Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เครื่องใช้ไฟฟ้า

เครื่องใช้ไฟฟ้า

Published by cchawbl, 2021-03-09 03:13:44

Description: 12

Search

Read the Text Version

4. เคร่ืองใช้ไฟฟ้า เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ เปน็ เครอื่ งอานวยความ สะดวกสบาย สามารถเปลี่ยนพลังงานไฟฟา้ ให้ เป็นพลงั งานรปู อน่ื ๆ ได้ เช่น การเปล่ยี น พลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลังงานแสง พลังงานความ ร้อน พลังงานกล พลงั งานเสยี ง เปน็ ต้น

4.1 เครอื่ งใชไ้ ฟฟ้าที่ใหพ้ ลงั งานแสงสว่าง เช่น หลอดไฟธรรมดาหรือหลอดไฟชนดิ ไส้ และหลอดเร่อื งแสงหรอื หลอดฟลอู อเรส เซนต์ เปน็ หลอดไฟท่ีมีประสิทธิภาพในการเปล่ยี นรูปพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานแสงไดส้ งู กวา่ หลอดไฟธรรมดา ใหค้ วามสว่างมากกว่าหลอดไฟธรรมดาประมาณ 5 เทา่ มีอายกุ ารใช้ งานมากว่ากว่าหลอดไฟธรรมดาถึง 8 เท่า

4.1 เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าทใ่ี หพ้ ลงั งานแสงสว่าง เครอื่ งใช้ไฟฟา้ ทีเ่ ปลย่ี นพลังงานไฟฟ้าใหเ้ ปน็ พลงั งานแสงสวา่ ง ไดแ้ ก่ หลอดไฟฟ้า ซ่งึ แบง่ ออกเป็น 2 ชนิด คอื 1.หลอดไฟธรรมดาหรอื หลอดแบบมีไส้ 2.หลอดเรืองแสงหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์

โทมัส แอลวา เอดิสัน นักวิทยาศาสตรช์ าวอเมริกนั เมอ่ื ปี พ.ศ. 2422 เป็นผู้ ประดษิ ฐ์หลอดไฟฟา้ เปน็ คนแรก โดยใชค้ าร์บอนเส้นเล็ก ๆ เปน็ ไสห้ ลอด และได้ พัฒนาขึ้นจนเป็นไส้หลอดทงั สเตนเสน้ เลก็ ๆ ที่เราพบเหน็ ในปจั จุบนั

สว่ นประกอบตา่ ง ๆ ของหลอดไฟธรรมดา

2.หลอดเรอื งแสงหรือหลอดฟลอู อเรสเซนต์ หลอดเรอื งแสงหรอื หลอดฟลอู อเรสเซนต์ ภายในเปน็ สญุ ญากาศ บรรจไุ อปรอทไวเ้ ล็กนอ้ ย ผิว ดา้ นในฉาบดว้ ยสารเรืองแสงเมือ่ กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นไอปรอท อะตอมของปรอทจะคายรงั สี อัลตราไวโอเลตออกมา เมื่อรังสนี กี้ ระทบกบั สารเรอื งแสงจะ เปลง่ แสงสวา่ ง



สตารต์ เตอร์ (Starter) ทาหน้าทเี่ ปน็ สวติ ช์อตั โนมตั ใิ นขณะหลอดเรอื งแสงยังไมต่ ดิ และหยุดทางานเมอื่ หลอดเรอื งแสงสวา่ งแล้ว แบลลสั ต์ (Balast) ทาหน้าทเ่ี พิม่ ความตา่ งศกั ย์เพ่อื ใหห้ ลอดเรอื งแสงตดิ ในตอนแรก และทาใหก้ ระแสไฟฟา้ ทผี่ า่ นหลอดลดลงเมอื่ หลอดตดิ แลว้ พร้อมทงั้ ควบคมุ กระแสไฟฟ้าให้คงตวั

4.2 เครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ทใ่ี หพ้ ลังงานความร้อน เปน็ เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ ทีเ่ ปลีย่ นพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลังงานความร้อน

สว่ นประกอบที่สาคญั ของเคร่อื งใช้ไฟฟา้ ที่ให้ความร้อน 1.ขดลวดความร้อนหรือแผ่นความรอ้ น (heater) ซงึ่ ทามาจากลวดนโิ ครม เป็นโลหะ ผสมระหว่างนิเกลิ กบั โครเมยี ม ซึง่ มีคุณสมบัตดิ า้ นความต้านทานไฟฟ้าสงู มีจุดหลอมเหลวสงู จงึ ไม่ขาดงา่ ย 2.สวติ ซค์ วามร้อนหรอื ตวั ควบคมุ อุณหภมู ิ ทาหนา้ ทคี่ วบคมุ อณุ หภมู ิใหค้ งท่หี รอื เป็น สวิตซอ์ ัตโนมัติ ทาด้วยโลหะคู่ เชน่ ทองเหลอื งกับทองแดง เม่ือไดร้ บั ความรอ้ นจะขยายตวั ไม่ เท่ากัน และจะแยกออกจากกัน เป็นการตัดไฟไม่ใหก้ ระแสไฟฟา้ ผา่ น แตเ่ มือ่ เยน็ โลหะท้ังสอง กจ็ ะแตะกนั อกี ทาให้กระแสไหลผ่านได้

4.3 เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าทใ่ี ห้พลังงานกล ประกอบดว้ ยมอเตอรแ์ ละเครอื่ งควบคมุ ความเรว็ การทาใหเ้ ครอื่ งหมนุ ชา้ หรอื เรว็ น้ันทา ไดโ้ ดยการเพิ่มหรอื ลดความตา้ นทานภายในเครอ่ื ง ซ่งึ มผี ลตอ่ ปรมิ าณกระแสไฟฟา้ ทไ่ี หล ผา่ นเครอื่ ง และทาใหค้ วามเรว็ เปลยี่ นไปได้

4.4 เครอ่ื งใชไ้ ฟฟ้าทใี่ ห้พลังงานเสียง เป็นเครอื่ งใชไ้ ฟฟา้ ทเี่ ปลยี่ นพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานเสยี ง เช่น เครอ่ื งรบั วทิ ยุ เครอื่ งบนั ทกึ เสยี ง เครอื่ งขยายเสยี ง เปน็ ตน้

เครื่องรับวิทยุ เป็นเครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ทเ่ี ปลีย่ นพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานเสยี งโดยรับคล่นื วิทยจุ ากสถานสี ่ง ภายในเครอื่ งรบั วทิ ยจุ ะมอี ปุ กรณ์อเิ ลก็ ทรอนกิ สข์ ยายสัญญาณเสยี งทอ่ี ย่ใู นรูปของสญั ญาณไฟฟา้ ใหแ้ รงขนึ้ จนเพยี งพอทที่ าใหล้ าโพงสน่ั สะเทอื นเปน็ เสียง ดังแผนภาพตอ่ ไปนี้

เครอื่ งบันทึกเสยี ง เปน็ เครอ่ื งใชไ้ ฟฟา้ ทเ่ี ปลีย่ นพลงั งานไฟฟา้ เปน็ พลงั งานเสยี งโดยใชไ้ มโครโฟนเปลย่ี น เสยี งพดู เสียงรอ้ งเปน็ สญั ญาณไฟฟ้า แลว้ บนั ทกึ สญั ญาณไฟฟา้ ลงแถบบนั ทกึ เสียงในรูปของ สญั ญาณแมเ่ หลก็ เมอ่ื นาแถบบันทึกเสยี งที่บันทึกเสยี งมาเล่น สัญญาณแม่เหลก็ จะถกู เปลีย่ นเปน็ สญั ญาณไฟฟา้ แล้วขยายใหแ้ รงขึน้ จนพอทจี่ ะทาให้ลาโพงส่นั สะเทือนเปน็ เสียงอกี ครงั้ หน่ึง



ในการเลือกซือ้ เคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ชนดิ ตา่ งๆ สามารถทราบค่ากาลงั ไฟฟา้ ไดจ้ าก ตัวเลขท่ีกากับไวท้ เี่ คร่อื งใชไ้ ฟฟา้ แต่ละชนดิ เชน่ หลอดไฟฟา้ มตี วั เลขกากบั ไว้วา่ 220 v 100 w มีความหมายดงั น้ี

4.5 เทคนคิ การใชเ้ ครื่องใชไ้ ฟฟ้าในบา้ น







4.6 การคานวณเร่อื งกาลงั ไฟฟา้ กาลงั ไฟฟา้ หมายถงึ พลงั งานไฟฟา้ ทใ่ี ชใ้ น 1 หนว่ ยเวลา กาลงั ไฟฟา้ 1 วัตต์ จึงหมายถงึ การใชไ้ ฟฟา้ 1 จูล ในเวลา 1 วนิ าที







5. การคานวณหาค่าไฟฟ้า กอ่ นที่กระแสไฟฟา้ จะต่อเขา้ บา้ นต้องผ่านมาตรไฟฟ้า ซง่ึ เป็นเครอ่ื งวดั พลังงาน ในหน่วยกโิ ลวตั ต์ - ชว่ั โมง มาตรไฟฟา้ มีหลายขนาด เช่น 5, 15, และ 50 เปน็ ต้น จะต้องเลือกขนาดใหเ้ หมาะสมกับการใชง้ าน และในการคดิ คา่ ไฟฟา้ ได้







ขอ้ สอบ 0-net







ก. ขนาดใหญ่ ข. ขนาดใหญ่ไมม่ ีฉนวนห้มุ ค. ห้มุ ดว้ ยฉนวนหนาๆ ง. สายออ่ นมฉี นวนห้มุ

ก. มคี วามนาไฟฟา้ มาก ข. มคี วามตา้ นทานไฟฟ้ามาก ค. มจี ุดหลอมเหลวตา ง. มีจดุ หลอมเหลวสูง

ก. ชนิดของลวดตัวนา ข. พน้ื ทีหนา้ ตัด ค. ความยาวของลวดตวั นา ง. ถูกทกุ ข้อ

ก. 5 A ข. 10 A ค. 14.54 A ง. 15 A

ก. อุปกรณ์ไฟฟา้ มขี นาดเลก็ กว่าเครืองใชไ้ ฟฟา้ ข. อุปกรณ์ไฟฟ้าทาด้วยโลหะ สว่ นเครอื งใช้ไฟฟ้าสว่ นใหญ่ทาดว้ ยวตั ถทุ ี เปน็ ฉนวนไฟฟา้ ค. อุปกรณไ์ ฟฟ้าทาหนา้ ทเี ปลียนพลังงานแสง ส่วนเครอื งใชไ้ ฟฟา้ เปลียน พลังงานไฟฟ้าเป็นพลงั งานรปู อืนๆ ง.อุปกรณไ์ ฟฟา้ ทาหน้าทีเกียวกับการไหลของกระแสไฟฟ้าในวงจรส่วน เครอื งใช้ไฟฟ้าทาหน้าทีเปลยี นพลงั งานไฟฟ้าเปน็ พลงั งานรปู อนื

ก. เครืองปรับอากาศ ข. เตารดี ค. เตาไฟฟ้า ง. เครืองซักผ้า

ก.วงจรเปดิ ข.วงจรปดิ ค.วงจรอนกุ รม ง.วงจรขนาน

ก. แบบอนุกรม ข. แบบขนาน ค. แบบผสม ง. แบบใดกไ็ ด้

ก. ปล๊กั ข. ฟิวส์ ค. สวติ ซ์ ง. สตาร์ตเตอร์

ก. ขายดึ ข. ขาเกนิ ค. สายดิน ง. ฟวิ ส์

ก.ลาโพง ข.ไมโครโฟน ค.ไดนาโม ง.มอเตอร์

ก. สายไฟฟา้ จะรอ้ น เพราะกระแสไฟฟา้ ผา่ นได้มาก ข. สายไฟฟ้าจะร้อน เพราะกระแสไฟฟ้าผา่ นไดน้ ้อย ค. ไม่เกดิ ผลอะไรเลย เพราะกระแสไฟฟ้าผา่ นสายไฟฟ้าทกุ ขนาด ได้เท่ากัน ง. หลอดไฟฟ้าสว่างขึน้ เพราะกระแสไฟฟ้าผ่านสายไฟฟา้ เสน้

ก. 1,100 หนว่ ย ข. 1.10 หน่วย ค. 3.3 หนว่ ย ง. 33 หน่วย

1. เป็นบรเิ วณทมี คี วามตา้ นทานไฟฟ้าสงู ทีสุดในวงจร 2. เปน็ บรเิ วณทมี กี ระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นมากทสี ุด 3. เปน็ บรเิ วณทีมคี วามรอ้ นเกดิ ขึ้นมากทสี ุด ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3 ค. 1 และ 3

ก. กาลังไฟฟา้ – จลู ตอ่ วินาที ข. กาลังไฟฟ้า – วตั ต์ ค. พลังงานไฟฟา้ – จลู ง. กระแสไฟฟ้า – โวลต์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook