเโิปภลย่ี คนพอฤาตหกิ ารรรมสำ� หรบั วัยทำ� งาน
หมทู่ ี่ 1 เนอ้ื สตั ว์ ไข่ นม ถวั่ เมลด็ แหง้ และผลติ ภณั ฑ์ อาหารหลักหมูน่ ีไ้ ดส้ ารอาหารโปรตนี เปน็ สว่ นใหญ่ รวมทงั้ วิตามินและแร่ธาตุ ซ่ึงมีหน้าที่หลักในการท�ำให้ร่างกาย เจริญเติบโตโดยการสร้างเซลล์กล้ามเนื้อ เน้ือเยื่อ กระดูก ฮอรโ์ มน เอนไซม์ และใชเ้ ปน็ แหลง่ ของพลงั งานรา่ งกาย เมอื่ ร่างกายได้รับสารคารโ์ บไฮเดรตและไขมันไมเ่ พียงพอ หม่ทู ่ี 2 ข้าว แป้ง เผือก มนั และนำ้� ตาล อาหารหมนู่ ีไ้ ดส้ ารอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นส่วน ใหญ่ ซง่ึ มหี นา้ ทห่ี ลกั ในการใหพ้ ลงั งานแกร่ า่ งกาย เชน่ ท�ำใหเ้ ดนิ ไปไหนได้ ท�ำงานได้ ถา้ รบั ประทาน อาหารพวกนี้ในปรมิ านเกินความตอ้ งกายของรา่ งกาย สารอาหารคาร์โบไฮเดรตจะถูกเปล่ยี นไปอยู่ ในรูปไขมนั และสะสมในรา่ งกาย หม่ทู ี่ 3 ผกั ตา่ ง ๆ เช่น ผักบงุ้ ต�ำลงึ คะนา้ ฟักทอง ถัว่ ฝกั ยาวฯลฯ ผักเปน็ อาหารท่ีมีกากใย สูง ซ่ึงกากใยของผักจะไปช่วยขัดขวางการดูดซึมไขมันเข้าสู่ร่างกาย ลดโอกาสท่ีจะเกิดมะเร็ง ล�ำไส้ใหญ่ ดีต่อหลายๆส่วน รวมถึง ระบบขับถา่ ย ท�ำให้ขบั ถา่ ยได้เปน็ ปกติ ลดการกกั เก็บของเสีย ไวใ้ นร่างกายนานเกินไป หมู่ที่ 4 ผลไม้ต่าง ๆ เช่น กล้วย ส้ม มะละกอ มะม่วง สับปะรด ขนุน ฝรั่ง เงาะ ฯลฯ ผกั และผลไมเ้ ป็นแหล่งของสารอาหารจ�ำพวกวติ ามนิ และแรธ่ าตุ เช่น วิตามนิ บี 2 วิตามินบี 6 กรดโฟลคิ วิตามินซี วิตามินเอ โปแตสเซียม แมกนีเซียม ทองแดง และแคลเซียม มีหน้าที่หลักในการช่วย ใหอ้ วยั วะตา่ ง ๆ ในรา่ งกายท�ำงานได้ตามปกติ และช่วยชะลอความเสอ่ื มของร่างกาย นอกจากนี้ ผักและผลไม้ยังอุดมไปด้วยเสน้ ใยอาหารและสารพฤกษเคมี (phytochemical) ซ่ึงจะชว่ ยป้องกนั โรคมะเร็งบางชนดิ ได้ หมู่ที่ 5 ไขมนั ตา่ ง ๆ เชน่ ไขมันจากสตั ว์ และไขมันจากพืช อาหารหมนู่ จี้ ะให้สารอาหารไขมนั ซ่ึงมีหน้าท่ีหลักในการให้พลังงานที่ใช้ประจ�ำวัน และกรดไขมันที่จ�ำเป็นส�ำหรับร่างกาย ถ้าเรา กินอาหารท่มี สี ารอาหารไขมันเกนิ ความต้องการของร่างกายจะถกู เก็บสะสมในรปู ไขมนั ตามสว่ นตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย 1.2 กนิ ผกั และผลไมส้ ดใหห้ ลากหลายสแี ละเพยี งพอ ผักและผลไม้นั้นมีประโยชน์มากมายมหาศาล เพราะเป็นแหล่งของวิตามินและแร่ธาตุหลายชนิดท่ีมี ประโยชนต์ อ่ รา่ งกาย และมคี ณุ สมบตั ขิ องการเปน็ แหลง่ ใยอาหาร ซง่ึ เปน็ สารทชี่ ว่ ยลดการดดู ซมึ ของคลอเลสเตอรอลและไขมนั และยังช่วยท�ำให้ระบบการย่อย ระบบการขับถ่าย การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ลย่ีวนัยพทฤำ�ตงกิ รารนม 13
ท�ำงานไดอ้ ยา่ งปกติอกี ด้วย นอกจากนี้ผกั และผลไม้บางชนดิ ยังมสี ารพเิ ศษท่ชี ่วยท�ำหน้าที่คลา้ ยยา ปอ้ งกนั และรกั ษาโรคบางชนดิ บ�ำบดั และรกั ษาโรคบางชนดิ ไดอ้ กี ดว้ ย เชน่ ไขห้ วดั รอ้ นใน โรคมะเรง็ โรคหวั ใจ ตาฝา้ ฟาง แผลอกั เสบ เหนบ็ ชา เปน็ ตน้ ปอ้ งกนั ความเสอื่ มของอวยั วะตา่ งๆ ภายในรา่ งกาย บ�ำรงุ สขุ ภาพ พฒั นาสมอง เสรมิ สรา้ งความจ�ำ และเปน็ อาหารสมองไดเ้ ปน็ อยา่ งดี เพราะสารอาหาร ที่มีผลต่อการท�ำงานของระบบประสาท มักจะพบได้ในอาหารจ�ำพวกผักใบเขียว ผลไม้ และ ธัญพชื ตา่ งๆ 1.3 กนิ อาหารไมห่ วานจดั การกนิ นำ้� ตาลทม่ี ากเกนิ ไป เปน็ สาเหตุหน่ึงที่ท�ำให้คนเราอ้วนง่าย และท�ำให้น�้ำตาลไหลเวียนอยู่ ในกระแสเลือดนานกว่าปกติ ส่งผลให้เซลล์ผนังหลอดเลือดถูก ท�ำลายได้ง่าย และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน ถ้าท่านไม่อยากมีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน ก็มาช่วย กนั ลดการกินน�้ำตาล ผู้ท่รี ักสขุ ภาพ ปรงุ แตง่ อาหารแต่พอควร อาหารคาวหลายอยา่ งไมจ่ �ำเป็นต้อง ปรงุ ดว้ ยน้�ำตาล กค็ วรใหเ้ ปน็ ความหวานอ่อนๆ ตามธรรมชาตทิ ่ไี ดจ้ ากพืชผักและเน้ือสตั ว์ สว่ นของ หวานทน่ี ยิ มกนิ หลงั อาหารหรอื เปน็ ของวา่ งระหวา่ งมอื้ กไ็ มค่ วรท�ำใหห้ วานมาก และควรระวงั ปรมิ าณ การกนิ ดว้ ย รว่ มกบั การสบั เปลยี่ นเปน็ กนิ ผลไมท้ ม่ี ตี ลอดทง้ั ปี เชน่ ฝรง่ั มะละกอ สม้ แอปเปลิ เพราะ นอกจากจะหาได้ง่าย ราคาไม่แพงแล้ว ยังมีปริมาณน้�ำตาลน้อยอีกด้วย ส�ำหรับผลไม้ที่มีเฉพาะ ฤดูกาล มักจะเป็นผลไม้ท่ีมีปริมาณน�้ำตาลสูงกว่า และมีรสหวานจัด เช่น มะม่วงสุก ล�ำไย เงาะ มะขามหวาน จงึ ควรกนิ แตน่ ้อย งด/ลด เครอื่ งดื่มท่ีมสี ว่ นประกอบของน้ำ� ตาลทกุ ชนิด เพ่ือปอ้ งกัน ไมใ่ หไ้ ดน้ ำ�้ ตาลมากเกนิ ไปทงี่ า่ ยและไดผ้ ลคอื หลกี เลยี่ งไมด่ มื่ เครอ่ื งดมื่ ประเภทนจี้ ะเปน็ วธิ กี ารดที ส่ี ดุ ป้องกันไม่ให้ได้น�้ำตาลเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป ไม่มีเครื่องดื่มใดท่ีจะดีไปกว่าน�้ำเปล่าสะอาดท่ี สามารถดม่ื ได้มากเท่าทตี่ ้องการ 1.4 กินอาหารท่ีไม่มีไขมันสูง จะท�ำให้อ้วนง่าย จึงมี ความเสี่ยงต่อการเปน็ โรคไม่ตดิ ตอ่ เรื้อรงั ต่างๆ จะตอ้ งระวงั การ กนิ ไขมนั ไมใ่ หม้ ากเกนิ ไป โดยการหลกี เลย่ี งของทอด และอาหาร ผัดต่างๆ ท่ีใชน้ ำ�้ มนั มาก เชน่ ผัดไท หอยทอด เปน็ ต้น นอกจาก น้ียังพบอันตรายจากการใช้น�้ำมันที่ทอดซ้�ำด้วย มีผลท�ำให้ คลอเลสเตอรอลสูงมาก และมีผลเสียต่อหลอดเลือดและหัวใจเป็นอย่างมาก เราจึงควรหลีกเลี่ยง อาหารท่ปี รุงด้วยนำ�้ มนั ทที่ อดซ้�ำ เช่น โดนทั ปาท่องโก๋ ไกท่ อด กล้วยทอด ลูกชิ้นทอด เป็นต้น 14 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วยั ทำ� งาน
1.5 กินอาหารท่ไี ม่เค็มจดั เพือ่ สขุ ภาพทีด่ ี ไม่ปรุงอาหารทม่ี ีการเตมิ เกลอื หรอื ซอสปรงุ รส ปรมิ าณมากๆ ไมใ่ สน่ ำ�้ ปลาพรกิ บนโตะ๊ อาหาร ควรชมิ อาหารกอ่ นเตมิ เครอื่ งปรงุ รสตา่ งๆ จ�ำไวเ้ สมอ วา่ น้�ำปลาหรอื ซีอิ้ว 1 ช้อนชา มีโซเดียมคลอไรด์ประมาณ 500 มลิ ลิกรมั อาหารท่ขี าดรสเคม็ อาจ ท�ำใหไ้ มช่ วนกนิ แกไ้ ขโดยการปรงุ ใหม้ ี รสเปรยี้ วหรอื เผด็ หรอื ใสเ่ ครอ่ื งเทศตา่ งๆ ชว่ ยใหม้ กี ลนิ่ หอม น่ากินมากขึ้น หรือปรุงให้มีสีสันสวยงาม นอกจากน้ี ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารแปรรูป อาหารส�ำเร็จรูปและกึ่งส�ำเรจ็ รูปตา่ งๆ อาหารหมกั ดอง อาหารกระปอ๋ ง อาหารอบแหง้ ขนมกรบุ กรอบ เพราะอาหารเหล่านจี้ ะมโี ซเดียมคลอไรด์สูงกวา่ อาหารสดท่ัวๆ ไป หากจ�ำเป็นต้องกิน ควร อ่านฉลากโภชนาการและเลอื กชนิดท่มี ีปริมาณเกลือหรอื โซเดยี มน้อยทสี่ ุด 2. การบรโิ ภคอาหารเพ่อื ปลอดโรค ปลอดภัย การบริโภคอาหารท่ีปลอดโรค ปลอดภัย ด้วยการกินอาหารสุก สะอาด ปราศจากเช้ือโรค และสารเคมี กินอาหารปรงุ สุก สะอาดทุกครง้ั ไดม้ าตรฐาน ดฉู ลากโภชนาการ เปน็ อาหารธรรมชาติ มากกวา่ ดัดแปลง และใชอ้ ปุ กรณ์ประกอบอาหารและภาชนะบรรจทุ ่ีปลอดภัยและถกู สุขลกั ษณะ สังคมไทยปัจจุบันเปลี่ยนเป็นสังคมเมืองมากข้ึน มีความเร่งรีบในการด�ำเนินชีวิตความเป็น อย่ปู ระจ�ำวนั ท�ำใหพ้ ฤตกิ รรมการกนิ เปลยี่ นแปลงไป มกี ารเลือกบรโิ ภคอาหารปรุงส�ำเร็จ อาหาร พรอ้ มบรโิ ภค หรอื การซอ้ื อาหารพรอ้ มปรงุ ทม่ี กี ารจดั เตรยี มสว่ น ประกอบมาปรุงในครัวเรือน หากอาหารที่ซื้อมามีการปนเปื้อน ไมส่ ะอาด การจดั เกบ็ ถนอมอาหารไมเ่ หมาะสม ท�ำใหเ้ สอื่ มสภาพ บดู เสยี ก็จะท�ำให้ผบู้ รโิ ภคเสีย่ งต่อการเจบ็ ปว่ ยและเสยี ชวี ติ จาก โรคระบบทางเดนิ อาหาร เชน่ โรคอจุ จาระรว่ ง โรคอาหารเปน็ พษิ โรคพยาธิ และโรคตับอกั เสบ เป็นตน้ รวมถงึ อาหารสกุ ๆ ดบิ ๆ หลากเมนทู ชี่ น่ื ชอบโปรดปราน บอ่ ยครงั้ มขี า่ วความเคลอ่ื นไหวใหต้ ดิ ตามถงึ ความอนั ตรายการเจบ็ ปว่ ย ท้ังอาหารเป็นพิษ ท้องเสีย ท้องร่วง อีกทั้งการบริโภคอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ยังมีความเสี่ยง ต่อโรคพยาธิต่างๆ ฯลฯ โดยบางรายอาจมีอาการรุนแรงถึงชีวิตและย่ิงฤดูร้อนอากาศอบอ้าว ยงั มีความเส่ยี งต่อโรคทางเดินอาหาร ภาชนะบรรจใุ สอ่ าหารกเ็ ปน็ อกี เรอ่ื งหนงึ่ ทคี่ วรจะตอ้ งใสใ่ จ เป็นอีกเรื่องหนึ่งส�ำคัญในชีวิตประจ�ำวัน เน่ืองจากการบริโภค อาหารทุกมื้อต้องใช้ภาชนะบรรจุอาหารเพื่อช่วยเพิ่มความ สะดวกในการบริโภคอาหาร ภาชนะบรรจุอาหารที่ใช้กัน อย่างแพร่หลาย ได้แก่ จาน ชาม ท้งั ทเ่ี ปน็ แกว้ เซรามิก และ การบรโิ ภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ล่ยีวนยั พทฤ�ำตงกิ รารนม 15
พลาสตกิ เป็นต้น ภาชนะบรรจอุ าหารแตล่ ะชนิดจะมสี มบตั แิ ละสว่ นประกอบของสารต่างๆ แตกตา่ งกัน การใช้ภาชนะบรรจุอาหารจึงควรเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานและประเภทของอาหาร หากใชผ้ ดิ ประเภทอาจน�ำภยั อนั ตรายอนั เนอื่ งมาจากสารพษิ เจอื ปนจากภาชนะได้ หากมกี ารสะสม เปน็ เวลานานอาจก่อใหเ้ กดิ มะเรง็ ได้ หรือใช้ภาชนะบรรจุใสอ่ าหารจากธรรมชาติ เช่น ใบตอง ใบบวั เป็นต้น ดังนั้น หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ท่ีมีตราหรือเคร่ืองหมายการค้าการรับรอง มาตรฐานจากหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วข้อง ซงึ่ เปน็ การยนื ยันได้ในระดบั หน่งึ ว่า สนิ คา้ เหลา่ นั้นได้ผา่ นการ ตรวจสอบคณุ ภาพว่าไดม้ าตรฐาน เพ่อื ความปลอดภัยต่อสขุ ภาพ 2.2 ตวั ชี้วัดและเกณฑ์พฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร ตวั ชว้ี ดั พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร หมายถงึ คณุ ลกั ษณะของพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ทีพ่ ึงประสงค์(เป้าหมายทตี่ อ้ งการ) เกณฑ์พฤติกรรมการบริโภคอาหาร หมายถึง ระดับของการบริโภคอาหารที่ยอมรับได้ต่อ ค่าเป้าหมายท่ีก�ำหนดไว้ ในการก�ำหนดตัวช้ีวัดและเกณฑ์พฤติกรรมการบริโภคอาหาร เป็นการก�ำหนดให้เห็นถึง คุณลกั ษณะของการบรโิ ภคอาหารที่พึงประสงคแ์ ละควรบริโภคในปริมาณทเี่ พียงพอและเหมาะสม อันจะส่งผลต่อสุขภาพ ซึ่งได้ก�ำหนดตัวช้ีวัดพฤติกรรมการบริโภคอาหารและเกณฑ์ที่ก�ำหนด จะ ท�ำใหเ้ พยี งพอต่อการป้องกนั และลดโรคได้ประกอบดว้ ย 2 ตัวชว้ี ดั ประกอบด้วย 1.) การกินเพอ่ื สุขภาพในการเสรมิ สร้างร่างกาย 2.) การกินเพ่อื ปลอดโรค ปลอดภยั 16 กกาารรปบรับรเิโปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมสำ� หรบั วัยท�ำงาน
ประเดน็ ตวั ชี้วดั เกณฑ์ อธิบายเกณฑ์ พฤติกรรม (คณุ ลักษณะ สขุ ภาพ ของพฤตกิ รรม 1.กินอาหารครบ 5 หม,ู่ มีความหลาก 1.พฤตกิ รรม ท่พี ึงประสงค์) หลาย ทกุ วนั การบริโภค อาหารเพอื่ กินเพ่ือสขุ ภาพ 1.กนิ อาหารครบ 5 หมู่ , 2. กนิ ผักและผลไม้ใหห้ ลากหลายสี สขุ ภาพในการ 1. กินอาหาร มีความหลากหลาย อย่างนอ้ ย 5 ขีดต่อวัน หรือผักม้ือละ 2 เสริมสร้าง หลากหลาย ทกุ วนั ทัพพี และผลไมม้ อ้ื ละ 1.5 สว่ น ร่างกาย ไมซ่ ้�ำซาก (จ�ำเจ) ผกั : ผกั สด 1 ทพั พี 80 กรมั หรอื ประมาณ ครงึ่ ถว้ ยตวง กนิ ผกั วันละ 2. กนิ ผักหลาก 2. กินผกั หลากหลายสี 4-6 ทพั พี คิดเปน็ มอื้ ละ 2 ทพั พี หลายสี และ และผลไมส้ ดทกุ วนั ๆ ละ (ทัพพกี ินข้าว) ผลไม้สด อยา่ งน้อย 5 ขีด ตอ่ คน ผลไม้ : ผลไม้ 1 สว่ น = ผลไม้ห่นั (ครึ่งกโิ ลกรัม) เปน็ ชิ้นค�ำ เช่น มะละกอ/สบั ปะรด (ผัก4-6ทัพพี) 6-8 ช้นิ ค�ำ ฝรงั่ ½ ผล มะม่วงดบิ /สกุ ตอ่ วัน(ผลไม้ 3-5 ส่วน) ½ ผล กล้วยนำ้� ว้า 1 ผล กลว้ ยหอม ต่อวัน 2/3 ผล ส้มขนาดกลาง 2 ผล เงาะ 4 ผล 3. กนิ อาหาร 3. กินน�้ำตาลไมเ่ กนิ 6 ชอ้ น 3. (รวมน�ำ้ ตาลในเครอ่ื งด่ืม ขนม) ไม่หวานจดั ชา หรือ 24 กรมั ใน 1 วนั และชาพร้อมด่ืม 4. กินอาหาร 4. กินไขมันไมเ่ กิน 6 ชอ้ นชา 4. ไขมันในรูปอืน่ เชน่ หนงั สตั ว์, ที่ไม่มไี ขมันสงู หรือ 30 กรมั ใน 1 วนั มนั สตั ว์, น�้ำมัน, ครีม 5. กนิ อาหาร 5. กนิ เกลอื ไมเ่ กิน 1 ชอ้ นชา 5. นำ�้ ปลา ซอสปรุงรส ซุปก้อน ผงปรงุ ที่ไมเ่ คม็ จัด (5กรัม)หรอื โซเดียมคลอไรด์ รส อาหารหมกั ดอง ไมเ่ กิน 2,000 มิลลกิ รัมใน เกลือ 1 ชช=นำ�้ ปลา 5 ชช 1 วัน การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ล่ยีวนยั พทฤ�ำตงกิ รารนม 17
ประเด็น ตัวชีว้ ดั เกณฑ์ อธบิ ายเกณฑ์ พฤตกิ รรม (คณุ ลักษณะ สขุ ภาพ ของพฤตกิ รรม 6. กนิ อาหารได้มาตรฐาน ดูฉลาก 2. พฤติกรรม ทพ่ี ึงประสงค)์ โภชนาการ/อาหารธรรมชาติ มากกวา่ การบรโิ ภค ดัดแปลง อาหารเพ่อื กินเพือ่ ปลอดโรค 6. กนิ อาหารปรงุ สุก สะอาด 7. ใชอ้ ปุ กรณ์ประกอบอาหาร/ภาชนะ ปลอดโรค ปลอดภัย ทุกครั้ง บรรจุทป่ี ลอดภัยและถกู สขุ ลกั ษณะ ปลอดภยั 6. กินอาหารสกุ สะอาดปราศจาก เชื้อโรคและสาร 7. ใช้อปุ กรณ์ประกอบ เคมี อาหาร/ภาชนะบรรจุ ทถี่ กู สขุ ลักษณะ 18 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมส�ำหรบั วยั ท�ำงาน
บทที่ 3 กระบวนการปรบั เปลยี่ นพฤติกรรม การบริโภคอาหารของวัยท�ำงาน การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารเพอื่ สขุ ภาพ ในการเสรมิ สรา้ งรา่ งกายและปลอดโรค ปลอดภัย ด้วยการบริโภคอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอ จ�ำเป็นต้องเร่ิมตั้งแต่ตนเองและการมี สว่ นรว่ มของครอบครวั และชมุ ชน ซงึ่ การทบี่ คุ คลจะสามารถปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ด้วยตนเอง เพ่ือน�ำไปสกู่ ารมสี ขุ ภาพทด่ี ไี ด้น้นั บุคคลจะต้องมคี วามรู้ ความเขา้ ใจท่ถี ูกต้อง มีความ รู้สึกตระหนักจากภายในตนเองก่อน จนรู้สึกอยากปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารด้วย ตนเอง โดยบุคคลนั้นต้องรับรู้ความสามารถของตนเองว่า ตนเองจะมี ความอดทน อุตสาหะ ไม่ท้อถอย รวมทั้งมีการต้ังเป้าหมาย วางแผนและกระท�ำพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เหมาะสม กับตนเอง ส�ำหรบั การมีสว่ นร่วมของครอบครัวและชุมชนในการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบริโภค อาหาร ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบของชุมชน ซึ่งชุมชนจะต้องมีความรู้สึก เป็นเจ้าของ เห็นคุณค่าและมีทัศนคติท่ีดี จะส่งผลต่อการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารท่ี ยั่งยืน แต่การที่จะให้ระดับชุมชนมีส่วนร่วมและมีการขับเคล่ือน จ�ำเป็นที่ต้องอาศัยแกนน�ำปรับ เปลย่ี นพฤตกิ รรมบรโิ ภคอาหารระดบั ชมุ ชน โดยจดั ตง้ั กลมุ่ ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมบรโิ ภคอาหาร โดย คัดเลือกแกนน�ำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบริโภคอาหารระดับชุมชน จะต้องเป็นบุคคลแกนน�ำที่มี คณุ สมบตั ิ เชน่ เปน็ ผกู้ ว้างขวาง เปน็ ท่ีรจู้ กั โดยทว่ั ไป มีภาพลักษณ์ทด่ี ี ท�ำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่นได้ สนใจ ใฝร่ อู้ ยเู่ สมอ ตามทนั ขอ้ มลู ขา่ วสาร คดิ พฒั นาอยา่ งตอ่ เนอื่ งและเปน็ ระบบ มศี กั ยภาพในการประสาน ขอความรว่ มมอื ระหวา่ งคนในชมุ ชน และเครอื ขา่ ยทเี่ กยี่ วขอ้ ง บรหิ ารจดั การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรม บริโภคอาหารของชุมชน โดยใช้กลยุทธ์และวิธีการต่างๆ ได้เหมาะสมตามความต้องการ ของชมุ ชน ดังนั้น กระบวนการด�ำเนินงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพการบริโภคอาหารของ กลมุ่ วยั ท�ำงาน จงึ มงุ่ เนน้ ใหค้ วามส�ำคญั ในการขบั เคลอื่ นโดยประชาชนและยดึ ชมุ ชนเปน็ ศนู ยก์ ลาง พฒั นา ตามสภาพปญั หาพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของคนในชมุ ชน และความตอ้ งการของชมุ ชน ในการแกป้ ญั หา ส�ำหรบั เจา้ หน้าที่สาธารณสขุ เป็นเพยี งพเ่ี ลย้ี งทจี่ ะเข้ามามสี ว่ นร่วมในการส่งเสริม สนบั สนนุ กระบวนการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของชมุ ชน ใหส้ ามารถบรรลเุ ปา้ หมาย การบริโภคอาหากราสรป�ำรหบั เรปบั ลย่ีวนยั พทฤ�ำตงกิ รารนม 19
การพฒั นาและเกดิ ความยง่ั ยนื ดงั นนั้ ประชาชนและชมุ ชนพรอ้ มทงั้ เจา้ หนา้ ที่ จ�ำเปน็ ตอ้ งมแี นวทาง และข้ันตอนในการด�ำเนินงานปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ซึ่งสรุปได้ออกเป็น 4 ขั้น ตอนหลกั ประกอบดว้ ย (1) วิเคราะห์ปัญหาและเข้าใจปัญหาท่เี กดิ ขน้ึ อยา่ งชัดเจน (2) วางแผนการ ปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมสขุ ภาพอาหารทเี่ ปน็ พฤตกิ รรมเสีย่ ง (3) ปฏบิ ัติการในพนื้ ที่กบั กลมุ่ เป้าหมาย (4) ประเมินความส�ำเร็จของการด�ำเนนิ งาน โดยแบ่งบทบาทหนา้ ทีก่ ารด�ำเนนิ งานเปน็ 2 สว่ น ดังนี้ 3.1 การปรบั เปล่ยี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารโดยประชาชนและชุมชน 3.2 การปรบั เปล่ยี นพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารโดยเจา้ หนา้ ท่ีสาธารณสขุ 3.1 การปรับเปลยี่ นพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยประชาชนและชมุ ชน ขนั้ ตอนที่1. วเิ คราะหป์ ญั หาและการเขา้ ใจปัญหาท่เี กดิ ขนึ้ อย่างชดั เจน การวเิ คราะหป์ ญั หาและการเขา้ ใจปญั หาทเ่ี กดิ ขน้ึ ในชมุ ชนนนั้ จ�ำเปน็ ตอ้ งอาศยั ขอ้ มลู พน้ื ฐาน ซ่ึงมีอยู่แล้วใน family folder แฟ้มระเบียนประวัติผู้ป่วยที่มีอยู่ในสถานบริการสุขภาพ หรือ อาจจะส�ำรวจเพิ่มโดยเจ้าหน้าที่ อสม. และแกนน�ำสุขภาพ เก็บรวบรวมเพ่ิมเติม โดยสร้าง แบบสอบถามอยา่ งงา่ ยๆ ที่ เจา้ หนา้ ทแ่ี ละอสม.รว่ มกนั ก�ำหนดขนึ้ เพอ่ื เปน็ การฝกึ ประสบการณก์ าร เรียนรู้ให้กับอสม.และชุมชน ข้อมูลสุขภาวะจะเน้นที่ข้อมูลความเจ็บป่วยของประชาชน และ พฤตกิ รรมเสยี่ งตอ่ โรคเรอ้ื รงั โดยให้ อสม. และชมุ ชนไดเ้ รยี นรใู้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู และการใชข้ อ้ มลู เพ่ือใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของชุมชน ได้แก่ ข้อมูลเก่ียวกับชุมชน ข้อมูลสถานะสุขภาพ/ข้อมูลพฤติกรรมสุขภาพ ข้อมูลปัจจัยแวดล้อมที่เอื้อต่อการปรับเปลี่ยน พฤตกิ รรมสขุ ภาพ เชน่ แหลง่ ปลกู ผกั แหลง่ เรยี นรสู้ ขุ ภาพ สอ่ื /ชอ่ งทางการสอื่ สาร ขอ้ มลู วฒั นธรรม ประเพณพี ื้นบา้ นทส่ี ง่ ผลกระทบจากพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร รวมถึงส�ำรวจชุมชน ได้แก่ ข้อมลู องคก์ รในชุมชน เช่น อสม. ผู้น�ำด้านสุขภาพ ชมรม กลมุ่ ตา่ งๆฯลฯ และภาคเี ครือขา่ ยท่ีเก่ยี วข้อง เพอ่ื ใหไ้ ดข้ อ้ มลู แกป้ ญั หาไดต้ รงความตอ้ งการของประชาชนในชมุ ชน โดยกระบวนการกลมุ่ ของผนู้ �ำ ของคนในชุมชนทง้ั หมดมาพดู คยุ หาขอ้ สรุป เพื่อเสรมิ ปรับปรงุ และเพิ่มเตมิ จนกลายเปน็ บทสรปุ ของชาวบา้ น (เกดิ ขน้ึ โดยกลมุ่ แกนน�ำ และชาวบา้ น) ชาวบา้ นจะตอ้ งสอ่ื สารกอ่ นท�ำและระหวา่ งท�ำ และความก้าวหน้าให้กับชุมชนอย่างต่อเนื่องตลอด ซึ่งจะต้องท�ำการวิเคราะห์และสรุปออกเป็น 3 สว่ น คือ 1. วเิ คราะห์และจ�ำแนกตามโรคและกล่มุ เส่ียงของกลุ่มวัยท�ำงาน 2. วเิ คราะห์พฤตกิ รรมเส่ียงจากการบริโภคอาหาร 3. วเิ คราะห์บริบทของชมุ ชนและเงอื่ นไขการจัดการปัญหาสุขภาพ ดงั ตารางดังต่อไปนี้ 20 กกาารรปบรบั รเโิปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมสำ� หรบั วยั ทำ� งาน
1.1 วิเคราะห์ปัญหาโรคและความเจ็บป่วยของประชาชนวยั ท�ำงาน น�ำขอ้ มลู ความเจบ็ ปว่ ยดว้ ยโรคตา่ งๆ ของประชาชนในหมบู่ า้ นจากฐานขอ้ มลู โรงพยาบาล ส่งเสริมสุขภาพต�ำบล มาวเิ คราะห์แยกแยะให้เหน็ วา่ มผี ู้ป่วยในแตล่ ะโรค แตล่ ะชว่ งอายุ มีจ�ำนวน มากน้อยเพียงใด ตารางท่ี 1 แสดงผลการวิเคราะห์ โรคและความเจ็บป่วยของประชาชนในหมู่บ้าน............. ปญั หาสุขภาพ กลมุ่ วัยท�ำงาน (15-59 ป)ี จำ� นวน เพศ 15-21 ปี 22-40 ปี 41-59 ปี ครอบครวั ชาย หญงิ เบาหวาน ความดัน เบาหวานและความดนั โรคหวั ใจ หลอดเลอื ดสมอง มะเรง็ ผู้พิการ จากตารางท่ี 1 ท�ำให้ทราบว่าประชาชนวยั ท�ำงานตง้ั แตอ่ ายุ 15-59 ปี เจบ็ ป่วยด้วยโรคอะไร มากท่ีสุด ในแต่ละช่วงอายุ ไดแ้ ก่ 15-21 ปี 22-40 ปี และ 41-59 ปี จ�ำนวนครอบครัว และจ�ำนวน ในแต่ละเพศ ซึ่งจะเปน็ ประโยชนใ์ นการทนี่ �ำไปสูก่ ารค้นหาพฤตกิ รรมเสยี่ งดา้ นการบรโิ ภคอาหารท่ี ก่อใหเ้ กิดโรคเหลา่ น้ัน 1.2 วิเคราะหพ์ ฤติกรรมเสีย่ งด้านการบรโิ ภคอาหาร จากข้อมูลในตารางที่ 1 มาท�ำการวิเคราะห์ต่อว่า มีพฤติกรรมเส่ียงด้านการบริโภค อาหาร มากนอ้ ยเพียงใด ซ่งึ จะต้องระบไุ ดว้ า่ เสี่ยงมาก เสยี่ งนอ้ ย และในแตล่ ะชว่ งอายุมีจ�ำนวน เท่าไร ลงในตารางที่ 2 โดยน�ำข้อมลู จากผลการประเมินพฤติกรรม 3อ.2ส.ของโรงพยาบาลส่งเสรมิ สุขภาพต�ำบลมาเทียบเกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรม 3อ.2ส. ดงั ตารางตอ่ ไปนี้ การบริโภคอาหากราสรปำ� รหบั เรปบั ลย่ีวนยั พทฤ�ำตงิกรารนม 21
ตัวอย่าง การเทียบเกณฑก์ ารประเมินพฤติกรรม 3อ.2ส. เกณฑ์แบง่ ระดบั คะแนนรวม แปลผล สรุปผล ความหมาย ถา้ ได้ 0-49.9 คะแนน เป็นผู้ปฏิบัติพฤติกรรม3อ.2ส.ได้น้อยและไม่ค่อย เสีย่ งมาก หรอื < 50% ของคะแนนเต็ม ถกู ตอ้ ง ถา้ ได้ 50-79.9 คะแนน เป็นผู้ปฏิบตั ิพฤตกิ รรม3อ.2ส.ได้ปริมาณเพียงพอ เสีย่ งน้อย หรือ ≥ 50%- <80%ของคะแนนเตม็ แต่ถูกต้องบ้าง ถ้าได้ 80-100 คะแนน เป็นผู้ปฏิบัติพฤติกรรม3อ.2ส. ได้ปริมาณมาก ไม่เส่ยี ง หรอื ≥ 80% ของคะแนนเต็ม เพียงพอตอ่ สขุ ภาพ ทดี่ อี ย่างยัง่ ยนื ตารางที่ 2 แสดงความเข้าใจพฤติกรรมเส่ียงด้านการบรโิ ภคอาหาร พฤตกิ รรมเส่ียง กล่มุ วยั ท�ำงาน (15-59 ปี) จำ� นวนครอบครัว เพศ 15-21 ปี 22-40 ปี 41-59 ปี ชาย หญงิ อาหาร เส่ียงน้อย เสี่ยงมาก จากตารางท่ี 2 จะท�ำให้ทราบว่า ปญั หาพฤตกิ รรมเส่ียงจากการบรโิ ภคอาหารของกล่มุ วยั ท�ำงานท่ี เสย่ี งมาก พบมากในกลุม่ อายุใด จ�ำนวนครอบครัวและแตล่ ะเพศมีมากนอ้ ยเพยี งใด 1.3 วิเคราะหบ์ ริบทของชมุ ชนและเงอ่ื นไขการจดั การปญั หาสขุ ภาพ ชมุ ชนควรมคี วามเขา้ ใจบรบิ ทของชมุ ชนและเงอ่ื นไขการจดั การปญั หาสขุ ภาพ เพอื่ ทจ่ี ะ สามารถดึงจุดแข็งของชุมชนมาใช้ในการขับเคล่ือนการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร โดยเฉพาะกลมุ่ ทางสงั คม ที่มคี วามเข้มแขง็ คือ กลุ่มทมี่ ีการด�ำเนินกจิ กรรมเพื่อบรรลุวตั ถปุ ระสงค์ ของการจัดตั้งกลุ่มมากน้อยเพียงใด และปัจจัยแวดล้อมที่ก�ำหนดพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ดังตัวอย่างตารางท่ี 3 และ 4 22 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วยั ทำ� งาน
1.3.1 กลุม่ ทางสังคม ตารางที่ 3 แสดงจ�ำนวนและความเข็มแขง็ ของกลุ่มทางสังคม กล่มุ ทางสงั คม จำ� นวนกลมุ่ ความเขม้ แข็ง น้อย ปานกลาง มาก กลุ่มผู้ใหญ่บา้ นและทมี งาน กลมุ่ ผู้น�ำทไี่ ม่เปน็ ทางการ เชน่ ปราชญ์ชาวบ้าน ภูมปิ ัญญาชาวบา้ น กล่มุ อสม.ในหม่บู ้าน กลุ่มอาชีพเช่น กลุ่มชาวนา ชาวสวน สถานประกอบการ เชน่ รา้ นค้า กลมุ่ ทางสงั คม เช่น กลุม่ ดนตรี กลุ่มเต้นร�ำ กลุม่ สง่ิ แวดลอ้ ม กล่มุ รักษว์ ฒั นธรรม กลมุ่ ผู้สูงอายุ กลุ่มรกั ษ์นำ้� กลุ่มชมรมออกก�ำลังกาย จากตารางที่ 3 ท�ำใหท้ ราบวา่ ในชุมชนมีจ�ำนวนกลุม่ ทางสงั คมแบบเป็นทางการและไมเ่ ป็น ทางการ ทเี่ กย่ี วข้องกับการบริโภคอาหาร มคี วามเขม็ แขง็ ในระดับใด สามารถน�ำศกั ยภาพของกลมุ่ เขา้ มามสี ว่ นรว่ มในการด�ำเนนิ การพฒั นาและปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของประชาชน ในชุมชนได้ 1.3.2 ปจั จัยแวดลอ้ มทีก่ ำ� หนดพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร การวิเคราะห์ปัจจัยแวดล้อมที่ก�ำหนดพฤติกรรมการบริโภคอาหาร เป็นการ วิเคราะหป์ จั จัยแวดล้อมทั้งทางสงั คมและทางกายภาพท่ีเอือ้ (เชิงบวก) และเป็นอุปสรรค (เชิงลบ) ต่อการพัฒนาพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร ปจั จัยแวดล้อมทางกายภาพ หมายถึง ส่ิงของหรือสง่ิ อ�ำนวยความสะดวกต่างๆที่จะใช้ประกอบการกระท�ำพฤติกรรมการบริโภคอาหาร และปัจจัย แวดลอ้ มทางสงั คม หมายถงึ คา่ นยิ ม ขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรม แบบแผนการด�ำเนินชีวติ และการใช้กระบวนการทางสังคมท่ีมีผลกระทบต่อสุขภาพท้ังเชิงบวก (สนับสนุน/เอ้ือต่อการ ปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ) และเชงิ ลบ (อุปสรรค/ไม่เอ้อื ต่อการปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมสุขภาพ) เชน่ ชีวติ ทตี่ ้องมีความเร่งรบี เพื่อการประกอบอาชพี มคี วามรกั สบาย เป็นต้น ล้วนเปน็ ปัจจยั ท่ีมผี ล ต่อการเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรมของคน ดังตารางท่ี 4 การบริโภคอาหากราสรป�ำรหบั เรปบั ลย่ีวนัยพทฤำ�ตงกิ รารนม 23
ตารางที่ 4 แสดงปัจจัยแวดลอ้ มที่กำ� หนดพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร เชิงบวก/เออ้ื ตอ่ การ เชิงลบ/ไมเ่ อ้อื ต่อการ ปัจจัยแวดล้อม มีพฤตกิ รรมการ มีพฤตกิ รรมการ บริโภคอาหาร บริโภคอาหาร 1. สิ่งอ�ำนวยความสะดวก 1. ปัจจยั เช่น รา้ นคา้ สะดวกซื้อในชุมชน แวดล้อม ทาง อาทิ เซเวน่ อเี ลเวน่ โลตัส บกิ ซี กายภาพ ทอป เป็นตน้ 2. ปจั จัย 1. แบบแผนพฤตกิ รรม แวดลอ้ ม ทาง ขนมธรรมเนียมประเพณี สังคม หลกั ศาสนาวฒั นธรรม ทีม่ ผี ลตอ่ พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร 2. ความเขา้ ใจและใช้เศรษฐกิจพอ เพียงเพ่ือสุขภาพเกิดขึน้ หรือไม่ เพยี งใด อยา่ งไร 3. สอื่ โฆษณาชวนเชือ่ ผลิตภัณฑ์ สนิ คา้ ตา่ งๆ จากตารางท่ี 4 ท�ำให้ทราบข้อมูลปัจจัยแวดล้อมท้ังเชิงบวกและเชิงลบท่ีมีอยู่ในชุมชน เพ่ือน�ำมาใช้เป็นข้อมูลในการวางแผนด�ำเนินการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ตวั อยา่ งเช่น - ปจั จยั แวดลอ้ มทางกายภาพ เชน่ ในชมุ ชนมรี า้ นสะดวกซอ้ื หลายรา้ น และประชาชนนยิ ม ซ้อื อาหารทีง่ า่ ยๆ เชน่ อาหารจานดว่ น กินอาหารซ้ำ� ซาก อาหารส�ำเรจ็ รปู เป็นตน้ เมื่อวิเคราะห์ ออกมาแล้วว่าเป็นปัจจัยท่ีมีผลเขิงลบ ก็น�ำมาวางแผนว่าจะท�ำอย่างไรให้ชุมชนมีพฤติกรรมการ บรโิ ภคอาหารทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสมและเพยี งพอ เชน่ เชญิ รา้ นคา้ สถานประกอบการมาพดู คยุ ถงึ ปญั หา สาเหตทุ ท่ี �ำใหเ้ กดิ การเจบ็ ปว่ ยของชมุ ชน และสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มของเครอื ขา่ ยรา้ นคา้ สถานประกอบการ ให้จ�ำหน่ายอาหารเพอ่ื สุขภาพให้กับประชาชนในชมุ ชน - ปัจจัยแวดลอ้ มทางสงั คม เช่น * แบบแผนพฤตกิ รรมทีม่ ีผลตอ่ พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร เช่น เม่ือวเิ คราะหอ์ อกมา พบว่า เป็นปัจจัยแวดล้อมท่ีมีผลเชิงลบ กล่าวคือ บางชุมชนนิยมบริโภคอาหารหวานน�ำ ท�ำให้มี พฤตกิ รรมการบรโิ ภคหวานเกิน ท�ำให้เกดิ การเจบ็ ปว่ ย กค็ วรวางแผนในการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรม โดยการวางแผน เชน่ จัดเวทีพูดคยุ สรา้ งความเข้าใจ ให้เกิดการรับรู้ และตระหนกั ในการที่จะปรับ ลดความหวานในอาหาร เปน็ ต้น 24 กกาารรปบรบั รเิโปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมสำ� หรบั วยั ทำ� งาน
* ความเข้าใจและใช้เศรษฐกิจพอเพียงเพ่ือสุขภาพ เช่น พบว่าเป็นเชิงบวก ซึ่งมีการ ประยุกตใ์ ชห้ ลกั เศรษฐกจิ พอเพยี งในการดแู ลสุขภาพตนเองอยู่แลว้ ด้วยการท�ำอาหารรบั ประทาน เองกันในครอบครัว ซ่ึงส่งผลดีต่อสุขภาพตามหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง ได้แก่ ประหยัด งบประมาณ ลดคา่ ใชจ้ า่ ย และครอบครวั มสี ว่ นรว่ มในการดแู ลสขุ ภาพจากพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร เม่ือวิเคราะห์ออกมา พบว่าเป็นปัจจัยแวดล้อมท่ีมีผลเป็นเขิงบวก การน�ำหลักเศรษฐกิจท่ีมีอยู่ใน ชมุ ชน ไมไ่ ด้หามาใหม่ หรอื สรา้ งใหม่ น�ำมาใช้ประโยชน์รว่ มกนั หากวิเคราะห์ออกมา พบว่าเป็น ปจั จยั แวดลอ้ มทมี่ ผี ลเปน็ เขงิ ลบ จะตอ้ งสรา้ งความเขา้ ใจใหแ้ กป่ ระชาชนมกี ารพง่ึ พาตนเองตามพนื้ ฐาน ของปรัชญาประกอบด้วยการยึดสายกลาง มีความสมดุลพอดี รู้จักพอประมาณ มีเหตุผล การอยู่ร่วมกนั ในสงั คม จะต้องพง่ึ พา สมคั รสมาน สามัคคี เอ้ือเฟือ้ เผอ่ื แผซ่ ึง่ กนั และกัน ข้นั ตอนท่ี 2. วางแผนการปรับเปลีย่ นพฤตกิ รรมการบริโภคอาหารท่ีเปน็ พฤติกรรมเสี่ยง การวางแผนการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร เป็นหัวใจส�ำคัญท่ีจะท�ำให้การ ปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารประสบความส�ำเรจ็ ได้ โดยน�ำผลการวเิ คราะหแ์ ละบทสรปุ ปญั หา การบริโภคอาหารของประชาชนในชุมชนท่ีได้จากขั้นตอนที่ 1 มาด�ำเนินการวางแผน ก�ำหนด เป้าหมายการพัฒนาให้ชัดเจนว่าอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอะไร แค่ไหน กับกลุ่มไหน (กลุ่มเสี่ยง มาก นอ้ ย ปกต)ิ และจะมวี ธิ กี ารท�ำอยา่ งไรเพอื่ ใหเ้ กดิ การเปลย่ี นแปลงการกระท�ำของกลมุ่ เปา้ หมาย ใหม้ พี ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทถ่ี กู ตอ้ งจนเปน็ สขุ นสิ ยั อกี ทงั้ เปน็ การใชเ้ ครอื ขา่ ยทเี่ ปน็ ทนุ ทางสงั คม ทม่ี อี ยูแ่ ล้วในชุมชน เขา้ มามสี ่วนรว่ มในการร่วมคดิ รว่ มท�ำ รว่ มตดั สินใจ รว่ มแกป้ ัญหา และร่วมใน กระบวนการขับเคลอื่ นการพฒั นา ในการก�ำหนดแผนปฏบิ ตั กิ ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของชมุ ชน ควรจะตอ้ ง มกี ารก�ำหนดวิธีการให้ชัดเจนในประเดน็ ดงั รายละเอยี ดน้ี • ก�ำหนดกลมุ่ เป้าหมายทตี่ ้องพฒั นา ตอ้ งระบุให้ชัดเจนวา่ เป็นกลมุ่ ไหน 1. กลมุ่ เส่ยี งมาก (กลุม่ ท่มี ีปญั หาสุขภาพมากทีส่ ดุ ) 2. กลุ่มเสี่ยงน้อย 3. กล่มุ ปกติ • ก�ำหนดเปา้ หมายการปรบั เปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหารของกลุ่มเปา้ หมาย เปา้ หมาย คือ กลมุ่ เป้าหมายมีพฤตกิ รรมบรโิ ภคอาหารทถ่ี กู ต้องตามเกณฑ์ เชน่ 1. กินอาหารหลากหลาย ไม่ซำ้� ซาก (จ�ำเจ) 2. กินผักหลากหลายสี และผลไม้สด 3. ลดหวาน มัน เค็ม การบรโิ ภคอาหากราสรปำ� รหับเรปบั ล่ยีวนยั พทฤำ�ตงกิ รารนม 25
• ก�ำหนดวธิ ีการ/กจิ กรรมการด�ำเนินงาน ดงั น้ี ก�ำหนดกิจกรรมปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหารในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย ต้อง ก�ำหนดให้ชัดเจนว่ากิจกรรมท่ีจะกระท�ำโดยตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และกิจกรรมในระดับชุมชน/ สงั คมทจี่ ะช่วยเสรมิ หนุนกระต้นุ ให้กล่มุ เปา้ หมายเกิดการปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพ คืออะไร 3.1 กจิ กรรมทจี่ ะดำ� เนนิ งานกบั กลมุ่ เปา้ หมายโดยตรงเพอื่ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการ บริโภคอาหาร 3.1.1 การจดั กจิ กรรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารโดยบคุ คลและครอบครวั เพอื่ ใหส้ มาชกิ แตล่ ะคนไดม้ กี ารก�ำหนดเปา้ หมายการปรบั เปลย่ี นการบรโิ ภคอาหารทถี่ กู ตอ้ งเพยี งพอ และตามเกณฑ์ พร้อมท้ังตรวจเช็คผลการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคด้วยตนเอง ซ่ึงสมาชิก แตล่ ะคน จะตอ้ งมกี ารก�ำหนดตารางการปฏบิ ตั กิ ารปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคในชว่ ง 3 เดอื น โดยก�ำหนดใหช้ ัดเจนวา่ เรมิ่ ปรับเปล่ยี นพฤติกรรมการบรโิ ภคตัง้ แตเ่ ดือนไหนถึงเดอื นไหน 3.1.2 การจดั กจิ กรรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารโดยกลมุ่ /ชมรม ซง่ึ เปน็ กระบวนการทีจ่ ะช่วยเสริม และกระตุ้นการเรียนรู้ รวมทงั้ ชว่ ยก�ำกับการปฏบิ ัติของแตล่ ะบุคคลให้ ถกู ตอ้ งมากข้นึ ภายใต้กจิ กรรมท่สี �ำคญั ดังน้ี 1. ส�ำรวจความสนใจ ความตอ้ งการในการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมบรโิ ภคอาหาร เชน่ การลดอาหาร หวาน มัน เคม็ และการกินผักผลไม้ 2. จดั ตง้ั กลมุ่ บรโิ ภคอาหารตา่ งๆ เชน่ กลมุ่ ทเี่ นน้ อาหารลดหวาน มนั เคม็ กลมุ่ เนน้ กนิ ผกั ผลไม้ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะต้องด�ำเนินการดังน้ี - คัดเลือกทีมแกนน�ำจากสมาชิกกลุ่ม เพื่อเป็นผู้บริหารจัดการกลุ่มให้มี การด�ำเนินการอยา่ งต่อเน่อื งอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น แตง่ ตั้งคณะกรรมการกลุ่ม ไดแ้ ก่ ประธาน รองประธาน เลขากลุ่ม เหรัญญิก เพื่อท�ำหน้าที่บริหารจัดการกลุ่มตามบทบาทหน้าที่ (ควรเลือก หลงั จากทกี่ ลมุ่ ไดม้ กี จิ กรรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมบรโิ ภคอาหารไปชว่ งหนง่ึ เพอื่ จะไดร้ ศู้ กั ยภาพ ของสมาชิกในกลุ่ม) 3. การก�ำหนดเปา้ หมายและวธิ ีปฏิบัตริ ่วมกนั ของกลมุ่ (กฎ กตกิ า) - ก�ำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์การปรับเปล่ียนพฤติกรรมการกิน อาหารท่ีต้องการให้เกิด โดยก�ำหนดกิจกรรม ระยะเวลา งบประมาณ (ถ้ามี) และผู้รับผิดชอบ รวมทง้ั มกี ารบนั ทกึ ผลการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร โดยเทยี บเคยี งผลกอ่ นและหลงั การท�ำกจิ กรรม - จัดเวที พดู คุย หารอื เสนอ ขอ้ คิดเหน็ รว่ มกนั ก�ำหนดกฎ กติกา ของ ชาวบ้าน ชมุ ชน และร้านคา้ ในชุมชน เพือ่ การปรบั เปล่ียนพฤติกรรมบริโภคอาหารให้เป็นไปอยา่ ง ถูกตอ้ งตามเกณฑ์ 26 กกาารรปบรบั รเโิปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมส�ำหรบั วัยทำ� งาน
4. การขอรับการสนบั สนุนและความช่วยเหลอื ท้ังทางข้อมลู ขา่ วสาร ความรู้ งบประมาณ ทรัพยากรในการด�ำเนนิ การจากบคุ คลหรอื กลุม่ /เครอื ขา่ ยต่าง ๆ ในชุมชน เช่น จาก ปราชญ์ ชาวบ้าน อบต. เทศบาล และเจ้าหน้าที่สาธารณสขุ 5. ระหวา่ งปฏิบตั ิการ 5.1 สมาชกิ กลมุ่ เขา้ รว่ มกจิ กรรมการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ลดหวาน มัน เค็ม เป็นประจ�ำและสม่ำ� เสมอตามขอ้ ตกลงของกลมุ่ 6. ประเมินผลการด�ำเนนิ งาน - ประเมินเป็นชว่ ง ๆ เพื่อให้ร้วู ่าสมาชกิ ของกลมุ่ มีการเปล่ยี นแปลงหรือมี พฒั นาการมากน้อยเพียงใด และมีผลกระทบตอ่ สขุ ภาพอยา่ งไร - ประเมิน เม่ือครบ 1 ปี ให้มีการประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ของสมาชิก เพื่อทราบผลกระทบอะไรบ้างเกิดขึ้น เพ่ือสะท้อนถึงความส�ำเร็จของการพัฒนาการ ปรบั เปล่ียนพฤติกรรมบรโิ ภคอาหาร 3.2 กจิ กรรมการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารโดยชมุ ชน 3.2.1 การจดั การรณรงค์ สรา้ งกระแสและเผยแพรข่ อ้ มลู ขา่ วสารดา้ นการบรโิ ภคอาหาร โดยตอ้ งก�ำหนดวตั ถปุ ระสงค/์ เปา้ หมาย ประเดน็ หลกั ทต่ี อ้ งการรณรงค์ ก�ำหนดกลมุ่ เปา้ หมาย ระยะ เวลาการรณรงค์และงบประมาณ รวมทั้งสื่อที่จะใช้ในการจัดรณรงค์ และแผนประเมินผลการจัด รณรงค์ ข้นั ตอนท่ี 3. ปฏิบัติการในพ้ืนทข่ี องกลุ่มเปา้ หมาย การปฏบิ ตั กิ ารในพนื้ ทน่ี น้ั เปน็ การสรา้ งการมสี ว่ นรว่ มและสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ความตระหนกั และ การปรับเปล่ียนพฤติกรรมสุขภาพให้สอดคล้องกับวิถีชีวิต เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการ จดั กจิ กรรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมสขุ ภาพของตนเองได้ และบรรลตุ ามตวั ชว้ี ดั และเกณฑท์ กี่ �ำหนด ของพฤติกรรมสุขภาพ นั้นๆ ในการปฏิบัติการในพ้ืนที่ของกลุ่มเป้าหมายมีกิจกรรมหลักที่ส�ำคัญๆ 2 กจิ กรรม ไดแ้ ก่ 1) การบรหิ ารจดั การขบั เคลอ่ื นการด�ำเนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารตาม แผน 2) การประเมนิ กระบวนการ/กจิ กรรมปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร รายละเอยี ด ดังนี้ การบรโิ ภคอาหากราสรปำ� รหบั เรปบั ลย่ีวนยั พทฤ�ำตงกิ รารนม 27
1) การบรหิ ารจดั การขบั เคลอื่ นการด�ำเนนิ งานปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารตาม แผนการบริหารจัดการขับเคลื่อนการด�ำเนินงานให้สามารถบรรลุตามเป้าหมายที่ก�ำหนด โดยจะ ต้องมกี ารปฏบิ ตั ิการดงั นี้ 1.1 จดั กจิ กรรมปรับเปลยี่ นพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยบุคคลและครอบครวั ซึ่งเป็นกิจกรรมการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่เกี่ยวข้องของตนเอง การมสี ว่ นร่วมของครอบครัว ดงั นี้ (1) ระดบั บคุ คล จดั ท�ำสมดุ บนั ทกึ พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารรายบคุ คล ซง่ึ แสดงถงึ พฤติกรรมการกินอาหารในช่วงเวลา 3 เดือน และผลการเปล่ียนแปลงที่เกิดขึ้น เช่น ปฏิทินเมนู อาหาร 7 วนั ใน 1 สัปดาห์ เปน็ ต้น ตัวอย่างบตั รควบคมุ อาหารด้านล่างน้ี ชอื่ .......................................อาย.ุ ............ปี พลงั งาน 1300 กลุม่ อาหาร/วนั หน่วย ปริมาณ ข้าวเจ้า ทัพพีตกั ข้าว เช้า เที่ยง เย็น หรือข้าวเหนยี ว ผกั ผลไม้ ผลไม้ ผลไม้ 1 สว่ น = ผลไมห้ ัน่ เปน็ ช้นิ ค�ำ เชน่ มะละกอ/ สับปะรด 6-8 ชน้ิ ค�ำ ฝรัง่ ½ ผล มะม่วงดิบ/สกุ ½ ผล กลว้ ยนำ�้ วา้ 1 ผล กล้วยหอม 2/3 ผล ส้มขนาดกลาง 2 ผล เงาะ 4 ผล เน้อื สตั ว์ ช้อนกินขา้ ว นมไขมันต�่ำ แก้ว (กลอ่ ง) น้�ำมนั ไมเ่ กิน 4-6 ช้อนชา/วนั ว.ด.ป....................................................... น้ำ� ตาลไมเ่ กนิ 6 ชอ้ นชา/วัน น�ำ้ หนกั .................................................กก. เกลอื ไมเ่ กนิ 1-2 ช้อนชา/วนั ส่วนสงู .................................................ซม. น้�ำ 30 มลิ ลิลิตร/น้�ำหนกั ตัว 1 กิโลกรมั อ้วน ปกติ ผอม 28 กกาารรปบรบั รเโิปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วัยทำ� งาน
(2) ระดบั ครอบครวั ครอบครวั มสี ว่ นส�ำคญั ในการจดั การดา้ นอาหารใหก้ บั สมาชกิ ในทกุ มอื้ จึงมีความจ�ำเป็นอย่างย่ิงที่แม่บ้านหรือสมาชิกท่ีท�ำหน้าท่ีหลักในการปรุงอาหาร จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริโภคอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ การเลือกซ้ืออาหาร ปลอดภัย และรู้ว่าอาหารประเภทไหนมีโทษต่อร่างกาย โดยครอบครัวต้องให้ความส�ำคัญและ ด�ำเนนิ การ ดงั นี้ - การเลือกซือ้ วตั ถดุ ิบในการประกอบอาหาร เชน่ เนื้อสตั ว์ ผกั ผลไม้ ต้องเน้นที่ปลอด สารพษิ หรือสารปนเปือ้ น - จัดเมนูชสู ขุ ภาพ เช่น เน้นผกั ผลไม้ ลดหวาน มัน เคม็ เปน็ ต้น - ท�ำกจิ กรรมรว่ มกนั ของสมาชกิ ในครอบครวั เชน่ ท�ำอาหาร รบั ประทานอาหารรว่ มกนั 1.2 จดั กจิ กรรมปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมการบริโภคอาหารโดยกล่มุ /ชมรม เป็นกิจกรรมของสมาชิกของกลุ่ม ต้องร่วมกันในการแก้ไขปัญหา ท่ีเป็นกิจกรรม การปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของสมาชกิ กล่มุ โดยจะตอ้ งมีการจดั กจิ กรรมดงั นี้ 1) จัดตง้ั ทมี บริหารจดั การของกลมุ่ ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการกินอาหาร (1) แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการ ซ่ึงประกอบด้วย ประธาน รองประธาน สมาชกิ เลขากลมุ่ เหรญั ญกิ เพอ่ื ท�ำหนา้ ทบี่ รหิ ารจดั การกลมุ่ และแบง่ บทบาทหนา้ ที่ ควบคมุ ก�ำกบั และมอบหมายหน้าที่กันอย่างชัดเจน และใช้ศักยภาพของสมาชิกในกลุ่ม เพื่อให้การด�ำเนินการ กจิ กรรมปรับเปล่ียนพฤติกรรมการกนิ อาหารเป็นไปตามแผนและบรรลวุ ัตถปุ ระสงค์ทก่ี �ำหนดไว้ (2) ควบคุม ก�ำกับและมอบหมายการด�ำเนินการ แบ่งหน้าที่รับผิดชอบในแต่ละ กจิ กรรมปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารใหช้ ดั เจน เพอื่ ใหเ้ ปน็ ไปตามก�ำหนดการด�ำเนนิ การ ที่ตั้งไว้ บรรลุตามวัตถุประสงค์ของการปรับเปล่ียนพฤติกรรมการบริโภคอาหารท่ีต้องการให้เกิด ไดแ้ กก่ �ำหนดกิจกรรม ระยะเวลา งบประมาณ (ถา้ ม)ี ผู้รบั ผิดชอบ และการประเมิน โดยมีการบนั ทึกผล การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร โดยเทยี บเคยี งผลกอ่ นและหลงั การท�ำกจิ กรรม 3 เดอื น 2) กจิ กรรมการเรียนรู้เพือ่ ใหเ้ กิดความรู้และทักษะ ดา้ นการบริโภคอาหาร (1) จัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อให้เกิดความรู้และทักษะด้านการบริโภคอาหาร ใหเ้ กิดการรบั รู้และเข้าใจในการบรโิ ภคอาหารทไี่ ด้คณุ ค่าตามหลกั โภชนาการและปลอดภยั เริม่ ต้น ลดหวาน มัน เค็ม อาทิเช่น การบริโภคอาหารครบ 5 หมู่ บริโภคผักและผลไม้ หลากหลายสี ครงึ่ กโิ ลกรมั ตอ่ คนตอ่ วนั ลดอาหารหวาน มนั เคม็ หลกี เลย่ี งการบรโิ ภคอาหารฟา๊ สฟดู๊ (อาหารจานดว่ น) และอาหารจ๊ังฟูด (อาหารขยะ/อาหารกินเล่นไม่มีประโยชน์) มีความสามารถในการเลือกซื้อ การปรุง และการกินให้ได้คุณค่าทางโภชนาการและปลอดภัยรวมทั้งเข้าใจและสามารถ อ่านฉลากโภชนาการ ดูเครื่องหมาย อย เมนูสุขภาพ การบริโภคอาหากราสรป�ำรหบั เรปบั ลย่ีวนัยพทฤ�ำตงิกรารนม 29
(2) จัดกิจกรรมการเรียนรู้และรู้เทา่ ทนั สือ่ โฆษณา ใหเ้ หมาะสมและสอดคล้องกบั ประชาชน เช่น คา่ ยโภชนาการ (เมนูชสู ขุ ภาพ) หรอื ค่ายคนไทยไร้พงุ โครงการสวนครัว รั้วกนิ ได้ เปน็ ต้น (3) จดั เวทพี ดู คยุ โดยเชญิ รา้ นคา้ สถานประกอบการ ในชมุ ชน ใหร้ ว่ มมอื กนั (MOU) ในการจ�ำหน่ายอาหารเพอ่ื สุขภาพ และจ�ำหนา่ ยอาหารส�ำเรจ็ รูป โดยการลดเคม็ หวาน และ ไขมนั สูง หลกี เลี่ยงอาหารจ๊งั ฟู๊ด และฟ๊าสฟดู๊ รวมถงึ เครอื่ งดืม่ ประเภทนำ�้ อดั ลม และประชาสมั พันธ์ใน หมบู่ า้ นไม่ควรใหม้ ีการโฆษณา หรือจ�ำหน่ายอาหาร ขนม และเครื่องดืม่ ท่ีไมม่ ปี ระโยชนใ์ นชมุ ชน (4) จดั ฝกึ อบรม สาธติ การท�ำเมนชู สู ขุ ภาพ โดยขอสนบั สนนุ วทิ ยากรจากหนว่ ยงาน ภาคีเครอื ข่าย เพ่ือใหส้ มาชกิ มีทักษะในการเลอื กซื้อ ปรุงอาหาร และรู้ถงึ คณุ คา่ โภชนาการ 3) จัดให้มีการก�ำหนดกติกา มาตรการ ข้อตกลงในเร่ืองการบริโภคอาหารร่วมกัน อาทเิ ชน่ - กำ� หนดมาตรการอาหารในหมบู่ า้ น ใหท้ กุ ครอบครวั ในชมุ ชนจดั อาหารสขุ ภาพ โดยเน้น ผกั และผลไม้สด ลดอาหารหวาน มัน เคม็ / งดน้�ำอัดลมเปลีย่ นเป็นอาหารสขุ ภาพในงาน เลยี้ งในวาระตา่ ง ๆ งานบุญ /งานประจ�ำปี หรอื งานเทศกาลทส่ี �ำคญั ของหมบู่ า้ น ฯลฯ - มีมาตรการให้รางวัลกับผู้เข้ารว่ มกจิ กรรมเป็นประจ�ำ และการเปลี่ยนแปลง ดา้ นสขุ ภาพ เชน่ ใหร้ างวลั บคุ คลทมี่ จี ติ อาสา มคี วามเสยี สละ กลา้ แสดงออก และไมห่ วงั ผลตอบแทน (ไมค่ �ำนงึ ถงึ วฒุ กิ ารศกึ ษา) เปน็ บคุ คลตน้ แบบทเ่ี ขา้ รว่ มกจิ กรรมเปน็ ประจ�ำ เปน็ รางวลั บคุ คลตน้ แบบ ด้านสุขภาพ หรือรางวัลครอบครวั สขุ ภาพถกู หลักโภชนาการ เปน็ ตน้ 4) จัดใหม้ กี ารเพ่มิ และขยายเครือข่าย - เพิ่มจ�ำนวนสมาชิกโดยเชิญชวนสมาชิกระหว่างกลุ่มในชุมชนและนอกชุมชน เข้าร่วมเป็นสมาชิกหรือแลกเปล่ียนกันเป็นสมาชิกของกลุ่มระหว่างกัน เพ่ือเพ่ิมจ�ำนวนสมาชิก ให้มพี ลัง และเข้มแข็ง - ขยายเครือข่าย ระหว่างกลุ่มในชุมชน (กลมุ่ ทางสังคม) ซง่ึ มีหลายกลุ่มท่จี ัดตง้ั ในชมุ ชนเปน็ เครอื ขา่ ยเพอ่ื ใหม้ กี ารเชอ่ื มโยง แลกเปลยี่ น บรู ณาการ เพอื่ สง่ เสรมิ สนบั สนนุ แลกเปลย่ี น ขอ้ มูลขา่ วสาร ประสานความร่วมมือ รวมถึงหนว่ ยงาน องค์กร มูลนิธิ ท้ังภาครฐั และภาคเอกชน ภายในชมุ ชนและภายนอกชมุ ชน เพ่ือให้เครือขา่ ยขยายออกเปน็ วงกว้าง 5) จัดเวทีแลกเปลย่ี นปัญหา ความคดิ เหน็ แนวทางในการแก้ปัญหา และการเลอื ก ปฏิบัติให้เหมาะสมระหว่างกลุ่มในชุมชน และกลุ่มนอกชุมชน และเครือข่าย รวมถึง หน่วยงาน องคก์ ร มูลนธิ ิ ทัง้ ภาครัฐและภาคเอกชนภายในชมุ ชนและภายนอกชมุ ชน 6) เฝา้ ระวงั และตดิ ตามภาวะโภชนาการของสมาชกิ ของกลมุ่ โดยอสม.หรอื เชญิ เจา้ หน้าท่สี าธารณสขุ มาวัดรอบเอว ชั่งน�้ำหนัก วัดสว่ นสูง ดคู า่ BMI เพื่อดูภาวะเสย่ี งโรคต่างๆ 30 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมส�ำหรบั วยั ทำ� งาน
1.3 กจิ กรรมการสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารโดยชมุ ชน 1.3.1 จดั รณรงค์ สร้างกระแสและเผยแพรข่ อ้ มูลข่าวสารด้านการบริโภคอาหาร จดั รณรงคแ์ ละสรา้ งกระแสในชมุ ชนเพอื่ ใหเ้ กดิ การตน่ื ตวั เรอ่ื ง การบรโิ ภคอาหาร และเปน็ การสรา้ งทนุ ทางสงั คมทเ่ี ออ้ื ตอ่ การมพี ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทถี่ กู ตอ้ ง เชน่ การมสี ว่ นรว่ ม ความสามัคคีและการมีศักยภาพของชุมชน ในการที่ก่อให้เกิดแบบแผนพฤติกรรมและวัฒนธรรม การบรโิ ภคอาหารท่ีเป็นเอกลักษณ์ของชุมชนเอง ต้งั แตร่ ะดับบคุ คล ครอบครวั และชุมชน ตัวอยา่ ง กจิ กรรมการรณรงค์ สร้างกระแส และเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารความรดู้ า้ นการบริโภคอาหาร ดงั นี้ - จัดรณรงค์การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร ในวันส�ำคัญฯ ชองชมุ ชน หรอื กจิ กรรมสอดแทรกเนอื้ หาการบรโิ ภคอาหารเพอ่ื สขุ ภาพ เชน่ ประกวดขบวนพาเหรด ดา้ นสขุ ภาพ หรอื กิจกรรมบนเวที เปน็ ต้น - สร้างกระแสจัดการประกวดเมนูชูสุขภาพ พร้อมให้ผู้เข้าร่วมประกวด น�ำเสนอ คุณคา่ ทางโภชนาการ อาหารทเ่ี ขา้ ประกวด เปน็ ส�ำรับชูสุขภาพ ประกาศและมอบรางวัล แก่ผู้ชนะเลศิ (อาจจะเขา้ ร่วมประกวดในเวทอี ื่นๆ ในวันส�ำคัญๆ ของชมุ ชน) - สรา้ งกระแสจดั ประกวดบคุ คลตน้ แบบ การปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภค อาหารท่ีดี สามารถเปลย่ี นแปลงตนเองได้ โดยประกาศยกย่อง และมอบรางวัล 1.3.2 เผยแพร่ขอ้ มูลขา่ วสารความรู้ เรือ่ ง การบริโภคอาหาร ผา่ นสื่อช่องทางตา่ ง ๆ ของชมุ ขน - น�ำข้อมูลดีๆ ที่มีการเปล่ียนแปลงของสมาชิก เช่น ผลการประกวดบุคคล ตน้ แบบ ประกวดเมนชู สู ขุ ภาพ หรอื ตน้ แบบจติ อาสา เผยแพรท่ างสอ่ื ทอ้ งถน่ิ ตอ่ เนอื่ งและสมำ�่ เสมอ เช่น หอกระจายข่าวประจ�ำหมู่บ้าน วิทยุขุมชน หรือจัดนิทรรศการเชิดชู ที่ศาลาประชาคม ศนู ยเ์ รียนรูส้ ขุ ภาพ รพสต. เป็นต้น อยา่ งสม�่ำเสมอและต่อเนอ่ื ง - จดั ท�ำป้ายค�ำเตอื น หรอื ค�ำขวัญ การบรโิ ภคอาหารทีถ่ กู ตอ้ ง - ประชาสมั พนั ธ์รายงานผลการจดั ประชาคมประจ�ำเดอื น ทกุ เดือน 2) ประเมนิ กระบวนการ /กจิ กรรมปรับเปลี่ยนพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร การประเมินกระบวน /กิจกรรมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคอาหาร จะเป็น การประเมินในช่วงระหว่างการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ ซ่ึงจะท�ำให้ทราบควรปรับกิจกรรมหรือ ไม่มีปัญหาอุปสรรคอะไร เพื่อให้การด�ำเนินการเป็นไปตามเป้าหมายและแผนที่ก�ำหนด สงิ่ ที่ควรประเมนิ ประกอบดว้ ย 1. ความก้าวหนา้ ของการด�ำเนินงานตามแผน 2. การมสี ว่ นรว่ มของสมาชิกกลมุ่ 3. ปญั หาอปุ สรรคในการด�ำเนินงาน การบริโภคอาหากราสรปำ� รหบั เรปบั ล่ยีวนัยพทฤำ�ตงกิ รารนม 31
ข้นั ตอนที่ 4. การประเมินความสำ� เร็จของการดำ� เนินงาน การประเมินความส�ำเร็จของการด�ำเนินงาน เพื่อให้ได้ข้อมูลผลการด�ำเนินงานของกลุ่ม ตรงตามวตั ถปุ ระสงคท์ กี่ �ำหนดพรอ้ มปญั หาอปุ สรรค น�ำมาปรบั ปรงุ และพฒั นาใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพยง่ิ ขน้ึ 1. สมาชกิ กลมุ่ ทกุ คนตอ้ งมกี ารประเมนิ ตนเอง เพอื่ ดผู ลการเปลยี่ นแปลงทเี่ กดิ ขนึ้ กบั ตนเอง ในเรือ่ งพฤตกิ รรมการกนิ อาหาร และผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ โดยใชข้ อ้ มูลจากสมุดบนั ทกึ พฤตกิ รรม 2. สมาชิกต้องประเมนิ วา่ กลุม่ มคี วามเขม้ แข็งมากน้อยเพยี งใดและอยา่ งไร 3. กลมุ่ ตอ้ งประเมนิ วา่ ชมุ ชนไดเ้ รยี นรแู้ ละรบั ผลกระทบอยา่ งไรตอ่ การท�ำกจิ กรรมของกลมุ่ 3.2 การปรบั เปลย่ี นพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารโดยเจ้าหนา้ ทส่ี าธารณสขุ เจา้ หนา้ ที่สาธารณสุขมีบทบาทส�ำคญั ในการส่งเสรมิ สนบั สนุนและช้แี นะ ชน้ี ำ� กระต้นุ ให้ กจิ กรรมของชาวบา้ นและชมุ ชนด�ำเนนิ การ รวมทงั้ การสรา้ งแรงบนั ดาลใจและเสรมิ พลงั ใหก้ บั กลมุ่ / ชมุ ชนในการด�ำเนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ใหก้ ารสง่ เสรมิ สนบั สนนุ ครอบคลมุ ทง้ั 4 ขั้นตอนการด�ำเนินงานทีม่ คี วามเชือ่ มโยงกนั ดังนี้ ข้ันตอนท่ี1. การวิเคราะห์ปัญหาและการเขา้ ใจปญั หาทเี่ กดิ ข้ึน เจ้าหนา้ ทส่ี าธารณสขุ มีบทบาทในกระบวนการวิเคราะหป์ ัญหาและเขา้ ใจปญั หาท่เี กดิ ขึน้ ใน ชมุ ชน ดงั น้ี 1. สนับสนุนข้อมูลปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเส่ียงด้านการบริโภคอาหาร และร่วม วเิ คราะห์ข้อมูลจากตารางที่ 1 – ตารางที่ 4 2. รว่ มหาข้อสรปุ ผลการวิเคราะหข์ อ้ มูล รวมทงั้ เรยี นรแู้ ละเคลยี รป์ ระเด็นใหช้ ัดเจน 3. ส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้น�ำประชาชนในการด�ำเนินการกิจกรรมต่างๆ โดยเป็น พ่ีเลี้ยงทัง้ กลุ่มผ้นู �ำและชาวบ้าน โดย หา้ มชนี้ ำ� 4. กระตุ้นให้กลุ่มผู้น�ำจัดประชุมและส่ือสารกับประชาชน เพ่ือให้ประชาชน รู้ เข้าใจและ ตระหนัก ในปัญหาจากการบริโภคอาหารของชมุ ชน 32 กกาารรปบรับรเิโปภลย่ี คนพอฤาตหิการรรมสำ� หรบั วยั ท�ำงาน
ขัน้ ตอนที่ 2. การวางแผนการปรบั เปลีย่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทีเ่ ป็นพฤติกรรมเส่ียง เจ้าหน้าท่สี าธารณสขุ จะเข้าไปชว่ ยในกระบวนการจดั ทำ� แผนชมุ ชน ดงั นี้ 1. ส่งเสรมิ สนบั สนนุ กระตุ้นให้ชาวบ้านได้จัดกจิ กรรมตามที่ก�ำหนดข้นึ - สรา้ งการรบั รู้ ความเขา้ ใจปญั หาและเปา้ หมายการด�ำเนนิ งานปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรม การบรโิ ภคอาหารใหก้ บั ชาวบา้ น และการมสี ว่ นรว่ มของภาคเี ครอื ขา่ ยในชมุ ชน เชน่ กลมุ่ ผใู้ หญบ่ า้ น และทีมงาน กลุม่ ผู้น�ำท่ไี มเ่ ปน็ ทางการ กลมุ่ อสม.ในหมู่บา้ น กลุ่มอาชีพ กลมุ่ ทางสังคม - สนับสนุน เอกสาร และความรู้ ท่เี กีย่ วข้อง 2. เจ้าหน้าท่ตี ้องพรอ้ มในการช้ีแจงเหตุและผลในการท�ำกิจกรรมทกุ ขนั้ ตอน 3. ตรวจสอบและประเมนิ แผนชาวบา้ น และสรปุ ผลการประเมนิ แลกเปลย่ี นเรยี นรกู้ บั ชาวบา้ น ขั้นตอนท่ี 3. การปฏิบตั ิการในพื้นท่ขี องกล่มุ เปา้ หมาย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสนับสนุนการด�ำเนินกิจกรรมต่างๆ การบริโภคอาหารตามแผนการ ปรบั เปลีย่ นพฤติกรรมการบริโภคอาหารของชุมชน ดังนี้ 1. สร้างขวญั และก�ำลังใจแกช่ าวบ้านในการท�ำกิจกรรมดว้ ยวธิ กี ารต่างๆ เชน่ ยกยอ่ ง เชดิ ชู 2. เจ้าหน้าที่ให้การสนับสนุนทางวิชาการแก่สมาชิกกลุ่มในประเด็นการบริโภคอาหารทาง วิชาการท่ีเหมาะสมกับการพัฒนาของกลุ่ม เช่น ในช่วงของการท�ำกิจกรรมการพัฒนาพฤติกรรม สขุ ภาพของสมาชกิ กลมุ่ มกี ารเตรยี มหลกั วชิ าการจากผลกระทบตอ่ สขุ ภาพ ระหวา่ งการท�ำกจิ กรรม มเี ทคนคิ วธิ กี ารเสริมอย่างไร ถอดบทเรียน สนบั สนนุ องค์ความรทู้ างวิชาการแก่สมาชกิ กลมุ่ เช่น การบริหารจดั การกลุ่ม การประเมนิ ผลกลุ่ม การวางแผน 3. เจ้าหน้าที่จัดให้มีการประเมินผลกระทบที่เกิดข้ึนจากการบริโภคอาหารเพ่ือสุขภาพ เป็นช่วงๆ 4. จดั ใหม้ กี ารสรา้ งกระแสและรณรงคใ์ นชมุ ชนเปน็ ครงั้ คราว เชน่ การจดั งานวนั ปรบั เปลยี่ น พฤตกิ รรม ซึง่ มีงานแสดงประกวด สนกุ สนานบนั เทงิ โต้วาที ขนั้ ตอนที่ 4. การประเมนิ ความส�ำเร็จของการด�ำเนนิ งาน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขมีบทบาทส�ำคัญในการประเมินความส�ำเร็จของการด�ำเนินงาน ปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารโดยกลมุ่ /ชมุ ชน รวมทง้ั จดั ท�ำขอ้ สรปุ และคนื ขอ้ มลู กลบั ใหก้ บั กลมุ่ และชมุ ชน พรอ้ มทงั้ ชแี้ นะ เพอ่ื ตอ่ ยอดการพฒั นาการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ดังน้ี การบรโิ ภคอาหากราสรปำ� รหบั เรปบั ล่ยีวนยั พทฤำ�ตงกิ รารนม 33
1. ประเมินภาวะสขุ ภาพและความแขง็ แรงของร่างกาย 2. น�ำเสนอผลการประเมนิ ตอ่ สมาชกิ กล่มุ ในเวทีประชุม/ประชาคมของชาวบา้ นในชุมชน 2.1 เพอ่ื ใหช้ าวบ้านทราบการเปลีย่ นแปลงของตนเอง 2.2 เพอ่ื ใหก้ ลมุ่ ไดท้ บทวนมาตรการในการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของ สมาชิก และหาข้อสรปุ พฤตกิ รรมใหม่ ๆ ทมี่ ีประสทิ ธภิ าพมากย่ิงขนึ้ 3. จดั ท�ำรายงานผลการปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารของชมุ ชน เพอื่ น�ำเสนอตอ่ ชมุ ชน ตอ่ สงั คม และต่อผู้บงั คับบัญชา 4. น�ำผลการประเมนิ เปน็ ขอ้ มลู พน้ื ฐานในการจดั ท�ำแผนพฒั นาในชมุ ชนทต่ี นเองรบั ผดิ ชอบ ตอ่ ไป ผัก ปลา นมถ่วั เหลือง 34 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วยั ท�ำงาน
ความเช่อื มโยงการดำ� เนินงานปรับเปลยี่ นพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร ของประชาชนวยั ทำ� งาน โดยกลมุ่ /ชมุ ชนและเจ้าหน้าท่สี าธารณสุข เจ้าหนา้ ท่สี าธารณสุข เจ้าหนา้ ที่สาธารณสุข 1. ประเมินการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมและภาวะสุขภาพ 1. ร่วมวิเคราะหข์ อ้ มลู โรค/การเจบ็ ป่วยและพฤตกิ รรม รายบคุ คล เสี่ยงดา้ นการบริโภคอาหาร 2. รว่ มหาข้อสรปุ ปัญหาการบริโภคอาหาร 2. น�ำเสนอผลการประเมินต่อสมาชิกกลุ่มและหาข้อสรุป 3. คนื ขอ้ มูลป้อนกลบั ใหก้ บั ประชาชน พฤติกรรมใหมๆ่ 4. ส่งเสริม สนับสนนุ กลุ่มผู้น�ำประชาชน (เปน็ พีเ่ ลยี้ ง) 3. ประเมินชุมชนมีส่วนช่วยในการปรับเปล่ียนพฤติกรรม ทำ� การวเิ คราะห์ สนบั สนุน การบรโิ ภคอาหาร 3 มิติ (มิตริ ายบคุ คล มิติกลุ่มบุคคล มิติชมุ ชน) 1. ปัญหาโรคและความเจ็บป่วย 2. พฤติกรรมเส่ยี งดา้ นการบริโภคอาหาร 4. ประเมนิ เครอ่ื งมือ 3. บรบิ ทและเง่อื นไขการจดั การปญั หาพฤตกิ รรมการบริโภค 5. รายงานน�ำเสนอต่อชุมชน สังคม ต่อผู้บงั คบั บัญชา อาหารของชมุ ชน 6. น�ำผลการประเมินเป็นข้อมูลในการจดั ท�ำแผนพัฒนา 4. ปจั จัยแวดลอ้ มทก่ี �ำหนดพฤตกิ รรมเสย่ี งปัญหาสุขภาพ สนบั สนุน 1. สมาชิกกลุม่ มกี ารประเมนิ ตนเองเพอื่ ดผู ล เปลย่ี นแปลงทเ่ี กดิ ขึ้น 2. สมาชิกกลุ่มได้รับการประเมนิ จากเจ้าหน้าที่เรอ่ื ง พฤติกรรมการบริโภคอาหาร และสภาวะสขุ ภาพ 3. ประเมินความเขม้ แข็งของกล่มุ 4. ประเมินการเรยี นรู้ของชุมชน 4. ประเมนิ ความส�ำเรจ็ ของ 1. วเิ คราะห์และเข้าใจปัญหา การดำ� เนนิ งาน ขั้นตอนการปรบั เปลย่ี น พ2.ฤ วตาิกงแรผรมนกปารรับบเปรลโิ ภย่ี คนอาหาร พฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร 3 . ปกฏบั กิบลตั ุ่มิกเาปรา้ ใหนมพาน้ื ยท่ี 1. บริหารจัดการ จัดท�ำแผนปฏิบัตกิ ารปรับเปล่ียนพฤติกรรม สนับสนุน 1.1 จัดตัง้ ทมี บริหารจดั การ การบรโิ ภคอาหารของกลุ่มต่างๆในชมุ ชน 1.2 จัดกจิ กรรมปรบั เปล่ียนพฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร จะต้องก�ำหนดใหช้ ัดเจน โดยตรง และโดยอ้อม 1. ก�ำหนดกลมุ่ เป้าหมายพัฒนา - รายบุคคล (ตนเอง/ครอบครวั ) 2. ก�ำหนดเป้าหมายการปรบั เปลีย่ นพฤติกรรม - รายกลุ่ม 3. ก�ำหนดวธิ กี าร/กิจกรรมการด�ำเนินงาน 2. การประเมนิ กระบวนการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ เกดิ ความรทู้ กั ษะทุกๆ กจิ กรรม เจา้ หน้าท่ีสาธารณสขุ สนับสนุน เจ้าหน้าท่สี าธารณสขุ 1. สรา้ งขวัญและก�ำลังใจแก่ชาวบา้ นในการท�ำกิจกรรม 1. ส่งเสรมิ สนับสนุนกระตนุ้ การจัดกิจกรรม 2. สนับสนนุ องค์ความรู้ทางวชิ าการแกส่ มาชกิ เพือ่ 2. พรอ้ มในการช้แี จงเหตุและผลในการท�ำกจิ กรรม การพัฒนากล่มุ 3. ตรวจสอบและประเมนิ แผนชาวบา้ น และน�ำผลการ 3. จดั ให้มกี ารประเมนิ ผลกระทบเป็นชว่ งๆ และ ประเมินแลกเปล่ียนเรียนรูก้ ับชาวบ้าน สร้างกระแสและรณรงคใ์ นชุมชน กลมุ่ /ชมุ ชน ประชาชนวยั ทำ� งาน : บรโิ ภคอาหารท่เี หมาะสมและเพียงพอเพอ่ื เสรมิ สร้างรา่ งกายและ ปลอดโรคปลอดภยั ชุมชน : ชุมชนเขม้ แขง็ ชมุ ชนแห่งการเรยี นรู้ การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ล่ยีวนยั พทฤ�ำตงิกรารนม 35
บรรณานกุ รม ส�ำนักโภชนาการ สุขภาพดี เริ่มที่... อาหาร ลด หวาน มัน เค็ม เติมเต็ม ผัก ผลไม้ เพ่ิมข้ึน กรมอนามัย โรงพมิ พ์ทหารผา่ นศกึ . 2554 ส�ำนกั โภชนาการ โภชนาการใกล้คณุ กรมอนามยั พมิ พ์ครงั้ ท่ี 3 ส�ำนกั งานกิจการโรงพมิ พอ์ งคก์ าร สงเคราะหท์ หารผ่านศกึ ษา. 2557 หทัยกาญจน์ โสตรดี และอัมพร ฉิมพลี. (2550). พฤติกรรมการบริโภคอาหารของนักศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. งานวิจัยวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาสาธารณสุขชุมชน, คณะวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม. เอกสารบทสรุปผู้บริหาร ส�ำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค : ลือชัย ศรีเงินยวง พต.หญิงธนิตา วงษ์จินดา และฐนิดา อภิชนะกุลชัย เร่ือง สถานการณ์การบริโภคเกลือโซเดียมใน ประเทศไทย : เชงิ ปริมาณ เอกสารรายงานโครงการศึกษาวิจัยแผนการลงทุนด้านสุขภาพในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาตฉิ บบั ที่ 10 (พ.ศ. 2550-2554) http://www.doctor.or.th/article/detail/14800 : ข้อมูลจากบทความหมอชาวบ้าน สืบค้น ข้อมูลวันที่ 6 กรกฎาคม 2558 http://www.moph.go.th/ops/thp : วารสาร สถานการณ์สขุ ภาพไทย กลุ่มพัฒนาข้อเสนอเชงิ นโยบายและยุทธศาสตร์ สบื ค้นข้อมูลวันท่ี 6 กรกฎาคม 2558 36 กกาารรปบรบั รเิโปภลย่ี คนพอฤาตหกิ ารรรมส�ำหรบั วัยทำ� งาน
ภาคผนวก แนวทางการวดั และประเมนิ การเปลยี่ นแปลงพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร ความส�ำเรจ็ ของการด�ำเนินงานปรบั เปลยี่ นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร คอื กลุ่มวัยท�ำงาน มพี ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารเพอื่ สขุ ภาพในการเสรมิ สรา้ งรา่ งกายและปลอดโรค ปลอดภยั ดว้ ยการ บริโภคอาหารท่ีเหมาะสมและเพียงพอถูกต้องตามเกณฑ์ ดังน้ัน ภายหลังการด�ำเนินงานเสร็จส้ิน จงึ มคี วามจ�ำเปน็ อยา่ งยง่ิ ทจี่ ะตอ้ งมกี ารวดั และประเมนิ การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ของสมาชิกกลมุ่ เพ่ือทจี่ ะท�ำใหท้ ราบวา่ - มพี ฤตกิ รรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารทถ่ี กู ตอ้ งเหมาะสมและเพยี งพอ ถูกตอ้ งตามเกณฑ์หรอื ไม่ อยา่ งไร - มพี ฤตกิ รรมการปรบั เปลย่ี นพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารปลอดโรค ปลอดภยั ถกู ตอ้ งตาม เกณฑ์หรอื ไม่ ซง่ึ ขอ้ มลู ท่ีไดจ้ ากการประเมนิ จะตอ้ งมกี ารคนื ขอ้ มลู กลับใหก้ ับสมาชิกกลมุ่ /ชมุ ชน เพอ่ื ให้ เกดิ ความตระหนกั และรบั รถู้ งึ สถานการณพ์ ฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารในปจั จบุ นั จะน�ำมาซงึ่ ความ ร่วมมือในการพัฒนาและปรับเปล่ียนวิธีการ/กิจกรรมให้เหมาะสมกับสุขภาพ เพ่ือให้เกิดการ พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารเพอ่ื สขุ ภาพในการเสรมิ สรา้ งร่างกายและปลอดโรค ปลอดภัยดว้ ยการ บริโภคอาหารทเ่ี หมาะสมและเพยี งพอถูกตอ้ งอยา่ งตอ่ เนือ่ ง การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ลย่ีวนยั พทฤ�ำตงกิ รารนม 37
4.1 แนวทางการวดั และประเมนิ การเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร มปี ระเดน็ ทส่ี ำ� คญั ดังนี้ ประเดน็ รายละเอียดของการด�ำเนนิ งาน 1. ก�ำหนดกล่มุ เป้าหมาย กลุม่ เปา้ หมายในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู ตอ้ งเป็นสมาชกิ กลุ่มท่ไี ด้ เข้าร่วมกิจกรรมการบริโภคอาหาร 2. เครอื่ งมือทใ่ี ชใ้ นการ แบบประเมนิ พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหาร ประเมิน แกนน�ำกลุ่มจะท�ำหนา้ ทสี่ ัมภาษณ์เกบ็ ขอ้ มูลจากสมาชิกกลุ่ม ตาม 3. วิธกี ารเก็บข้อมูล แบบประเมนิ พฤติกรรมการบริโภคอาหาร และรวบรวมสง่ ให้กบั เจา้ หนา้ ทีส่ าธารณสุขของโรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพต�ำบลเพอื่ ท�ำการวเิ คราะหแ์ ละสรุปผล 4. ระยะเวลาในการเก็บ ภายหลังการด�ำเนนิ งานทุกกิจกรรมเสร็จส้นิ 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล เจ้าหน้าทีส่ าธารณสุขของโรงพยาบาลสง่ เสริมสขุ ภาพต�ำบลจะท�ำ หน้าทใี่ นการวเิ คราะห์ สรปุ ผลพฤติกรรมการบริโภคอาหารและน�ำ เสนอข้อมลู ต่อกลุม่ และชมุ ชน 38 กกาารรปบรับรเโิปภลย่ี คนพอฤาตหิการรรมสำ� หรบั วัยทำ� งาน
แบบประเมินพฤตกิ รรมการบริโภคอาหาร แบบประเมินพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่พัฒนาขึ้น สามารถวัดและประเมินได้ว่า “ประชาชนกลุม่ วยั ท�ำงาน มีพฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหารถกู ตอ้ งตามเกณฑ์หรือไม่” ซ่ึงครอบคลุม ทง้ั 3 เกณฑ์ คอื 1. กนิ อาหารเพ่อื สขุ ภาพ - กนิ อาหารครบ 5 หมู่ , มคี วามหลากหลาย ทุกวนั - กินผกั และผลไมใ้ ห้หลากหลายสี อยา่ งนอ้ ย 5 ขดี ตอ่ วนั หรือผักมือ้ ละ 2 ทัพพี และ ผลไมม้ ื้อละ 1.5 ส่วน (ผกั : ผักสด 1 ทพั พี 80 กรมั หรือประมาณ ครง่ึ ถ้วยตวง กินผกั วนั ละ 4-6 ทพั พี คดิ เปน็ มอื้ ละ 2 ทพั พี (ทพั พกี นิ ขา้ ว) ผลไม้ : ผลไม้ 1 สว่ น = ผลไมห้ น่ั เปน็ ชนิ้ ค�ำ เชน่ มะละกอ/ สับปะรด 6-8 ช้นิ ค�ำ ฝรง่ั ½ ผล มะมว่ งดิบ/สกุ ½ ผล กลว้ ยน้�ำว้า 1 ผล กล้วยหอม 2/3 ผล ส้ม ขนาดกลาง 2 ผล เงาะ 4 ผล) - กินอาหารไม่หวานจัด รวมน�ำ้ ตาลในเคร่อื งด่มื และขนม - กนิ อาหารทไ่ี ม่มไี ขมนั สงู และไขมนั ในรปู อน่ื เช่น หนังสัตว์, มันสตั ว์, นำ�้ มนั , ครีม - กินอาหารไม่เค็มจัด น้�ำปลา ซอสปรุงรส ซุปก้อน ผงปรุงรส อาหารหมักดอง (เกลือ 1 ชช=น�ำ้ ปลา5ชช) 2. กนิ เพือ่ ปลอดโรค ปลอดภยั - กินอาหารสกุ สะอาด ปราศจากเชือ้ โรคและสารเคมี - กินอาหารได้มาตรฐาน ดูฉลาก โภชนาการ/อาหารธรรมชาติ มากกวา่ ดดั แปลง - ใชอ้ ุปกรณป์ ระกอบอาหาร/ภาชนะบรรจทุ ี่ปลอดภัยและถกู สุขลักษณะ การบรโิ ภคอาหากราสรป�ำรหบั เรปบั ล่ยีวนยั พทฤำ�ตงกิ รารนม 39
แบบสัมภาษณ์พฤติกรรมการบรโิ ภคอาหารกลุม่ วัยทำ� งาน (15 - 59 ป)ี คำ� ชแ้ี จง แบบสัมภาษณฉ์ บับน้ีจดั ท�ำขึ้นโดยมีวัตถปุ ระสงค์ เพ่อื ศกึ ษาลักษณะพฤติกรรมสุขภาพของ ประชาชน คนไทยวัยท�ำงาน ประกอบด้วย พฤติกรรมการบริโภคอาหาร ข้อมูลท่ีได้จากการเก็บ รวบรวมในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาการกระบวนการเรียนรู้เพ่ือสร้างเสริมสุขภาพให้ เหมาะสมในพน้ื ทต่ี ่อไป โปรดตอบสัมภาษณ์ทุกข้อ เพื่อความสมบูรณ์ของข้อมูล และขอขอบคุณท่ีให้ความร่วมมือ มา ณ โอกาสน้ี แบบสมั ภาษณ์ มี 2 ตอน ประกอบด้วย ตอนท่ี 1 ข้อมลู ทว่ั ไป ตอนที่ 2 พฤตกิ รรมสขุ ภาพการบริโภคอาหาร ขอขอบคณุ ในความร่วมมอื กองสขุ ศึกษา กรมสนบั สนุนบริการสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสุข 40 กกาารรปบรบั รเโิปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมสำ� หรบั วัยท�ำงาน
ตอนท่ี 1 ข้อมลู ท่วั ไป ค�ำชี้แจง โปรดท�ำเครอื่ งหมาย o ลงใน 3หรือเติมข้อความลงในช่องว่างที่ตรงกับความเป็นจรงิ ของทา่ น 1. เพศ o ชาย o หญิง 2. อายุ o 30-39 ปี o 15-29 ปี o 50-59 ปี o 40-49 ปี 3. ท่านนบั ถอื ศาสนาอะไร o คริสต์ o พทุ ธ o อน่ื ๆ ระบุ ………………................. o อสิ ลาม 4. สถานภาพ o สมรส o โสด o อน่ื ๆ ระบ.ุ ................................ o หยา่ ร้าง 5. ระดบั การศึกษาสูงสุด o มธั ยมศกึ ษาตอนปลาย o ประถมศกึ ษา o ปรญิ ญาตรี o มัธยมศึกษาต้น o ปรญิ ญาเอก o ปวช./ปวส. o ปรญิ ญาโท o อนื่ ๆ ระบุ................................. 6. อาชีพหลัก o นักเรียน / นักศกึ ษา o รับราชการ o เกษตรกรรม o พนักงานบริษทั เอกชน/รฐั วิสาหกจิ o อื่นๆ ระบ.ุ ................................................ o รับจ้าง การบรโิ ภคอาหากราสรปำ� รหบั เรปบั ล่ยีวนยั พทฤำ�ตงกิ รารนม 41
7. ฐานะเศรษฐกิจของครอบครวั o พอมี พอกิน แตไ่ ม่เหลอื เก็บ o ขดั สนมีรายไดไ้ ม่เพยี งพอ o พอมี พอกนิ และเหลือเกบ็ 8. ทา่ นมีนำ�้ หนกั ตัว.............กโิ ลกรมั (ช่งั นำ�้ หนักมาแลว้ ไม่เกิน 1 เดือน) ท่านมีสว่ นสงู ...............เซนตเิ มตร ท่านมีรอบเอว ...............เซนตเิ มตร หรอื ........................นวิ้ 9. ท่านมโี รคประจ�ำตวั หรอื ไม่ o ความดันโลหิต o ไมม่ ี o หวั ใจ o มี ตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ o ไขมนั สงู o เบาหวาน o มะเร็ง o หลอดเลอื ด o อืน่ ......... ตอนที่ 2 พฤตกิ รรมการบรโิ ภคอาหาร ค�ำชีแ้ จง โปรดท�ำเคร่อื งหมาย o ลงใน 3หรือเติมข้อความลงในช่องว่างท่ตี รงกับความเป็นจรงิ ของทา่ น 1. พฤตกิ รรมการกนิ ผักของทา่ นในชว่ งระยะเวลา 1 สปั ดาห์ ทีผ่ ่านมา ค�ำอธิบาย : ผกั สด 1 ทัพพี 80 กรมั หรอื ประมาณ คร่ึงถว้ ยตวง กนิ ผักวนั ละ 4-6 ทพั พี คดิ เป็น มอ้ื ละ 2 ทพั พี (ทัพพีตักขา้ ว) 1.1 ใน 1 สปั ดาห์ ทา่ นกินผกั สดหรอื ผักปรุงสุก หรอื ไม่ o ไมก่ ิน (ข้ามไปตอบข้อ 2) o กนิ (ตอบขอ้ 1.2 ถงึ 1.3) 1.2 ใน 1 สปั ดาห์ท่ีผ่านมา ท่านกนิ ผักบอ่ ยคร้งั เพยี งใด o 1 วนั o 2 วัน o 3 วนั o 4 วัน o 5 วนั o 6 วนั o 7 วัน 1.3 ในแต่ละวัน ท่านกนิ ผัก ในปริมาณมากนอ้ ยเพียงใด o 1-3 ทัพพตี ักขา้ ว o 4-6 ทพั พีตกั ขา้ ว o มากกว่า 7 ทพั พตี กั ข้าว ข้ึนไป 42 กกาารรปบรับรเิโปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วัยท�ำงาน
2. พฤติกรรมการกนิ ผลไม้ของทา่ นในช่วงระยะเวลา 1 สปั ดาห์ ทีผ่ ่านมา ค�ำอธิบาย : ผลไม้ 1 สว่ น = ผลไมห้ ่ันเป็นช้ินค�ำ เช่น มะละกอ/สับปะรด 6-8 ชิ้นค�ำ ฝร่งั ½ ผล มะม่วงดบิ /สุก ½ ผล กล้วยนำ�้ วา้ 1 ผล กลว้ ยหอม 2/3 ผล ส้มขนาดกลาง 2 ผล เงาะ 4 ผล 2.1 ใน 1 สัปดาห์ ท่านกินผลไม้ หรือไม่ o ไมก่ ิน (ขา้ มไปตอบขอ้ 3) o กนิ (ตอบข้อ 2.2 ถึง 2.3) 2.2 ในแต่ละวนั ทา่ นกนิ ผลไม้ จ�ำนวนก่ชี ิน้ ค�ำ o น้อยกว่า 18 ช้นิ ค�ำ o 18-40 ชน้ิ ค�ำ o มากกวา่ 40 ช้ินค�ำ ขึ้นไป 2.3 ใน 1 สัปดาห์ทา่ นกินผลไม้ บอ่ ยคร้งั เพียงใด o 1 วนั ตอ่ สปั ดาห์ o 2-4 วนั ต่อสปั ดาห์ o 5-6 วันต่อสปั ดาห์ o ทกุ วัน 3. พฤติกรรมการกินอาหารหวานของทา่ นในชว่ งระยะเวลา 1 สัปดาห์ ท่ีผ่านมาโดยเฉล่ีย 3.1 ทา่ นด่มื เครอื่ งด่มื ที่มนี �ำ้ ตาล เชน่ นำ�้ อดั ลม นำ้� หวาน ชาเขียวส�ำเรจ็ รปู น้�ำสมนุ ไพร ชานม กาแฟ หรืออน่ื ๆ หรือไม่ o ไมด่ ่มื o ดื่ม ถา้ ด่ืม ท่านดมื่ บอ่ ยแค่ไหน o 1 วันต่อสัปดาห์ o 2-3 วนั ต่อสัปดาห์ (เริ่มเสย่ี ง) o 4-5 วันตอ่ สัปดาห์ (เส่ยี ง) o 6-7 วนั ตอ่ สัปดาห์ (เสี่ยงมาก) 3.2 ท่านกิน ขนมหวาน เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมหม้อแกง ขนมเค้ก คุกกี้ แพนเค้ก ขนมปงั ทาแยม ชอ็ คโกแลต ลอดช่องน�้ำกะทิ บัวลอยไขห่ วาน หรอื อ่ืนๆ หรอื ไม ่ o ไม่กนิ o กนิ ถ้ากิน ท่านกินบอ่ ยแคไ่ หน o 1 วันตอ่ สัปดาห ์ o 2-3 วนั ตอ่ สัปดาห์ (เร่ิมเสี่ยง) o 4-5 (เสยี่ ง) o 6-7 วนั ตอ่ สัปดาห์ (เสยี่ งมาก) 3.3 ในการกนิ อาหารประเภท กว๋ ยเตย๋ี ว ผดั ไท ราดหนา้ กว๋ ยจบ๊ั กว๋ ยจบั๊ ญวน บะหม่ี เกยี๊ ว ทา่ น เตมิ น�้ำตาลแค่ไหน o ไมเ่ ติม o เตมิ ทกุ ครั้ง o เตมิ บ้างไมเ่ ติมบา้ ง ถ้าเตมิ เตมิ แคไ่ หน (1ชอ้ นกนิ ข้าวประมาณ 3 ชอ้ นชา) o 1 ชอ้ นชาต่อครงั้ o 2-4 ช้อนชาต่อคร้งั o 5-6 ช้อนชาตอ่ คร้งั o มากกว่า 6 ชอ้ นชาต่อครั้ง การบริโภคอาหากราสรปำ� รหับเรปบั ล่ยีวนยั พทฤำ�ตงกิ รารนม 43
4. พฤตกิ รรมการกินอาหารมนั ของทา่ นในช่วงระยะเวลา 1 สัปดาห์ ที่ผ่านมาโดยเฉลี่ย 4.1 ทา่ นกินอาหารจานดว่ น เชน่ ข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู พิซซา่ ผัดมกั กะโรนี ข้าวผดั ต่าง ๆ เช่น ข้าวผัดกะเพรา ข้าวผัดทะเล ขา้ วผดั ไข่ หรืออื่น ๆ หรอื ไม่ o ไม่กนิ o กิน ถ้ากิน ทา่ นกินบอ่ ยแค่ไหน o 1 วนั ต่อสปั ดาห ์ o 2-4 วันต่อสปั ดาห์ o 5-6 วันต่อสปั ดาห ์ o ทกุ วนั 4.2 ท่านกินอาหารทอด เข่น กล้วยทอด ปาท่องโก๋ ไก่ทอด หมูทอด หนังไก่ทอด แคปหมู ลกู ชิ้นทอดมนั ฝรั่งทอด หรอื อน่ื ๆ หรือไม่ o ไมก่ ิน o กิน ถา้ กิน ท่านกนิ บ่อยแค่ไหน o 1 วนั ต่อสัปดาห์ o 2-4 วนั ตอ่ สัปดาห์ o 5-6 วันตอ่ สปั ดาห ์ o ทุกวนั 4.3 ทา่ นกนิ เนอ้ื สัตว์ทต่ี ดิ มัน เชน่ หมูสามชัน้ เนอื้ ววั ติดมนั เครื่องในสัตว์ หนังไก่ คอหมูย่าง หรืออื่น ๆ หรือไม่ o ไม่กนิ o กิน ถา้ กนิ ทา่ นกนิ บอ่ ยแค่ไหน o 1 วันต่อสปั ดาห ์ o 2-4 วนั ตอ่ สปั ดาห์ o 5-6 วนั ต่อสปั ดาห์ o ทกุ วนั 5. พฤตกิ รรมการกินอาหารเคม็ ของทา่ นในช่วงระยะเวลา 1 สปั ดาห์ ที่ผ่านมาโดยเฉล่ีย 5.1 ในการกินอาหารประเภท ก๋วยเตี๋ยวน�้ำ ก๋วยเตี๋ยวผัดไท ก๋วยเต๋ียวราดหน้า ก๋วยจ๊ับ กว๋ ยจบ๊ั ญวน บะหม่ี เกยี๊ ว ขา้ วราดแกง ท่านเตมิ เคร่ืองปรงุ รส เช่น นำ้� ปลา บ่อยแคไ่ หน o ไม่เตมิ o เตมิ ทุกครง้ั o เติมบ้างไม่เติมบ้าง ถา้ เติม เตมิ แคไ่ หน (1ช้อนกนิ ขา้ วประมาณ 3 ชอ้ นชา) o 1 ช้อนชาต่อครงั้ o 2-4 ชอ้ นชาต่อครงั้ o 5-6 ช้อนชาตอ่ ครง้ั o มากกว่า 6 ชอ้ นชาต่อครั้ง 44 กกาารรปบรับรเิโปภล่ยี คนพอฤาตหิการรรมส�ำหรบั วยั ท�ำงาน
5.2 ทา่ นกินอาหารส�ำเรจ็ รปู และกงึ่ ส�ำเรจ็ รปู การถนอมอาหารดว้ ยการแปรรปู เชน่ บะหมีก่ ง่ึ ส�ำเร็จรูป โจ๊กซอง อาหารส�ำเร็จรปู แช่แข็ง ไสก้ รอก ขา้ วตม้ ส�ำเรจ็ รูป ผักดอง ผลไมด้ อง ปลาเคม็ ปลาร้า นำ้� บูดู นำ�้ ปู๋ กุนเชยี ง เป็นต้น o ไมก่ นิ o กนิ ถา้ กนิ ท่านกนิ บอ่ ยแคไ่ หน o 1 วนั ตอ่ สปั ดาห์ o 2-4 วันตอ่ สปั ดาห์ o 5-6 วนั ตอ่ สปั ดาห์ o ทุกวัน 5.3 ท่านกนิ ขนมกรุบกรอบบรรจซุ อง หรือถงุ เชน่ สาหรา่ ย ขา้ วเกรียบ มันฝรั่ง ขนมปงั กรอบ กล้วยอบกรอบ กรอบเค็ม ครองแครงกรอบ เกย๊ี วกรอบ หรอื อ่นื ๆ หรอื ไม่ o ไม่กนิ o กิน ถ้ากนิ ทา่ นกินบอ่ ยแค่ไหน o 1 วนั ต่อสปั ดาห์ o 2-4 วันตอ่ สัปดาห์ o 5-6 วันต่อสปั ดาห์ o ทุกวัน 6. พฤตกิ รรมการกนิ อาหารปลอดโรค ปลอดภัย ในชว่ งระยะเวลา 1 สปั ดาห์ ที่ผา่ นมาโดยเฉล่ีย 6.1 ท่านลา้ งผกั และผลไม้กอ่ นปรุงและกินหรอื ไม่ o ไมล่ ้าง o ล้าง 6.2 ทา่ นใชภ้ าชนะบรรจอุ าหารทถ่ี กู สขุ ลกั ษณะ เชน่ วสั ดบุ รรจอุ าหารจากธรรมชาติ บอ่ ยแคไ่ หน (ใบตอง ใบบัว กล่องมนั ส�ำปะหลัง) o ใช้ทกุ ครง้ั o ใช้บางคร้งั o ไม่เคยใช้เลย 6.3 ท่านกินอาหารท่ปี รุงสุกใหม่ ๆ เชน่ ต้มจืด แกงกะทิ ลาบ ย�ำ ผัดต่างๆ เป็นต้น บอ่ ยแคไ่ หน o ทุกคร้ัง o บางครง้ั o ไมก่ นิ เลย การบริโภคอาหากราสรป�ำรหับเรปบั ลย่ีวนัยพทฤ�ำตงิกรารนม 45
ท่ปี รึกษา ประเสรฐิ สิรพิ งศ์ รองอธบิ ดีกรมสนับสนุนบรกิ ารสขุ ภาพ นายแพทย์ณัฐวฒุ ิ ลีละพนั ธ ์ นักวชิ าการอิสระ รศ.ดร. ประสิทธิ ์ รศ.ดร.นติ ยา เพญ็ ศริ นิ ภา สาขาวชิ าวิทยาศาสตร์สขุ ภาพ ดร.อนนั ต์ มหาวทิ ยาลยั สโุ ขทัยธรรมาธิราช นางสาวเบญจมาศ มาลารตั น ์ ภาควิชาสขุ ศึกษา คณะพลศกึ ษา มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ สุรมติ รไมตร ี ผูอ้ �ำนวยการกองสขุ ศกึ ษา คณะผูจ้ ัดทำ� อทุ ยั พัฒนาชีพ กองสขุ ศกึ ษา นางวมิ ลศร ี ตึกขาว กองสุขศึกษา นางศริ ิวรรณ นางสาวทิพรดี คงสวุ รรณ ส�ำนกั โภชนาการ กรมอนามัย 46 กกาารรปบรับรเโิปภล่ยี คนพอฤาตหกิ ารรรมสำ� หรบั วัยท�ำงาน
กกาารรปรบับรเปโิ ลภีย่ คนพอฤาตหิกรารรม ส�ำหรบั วัยท�ำงาน กองสขุ ศกึ ษา กรมสนบั สนนุ บริการสขุ ภาพ กระทรวงสาธารณสขุ www.hed.go.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 50
Pages: