ชอื่ -สกุล นางสาวกนษิ ฐา ปานศรี รหัสนกั ศึกษา 6120879402 หอ้ ง ภ.วค.614 รายงานการพฒั นาการสอนของตนเองสู่ครูมืออาชีพ 1. ผลการสงั เกตการณส์ อน “ครูพเี่ ลยี้ ง” ทีเ่ ปน็ มืออาชีพ ในประเด็นต่างๆ ดังน้ี 1) การสอนทีเ่ น้นผเู้ รียนเป็นสาคญั จากการสังเกตการณส์ อนครูพี่เล้ยี งในประเดน็ การสอนท่ีเน้นผู้เรยี นเป็นสาคัญ โดยครผู ูส้ อนมี กระบวนการจดั การเรียนรู้ ดงั นี้ 1. มีการวิเคราะห์ผเู้ รยี น โดยการจัดกลุ่มผูเ้ รยี นตามความรู้ ความสามารถ ความสนใจ และ ความถนดั แล้วนาไปเขยี นแผนการจัดการเรยี นรูต้ ามศักยภาพของผู้เรยี นเพื่อเนน้ ผ้เู รียนเปน็ สาคัญ 2. จดั กจิ กรรมโดยวิธตี า่ งๆอยา่ งหลากหลายทมี่ ุ่งใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรยี นรู้ อย่างแทจ้ ริงเกิดการ พฒั นาตนและส่ังสมคณุ ลักษณะทีจ่ าเปน็ 3. จัดการเรียนการสอนทางออ้ ม เช่น การเรียนรู้แบบสบื คน้ แบบค้นพบ แบบแก้ปัญหา แบบ สร้างแผนผังความคิดแบบใชก้ รณีศึกษา แบบต้ังคาถามแบบใชก้ ารตัดสินใจ 4. ใช้เทคนิค การศึกษาเป็นรายบุคคล เช่น วธิ ีการเรยี นแบบศนู ย์การเรยี น แบบการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเอง แบบชุดกิจกรรมการเรียนรู้ คอมพวิ เตอรช์ ่วยสอน 5. ใช้เทคนิค การจดั การเรยี นรโู้ ดยใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ ประกอบการเรยี น เชน่ การใชส้ งิ่ พิมพ์ ตาราเรยี น และแบบฝึกหัดการใช้แหล่งทรัพยากรในชมุ ชน ศนู ยก์ ารเรยี นชดุ การสอน คอมพิวเตอร์ ชว่ ย สอน บทเรียนสาเรจ็ รปู 6. ใช้เทคนิค การจดั การเรียนการสอนแบบเนน้ ปฏิสมั พนั ธ์ ประกอบด้วยการโตว้ าทีกลุ่ม Buzz การอภิปราย การระดมพลังสมอง กลุ่มแก้ปญั หา กลุ่มตวิ การประชุมตา่ งๆ การแสดงบทบาท สมมตกิ ลุ่มสบื ค้นคคู่ ดิ การฝึกปฏิบัติ เปน็ ต้น 7. ใช้เทคนคิ การจัดการเรยี นการสอนแบบเนน้ ประสบการณ์ เชน่ การจัดการเรยี นรูแ้ บบมี สว่ นรว่ มเกม กรณตี ัวอยา่ งสถานการณ์จาลองละคร กรณตี ัวอย่างสถานการณ์จาลอง ละคร บทบาท สมมติ 8. เทคนคิ การเรียนแบบร่วมมือ ไดแ้ ก่ ปรศิ นาความคดิ ร่วมมือแขง่ ขนั หรอื กลมุ่ สืบคน้ กลุม่ เรียนรู้ รว่ มกัน รว่ มกนั คิด กลุ่มรว่ มมือ 2) การสอนทผี่ ้เู รยี นสรา้ งความรูด้ ว้ ยตัวเอง 1. หลักการทผี่ เู้ รยี นไดส้ ร้างองค์ความรูด้ ้วยตนเอง หลกั การเรียนรู้ตามทฤษฎี Constructionism คอื การสร้างองค์ความรดู้ ้วยตนเอง โดยใหผ้ ้เู รยี นลงมือประกอบกิจกรรมการ เรียนรดู้ ว้ ยตนเองหรอื ได้ปฏิสมั พันธ์กบั ส่ิงแวดล้อมภายนอกทมี่ คี วามหมาย ซ่ึงจะรวมถึงปฏิกิริยา
ระหว่างความรู้ในตวั ของผูเ้ รยี นเอง ประสบการณ์และสิ่งแวดลอ้ มภายนอกการเรียนรู้จะไดผ้ ลดีถ้า หากว่าผู้เรียนเข้าใจในตนเอง มองเห็นความสาคัญในสง่ิ ทเี่ รียนรู้และสามารถเช่ือมโยงความรู้ ระหวา่ งความรใู้ หม่กบั ความรู้เก่า (ร้วู า่ ตนเองได้เรยี นรู้อะไรบา้ ง) และ สรา้ งเปน็ องค์ความรใู้ หม่ ข้ึนมาและเมื่อพิจารณาการเรียนรู้ทเี่ กดิ ขึ้นในการเรยี นการสอนโดยปกตทิ ี่เกิดขนึ้ ในหอ้ งเรียนน้ัน สามารถจะแสดงได้ดังน้ี ความรู้ ครู -------> ผูเ้ รียน 2. หลักการทย่ี ึดผู้เรยี นเป็นศนู ย์กลางการเรยี นรู้ โดยครูควรพยายามจัดบรรยากาศการเรยี น การสอน ทเ่ี ปิดโอกาสให้ผเู้ รียนลงมือปฏิบตั กิ ิจกรรมการเรยี นด้วยตนเองโดยมีทางเลอื กในการเรียนรทู้ ่ี หลากหลาย (Many Choice) และเรยี นร้อู ย่างมีความสุขสามารถเชอื่ มโยงความร้รู ะหวา่ งความรใู้ หม่กับ ความรเู้ กา่ ได้ส่วนครเู ป็นผชู้ ่วยเหลือและคอยอานวยความสะดวก 3. หลกั การเรียนร้จู ากประสบการณแ์ ละสิ่งแวดล้อม หลกั การน้เี น้นให้เหน็ ความสาคัญของ การเรียนรูร้ ่วมกนั (Social value) ทาให้ผ้เู รียนเห็นวา่ คนเป็นแหล่งความรู้อีกแหล่งหนึง่ ท่ีสาคญั การ สอนตามทฤษฎี Constructionism เปน็ การจดั ประสบการณ์เพื่อเตรยี มคนออกไปเผชญิ โลกถ้าผู้เรียน เห็นวา่ คนเปน็ แหล่งความรู้สาคัญและสามารถแลกเปลีย่ นความรูก้ นั ได้เมอื่ เขาจบออกไปก็จะปรับตัวได้ ง่ายและทางานรว่ มกับผู้อน่ื อย่างมปี ระสิทธิภาพ 4. หลกั การทใี่ ชเ้ ทคโนโลยีเป็นเครือ่ งมือการรู้จักแสวงหาคาตอบจากแหล่งความรู้ต่าง ๆ ด้วย ตนเอง เปน็ ผลใหเ้ กดิ พฤตกิ รรมท่ีฝงั แน่นเม่ือผเู้ รียน “เรยี นรวู้ ่าจะเรยี นรู้ได้อย่างไร” 3) การทาวิจยั แก้ปญั หาผ้เู รียนสร้างความรู้ด้วยตัวเอง จากการสงั เกตการณ์สอนครพู ี่เลี้ยงในประเด็นการทาวจิ ยั แก้ปัญหาผเู้ รยี นสร้างความรู้ดว้ ย ตนเอง ซ่ึงกอ่ นทีจ่ ะทาการวิจัย ครูพีเ่ ลี้ยงจะศึกษาปัญหาโดยวิธีตอ่ ไปนี้ 1. มีการสงั เกตผู้เรยี น แตล่ ะบคุ คลวา่ มพี ฤตกิ รรมในห้องเรียนอย่างไร และจะใช้เทคนิคการ สอนแบบใดทจี่ ะทาให้นักเรียนเกดิ การเรียนรู้อยา่ งรวดเร็ว 2. ทาการสอบก่อนเรียน เพ่ือที่จะวัดความรขู้ องนกั เรียนนักศึกษาก่อน จากนน้ั ครูผ้สู อนจะ วเิ คราะห์ข้อสอบและศึกษาว่าเร่อื งใดท่ีนักเรยี นสอบไม่ได้เป็นพิเศษ ครูผ้สู อนกจ็ ะเนน้ เรื่องนั้นเป็นพิเศษ 3 ทาการวิเคราะหข์ ้อสอบปลายภาคเรยี น เพอื่ ทจี่ ะศึกษาปญั หาทเี่ กิดขน้ึ จากการเรียนรู้ จากนนั้ ครผู สู้ อนจะนาไปทาการวิจัยเพอื่ แกป้ ญั หา ต่อไป 3) ในระหว่างการวดั และประเมนิ ผลผู้เรียนระหว่างภาคเรยี น ครผู ูส้ อนจะสังเกตนกั เรียนเปน็ รายบุคคลวา่ นักเรียนออ่ นในเร่ืองใดบ้าง และมีพฤติกรรมตอบสนองต่อการเรยี นการสอนของครูผูส้ อน อย่างไร จากนนั้ นามาทาวิจัยในชั้นเรียนเพอ่ื พฒั นาและแก้ปัญหานกั เรียนกลุ่มนัน้ ต่อไป
4) อนื่ ๆ ตามความเหมาะสม บทบาทของครู ในการดาเนนิ กิจกรรมการสอน ครคู วรร้จู ักบทบาทของตนเองอย่างแจม่ แจง้ ครนู ับวา่ เป็นบุคคล สาคญั ที่จะทาให้การสอนสาเร็จผล ดังนนั้ จึงควรร้จู กั บทบาทของตน ดังนี้ คือ 1. จดั บรรยากาศการเรียนรูใ้ ห้เหมาะสม โดยควบคุมกระบวนการการเรียนรใู้ หบ้ รรลุ เป้าหมายตามท่ีกาหนดไวแ้ ละคอยอานวยความสะดวกใหผ้ ูเ้ รยี นดาเนนิ งานไปได้อย่างราบรน่ื 2. แสดงความคิดเหน็ และให้ขอ้ มูลทเี่ ปน็ ประโยชน์แก่ผเู้ รยี นตามโอกาสท่เี หมาะสม (ต้องคอย สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รยี นและบรรยากาศการเรยี นทเ่ี กดิ ขน้ึ อยู่ตลอดเวลา) 3. เปิดโอกาสให้ผูเ้ รียนไดเ้ รียนรู้ตามแนวทางของทฤษฎี Constructionism โดยเน้นให้ ผเู้ รยี น สร้างองคค์ วามรู้ด้วยตนเอง เป็นผจู้ ดุ ประกายความคิดและกระตนุ้ ให้ผ้เู รยี นได้มสี ่วนรว่ ม ใน กจิ กรรมการเรียนโดยท่ัวถึงกัน ตลอดจนรบั ฟงั และสนับสนุนส่งเสริมใหก้ าลังใจแก่ ผูเ้ รยี นทีจ่ ะเรียนรู้ เพอื่ ประจกั ษ์แก่ใจดว้ ยตนเอง 4. ชว่ ยเช่อื มโยงความคดิ เหน็ ของผเู้ รียนและสรปุ ผลการเรยี นรู้ตลอดจนสง่ เสรมิ และ นาทาง ใหผ้ ู้เรียนไดร้ ู้วธิ ีวิเคราะห์พฤติกรรมการเรยี นรเู้ พอื่ ผเู้ รยี นจะได้นาไปใช้ใหเ้ กดิ ประโยชน์ ได้ ครผู สู้ อนจะตอ้ งสรา้ งให้เกิดองค์ประกอบครบท้ัง 3 ประการ คือ 1. ใหผ้ ู้เรยี นได้ลงมือประกอบกิจกรรมด้วยตนเอง (ไดส้ ร้างงาน) ตามความสนใจ ตาม ความชอบหรือความถนดั ของแตล่ ะบคุ คล 2. ใหผ้ ู้เรียนไดเ้ รยี นรภู้ ายใต้บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในการเรยี นรูท้ ด่ี ี 3. มเี ครื่องมืออุปกรณใ์ นการประกอบกจิ กรรมการเรียนรทู้ เ่ี หมาะสม 2. ผลการประเมนิ ตนเองเพ่ือตรวจสอบจดุ เดน่ -จดุ ด้อย 1) จดุ เดน่ ของนักศึกษาดา้ นการปฏิบตั กิ ารเรยี นการสอน 1. ทมุ่ เทเสยี สละอทุ ิศตนในการทางาน 2. มีการพัฒนาตนเองทางด้าน ส่ือการเรยี นการสอนอย่เู สมอ 3. แตง่ กายเรียบร้อยเปน็ แบบอย่างทด่ี ี ให้นักเรยี น นักศึกษา 4. มวี นิ ยั ในการทางานปฏิบตั ิตามกฎระเบียบของโรงเรียน 5. รกั และเอ็นดู ลกู ศิษย์อย่างเท่าเทยี มกนั 6. เป็นคนรบั ความคดิ เห็นของผู้อื่น 7. มสี ัมมาคารวะสามารถปฏิบัตติ นเปน็ แบบอยา่ งที่ดี 8. ดแู ล ตดิ ตาม สนใจ นักเรยี นนักศึกษาอยู่เสมอ 9. มสี ่อื เทคโนโลยี วิธกี ารสอนใหม่ๆอยเู่ สมอ
2) จดุ ดอ้ ยของนกั ศกึ ษาด้านการปฏิบัติการเรียนการสอน 1. บรหิ ารจดั การเวลาได้ไม่ดี 2. ต้องบรหิ ารจัดการเวลาในการวางเตรียมการสอนให้มากขึน้ 3. ความสามารถการสอื่ สารด้านภาษาองั กฤษ 4. ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเขียนแผนการสอนด้วยตนเอง 5. ขาดความรู้ความเขา้ ใจในการทาวิจยั ในชั้นเรยี นด้วยตนเอง 6. ขาดการทาเอกสารรายงานผลการปฏิบตั ิงานอยู่บ่อยๆ 3. ผลการพฒั นาความรู้ความสามารถรอบด้าน (โดยนาประเดน็ จุดดอ้ ยมาวางแผนในการ พัฒนา) 1. ศกึ ษาการเขยี นแผนการสอนเพม่ิ ใหม้ ากขึ้น 2. ศึกษาการทาวจิ ยั ในชัน้ เรียนใหม้ ากขึ้น 3. ศึกษาอ่านหนังสือด้านภาษาเพิ่มใหม้ ากยง่ิ ข้นึ และฝึกปฏบิ ัติอยบู่ ่อยๆ 4. ทาเอกสารรายงานผลการปฏิบตั ิงานใหเ้ ปน็ ปจั จุบันอยู่เสมอ
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: