[1] ไฟล์ประกอบการเรยี นออนไลน์ ครั้งที่ 1 วิชากฎหมายขา้ ราชการที่ดี เร่อื ง พระราชบญั ญัติระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ พ.ศ. 2534 และทแ่ี ก้ไขเพิม่ เตมิ ถึง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2553 สว่ นที่ 1 การจดั ระเบียบบริหารราชการส่วนกลาง หมวดที่ 1 การจดั ระเบียบราชการในสำนกั นายกรัฐมนตรี ส่วนท่ี 2 หมวดที่ 2 การจัดระเบียบราชการในกระทรวงหรือทบวง สว่ นที่ 3 หมวดท่ี 3 การจดั ระเบียบราชการในทบวงซงึ่ สงั กดั สำนกั นายกรฐั มนตรีหรือกระทรวง ส่วนที่ 4 หมวดที่ 4 การจัดระเบยี บราชการในกรม หมวดที่ 5 การปฏิบัติราชการแทน หมวดท่ี 6 การรักษาราชการแทน หมวดที่ 7 การบรหิ ารราชการในตา่ งประเทศ การจัดระเบยี บบริหารราชการสว่ นภูมิภาค หมวดท่ี 1 จงั หวดั หมวดที่ 2 อำเภอ การจดั ระเบียบบริหารราชการสว่ นทอ้ งถิน่ คณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ บังคบั ใช้ ตั้งแต่วนั ถัดจากวันประกาศในราชกจิ จานุเบกษาเป็นตน้ ไป ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายอานนั ท์ ปันยารชนุ นายกรฐั มนตรี ผรู้ ักษาการตามพระราชบญั ญตั ิ นายกรฐั มนตรี ค่มู ือเตรยี มสอบวดั ความรู้ความสามารถท่ัวไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรบั ราชการทกุ สงั กัด
ส่ิงท่คี วรรู้ [2] ผรู้ บั สนองพระบรมราชโองการ นายอานันท์ ปนั ยารชุน พระราชบญั ญัติ ฉบบั ท่ี วนั ทใ่ี หไ้ ว้ นายอานนั ท์ ปนั ยารชุน 1 (2534) 21 สิงหาคม 2534 นายชวน หลกี ภัย 2 (2535) 13 มนี าคม 2535 นายชวน หลีกภยั 3 (2536) 27 สงิ หาคม 2536 พลเอกชวลิต ยงใจยทุ ธ 4 (2543) 13 เมษายน 2543 พนั ตำรวจโททักษิณ ชินวัตร 5 (2545) 2 ตลุ าคม 2545 พลเอกสุรยทุ ธ์ จลุ านนท์ 6 (2546) 16 ตุลาคม 2546 นายอภสิ ทิ ธิ์ เวชชาชวี ะ 7 (2550) 13 กันยายน 2550 8 (2553) 3 ธนั วาคม 2553 ฉบบั ท่ี 1 พ.ศ. 2534 ตราพระราชบญั ญตั ิขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญตั แิ ห่งชาติ ฉบบั ที่ 8 พ.ศ. 2553 ตราพระราชบัญญัติข้นึ ไว้โดยคําแนะนาํ และยนิ ยอมของรัฐสภา การบรหิ ารราชการตามพระราชบัญญัตนิ ้ตี ้องเปน็ ไป ➢ เพ่อื ประโยชนส์ ุขของประชาชน ➢ เกิดผลสัมฤทธต์ิ ่อภารกิจของรฐั ➢ ความมปี ระสทิ ธภิ าพ ➢ ความคุ้มคา่ ในเชิงภารกจิ แห่งรฐั ➢ การลดขัน้ ตอนการปฏบิ ัติงาน ➢ การลดภารกจิ และยบุ เลิกหน่วยงานท่ีไมจ่ าํ เปน็ ➢ การกระจายภารกิจและทรัพยากรใหแ้ ก่ท้องถน่ิ ➢ การกระจายอํานาจตัดสินใจ ➢ การอํานวยความสะดวก ➢ การตอบสนองความตอ้ งการของประชาชน คมู่ อื เตรียมสอบวดั ความรคู้ วามสามารถทัว่ ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรบั ราชการทกุ สังกัด
[3] ❑ การจดั ระเบียบบริหารราชการแผน่ ดนิ หมายถงึ อะไร การจัดระเบียบในการปกครองประเทศ ซึ่งต้องมีองค์กรในการบรหิ ารกิจการของรัฐ โดยกำหนด ว่ามีองค์กรบริหารราชการอย่างไร ? มีหน้าทีอะไรและอำนาจความรับชอบแค่ไหน เพื่อดำเนินการบริหาร ใหเ้ ป็นไปตามนโยบายของรฐั มีจดุ มงุ่ หมายเพื่อให้บริการหรือสนองความต้องการของประชาชน ❑ การปกครองประเทศมอี ำนาจอยู่ 2 ระดบั คอื ระดับสูงสุด หรือ ระดับนโยบาย ถกู กำหนดโดยฝ่ายการเมือง ได้แก่ นายกฯ , รมว. , รมช ระดบั รองลงมา หรอื เรยี กว่าระดับปฏบิ ตั ิการ ได้แก่ ขา้ ราชการประจำในระดบั ตา่ ง ๆ ❑ หลกั อำนาจในการปกครองประเทศ มี 3 หลกั การดังนคี้ อื หลกั การรวมอำนาจปกครอง ( Centralization ) หลกั การแบ่งอำนาจการปกครอง ( Deconcentralization ) หลกั การกระจายอำนาจการปกครอง ( Decentralization ) หลกั การบริหารราชการแผน่ ดิน มี 3 หลักการดงั น้ีคอื ระเบยี บบรหิ ารราชการสว่ นกลาง ใช้หลักการรวมอำนาจปกครอง ( Centralization ) ระเบียบบรหิ ารราชการสว่ นภูมิภาค ใช้หลกั การแบ่งอำนาจการปกครอง ( Deconcentralization ) ระเบียบบรหิ ารราชการสว่ นท้องถ่นิ ใช้หลักการกระจายอำนาจการปกครอง ( Decentralization ) คู่มอื เตรยี มสอบวดั ความรคู้ วามสามารถทัว่ ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ ่านสอบรบั ราชการทุกสังกัด
[4] การจัดระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดิน ❖ ใหจ้ ัดระเบียบบริหารราชการแผน่ ดินดงั นี้ ออกขอ้ สอบบ่อย (1) ระเบยี บบริหารราชการส่วนกลาง (2) ระเบยี บบริหารราชการส่วนภูมภิ าค (3) ระเบียบบริหารราชการส่วนท้องถน่ิ การจัดระเบียบบริหารราชการแผน่ ดินแบง่ ออกเป็น 3 ส่วน ดงั นี้ 1.สว่ นกลาง 2.ส่วนภมู ิภาค 3.สว่ นท้องถิน่ ใช้หลกั รวมอำนาจหน้าที่ ใช้หลักการแบง่ อำนาจ ใช้หลกั การกระจายอำนาจ “กระทรวง ทบวง กรม” “จังหวัด อำเภอ” “อบจ. อบต. เทศบาล มฐี านะเป็นนติ บิ ุคคล กทม. เมืองพทั ยา” จงั หวัด มีฐานะ “นติ ิบุคคล” มีฐานะเปน็ “นิตบิ ุคคล” อำเภอ ไมม่ ีมีฐานะ “นติ บิ คุ คล” คมู่ อื เตรียมสอบวัดความร้คู วามสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรับราชการทุกสังกดั
[5] หมวดที่ 1 การบริหารราชการสว่ นกลาง การจัดตั้ง การรวม หรือการโอนส่วนราชการ สํานักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม ใหต้ ราเปน็ พระราชบญั ญตั ิ การเปลี่ยนชื่อส่วนราชการ ยุบส่วนราชการ สํานักนายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม ใหต้ ราเป็นพระราชกฤษฎีกา กระทรวง สำนักนายกรฐั มนตรี ทบวง กรม มีฐานะเปน็ นติ บิ คุ คล ❑ สำนกั นายกรัฐมนตรี เพยี งหน่วยงานเดยี วมีฐานะเป็นกระทรวง มีบทบาทเป็นแหล่งประสานงานระหวา่ งกระทรวงตา่ ง ๆ และงานอื่น ๆ ในระดบั ชาตดิ ว้ ย ในสำนักนายกรฐั มนตรี มนี ายกรัฐมนตรีเปน็ ผบู้ งั คบั บัญชา สว่ นราชการท่ีอยใู่ นบงั คับบญั ชาข้ึนตรงตอ่ นายกรัฐมนตรี ดงั น้ี สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนกั งบประมาณ สำนกั งานสภาความม่นั คงแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนกั งานคณะกรรมการ ข้าราชการพลเรือน สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนา ระบบราชการ สำนกั งานคณะกรรมการสง่ เสริมการลงทุน สำนักงานทรพั ยากรน้ำแหง่ ชาติ สว่ นราชการทีข่ ึ้นตรงตอ่ ปลดั สำนักนายกรฐั มนตรี ดงั นี้ สำนักงานปลดั สำนักนายกรฐั มนตรี กรมประชาสัมพันธ์ สำนกั งานคณะกรรมการคุ้มครองผบู้ รโิ ภค ❖ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจหนา้ ท่ี ➢ เก่ียวกบั ราชการทางการเมือง มีเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และรับผิดชอบในการปฏิบัติราชการขึ้นตรง ต่อนายกรัฐมนตรี และให้มีรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองและรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร เปน็ ผู้ช่วยสง่ั และปฏิบตั ิราชการและจะใหม้ ีผู้ชว่ ยเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี เปน็ ผชู้ ว่ ยส่งั และปฏบิ ัติราชการด้วยกไ็ ด้ ให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีและรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นข้าราชการการเมือง และใหร้ องเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหารและผชู้ ่วยเลขาธิการนายกรฐั มนตรีเปน็ ขา้ ราชการพลเรือนสามัญ คมู่ ือเตรียมสอบวัดความรคู้ วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรบั ราชการทกุ สงั กดั
[6] ❖ การปฏิบตั หิ น้าที่แทนนายกรฐั มนตรี ✓ เมื่อนายกรฐั มนตรีตอ้ งพ้นจากตำแหนง่ กอ่ นวาระ เพราะว่า นายกรัฐมนตรี 1. ตาย 2. ขาดคุณสมบตั ิ 3. ตอ้ งคำพิพากษาใหจ้ ำคกุ 4. สภาผู้แทนราษฎรมีมตไิ มไ่ ว้วางใจ 5. ศาลรฐั ธรรมนญู วนิ จิ ฉัยว่าความเปน็ รัฐมนตรขี องนายกรฐั มนตรีสิน้ สดุ ลง 6. วุฒิสภามีมติใหถ้ อดถอนจากตำแหน่ง ✓ ให้คณะรัฐมนตรีมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรัฐมนตรี ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ใหค้ ณะรัฐมนตรมี อบหมายใหร้ ฐั มนตรคี นใดคนหนึ่งเปน็ ผู้ปฏบิ ตั หิ นา้ ทแ่ี ทน คมู่ ือเตรยี มสอบวัดความรู้ความสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรับราชการทุกสังกดั
[7] ❑ กระทรวง กระทรวงเปน็ หนว่ ยงานของข้าราชการส่วนกลางที่ใหญ่ท่ีสดุ ในแต่ละกระทรวงมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ และกำหนดนโยบายของ กระทรวง ใหส้ อดคลอ้ งกบั นโยบายท่คี ณะรฐั มนตรกี ำหนดอนมุ ตั ิและรับผิดชอบในการปฏบิ ตั ริ าชการของกระทรวง มีรฐั มนตรีว่าการกระทรวงเป็นผู้บังคับบญั ชาสูงสุด ปลดั กระทรวงซ่ึงเปน็ ข้าราชการประจำสูงสุดในกระทรวงเปน็ ผู้บังคบั บญั ชาข้าราชการ ส่วนราชการของกระทรวงมหี นา้ ท่ีและความรบั ผิดชอบ ดงั นี้ 1) สำนักงานเลขานุการรฐั มนตรี 2) สำนักงานปลัดกระทรวง มีฐานะเป็นกรม หน่วยงานระดับกระทรวงปัจจุบันตาม พ.ร.บ. ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 ปจั จุบนั มี 20 กระทรวง ประเดน็ สำคัญ การกระจายภาระงานของข้าราชการกระทรวง ดังน้ี √ รัฐมนตรวี ่าการกระทรวง =>เลขานกุ ารรฐั มนตรี=>ขา้ ราชการการเมือง √ รฐั มนตรวี า่ การกระทรวง=>ปลัดกระทรวง=>ข้าราชการประจำ ปจั จบุ ันประเทศไทยมีกระทรวงหรือเทยี บเทา่ จำนวนท้ังสิน้ 20 กระทรวง พ.ศ. 2562 – ปัจจุบัน ได้มีการยุบรวมกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานคณะกรรมการ การอุดมศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เข้าด้วยกันและจัดตั้งเป็น กระทรวงใหม่ คือ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจยั และนวัตกรรม 1. สำนักนายกรฐั มนตรี (มีฐานะเทยี บเท่ากระทรวง) 11. กระทรวงพลงั งาน 2. กระทรวงกลาโหม 12. กระทรวงพาณิชย์ 3. กระทรวงการคลัง 13. กระทรวงมหาดไทย 4. กระทรวงการตา่ งประเทศ 14. กระทรวงยุตธิ รรม 5. กระทรวงการท่องเทยี่ วและกีฬา 15. กระทรวงแรงงาน 6. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนษุ ย์ 16. กระทรวงวฒั นธรรม 7. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 17. กระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม 8. กระทรวงคมนาคม 18. กระทรวงศกึ ษาธกิ าร 9. กระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม 19. กระทรวงสาธารณสขุ 10. กระทรวงดิจทิ ัลเพอื่ เศรษฐกจิ และสังคม 20. กระทรวงอตุ สาหกรรม คมู่ ือเตรยี มสอบวดั ความรคู้ วามสามารถทวั่ ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรับราชการทกุ สงั กัด
[8] ❖ ใหจ้ ดั ระเบยี บราชการของกระทรวง ดังนี้ (1) สํานกั งานรฐั มนตรี (ไมไ่ ด้มฐี านะเปน็ กรม) (2) สาํ นกั งานปลัดกระทรวง (3) กรม หรือส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่น เว้นแต่บางกระทรวงเหน็ ว่าไม่มีความจำเป็นจะไม่แยกสว่ น ราชการตัง้ ขนึ้ เป็นกรมกไ็ ด้ ใหส้ ว่ นราชการตาม (2) และส่วนราชการท่ีเรียกช่ืออย่างอน่ื ตาม (3) มีฐานะเป็นกรม **ขอ้ สอบออกบอ่ ย สำนกั ปลดั กระทรวงมีฐานะเปน็ กรม * ส่วนสำนกั งานรัฐมนตรมี ีฐานะเปน็ สว่ นราชการเทา่ นนั้ * ❑ ทบวง (ปจั จุบันไม่มีทบวง) ❑ กรม เป็นหน่วยงานราชการขนาดกลางรับผิดชอบงานด้านใดด้านหนึ่งของรัฐแยกย่อยจากกระทรวง หรอื ทบวง กรมอาจสังกัดสำนกั นายกรัฐมนตรี สังกัดกระทรวง ทบวง หรือเปน็ กรมอสิ ระก็ได้ อธบิ ดกี รมเปน็ ผ้บู ังคบั บัญชาสูงสดุ ของ ขา้ ราชการประจำ การแบ่งส่วนราชการสำนักงานรฐั มนตรี กรม หรอื ส่วนราชการท่เี รียกชือ่ อยา่ งอืน่ และมีฐานะเป็นกรม ดำเนนิ การ ดำเนินการดังนี้ การดำเนนิ การ ตราเป็นกฎหมาย หมายเหตุ การแบง่ สว่ นราชการ กฎกระทรวง 1.ระบอุ ำนาจหนา้ ท่ีของแต่ละส่วนราชการไว้ใน ระดบั กรม โดยรัฐมนตรีของ กฎกระทรวง สว่ นราชการนนั้ เปน็ ออกฯ 2.ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษาแล้วใช้บงั คับได้ คู่มือเตรยี มสอบวดั ความรคู้ วามสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรบั ราชการทุกสงั กดั
[9] ❖ ส่วนราชการท่ีเรียกชื่ออยา่ งอื่นและมีฐานะเป็นกรม จะมีเลขาธิการ ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอ่ืนซึ่งเทียบเท่าปลัดกระทรวงหรืออธิบดีเป็น ผูบ้ ังคบั บญั ชาข้าราชการ รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของส่วนราชการนั้นให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และจะให้มีรอง เลขาธิการ รองผู้อำนวยการหรือตำแหน่งรองของตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นหรือผู้ช่วยเลขาธิการ ผู้ช่วยผู้อำนวยการหรือตำแหน่งผู้ช่วยของตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่น หรือมีทั้งรองเลขาธิการ และผู้ช่วย เลขาธิการหรือทั้งรองผู้อำนวยการและผู้ช่วยอำนวยการ หรือทั้งตำแหน่งรองและตำแหน่งผู้ช่วยของ ตำแหน่งท่ี เรียกช่ืออยา่ งอ่นื เปน็ ผบู้ งั คบั บัญชาข้าราชการ และช่วยปฏิบตั ริ าชการแทนกไ็ ด้ การจัดระเบยี บราชการในกรม กรม (มฐี านะนติ บิ คุ คล) ซึ่งสังกดั หรือไมส่ ังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรอื ทบวงอาจแบง่ ส่วน ราชการดงั น้ี 1. กรมซง่ึ อยใู่ นสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงหรือทบวง 2. กรมซง่ึ ไมไ่ ด้อย่ใู นสงั กัดสำนกั นายกรฐั มนตรี กระทรวงหรอื ทบวง เชน่ มลู นิธิเพื่อการวจิ ัยและพฒั นาระบบยา สำนกั งานคณะกรรมการปอ้ งกันและปราบปรามการทจุ ริตแหง่ ชาติ ศาลอาญา สำนกั ราชเลขาธิการ สำนักงานพระพทุ ธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานเลขาธกิ ารวุฒสิ ภา สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกจิ การกระจายเสยี ง กจิ การโทรทัศน์ และกจิ การโทรคมนาคมแห่งชาติ สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศาลแพ่ง สำนักงานคณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สภากาชาด สถาบนั พระปกเกลา้ คมู่ อื เตรียมสอบวดั ความรคู้ วามสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรับราชการทุกสังกดั
[10] สำนกั งานคณะกรรมการพเิ ศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สำนกั งานทรพั ย์สินส่วนพระมหากษัตรยิ ์ สำนักพระราชวัง สำนกั งานศาลปกครอง สำนักงานราชบณั ฑติ ยสภา (ราชบณั ฑติ ยสถาน) สำนักงานอยั การสงู สุด ศาลอทุ ธรณ์ สำนักงานศาลยตุ ิธรรม สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร สำนกั งานคณะกรรมการวิจยั แห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลกั ทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) สำนกั งานการตรวจเงนิ แผน่ ดิน คมู่ อื เตรียมสอบวดั ความรู้ความสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ ่านสอบรบั ราชการทุกสังกัด
[11] การปฏิบตั ริ าชการแทนและการรักษาราชการแทน การรักษาราชการแทน คือ กรณีที่ผู้บังคับบัญชาไม่มีหรือมีแต่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ (แตไ่ มบ่ งั คบั ใช้หน่วยงานท่เี ก่ยี วขอ้ งกับทหาร) ระดับกระทรวง 1.รัฐมนตรวี า่ การกระทรวง 2.รัฐมนตรชี ว่ ยว่าการกระทรวง 3.ถ้าไม่มีตำแหนง่ 1 และ 2 ใหค้ ณะรฐั มนตรมี อบหมายให้รัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งรกั ษาราชการแทน สำนักนายกรฐั มนตรี 1.เลขานุการรฐั มนตรี 2.ผชู้ ่วยเลขานกุ ารรฐั มนตรี 3.ถา้ ไม่มีตำแหน่ง 2 ใหร้ ฐั มนตรแี ตง่ ต้งั ขา้ ราชการคนใดคนหนึ่งรักษาราชการแทน สำนกั งานปลัดกระทรวง 1.ปลัดกระทรวง 2.รองปลดั กระทรวง 3.ถ้าไม่มตี ำแหน่ง 2 ให้รัฐมนตรแี ตง่ ต้ังขา้ ราชการในกระทรวงไมต่ ำ่ กว่าอธบิ ดีหรือเทียบเท่ารักษาราชการแทน ระดับกรม 1.อธบิ ดกี รม 2.รองอธิบดกี รม 3.หวั หนา้ สว่ นราชการอ่นื ๆ ตามลำดบั อาวโุ สราชการ ปฏิบัติราชการแทน หมายถึง การที่ผู้บังคับบัญชามอบอำนาจในการบริหารราชการให้แก่ ผู้ใต้บังคับบัญชาปฏิบัติราชการแทน ไม่ว่าจะเป็นการสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ หรือการดำเนินการ ใด ๆ ที่มีผลผูกพันตามกฎหมาย โดยที่ผู้นั้น (ผู้มอบอำนาจ) ยังคงดำรงตำแหน่งและยังปฏิบัติหนาที่อยู่ และผู้ที่ได้รับมอบอำนาจนั้นจะปฏิบัติหนาที่แทนได้เฉพาะเรื่อง (และตามสวนของอำนาจ) ที่ได้รับมอบ อำนาจเท่านนั้ ท้ังน้ีผมู้ อบอำนาจยงั มีอำนาจที่มอบให้ไปน้ันอยู่เช่นเดิม มิได้สูญเสียอำนาจท่ีมอบให้ไป แต่ประการใดทัง้ สน้ิ เช่น ปลดั กระทรวงมอบอำนาจให้รองปลดั กระทรวงคนที่ 1 มีอำนาจรับผดิ ชอบงานบรหิ ารงาน นโยบายและยุทธศาสตร์ก็จะใช้อำนาจในการการสั่งการ การอนุญาต การอนุมัติ หรือการดำเนินการใด จำกดั ตามส่วนแหง่ อำนาจในงานบริหารงานนโยบายและยุทธศาสตร์เทา่ นน้ั ค่มู อื เตรยี มสอบวัดความรูค้ วามสามารถทัว่ ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรับราชการทุกสงั กดั
[12] ❖ การบงั คบั บญั ชาและการบริหารราชการในต่างประเทศ 1. นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารฐั บาล คณะรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง กรม มาปฏบิ ัตกิ ารให้ เหมาะสม กับการปฏิบัติราชการในต่างประเทศและเป็นหัวหนา้ บังคับบัญชาบุคคลในคณะผู้แทนและจะให้มีรอง หัวหนา้ คณะผูแ้ ทนเป็นผูช้ ว่ ยสงั่ และปฏิบัติราชการแทนหัวหน้าคณะผแู้ ทนก็ได้ 2. การสั่งและการปฏิบัติราชการของกระทรวง ทบวง กรม ต่อบุคคลในคณะผู้แทนให้เป็นไปตามระเบียบ ทีค่ ณะรฐั มนตรีกำหนด 3. หัวหน้าคณะผู้แทนอาจมอบอำนาจให้บุคคลในคณะผู้แทนปฏิบัติราชการแทนตามระเบียบ ทคี่ ณะรัฐมนตรีกำหนด 4. ในกรณีที่ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าคณะผู้แทน หรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้รองหัวหน้า คณะผแู้ ทนรักษาราชการแทน ในกรณที ไี่ ม่มีรองหัวหน้าคณะผู้แทนท่ีจะรักษาราชการแทนหรอื ไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งใดอันเป็นบุคคล ในคณะผู้แทน หรือมแี ตบ่ ุคคลดังกลา่ วไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ให้การรกั ษาราชการแทนหัวหน้าคณะผู้แทน หรอื ผู้ดำรงตำแหน่งใดอนั เป็นบคุ คลในคณะผู้แทน เป็นไปตามระเบยี บที่คณะรัฐมนตรกี ำหนด *ความในขอ้ ที่ 1-4 ไม่ใช้บังคับกบั ขา้ ราชการฝา่ ยทหารประจำการในตา่ งประเทศ* คู่มอื เตรียมสอบวดั ความรูค้ วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ ่านสอบรับราชการทกุ สังกดั
[13] แนวขอ้ สอบ พ.ร.บ.บรหิ ารราชการแผน่ ดิน 1. ผู้ใดรกั ษาการตาม พระราชบัญญัตริ ะเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 ก. นายกรฐั มนตรี ข. คณะรัฐมนตรี ค. ปลดั กระทรวง ง. องคมนตรี 2. พระราชบัญญตั ิระเบียบบริหารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ฉบับลา่ สดุ คือฉบับทเ่ี ทา่ ใด ก. ฉบบั ที่ 5 ข. ฉบับที่ 6 ค. ฉบับท่ี 7 ง. ฉบับที่ 8 3. ขอ้ ใดกล่าวไม่ถกู ต้องเกี่ยวกบั หลกั การในการบรหิ ารราชการแผ่นดินของประเทศไทย ก. รวมอาํ นาจ ข. แบง่ อํานาจ ค. กระจายอํานาจ ง. การควบรวมอำนาจ 4. การบริหารราชการตามพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 ตอ้ งเป็นไปเพ่ือส่งิ ใด ก. เพื่อประโยชนส์ ุขของประชาชน ข. เกิดผลสมั ฤทธต์ิ อ่ ภารกิจของรัฐ ค. การกระจายภารกิจและทรัพยากรให้แก่ท้องถน่ิ ง. ถกู ทุกข้อ 5. การบรหิ ารราชการแผ่นดิน แบ่งออกเป็นกส่ี ่วน ก. 2 สว่ น ข. 3 สว่ น ข. 4 ส่วน ง. 5 สว่ น 6. ใหจ้ ัดระเบยี บบริหารราชการแผน่ ดินตามข้อต่อไปนี้ ยกเวน้ ก. ระเบยี บบริหารราชการส่วนกลาง ข. ระเบยี บบริหารราชการส่วนภูมิภาค ค. ระเบยี บบริหารราชการส่วนท้องท่ี ง. ระเบียบบริหารราชการสว่ นทอ้ งถ่ิน คู่มอื เตรยี มสอบวัดความร้คู วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรับราชการทุกสงั กัด
[14] 7. ขอ้ ใดกลา่ วไม่ถูกต้อง ก. ระดบั กระทรวง : สำนักนายกรัฐมนตรี ข. ระดบั ภมู ภิ าค : องค์การบริหารสว่ นจังหวดั ค. ระดบั ท้องถนิ่ : กรุงเทพมหานคร ง. ระดับภูมิภาค : จงั หวัด 8. การจัดระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนกลางให้จดั ตามข้อต่อไปนี้ ยกเว้น ก. สำนกั นายกรัฐมนตรี ข. สำนักงานกระทรวง ค. กระทรวง หรือทบวงซ่งึ มฐี านะเทยี บเท่ากระทรวง ง. กรม หรอื สว่ นราชการทเี่ รียกชอื่ อยา่ งอนื่ และมฐี านะเปน็ กรม 9. สำนกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง และกรมมฐี านะเปน็ ไปตามข้อใด ก. สำนักงาน ข. นติ บิ ุคคล ค. สว่ นราชการ ง. หนว่ ยงานของรัฐ 10. การจดั ตงั้ การรวม หรือการโอนสว่ นราชการไดแ้ ก่ สำนกั นายกรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง และกรม ให้ตราเป็น ก. ข้อบัญญัติ ข. พระราชบัญญัติ ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง 11. การยบุ สว่ นราชการไดแ้ ก่ สำนกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง และกรม ใหต้ ราเป็น ก. ข้อบัญญตั ิ ข. พระราชบัญญัติ ค. พระราชกฤษฎีกา ง. กฎกระทรวง 12. สำนกั นายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าทต่ี ามที่กำหนดไวใ้ นกฎหมายตามข้อใด ก. พระราชบัญญตั ิ ข. กฎทบวง ค. พระราชกฤษฎกี า ง. กฎหมายวา่ ด้วยการปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม คมู่ อื เตรียมสอบวัดความรูค้ วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรับราชการทกุ สังกัด
[15] 13. สำนักนายกรฐั มนตรีมผี ู้ใดเปน็ ผ้บู ังคบั บัญชาขา้ ราชการและกำหนดนโยบายของสำนักนายกรัฐมนตรี ใหส้ อดคล้องกับนโยบายท่ีคณะรฐั มนตรกี ำหนดหรืออนุมัติ ก. ปลัดกระทรวง ข. รัฐมนตรี ค. นายกรัฐมนตรี ง. คณะรฐั มนตรี 14. นายกรฐั มนตรใี นฐานะหัวหน้ารัฐบาลมีอำนาจหน้าที่ ยกเวน้ ขอ้ ใด ก. กำกับโดยท่วั ไปซ่งึ การบริหารราชการแผน่ ดนิ ข. บงั คบั บญั ชาขา้ ราชการฝา่ ยบรหิ ารทกุ ตำแหน่งซึ่งสังกัดกระทรวง ทบวง กรม ค. ส่งั ให้ข้าราชการซ่งึ สงั กัดกระทรวง ทบวง กรมหนึ่งมาปฏบิ ัตริ าชการสำนักนายกรัฐมนตรี ง. เรียกประชมุ รฐั สภา 15. บุคคลตามข้อใด ไม่ไดเ้ ปน็ ขา้ ราชการการเมือง ก. เลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี ข. รองเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรฝี า่ ยการเมือง ค. เลขานกุ ารรัฐมนตรี ง. เลขาธิการคณะรฐั มนตรี 16. สำนักเลขาธิการนายกรฐั มนตรี มผี ้ใู ดเปน็ ผบู้ ังคบั บัญชาข้าราชการ ก. รฐั มนตรี ข. คณะรัฐมนตรี ค. นายกรัฐมนตรี ง. เลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี 17. เลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี รองเลขาธกิ ารคณะรัฐมนตรี และผู้ช่วยเลขาธกิ ารคณะรฐั มนตรี เปน็ ข้าราชการ พลเรอื นสามญั ก. ขา้ ราชการกรม ข. ขา้ ราชการระดับสูง ค. ขา้ ราชการพลเรือน ง. ข้าราชการพลเรอื นสามัญ คมู่ อื เตรียมสอบวัดความร้คู วามสามารถท่ัวไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรบั ราชการทกุ สังกดั
[16] 18. เมือ่ นายกรฐั มนตรีต้องพน้ จากตำแหนง่ ก่อนวาระ เพราะตาย ขาดคุณสมบตั ิ ต้องคำพิพากษาให้จำคุก สภาผ้แู ทนราษฎรมมี ตไิ มไ่ วว้ างใจ ใหค้ ณะรัฐมนตรมี อบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่ง ทำหนา้ ที่ตามข้อใด ก. ปฏิบัติหน้าท่ีแทน ข. รกั ษาการในตำแหนง่ ค. รักษาราชการแทน ง. รกั ษาการแทน 19. การจัดระเบยี บราชการของกระทรวงให้จดั ตามข้อตอ่ ไปนี้ ยกเว้น ก. สำนักงานเลขานุการรฐั มนตรี ข. สำนักงานปลดั กระทรวง ค. กรม หรือส่วนราชการทเ่ี รียกชอ่ื อย่างอน่ื ง. สำนักงานขา้ ราชการ 20. ในกระทรวงใหม้ ีปลัดกระทรวงตามจำนวนในข้อใด ก. คนหน่ึง ข. สองคน ค. สามคน ง. จำนวนท่เี หมาะสม 21. ใครเป็นผู้บงั คบั บัญชาขา้ ราชการและกำหนดนโยบายของกระทรวง ก. รัฐมนตรี ข. ปลดั กระทรวง ค. เลขานุการรัฐมนตรี ง. อธบิ ดี 22. ใครเปน็ ข้าราชการประจำสงู สุดในกระทรวง ก. รฐั มนตรี ข. ปลดั กระทรวง ค. เลขานุการรฐั มนตรี ง. อธบิ ดี 23. ในปจั จบุ ันประเทศไทยมีก่ีกระทรวง ก. 18 กระทรวง ข. 19 กระทรวง ค. 20 กระทรวง ง. 22 กระทรวง คูม่ อื เตรยี มสอบวัดความรูค้ วามสามารถทัว่ ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรับราชการทุกสังกดั
[17] 24. หนว่ ยงานใดไม่ไดม้ ีฐานะเปน็ กรม ก. สำนักงานปลัดกระทรวง ข. สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน ค. สำนักงานรฐั มนตรี ง. สำนักงานคณะกรรมการอาชีวศกึ ษา 25. หนว่ ยงานใดมอี ำนาจหนา้ ทเี่ กี่ยวกบั ราชการประจำทวั่ ไปของกระทรวง และราชการท่ีคณะรฐั มนตรมี ิได้ กำหนดให้เปน็ หน้าที่ของกรมใดกรมหนึง่ ในสังกัดกระทรวงโดยเฉพาะ ก. สำนกั งานปลัดกระทรวง ข. สำนกั งานปลดั ทบวง ค. สำนักงานปลัดสำนักนายกรฐั มนตรี ง. สำนักงานขา้ ราชการพลเรือน 26. ใครเปน็ ผบู้ งั คบั บัญชาสูงสดุ ในระดับกรม ก. รัฐมนตรี ข. ปลดั กระทรวง ค. เลขานุการรฐั มนตรี ง. อธิบดี 27. เลขาธกิ าร กพฐ. เทยี บเท่าตำแหน่งใด ก. รัฐมนตรี ข. ปลดั กระทรวง ค. เลขานุการรัฐมนตรี ง. อธิบดี 28. หน่วยงานในข้อใดไมไ่ ด้อยูใ่ นสงั กัดสำนกั นายกรฐั มนตรี กระทรวงหรือทบวง ก. สำนักงานตำรวจแหง่ ชาติ ข. สำนักงานขา้ ราชการพลเรือน ค. กรมประชาสัมพันธ์ ง. กรมการขนสง่ ทางราง 29. การแบ่งสว่ นราชการระดบั กรม ให้ตราเป็น ก. ข้อบัญญัติ ข. พระราชบัญญตั ิ ค. พระราชกฤษฎกี า ง. กฎกระทรวง คู่มอื เตรียมสอบวัดความรู้ความสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรับราชการทกุ สังกัด
[18] 30. สำนกั งานตำรวจแห่งชาติ จะแบง่ สว่ นราชการตามข้อใด ก. แบ่งสว่ นราชการตามนายกรัฐมนตรี ข. แบง่ สว่ นราชการตามกฎทบวง ค. แบง่ สว่ นราชการตามกฎกระทรวง ง. แบง่ ส่วนราชการให้เหมาะสมกบั ราชการของตำรวจ 31. ให้ผรู้ กั ษาราชการแทนตามความในพระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ.2534 มีอำนาจ หน้าท่ตี ามข้อใด ก. ตำ่ กว่าผ้ซู ่ึงตนแทน ข. เช่นเดยี วกบั ผู้ซงึ่ ตนแทน ค. เหนือกว่าผซู้ ึ่งตนแทน ง. แลว้ แตง่ านท่ีรับมาปฏิบัติ 32. ในกรณีทีน่ ายกรฐั มนตรีไม่อาจปฏิบัติราชการได้ ใหร้ องนายกรฐั มนตรีเป็นผู้รักษาราชการแทน ถ้ามรี อง นายกรฐั มนตรหี ลายคน ให้คณะรัฐมนตรมี อบหมายให้รองนายกรัฐมนตรคี นใดคนหนึ่งเป็นผู้รกั ษาราชการ แทน ถ้าไม่มีผู้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีหรือมีแต่ไม่อาจปฏิบัตริ าชการได้ ให้คณะรฐั มนตรี มอบหมายให้ผใู้ ดเป็นผู้รกั ษาราชการแทน ก. รัฐมนตรีคนใดคนหนง่ึ ข. ปลดั กระทรวง ค. อธบิ ดกี รม ง. ข้าราชการระดับสูง คู่มือเตรียมสอบวดั ความรู้ความสามารถท่วั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ ่านสอบรับราชการทุกสังกัด
[19] ไฟลป์ ระกอบการเรียนออนไลน์ ครง้ั ที่ 1 วิชากฎหมายข้าราชการทด่ี ี เรือ่ ง พระราชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ารราชการแผ่นดนิ พ.ศ. 2534 และทแ่ี ก้ไขเพม่ิ เตมิ ถึง (ฉบบั ที่ 8) พ.ศ. 2553 ส่วนท่ี 2 การบรหิ ารราชการสว่ นภูมิภาค ❖ ใหจ้ ดั ระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนภมู ิภาค ดังน้ี 1.จังหวดั (มฐี านะเป็นนิตบิ ุคคล) 2. อำเภอ (ไมม่ ีมีฐานะเป็นนิตบิ ุคคล) **ออกขอ้ สอบบ่อย** **ในปัจจุบนั ประเทศไทยมี 878 อำเภอใน 76 จงั หวดั ซ่งึ ไม่รวม 50 เขตของกรงุ เทพมหานคร** ค่มู อื เตรียมสอบวดั ความรูค้ วามสามารถท่วั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรับราชการทุกสังกัด
[20] การบริหารราชการส่วนภูมิภาค หมายถึง ราชการของกระทรวง ทบวง กรม ต่าง ๆ ซึ่งได้แบ่งแยก ออกไปดำเนินการจัดทำตามเขตการปกครองของประเทศ (ได้แก่จังหวัดและอำเภอ ปัจจุบันมี 76 จังหวัด 878 อำเภอ ) เพือ่ สนองความต้องการของประชาชนในเขตการปกครองน้ัน ๆ โดยมเี จา้ หนา้ ทขี่ องราชการส่วนกลาง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งออกไปประจำตามเขตการปกครองต่าง ๆ ในส่วนภูมิภาคเพื่อบริหารราชการภายในการบงั คับ บญั ชาของราชการส่วนกลาง ❑ จังหวดั จงั หวดั เป็นหนว่ ยการปกครองในสว่ นภูมภิ าคท่ีใหญท่ ่สี ดุ จังหวัดประกอบด้วยอำเภอหลายๆ อำเภอ จังหวัดมฐี านะเปน็ นิตบิ ุคคล การจัดตัง้ ยบุ เปลี่ยนแปลงเขตจงั หวัด ต้องตราเป็นพระราชบญั ญตั ิ ในจังหวัดหนึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดคนหนึ่งเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการ ในจังหวดั และรับผิดชอบงานบริหารราชการของจังหวดั ปจั จบุ นั มี 76 จังหวัด ไมน่ ับกรุงเทพมหานคร ในจังหวัดหน่ึงให้มีคณะกรรมการจงั หวดั ทำหน้าทีเ่ ปน็ ที่ปรึกษาของผู้วา่ ราชการจังหวัดในการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ในจังหวัดนน้ั กับปฏิบตั ิหนา้ ทอี่ ื่นตามที่ กฎหมายหรือมติของคณะรัฐมนตรกี ำหนด คณะกรรมการจงั หวดั ประกอบด้วย (7 คน) 1. ผู้ว่าราชการจงั หวัดเปน็ ประธาน (ออกขอ้ สอบบอ่ ย) 2. รองผู้วา่ ราชการจงั หวดั 1 คน ตามทผ่ี ู้ว่าราชการจังหวดั มอบหมาย 3. ปลดั จังหวัด 4. อยั การจังหวดั ซงึ่ เปน็ หัวหน้าท่ีทำการอัยการจังหวดั 5. ผบู้ ังคับการตำรวจภธู รจงั หวดั 6. หัวหนา้ สว่ นราชการประจำจงั หวดั จากกระทรวงและทบวงต่างๆ เวน้ แต่กระทรวงมหาดไทยซงึ่ ประจำอยู่ ในจงั หวัด กระทรวง หรอื ทบวงละ 1 คน เป็นกรมการจังหวดั 7. หัวหน้าสำนักงานจงั หวัดเป็นกรมการจงั หวัดและเลขานุการ (*ออกขอ้ สอบบอ่ ย ตำแหนง่ ใดเปน็ เลขาฯ) ➢ ถ้ากระทรวงหรือทบวงมีหัวหน้าส่วนราชการประจำซึ่งกรมต่าง ๆ ในกระทรวงหรือทบวงน้ัน ส่งมาประจำอยู่ในจังหวัดมากกว่า 1 คน ให้ปลัดกระทรวงหรือปลัดทบวงกำหนดให้หัวหน้า สว่ นราชการประจำจังหวัด 1 คน เปน็ ผู้แทนของกระทรวงหรอื ทบวงในคณะกรรมการจังหวัด ➢ ในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อผู้ว่าราชการจังหวัดเห็นสมควรจะแต่งตั้งให้หัวหน้าส่วนราชการ ประจำ จังหวัดซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในราชการส่วนภูมิภาคคนหนึ่งหรือหลายคนเปน็ กรมการจังหวดั เพม่ิ ขน้ึ เฉพาะการ ปฏบิ ัติหนา้ ที่ใดหน้าทห่ี นง่ึ กไ็ ด้ คู่มือเตรยี มสอบวดั ความรู้ความสามารถท่ัวไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรับราชการทุกสังกดั
[21] ใหม้ ีคณะกรรมการธรรมาภิบาลจงั หวัด หน่งึ เรียก โดยย่อว่า“ก.ธ.จ.”(ยกเวน้ กรุงเทพมหานคร) ➢ ทำหน้าที่สอดส่องและเสนอแนะการปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานของรัฐในจังหวัด ให้ใช้วิธีการ บรหิ ารกจิ การบา้ นเมืองทดี่ ีและเป็นไปตามหลักการทกี่ ำหนดไว้ในมาตรา 3/1 ➢ มาตรา 3/1 การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เกิดผลสัมฤทธ์ิตอ่ ภารกจิ ของรัฐ ความมีประสทิ ธภิ าพ ความคมุ้ คา่ ในเชงิ ภารกจิ แหง่ รฐั การลดข้นั ตอน การปฏิบัติงานการลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานที่ไม่จำเป็น การกระจายภารกิจและทรัพยากร ใหแ้ ก่ท้องถน่ิ การกระจายอำนาจตัดสินใจ การอำนวยความสะดวก และการตอบสนองความต้องการ ของประชาชน ทัง้ น้ีโดยมีผู้รับผิดชอบตอ่ ผลของงาน ➢ การจัดสรรงบประมาณ และการบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ต้อง คำนงึ ถึงหลักการตามวรรคหนงึ่ ➢ ในการปฏิบัติหน้าที่ของส่วนราชการ ต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีโดยเฉพาะอย่างย่ิง ให้คำนึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การตดิ ตาม ตรวจสอบและประเมนิ ผลการปฏบิ ัตงิ าน ทง้ั นี้ ตามความเหมาะสมของแต่ละภารกิจ ➢ เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรานี้ จะตราพระราชกฤษฎีกากำหนด หลักเกณฑ์ และวธิ กี ารในการปฏบิ ัติราชการและการส่งั การให้ส่วนราชการและขา้ ราชการปฏบิ ัติก็ได้ ❑ อำเภอ อำเภอคอื หนว่ ยราชการบริหารส่วนภมู ิภาครองจากจงั หวัด *** อำเภอไม่มีฐานะเป็นนติ บิ ุคคล *** การจดั ต้ัง ยุบ และเปลยี่ นแปลงเขตอำเภอ กระทำได้โดยการตราเป็นพระราชกฤษฎีกา ในอำเภอหนึ่งมีนายอำเภอคนหนึ่งเป็นหัวหน้าปกครองบังคับบัญชาบรรดาข้าราชการในอำเภอ และรับผิดชอบงานบริหารราชการของอำเภอ ปจั จุบนั ประเทศไทยมี 878 อำเภอ ❑ ก่ิงอำเภอ (ขณะนีป้ ระเทศไทยจงึ ไม่มีเขตการปกครองในระดับก่งิ อำเภอ) คูม่ ือเตรียมสอบวดั ความรู้ความสามารถท่ัวไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรับราชการทกุ สังกัด
[22] ❑ ตำบล ตำบลไม่เป็นการบริหารส่วนภูมิภาคตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2534 แต่เปน็ การบรหิ ารราชการในสว่ นภมู ิภาคตามพระราชบัญญตั ลิ กั ษณะปกครองท้องท่ี พ.ศ.2457 ตำบล ประกอบด้วยหม่บู ้านหลายๆ หมบู่ า้ น ไมม่ ีฐานะเปน็ นติ บิ ุคคล การจัดตั้งตำบลใหม่ตามหลักเกณฑ์โดยออกเป็นประกาศกระทรวงมหาดไทยจัดตั้งตำบลขึ้น และประกาศในราชกิจจานเุ บกษาตอ่ ไป ❑ หมบู่ า้ น ปจั จุบันประเทศไทยมีหมบู่ า้ น 75,086 หมบู่ ้าน ในเทศบาลเมอื งหรือเทศบาลนครจะไมม่ หี มบู่ า้ น แต่จะเรยี กวา่ \"ชมุ ชน\" แทน ในหมู่บ้านหนึ่ง ให้มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง และมีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง หมู่บ้านละสองคน เวน้ แต่หมู่บ้านใดมีความจำเปน็ ต้องมีมากกว่าสองคน ให้ขออนุมัตกิ ระทรวงมหาดไทย การรักษาราชการแทน ระดับจงั หวดั 1.ผู้วา่ ราชการจงั หวดั 2.รองผู้วา่ ราชการจังหวดั 3.ผ้ชู ่วยผวู้ า่ ราชการจังหวดั 4.ปลดั จังหวัด (ปลัดอาวโุ ส และปลดั คนอื่น ๆตามลำดบั ) 5.หวั หนา้ ส่วนราชการจังหวัดตามลำดบั อาวโุ สราชการ ระดบั อำเภอ 1.นายอำเภอ 2.ปลัดอำเภอ (อาวโุ ส) 3.ปลดั อำเภอหรือหวั หนา้ สว่ นราชการตามลำดับอาวุโสราชการ คู่มอื เตรียมสอบวดั ความรูค้ วามสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ ่านสอบรับราชการทกุ สังกัด
[23] แนวข้อสอบ 1. การจดั ระเบียบบริหารราชการส่วนภมู ภิ าคแบง่ สว่ นราชการตามข้อใด ก. จังหวัด ข. อำเภอ ค. ตำบล ง. ข้อ ก. และ ข้อ ข.ถูก 2. ใหร้ วมท้องท่ีหลาย ๆ อำเภอตั้งขึน้ เป็นจังหวดั มฐี านะตามข้อใด ก. สำนกั งานอำเภอ ข. นติ บิ ุคคล ค. ส่วนราชการอำเภอ ง. หน่วยงานของรัฐ 3. หน่วยงานใดไม่ได้มฐี านะเป็นนติ ิบคุ คล ข. จังหวดั ยะลา ก. จงั หวัดอุบลราชธานี ง. อำเภอหาดใหญ่ ค. กรุงเทพมหานคร 4. การต้ัง ยบุ และเปลย่ี นแปลงเขตจังหวดั ใหต้ ราเป็น ก. กฎทบวง ข. พระราชบัญญัติ ค. พระราชกฤษฎกี า ง. กฎกระทรวง 5. ในจังหวัดหน่ึงใหม้ ผี ูใ้ ด ทำหน้าทเ่ี ป็นท่ีปรึกษาของผวู้ า่ ราชการจังหวัดในการบริหารราชการแผ่นดนิ ใน จังหวดั น้นั กับปฏบิ ัตหิ นา้ ท่อี ่ืนตามทีก่ ฎหมายหรือมติของคณะรัฐมนตรีกำหนด ก. ปลัดจงั หวัด ข. เลขารองผวู้ า่ ราชการจังหวัด ค. คณะกรรมการจังหวัด ง. รองผ้วู ่าราชการจังหวดั 6. ผใู้ ดทำหน้าทเ่ี ป็นประธานคณะกรมการจังหวัด ข. หวั หนา้ สำนักงานจงั หวดั ก. ปลัดจงั หวดั ง. รองผวู้ ่าราชการจังหวัด ค. ผวู้ ่าราชการจังหวดั 7. ผ้วู า่ ราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และผูช้ ่วยผวู้ ่าราชการจังหวดั สงั กดั กระทรวงใด ก. กระทรวงมหาดไทย ข. กระทรวงกลาโหม ค. ขน้ึ ตรงต่อนายกรฐั มนตรี ง. สำนกั งานปลัดกระทรวง 8. ผู้ใดมีหนา้ ที่กำกับดูแลการปฏิบัติราชการอันมิใชร่ าชการส่วนภูมิภาคของข้าราชการซึ่งประจำอยู่ในจังหวัด น้นั ยกเว้นขา้ ราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายตุลาการ ข้าราชการฝ่ายอยั การ ข้าราชการพลเรอื นใน มหาวิทยาลยั ข้าราชการในสำนกั งานตรวจเงินแผน่ ดินและข้าราชการครู ก. ปลดั จังหวัด ข. หัวหน้าสำนกั งานจังหวัด ค. ผู้วา่ ราชการจังหวดั ง. รองผ้วู ่าราชการจงั หวัด ค่มู ือเตรยี มสอบวัดความรู้ความสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรับราชการทกุ สังกดั
[24] 9. มหี น้าท่ีสอดส่องและเสนอแนะการปฏิบัตภิ ารกจิ ของหนว่ ยงานของรฐั ในจังหวัด หมายถึงขอ้ ใด ก. คณะกรรมการพิทักษร์ ะบบคณุ ธรรม (ก.พ.ค.) ข. คณะกรรมการศึกษาธกิ ารจังหวดั ค. คณะกรรมการธรรมาภิบาลจังหวดั (ก.ธ.จ.) ง. คณะกรมการจังหวดั 10. ในจังหวัดหนงึ่ ใหม้ หี น่วยราชการบริหารรองจากจังหวัดเรยี กว่า ก. อำเภอ ข. สำนกั งานจังหวดั ค. สำนกั งานอำเภอ ง. ตำบล 11. การตง้ั ยุบ และเปลีย่ นเขตอำเภอ ใหต้ ราเปน็ ข. พระราชบัญญัติ ก. กฎทบวง ง. กฎกระทรวง ค. พระราชกฤษฎกี า 12. หน่วยงานใดประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ เพ่ือรว่ มมอื กบั ชุมชนในการดำเนินการให้มีแผน ชมุ ชน เพอ่ื รองรบั การสนบั สนุนงบประมาณจากองคก์ รปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ จังหวดั และกระทรวง ทบวง กรม ก. อำเภอ ข. สำนกั งานจังหวัด ค. สำนกั งานอำเภอ ง. สภาตำบล 13. นายอำเภอสังกดั กระทรวงใด ข. กระทรวงกลาโหม ก. กระทรวงมหาดไทย ง. สำนักงานปลัดกระทรวง ค. ขน้ึ ตรงตอ่ นายกรฐั มนตรี 14. ในกรณีที่ไม่มผี ูด้ ำรงตำแหน่งนายอำเภอ ใหผ้ ้วู ่าราชการจังหวัดแตง่ ต้งั ผูใ้ ดตามระเบียบแบบแผนของทาง ราชการเปน็ ผูร้ กั ษาราชการแทน ก. ปลัดอำเภอ ข. หวั หนา้ สว่ นราชการประจำอำเภอผู้มีอาวุโส ค. ปลัดอำเภอ หรอื หวั หนา้ ส่วนราชการประจำอำเภอผมู้ อี าวุโส ง. ข้าราชการระดับ 8 ขนึ้ ไป คู่มอื เตรยี มสอบวดั ความรคู้ วามสามารถทัว่ ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรับราชการทกุ สังกัด
[25] ส่วนที่ 3 การบรหิ ารราชการส่วนท้องถนิ่ ❑ ประวตั กิ ารปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ ของไทย การปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทยเริ่มต้นตั้งแต่รัชกาลที่ 5 ใน ร.ศ.124 ( พ.ศ.2448) มกี ารจัดต้งั คณะกรรมการ สุขาภิบาลทา่ ฉลอมข้ึนเปน็ องคก์ ารปกครองสว่ นท้องถิ่นแห่งแรก ให้จดั ระเบียบบริหารราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ดังนี้ ท ้ อ ง ถ ิ ่ น ใ ด ท่ี เ ห ็ น ส ม ค ว ร จ ั ด ใ ห ้ ร า ษ ฎ ร ม ี ส ่ ว น ใ น ก า ร ป ก ค ร อ ง ท ้ อ ง ถ ิ ่ น ใ ห ้ จ ั ด ร ะ เ บ ี ย บ ก า ร ป ก ค ร อ ง เปน็ ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ ใหจ้ ัดระเบยี บบรหิ ารราชการส่วนทอ้ งถิ่น ดงั นี้ (1) องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด (2) เทศบาล (3) สขุ าภบิ าล (ปัจจบุ ันไม่มตี ามพระราชบัญญัตเิ ปล่ยี นแปลงฐานะของ สขุ าภบิ าลเป็นเทศบาล พ.ศ. 2542) (4) ราชการสว่ นทอ้ งถิน่ อนื่ ตามที่มกี ฎหมายกาํ หนด (อบต./เมืองพัทยาและกทม.) \\ คู่มือเตรยี มสอบวดั ความรู้ความสามารถท่ัวไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อา่ นสอบรบั ราชการทุกสงั กัด
[26] ขอ้ มูลลา่ สุด ณ วนั ท่ี 31 ธันวาคม พ.ศ. 2562 มีองค์กรปกครองส่วนท้องถนิ่ ทงั้ สน้ิ 7,852 แห่ง แยกประเภท ไดด้ ังนี้ 1. องค์การบริหารส่วนจังหวัด 76 แห่ง 2. เทศบาล 2,450 แห่ง - เทศบาลนคร 30 แห่ง - เทศบาลเมอื ง 184 แหง่ - เทศบาลตำบล 2,236 แห่ง 3. องคก์ ารบริหารสว่ นตำบล 5,324 แห่ง 4.องคก์ รปกครองท้องถิน่ รูปแบบพิเศษ 2 แห่ง (กรงุ เทพมหานครและเมืองพทั ยา) **ขอ้ มลู ณ วันท่ี 31 ธนั วาคม 2562 จากประกาศกรมการปกครอง เรอ่ื ง แจ้งข้อมูลทางการปกครอง ❑ รปู แบบการปกครองท้องถ่ิน องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัด (อบจ.) เป็นองค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ ท่มี ขี นาดใหญ่ท่ีสุด มีจงั หวัดละ 1 แหง่ รวม 76 แหง่ *** ยกเว้นกรงุ เทพมหานคร *** อบจ. จึงต้งั ขนึ้ เพอื่ บรหิ ารกิจการในเขตจังหวดั และช่วยพัฒนางานของเทศบาลและ อบต. จัดสร้างระบบสาธารณูปโภคที่เทศบาลและ อบต. ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากขาดงบประมาณ เช่น จัดให้มที อ่ บำบดั นำ้ เสีย ประปาหมู่บา้ น อบจ. มหี น้าท่ใี นการจัดบริการสาธารณะใหป้ ระชาชนอย่างทวั่ ถึง เชน่ เดยี วกับ อบต. และ เทศบาล เทศบาล เทศบาล เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในเขตชุมชนเมือง แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ เทศบาลตำบล เทศบาลเมอื ง และเทศบาลนคร ทัง้ นี้ขึน้ อยู่กับจำนวนประชากรในทอ้ งถ่นิ ความเจริญทางเศรษฐกิจ หรือ รายไดใ้ นท้องถน่ิ การพัฒนาความเจริญในท้องถ่ิน เชน่ อำเภอหาดใหญ่ เดมิ เปน็ เทศบาลเมืองหาดใหญ่ ต่อมายกระดับ เปน็ เทศบาลนครหาดใหญ่ เพราะมกี ารขยายตวั ทงั้ ประชากร รายได้ และความเจรญิ เป็นตน้ เทศบาล มีการบริหารงานได้อยา่ งอิสระ พนักงาน เทศบาล และปลดั เทศบาล เปน็ เจ้าหน้าท่ีท้องถิ่น ปฏิบัติงาน ตามภารกิจ และหน้าที่ของเทศบาลภายใต้การบริหาร และตรวจสอบควบคุม โดย สมาชิกสภา เทศบาล ทมี่ าจากการเลือกต้ังโดยตรงของประชาชน คู่มอื เตรียมสอบวัดความรคู้ วามสามารถท่วั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรบั ราชการทุกสงั กดั
[27] องคก์ ารบรหิ ารส่วนตำบล (อบต.) เป็น อปท. ระดับตำบล ที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดจัดตั้งขึ้นมาจากสภาตำบลที่มีรายได้ ตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ จึงยกฐานะเป็นอบต. ตั้งขนึ้ เพือ่ ดูแลทุกขส์ ุขและให้บริการ ประชาชนในหมู่บ้าน และตำบล แทนรัฐสว่ นกลาง กรงุ เทพมหานคร กทม. เป็นที่ตั้งเมืองหลวงของประเทศไทย กรุงเทพมหานครเป็นรูปการปกครองท้องถ่ิน รูปแบบพิเศษ มีแห่งเดียวในประเทศ ใช้หลักการกระจายอำนาจ หรือรูปแบบการปกครองแบบประธานาธิบดี ของสหรัฐอเมริกา มสี ภากรงุ เทพมหานคร - ทำหน้าทีเ่ ปน็ ฝา่ ยนิตบิ ัญญัตแิ ละควบคุมการบรหิ าร ผวู้ ่าราชการกรงุ เทพมหานคร - ทำหนา้ ที่ฝา่ ยบริหาร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน การสมัครผู้ว่าฯ ไม่จำเปน็ ต้องสงั กัดพรรคการเมืองก็ได้ มวี าระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี มีรองผวู้ า่ ฯ ได้ 4 คน ซึ่งผู้วา่ แต่งต้ังเอง เมืองพทั ยา เมืองพัทยาตั้งอยู่ในเขต อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เป็นเมืองท่องเที่ยว เดิมอยู่ภายใต้การดูแลของ เทศบาลนาเกลือ ตั้งขึ้นโดย พ.ร.บ.ระเบียบการบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ.2521 โดยให้ยุบเลิกสุขาภิบาล นาเกลอื แลว้ จดั ตง้ั เป็น “เมอื งพัทยา” เมอื งพัทยา ซ่งึ มฐี านะเป็นนิติบคุ คล ต่อมาเมอ่ื บา้ นเมืองไดเ้ จรญิ ก้าวหน้าข้ึนก็ได้มีการปรับปรุงการ บริหารราชการโดยตรา พ.ร.บ.ระเบียบบรหิ ารราชการเมืองพทั ยา พ.ศ.2542 ข้นึ ใช้ ค่มู ือเตรยี มสอบวดั ความรู้ความสามารถท่ัวไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรับราชการทกุ สงั กัด
[28] แนวขอ้ สอบ 1. องค์การปกครองสว่ นทอ้ งถิ่นแหง่ แรกของประเทศไทย คอื ก. สุขาภบิ าลท่าฉลอม ข. เทศบาลตำบลขามใหญ่ ค. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั อดุ รธานี ง. สุขาภบิ าลหาดใหญ่ 2. ท้องถิน่ ใดทเี่ หน็ สมควรจดั ใหร้ าษฎรมสี ว่ นในการปกครองท้องถ่ินให้จัดระเบยี บการปกครองตามข้อใด ก. ราชการสว่ นท้องถน่ิ ข. ราชการท้องถิ่น ค. สภาตำบล ง. องค์การปกครองส่วนท้องถ่ิน 3. การจัดระเบียบบริหารราชการสว่ นทอ้ งถิ่นขอ้ ใดถกู ต้อง ก. เทศบาล สขุ าภิบาล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ราชการส่วนท้องถิ่นอ่ืนตามท่มี ีกฎหมายกำหนด ข. สภาตำบล สขุ าภบิ าล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัด ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ อ่ืนตามทมี่ กี ฎหมายกำหนด ค. เทศบาล สภาตำบล องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ราชการส่วนทอ้ งถนิ่ อ่ืนตามทม่ี กี ฎหมายกำหนด ง. เทศบาล สุขาภบิ าล สภาตำบล ราชการสว่ นท้องถิ่นอน่ื ตามท่มี ีกฎหมายกำหนด 4. ขอ้ ใดไมใ่ ชก่ ารจดั ระเบียบบรหิ ารราชการสว่ นท้องถ่นิ รูปแบบทวั่ ไป ก. เทศบาลนครสงขลา ข. เทศบาลตำบลขามใหญ่ ค. องค์การบริหารสว่ นจงั หวดั อดุ รธานี ง. กรุงเทพมหานคร 5. องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวัดมที ง้ั หมดกแ่ี หง่ ก. 75 แหง่ ข. 76 แห่ง ค. 77 แห่ง ง. 78 แห่ง คมู่ ือเตรยี มสอบวดั ความรู้ความสามารถทั่วไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใช้อ่านสอบรบั ราชการทกุ สังกัด
[29] ส่วนที่ 4 คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร) คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ (ก.พ.ร) ปัจจบุ ันมคี ณะกรรมการท้ังสิ้น 14 คน (13 เม.ย.63) ประธาน – นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรฐั มนตรี เลขาธกิ าร – นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ อำนาจหนา้ ท่ี เสนอแนะให้คำปรกึ ษาแก่คณะรฐั มนตรีเกยี่ วกบั การพัฒนาระบบราชการ กรรมการผ้ทู รงคณุ วุฒขิ อง“ก.พ.ร.” มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี ➢ ผู้ท่พี น้ จากตำแหน่งแล้ว อาจไดร้ บั แต่งต้งั อีกได้แต่ไมเ่ กนิ 2 วาระตดิ ตอ่ กัน ➢ ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแหน่งตามวาระแต่ยังมิได้แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ใหม่ใหก้ รรมการผูท้ รงคณุ วุฒนิ ้ันปฏบิ ัติหน้าทไี่ ปกอ่ นจนกวา่ จะไดแ้ ต่งตง้ั กรรมการ ผ้ทู รงคณุ วฒุ ใิ หม่ ใหม้ ีสำนกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ เปน็ ส่วนราชการในสำนกั นายกรฐั มนตรี ✓ ทำหน้าทร่ี บั ผิดชอบงานธุรการของ ก.พ.ร. และหนา้ ทอี่ ่นื ตามที่กฎหมายหรือ ก.พ.ร. กำหนด ✓ โดยมเี ลขาธกิ าร ก.พ.ร. ซึ่งเปน็ ขา้ ราชการพลเรอื นสามญั เป็นผู้บงั คับบัญชาขา้ ราชการและลูกจ้าง ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ และรับผิดชอบการปฏิบัติราชการขึ้นตรงต่อ นายกรฐั มนตรี ก.พ.ร. มอี ำนาจหนา้ ท่ี ดังต่อไปน้ี อำนาหน้าที่ของ ก.พ.ร. (1) เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการและงานของรัฐอย่าง อื่น ซึ่งรวมถึงโครงสร้างระบบราชการ ระบบงบประมาณ ระบบบุคลากร มาตรฐานทางคุณธรรม และจริยธรรม ค่าตอบแทน และวิธีปฏิบตั ิราชการอืน่ ให้เป็นไปตามมาตรา 3/1 โดยจะเสนอแนะให้มีการ กำหนดเปา้ หมาย ยุทธศาสตร์ และมาตรการก็ได้ (2) เสนอแนะและให้คำปรึกษาแก่หน่วยงานอื่นของรัฐที่มิได้อยู่ในกำกับของราชการฝ่ายบริหาร ตามที่หน่วยงานดังกล่าวร้องขอ (3) รายงานต่อคณะรัฐมนตรีในกรณีที่มีการดำเนินการขัดหรือไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่กำหนดใน มาตรา 3/1 (4) เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรฐานในการจัดตั้ง การรวม การโอน การยุบ เลิก การกำหนดชื่อ การเปลี่ยนชื่อ การกำหนดอำนาจหน้าท่ี และการแบ่งส่วนราชการภายในของ สว่ นราชการท่เี ปน็ กระทรวง ทบวง กรม หรอื ส่วนราชการอน่ื (5) เสนอความเห็นต่อคณะรัฐมนตรใี นการตราพระราชกฤษฎีกา และกฎที่ออกตาม พระราชบัญญตั ินี้ คมู่ อื เตรยี มสอบวัดความรคู้ วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรบั ราชการทุกสังกดั
[30] (6) ดำเนินการให้มีการชี้แจงทำความเข้าใจแก่ส่วนราชการและเจ้าหน้าท่ีท่ีเกี่ยวข้องและ ประชาชนทั่วไป รวมตลอดท้ังการฝึกอบรม (7) ติดตาม ประเมินผล และแนะนำเพื่อให้มีการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ และรายงานต่อ คณะรัฐมนตรีพร้อมท้ังขอ้ เสนอแนะ (8) ตีความและวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้นจากการใช้บังคับพระราชบัญญัตินี้ หรือกฎหมายว่าด้วยการ ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม รวมตลอดทั้งกำหนดแนวทางปฏิบัติ ในกรณีที่เป็นปัญหามติของ คณะกรรมการตามขอ้ นี้ เมือ่ ไดร้ ับความเหน็ ชอบจากคณะรฐั มนตรีแลว้ ใหใ้ ชบ้ งั คบั ไดต้ ามกฎหมาย (9) เรยี กให้เจา้ หนา้ ทหี่ รือบุคคลอืน่ ใดมาช้ีแจงหรอื แสดงความเห็นประกอบการพจิ ารณา (10) จัดทำรายงานประจำปีเกี่ยวกับการพัฒนาและจัดระบบราชการและงานของรัฐอย่างอื่นเสนอต่อ คณะรัฐมนตรี เพือ่ เสนอตอ่ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒสิ ภา (11) แตง่ ต้งั คณะกรรมการ คณะอนกุ รรมการ หรือคณะทำงาน เพื่อปฏบิ ัตหิ นา้ ทต่ี ่าง ๆ ตามที่ มอบหมาย และจะกำหนดอัตราเบย้ี ประชมุ หรอื ค่าตอบแทนอน่ื ด้วยกไ็ ด้ (12) ปฏิบัตหิ นา้ ทอ่ี น่ื ตามทีก่ ำหนดในพระราชบัญญัตินี้หรือตามท่ีคณะรัฐมนตรมี อบหมาย คู่มอื เตรียมสอบวัดความรคู้ วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ ่านสอบรับราชการทกุ สังกดั
[31] แนวขอ้ สอบ 1. คณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ เรียกโดยยอ่ ตามขอ้ ใด ก. ค.พ.ร. ข. ค.พ.ก. ค. ก.พ.ร. ง. ก.พ.ค. 2. ใครเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก. นายวษิ ณุ เครอื งาม รองนายกรฐั มนตรี ข. พลเอกประยทุ ธ์ จนั ทร์โอชา นายกรฐั มนตรี ค. นายสมคดิ จาตศุ รีพทิ ักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ง. นางสาวออ้ นฟ้า เวชชาชวี ะ เลขาธิการคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ 3. ใครเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรฐั มนตรี ข. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรฐั มนตรี ค. นายสมคดิ จาตศุ รีพิทกั ษ์ รองนายกรัฐมนตรี ง. นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธกิ ารคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ 4. ขอ้ ใดเป็นอำนาจหน้าท่ขี องคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ ก. กำกบั โดยท่ัวไปซึง่ การบรหิ ารราชการแผ่นดิน ข. รับผดิ ชอบควบคุมราชการประจำในกระทรวง ค. บริหารราชการตามกฎหมาย ระเบยี บแบบแผนของทางราชการ และตามแผนพฒั นาจังหวดั ง. เสนอแนะและใหค้ ำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรีเกี่ยวกบั การพัฒนาระบบราชการ 5. กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ิของคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ มีวาระการดำรงตำแหนง่ คราวละก่ปี ี ก. 3 ปี ข. 4 ปี ค. 5 ปี ง. 7 ปี 6. หน่วยงานใดเป็นส่วนราชการในสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รับผิดชอบงานธุรการของ ก.พ.ร. และหน้าท่ีอนื่ ตามท่ีกฎหมายหรือ ก.พ.ร. กำหนด ก. สำนกั งานนายกรฐั มนตรี ข. สำนกั ปลดั กระทรวง ค. สำนักงานขา้ ราชการพลเรือน ง. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ คู่มอื เตรียมสอบวัดความรคู้ วามสามารถทว่ั ไป ( ภาค ก ) ก.พ. ใชอ้ า่ นสอบรบั ราชการทุกสงั กดั
Search
Read the Text Version
- 1 - 31
Pages: