คำนำ โครงกำรอบรมเชิงปฏิบัติกำรจัดทำเคร่ืองมือวัดผลสอบระหว่ำงภำคเรียนผ่ำนระบบ ออนไลน์ จัดทำข้ึนโดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือพัฒนำศักยภำพครูและบุคลำกร กศน.อำเภอเขำสวนกวำง ให้มีควำมรู้ ควำมเข้ำใจ ในหลักกำรวัดผลและประเมินผลกำรเรียน สำมำรถออกแบบและจัดทำ เครื่องมือวัดผลสอบระหว่ำงภำคเรียนท่ีส่งเสริมตอบสนองควำมต้องกำร และควำมเข้ำใจของผู้เรียน อย่ำงแทจ้ รงิ บัดน้ี กำรดำเนินโครงกำรดังกล่ำว ได้ดำเนินกำรเสรจ็ เรียบร้อยแล้ว หวังว่ำโครงกำร นจี้ ะเป็นประโยชน์ต่อครแู ละบุคลำกร กศน.อำเภอเขำสวนกวำง ในกำรนำไปใช้ในกำรจัดทำเครื่องมือ วัดผลสอบ และขอขอบพระคุณ ทุกท่ำนที่เสียสละเวลำมำเข้ำร่วมโครงกำรอบรมเชิงปฏิบัติกำร จดั ทำเครือ่ งมอื วัดผลสอบระหวำ่ งภำคเรยี นผ่ำนระบบออนไลน์ นำงณพชิ ญำ ใบงำม ครปู ระจำศนู ย์กำรเรียนชมุ ชน
สารบัญ หน้า 1 เร่อื ง 2 บทที่ 1 บทนำ 8 บทท่ี 2 เอกสำรและหลกั กำรทีเ่ กยี่ วข้อง 10 บทที่ 3 วิธีกำรดำเนินกำร 14 บทท่ี 4 ผลกำรดำเนินงำน 17 บทท่ี 5 สรปุ ผลกำรดำเนินงำน/ขอ้ เสนอแนะ ภำคผนวก
1 บทที่ 1 บทนำ 1. หลกั กำรและเหตผุ ล นโยบายและจุดเน้นหลักการดาเนินงาน สานักงาน กศน.ยทุ ธศาสตร์ ข้อที่ 3 พัฒนา หลักสูตร ส่ือ เทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการศึกษา แหลง่ เรยี นรู้ และรูปแบบการจัดการศึกษาและ การเรียนรู้ในทุกระดับทุกประเภท เพ่ือประโยชน์ต่อการศึกษาที่เหมาะสมกับทุกกลุ่มเป้าหมาย มี ความทันสมัย สอดคล้องและพร้อมรองรับกับบริบทสภาวะสังคมปัจจุบัน ความต้องการของผู้เรียน และสภาวะการเรียนรู้ในสถานการณ์ต่างๆ ท่ีจะเกิดขึ้นในอนาคต 3.1 พัฒนาระบบการเรียนรู้ ONIE Digital Learning Platfrom ที่รองรับ DEEP ของกระทรวงศึกษาธิการของช่องทางเรียนรู้รูปแบบ อืน่ ๆ ทั้ง Online On-site และ On-air 3.2 พฒั นาแหล่งเรียนรู้ประเทศต่างๆ อาทิ Digital Science Musum/Digital Science Center/Digital Library ศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย และศูนย์การเรียนรู้ ตนแบบ กศน. (Co- Learnning Space) เพ่ือสามารถ “เรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง ทุกท่ี ทุกเวลา” จาก เป้าหมายและยุทธศาสตร์ที่มีความสาคญั ในการจัดการศึกษาเพอื่ พฒั นาผู้เรียนใหเ้ ป็นไปตามเป้าหมาย ตามมาตรฐานการศึกษาชาติ ปัจจัยสาคัญท่ีเกี่ยวข้อง คือการจัดการศึกษา ซ่ึงเป็นหน้าท่ีสาคัญของ ครูผู้สอนในการพัฒนาผู้เรียน ท้ังการจัดการศึกษาในระบบและนอกระบบ ซ่ึงครูเป็นผู้ที่ควรได้รับการ พัฒนาควบคู่ไปกับผู้เรียน และมีการพัฒนาท่ีต่อเน่ืองเพ่ือให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โลกในปัจจุบัน สานักงาน กศน.กาหนดให้สถานศึกษา มีนโยบายให้ครูได้รับการพัฒนาและเป็น ครูผู้สอนที่มีวิชาชีพ เข้าใจหลักการจัดการศึกษา และหลักสูตรการจัดการศึกษานอกระบบ นอกจากนี้ในการจัดการศึกษาในรายวิชาเลือกเสรีสถานศึกษาจาเป็ นต้องมีการจัดทาหลักสูตร สถานศึกษาขึ้นเพ่ือใช้ในการจดั การเรียนรูใ้ ห้แก่ผู้เรียนให้เหมาะสม สอดคล้องกบั บรบิ ทท้องถิ่น ชุมชน และสอดคลอ้ งกับความต้องการของผเู้ รียน กศน.อาเภอเขาสวนกวาง ได้ตระหนักเห็นความสาคัญต่อการพัฒนาครูและ บคุ ลากร ใหค้ วามรู้ และมคี วามเขา้ ใจในการจัดทาเครอื่ งมือวัดผลสอบระหวา่ งภาคผา่ นระบบออนไลน์ 2. วตั ถปุ ระสงค์ 2.1 เพือ่ พัฒนาครูและบคุ ลากรใหม้ คี วามรู้ ความเขา้ ใจ ในหลกั การวดั ผลและประเมนิ ผล การเรียน 2.2 เพอื่ ให้ครูและบุคลากร สามารถออกแบบและจัดทาเครอ่ื งมือวัดผลสอบระหว่างภาค เรยี นที่ส่งเสริมตอบสนองความตอ้ งการ และความเข้าใจของผเู้ รียนอย่างแทจ้ ริง 3. กลุ่มเป้ำหมำย 3.1 เชิงปรมิ าณ ครูและบคุ ลากร กศน.อาเภอเขาสวนกวาง จานวน 16 คน 3.2 เชงิ คุณภาพ รอ้ ยละ 80 ของคณะบุคลากรมคี วามรู้ ความเขา้ ใจในหลกั การวัดผลและประเมินผลการ เรียนไดถ้ ูกตอ้ ง
2 บทที่ 2 เอกสำรและหลกั วชิ ำกำรทเ่ี ก่ียวข้อง เอกสารและหลักวิชาการที่เก่ียวข้องในการดาเนินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดเครื่องมือ วัดผลภาคเรียน ผ่านระบบออนไลน์ เป็นหลักวิชาที่ประมวลจากแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้นาเสนอดังน้ี 1.เทคนคิ การบรหิ ารงานแบบ PDCA 2.งานวิชาการ/บทความทีเ่ กีย่ วขอ้ ง เทคนคิ กำรบริหำรงำนแบบ PDCA ควำมหมำยของ PDCA วงจรกำรบริหำรงำนคณุ ภำพ ประกอบด้วย P = Plan คอื การวางแผนงานจากวัตถปุ ระสงค์ และเป้าหมายท่ีกาหนดข้นึ D = Do คือ การปฏิบัติตามขั้นตอนในแผนงานที่ได้เขียนไว้อย่างเป็นระบบและมีความ ตอ่ เนือ่ ง C = Check คือ การตรวจสอบผลการดาเนินงานท่ีได้เขียนไว้อย่างเป็นระบบและมีความ ตอ่ เนอ่ื ง A = Action คือ การปรับปรุงแก้ไขส่วนท่ีมีปัญหา หรือถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ก็ยอมรับแนวทาง ปฏบิ ตั ติ ามแผนงานท่ไี ดผ้ ลสาเรจ็ เพือ่ นาไปใช้ในการทางานครง้ั ต่อไป เมื่อได้วางแผนงาน (P) นาไปปฏิบัติ (D) ระหว่างปฏิบัติงานก็ได้ดาเนินการตรวจสอบ (C) พบปัญหาก็ดาเนินการแก้ไขและปรับปรุง (A) การปรับปรุงก็เร่ิมจากการวางแผนก่อนวนไปได้เร่ือยๆ จงึ เรยี กวงจร PDCA ประโยชน์ของ PDCA 1. การวางแผนงานก่อนการปฏิบตั งิ านจะทาให้เกดิ ความพร้อม เม่ือไดป้ ฏบิ ตั ิงานจรงิ การ วางแผนงานควรวางใหค้ รบทั้ง 4 ขัน้ ตอน ดงั นี้ - ข้ันการศึกษา คือ การวางแผนศกึ ษาขอ้ มูล วธิ กี ารตอ้ งการของตลาด ข้อมลู ด้านวตั ถุดิบ ด้านทรัพยากรทมี่ ีอยูห่ รือเงนิ ทุน - ข้นั เตรียมงาน คือ การวางแผนการเตรียมงานด้านสถานที่ การออกแบบลิตภณั ฑ์ ความ พร้อมของพนักงาน อุปกรณเ์ ครอ่ื งจักร วตั ถุดิบ - ขน้ั ดาเนนิ งาน คือ กานวางแนวทางการปฏิบัตงิ านของแต่ละส่วน แตล่ ะฝา่ ย เช่น ฝา่ ยผลติ ฝ่ายขาย - ข้ันการประเมนิ ผล คือ การวางแผนหรือเตรียมการประเมนิ ผลอย่างเป็นระบบ เชน่ การ ประเมินจากยอดการจาหนา่ ย ประเมินการติชมของลูกค้า เพื่อให้ท่ีได้จากการประเมนิ การเทย่ี งตรง 2. การปฏิบัติตามแผนงาน ทาใหท้ ราบขัน้ ตอน วธิ ีการ และสามารถเตรยี มงานลว่ งหนา้ หรือ ทราบอุปสรรคล่วงหนา้ ดว้ ย ดังน้ัน การปฏิบัติงานกจ็ ะเกิดความราบรนื่ และเรยี บร้อย นาไปสู่ เปา้ หมายท่ีไดก้ าหนดไว้
3 3. การตรวจสอบ ให้ได้ผลทเี่ ท่ียงตรงเชือ่ ถือได้ ประกอบด้วย - ตรวจสอบจากเปา้ หมายท่ีได้กาหนดไว้ - มีเครื่องมือทเ่ี ช่ือถือได้ - มีเกณฑ์การตรวจสอบทช่ี ัดเจน - มีกาหนดเวลาการตรวจท่แี น่นอน - บุคลากรทีท่ าการตรวจสอบต้องได้รบั การยอมรบั จากทุกหน่วยงานท่เี ก่ียวข้อง เมื่อการตรวจสอบได้รบั กายอมรบั การปฏบิ ัติงานขัน้ ตอ่ ไปกด็ าเนนิ ต่อไปได้ 4. การปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องที่เกดิ ขนึ้ ไมว่ าจะเปน็ ข้นั ตอนไดก็ตาม เมอื่ มีการปรบั ปรุง แก้ไขคุณภาพก็จะเกิดข้ึน ดงั น้นั วงจร PDCA จึงเรยี กวา่ วงจรบรหิ ารงานคุณภาพ
4 บทควำมทำงวชิ ำกำรท่ีเกยี่ วขอ้ ง ปัจจยั ท่ีสาคัญที่จะนาไปส่คู วามสาเร็จในงานทุกประเภทของทกุ องค์กร ไมว่ ่าจะเป็นของ รัฐหรือ เอกชนไม่ใช่เงิน ไม่ใช่ เครื่องจักร เครื่องมือ หรือเทคโนโลยีแต่ปัจจัยท่ีสาคัญที่สุดคือ คนซ่ึง หมายถึงผู้ปฏิบัติงานท้ังหมดโดยรวมขององค์กรท่ีจะต้องมี ความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะ ปฏิบัติงานในหนา้ ที่ท่ีตนเองรบั ผิดชอบให้เป็นไปตามเป้าหมายขององค์กรเป็นสาคัญ แม้ใน ภาวะของ การดาเนินงานตามปกติขององค์กร การพัฒนาคนถือเป็นกิจกรรมที่สาคัญท่ีจะเอ้ืออานวยให้การ ดาเนินงานของ องค์กรบรรลุเป้าหมายอยูแ่ ล้ว ดังนั้นเม่ืออยู่ในภาวะของการปรับเปลย่ี นการพัฒนาคน ให้พรอ้ มรับการเปลี่ยนแปลง จงึ เป็น เร่ืองจาเปน็ อย่างยิง่ บคุ ลากรในองค์การ หรอื หนว่ ยงานต่าง ๆ ทั้งของภาครัฐและเอกชน ถือเป็นสิ่งสาคัญใน อนั ดับต้น ๆ ของ ความจาเป็นต้องมีอยู่ในองค์กร หากองค์การใดที่มีบุคลากรท่ีปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพหนว่ ยงานน้นั ๆ กจ็ ะบรรลุ เปา้ หมายในการทางาน รวมทั้งองค์การกจ็ ะประสบผลสาเร็จ การพัฒนาบุคลากรถือเป็นกระบวนการสร้างการเรียนรู้อย่างเป็น ระบบเพื่อเพ่ิมพูนสมรรถนะในการ ปฏิบัติงาน ซ่ึงจะทาให้เกิดความก้าวหน้าในตนเองและองค์การ สอดคล้องกับแนวคิดของ บุษยมาศ แสงเงิน (2555) กล่าวว่า องคก์ ารหรือหน่วยงานใด ๆ จะสามารถปฏิบัติงานได้บรรลุเป้าหมายอยา่ งมี ประสิทธิภาพได้ ย่อมจะต้องข้ึนอยู่กับคุณภาพของบุคลากรเป็นสาคัญ บุคลากรถือเป็นทรัพยากรที่ สาคัญที่สุดในการบริหารงาน ซึ่งบุคลากรท่ีมี คุณภาพน่ันหมายถึงบุคลากรที่มีความรู้ความชานาญ และทัศนคติท่ีเหมาะสมในการปฏิบตั ิงาน การเลือกสรรบุคคลเข้าทางาน นนั้ ก็มงุ่ ทีจ่ ะให้ได้คนดีคนที่มี ความรู้ความสามารถ เหมาะสมกับการทางานอยู่แล้ว แต่เน่ืองจากสภาพแวดล้อมท้ังภายในและ ภายนอกองค์การก็มีการเปล่ียนแปลงอยู่เสมอ ตลอดจนมีการค้นพบวิทยาการและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ด้านการบริหารและ ด้านอ่ืน ๆ ที่เกี่ยวข้อง ดังน้ัน จึงหลีกไม่พ้นท่ีบุคลากรที่เลือกสรรเข้ามาใน ช่วงแรกที่มีความเหมาะสมกับงานจะกลับกลายเป็นผู้ ที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าท่ีได้ดีทั้งน้ีอาจเป็น เพราะไม่เคยทางานประเภทน้ันมาก่อน เป็นต้น จึงเป็นหน้าที่อย่างหน่ึงขององค์การ ท่ีจะต้องมีการ พัฒนาบคุ ลากรเหลา่ นัน้ เพอื่ ให้องคก์ ารมปี ระสทิ ธิภาพในการปฏบิ ตั ิงาน วันทนา เนาว์วัน (2548) ได้กลา่ วว่าเมอื่ พิจารณาถึงแนวทางการพัฒนาบุคลากร จะเห็น ได้ว่ามแี นวทางท่ีสาคัญ อยู่ 4 แนวทาง ได้แก่การฝึกอบรม (Training) เป็นการพัฒนาพนักงานเพื่อใช้ ปฏบิ ัติงานในปัจจุบัน การศกึ ษา เป็นกิจกรรมที่ จดั ขึ้นเพอื่ การเรียนร้สู าหรับงานในอนาคต การพัฒนา จะมงุ่ เน้นการพฒั นาทั้งคนและงานในอนาคต เช่น การพัฒนาอาชพี และพัฒนาองค์การ และประการ สดุ ท้ายคือ การเรียนรู้ถือเป็นกระบวนการของการได้มาซ่ึงความรู้โดยผ่านประสบการณ์ที่ นาไปสู่การ เปล่ียนแปลงพฤติกรรมของบุคลากรอย่างถาวร การพัฒนาบุคลากรในองค์การถือได้ว่ามีความสาคัญ อย่างมาก ปัจจุบันเราจะเห็นได้ว่าหลาย ๆ องค์การล้วนให้ความสาคัญต่อการพัฒนาบุคลากรในทุก ระดับ เน่ืองจาก การพัฒนาบุคคลเป็น กระบวนการและวิธีการหนึ่งที่จะเสริมสร้าง และเปลี่ยนแปลง ผู้ปฏิบัติงานในด้านต่าง ๆ เช่น ความรู้ความเข้าใจ ความสามารถ ทักษะ อุปนิสัย ทัศนคติและวิธีการ ในการทางานที่ดีและการพัฒนาบุคคลยงั ช่วยเพิ่มพูนและสง่ เสริมปัจจัยตา่ ง ๆ ให้กบั บุคคล โดยวิธีการ ต่าง ๆ เช่น การศึกษาต่อ การฝึกอบรม การศึกษาดูงานและการฝึกอบรมหลักสูตรระยะส้ัน ซ่ึงจะ นาไปสู่ ประสิทธิภาพในการทางาน แม้ในปัจจุบันจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจวิกฤติก็ตาม สาหรับหน้าที่
5 ของฝ่ายบริหารทรัพยากรมนุษย์ บุคคลที่ทาหน้าที่ในการจัดทาโครงการฝึกอบรม ก็พยายามจัดหา วิธีการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพมากข้ึน เพื่อให้พนักงานได้ เรียนรู้สาระสาคัญได้อย่างเต็มท่ี และ สามารถนาเอาความรู้เหล่าน้ันไปใช้ในงานได้เป็นอย่างดีบางองค์การก็อาศัยการจัด ประชุมเชิง ปฏิบัติการมากขึ้นเพราะมีการฝึกปฏิบัติโดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้ฝึกฝนความรู้ท่ีเรียนมา วิธีการนี้ กาลงั ไดร้ ับ ความนิยมมากข้ึน เป็นลาดับ และเนื่องในปัจจุบันภาษาอังกฤษ เป็นภาษาที่ได้รับการ ยอมรับว่ามีความสาคัญและทรงอิทธิพลมากที่สุดภาษาหน่ึงของ โลก สาหรับประเทศไทย ภาษาอังกฤษนับว่าเป็นภาษาที่สองรองจากภาษาแม่ เนื่องจากเป็นภาษาท่ีมีการใช้ในชีวิตประจาวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานอาชีพสาขาต่าง ๆ ซึ่งต้องมีภาษาอังกฤษปรากฏให้ใช้ควบคู่ไปกับภาษาไทย เสมอ กล่าวคือ ไม่ว่าจะ ประกอบอาชีพใด ก็มักมีความจาเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาท่ีสอง เสมอ เน่ืองด้วยองค์ความรู้ต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับสาย งานน้ัน ๆ มักเป็นองค์ความรู้ท่ีถูกถ่ายทอดมา จากทฤษฎีหรือแนวปฏิบัติจากต่างประเทศ หรือผู้ที่ศึกษาวิทยาการใหม่ๆ ก็ล้วน จาเป็นต้องมีทักษะ ทางภาษาอังกฤษท่ีดีเพื่อประโยชน์ในความรู้ความเข้าใจในวิทยาการแขนงน้ัน ๆ อย่างชัดเจน และที่ สาคัญ ที่สุด คือ การท่ีประเทศไทยเป็นส่วนหน่ึงในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งจะเป็นการร่วมกัน สร้างผลประโยชน์เศรษฐกิจ ร่วมกันของประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซ่ึงแน่นอนว่า ภาษาอังกฤษจะต้องเป็นภาษากลางที่เป็นประโยชน์ เรื่องของการติดต่อส่ือสารทางเศรษฐกิจ การเมือง การค้า การลงทุน ซึ่งท่ีผ่านมาประเทศไทยมีการตื่นตัวทางภาษาอังกฤษมาก ขึ้น จะเห็นว่า ในหลายวงการมีการพัฒนาการส่ือสารให้เป็นในรูปแบบสองภาษามากขึ้น ทั้งภาครัฐบาลและ ภาคเอกชนก็ล้วนเร่ง เพ่ิมพูนทักษะทางภาษาอังกฤษของทรัพยากรบุคคลให้มที ักษะทางภาษาอังกฤษ ท่ีเพียงพอต่อการตดิ ต่อสื่อสารในประชาคม อาเซียน ทั้งน้ีเพราะภาษาเป็นตัวชว่ ยสาคญั ท่ีจะทาให้การ ติดต่อ เจรจา ประสานงาน ในเรื่องน้ัน ๆ บรรลุผลสัมฤทธ์ิได้ดังน้ัน การมีทักษะทางภาษาอังกฤษท่ีดี จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในหลาย ๆ มหาวิทยาลัยจึงเล็งเห็นความสาคัญในการสนับสนุน ให้ บุคลากรสายสนับสนุนมีการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ พัฒนาใช้ภาษาอังกฤษทั้งในส่วนของ ภาษาอังกฤษในงาน และ ภาษาอังกฤษในชีวิตประจาวัน และต้องการฝึกทักษะทั้งในรูปแบบของการ พูด การฟัง อ่าน อาจใช้วิธีการฝึกอบรม เข้าโครงการอบรมภาษาอังกฤษ การไปศึกษาดูงานท่ี ต่างประเทศ หรอื การไปเรียนภาษาอังกฤษระยะส้ันท่ีต่างประเทศ เป็นตน้ ควำมหมำยของกำรพัฒนำบุคลำกร พงศ์สิทธ์ิพราหมณ์ชื่น (2556) ได้กล่าวว่าการพัฒนาบุคลากร เป็นกระบวนการช่วย เสริมสร้างความรู้ความสามารถ และทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรให้มีประสิทธิภาพ ด้วย การฝึกอบรม การให้การศึกษาและกิจกรรมอ่ืน ๆ เพื่อเพ่ิม คุณภาพผลผลิตให้มากข้ึนท้ังยังรวมไปถึง การพัฒนาองค์การให้เกิดการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้มีความก้าวหน้าอยู่เสมอ ทรัพยากรบุคคลเป็น ส่วนในการพัฒนาบุคลากรไม่ว่าจะเป็นรัฐวสิ าหกิจ เอกชน หรือรัฐบาลได้ให้ความสาคัญต่อการพัฒนา บุคลากรอย่างมาก เพราะจะช่วยเพ่ิมศักยภาพในการปฏิบัติงานของบุคลากรมนุษย์ที่มีอยู่ในองค์กร เพ่ือเพ่ิมประสิทธิภาพ ในการทางาน สรุป การพัฒนาบุคลากร หมายถึง การดาเนินการอย่างใดอย่าง
6 หน่ึงท่ีสามารถทาให้บุคลากรได้รับการพัฒนา จากการดาเนินการน้ัน ได้มีความรู้ความเข้าใจ ความสามารถ ที่จะปรับปรุงเปลย่ี นแปลงพฤตกิ รรมของบคุ ลากรเอง การพัฒนาบุคคลมีเปา้ หมายสูงสุด คอื การเพม่ิ พนู ความรูค้ วามชานาญ และทัศนคติของ บุคคลให้เหมาะสมกับ การปฏิบัติงาน เพื่อให้มีการเปล่ียนแปลงพฤติกรรมเป็นไปในทางที่สอดคล้อง กบั องคก์ ารซ่ึงจะมผี ลดีทั้งสองฝ่ายคือทั้งองค์การ และต่อบุคคลเอง อย่างไรกต็ ามถึงแมว้ า่ องค์การจะมี บุคลากรท่ีมีคุณลักษณะดังกล่าวอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ความเจริญก้าวหน้าของวิทยาการใหม่ ๆ หรือแม้แต่กระท้ังเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้พัฒนาเป็นไปอยา่ งรวดเร็วมาก องค์การ จาเป็นจะต้องมีการนา เทคโนโลยีหรือวิทยาการใหม่ ๆ เข้ามาปรบั ใช้ในองค์การเพื่อเพิ่มประสทิ ธิภาพ การท่ีจะนาเอาความรู้ ใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการปฏิบตั ิงานน้ัน จงึ จาเป็นต้องมีการพฒั นาบุคลากรให้มีความพร้อมที่จะรับความ เจริญก้าวหน้าของ เทคโนโลยีและความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้องค์กรอยู่รอดและสามารถแข่งขันกับองค์การ อื่น ๆ ได้ด้วย ท้ังน้ีได้สอดคล้องกับงานวิจัยของ สุทธญาณ์ โอบอ้อม (2557) คือ “การจัด ประสบการณ์เรียนรู้อย่างเป็นระบบในห้วงเวลาที่กาหนด เพื่อเพ่ิมโอกาสให้บุคลากร ในองค์การมี สมรรถนะที่สูงข้ึน สามารถปฏิบัติหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีอันเป็นผลต่อความ เจริญก้าวหน้าของ บุคลากรและองค์การ” การพัฒนาบุคลากร (Human Resource Development : HRD) เป็นการใช้การฝึกอบรม การพัฒนา องค์การ และการพัฒนาอาชีพอย่างบูรณาการ เพ่ือที่จะ เพ่ิมประสทิ ธิผลของบุคคลกลุ่มงานและองค์การ การพัฒนาบุคลากร จะช่วยพัฒนาสมรรถนะสาคัญที่ จะทาให้บุคลากรในองคก์ ารสามารถปฏบิ ัตงิ าน ปัจจุบนั และอนาคตได้โดยผ่านกระบวนการ เรียนรทู้ ี่มี การวางแผนไว้ล่วงหน้า ช่วยทาให้กลุ่มงานในองค์การสามารถริเร่ิมและจัดการเปลี่ยนแปลงและทาให้ เกดิ การประสานกันระหว่างความตอ้ งการขององคก์ ารกับบคุ ลากร เวก็ ซเ์ ลย์และ ลาแธม (Wexley and Latham : 1991) กลา่ ววาการพัฒนาบุคลากร คือ การเพ่มิ พูนทักษะความรูและ ความสามารถ และการปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคคลเพ่ือการทางานใน องค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิด ของ ยงยุทธ เกษสาคร (2551) กล่าววา การ พัฒนาบุคลากรมีวัตถุประสงค์หลัก ๆ 2 ประการคือ 1) วัตถุประสงค์ขององค์การ หมายถึง ความมุง หมายของสวนรวมในการบรหิ ารจัดการองค์การให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด 2) วัตถุประสงค์ส่วนบุคคล หมายถึง ความมุงหมาย สวนบุคคลในการพัฒนาฝีมือ บุคลิกภาพ ฝึกฝนการตัดสินใจ เรียนรูงานเพ่ือ ลดความเสี่ยง ในการทางาน ปรับปรุงสภาพการทางานให้ดีข้ึนและเพ่ือความกาวหนาในการเล่ือนขั้น เลอ่ื นตาแหน่ง แนดเลอร์(Nadler : 1980) ได้ให้ความหมายของการพัฒนาบุคลากรว่า หมายถึง การ ดาเนินการให้บุคลากรได้รับ ประสบการณ์และการเรียนรู้ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เพื่อที่จะได้นาความรู้ มาปรับปรุงความสามารถในการทางานให้ดีข้ึน ซึ่งส่วน ใหญ่จะมีกิจกรรมการพัฒนาบุคลากร 3 กิจกรรม คือ 1) กิจกรรมการฝึกอบรม 2) กิจกรรมการศึกษาต่อ และ 3) กิจกรรม การ พัฒนาตนเอง แนวคิดนม้ี ีเปา้ หมายโดยรวมของการพัฒนาบุคลากรอยู่ทกี่ ารปรับปรุงประสิทธภิ าพการ ทางาน และสง่ เสริม ความกา้ วหน้าของพนกั งาน
7 จึงสรุปได้ว่า การพัฒนาบุคลากร คือ กระบวนการอย่างหน่ึงท่ีองค์กรส่งเสริม ให้ บุคลากรที่อยู่ในองค์การได้รับ การพัฒนาให้ดีขึ้น โดยวิธีการต่าง ๆ เมื่อบุคลากรในองค์การมีการ พัฒนาทดี่ ีมีสภาพแวดลอ้ มที่ปลอดภยั สะอาด และสภาพ การทางานที่ดีคุณภาพชีวติ การทางานที่ดีจะ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทางานให้ดีข้ึน ในการแนวทางการพัฒนาบุคลากร มีวิธีการ เช่น การ ฝึกอบรม การสอนงาน การศึกษา หรือการพัฒนาเพ่ิมเพิ่มพูนความรู้ในด้านต่าง ๆ ตลอดจนพัฒนา ความรู้สึก นึกคิดที่ดีต่อการปฏิบัติงาน เพ่ือให้งานท่ีปฏิบัติบรรลุเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะ ส่งผลให้เกดิ ความกา้ วหน้าในตาแหนง่ หนา้ ที่ของตนเอง และความก้าวหน้าขององคก์ รดว้ ย ทมี่ า :https://so02.tci-thaijo.org/index.php/suedujournal/article/download/204034/165169/
8 บทที่ 3 วิธกี ำรดำเนนิ งำน การดาเนินโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทาเคร่ืองมือวัดผลสอบระหว่างภาคเรียน ผ่านระบบ ออนไลน์ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ของสานักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย จังหวัดขอนแกน่ นอกจากนนั้ ยังมีเครื่องมือท่ีใชใ้ นการวเิ คราะหข์ ้อมูลต่างๆ ดังนี้ 1. บคุ ลากร 2. รูปแบบและวธิ กี ารประเมนิ โครงการ 3. การกาหนดคา่ นา้ หนกั และเกณฑก์ ารประเมนิ 4. เครื่องมือท่ีใช้ในการประเมนิ โครงการ 5. วธิ กี าร การเก็บรวบรวมขอ้ มลู 6. การวเิ คราะห์ข้อมูล 7. สถิตทิ ีใ่ ชใ้ นการวเิ คราะห์ขอ้ มูล 8. การนาเสนอขอ้ มูล ประชำกร ประชากร: ประชากรท่ีใช้ในการศึกษาครั้งน้ี คือ ครูและบุคลากร กศน.อาเภอ เขาสวนกวาง ทเ่ี ขา้ ร่วมจานวน 16 คน รูปแบบและเคร่อื งมือที่ใช้ในกำรดำเนนิ งำน เคร่ืองมือในการประเมินผลความพึงพอใจน้ี เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้าร่วม กิจกรรมต่อการจัดกิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทาเครื่องมือวัดผลสอบระหว่างภาคเรียน ผา่ นระบบออนไลน์ เป็นการรายงานผลตามแบบสอบถามความพงึ พอใจของผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมตอ่ การ จัดกิจกรรมโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทาเคร่ืองมือวัดผลสอบระหว่างภาคเรียน ผ่านระบบ ออนไลน์ เร่ือง การสร้าง Google froms เรยี นรรู้ ูปแบบคาถามทั้งหมด เรยี นรู้ title และ section เมื่อการเข้าร่วมกิจกรรมเสร็จสิ้นแล้ว ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตอบแบบสอบถามความคิดเห็น ซ่ึงเป็นแบบประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scales) 5 ระดับ คอื มากทสี่ ดุ มาก ปานกลาง นอ้ ย และปรบั ปรงุ โครงสร้างแบบสอบถามมี 3 สว่ น ดงั นี้ สว่ นที่ 1 ข้อมลู ทัว่ ไป มี 4 ข้อ สว่ นท่ี 2 ความคิดเหน็ /ความพึงพอใจของผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม มี 14 ข้อ สว่ นท่ี 3 ขอ้ เสนอแนะเพิ่มเตมิ เกณฑก์ ำรประเมิน มีดงั น้ี 4.50 - 5.00 หมายถงึ ความพึงพอใจระดับมากท่สี ุด 3.50 - 4.49 หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับมาก 2.50 - 3.49 หมายถึง ความพึงพอใจระดับปานกลาง 1.50 - 2.49 หมายถงึ ความพึงพอใจระดับนอ้ ย 1.00 - 1.49 หมายถึง ความพงึ พอใจระดับนอ้ ยท่สี ุดควรปรับปรุง
9 วิธกี ำรสร้ำงและพัฒนำเคร่อื งมือ ผู้สรปุ ผลไดส้ ร้างและพฒั นาเครอ่ื งมือท่ีใชใ้ นการดาเนินงาน ดังน้ี 1. ศกึ ษาแนวคดิ ทฤษฎี และเอกสารทเี่ กย่ี วข้อง 2. กาหนดแผนงานและโครงการ 3. กาหนดกิจกรรมหรอื งานท่ปี ฏิบัตใิ นแตล่ ะขั้นตอน 4. เขียนแบบประเมินความพึงพอใจฉบับร่าง โดยให้มีข้อถามหรือข้อความครอบคลุม เนื้อหา กจิ กรรม หรืองานทีป่ ฏิบตั ติ ลอดโครงการ และจัดทาแบบบนั ทกึ คะแนน กำรเกบ็ รวบรวมข้อมูล ผู้ประเมินได้ทาการเก็บรวบรวมข้อมูล โดยดาเนินการในช่วงสิ้นสุดการจัดกิจกรรม โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ัติการจัดทาเคร่ืองมือวดั ผลสอบระหวา่ งภาคเรยี น ผ่านระบบออนไลน์ กำรวเิ ครำะห์ข้อมลู ผปู้ ระเมนิ ได้ทาการวิเคราะหข์ อ้ มูลจากแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามความพึงพอใจ เกณฑ์ การให้คะแนนแบบประเมินความพึงพอใจ เป็นแบบประเมินกาหนดเป็นมาตราส่วนประมาณค่าตาม แนวคิดของลิเคิร์ท (Likert) แสดงระดับความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมกิจกรรมโดยมีเกณฑ์การให้ คะแนน ดังนี้ 5 หมายถึง มากทส่ี ดุ 4 หมายถึง มาก 3 หมายถงึ ปานกลาง 2 หมายถึง น้อย 1 หมายถึง นอ้ ยทีส่ ุด จากน้ันนาข้อมลู มาหาค่าเฉลี่ย รายข้อ โดยกาหนดเกณฑ์ ดังนี้ 4.50 - 5.00 หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับมากท่ีสดุ 3.50 - 4.49 หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับมาก 2.50 - 3.49 หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับปานกลาง 1.50 - 2.49 หมายถงึ ความพึงพอใจระดับน้อย 1.00 - 1.49 หมายถึง ความพึงพอใจระดับนอ้ ยทส่ี ุดควรปรับปรงุ สถิตทิ ใี่ ชใ้ นกำรวเิ ครำะห์ข้อมูล นาขอ้ มลู ที่ได้มาหาคา่ สถติ ิทางคณติ ศาสตร์ ดังน้ี 1. คา่ รอ้ ยละ 2. ค่าเฉลย่ี (Mean) กำรนำเสนอข้อมลู การนาเสนอขอ้ มลู เป็นการนาเสนอในรูปความเรียง ประกอบรายละเอียดในตาราง แจกแจง ด้วยคา่ ความถ่ีและร้อยละ
10 บทท่ี 4 ผลกำรดำเนนิ งำน 1. สภำพกำรดำเนินงำน โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทาเครื่องมือวัดผลสอบระหว่าง ภาคเรียน ผ่านระบบออนไลน์ เพ่ือให้มีความรู้ โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการจัดทา เครอ่ื งมือวัดผลสอบระหว่างภาคเรยี น ผ่านระบบออนไลน์ ผลกำรดำเนนิ งำน โครงการอบรมเชงิ ปฏบิ ตั กิ ารจัดทาเครอื่ งมือวดั ผลสอบระหว่างภาคเรียน ผา่ นระบบออนไลน์ 1.1 จานวนผู้เข้ารว่ มโครงการอบรมเชิงปฏบิ ัติการจดั ทาเคร่อื งมือวัดผลสอบระหวา่ ง ภาคเรียน ผ่านระบบออนไลน์ จานวน 16 คน 2.2 ความพงึ พอใจผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ มีผู้ตอบแบบสอบถามจานวน 16 ชดุ จาแนกตามระดับความคิดเหน็ ดังน้ี ผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมูลจำกแบบสอบถำมควำมคิดเห็น/ควำมพึงพอใจ แบ่งออกเปน็ 3 ส่วน ดงั นี้ ส่วนท่ี 1 ข้อมูลท่วั ไป ตำรำง 1 จานวนผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม ท่ี เพศ จำนวน รอ้ ยละ (คน) 1 ชาย 7 43.75 2 หญิง 9 56.25 รวม 16 100 จากตาราง 1 พบว่าจานวนผเู้ ข้าร่วมกิจกรรม จานวน 16 คน แบ่งเป็นเพศชาย 7 คน คดิ เป็นรอ้ ยละ 43.75 และเปน็ เพศหญงิ 9 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 56.25 ตำรำง 2 อายผุ เู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม ท่ี อำยุ จำนวน ร้อยละ 1. 15 – 30 ปี 1 6.25 2. 31–45 ปี 10 62.50 3. 46–59 ปี 5 31.25 รวม 16 100.00 จากตารางท่ี 2 ผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่มีช่วงอายุระหว่าง 15 – 30 ปี มีจานวน 1 คน คิดเป็น รอ้ ยละ 6.25 ช่วงอายุระหว่าง 31 - 45 ปีมีจานวน 10 คน คิดเป็นร้อยละ 62.50 ช่วงอายุระหว่าง 46 - 59 ปมี ีจานวน 5 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 31.25
11 ตำรำง 3 ระดับการศกึ ษาของผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรม ระดบั กำรศึกษำ จำนวน ร้อยละ ปริญญาตรี 11 68.75 ปริญญาโท 5 31.25 ปริญญาเอก - 16 - รวม 100 จากตาราง 3 พบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีการศึกษาอยู่ในระดับปริญญาตรี มากท่ีสุด จาน วน 11 คน คิดเป็ น ร้อยละ 68.75 รองลงม าคือ ระดับ ป ริญ ญ าโท จาน วน 5 ค น คดิ เปน็ ร้อยละ 31.25 รองลงมาคือระดบั ปรญิ ญาเอก จานวน - คน คิดเป็นร้อยละ 31.25 สว่ นท่ี 2 ควำมพงึ พอใจท่ีมีตอ่ กำรจัดกิจกรรม/โครงกำรดงั ตารางท่ี 2.1 ถงึ ตารางท่ี 2.4 ตารางที่ 2.1 กระบวนการ ข้นั ตอนการให้บริการ ในการจัดกิจกรรมและความพึงพอใจในการเขา้ ร่วมโครงการ ระดับควำมคิดเห็น ผลกำร ประเมิน ท่ี ประเดน็ คำถำม ดี ดี ปำน น้อย น้อย X มำก กลำง ที่สดุ 1. การประชาสมั พนั ธโ์ ครงการฯ 16 - - - - 5 2. ความเหมาะสมของสถานท่ี 14 2 - - - 4.88 3. ความเหมาะสมของระยะเวลา 14 2 - - - 4.88 (จานวนชวั่ โมง,จานวนวนั ) 4. ความเหมาะสมของชว่ งเวลา (08.30-16.30) 12 4 - - - 4.75 5. การจดั ลาดบั ขั้นตอนของกิจกรรม 13 3 - - - 4.81 คำ่ เฉลีย่ ( X ) 4.86 จากตารางท่ี 2.1 กระบวนการ ข้นั ตอนการใหบ้ รกิ ารอยใู่ นระดับ ดี คอื มีค่าเฉลยี่ (X ) เทา่ กับ 4.86 หรอื คดิ เป็นร้อยละ 97.72
12 ตารางที่ 2.2 เจา้ หนา้ ท่ผี ู้ให้บริการ/วิทยากร/ผปู้ ระสานงาน ในการจัดกจิ กรรมและความ พงึ พอใจ ในการเขา้ รว่ มโครงการ ระดับควำมคดิ เหน็ ผลกำร ประเมนิ ที่ ประเดน็ คำถำม ดี ดี ปำน น้อย นอ้ ย X มำก กลำง ที่สดุ 1. ความรอบรู้ ในเนื้อหาของวทิ ยากร 14 2 - - - 4.88 2. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ 14 2 - - - 4.88 3. การตอบคาถาม 13 3 - - - 4.81 4. ความเหมาะสมของวิทยากร ในภาพรวม 16 - - - - 5 คำ่ เฉลี่ย ( X ) 4.89 จากตารางท่ี 2.2 เจ้าหน้าท่ผี ูใ้ หบ้ รกิ าร/วทิ ยากร/ผู้ประสานงาน อยูใ่ นระดับดีมาก คอื มีค่าเฉลย่ี ( X ) เทา่ กับ 4.89 หรอื คิดเป็นร้อยละ 97.80 ตารางที่ 2.3การอานวยความสะดวก ในการจดั กจิ กรรมและความพึงพอใจในการเขา้ ร่วม โครงการ ระดบั ควำมคิดเห็น ผลกำร ประเมนิ ที่ ประเด็นคำถำม ดี ดี ปำน นอ้ ย นอ้ ย X มำก กลำง ท่ีสุด 1. เอกสาร 2. โสตทศั นูปกรณ์ 12 4 - - - 4.75 3. เจา้ หน้าที่สนบั สนุน 4. อาหาร,เคร่อื งดืม่ และสถานที่ 13 3 - - - 4.81 คำ่ เฉล่ีย ( X ) 12 4 - - - 4.75 12 4 - - - 4.75 4.77 จากตาXรางที่ 2.3 การอานวยความสะดวกต่างๆในการจดั กิจกรรม/โครงการ อยใู่ นระดับ ดมี าก คือมคี ่าเฉลี่ย เท่ากบั 4.77 หรือ คิดเปน็ รอ้ ยละ 95.40
13 ตารางท่ี 2.4 คณุ ภาพการให้บริการในการจดั กิจกรรมและความพึงพอใจในการเขา้ รว่ มโครงการ ระดบั ควำมคดิ เหน็ ผลกำร ประเมนิ ที่ ประเดน็ คำถำม ดี ดี ปำน นอ้ ย น้อย X มำก กลำง ท่สี ุด 1. ทา่ นไดร้ ับความรู้ แนวคดิ ทักษะและ 14 2 - - - 4.88 ประสบการณ์ใหม่ๆจากโครงการ/กจิ กรรม 2. ท่านสามารถนาสิ่งที่ได้รับจากโครงการ/ 14 2 - - - 4.88 กจิ กรรมน้ีไปใชใ้ นการเรียน/การปฏิบัติงาน 3. สง่ิ ทท่ี า่ นได้รบั จากโครงการ/กิจกรรมครัง้ นี้ 13 3 - - - 4.81 ตรงตามความคาดหวังของท่าน 4. สดั ส่วนระหวา่ งการฝกึ อบรมภาคทฤษฎกี ับ 12 4 - - - 4.75 ภาคปฏิบัติ (ถา้ ม)ี มีความเหมาะสม 5. ประโยชน์ทท่ี ่านไดร้ บั จากโครงการ/กิจกรรม 14 2 - - - 4.88 ค่ำเฉลี่ย ( X ) 4.84 จากตารางท่ี 2.4 คณุ ภXาพการให้บริการ ประโยชน์ทไี่ ด้รบั ในการเข้าร่วมกิจกรรม/ โครงการ อยู่ในระดับดีมากคือมคี ่าเฉล่ีย ( ) เท่ากบั 4.84 หรือ คิดเปน็ รอ้ ยละ 96.80 บทสรปุ ส่วนท่ี 2 ควำมพงึ พอใจท่มี ตี ่อกำรจดั กิจกรรม/โครงกำร จากตารางท่ี 2.1 ถึง ตารางที่ 2.4 ผลการประเมินพบว่าความพึงพอใจทมี่ ีต่อการจัดกิจกรรม พัฒนาผเู้ รียน โครงการอบรมเชิงปฏิบัตกิ ารจัดทาเคร่ืองมือวัดผลสอบระหวา่ งภาคเรียน ผ่านระบบ ออนไลน์ อยู่ในระดบั ดมี ำก โดยมีคา่ เฉลย่ี ในภาพรวม ( X ) เท่ากบั 4.84 หรือ คดิ เป็นร้อยละ 96.80
14 บทท่ี 5 สรปุ ผลกำรดำเนนิ งำน/ข้อเสนอแนะ กำรประเมินผลโครงกำรอบรมเชงิ ปฏิบตั ิกำรจดั ทำเครื่องมอื วดั ผลสอบระหว่ำงภำคเรยี น ผ่ำนระบบออนไลน์ ณ กศน.อำเภอเขำสวนกวำง อำเภอเขำสวนกวำง จังหวัดขอนแกน่ 1. สรุปผลการประเมินโครงการ 2. ขอ้ เสนอแนะ ตำรำงสรปุ ระดบั ควำมคดิ เหน็ ของผู้รบั บรกิ ำร 4 ด้ำน ดำ้ นท่ี หัวข้อกำรประเมนิ คำ่ เฉลย่ี ระดบั ควำมคิดเห็น 1 ดา้ นกระบวนการขัน้ ตอนการใหบ้ ริการ 4.86 2 ดา้ นเจา้ หนา้ ท/่ี วทิ ยากร/ผปู้ ระสานงาน 4.89 3 ดา้ นการอานวยความสะดวก 4.77 4 ดา้ นคณุ ภาพการให้บริการ 4.84 รวม 4.84 พบว่า ระดับความพึงพอใจของผู้รับบริการ โดยภาพรวมทุกด้านมีค่าเฉล่ีย 4.84 อยู่ในระดับ ดีมาก โดยด้านครูผสู้ อน/วิทยากรผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีคา่ เฉล่ีย 4.86 อยู่ในระดับ ดี, ด้านข้ันตอนกระบวนการจัดกิจกรรม มีค่าเฉล่ีย 4.89 อยู่ในระดับ ดีมาก, ด้านจัดสิ่งอานวยความ สะดวกแก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย 4.77 อยู่ในระดับ ดีมาก, ด้านคุณภาพของการจัดกิจกรรม มีค่าเฉลยี่ 4.84 อยู่ในระดบั ดีมาก
15 ตำรำงสรปุ ผลกำรดำเนินงำนตำมโครงกำร ตวั ชี้วัด เกณฑ์ ผลกำร เปา้ หมาการบรรลุ ควำมพึงพอใจของผูร้ ับบริกำร ดำเนนิ งำน บรรลุ ไม่บรรลุ ร้อยละ 80 พงึ พอใจ กิจกรรมทจ่ี ัดมีประโยชน์ สอดคล้องกับ อยใู่ นระดับ ดี ขึ้นไป รอ้ ยละ ความตอ้ งการของผ้เู ขา้ ร่วมกิจกรรม รอ้ ยละ 80 พงึ พอใจ 97.72 อยใู่ นระดับ ดี ข้ึนไป ความรู้ ทักษะ และประสบการณท์ ไี่ ดร้ ับ รอ้ ยละ สามารถนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นชีวติ ประจาวัน 97.80 ได้ กิจกรรมท่ีจดั สามารถสง่ ผลดีต่อการพฒั นา ร้อยละ 80 พงึ พอใจ ร้อยละ อยูใ่ นระดับ ดี ขน้ึ ไป 95.40 คน สังคม และชมุ ชน ความพึงพอใจทีม่ ีต่อโครงการ/กจิ กรรม รอ้ ยละ 80 พึงพอใจ ร้อยละ ภาพรวม อยู่ในระดับ ดี ขน้ึ ไป 96.80 ข้อคดิ เหน็ และข้อเสนอแนะ สอบถามขอ้ มลู จากบุคลากร เพือ่ มาปรบั ใหม่
16 แบบสอบถำมโครงกำรอบรมเชงิ ปฏบิ ตั ิกำรจัดทำเครือ่ งมือวดั ผลสอบระหว่ำงภำคเรยี น ผำ่ นระบบออนไลน์ ระหวำ่ งวนั ที่ 11 – 12 มนี ำคม 2564 ณ กศน.อำเภอเขำสวนกวำง ศนู ยก์ ำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศกึ ษำตำมอัธยำศยั อำเภอเขำสวนกวำง 1. เพอื่ ให้ผจู้ ัดได้มโี อกาสรับทราบผลการดาเนินงานของตนเองและเพือ่ ประโยชน์ในการปรับปรงุ โครงการใหม้ ี ประสทิ ธภิ าพมากข้ึน 2. โปรดเตมิ เครือ่ งหมาย และกรอกขอ้ ความให้สมบรู ณ์ ส่วนที่ 1 ข้อมูลท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถำม 1. เพศ ชาย หญิง 2. สถานะ นกั ศกึ ษา อาจารย์ บคุ ลากร ประชาชนทั่วไป อน่ื ๆ โปรดระบุ …………………… 3. สังกดั คณะ/สานกั /สถาบนั /หนว่ ยงาน …………………………………………………………………………………………….… 4. วุฒิการศกึ ษา ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาตอนตน้ มัธยมศกึ ษาตอนปลาย 5. อายุ – 30 ปี - 45 ปี - 59 ปี 60 ปขี ้นึ ไป สว่ นที่ 2ควำมพึงพอใจตอ่ โครงกำร ระดบั 5 = มากทส่ี ุดหรอื ดีมาก 4 = มากหรอื ดี 3 = ปานกลางหรือพอใช้ 2 = นอ้ ยหรอื ตา่ กว่ามาตรฐาน 1 = นอ้ ยที่สุดหรอื ตอ้ ง ปรบั ปรงุ แกไ้ ข รำยละเอยี ด ระดับควำมพงึ พอใจ 5 4321 1. กระบวนกำร ข้ันตอนกำรใหบ้ ริกำร 1.1 กำรประชำสมั พันธ์โครงกำร ฯ 1.2 ควำมเหมำะสมของสถำนท่ี 1.3 ควำมเหมำะสมของระยะเวลำ(จานวนชั่วโมง,จานวนวัน) 1.4 ควำมเหมำะสมของชว่ งเวลำ(08.30 – 19.00 น.,ช่วงเดอื น) 1.5 กำรจดั ลำดับขั้นตอนของกจิ กรรม 2. เจำ้ หนำ้ ที่ผใู้ ห้บริกำร/วิทยำกร/ผู้ประสำนงำน 2.1 ควำมรอบรู้ ในเนอ้ื หำของวิทยำกร 2.2 ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ 2.3 กำรตอบคำถำม 2.4 ควำมเหมำะสมของวิทยำกร ในภำพรวม 3. กำรอำนวยควำมสะดวก 3.1 เอกสำร 3.2 โสตทัศนปู กรณ์ 3.3 เจ้ำหน้ำท่ีสนบั สนนุ 3.4 อำหำร,เครือ่ งดม่ื และสถำนที่ 4. คุณภำพกำรให้บรกิ ำร 4.1 ทำ่ นไดร้ ับควำมรู้ แนวคดิ ทักษะและประสบกำรณใ์ หม่ ๆ จำกโครงกำร/ 4ก.ิจ2กทรรำ่ มนนสี้ำมำรถนำสง่ิ ท่ีไดร้ ับจำกโครงกำร/กิจกรรมนไ้ี ปใช้ในกำรเรียน/กำร ป4.ฏ3บิ สตั งิ่ ิงทำ่ีทน่ำนได้รับจำกโครงกำร/กิจกรรมคร้งั นี้ตรงตำมควำมคำดหวงั ของทำ่ น 4ห.ร4ือสไมดั ่ ส่วนระหวำ่ งกำรฝึกอบรมภำคทฤษฎีกับภำคปฏบิ ัติ (ถ้ำมี) มีควำม 4เห.5มำปะรสะมโยชนท์ ่ที ำ่ นไดร้ ับจำกโครงกำร/กจิ กรรม
17 ภาคผนวก
18 ภาพกิจกรรม
19 คณะผจู้ ดั ทา ทป่ี รกึ ษา 1. นางสุภาภรณ์ อนิ ทมาตย์ ผอู้ านวยการ กศน.อาเภอเขาสวนกวาง 2. นายชยั ยา ดวงอรา่ ม ครูผูช้ ว่ ย 3. นางพัชรยี า ศรบี ญุ เรือง ครอู าสาสมคั ร กศน. 4. นายไพบลู ย์ มชี ิน ครอู าสาสมัคร กศน. ผ้พู ิมพ์และออกแบบปก ครู ศรช. นางณพิชญา ใบงาม
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: