Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หน่วยที่ 1 สัญญาจ้างแรงงาน

หน่วยที่ 1 สัญญาจ้างแรงงาน

Published by nontiya wongphueng, 2019-08-16 06:07:06

Description: หน่วยที่ 1 สัญญาจ้างแรงงาน

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรียนรมู้ งุ่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ชอื่ หน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสปั ดาห์ที่ 1 หนว่ ย สัญญาจ้างแรงงาน ช่ัวโมงรวม 1 จานวนชวั่ โมง 1 1.สาระสาคญั สญั ญาจ้างแรงงานและสญั ญาจ้างทาของ มลี ักษณะที่คลา้ ยคลึงและแตกต่างกนั บ้าง บางประการ กลา่ วคือ สัญญาจ้างแรงงานเป็นการจ้างให้บุคคลอื่นทางานให้ แต่อย่างไรก็ตามสัญญาจ้างแรงงานมิได้มุ่งถึง ผลสาเร็จของ งานเป็นหลักเหมือนดังเช่นสัญญาจ้างทาของที่แม้ว่าผู้รับจ้างสามารถใช้แรงงานหรือทรัพยากรอ่ืนใดก็ตามโดย มุง่ ถงึ ผลสาเรจ็ ของงานเป็นหลกั 2. สมรรถนะประจาหน่วย 1.อธบิ ายลักษณะสาคญั ของสัญญาจา้ งแรงงาน 2.อธิบายสทิ ธแิ ละหน้าทขี่ องนายจา้ งและลูกจ้าง 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ 3.1.1. เพอ่ื ใหน้ กั ศึกษามีความร้คู วามเข้าใจลกั ษณะสาคัญของสญั ญาจ้างแรงงาน 3.1.2. เพ่อื ใหน้ กั ศกึ ษามคี วามรคู้ วามเขา้ ใจแบบของสัญญาจ้างแรงงาน 3.13. เพ่ือให้นักศกึ ษามคี วามรคู้ วามเข้าใจสิทธิและหนา้ ที่ของนายจา้ งและลูกจ้าง 3.1.4. เพ่อื ให้นักศึกษามีความรู้ความเขา้ ใจความระงบั แห่งสัญญาจ้างแรงงาน 3.2 ดา้ นทกั ษะ 3.2.1. อธิบายลกั ษณะสาคญั ของสญั ญาจา้ งแรงงานได้ 3.2.2. อธิบายแบบของสัญญาจ้างแรงงานได้ 3.2.3. อธิบายสทิ ธแิ ละหน้าที่ของนายจา้ งและลกู จ้างได้ 3.2.4. อธบิ ายความระงับแหง่ สญั ญาจา้ งแรงงาน 3.3 คณุ ลักษณะทพ่ี ่ึงประสงค์ 3.3.1 นักเรยี นมคี วามรบั ผดิ ชอบ ตรงต่อเวลา และความซอ่ื สตั ย์ 3.3.2 มีคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงคข์ องสานักงานคณะกรรมการการอาชวี ศกึ ษา

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 1 ช่อื หน่วย สัญญาจ้างแรงงาน สอนสัปดาห์ท่ี 1 ช่ัวโมงรวม 1 หนว่ ย สัญญาจ้างแรงงาน จานวนชว่ั โมง 1 4.เนอื้ หาสาระการเรยี นรู้ 1. กฎหมายเกี่ยวกับการจ้างแรงงานมีหลายฉบับด้วยกัน แต่กฎหมายลักษณะจ้างแรงงานตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชยย์ ังคงเป็นกฎหมายหลกั เป็นที่มาและเป็นบ่อเกิดของความสัมพันธ์ระหวา่ งนายจ้างและ ลูกจา้ ง ซึ่งกอ่ ใหเ้ กดนิติสมั พันธต์ อ่ กนั ตามกฎหมายท้ังตามประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมายแรงงานแต่ละฉบับที่เกี่ยวข้อง การศึกษากฎหมายลักษณะจ้าง แรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยไม่มีการศึกษากฎหมาย แรงงานท่ีเก่ียวข้องอาจทาให้ความ เขา้ ใจการใชแ้ ละการความกฎหมายคลาดเคลื่อนหรอื ผดิ เพีย้ นไปได้ 2. สัญญาจา้ งแรงงาน นอกจากจะเป็นสัญญาทมี่ ีลักษณะท่วั ไปเช่นเดีย่ วกับเอกเทศสัญญาลักษณะอนื่ แล้วยัง เปน็ สญั ญาทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะแตกต่างจากเอกเทศสญั ญาลักษณะอนื่ ซง่ึ อาจจาแนกได้สามประเภทคือ เปน็ สัญญา ต่างตอบแทน เป็นสัญญาท่ีไม่มีแบบและเป็นสัญญาเฉพาะตัวนอกจากน้ีหากคู่สัญญาอยู่ในขอบเขตการใช้บังคับ ของกฎหมายแรงงานฉบับใด ก็ต้องปฏบิ ัตติ ามบทบญั ญัตของกฎหมายแรงงานฉบบั นน้ั ดว้ ย 3. สัญญาจ้างแรงงานอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามระยะเวลาการจ้างคือ สัญญาจ้างแรงงานที่กาหนด ระยะเวลาการจ้างแน่นอนประเภทหน่ึง และสัญญาจ้างแรงงานที่ไม่มํีกีกาหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอนอีก ประเภทหน่งึ 4. เมอ่ื เกดิ สัญญาจ้างแรงงานขึ้น นายจ้างและลูกจา้ งซ่ึงเปน็ คู่สญั ญาย่อมมีสทิ ธิและหน้าทีต่ ่อกันทั้งสิทธิและ หน้าท่ีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายแรงงานฉบับต่างๆ เฉพาะนายจ้างและลูกจ้างท่ีอยู่ใน ขอบเขตการใช้บังคบั ของกฎหมายแรงงานฉบับนั้นๆ 5. สัญญาจ้างแรงงานอาจส้ินสุดลงได้หลายกรณีด้วยสาเหตุแตกต่างกันซ่ึงในหน่วยนี้จะแบ่งออก เป็นสอง ประเภท คอื ความสิ้นสุดของสัญญาจา้ งแรงงานโดยทวั่ ไป ซง่ึ หมายถงึ สัญญาจ้างแรงงานทีส่ ิ้นสดุ ลงโดยไม่ต้องบอก เลกิ สญั ญา ไม่ตอ้ งบอกกลา่ วลว่ งหนา้ หรือจา่ ยสนิ จา้ งแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และความสนิ้ สุดของสญั ญาจ่าง แรงงานโดยการบอกเลิกสัญญา ซึ่งอาจเกิดจากความผิดของคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงหรือไม่ก็ได้ รวมท้ังการเลิก จ้าง หรือไล่ลูกจ้างออกจากงานซ่ึงอาจทาให้นายจ้างต้องรับผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายแรงงานฉบับต่างๆ ความเบื้องต้น เกยี่ วกับกฎหมายจา้ งแรงงาน 1. กฎหมายลักษณะจ้างแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นท่ีมาและเป็นบ่อเกิดของ ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างอันก่อให้เกิดนิติสัมพันธ์มีสิทธิและหน้าท่ีต่อกันทั้งสิทธิและหน้าที่ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และกฎหมายแรงงานแต่ละฉบับเฉพาะนายจา้ งและลกู จ้างหรอื กิจการท่ีอยู่ใน ขอบเขตการใชบ้ งั คบั ของกฎหมายแรงงานฉบบั นั้น 2. สัญญาจ้างแรงงานหมายถึง สัญญาระหว่างลูกจ้างและนายจ้างซึ่งลูกจ้างตกลงจะทางานให้นายจ้างและ ตกลงจะให้สินจ้างหรือคา่ จ้างตลอดเวลาที่ลกู จ้างทางานให้

แผนการจัดการเรียนรูม้ งุ่ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยที่ 1 ช่อื หน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสปั ดาห์ท่ี 1 ชว่ั โมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจา้ งแรงงาน จานวนชว่ั โมง 1 3. “ค่าจา้ ง” ตามกฎหมายค้มุ ครองแรงงานหมายถึง “เงนิ ” เท่าน้นั นายจา้ งในกจิ การทอ่ี ยใู่ นขอบเขตการใช้ บงั คบั ของกฎหมายคุ้มครองแรงงาน จะจา่ ยค่าจา้ งใหแ้ กล่ ูกจ้างเปน็ ทรัพย์สนิ อนื่ ไม่ได้ ส่วน “สินจา้ ง” นนั้ ประมวล กฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้ให้คาจากัดความไว้ ดังน้ันนายจ้างและลูกจ้างที่ไม่อยู่ในขอบเขตการใช้บังคับของ กฎหมายคุ้มครองแรงงานจะตกลงกันจ่าย “สินจ้าง” เป็นเงินหรือเงินและส่ิงของหรือทรัพย์สินอ่ืนหรือจ่ายเปน็ สิง่ อ่ืนก็ได้ 4. “นายจ้าง” หมายถึง บุคคลท่ีตกลงรับลูกจ้างเข่าทางานโดยจ่ายสินจ้างหรือค่าจ้างในตลอด เวลาท่ีทาให้ ส่วน “ลูกจ้าง” หมายถึงบุคคลที่ตกลงทางานให้นายจ้างเพ่ือรับสินจ้างหรือค่าจ้างในฐานะลูกจ้าง ซึ่งกฎหมาย แรงงานหลายฉบับตา่ งกใ็ ห้คาจากดั ความของคาว่า “นายจา้ ง” และ “ลกู จา้ ง” ไว้ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกฎหมายลักษณะจา้ งแรงงานกับกฎหมายแรงงาน นายจา้ งและลกู จ้างในกิจการโรงแรมจะทาสัญญาตกลงกันว่า “จะไม่มกี ารจา่ ยเงินค่าชดเชยเม่ือเลิกจ้างไม่ว่า กรณใี ดๆ” ได้หรือไม่เพราะเหตใุ ด กิจการโรงแรมเป็นกิจการท่ีอยู่ในขอบเขตการใช้บังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่ อยู่ในข้อยกเว้นตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังน้ันนายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันไม่จ่ายค่าชดเชย เม่ือเลิกจ้างให้แก่ลูกจ้างไม่ได้ เพราะเป็นการตกลงท่ีแตกต่างกับบทบัญญัตํดิงกล่าวซ่ึงเป็นกฎหมายอันเกี่ยวกับ ความสงบเรียบร้อยของประชาชน ขอ้ ตกลงนน้ั ย่อมเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 151 เวน้ แตน่ ายจา้ งจะเลิกจา้ งลูกจ้างเพราะเหตุท่ีลูกจ้างกระทาความผดิ ตามมาตรา 119 แหง่ พระราชบญั ญตั ิคุ้มครอง แรงงานพ.ศ. 2541 ซ่งึ เปน็ ข้อยกเวน้ ทนี่ ายจ้างไม่ตอ้ งจ่ายค่าชดเชยเมอ่ื เลิกจ้างตามมาตรา 118 ความหมายของสญั ญาจา้ งแรงงานและคู้สญั ญาตามกฎหมาย การศึกษากฎหมายคุ้มครองแรงงานตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มีความสาคัญและ สมั พันธ์กับการศกึ ษากฎหมายลกั ษณะจา้ งแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์อย่างไร นายจ้างและลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงาน ในกิจการที่อยู่ในขอบเขตใช้บังคับของพระราช บัญญัติคุ้มครอง แรงงาน พ.ศ. 2541 นอกจากจะมีสิทธิและหน้าท่ีต่อกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะจ้าง แรงงานและบทบัญญัตํิอินที่เก่ียวข้องแล้ว ยังมีสิทธิและหน้าท่ีต่อกันตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครอง แรงงาน พ.ศ. 2541 ซ่ึงเป็นกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอีกด้วย ดังน้ันการศึกษา กฎหมายคุ้มครองแรงงานตามพระราชบัญญัติดังกล่าว หรือการศึกษากฎหมายแรงงานฉบับอื่นควบคู่ไปกับ การศึกษากฎหมายลักษณะจา้ งแรงงานตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จะยังประโยชนใ์ ห้แก่ผู้ศึกษาในการ ตีความและวินจิ ฉัยปัญหาตางๆ ระหว่างนายจ้างและลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานซ่ึงอาจมีกฎหมายแรงงานฉบับ ต่างๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง และมีบทบาทอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ หากนายจ้างและลูกจ้างน้ันอยู่ในกิจการตามขอบเขต การใช้บังคับของกฎหมายแรงงานฉบับนนั้ ๆ

แผนการจัดการเรียนรู้มงุ่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 1 ชือ่ หน่วย สัญญาจ้างแรงงาน สอนสัปดาห์ท่ี 1 ช่วั โมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจ้างแรงงาน จานวนช่วั โมง 1 สาระสาคญั ของสญั ญาจ้างแรงงาน 1. สัญญาจ้างแรงงานเป็นเอกเทศสัญญาลักษณะหน่ึงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์สัญญาจ้าง แรงงานจงึ มลี ักษณะทัว่ ไปเช่นเดียวกบั เอกเทศสัญญาลักษณะอื่น ๆ (คือตอ้ งนาบท บัญญัติในบรรพ 1 และ บรรพ 2 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาปรับใช้กับสัญญาจ้างแรงงานด้วยในกรณีท่ีบทบัญญัติลักษณะจ้าง แรงงานมิได้บญั ญตั ิไว้) นอกจากลักษณะทว่ั ไปแลว้ สัญญาจา้ งแรงงานยังเป็นสัญญาทม่ี ีลักษณะเฉพาะแตกตา่ งจาก เอกเทศสัญญาลักษณะอ่ืนซึ่งอาจจาแนกได้ 3 ประการ คือ เป็นสัญญาต่างตอมแทน เป็นสัญญาท่ีไม่มีแบบและ เป็นสัญญาเฉพาะตวั 2. สัญญาจ้างแรงงานอาจแบ่งออกเป็น 2 ประเภทตามระยะเวลาการจ้าง คือ สัญญาจ้างแรงงานท่ีมีกาหนด ระยะเวลาการจ้างแน่นอนประเภทหน่ึง ซ่ึงหมายถึงสัญญาท่ีกาหนดเวลาเริ่มต้นและเวลาสิ้นสุดของการจ้างไว้ แนน่ อนต้งั แตเ่ มอื่ เริ่มจา้ งและสนิ้ สดุ ลงทนั ทเี ม่ือครบกาหนดระยะเวลาทต่ี กลงกันไว้โดยไม่ต้องบอกเลกิ สัญญา และ สัญญาจ้างแรงงานท่ีไม่มีกาหนดระยะเวลาการจ้างงานแน่นอนอีกประเภทหน่ึงซึ่งหมายถึงสัญญาท่ีมิได้ กาหนดเวลาส้ินสุดของการจ้างไว้แน่นอนอันเป็นผลให้คู่สัญญาไม่อาจทราบได้ว่าจะจ้างกันนานเท่าใด และจะ สน้ิ สุดลงเมื่อใดเม่ือต้องการเลิก สญั ญา จึงตอ้ งบอกกล่าวล่วงหนา้ ให้อกี ฝา่ ยหนึ่งทราบตามกาหนดระยะเวลาท่ีกฎหมายกาหนดไว้ 3. เมื่อเกิดสัญญาจ้างแรงงานขึ้น นายจ้างและลูกจ้างซึ่งเป็นคู่สัญญาต่างก็มีสิทธิและหน้าที่ตอบแทนต่อกัน ตามที่กฎหมายกาหนดไว้หลายประการ ทั้งสิทธิและหน้าท่ีตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์และกฎหมาย แรงงานฉบับตา่ ง ๆ ลกั ษณะของสญั ญาจ้าง อธิบายหลักในการวินจิ ฉยั วา่ สญั ญาใดเป็นสญั ญาจ้างแรงงานหรอื ไม่ สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาที่มีลักษณะเฉพาะซึ่งอาจแยกพิจารณาได้ 3 ประการคือ เป็นสัญญาต่างตอบ แทน เปน็ สัญญาทไ่ี ม่มแี บบและเปน็ สญั ญาเฉพาะตวั จากการพิจารณาลักษณะเฉพาะ 3 ประการดังกล่าว ทาให้ได้หลักในการวินิจฉัยว่าสัญญาใดเป็นสัญญาจ้าง แรงงานหรือไม่ 2 ประการคอื ถ้าเป็นสัญญาจ้างแรงงาน นายจ้างย่อมมีอานาจบังคับบัญชาลูกจ้างเก่ียวกับการ ทางานประการหน่ึง กล่าวคือ หากลูกจ้างจงใจขัดคาสั่งอันชอบด้วยกฎหมายของนายจ้าง หรือละเลยไม่นาพาต่อ คาสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณ นายจ้างอาจไล่ออกได้ทันทีโดยไม่จาต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหมทดแทนก็ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 และลูกจ้างไม่ต้องรับผิดในผลสาเร็จของงานอีกประการหน่ึง แต่ลูกจ้างต้องทางานในหน้าท่ีท่ีได้รับมอบหมายอย่างเต็มกาลังความสามารถซึ่งตรงกันข้ามกับสัญญาจ้างทาของ ทผ่ี ู้รบั จา้ งต้องรบั ผดิ ในผลสาเร็จของงาน คอื ต้องทางานส่งิ ใดสง่ิ หนงึ่ จนสาเรจ็ ใหแ้ กผ่ ้วู ่าจ้างตามมาตรา 587 บริษัทสุโขทัย จากัด ประกาศรับสมัครพนักงานฝ่ายบุคคลโดยให้ผู้สมัครกรกอในสมัครงานให้วินิจฉัยว่า ใบสมคั รงานเปน็ สัญญาจา้ งแรงงานหรอื ไม่

แผนการจดั การเรียนร้มู ุง่ เน้นสมรรถนะ หน่วยท่ี 1 ช่อื หน่วย สัญญาจ้างแรงงาน สอนสัปดาห์ที่ 1 ช่ัวโมงรวม 1 หนว่ ย สญั ญาจ้างแรงงาน จานวนช่ัวโมง 1 การกรอกใบสมัครงานเป็นเพียงคาเสนอหรือการแสดงเจตนาของผู้สมัครงานท่ีต้องการทางานเพ่ือรับ สนิ จา้ งในฐานะลูกจ้างเท่านั้น แตถ่ า้ นายจ่างสนองรับคาเสนอคือ ตกลงรับสมคั รเข้าทางานเป็นลกู จ้างแลว้ ใบสมัคร งานก็มีผลเป็นสัญญาจ่างแรงงานหรืออาจเป็นส่วนหน่ึงของสัญญาในกรณีท่ีมี การแก้ไขเปลี่ยนแปลงสาระสาคัญ เกี่ยวกับสภาพการจ้างท่ีลูกจ้างกรอกในใบสมัครงานหรือในกรณท่ีมีการทาสัญญาจ้างแรงงานกันใหม่หลังจากท่ี นายจ้างตกลงจา้ งผสู้ มัครเปน็ ลกู จา้ งแล้ว ประเภทของสญั ญาแรงงาน สัญญาจ้างแรงงานที่มีกาหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอนต้องทาอย่างไร จึงจะมีผลใช้บังคับกันได้ตาม กฎหมาย และจะกาหนดระยะเวลาการจ้างได้ไม่เกินกี่ปีสัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาท่ีไม่มีแบบ ไม่ว่าจะเป็น สัญญาจ้างที่มีหรือไม่มีกาหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอนหรือไม่ เพียงตกลงด้วยวาจาหรือโดยปริยายก็มีผลใช้ บงั คับกันไดแ้ ล้ว แต่ถ้าเปน็ สญั ญาจ้างท่มี กี าหนดระยะเวลาการจ้างแนน่ อน คู่สัญญาตอ้ งตกลงกนั ต้งั แตเ่ ม่ือเร่ิมจ้าง วา่ จะจ้างกันเป็นระยะเวลาเท่าใด ซึ่งไมม่ กี ฎหมายกาหนดระยะเวลาเวลาการจ้างข้นั ต่าหรือขั้นสูงไวด้ งั นัน้ คู่สัญญา จะตกลงจ้างกันนานเทา่ ใดกไ็ ด้ สาหรับกิจการท่ีอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 นั้น การจ้างที่มีกาหนด ระยะเวลาแน่นอนดังกล่าวจะกระทาได้เฉพาะกรณีการจ้างในโครงการเฉพาะท่ีมิใช่งานปกติของธุรกิจหรือการค้า ของนายจ้างซึ่งต้องมีระยะเวลาเร่ิมต้นและสิ้นสุดของงานท่ีแน่นอน หรือในงานอันมีลักษณะเป็นคร้ังคราวที่มี กาหนดการสิ้นสุด หรือความสาเร็จของงาน หรือในงานท่ีเป็นไปตามฤดูกาลและได้จ้างในช่วงเวลาของฤดูกาลนั้น ซึ่งงานเหล่านั้นจะต้องแล้วเสร็จภายในเวลาไม่เกินสองปี โดยนายจ้างและลูกจ้างได้ทาสัญญาเป็นหนังสือไว้ต้ังแต่ เมอ่ื เร่ิมจา้ งงานมิฉะนน้ั นายจ้างจะต้องจา่ ยคา่ ชดเชยให้แก่ลกู จา้ ง แม้สัญญาจะสน้ิ สดุ ลงตามกาหนดระยะเวลาการ จ้างกต็ ามใหว้ นิ จิ ฉยั ว่าข้อบงั คับเก่ียวกับการทางานของโรงแรมสโุ ขทยั ท่ีกาหนดใหล้ กู จา้ งของโรงแรมพ้นจาก ตาแหนง่ เม่อื มีอายุครบหกสบิ ปบี ริบูรณ์ เวน้ แต่จะได้รับการพิจารณาให้ต่ออายุการทางานนน้ั เป็นสัญญาจ้าง แรงงานท่ีมีกาหนดระยะเวลาการจ้างแน่นอนหรือไม่ข้อบังคับเกี่ยวกับการทางานของโรงแรมสุโขทัยที่กาหนดให้ ลูกจ้างของโรงแรม พ้นจากตาแหน่งเม่ือมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ เว้นแต่จะได้รับการพิจารณาให้ต่ออายุการ ทางานน้ัน เป็นเพียงบทกาหนดเง่ือนไขเก่ียวกับคุณสมบัติการเป็นลูกจ้างของโรงแรมเท่าน้ันไม่ใช่การกาหนด ระยะเวลาจ้างเพราะคู่สัญญา ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงจะบอกเลิกสัญญาเสียเม่ือใดก็ได้มิได้ผูกพันให้ต้อง จ้างกันจนกว่า ลูกจ้าง จะมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์ ข้อบังคับดังกล่าวจึงมิใช่สัญญาจ้างแรงงานท่ีมีกาหนดระยะเวลาการจ้าง แน่นอน (เทียบเคยี งคาพิพากษาฎีกาที่ 1178/2524) สทิ ธแิ ละหนา้ ทขี่ องค้สู ญั ญา ลูกจ้างจะเรียกร้องให้นายจ้างออกใบสาคัญแสดงการทางานเป็นภาษอื่น นอกจากภาษาไทย หรือนายจ้างจะ ออกใบสาคัญแสดงการทางานใหล้ ูกจา้ งเป็นภาษาอื่นได้หรอื ไม่ และเม่ือนายจ้างออกใบสาคัญแสดงการทางานให้ แล้ว ลกู จ้างจะเรยี กร้องใหน้ ายจา้ งออกใบสาคัญแสดงการทางานให้ใหม่ได้หรอื ไม่

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หน่วยท่ี 1 ชอื่ หน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสัปดาห์ที่ 1 ชั่วโมงรวม 1 หนว่ ย สญั ญาจ้างแรงงาน จานวนช่ัวโมง 1 ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์มาตรา 585 บญั ญตั ไิ วว้ า่ “เมื่อการจ้างงานส้ินสุดลงแล้ว ลูกจ้างชอบที่จะได้รับใบสาคัญ แสดงว่าลูกจ้างน้ันได้ ทางานมานานเท่าไรและ งานท่ที าน้นั เป็นงานอยา่ งไร” ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มิได้กาหนดไวว้ า่ นายจา้ งตอ้ งออกใบสาคัญแสดงการทางานให้เปน็ ภาษา ใด นายจ้างจึงต้องออใบสาคัญแสดงการทางานเป็นภาษาไทยเพราะเป็นการกระทาตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย ไทย เว้นแต่นายจ้างและลูกจ้างจะตกลงกันให้ออกเป็นภาษาอื่น ดังน้ันลูกจ้างจะเรียกร้องให้นายจ้างออกเป็น ภาษาอื่นนอกจากภาษาไทยไม่ได้ หากนายจ้างไม่ยินยอม และนายจ้างจะออกให้เป็นภาษาอื่นก็ไม่ได้เช่นกัน หาก ลูกจา้ งไม่ยนิ ยอม แต่ถา้ นายจ้างได้ออกให้เปน็ ภาษาอื่นและลูกจา้ งยอมรบั แล้วก็ถือว่าได้ตกลงกนั ให้ออกเปน็ ภาษา อื่นลูกจ้างจะมาเรียกร้องให้ออกเป็นภาษา ไทยอีกฉบับไม่ได้และหากนายจ้างได้ออกใบสาคัญน้ีให้ลูกจ้างตาม มาตรา 585 ไปแล้ว นายจ้างก็ไม่มีหน้าท่ีต้องออกให้ลูกจ้างใหม่เว้นแต่จะตกลงกันไว้ในสัญญาจ้าง หรือข้อตกลง เกี่ยวกับสภาพการจ้าง คาตันเปน็ ชาวนครพนม เดินทางมากรงุ เทพมหานคร และสมัครเปน็ ลกู จ้างของบริษัทกรุงเทพการก่อสรา้ งจากัด ถา้ คาตนั ถูกเลกิ จ้างโดยไมม่ ีความผิดนายจา้ งต้องจ่ายเงินเป็นค่าเดินทางกลบั จงั หวัดนครพนมให้คาตันหรือไมเ่ พราะเหตุใด ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชย์มาตรา 586 บญั ญัตไิ ว้ว่า “ถ้าลูกจ้างเป็นผู้ซ่ึงนายจ้างได้จ้างเอามาแต่ต่างถิ่นโดยนายจ้างออกค่าเดินทางให้ไซร้ เม่ือการจ้างแรงงาน ส้นิ สดุ ลง และถา้ มิได้กาหนดกนั ไวเ้ ปน็ อยา่ งอ่ืนในสญั ญาแล้ว ท่านว่านายจา้ งจาตอ้ งใช้เงินค่าเดินทางขากลับให้แต่ จะต้องเปน็ ดังตอ่ ไปนี้คอื (1) สญั ญามิได้เลิกหรือระงบั เพราะการกระทาหรือความผิดของลกู จ้าง และ (2) ลกู จา้ งกลบั ไปยังถ่ินที่ไดจ้ า้ งเอามาภายในเวลาอนั สมควร” กรณีตามปัญหาแม้คาตันจะถูกเลิกจ้างโดยมิได้กระทาความผิด แต่คาตันก็ไม่ใช่ลูกจ้างซ่ึงนายจา้ งได้จ้างเอามา จากต่างถ่ิน โดยนายจ้างออกค่าเดินทางให้เพราะคาตันเดินทางมาสมัครงานกับบริษัทของนายจ้างเอง ดังนั้น นายจา้ งจึงไมม่ ีหน้าที่ตอ้ งจา่ ยหรือใชเ้ งินค่าเดินทางกลับจังหวดั นครพนมให้คาตันตามหลกั กฎหมายดังกล่าว ความส้นิ สุดของสัญญาจ้างแรงงาน 1. สัญญาจ้างแรงงานอาจสิ้นสุดได้หลายกรณีด้วยสาเหตุแตกต่างกันซ่ึงอาจแยกออกเป็น 2 เร่ือง คือ ความ ส้นิ สุดของสัญญาจ้างแรงงานโดยทว่ั ไปเรือ่ งหน่ึง และความสิน้ สุดของสญั ญาจา้ งแรงงานโดยการบอกเลกิ สัญญาอกี เรอ่ื งหนึ่ง 2. ความสิ้นสุดของสัญญาจ้างแรงงานโดยทั่วไปในเร่ืองนี้ หมายถึง สัญญาจ้างแรงงานท่ีสิ้นสุดลงโดยไม่ต้อง บอกเลิกสัญญา ไมต่ ้องบอกกลา่ วล่วงหน้า หรอื จา่ ยสินจ้างแทนการบอกกลา่ วลว่ งหนา้ 3. ความสิ้นสุดของสัญญาจ้างแรงงานโดยการบอกเลิกสัญญา หมายถึง การบอกเลิกสัญญาจ้างโดยคู่สัญญา ฝ่ายใดฝ่ายหน่ึงอันอาจเกิดจากความผิดของคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งหรือไม่ก็ได้ รวมทั้งการเลิกจา้ งหรือไล่ลูกจ้างออก จากงานซ่งึ อาจทาให้นายจา้ งต้องรบั ผดิ ชอบตามบทบัญญัติแหง่ กฎหมายแรงงานฉบับตา่ ง ๆ ดว้ ย

แผนการจัดการเรียนร้มู ่งุ เนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ชอื่ หน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสปั ดาห์ท่ี 1 ช่วั โมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจา้ งแรงงาน จานวนชว่ั โมง 1 ความสิ้นสุดของสญั ญาจา้ งแรงงานโดยทวั่ ไป ยกตัวอย่างกรณีท่ีทาใหสัญญาจ้างแรงงานส้ินสุดลงโดยนายจ้างไม่ต้องบอกล่วงหน้า และไม่ต้องจ่าย ค่าชดเชยใหแ้ กล่ กู จ้าง สัญญาจ้างแรงงานอาจสิ้นสุดลง หรือระงับลงโดยนายจ้างไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือจ่าย สินจ้าง แทนการบอกกล่าวล่วงหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 582 และพระราช บัญญัติผู้คุ้มครอง แรงงานพ.ศ. 2541 มาตรา 17 และไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลกู จ้าตาม พระราชบญั ญัติคมุ้ ครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา118 เนอ่ื งจากสาเหตุต่าง ๆ หลายกรณดี ้วยกัน เช่น (1) เมื่อครบกาหนดระยะเวลาการจ้างตามสญั ญาจา้ งแรงงาน ท่มี กี าหนดระยะเวลาการจ้างแนน่ อน (2) เมอื่ ตกลงกนั เลิกสญั ญา (3) เมือ่ ลกู จา้ งตาย (4) เมือ่ นายจา้ งตายในกรณีทสี่ าระสาคญั อยูท่ ตี่ ัวนายจ้าง (5) เม่ือขาดคุณสมบัติในการเป็นลูกจ้าง เช่น กรณีขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่มีสัญชาติไทย และกรณี ขาดคณุ สมบตั ิเน่อื งจากเกษยี ณอายุการทางานเปน็ ตน้ ความส้ินสุดของสญั ญาจ้างแรงงานโดยการบอกเลิกสญั ญา เรียมเป็นลูกจ้างบริษัทขวัญใจ จากัด ทางานมาแล้ว 9 ปีได้ค่าจ้างเดือนละ 20,000 บาททุกวันส้ินเดือน ถ้า นายจ้างบอกเลิกจ้างเรียมด้วยวาจา ในวันที่ 1 ตุลาคม 2545 และให้เรียมออกจากงานทันที โดยจ่ายค่าจ้างเดือน กันยายนให้เรยี มแล้ว แต่เรยี มอ้างว่านายจ้างต้องจา่ ยค่าจา้ งเดือนตุลาคมให้เรียมดว้ ย เพราะเป็นการเลิกจ้างทันที โดยไม่มกี ารบอกกล่าวล่วงหน้า ใหว้ ินิจฉัยวา่ เรียมมีสิทธิได้รบั ค่าจ้างแทนการบอกกลา่ วล่วงหน้าตามกฎหมายเป็น เงนิ เท่าใด ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณิชยม์ าตรา 582 บญั ญตั ิไว้ว่า “ถ้าคสู่ ัญญาไม่ได้กาหนดลงไวใ้ นสัญญาว่าจะจา้ งกนั นานเท่าใด ทา่ นว่าฝา่ ยใดฝ่ายหนึง่ จะเลกิ สญั ญาดว้ ยการ บอกกล่าวล่วงหน้าในเมื่อถึงหรือก่อนถึงกาหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหน่ึงเพ่ือ ให้เป็นผลยกเลิกสัญญากันเม่ือ ถงึ กาหนดจ่ายสนิ จา้ งคราวถัดไปข้างหนา้ ก็อาจทาไดแ้ ต่ไมจ่ าต้องบอกลว่ งหนา้ กว่าสามเดอื น อนึ่งเมื่อบอกกล่าวดังน้ี นายจ้างจะจ่ายสินจ้างแก่ลูกจ้างเสียให้ครบจานวนท่ีต้องจ่ายจนถึงเวลาบอกเลิก สัญญาตามกาหนดทีบ่ อกกลา่ วนั้นทเ่ี ดียวแล้วปลอ่ ยลกู จา้ งจากงานเสียในทนั ทีก็อาจทาได้” พระราชบัญญัติคุม้ ครองแรงงานพ.ศ.2541 มาตรา 17 วรรคสองและวรรคส่บี ัญญัติไดว้ ่า “ในกรณท่ีสัญญาจ้างไม่มีกาหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้าง โดยบอกกล่าว ล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝา่ ยหน่ึงทราบ ในเม่อื ถึงหรือก่อนจะถึงกาหนดจา่ ยค่าจา้ งคราวหนึ่งคราวใด เพอ่ื ให้เป็น ผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างถัดไปข้างหน้าก็ได้ แต่ไม่จาเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน” มาตรา17 วรรคสอง

แผนการจัดการเรียนรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ช่ือหน่วย สัญญาจ้างแรงงาน สอนสปั ดาห์ท่ี 1 ชัว่ โมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจ้างแรงงาน จานวนชว่ั โมง 1 “การบอกเลิกสัญญาจ้างตามวรรคสอง นายจา้ งอาจจา่ ยค่าจ้างให้ตามจานวนท่ีต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญา ตามกาหนดที่บอกกล่าวและให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีได้ และให้ถือว่าการจ่ายค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามวรรคนี้ เป็นการจ่ายสินจา้ งให้แก่ลกู จา้ งตามมาตรา 582 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์” มาตรา 17 วรรคสี่ ตามกรณีตามปัญหา เรยี มเปน็ ลูกจา้ งซ่งึ อยู่ในขอบเขตการใชบ้ ังคับของพระราชบัญญตั ิคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างท่ีไม่มีกาหนดระยะเวลาจ้างแน่นอน นายจ้างจึงมีสิทธิเลิกสัญญาจ้างเมื่อใดก็ ได้ด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้า โดยอาจบอกกล่าวล่วงหน้าด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือก็ได้ เมื่อถึงหรือก่อนจะถึง กาหนดจา่ ยค่าจ้างคราวใดคราวหน่ึง เพอ่ื ใหเ้ ป็นผลเลิกสัญญากันเม่ือถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าตาม ป.พ.พ. มาตรา 582 วรรคหนึ่งและ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสอง แต่นายจ้างก็อาจ จ่ายค่าจ้างให้ตามจานวนที่ต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกาหนดท่ีบอกกล่าวทีเดียว และให้ลูกจ้างออกจาก งานทันทีก็ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 582 วรรคสอง และ พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 วรรคสี่ ดังน้ันเมื่อเรียมได้ค่าจ้างเดือนละ 20,000 บาท และนายจ้างเลิกจ้างเรยี มโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เรียมจึงมีสิทธิ ได้รับคา่ จ้างเดอื นตุลาคมและเดือนพฤศจิกายน แทนการบอกกลา่ วล่วงหนา้ รวมเป็นเงนิ 40,000 บาท เพราะเป็น การบอกเลิกจ้างในวันท่ี 1 ตุลาคม ซ่ึงเป็นระยะเวลาก่อนถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างเดือนตุลาคม จึงเป็นผลเลิกสัญญา กนั เม่ือถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปคือวันท่ี 30 พฤศจกิ ายน ตามหลักกฎหมายดังกล่าว แอนทางานมาแล้ว 9 ปี ไดค้ ่าจา้ งเดือนละ 9,000 บาท กาหนดจา่ ยค่าจ้างทุกวนั ส้ินเดือนในวันที่ 1 เมษายน 2546 แอนตบหนา้ นายจ้างสองครั้งเพราะเกิดโทสะที่ถูกนายจา้ งตาหนิเกีย่ วกับการทางาน นายจ้างจึงบอกเลิกจ้าง แอนเปน็ หนังสือในวันเดียวกนั น้นั โดยมิได้ระบุเหตุผลไว้ ใหว้ นิ จิ ฉยั วา่ หนงั สอื เลกิ จ้างดังกลา่ วจะเป็นผลเลิกสัญญา เมอ่ื ใด และนายจา้ งจะตอ้ งจ่ายค่าชดเชยให้แอนหรือไม่เพราะเหตุใด ประมวลกฎหมายแพง่ และพาณชิ ย์มาตรา 583 บญั ญัติไว่วา่ “ถ้าลูกจ้างจงใจขัดคาสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรือละเลยไม่นาพาต่อคาสั่งเช่นว่านั้นเป็น อาจณิ กด็ ี ละทง้ิ การงานไปเสยี ก็ดี กระทาความผิดอย่างรา้ ยแรงกด็ ี หรือกระทาประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติ หน้าท่ขี องตนใหล้ ุล่วงไปโดยถูกต้องและสจุ ริตก็ดี ท่านวา่ นายจา้ งจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกลา่ วลว่ งหนา้ หรือให้ สนิ ไหมทดแทนกไ็ ด้” พระราชบญั ญตั ิคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 17 มาตรา 118 และมาตรา 119 บญั ญตั ไิ ว้วา่ “ในกรณที่นายจ้างเป็นฝ่ายบอกเลิกสัญญาจ้าง ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายจา้ งจะยกเหตผุ ลตามมาตรา 119 ข้นึ อา้ งในภายหลงั ไมไ่ ด้” มาตรา 117 วรรคสาม “การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตราน้ีไม่ใช้บังคับแก่การเลิกจ้างตามมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติน้ีและ มาตรา 583 แหง่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณชิ ย์” มาตรา 17 วรรคท้าย “ให้นายจ้างจา่ ยคา่ ชดเชยใหแ้ กล่ กู จา้ งซึง่ เลกิ จ้างดังตอ่ ไปน้ี

แผนการจัดการเรียนรู้มงุ่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ชื่อหน่วย สัญญาจ้างแรงงาน สอนสปั ดาห์ที่ 1 ชว่ั โมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจ้างแรงงาน จานวนชวั่ โมง 1 (4) ลูกจ้างซึ่งทางานติดต่อกันครบหกปีแต่ไม่ครบสิบปีให้จ่ายไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย สองร้อยสี่สิบ วัน หรือไม่น้อยกว่าค่าจ้างของการทางานสองร้อยส่ีสิบวันสุดท้ายสาหรับลูกจ้างซึ่งได้รับค่าจ้างตามผลงานโดย คานวณเป็นหนว่ ย” มาตรา 114(4) “นายจ้างไมต่ ้องจา่ ยเงินชดเชยใหแ้ กล่ ูกจ้างซ่งึ เลกิ จ้างในกรณหี น่งึ กรณใี ดดงั ต่อไปนี้ (1) ทจุ ริตตอ่ หน้าที่หรือกระทาความผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจา้ ง” มาตรา 119 (1) กรณตี ามปัญหาจะเหน็ ไดว้ ่าแอนเป็นลกู จ้างตามสญั ญาจ้างแรงงานท่ีไม่มีกาหนดระยะ เวลาการจา้ งแน่นอน และเป็นลูกจ้างท่ีอยู่ในขอบเขตการใช้บังคับของพระราชบญั ญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ซ่ึงโดยปกติแล้วการ เลิกจ้างลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานท่ีไม่มีกาหนดเวลาจ้างแน่นอนน้ัน นายจ้างจะเลิกสัญญาได้ด้วยการบอก กล่าวล่วงหน้าในเม่ือถึงหรือก่อนจะถึงกาหนดจ่ายค่าจ้างคราวใดคราวหน่ึง เพ่ือให้เป็นผลเลิกสัญญากันเม่ือถึง กาหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้า หรือนายจ้างจะจ่ายค่าจ้างแก่ลูกจ้างให้ครบจานวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลา เลิกสัญญาตามกาหนด ท่ีบอกกล่าวนั้นทีเดียว แล้วให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีก็ได้แต่กรณีน้ีเป็นการเลิกสัญญา จ้างเนือ่ งจากลูกจ้างตบหนา้ นายจ้างซึ่งเป็นการระทาความผดิ อย่างรา้ ยแรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 583 และเป็นการกระทาความผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้างตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 119(1) นายจ้างจึงสามารถบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไล่ลูกจ้างออกจากงานได้ทันทีโดยไม่ต้องบอก กล่าวล่วงหน้า หรือให้สินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 583 และพระราชบัญญัติ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา17 วรรคท้าย ดังน้ันหนังสือเลิกจ้างดังกล่าวจึงเป็นผลเลกิ สัญญาจ้างทันทีคือ วันที่ 1 เมษายน 2546 นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การบอกเลิกสัญญาจ้างตามนี้ แม้จะเป็นการเลิกจ้างเพราะเหตุท่ีลูกจ้างกระทาความผิด ร้ายแรงซ่ึงเป็นการกระทาความผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้างอันเป็นเหตุยกเว้นที่นายจ้างไม่ต้องบอกกล่าว ล่วงหน้าและไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างดังกลา่ วก็ตาม แต่เมื่อนายจ้างเป็นฝ่ายบอกเลกิ สัญญาจ้างโดยไม่ได้ ระบุเหตุผลไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้าง นายจ้างจะยกเหตุยกเว้นตามมาตรา 119(1) ข้ึนอ้างภายหลังเพื่อไม่ จ่ายค่าชดเชยไม่ได้ดังน้ัน นายจา้ งจึงต้องจ่ายคา่ ชดเชยเมื่อเลิกจา้ งแอนตามมาตรา 118(4) สรปุ หนังสอื เลกิ จา้ งตามสญั ญา เปน็ ผลเลิกสญั ญาจา้ งทันทีคอื ในวนั ท่ี 1 เมษายน 2546 และนายจ้างตอ้ ง จ่ายค่าชดเชยเม่อื เลกิ จ้างใหแ้ อนตามหลกั กฎหมายดังกล่าว

แผนการจัดการเรียนร้มู งุ่ เน้นสมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ชอ่ื หน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสปั ดาห์ท่ี 1 ช่ัวโมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจ้างแรงงาน จานวนช่ัวโมง 1 บรู ณาการกบั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง 2 เงือ่ นไข 3 หว่ ง 4 มิติ 2 เงอ่ื นไข • เงือ่ นไขความรู้ นาความรทู้ ี่ได้รับจากการศึกษาความรเู้ กี่ยวกับสญั ญาจ้างแรงงาน ไปวางแผนใช้ในชีวิตประจาวัน รวมถึง นาไปเผยแพร่ให้บุคคลทวั่ ไปรบั ทราบด้วย เง่อื นไขคุณธรรม เมื่อศึกษาความรู้ท่ัวไปเกี่ยวกับสัญญาจ้างแรงงานไปใช้ประกอบในการดาเนินชีวิตโดยยึดหลัก ของกฎหมายและศลี ธรรมท่ีดีงามของสังคม 3 ห่วง • หลกั ความพอประมาณ การศกึ ษาความรเู้ กย่ี วกับสัญญาจ้างแรงงาน สามารถศกึ ษาจากหนังสอื เรยี นที่เกย่ี วขอ้ งในราคา ทพี่ อประมาณ หรือจากหอ้ งสมดุ หรอื คน้ ควา้ จากการใช้ อินเตอรเ์ น็ต ของวิทยาลยั ที่เปิดให้บรกิ าร • หลกั ความมเี หตผุ ล บอกถึงสาเหตุที่ต้องมีความรู้เก่ียวเกี่ยวกับสัญญาจ้างแรงงาน เพ่ือที่จะได้ทราบถึงความหมาย ไปใช้ใน การทางาน ทจ่ี าเปน็ ตอ่ การดาเนินชวี ติ ในปัจจุบนั ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม • หลักความมีภมู ิคุ้มกนั บอกได้ว่าสามารถนาความรู้จากการเรียนรู้เร่ืองสัญญาจ้างแรงงานไปใช้ในการดาเนินชีวิตเก่ียวกับแบบ สัญญา และสญั ญาทมี คี วามเกย่ี วข้องทางกฎหมายได้ถกู ต้อง 4 มติ ิ  วัตถุ........................................................................................................................ ..........  สังคม............................................................................................................ .....................  สิ่งแวดลอ้ ม.................................................................................................................. ......  วฒั นธรรม.........................................................................................................................

แผนการจดั การเรียนร้มู ุ่งเน้นสมรรถนะ หนว่ ยที่ 1 ช่อื หน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสัปดาห์ที่ 1 ช่วั โมงรวม 1 หนว่ ย สัญญาจ้างแรงงาน จานวนชว่ั โมง 1 5.กิจกรรมการเรยี น 5.1 การนาเขา้ สู่บทเรยี น 1. ช้ีแจงมาตรฐานสมรรถนะประจาหนว่ ย จดุ ประสงค์ รายวิชา และมาตรฐานรายวชิ า 2. ช้ีแจงใหเ้ ห็นความจาเปน็ และความสาคญั ของการเรียนรู้ตามจดุ ประสงค์ หน่วยที 1 สัญญาจ้างแรงงาน 3. ใหน้ กั ศึกษาบอกความหมายของสัญญาจ้างแรงงานตามํทตี่ นเองเขา้ ใจเฉล่ียเป็นรายบุคคล 41. ผู้สอนสรปุ ความหมายของ สัญญาจ้างแรงงาน แบบสัญญาจ้างแรงงาน 5.2 การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและสาระสาคัญเนือ้ หาบทเรยี น ดงั ต่อไปนี 1.1.ลกั ษณะสาคัญของสัญญาจ้างแรงงาน 1.2.แบบของสญั ญาจา้ งแรงงาน 1.3.สิทธแิ ละหนา้ ทขี่ องนายจ้างและลกู จา้ ง 1.4.ความระงับแห่งสัญญาจา้ งแรงงาน 2. แบ่งนักศึกษาออกเป็น 10 กลุ่ม เพ่ือให้ศึกษาใบความรู้จากใบงานตามองค์ประกอบของสัญญาจ้าง แรงงาน ให้นักศึกษาร่วมกันสรุปผลการศึกษาและรายงานผลหน้าชั้นเรียนได้อย่างอิสระ เมื่อรายงานเสร็จแล้วให้ ผู้ฟังซักถามปัญหาข้อสงสัย จากนั้นให้รายงานตั้งคาถามผู้ฟังอย่างน้อย 2 คาถาม โดยให้ผู้ฟังแสดงความคิดเห็น ภายในชั้นเรียนได้อยา่ งอสิ ระตามระบอบประชาธปิ ไตย (Democracy : 3D) 5.3 การสรปุ ผู้สอนสรปุ สาระสาคัญท่ีนักศกึ ษานาเสนอหนา้ ช้ันเรียนพร้อมอธบิ ายเพมิ่ เติม และสรุปเนื้อหาตามจุดประสงค์ เชิงพฤติกรรม ตามหัวข้อ พร้อมท้ังปลูกฝังให้นักศึกษาเอาใจใส่ในการเรียน ดูหนังสือเรียนอย่างสม่าเสมอและ ส่งส่งใหเ้ ลน่ กีฬาอยู่เสมอเพ่ือให้ร่างกายแขง็ แรง ความจาดีเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ สง่ เสริมใหห้ า่ งไกล จากยาเสพติดอย่างแทจ้ รงิ เป็นการสง่ เสริมภูมคิ ุ้มกนั ภยั จากยาเสพติด (Drug – Free : 3D) 11. แจกแบบทดสอบหลังเรียน 12. ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น พรอ้ มกับบนั ทกึ คะแนน 13. แนะนาหนังสืออา่ นเพิ่มเตมิ หรือแหลง่ เรียนรู้อน่ื ที่นกั ศึกษาสามารถค้นคว้าเพิ่มเติมได้ 5.4 การวัดและประเมนิ ผล 1. ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 2. สังเกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 3. สงั เกตพฤติกรรมการทางานกลมุ่ 4. แบบฝึกหดั ทา้ ยหนว่ ยเรยี นท่ี 1

แผนการจดั การเรยี นรมู้ ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ช่ือหน่วย สัญญาจา้ งแรงงาน สอนสัปดาห์ที่ 1 หนว่ ย สญั ญาจ้างแรงงาน ชว่ั โมงรวม 1 จานวนช่วั โมง 1 6.สอื่ การเรียนรู้/แหล่งการเรียนรู้ 6.1 สอ่ื ส่งิ พิมพ์ 1. หนังสือเรยี นวชิ ากฎหมายแรงงาน 2. แบบสอบก่อนเรยี น-หลังเรียน 3. แบบประเมินพฤตกิ รรมกล่มุ 6.2 สอ่ื โสตทศั น์ (ถา้ มี) - โปรเจคเตอร์ - Powerpoint 6.3 หุน่ จาลองหรอื ของจรงิ (ถ้ามี) - 6.4 อืน่ ๆ (ถา้ มี) 7. เอกสารประกอบการจัดการเรียนรู้ (ใบความรู้ ใบงาน ใบมอบหมายงาน ฯลฯ ) 1. ใบความร้ทู ี่ 1.1 เรอื่ ง แบบฝึกหัด/คาถาม/คาตอบ 8. การบูรณาการ/ความสมั พันธก์ บั วชิ าอ่ืน 1. บูรณาการกับวิชาชีวิตและวัฒนธรรมไทย ด้านการพูด การอ่าน การเขียน และการฝึกปฏิบัติตนทางสังคม ดา้ นการเตรยี มความพร้อม ความรบั ผดิ ชอบ และความสนใจใฝ่รู้ 2. บูรณาการกบั วชิ ากฬี าเพือ่ พฒั นาสุขภาพและบุคลิกภาพ ด้านบคุ ลิกภาพในการนาเสนอหนา้ ชัน้ เรยี น 3. บรู ณาการกับวิชาหลักเศรษฐศาสตร์ ด้านการเลอื กใชท้ รัพยากรอย่างประหยดั 9. การวัดและประเมินผล 9.1 ก่อนเรยี น 1.แบบทดสอบก่อนเรยี นแล้วให้นักศกึ ษาสลบั กนั ตรวจคาตอบ 9.2 ขณะเรยี น 1.การต้งั ใจฟงั และซกั ถามขอ้ สงสยั 9.3 หลังเรยี น 1.แบบทดสอบหลังเรยี น 2.แบบฝึกหดั ทา้ ยบทเรยี น

แผนการจัดการเรียนร้มู ุ่งเนน้ สมรรถนะ หนว่ ยท่ี 1 ชอ่ื หน่วย สัญญาจ้างแรงงาน สอนสปั ดาห์ที่ 1 ช่วั โมงรวม 1 หน่วย สญั ญาจา้ งแรงงาน จานวนช่ัวโมง 1 10. บนั ทึกหลังสอน 10.1 ผลการใชแ้ ผนการจัดการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 10.2 ผลการเรียนรู้ของนักเรยี น นักศึกษา ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... 10.3 แนวทางการพัฒนาคณุ ภาพการเรยี นรู้ ................................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................................... ..


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook