Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore สรุป5บทประวัติศาสตร์

สรุป5บทประวัติศาสตร์

Published by nuynapitchaya, 2021-11-21 03:27:42

Description: สรุป5บทประวัติศาสตร์

Search

Read the Text Version

สรปุ ผลการดาเนินงาน การศึกษาต่อเน่ือง/การศึกษาเพื่อพฒั นาสงั คมและชมุ ชน โครงการอบรมประวตั ิศาสตรช์ าติไทย ระหว่างวนั ที่ 20-21 มกราคม 2564 โดย นายไชยกรานต์ งานจตั รุ สั คร ู กศน.ตาบล ศนู ยก์ ารศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเขาสวนกวาง สานกั งานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั จงั หวดั ขอนแกน่

คำนำ กศน.อำเภอเขำสวนกวำง ได้ตระหนักถึงประวัติศำสตรช์ ำติไทยเป็นส่ิงท่ีน่ำสนใจ น่ำค้นหำ และเป็นสิ่งที่บอก เร่ืองรำวต่ำงๆที่เกิดข้ึนในประวัติศำสตร์ ว่ำเกิดเหตุกำรณ์ใดขึ้นบ้ำง จึงได้จัดโครงกำอบรมประวัติศำสตร์ชำติไทยข้ึน เพื่อเป็นเป็นประโยชน์ต่อประชำชน ซ่ึงข้อมูลที่ผู้จัดทำโครงกำรประวัติศำสตร์ชำติไทยนำมำเผยแพร่น้ีเกี่ยวกับ ประวัตศิ ำสตรไ์ ทย ถือว่ำประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งที่มีประวัติศำสตรอ์ ันยำวนำนหลำยร้อยปีมีเหตุกำรณ์มำกมำยที่ เกิดขนึ ควำมเปน็ มำและกำรก่อตั้งของอำณำจกั รต่ำงๆ ว่ำเกดิ ข้นึ ไดอ้ ย่ำงไร ผู้จัดทำหวังเป็นอย่ำงย่ิงว่ำผู้ที่ได้เข้ำมำอ่ำนจะสำมำรถเข้ำใจ ได้มำกหรือน้อยน้ัน อยู่ที่กำรเข้ำใจของแต่ละคน หำกเกิดขอ้ ผดิ พลำดประกำรใดกข็ ออภยั มำ ณ ที่นดี ้วย นำยไชยกรำนต์ งำนจัตุรัส หวั หน้ำกศน.ตำบลดงเมืองแอม

สำรบัญ หนำ้ เรือ่ ง ๑ ๓ บทที่ ๑ บทนำ ๑๐ บทที่ ๒ เอกสำรและหลักกำรท่ีเกย่ี วข้อง ๑๓ บทท่ี ๓ วิธกี ำรดำเนนิ กำร ๑๗ บทท่ี ๔ ผลกำรดำเนินงำน ๒๐ บทที่ ๕ สรุปผลกำรดำเนนิ งำน ๒๑ ภำคผนวก ภำพกิจกรรม

1 บทท่ี ๑ บทนำ ๑. หลกั กำรและเหตผุ ล สืบเน่ืองจากท่ีกศน.อาเภอเขาสวนกวางร่วมกับสานักงานกศน.จังหวัดขอนแก่น จัดโครงการ อบรมการจัดกิจกรรมกระบวนการเรียนการสอนเพ่ือการเรียนรู้เรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทยและ บุญคุณของพระมหากษตั ริยไ์ ทย ในปงี บประมาณ ๒๕๖๓ เพ่อื ขยายผลการดาเนินงานโครงการฯใหค้ ล อบคลุมทุกพื้นท่ี โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ นักศึกษา กศน. อาเภอเขาสวนกวาง ณ ห้องประชุมกศน. อาเภอเขาสวนกวาง นั้นและได้มีนโยบายเก่ียวกับการเรียนการสอนเพ่ือปลูกฝังจิตสานึกความเป็น พลเมืองที่ดี และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อเป็นแนวทางการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ของคนในชาติ การจัดการศึกษา เร่ือง การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม การสร้างวินัย การมีจิตสานึก รับผิดชอบต่อสังคมยึดม่ันในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และประวัติศาสตร์ชาติไทย เพื่อสร้างจิตสานึกความเป็นไทยให้นักศึกษาประชาชนได้มีความรู้ความ เขา้ ใจและศึกษาแหลง่ เรียนรปู้ ระวัติศาสตร์ชาติไทย เรยี นรวู้ ิถคี วามเปน็ ไทยจากประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย หรือบุคคลในประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย ในการนี้ เพ่ือให้นโยบายดังกล่าวสาเร็จลุล่วงไปด้วยดี ศูนย์การศึกษานอกระบบและ การศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอเขาสวนกวาง จึงได้เล็งเห็นความสาคัญในการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติ ไทย สร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ส่งเสริมคุณธรรม และสร้างจิตสานึกความเป็นไทยให้ นักศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับความเป็นชาติ เรยี นรู้วิถีชีวิตความเป็นไทยจากประวัตศิ าสตร์ ชาติไทย ซ่ึงเป็นการเปิดโอกาสในการเรียนรู้และสร้างจิตสานึก รักชาติและสานึกในพระมหา กรุณาธิคุณในบุญคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ดังน้ัน กศน.อาเภอเขาสวนกวาง จึงจัดทาโครงการ เรียนรปู้ ระวัตศิ าสตร์ชาติไทยและบุญคณุ พระมหากษตั ริย์ไทยขน้ึ ๒. วัตถุประสงค์ ๑. เพื่อให้ประชาชนอาเภอเขาสวนกวางมีความรูค้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับความเปน็ มาของชาติ ไทย ความรักชาติ เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตรยิ ์และบรรพบุรุษไทย ๒. เพ่อื ส่งเสรมิ จติ สานกึ ให้ประชาชนอาเภอเขาสวนกวางมีความรู้ความเข้าใจเกย่ี วกับสถาบนั พระมหากษัตริย์ไทย และเปน็ ผมู้ ีความหวงแหนและกตัญญูกตเวทตี อ่ แผน่ ดินและสถาบนั พระมหากษัตริย์ ๓. กลุ่มเปำ้ หมำย ๓.๑เชิงปรมิ าณ ประชาชนอาเภอเขาสวนกวาง ท้งั ๕ ตาบล จานวน ๔๖ คน ๓.๒เชิงคณุ ภาพ เพ่ือให้ผู้เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นมาของชาติไทย ความรักชาติเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ บรรพบุรุษไทยหวงแหนและกตัญญูกตเวทีต่อ แผ่นดินและสถาบนั พระมหากษตั ริย์

2 บทที่ ๒ เอกสำรและหลักวิชำกำรท่เี ก่ียวขอ้ ง เอกสารและหลกั วชิ าการที่เก่ียวขอ้ งในการดาเนนิ โครงการอบรมประวัติศาสตรช์ าติไทย เปน็ หลักวชิ าที่ประมวลจากแนวคิดและทฤษฎที ี่เกย่ี วข้อง ซ่ึงได้นาเสนอดังนี้ 1. เทคนิคการบรหิ ารงานแบบ PDCA 2. งานวชิ าการ/บทความท่เี กี่ยวขอ้ ง เทคนคิ กำรบรหิ ำรงำนแบบ PDCA ควำมหมำยของ PDCA วงจรกำรบริหำรงำนคณุ ภำพ ประกอบดว้ ย P = Plan คือ การวางแผนงานจากวตั ถุประสงค์ และเป้าหมายท่กี าหนดขึ้น D = Do คือ การปฏิบัติตามขั้นตอนในแผนงานท่ีได้เขียนไว้อย่างเป็นระบบและมีความ ต่อเนือ่ ง C = Check คือ การตรวจสอบผลการดาเนินงานท่ไี ด้เขียนไวอ้ ยา่ งเป็นระบบและมีความ ต่อเนื่อง A = Action คือ การปรับปรุงแก้ไขส่วนท่ีมีปัญหา หรือถ้าไม่มีปัญหาใดๆ ก็ยอมรับ แนวทางปฏบิ ตั ิตามแผนงานท่ไี ดผ้ ลสาเร็จเพื่อนาไปใชใ้ นการทางานครัง้ ต่อไป เมอื่ ได้วางแผนงาน (P) นาไปปฏิบตั ิ (D) ระหว่างปฏิบัติงานก็ได้ดาเนินการตรวจสอบ (C) พบปัญหาก็ดาเนินการแก้ไขและปรับปรุง (A) การปรับปรุงก็เริ่มจากการวางแผนก่อนวนไปได้เรื่อยๆ จงึ เรยี กวงจร PDCA ประโยชน์ของ PDCA ๑. การวางแผนงานก่อนการปฏิบัติงานจะทาให้เกิดความพร้อม เมื่อได้ปฏิบัติงานจริงการ วางแผนงานควรวางใหค้ รบท้งั ๔ ข้นั ตอน ดงั น้ี -ขั้นการศึกษา คือ การวางแผนศึกษาข้อมูล ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย -ขั้นเตรยี มงาน คือ การวางแผนการเตรียมงานดา้ นสถานท่ี ความพร้อมของวิทยากร -ข้ันดาเนนิ งาน คือ กานวางแนวทางการปฏิบัตงิ านของแต่ละสว่ นแต่ละฝ่าย เชน่ วิทยากร/ อาคารสถานท่/ี ผเู้ ขา้ อบรม -ข้ันการประเมินผล คือ การวางแผนหรือเตรียมการประเมินผลอย่างเป็นระบบ เช่นการ ประเมินจากวิทยากรและผู้เขา้ อบรม ๒. การปฏิบัติตามแผนงาน ทาให้ทราบขั้นตอน วิธีการ และสามารถเตรียมงานล่วงหน้าหรือ ทราบอุปสรรคล่วงหน้าด้วย ดังน้ัน การปฏิบัติงานก็จะเกิดความราบร่ืน และเรียบร้อย นาไปสู่ เป้าหมายท่ีได้กาหนดไว้

3 ๓. การตรวจสอบ ใหไ้ ด้ผลที่เทยี่ งตรงเชอ่ื ถือได้ ประกอบดว้ ย - ตรวจสอบจากเปา้ หมายทีไ่ ดก้ าหนดไว้ - มเี ครื่องมอื ที่เชือ่ ถือได้ - มีเกณฑ์การตรวจสอบท่ีชดั เจน - มีกาหนดเวลาการตรวจทีแ่ นน่ อน - บุคลากรท่ีทาการตรวจสอบต้องได้รับการยอมรับจากทุกหน่วยงานท่เี กี่ยวข้อง เมื่อ การตรวจสอบไดร้ บั การยอมรับ การปฏิบัตงิ านขั้นต่อไปกด็ าเนนิ ตอ่ ไปได้ ๔. การปรับปรุงแก้ไข ข้อบกพร่องท่ีเกิดขึ้นไม่วาจะเป็นขั้นตอนไดก็ตาม เม่ือมีการปรับปรุง แกไ้ ขคณุ ภาพกจ็ ะเกิดขึน้ ดงั นั้น วงจร PDCA จึงเรียกวา่ วงจรบรหิ ารงานคณุ ภาพ

4 บทควำมทำงวชิ ำกำรท่เี กย่ี วข้อง ประวัตศิ ำสตรช์ ำติไทย ๑.ยุคกอ่ น – ยุคสมัยสุโขทยั ประวตั ิยุคก่อนอำณำจักรสุโขทยั เดมิ ที สโุ ขทัย เป็นสถานกี ารค้าของแควน้ ละโว้ (ลวรฐั ) ของอาณาจักรขอม บนเส้นทางการค้า ผ่านคาบสมุทรระหว่างอ่าวเมาะตะมะ กับเขตที่ราบลุ่มแม่น้าโขงตอนกลาง (ประเทศลาว) คาดว่าเร่ิม ตั้งเป็นสถานีการค้าในราวพุทธศักราช ๑๗๐๐ในรัชสมยั ของพระยาธรรมิกราช กษัตริย์ละโว้ โดยมีพ่อ ขนุ ศรีนาวนาถมเป็นผ้ปู กครองและดูแลกจิ การภายในเมืองสุโขทัย และศรีสัชนาลัย ตอ่ มาเมอ่ื พ่อขนุ ศรี นาวนาถมสวรรคต ขอมสบาดโขลญลาพง ซ่ึงเป็นคล้ายๆกับผู้ตรวจราชการจากลวรัฐ เข้าทาการยึดอานาจการ ปกครองสุโขทัย จึงส่งผลให้ พ่อขุนผาเมือง (พระราชโอรสของพ่อขุนศรีนาวนาถม) เจ้าเมืองราดและ พ่อขนุ บางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง ตดั สินพระทัยจะยดึ ดินแดนคืน การชิงเอาอานาจจากผู้ครองเดิม คืออาณาจักรขอมเมื่อปี ๑๗๘๑และสถาปนาเอกราชให้กรุงสุโขทัยข้ึนเป็นราชธานีของชาวไทยโดยไม่ ขึน้ ตรงกับรัฐใด พ่อขุนผาเมือง ก็กลับยกเมืองสุโขทัย ให้พ่อขุนบางกลางหาวครอง พร้อมทั้ง พระแสง ขรรค์ชัยศรี และพระนามกามรเตงอัญศรีอนิ ทรบดินทราทติ ย์ ซึ่ง ๗ ทรงพระราชทานให้พ่อขุนผาเมือง ก่อนหน้าน้ี โดยคาดว่า เหตุผลคือพ่อขุนผาเมือง มีพระนางสิขรเทวีพระมเหสี (ราชธิดาของพระเจ้า ชยั วรมันท่ี ๗ ) ซ่ึงพระองค์เกรงว่าชาวสุโขทัยจะไม่ยอมรับ แต่ก็กลัววา่ ทางขอมจะไม่ไว้ใจจึงมอบพระ นามพระราชทานและพระแสงขรรค์ชยั ศรี ขึ้นบรมราชาภิเษกพ่อขนุ บางกลางหาว ให้เป็นกษัตรยิ ์ เพื่อ เปน็ การตบตาราชสานักขอม อำณำจกั รสุโขทัย หลังจากมีการสถาปนาอาณาจักรสุโขทัยขึ้นเป็นราชธานี และมีพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ เป็น ปฐมกษัตริย์แล้วพระองค์ทรงดูแลพระราชอาณาจักร และบารุงราษฎรเป็นอย่างดีพระมหากษัตริย์ พระองค์ท่ีสาม พ่อขุนรามคาแหงมหาราช ทรงพระปรีชาสามารถท้ังในด้านนิรุกติศาสตร์ การ ปกครอง กฎหมาย วิศวกรรม ศาสนา ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นต้น ผลงานของพระองค์ท่ี ปรากฏให้เห็น อาทิ ศิลาจารึกท่ีค้นพบในสมัยของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่อธิบายถึง ความเป็นมา ลีลาชีวิตของชาวสุโขทัยโบราณ น้าพระทัยของพระมหากษัตริย์ การพิพากษาอรรถ คดี ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีผลงานทางวิศวกรรมชลประทาน คือ เขื่อนสรีดภงค์ท่ีเป็นการกักเก็บน้าไว้ใช้ ในยามแล้ง มีการทาท่อส่งน้าจากตัวเขื่อนมาใช้ในเมืองพระมหากษัตริย์ท่ีทรงทานุบารุงศาสนามาก ทสี่ ดุ คือ พระเจ้าลไิ ท ในรัชสมัยของพระองค์มีการสรา้ งวัดมากท่ีสดุ กษัตริยพ์ ระองค์สดุ ท้ายในฐานะรัฐ อิสระ คือ พระมหาธรรมราชาที่ ๔ (บรมปาล) ต่อจากน้ัน อาณาจักรได้ถูกแบ่งส่วนออกเป็นของ อาณาจักรอยุธยา และอาณาจักรล้านนา จนในที่สุด อาณาจักรทั้งหมด ก็ถูกรวมศูนย์ เข้าเป็นดินแดน สวนหน่ึงของอาณาจักรอยธุ ยา ด้ำนกำรปกครอง ดา้ นการปกครองสามารถแยกกลา่ วเป็น ๒ แนว ดงั นี้ ในแนวรำบ จัดการปกครองแบบพ่อปกครองลูก กล่าวคือผู้ปกครองจะมีความใกล้ชิดกับ ประชาชน ให้ความเป็นกันเองและความยุติธรรมกับประชาชนเป็นอย่างมาก เมื่อประชาชนเกิดความ

5 เดือดร้อนไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถร้องเรียนกับพ่อขุนโดยตรงได้ โดยไปสั่นกระด่ิงท่ีแขวนไว้ท่ี หน้าประตทู ี่ประทบั ดังขอ้ ความในศลิ า ในแนวดิ่ง ได้มีการจัดระบบการปกครองขึ้นเป็น ๔ ชนช้ัน คือ พ่อขุน เป็นชนช้ัน ผู้ปกครอง อาจเรียกชื่ออย่างอ่ืน เช่น เจ้าเมือง พระมหาธรรมราชา หากมีโอรสก็จะเรียก \"ลูกเจ้า\" ลุก ขุน เป็นข้าราชบริพาร ข้าราชการที่มีตาแหน่งหน้าที่ช่วงปกครองเมืองหลวง หัวเมืองใหญ่น้อย และ ภายในราชสานัก เป็นกลุ่มคนที่ใกล้ชิดและได้รับการไว้วางใจจากเจ้าเมืองให้ปฏิบัติหน้าท่ีบาบัดทุกข์ บารุงสุขแกไ่ พร่ฟ้า ไพร่หรือสามญั ชน ได้แกร่ าษฎรทั่วไปที่อย่ใู นราชอาณาจักร (ไพร่ฟา้ ) ทาส ได้แกช่ น ช้ันที่ไม่มีอิสระในการดารงชีวิตอย่างสามัญชนหรือไพร่ (อย่างไรก็ตามประเด็นทาสนี้ยังคงถกเถียงกัน อยู่ว่ามีหรือไม่)ความสัมพันธ์กับต่างชาติจักรวรรดิมองโกลกองทัพจักรวรรดิมองโกลแผ่แสนยานุภาพ โดดเด่นท่ีสุดเป็นช่วงเดียวกับการต้ังกรุงสุโขทัย ในปี พ.ศ. ๑๘๐๐ (ค.ศ. ๑๒๕๗ ) ซ่ึงเป็นอาณาจักร ของตนอย่างแท้จริงเป็นคร้ังแรกหลักฐานสาคัญในพงศาวดารหงวนฉบับเก่า เล่มท่ี ๒ แปลเรื่องราว การติดต่อระหว่างอาณาจักรสุโขทัยกับราชวงศ์มองโกล ได้สรุปไว้ว่ากุบไลข่านทรงปรึกษาขุนนาง ข้าราชการระดับสูงเกี่ยวกับการเตรียมทัพไปปราบปรามแคว้นต่างๆ ทางใต้ มีสุโขทัยละโว้ สุมาตรา และอ่ืนๆ เป็นเมืองข้ึนปรากฏว่าขุนนางชื่อเจ่ียหลู่น่าต๋าไม่เห็นด้วยและได้กราบบังคมทูลเสนอแนะให้ ทรงชักชวนให้ผู้นาดินแดนต่างๆ อ่อนน้อมยอมสนับสนุนก่อน หากไม่ยอมจึงยกกองทัพไปโจมตี นี่คือ เหตุผลประการหนึ่งท่ีกุบไลข่านทรงส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรี และขอให้ส่งเครื่องราช บรรณาการไปยังราชสานักมองโกล เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่ออาณาจักรมองโกลปราฏว่ามี อาณาจักรในดินแดนต่างๆ กว่า ๒๐ อาณาจักรยอมรับข้อเสนอ รวมท้ังอาณาจักรสุโขทัยด้วย (ช่วง ระหว่างประมาณ พ.ศ. ๑๘๒๒ – ๑๘๒๕ ) พงศาวดารหงวนฉบบั เกา่ เล่มที่ ๑๒ เป็นหลกั ฐานสาคญั ท่ี กล่าวถึงคณะทูตชุดแรกจากอาณาจักรมองโกลในสมัยกุบไลข่าน เดินทางมายังอาณาจักรสุโขทัยใน เดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ.๑๘๒๕ (ค.ศ. ๑๒๘๒) ทูตคณะน้ีนาโดยเหอจี จ่ี นายทหารระดับสูงเป็น หัวหน้าคณะ แต่ขณะน่ังเรือแล่นผ่านฝั่งทะเลอาณาจักรจามปา ได้ถูกจับกุมและถูกประหารชีวิต ผล จากคณะทตู นีถ้ ูกประหารชีวิตก่อนจะเดินทางไปยงั อาณาจักรสุโขทยั ทาให้อาณาจกั รสุโขทยั ไม่ทราบว่า มองโกลพยายามสง่ ทตู มาตดิ ตอ่ พงศาวดารหงวนฉบับเก่า เล่มท่ี ๑๗ กล่าวถึงคณะทูตมองโกลชุดที่สอง เดินทางมายังอาณาจักรสุโขทัยในปี พ.ศ. ๑๘๓๕ (ค.ศ. ๑๒๙๒) ภายหลังจากข้าหลวงใหญ่ฝ่ายรักษา ความสงบเรียบร้อยของมณฑลกวางตุ้ง ได้ส่งคนอัญเชิญพระราชสาส์นอักษรทองคาของกษัตริย์แห่ง อาณาจักรสุโขทัยไปยังนครหลวงข่าน มาลิก (ต้าตู หรือปักกิ่งปัจจุบัน) คณะทูตมองโกลชุดท่ีสองได้ อัญเชิญพระบรมราชโองการของกุบไลข่านให้ พ่อขุนรามคาแหงเสร็จไปเฝ้า พระบรมราชโองการน้ี แสดงให้เห็นนโยบายของอาณาจักรมองโกลเรียกร้องให้ผู้นาของอาณาจักรต่างๆ ไปเฝ้ากุบไลข่าน แต่ มไิ ด้บังคับให้เป็นไปตามน้ี ซ่ึงจะเห็นได้ว่าพ่อขุนรามคาแหงก็มิได้ปฏิบัติตามแต่ประการใด พงศาวดาร หงวนฉบับเก่า เล่มท่ี ๑๘ กุบไลข่านได้ส่งคณะทูตชุดที่สามมาสุโขทัย โดยได้อัญเชิญพระบรมราช โองการให้พอ่ ขนุ รามคาแหงเสดจ็ ไปเฝ้า หากมีเหตุขัดข้องให้สง่ โอรสหรือพระอนุชาและอามาตยผ์ ู้ใหญ่ เปน็ ตวั ประกัน ซ่ึงปรากฏว่าพ่อขุนรามคาแหงก็มไิ ด้ปฏิบัตติ าม แตส่ ่งคณะทูตนาเคร่ืองราชบรรณาการ ไปแทน

6 อำณำจกั รล้ำนนำ ในปี พ.ศ. ๑๘๓๙ พญามังราย (พ.ศ. ๑๘๐๔ – ๑๘๕๔ ) ได้มีคาสั่งให้สร้างเมืองใหม่ขึ้นมา โดยใช้ชือ่ ว่าเจยี งใหม่ (เชียงใหม่) เพื่อท่ีจะเป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ของอาณาจักรล้านนา คร้ังน้นั พอ่ ขุน รามคาแหงมหาราชและพญางาเมอื ง ได้เสดจ็ มาช่วยดว้ ย อำณำจกั รอยธุ ยำ หลังจากมีการก่อต้ังกรุงศรีอยุธยา แรกนั้นสุโขทัยและอยุธยาไม่ได้เป็นไมตรีต่อกัน แต่ด้วย ชัยภูมิท่ีเหมาะสมกว่า ทาให้อยุธยาเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ประกอบกับปัญหาการเมืองภายในของ สุโขทัยมิได้เป็นไปโดยสงบ มีการแย่งชิงราชสมบัติกันระหว่าง พระยาบานเมือง พระยาราม ยังผลให้ อยุธยาสบโอกาสเข้าแทรกแซงกิจการภายใน ในรัชกาลนี้มีการรับไมตรีจากอยุธยาโดยการสมรส ระหว่างราชวงศ์พระร่วง กับราชวงศ์สุพรรณภูมิ โดยมีพระราเมศวร ซึ่งต่อมาคือสมเด็จพระบรมไตร โลกนาถเป็นราชบุตรจากสองราชวงศ์จนสิ้นรัชกาลพระมหาธรรมราชาที่ ๔ (บรมปาล) พระยายุทธิษฐิ ระซึ่งเดมิ ทีอยู่ศรีสัชนาลัย ได้เข้ามาครองเมืองสุโขทัย และเมอ่ื แรกท่ีสมเดจ็ พระบรมไตรโลกนาถ เสด็จ ข้ึนผ่านภิภพ เป็นพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยา ปรากฏว่าขณะนั้น พระยายุทธิษฐิระ เกิดความน้อย เนอ้ื ตา่ ใจ ท่ีได้เพียงตาแหน่งพระยาสองแคว เนื่องด้วย สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถทรงเคยดาริไว้สมัย ทรงพระเยาว์ว่า หากได้ขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์ จะชุบเลี้ยงพระยายุทธิษฐิระให้ได้เป็นพระร่วงเจ้า สุโขทัย พ.ศ. ๒๐๑๑ พระยายุทธิษฐิระจึงเอาใจออกห่างจากสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ไปข้ึนกับ พระยาติโลกราช กษัตริย์ล้านนาในขณะน้ัน เหตุการณ์นี้ส่งผลให้เกิดการเฉลิมพระนามกษัตริยล์ ้านนา จากพระยา เป็น พระเจ้า เพื่อให้เสมอศักดิ์ด้วยกรุงศรีอยุธยาพระนามพระยาติโลกราช จึงได้รับการ เฉลิมเป็นพระเจ้าติโลกราชหลังจากที่พระยายุทธิษฐิระ นาสุโขทัยออกจากอยุธยาไปขึ้นกับ ล้านนา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึงทรงเสด็จจากกรุงศรีอยุธยา กลับมาพานัก ณ เมืองสรลวงสอง แคว พรอ้ มท้ังสร้างกาแพงและค่ายคปู ระตู หอรบ แล้วจงึ สถาปนาขึน้ เปน็ เมือง พระพิษณุโลกสองแคว เป็นราชธานีฝ่ายเหนือของอาณาจักรแทนสุโขทัยในเวลาเจ็ดปีให้หลัง สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจึง ทรงตีเอาสุโขทัยคืนได้ แต่เหตุการณ์ทางเมืองเหนือยังไม่เข้าสู่ภาวะที่น่าไวว้ างใจ จึงทรงตัดสินพระทัย พานักยังนครพระพิษณุโลกสองแควต่อจนส้ินรัชกาลส่วนทางอยุธยานั้น ทรงได้สถาปนาสมเด็จพระ บรมราชาธิราชท่ี ๓ พระราชโอรส เป็นพระมหาอปุ ราช ดแู ลอยธุ ยาและหวั เมอื งฝ่ายใต้ดว้ ยความท่เี ป็น คนละประเทศมาก่อนและมีสงครามอยู่ด้วยกัน ชาวบ้านระหว่างสุโขทัยและอยุธยา จึงมิได้ปรองดอง เป็นน้าหนึ่งใจเดียวกัน จึงต้องแยกปกครองโดยพระมหากษัตรยิ ์อยุธยา จะทรงสถาปนาพระราชโอรส หรอื พระอนุชา หรือพระญาติ อันมีเช้ือสายสุโขทัย ปกครองพิษณุโลกในฐานะราชธานีฝ่ายเหนือ และ ควบคุมหัวเมืองเหนือทั้งหมดพ.ศ ๒๑๒๗ หลังจากชนะศึกที่แม่น้าสะโตงแล้ว พระนเรศวรโปรดให้ เทครัวเมืองเหนือทั้งปวง(ตาก สุโขทัย ศรีสัชนาลัย พิษณุโลก กาแพงเพชร ชัยบุรี ศรีเทพ) ลงมาไว้ที่ อยุธยา เพื่อเตรียมรับศึกใหญ่ พิษณุโลกและหัวเมืองเหนือทั้งหมดจึงกลายเป็นเมืองร้าง หลังจากเท ครวั ไปเมืองใต้ จึงส้ินสุดการแบง่ แยกระหว่างชาวเมืองเหนอื กับชาวเมืองใต้ และถอื เป็นการสิ้นสดุ ของ รัฐสุโขมัยโดยสมบูรณ์ เพราะหลังจากน้ี ๘ ปี พิษณุโลกได้ถูกฟ้ืนฟูอีคร้ัง แต่ถือเป็นเมืองเอกใน ราชอาณาจักร มใิ ชร่ าชธานฝี า่ ยเหนือในด้านวชิ าการ มนี ักวชิ าการหลายท่านได้เสนอเพมิ่ ว่า เหตุการณ์ อีกประการ อันทาให้ต้องเทครัวเมืองเหนือทั้งปวงโดยเฉพาะพิษณุโลกน้ัน อยู่ที่เหตุการณ์แผ่นดินไหว ครั้งใหญ่ บนรอยเล่ือนวังเจ้าในราวพุทธศักราช ๒๑๒๗ แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งผลให้ตัวเมืองพิษณุโลก

7 ราพณาสูญ แม้แต่แม่น้าแควน้อย ก็เปลี่ยนเส้นทางไม่ผ่านเมืองพิษณุโลก แต่ไปบรรจบกับแม่น้าโพ (ปัจจุบนั คือแม่น้าน่าน) ท่ีเหนือเมอื งพิษณุโลกขนึ้ ไป และยังส่งผลใหพ้ ระศรีรัตนมหาธาตุพิษณุโลก หัก พงั ทลายในลักษณะท่ีบูรณะคืนได้ยาก ในการฟ้ืนฟูจึงกลายเป็นการสร้างพระปรางค์แบบอยุธยาครอบ ทับลงไปแทนรายพระนามพระมหากษัตริย์สุโขทัยราชวงศ์นาถุม (ราชวงศ์ผาเมือง) พ่อขุนศรีนาว นาถุม ครองราชย์ปีใดไม่ปรากฏ - พ.ศ. ๑๗๒๔ ขอมสบาดโขลญ ลาพง (พ.ศ. ๑๗๒๔ – พ.ศ. ๑๗๘๐) ราชวงศ์พระร่วง พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ (พ.ศ. ๑๗๘๐- สวรรคตปีใดไม่ปรากฏ (ประมาณพ.ศ. ๑๘๐๑ รำชวงศส์ ุพรรณภูมิ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. ๒๐๑๑ - พ.ศ. ๒๐๓๑) (สถาปนา และประทับ ณ พิษณุโลก จนส้ินรัชกาล) พระเชษฐาธิราช (พ.ศ. ๒๐๓๑ - พ.ศ. ๒๐๓๔) (ตาแหน่งพระมหา อุปราช) พระอาทิตยวงศ์ (พระหน่อพุทธางกูร) (พ.ศ. ๒๐๓๔ – พ.ศ. ๒๐๗๒) (ตาแหน่งพระมหา อปุ ราช) พระไชยราชา (พ.ศ. ๒๐๗๒ - พ.ศ. ๒๐๗๗) (ตาแหน่งพระมหาอปุ ราช) รำชวงศส์ ุโขทัย พระมหาธรรมราชา (ขุนพิเรนทรเทพ) (พ.ศ. ๒๐๗๗ - พ.ศ. ๒๑๑๑) (เจ้าราชธานีฝ่าย เหนือ) พระนเรศวร (หลังเสด็จกลับจากหงสาวดี - พ.ศ. ๒๐๒๗) (ตาแหน่งพระมหาอุปราช) อ้างอิง และหมายเหตุ พญางั่วนาถุม มาจากสายราชวงศ์นาถุม(ผาเมือง) แต่ในตาราประวัติศาสตร์ยังถือว่า ท่านเป็น \"ราชวงศ์พระร่วง\" (อภิปราย) พระยายุทธิษฐิระ ครองศรีสัชนาลัย ซึ่งขณะน้ันมีฐานะเป็น เมืองสาคัญเหนือกวา่ พิษณโุ ลก ราชการสงครามในสมยั สมเดจ็ พระนเรศวร หอมรดกไทย กองทัพบก พอ่ ขนุ รำมคำแหงมหำรำช พ่อขุนรามคาแหง หรือ พ่อขุนรามคาแหงมหาราช กษัตริย์องค์ท่ี ๓ แห่งกรุงสุโขทัยใน ราชวงศ์พระร่วง เป็นโอรสของพอ่ ขนุ ศรีอินทราทิตย์ และพระนางเสือง ทรงเป็นผูป้ ระดิษฐ์อกั ษรไทยท่ี ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ ๑ ทรงเป็นนักรบความเป็นนักรบของพระองค์นั้น เห็นได้ต้ังแต่ยังมิได้ ครองราชย์ พระองค์ทรงได้รับชนะในการกระทายุทธหัตถีกับขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด ในสมัยพ่อขุน ศรีอินทราทิตย์ พระราชบิดา และทรงเป็นจอมทัพในการทาสงครามขยายอาณาเขตตลอดรัชสมัยของ พระบิดา และพ่อขุนบานเมืองทรงนักปกครองพระองค์ทรงมีพระเมตตาเอาพระทัยใส่ในทุกข์สุขของ ประชาชน โดยการสนับสนุนการประกอบอาชีพอย่างเสรี ทรงยกเลิกจังกอบ ซ่ึงเป็นภาษีที่คิดตาม ความกว้างของเรือ ให้กรรมสิทธิ์ที่ดินทากิน ตลอดจนเสรีภาพให้แก่ราษฎร ทรงเป็นนักการทูตท่ีหลัก แหลมพระองค์มีนโยบายกระชับมิตรกับดินแดนต่างๆท้ังที่ใกล้เคียง และแม้แต่ดินแดนอันห่างไกลท่ีมี อานาจ เช่น ล้านนา พะเยา ศริ ิธรรมนคร (นครศรีธรรมราช) ตลอดจนถึงจีน นอกจากนี้ยังปรากฏทรง ใหค้ วามชว่ ยเหลือสนับสนุนรฐั ท่มี าพึง่ พระบรมโพธิสมภารดว้ ย เชน่ มอญ และลา้ นช้างเปน็ ต้นทรงเป็น นักปราชญ์พระองค์น้ันทรงเห็นความสาคัญของพระศาสนา พระองค์ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก และ สนับสนุนทานุบารุงพระพุทธศาสนา ดังปรากฏว่า พระองค์ทรงนิมนต์พระเถระจากเมืองศิริธรรมนคร มาสถาปนาพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์ในสุโขทัย ทรงจัดสร้างพระอารามทั้งในและนอกราชธานี รวมทั้งทรงสนับสนุนการเผยแผ่ หลักธรรมและการสรา้ งศาสนวัตถุอีกด้วย นอกจากพระราชกรณียกิจ ทางด้านพระศาสนาแล้วยังมีความสาคัญเช่นกันคือ ทรงส่งเสริมความเจริญทางภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่น คือ การประดิษฐ์อักษรไทย หรือ ลายสือไทย เป็นหลักฐานสาคัญที่แสดงถึง

8 การประดิษฐ์ลายสือไทย จนถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ในรัชสมัยของพระองค์อี กด้วย และ เน่ืองจากพระองค์ทรงทาคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่แก่ปวงชนชาวไทย จึงยกย่องให้พระองค์ทรงเป็น \"มหาราช\" พระองค์แรกแหง่ ประวัติศาสตรไ์ ทย อ้างองิ : http://www.surasee.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=๕๓๘๗๓๓๙๒๕

9 บทท่ี ๓ วิธีกำรดำเนินงำน การดาเนินโครงการอบรมประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ของสานักงานส่งเสริม การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดขอนแก่น นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือท่ีใช้ในการ วิเคราะหข์ ้อมลู ต่างๆ ดงั นี้ ๑. ประชากร ๒. รปู แบบและวิธกี ารประเมนิ โครงการ ๓. การกาหนดคา่ น้าหนักและเกณฑ์การประเมนิ ๔. เครื่องมอื ท่ีใช้ในการประเมินโครงการ ๕. วิธกี าร การเกบ็ รวบรวมข้อมูล ๖. การวิเคราะห์ขอ้ มลู ๗. สถติ ิที่ใช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ๘. การนาเสนอข้อมูล ประชำกร ประชากร : ประชากรที่ใชใ้ นการศึกษาครงั้ นี้ คอื ประชาชนท่วั ไปอาเภอเขาสวนกวาง ที่ เข้ารว่ มจานวน ๔๖ คน รปู แบบและเครื่องมอื ทใ่ี ช้ในกำรดำเนินงำน เคร่ืองมือในการประเมินผลความพึงพอใจนี้ เป็นแบบสอบถามความพึงพอใจของผู้เข้าร่วม กิจกรรมต่อการจัดกิจกรรมโครงการอบรมประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นการรายงานผลตาม แบบสอบถามความพงึ พอใจของผเู้ ข้ารว่ มกิจกรรมตอ่ การจัดกิจกรรมโครงการอบรมประวัติศาสตรช์ าติ ไทย เมื่อการเข้าร่วมกิจกรรมเสร็จส้ินแล้ว ให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมตอบแบบสอบถามความคิดเห็น ซ่ึง เป็นแบบประเมินผลการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้แบบมาตราส่วนประมาณค่า (Rating Scales) ๕ ระดับ คอื มากทีส่ ุด มาก ปานกลาง นอ้ ย และปรบั ปรุงโครงสร้างแบบสอบถาม มี ๓ ส่วน ดังนี้ ส่วนท่ี ๑ ขอ้ มลู ท่ัวไป มี ๔ ขอ้ ส่วนที่ ๒ ความคิดเห็น/ความพงึ พอใจของผู้เขา้ ร่วมกิจกรรม มี ๑๔ ข้อ สว่ นที่ ๓ ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ เกณฑก์ ำรประเมนิ มดี ังน้ี ๔.๕๐ - ๕.๐๐ หมายถึง ความพึงพอใจระดับมากท่สี ดุ ๓.๕๐ - ๔.๔๙ หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับมาก ๒.๕๐ - ๓.๔๙ หมายถงึ ความพึงพอใจระดับปานกลาง ๑.๕๐ - ๒.๔๙ หมายถึง ความพงึ พอใจระดับนอ้ ย ๑.๐๐ - ๑.๔๙ หมายถึง ความพึงพอใจระดับน้อยทีส่ ดุ ควรปรบั ปรงุ

10 วธิ กี ำรสรำ้ งและพฒั นำเครอ่ื งมือ ผู้สรุปผลไดส้ ร้างและพัฒนาเครอ่ื งมือท่ใี ชใ้ นการดาเนนิ งาน ดังนี้ ๑. ศึกษาแนวคิด ทฤษฎี และเอกสารทเ่ี กี่ยวข้อง ๒. กาหนดแผนงานและโครงการ ๓. กาหนดกจิ กรรมหรืองานที่ปฏิบัติในแตล่ ะข้ันตอน ๔. เขียนแบบประเมินความพึงพอใจฉบับร่าง โดยให้มีข้อถามหรือข้อความครอบคลุม เนอ้ื หา กิจกรรม หรืองานท่ปี ฏิบตั ิตลอดโครงการ และจดั ทาแบบบนั ทกึ คะแนน กำรเก็บรวบรวมข้อมลู ผปู้ ระเมินได้ทาการเก็บรวบรวมขอ้ มูล โดยดาเนนิ การในช่วงสิ้นสุดการจัดกิจกรรม โครงการ อบรมประวัติศาสตรช์ าติไทย กำรวิเครำะห์ข้อมูล ผู้ประเมินได้ทาการวิเคราะหข์ ้อมูลจากแบบสัมภาษณ์และแบบสอบถามความพงึ พอใจ เกณฑ์ การให้คะแนนแบบประเมินความพึงพอใจ เป็นแบบประเมินกาหนดเป็นมาตราส่วนประมาณค่าตาม แนวคดิ ของลิเคริ ท์ (Likert) แสดงระดบั ความคิดเห็นของผู้เขา้ รว่ มกิจกรรมโดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้ ๕ หมายถึง มากที่สุด ๔ หมายถึง มาก ๓ หมายถึง ปานกลาง ๒ หมายถึง นอ้ ย ๑ หมายถงึ นอ้ ยทส่ี ดุ จากน้ันนาข้อมูลมาหาคา่ เฉล่ีย  รายข้อ โดยกาหนดเกณฑ์ ดังน้ี ๔.๕๐ - ๕.๐๐ หมายถงึ ความพึงพอใจระดับมากทสี่ ุด ๓.๕๐ - ๔.๔๙ หมายถงึ ความพึงพอใจระดับมาก ๒.๕๐ - ๓.๔๙ หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับปานกลาง ๑.๕๐ - ๒.๔๙ หมายถงึ ความพงึ พอใจระดับนอ้ ย ๑.๐๐ - ๑.๔๙ หมายถงึ ความพึงพอใจระดับนอ้ ยทส่ี ุดควรปรบั ปรงุ สถิติทใ่ี ชใ้ นกำรวิเครำะหข์ ้อมูล นาข้อมูลท่ีได้มาหาค่าสถติ ทิ างคณติ ศาสตร์ ดังน้ี ๑. ค่าร้อยละ ๒. ค่าเฉลี่ย (Mean) กำรนำเสนอข้อมูล การนาเสนอข้อมลู เปน็ การนาเสนอในรปู ความเรียง ประกอบรายละเอียดในตาราง แจกแจง ดว้ ยคา่ ความถ่ีและรอ้ ยละ

11 บทที่ ๔ ผลกำรดำเนนิ งำน ๑ .สภำพกำรดำเนินงำน โครงการอบรมประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย เพือ่ ให้มีความรู้ ผลกำรดำเนินงำน โครงการอบรมประวตั ศิ าสตร์ชาติไทย ๑.๑ จานวนผู้เขา้ รว่ มโครงการ ประชาชนทวั่ ไปอาเภอเขาสวนกวาง จานวน ๔๖ คน ๒.๒ ความพงึ พอใจผู้เข้าร่วมโครงการ มผี ตู้ อบแบบสอบถามจานวน ๔๖ ชุด จาแนกตามระดับความคิดเห็นดังน้ี ผลกำรวเิ ครำะห์ข้อมูลจำกแบบสอบถำมควำมคิดเห็น/ควำมพึงพอใจ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วน ดงั นี้ ส่วนท่ี ๑ ข้อมลู ทั่วไป ตำรำง ๑ จานวนผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรม ที่ เพศ จำนวน รอ้ ยละ (คน) ๑ ชาย ๒๐ ๔๓.๔๘ ๒ หญิง ๒๖ ๕๖.๕๒ ๔๖ ๑๐๐ รวม จากตาราง ๑ พบวา่ จานวนผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม จานวน ๔๖ คน แบ่งเป็นเพศชาย ๒๐ คน คดิ เป็นรอ้ ยละ ๐๐.๐๐ และเป็นเพศหญิง ๒๖ คน จานวน ๔๖ คน คดิ เป็นร้อยละ ๑๐๐.๐๐ ตำรำง ๒ อายุผเู้ ข้ารว่ มกจิ กรรม ที่ อำยุ จำนวน รอ้ ยละ ๑. ๑๕ – ๓๐ ปี ๒๐ ๔๓.๔๘ ๒. ๓๑–๔๕ ปี ๒๖ ๕๖.๕๒ ๓. ๔๖–๕๙ ปี - - รวม ๔๖ ๑๐๐ จากตารางที่ ๒ ผเู้ ข้าร่วมกจิ กรรมท่ีมชี ่วงอายรุ ะหวา่ ง ๑๕ – ๓๐ ปี มจี านวน ๒๐ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๔๓.๔๘ช่วงอายรุ ะหว่าง ๓๑ - ๔๕ ปีมจี านวน ๒๖ คน คิดเปน็ รอ้ ยละ ๕๖.๕๒

12 ตำรำง ๓ ระดับการศกึ ษาของผ้เู ข้ารว่ มกิจกรรม ระดบั กำรศึกษำ จำนวน รอ้ ยละ ประถมศึกษา -- มธั ยมศกึ ษาตอนต้น -- มัธยมศึกษาตอนปลาย -- ประชาชนทั่วไป ๔๖ ๑๐๐ รวม ๔๖ ๑๐๐ จากตาราง ๓ พบว่า ผูเ้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมมีประชาชนทั่วไป จานวน ๔๖ คน คิดเป็น ร้อยละ ๑๐๐.๐๐ ส่วนท่ี ๒ ควำมพึงพอใจท่ีมตี อ่ กำรจัดกจิ กรรม/โครงกำรดงั ตารางที่ ๒.๑ ถึง ตารางที่๒.๔ ตารางท่ี ๒.๑กระบวนการ ขั้นตอนการใหบ้ รกิ าร ในการจดั กจิ กรรมและความพงึ พอใจในการเข้า ร่วมโครงการ ระดับควำมคดิ เห็น ผลกำร ประเมนิ ที่ ประเด็นคำถำม ดมี ำก ดี ปำน นอ้ ย น้อย X กลำง ทส่ี ดุ ๑. การประชาสมั พันธ์โครงการฯ ๖ ๔๐ - - - ๔.๑๓ ๒. ความเหมาะสมของสถานที่ ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ ๓. ความเหมาะสมของระยะเวลา ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ (จานวนชว่ั โมง,จานวนวัน) ๔. ความเหมาะสมของชว่ งเวลา (๐๘.๓๐-๑๖.๓๐) ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ ๕. การจดั ลาดับข้ันตอนของกจิ กรรม ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ คำ่ เฉลีย่ ( X ) ๔.๐๒ จากตารางท่ี ๒.๑กระบวนการ ขนั้ ตอนการใหบ้ ริการอยูใ่ นระดบั ดีมาก คอื มีคา่ เฉลี่ย (X ) เท่ากบั ๔.๐๒ หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ ๘๐.๕๒

13 ตารางที่ ๒.๒ เจ้าหน้าท่ีผู้ให้บริการ/วิทยากร/ผู้ประสานงาน ในการจัดกิจกรรมและ ความพงึ พอใจ ในการเข้ารว่ มโครงการ ระดบั ควำมคิดเหน็ ผลกำร ประเมิน ท่ี ประเด็นคำถำม ดมี ำก ดี ปำนกลำง นอ้ ย นอ้ ย X ท่สี ดุ ๑. ความรอบรู้ ในเน้อื หาของวทิ ยากร ๕ ๓๕ ๖ - - ๓.๙๗ ๓๕ ๖ - ๒. ความสามารถในการถา่ ยทอดความรู้ ๕ ๓๔ ๗ - - ๓.๙๗ ๓๔ ๗ - ๓. การตอบคาถาม ๕ - ๓.๙๕ ๔. ความเหมาะสมของวทิ ยากร ในภาพรวม ๕ - ๓.๙๕ ค่ำเฉลี่ย ( X ) ๓.๙๖ จากตารางที่ ๒.๒เจ้าหนา้ ที่ผใู้ หบ้ ริการ/วิทยากร/ผ้ปู ระสานงาน อย่ใู นระดับ ดีมาก คือมีค่าเฉลย่ี ( X ) เทา่ กบั ๓.๙๖ หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ ๙๙.๐๐ ตารางท่ี ๒.๓การอานวยความสะดวก ในการจดั กจิ กรรมและความพึงพอใจในการเข้ารว่ ม โครงการ ท่ี ประเดน็ คำถำม ระดับควำมคิดเหน็ ผลกำร ดมี ำก ดี ปำนกลำง น้อย นอ้ ยที่สุด X ประเมิน ๑. เอกสาร ๒. โสตทัศนปู กรณ์ ๕ ๓๔ ๗ - - ๓.๙๕ ๓. เจา้ หนา้ ทีส่ นบั สนุน ๔. อาหาร,เคร่อื งดม่ื และสถานที่ ๕ ๓๔ ๗ - - ๓.๙๕ คำ่ เฉลย่ี ( X ) ๕ ๓๕ ๖ - - ๓.๙๗ ๕ ๓๕ ๖ - - ๓.๙๗ ๓.๙๖ จากตารางท่ี ๒.๓การอานวยความสะดวกตา่ งๆในการจัดกิจกรรม/โครงการ อยู่ในระดบั ดมี าก คือมีคา่ เฉล่ีย ( X ) เท่ากับ ๓.๙๖ หรอื คดิ เป็นรอ้ ยละ ๙๙.๐๐

14 ตารางท่ี ๒.๔ คณุ ภาพการใหบ้ รกิ ารในการจัดกิจกรรมและความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการ ระดบั ควำมคดิ เหน็ ผลกำร ประเมนิ ท่ี ประเดน็ คำถำม ดีมำก ดี ปำน นอ้ ย น้อย X กลำง ที่สุด ๑. ท่านได้รบั ความรู้ แนวคดิ ทักษะและประสบการณ์ ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ ใหมๆ่ จากโครงการ/กจิ กรรม ๒. ท่านสามารถนาสง่ิ ท่ไี ด้รับจากโครงการ/กิจกรรมนไ้ี ป ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ ใชใ้ นการเรียน/การปฏบิ ตั งิ าน ๓. ส่งิ ทที่ า่ นได้รับจากโครงการ/กจิ กรรมคร้งั น้ีตรงตาม ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ ความคาดหวังของทา่ น ๔. สดั ส่วนระหวา่ งการฝึกอบรมภาคทฤษฎีกบั ๖ ๔๐ - - - ๔.๑๓ ภาคปฏิบตั ิ (ถ้ามี) มคี วามเหมาะสม ๕. ประโยชน์ท่ีทา่ นไดร้ บั จากโครงการ/กจิ กรรม ๕ ๓๖ ๕ - - ๔ คำ่ เฉลี่ย ( X ) ๔.๐๒ จากตารางท่ี ๒.๔คณุ ภาพการใหบ้ ริการ ประโยชนท์ ่ไี ด้รับในการเข้าร่วมกิจกรรม/ โครงการ อยู่ในระดบั ดมี าก คือมีคา่ เฉล่ีย (X ) เทา่ กบั ๔.๐๒ หรือ คิดเปน็ ร้อยละ ๘๐.๕๒ บทสรปุ ส่วนที่ ๒ควำมพงึ พอใจทม่ี ตี ่อกำรจัดกิจกรรม/โครงกำร จากตารางท่ี ๒.๑ ถึง ตารางที่ ๒.๔ ผลการประเมินพบว่าความพึงพอใจที่มีโครงการอบรม ประวัติศาสตร์ ชาติไทย อยู่ในระดับ ดีมาก โดยมีค่าเฉล่ียในภาพรวม ( X ) เท่ากับ ๓.๙๙ หรือ คิด เปน็ ร้อยละ ๙๙.๗๕

15 บทที่ ๕ สรุปผลกำรดำเนินงำน/ขอ้ เสนอแนะ กำรประเมนิ ผลโครงกำรอบรมประวัตศิ ำสตรช์ ำติไทย ณ กศน.อำเภอเขำสวนกวำง อำเภอเขำสวนกวำง จังหวัดขอนแกน่ ๑. สรุปผลการประเมนิ โครงการ ๒. ขอ้ เสนอแนะ ตำรำงสรปุ ระดบั ควำมคดิ เห็นของผ้รู บั บริกำร ๔ ด้ำน ดำ้ นท่ี หวั ข้อกำรประเมิน ค่ำเฉลย่ี ระดบั ควำมคดิ เหน็ ๑ ดา้ นกระบวนการข้ันตอนการให้บริการ ๔.๐๒ ๒ ดา้ นเจา้ หนา้ ที่/วทิ ยากร/ผปู้ ระสานงาน ๓.๙๖ ๓ ดา้ นการอานวยความสะดวก ๓.๙๖ ๔ ดา้ นคณุ ภาพการให้บริการ ๔.๐๒ รวม ๓.๙๙ พบว่า ระดับความพงึ พอใจของผู้รับบรกิ าร โดยภาพรวมทุกด้านมคี ่าเฉลี่ย ๓.๙๙ อยู่ในระดับ ดีมาก โดยด้านครูผู้สอน/วิทยากรผู้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ มีค่าเฉล่ีย ๔.๐๒ อยู่ในระดับ ดีมาก, ด้านข้ันตอนกระบวนการจัดกิจกรรม มีค่าเฉล่ีย ๓.๙๖ อยู่ในระดับ ดีมาก, ด้านจัดสิ่งอานวยความ สะดวกแก่ผู้เขา้ ร่วมกิจกรรม มีค่าเฉลี่ย ๓.๙๖ อยู่ในระดับ ดีมาก, ด้านคุณภาพของการจดั กิจกรรม มี คา่ เฉลีย่ ๔.๐๒ อย่ใู นระดับ ดีมาก ตำรำงสรุปผลกำรดำเนนิ งำนตำมโครงกำร. เปำ้ หมำกำร ตัวชี้วดั เกณฑ์ ผลกำร บรรลุ ควำมพึงพอใจของผรู้ ับบริกำร ดำเนินงำน บรรลุ ไม่ บรรลุ กิจกรรมทจ่ี ดั มปี ระโยชน์ สอดคลอ้ งกับความ ร้อยละ ๘๐ พึงพอใจ ร้อยละ  ตอ้ งการของผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรม อยใู่ นระดับ ดี ขึ้นไป ๘๐.๕๒ ความรู้ ทกั ษะ และประสบการณ์ทไ่ี ดร้ บั ร้อยละ ๘๐ พงึ พอใจ รอ้ ยละ สามารถนาไปใชป้ ระโยชน์ในชวี ติ ประจาวันได้ อยูใ่ นระดบั ดี ข้ึนไป ๙๙.๐๐  กิจกรรมทจ่ี ดั สามารถส่งผลดีต่อการพฒั นา ร้อยละ ๘๐ พงึ พอใจ ร้อยละ อยู่ในระดบั ดี ข้นึ ไป ๙๙.๐๐  คน สงั คม และชุมชน ความพงึ พอใจท่ีมีต่อโครงการ/กิจกรรม ร้อยละ ๘๐ พงึ พอใจ รอ้ ยละ ภาพรวม อยูใ่ นระดบั ดี ขึ้นไป ๘๐.๕๒ 

16 ขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะ 1. ควรใหผ้ เู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมทาใบงานเพม่ิ เติม เพ่ือเป็นแนวทางในการเรยี นรู้ และ การศึกษา คน้ ควา้ เพม่ิ เติมต่อไป 2. ควรนาเรื่องใกลต้ วั มาสอนเพ่ิมเตมิ เพื่อเปน็ การเสรมิ ความรแู้ ละเพ่ือใหส้ ามารถนาความรู้ มาประยุกตใ์ ชใ้ นครวั เรือนและในชวี ติ ประจาวัน 3. ควรเพิ่มระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมให้มากกวา่ เดมิ

17 แบบสอบถามโครงการอบรมประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย ระหวา่ งวันที่ ๒๐ – ๒๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๖๔ ณ กศน.อาเภอเขาสวนกวาง ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั อาเภอเขาสวนกวาง ๑. เพือ่ ให้ผจู้ ดั ได้มโี อกาสรับทราบผลการดาเนนิ งานของตนเองและเพ่ือประโยชน์ในการปรับปรุงโครงการให้มี ประสทิ ธภิ าพมากข้ึน ๒. โปรดเตมิ เครอ่ื งหมาย  และกรอกขอ้ ความให้สมบรู ณ์ สว่ นท่ี ๑ ข้อมลู ทัว่ ไปของผูต้ อบแบบสอบถำม ๑. เพศ  ชาย  หญงิ ๒. สถานะ  นกั ศกึ ษา  อาจารย์  บคุ ลากร  ประชาชนทั่วไป อนื่ ๆ โปรดระบุ ………………… ๓. สงั กดั คณะ/สานกั /สถาบัน /หนว่ ยงาน ……………………………………………………………………………………………………………..……………………….… ๔. วฒุ กิ ารศึกษา ประถมศกึ ษา มัธยมศกึ ษาตอนตน้ มัธยมศึกษาตอนปลาย ๕. อายุ ๑๕ – ๓๐ ปี ๓๑- ๔๕ ปี ๔๖ - ๕๙ ปี ๖๐ ปขี ึ้นไป ส่วนท่ี ๒ควำมพงึ พอใจต่อโครงกำร ระดับ ๕ = มากทส่ี ุดหรอื ดมี าก ๔ = มากหรอื ดี ๓ = ปานกลางหรือพอใช้ ๒ = น้อยหรือต่ากวา่ มาตรฐาน ๑ = นอ้ ยทีส่ ุดหรอื ตอ้ ง ปรับปรงุ แกไ้ ข รำยละเอยี ด ระดบั ควำมพงึ พอใจ ๕ ๔๓๒๑ ๑. กระบวนกำร ขน้ั ตอนกำรใหบ้ รกิ ำร ๑.๑ กำรประชำสมั พันธ์โครงกำร ฯ ๑.๒ ควำมเหมำะสมของสถำนท่ี ๑.๓ ควำมเหมำะสมของระยะเวลำ(จานวนชว่ั โมง,จานวนวัน) ๑.๔ ควำมเหมำะสมของช่วงเวลำ(๐๘.๓๐ – ๑๙.๐๐ น.,ช่วงเดอื น) ๑.๕ กำรจัดลำดับขัน้ ตอนของกจิ กรรม ๒. เจำ้ หน้ำทผี่ ้ใู หบ้ รกิ ำร/วิทยำกร/ผู้ประสำนงำน ๒.๑ ควำมรอบรู้ ในเนอ้ื หำของวิทยำกร ๒.๒ ควำมสำมำรถในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ ๒.๓ กำรตอบคำถำม ๒.๔ ควำมเหมำะสมของวิทยำกร ในภำพรวม ๓. กำรอำนวยควำมสะดวก ๓.๑ เอกสำร ๓.๒ โสตทัศนูปกรณ์ ๓.๓ เจ้ำหนำ้ ท่ีสนบั สนนุ ๓.๔ อำหำร,เครือ่ งดม่ื และสถำนท่ี ๔. คุณภำพกำรให้บรกิ ำร ๔.๑ ท่ำนได้รบั ควำมรู้ แนวคิด ทักษะและประสบกำรณ์ใหม่ ๆ จำกโครงกำร/ ๔กิจ.๒กรทร่ำมนนส้ี ำมำรถนำสิ่งที่ไดร้ บั จำกโครงกำร/กจิ กรรมนไ้ี ปใช้ในกำรเรียน/กำร ป๔ฏ.๓ิบสตั ่งิ ทำน่ีท่ำนไดร้ บั จำกโครงกำร/กิจกรรมคร้ังน้ตี รงตำมควำมคำดหวังของท่ำน ห๔ร.๔ือไสมัด่ สว่ นระหวำ่ งกำรฝึกอบรมภำคทฤษฎีกับภำคปฏิบัติ (ถ้ำมี) มคี วำม ๔เห.๕มำปะสระมโยชน์ท่ีทำ่ นไดร้ ับจำกโครงกำร/กจิ กรรม

18 ภาคผนวก

19 ภาพกิจกรรม


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook