Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ระบบไฟฟ้าพื้นฐาน สำหรับงานช่าง

ระบบไฟฟ้าพื้นฐาน สำหรับงานช่าง

Published by 945sce00460, 2020-04-30 02:44:02

Description: ระบบไฟฟ้าพื้นฐาน ไฟฟ้ากำลัง

Search

Read the Text Version

ระบบไฟฟ้าพืน้ ฐาน สาหรับงานช่าง หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) หม้อแปลงไฟฟ้า เป็ น เครื่องกลไฟฟ้า ชนิดหนึ่ง เครื่องกลไฟฟ้า หมายถึง อุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานกล หรือเปล่ียนจากพลงั งาน กลมาเป็นพลงั งานไฟฟ้า การทางานของอุปกรณ์ดงั กล่าวมีท้งั แบบเคล่ือนท่ี และแบบอยกู่ บั ที่ · อุปกรณ์ไฟฟ้าท่ีเปลี่ยนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งานกล เช่น o หมอ้ แปลงไฟฟ้า o มอเตอร์ไฟฟ้า · ส่วนเคร่ืองกลท่ีเปล่ียนพลงั งานกลเป็นพลงั งานไฟฟ้า เช่น o เครื่องกาเนิดไฟฟ้า (สามารถผลิตแรงเคลื่อนไฟฟ้า และจา่ ยกระแสไฟฟ้าออกมา)

หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer) หมอ้ แปลงไฟฟ้า(Transformer) คือ เครื่องกลไฟฟ้าชนิดหน่ึงที่ใชเ้ ปล่ียนพลงั งานไฟฟ้าเป็นพลงั งาน ไฟฟ้า โดยสามารถเปลี่ยนแรงดนั ไฟฟ้า(Voltage) ใหเ้ พิ่มข้ึนเรียกวา่ “Step up Transformer” และใหล้ ดลง เรียกวา่ “Step down Transformer” แตไ่ มเ่ ปลี่ยนกาลงั ไฟฟ้า(Power/Watt) และความถ่ี(Frequency/Hz) ไฟฟ้าเกิดข้ึนไดจ้ ากแหล่งกาเนิดแตกต่างกนั แยกออกได้ 6 ประเภท โครงสร้างของหม้อแปลงไฟฟ้า หมอ้ แปลงไฟฟ้ามีส่วนประกอบที่สาคญั อยู่ 3 ส่วน คือ แกนเหล็ก ขดลวดตวั นา และฉนวน (และอาจมี ส่วนประกอบยอ่ ยซ่ึงข้ึนอยกู่ บั ขนาดของหมอ้ แปลง เช่น หมอ้ แปลงขนาดใหญ่ อาจมีถงั บรรจุหมอ้ แปลง น้ามนั หมอ้ แปลง และข้วั ของหมอ้ แปลง เป็นตน้ ) · แกนเหลก็ แกนเหล็กของหมอ้ แปลงจะมีลกั ษณะเป็นแผน่ บางๆ เคลือบดว้ ยฉนวน เรียกกนั วา่ แผน่ ลามิเนต · ขดลวดตวั นา ขดลวดตวั นาของหมอ้ แปลงจะมีลกั ษณะเป็นขดลวดทองแดงหรืออลูมิเนียมหุม้ ดว้ ย ฉนวน โดยทว่ั ไป หมอ้ แปลงจะมีขดลวด 2 ชุด คือ ขดลวดปฐมภูมิ(Primary Winding) และขดลวด ทุติยภูมิ(Secondary Winding) · ฉนวน ฉนวนของหมอ้ แปลงจะมีไวเ้ พือ่ ป้องกนั ไมใ่ หข้ ดลวดสมั ผสั กบั ส่วนที่เป็ นแกนเหลก็ และ ป้องกนั ไมใ่ หข้ ดลวดแตล่ ะช้นั สัมผสั กนั หลกั การทางาน การทางานของหมอ้ แปลงใชก้ ารส่งถ่ายพลงั งานไฟฟ้าจากวงจรหน่ึง(ขดลวดปฐมภูมิ-Primary Winding) ซ่ึงกระแสไฟฟ้าที่ป้อนเขา้ มาจะสร้างเส้นแรงแม่เหลก็ (Flux) และแรงแมเ่ หลก็ (Magnetromotive Force) ข้ึนในแกนเหลก็ (Iron Core) กระแสไฟฟ้าท่ีไหลในขดลวดเป็ นไฟฟ้ากระแสสลบั ข้วั แมเ่ หลก็ ที่เกิดข้ึนจึง สลบั ข้วั กลบั ไปกลบั มาดว้ ยความเร็วเทา่ กบั ความถ่ีไฟฟ้า(Frequency) เส้นแรงแม่เหล็กที่เกิดข้ึนจะเคล่ือนท่ีตดั กบั ขดลวดที่พนั อยบู่ นแกนเหล็ก ทาใหเ้ กิดการเหนี่ยวนาแรงดนั ไฟฟ้า(Induce EMF) ไปยงั อีกวงจรหน่ึง(ขดลวด ทุติยภูมิ – Secondary Winding) ส่งถ่ายเป็นแรงดนั ไฟฟ้าและกระแสไฟฟ้าออกมา โดยมีความถี่ไฟฟ้าเทา่ กบั ความถี่ไฟฟ้าท่ีป้อนเขา้ มา (ท่ีใชก้ นั อยปู่ รกติไดแ้ ก่ 50-60 เฮิรตซ์) วงจรท่ีนิยมใชต้ ่อเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าในบา้ น นิยมต่อแบบขนาน

การทางานของหมอ้ แปลงไฟฟ้าจะไมม่ ีส่วนใดเคล่ือนท่ีเหมือนมอเตอร์จึงมีการสูญเสียกาลงั งานในขณะ ทางานนอ้ ยกวา่ มอเตอร์ ประเภทของหม้อแปลง หมอ้ แปลงไฟฟ้าสามารถจาแนกชนิด หรือประเภทตามลกั ษณะตา่ งๆ เช่น · แบ่งตามลกั ษณะของแกนเหลก็ o แกนเหลก็ แบบคอร์ (Core Type) แกนเหลก็ จะเป็นแผน่ เหลก็ บางๆมีลกั ษณะเป็นรูป L-L หรือ U- I ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั จะมีวงจรแม่เหลก็ วงจรเดียว-วงจรเดี่ยว หรือวงจรแมเ่ หล็กแบบ อนุกรม (ขดลวดดา้ นปฐมภูมิ และดา้ นทุติยภูมิ จะถูกพนั อยบู่ นแกนเหล็กท้งั สองดา้ นแยกกนั อยู่ คนละขา้ ง) o แกนเหลก็ แบบเชลล์ (Shell Type) แกนเหลก็ จะเป็ นแผน่ เหลก็ บางๆมีลกั ษณะเป็นรูป E-I เม่ือ ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั จะมีวงจรแม่เหล็ก 2 วง หรือวงจรแม่เหลก็ แบบขนาน (ขดลวดดา้ นปฐม ภูมิ และดา้ นทุติยภูมิ จะถูกพนั อยบู่ นแกนกลางของแกนเหลก็ ท้งั สอง ซ่ึงจะพนั ทบั กนั อย)ู่ แกนเหล็กแบบเชลลน์ ้ี อาจแบ่งออกเป็ น แบบแกนเดี่ยว(แผน่ เหล็กมีลกั ษณะเป็นรูป E- I ประกอบเขา้ ดว้ ยกนั ) หรือชนิดแกนเหลก็ แบบกระจาย (แผน่ เหลก็ เม่ือประกอบข้ึนแลว้ จะมี วงจรแม่เหลก็ มีหลายวงจร กระจายรอบขดลวดซ่ึงพนั อยตู่ รงกลาง) o แกนเหลก็ แบบทอร์รอยด์ (Toroid Type) แกนเหลก็ จะเป็นแผน่ เหลก็ บางๆมีลกั ษณะเป็นวง แหวน เม่ือประกอบเขา้ ดว้ ยกนั จะมีลกั ษณะเป็นรูปทรงกระบอก (ขดลวดดา้ นปฐมภูมิและดา้ น ทุติยภูมิ จะถูกพนั รอบแกนเหลก็ และเรียงเส้นกนั อยา่ งเป็นระเบียบ) แกนเหลก็ หมอ้ แปลงชนิด น้ีจะมีคา่ การสูญเสียต่า และมีประสิทธิภาพสูง · แบ่งตามชนิดของระบบไฟฟ้า o หม้อแปลงไฟฟ้าเฟสเดียว (Single Phase Transformer) หมายถึง หมอ้ แปลงไฟฟ้าท่ีใชก้ บั ระบบ ไฟฟ้าเฟสเดียว ประกอบดว้ ยขดลวดดา้ นปฐมภูมิและทุติยภูมิหน่ึงขดุ o หม้อแปลงไฟฟ้าสามเฟส (Three Phase Transformer) หมายถึง หมอ้ แปลงไฟฟ้าที่ใชก้ บั ระบบ ไฟฟ้า 3 เฟส ดงั น้นั จึงมีขดลวดดา้ นปฐมภูมิและดา้ นทุติยภูมิอยา่ งละ 3ชุด และอาจต่อเขา้

ดว้ ยกนั เป็นแบบวายหรือสตาร์ (Wye or Star Connection) หรืออาจต่อเขา้ ดว้ ยกนั เป็นแบบ เดลต้า (Delta Connection) · แบ่งตามลกั ษณะการใช้งาน o หม้อแปลงกาลงั (Power Transformer) เป็นหมอ้ แปลงที่ใชส้ าหรับการจ่ายกาลงั ไฟฟ้า ซ่ึงจะมีค่า กาลงั ไฟฟ้าท่ีใชง้ านสูงและแรงดนั ไฟฟ้าใชง้ านอยา่ งต่อเน่ือง พกิ ดั ของหมอ้ แปลงจะเหมือน พิกดั ของเคร่ืองจกั รท่ีใชไ้ ฟฟ้าสลบั คือกาหนดค่าเป็นโวลท-์ แอมแปร์ (VA) o หม้อแปลงอเิ ลก็ ทรอนิกส์ (Electronic Transformer) หมายถึง หมอ้ แปลงที่ใชจ้ า่ ยไฟใหก้ บั วงจร อิเล็กทรอนิกส์ จะมีขนาดไมเ่ กิน 100VA o หม้อแปลงเคร่ืองมือวดั (Instrument Transformer) หมายถึง หมอ้ แปลงที่ใชส้ าหรับวดั คา่ แรงดนั ไฟฟ้าและคา่ กระแสไฟฟ้า ท้งั ในวงจรไฟฟ้ากาลงั และวงจรอิเล็กทรอนิกส์กาลงั เรียกวา่ หมอ้ แปลงความต่างศกั ด์ิ(Potential Transformer) และหมอ้ แปลงกระแสไฟฟ้า(Current Transformer) o หม้อแปลงเฉพาะงาน หมายถึง หมอ้ แปลงซ่ึงจะครอบคลุมหลายแบบ และหลายลกั ษณะการใช้ งาน รวมถึงอุปกรณ์ท่ีใชง้ านร่วมดว้ ย ไดแ้ ก่ หมอ้ แปลงแรงดนั คงที่ หมอ้ แปลงกระแสคงที่ หมอ้ แปลงเฟอโรรีโซแนนซ์(Ferroresonance Tramsformer) และหมอ้ แปลงหลายแทป(Multi Tap Transformer) · แบ่งตามความถท่ี ใ่ี ช้งาน o หม้อแปลงกาลงั เป็นหมอ้ แปลงท่ีใชง้ านในระบบไฟฟ้ากาลงั โดยมีความถี่คงที่ตามความถ่ีของ ระบบไฟฟ้ากาลงั o หม้อแปลงย่านความถ่เี สียง เป็นหมอ้ แปลงท่ีใชส้ าหรับงานสื่อสารที่ยา่ นความถ่ีเสียง o หม้อแปลงความถ่สี ูง เป็นหมอ้ แปลงท่ีใชง้ านยา่ นความถ่ีสูงมาก (Ultra High Frequency) o หม้อแปลงความถกี่ ว้าง เป็นหมอ้ แปลงที่ใชง้ านวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ทางานในยา่ นความถี่กวา้ ง

o หม้อแปลงความถแี่ คบ เป็นหมอ้ แปลงที่ใชง้ านวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ออกแบบใหใ้ ชง้ านยา่ น ความถี่เฉพาะ o หม้อแปลงสัญญาณพลั ซ์ (Pulse Transformer) เป็นหมอ้ แปลงท่ีใชใ้ นวงจรอิเลก็ ทรอนิกส์ ที่ ทางานเพ่ือส่งสัญญาณพลั ซ์ ทางานดา้ นไฟฟ้ากาลงั หรืออิเล็กทรอนิกส์กาลงั · แบ่งตามลกั ษณะการพนั ขดลวด o หม้อแปลงแบบแยกขด (Ordinary Transformer / Isolate Transformer) หมายถึง หมอ้ แปลงท่ี มีขดลวดปฐมภูมิ และขดลวดทุติยภูมิแยกออกจากกนั โดยเด็ดขาด o หม้อแปลงแบบอตั โนมตั ิ (Auto Transformer) หมายถึง หมอ้ แปลงไฟฟ้าที่มีขดลวดปฐมภูมิและ ขดลวดทุติยภูมิเป็ นขดลวดชุดเดียวกนั การต่อหม้อแปลง · การขนานหม้อแปลง การขนานหมอ้ แปลง หมายถึง การนาหมอ้ แปลงไฟฟ้าต้งั แต่ 2 ตวั ข้ึนไปมาต่อขนานหรือต่อพว่ งเขา้ ดว้ ยกนั เพ่ือช่วยในการจา่ ยโหลดหรือจา่ ยกระแสไฟฟ้า ปัจจยั สาคญั ท่ีเป็นสาเหตุของการขนานหมอ้ แปลงไฟฟ้า น้นั อาจเกิดจากปัจจยั ตา่ งๆดงั น้ี o การหยดุ ซ่อมแซมบารุงรักษาหมอ้ แปลงไฟฟ้า ในกรณีที่หมอ้ แปลงตวั เดิมตอ้ งนาไปซ่อมแซม และบารุงรักษา จึงตอ้ งนาหมอ้ แปลงตวั ใหม่ที่ใชง้ านไดต้ ่อขนานหรือตอ่ พว่ งเขา้ ไป o เพ่อื เพมิ่ ประสิทธิภาพในการทางานของหมอ้ แปลงไฟฟ้า โดยใชห้ มอ้ แปลง 2 ตวั ที่มีพกิ ดั กาลงั ไฟฟ้าเทา่ กนั ตอ่ ขนานดว้ ยกนั เพือ่ จา่ ยกาลงั ไฟฟ้าใหก้ บั โหลด o เพอ่ื ลดตน้ ทุนในการติดต้งั หมอ้ แปลงตวั ใหมท่ ่ีมีขนาดใหญก่ วา่ เดิม เมื่อโหลดเพิม่ ข้ึนมากกวา่ เดิม ·

การต่อหม้อแปลงเพื่อใช้กบั ระบบไฟฟ้า 3 เฟส การต่อหมอ้ แปลงไฟฟ้าเพื่อนาไปใชง้ านกบั ระบบไฟฟ้า 3 เฟส จะมีอยู่ 2 กรณี คือ การใชห้ มอ้ แปลง ไฟฟ้าหน่ึงเฟส 3 ตวั และการใชห้ มอ้ แปลงไฟฟ้าสามเฟส 1 ตวั การตอ่ วงจรของหมอ้ แปลงหน่ึงเฟส 3 ตวั หรือการต่อหมอ้ แปลงสามเฟส 1 ตวั จะมีวธิ ีเขา้ ขดลวดของ หมอ้ แปลงท้งั สามชุดของดา้ นปฐมภูมิและทุติยภูมิเป็ น 2 แบบ คือ แบบวายหรือสตาร์ (Wye or Star connection) และแบบเดลตา้ (Delta connection) การต่อแบบเดลต้า (Delta connection) ขดลวดจะต่อเขา้ ดว้ ยกนั เป็นแบบอนุกรมวงจรปิ ด โดยต่อข้วั ดา้ น ปลายของหมอ้ แปลงตวั ที่ 1 เขา้ กบั ข้วั ดา้ นตน้ ของหมอ้ แปลงตวั ท่ี 2 , ตอ่ ข้วั ดา้ นปลายของหมอ้ แปลงตวั ท่ี 2 เขา้ กบั ข้วั ดา้ นตน้ ของหมอ้ แปลงตวั ที่ 3, และตอ่ ข้วั ดา้ นปลายของหมอ้ แปลงตวั ที่ 3 เขา้ กบั ข้วั ดา้ นตน้ ของหมอ้ แปลง ตวั ท่ี 1, และจุดต่อร่วมท้งั สามจะต่อเขา้ กบั แหล่งจ่ายไฟ การต่อหมอ้ แปลงแบบเดลตา้ น้นั จะได้ แรงเคล่ือนไฟฟ้าที่ตกคร่อมขดลวด (Phase voltage) จะเทา่ กบั แรงเคล่ือนท่ีปลายสาย (Line voltage) และกระแสไฟฟ้าที่สาย (Line current) จะเท่ากบั 1.732 ของกระแสไฟฟ้า ท่ีขดลวด (Phase current) การต่อแบบวาย หรือ สตาร์(Wye or Star connection) ขดลวดจะต่อเขา้ ดว้ ยกนั เป็นแบบวาย โดยจะตอ่ ปลายของขดลวดตวั ที่ 1, 2 และ 3 เขา้ ดว้ ยกนั ส่วนดา้ นตน้ ของขดลวดตวั ท่ี 1, 2 และ 3ของหมอ้ แปลงถา้ เป็นขด ปฐมภูมิจะต่อเขา้ กบั แหล่งจ่ายไฟ แต่ถา้ เป็นขดลวดทุติยภูมิจะต่อเขา้ กบั โหลด การต่อหมอ้ แปลงแบบสตาร์น้นั แรงเคลื่อนไฟฟ้าท่ีตกคร่อมขดลวด (Phase voltage) จะเท่ากบั 58% ` ของแรงเคล่ือนท่ีปลายสาย (Line voltage) หรือแรงเคล่ือนที่ปลายสาย (Line voltage) จะเท่ากบั 1.732 เทา่ ของ แรงดนั ไฟฟ้าท่ีตกคร่อมขดลวด (Phase voltage) และกระแสไฟฟ้าท่ีสาย (Line current) จะเทา่ กบั กระแสไฟฟ้าท่ี ขดลวด (Phase current) ในการต่อแบบวายหรือสตาร์ (Wye or Star connection) และแบบเดลตา้ (Delta connection) หมอ้ แปลงแต่ ละแบบน้นั จะมีวธิ ีการต่างกนั และใหค้ ุณสมบตั ิใชง้ านต่างกนั o การต่อแบบเดลต้า-เดลต้า (Delta-Delta) หมายถึงขดลวดดา้ นปฐมภูมิต่อวงจรเป็นแบบเดลตา้ และ ขดลวดดา้ นทุติยภูมิต่อเป็นแบบเดลตา้ เช่นเดียวกนั

o การต่อแบบวาย-วาย หรือสตาร์-สตาร์ (Wye-Wye or Star-Star) หมายถึง การต่อวงจรขดลวดดา้ น ปฐมภูมิเป็ นแบบวายหรื อสตาร์ และต่อวงจรขดลวดดา้ นทุติยภูมิเป็นแบบวายหรือสตาร์ เช่นเดียวกนั o การต่อแบบเดลต้า-วาย หรือเดลต้า-สตาร์ (Delta-Wye or Delta-Star) หมายถึง การต่อวงจรขดลวด หมอ้ แปลงดา้ นปฐมภูมิเป็ นแบบเดลตา้ และต่อวงจรขดลวดดา้ นทุติยภูมิเป็นแบบวายหรือสตาร์ การต่อแบบเดลตา้ -วาย เป็นวิธีที่นิยมใชก้ นั มากท่ีสุด โดยเฉพาะในระบบการส่งจา่ ยไฟฟ้า ขนาดใหญ่ ซ่ึงจะตอ่ วงจรดา้ นแรงสูงเป็ นแบบเดลตา้ ดา้ นแรงต่าจะต่อเป็นแบบวายหรือสตาร์ จะได้ แรงดนั ต่าเป็ น 2 ระบบ คือ ระบบไฟฟ้า 3 เฟส 4 สาย แรงดนั 380/220V สามารถใชไ้ ดท้ ้งั ระบบเฟส เดียว (Single phase system) สาหรับใชใ้ นบา้ นพกั อาศยั และระบบสามเฟส (Three phase system) สาหรับใชใ้ นอาคารขนาดใหญ่และโรงงานอุตสาหกรรม o การต่อแบบวาย-เดลต้า (Wye-Detar) หมายถึง การต่อวงจรขดลวดดา้ นปฐมภูมิเป็นแบบวายหรือ สตาร์ และต่อวงจรขดลวดดา้ นทุติยภูมิเป็นแบบเดลตา้ o การต่อแบบเดลต้าเปิ ด (Open-Delta)หมายถึงการนาหมอ้ แปลงเฟสเดียว 2 ตวั มาต่อเขา้ ดว้ ยกนั และ ตอ่ ขดลวดดา้ นปฐมภูมิและทุติยภูมิเป็นแบบเดลตา้ เปิ ด (Delta-Delta) ท้งั สองดา้ น การต่อแบบเดลตา้ เปิ ด ในลกั ษณะน้ีจาเป็นเมื่อหมอ้ แปลงท่ีตอ่ อยดู่ ว้ ยกนั ในระบบเกิดชารุด เสียหายใชก้ ารไม่ไดไ้ ป 1 ตวั และมีความจาเป็นจะตอ้ งจ่ายกระแสไฟฟ้าในเวลาเดียวกนั ดงั น้นั เพ่อื ไมใ่ หผ้ ใู้ ชก้ ระแสไฟฟ้าเดือดร้อนจากการหยดุ การจา่ ยกระแสไฟฟ้า การตอ่ ลกั ษณะน้ี ความสามารถ ในการจา่ ยกระแสไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 58% ดงั น้นั ก่อนจะจา่ ยกระแสไฟฟ้าตอ่ ไป จะตอ้ งปลดภาระ โหลดไปบางส่วนเพ่ือใหเ้ ทา่ กบั พกิ ดั ท่ีหมอ้ แปลงจะสามารถทางานได้ การระบายความร้อน และการบารุงรักษาหม้อแปลง · การระบายความร้อน หมอ้ แปลงไฟฟ้า เม่ือใชง้ านไปกจ็ ะเกิดความร้อนข้ึนทาใหเ้ กิดการสูญเสียข้ึนในหมอ้ แปลง จึง จาเป็นตอ้ งระบายความร้อนเพอ่ื เพ่ิมประสิทธิภาพในการทางาน การระบายความร้อนจะมีอยหู่ ลายวธิ ี เช่น การ ระบายความร้อนตามธรรมชาติ การระบายความร้อนดว้ ยน้ามนั การระบายความร้อนดว้ ยน้ามนั และการเป่ าลม การระบายความร้อนดว้ ยน้ามนั และน้า และการระบายความร้อนดว้ ยการป้ัมน้ามนั o การระบายความร้อนตามธรรมชาติ คือ การใชอ้ ากาศรอบๆ ช่วยในการระบายความร้อน

o การระบายความร้อนด้วยน้ามนั เป็นการระบายความร้อนโดยการแช่ตวั หมอ้ แปลงอยใู่ นน้ามนั ที่ บรรจุอยใู่ นถงั หมอ้ แปลง o การระบายความร้อนด้วยน้ามันและการเป่ าลม เป็นการระบายความร้อนโดยการแช่ตวั หมอ้ แปลง อยใู่ นน้ามนั ที่บรรจุอยใู่ นถงั หมอ้ แปลง และใชพ้ ดั ลมเป่ าที่ผวิ ภายนอกถงั เป็นการเร่งระบาย ความร้อน o การระบายความร้อนด้วยนา้ มันและนา้ เป็นการระบายความร้อนโดยการแช่ตวั หมอ้ แปลงอยใู่ น น้ามนั ท่ีบรรจุอยใู่ นถงั หมอ้ แปลง และมีทอ่ น้าขดเป็ นวงรอบหมอ้ แปลงไฟฟ้าภายในถงั น้ามนั จะเป็นตวั ระบายความร้อนแก่หมอ้ แปลง และน้าจะเป็ นตวั ระบายความร้อนแก่น้ามนั อีกคร้ัง หน่ึง o การระบายความร้อนด้วยการป้ัมนา้ มนั เป็นการระบายความร้อนดว้ ยการป้ัมน้ามนั โดยการใชป้ ้ัม น้ามนั ใหไ้ หลวนเวยี นไดเ้ ร็วข้ึน · นา้ มนั หม้อแปลง น้ามนั ที่ใชร้ ะบายความร้อนหมอ้ แปลง จะตอ้ งมีคุณลกั ษณะพเิ ศษ คือ เป็ นฉนวนที่ดี และทาหนา้ ท่ี ระบายความร้อนใหแ้ ก่ขดลวดและแกนเหลก็ นอกจากน้นั ยงั ตอ้ งทนต่อไฟฟ้าแรงดนั สูงได้ และมีอายกุ ารใชง้ าน ยาวนาน คุณสมบตั ิหมอ้ แปลงโดยทวั่ ไปจะตอ้ งมีความหนืดต่า จุดวาบไฟสูง จุดติดไฟสูง ความหนาแน่นต่า · การบารุงรักษาหม้อแปลง หมอ้ แปลงไฟฟ้าเป็นเครื่องกลไฟฟ้าท่ีตอ้ งบารุงรักษานอ้ ยกวา่ เครื่องกลไฟฟ้าชนิดอ่ืนๆแต่อยา่ งไรก็ตาม หมอ้ แปลงไฟฟ้าก็ยงั ตอ้ งการ การตรวจสอบและบารุงรักษาตามวาระซ่ึงจาเป็นตอ้ งจดั ทาอยา่ งสม่าเสมอ ส่วน วาระจะยาวนานเทา่ ใดน้นั จะตอ้ งพิจารณาจากภาวการณ์ใชง้ านของหมอ้ แปลง สภาพของสิ่งแวดลอ้ มท่ีหมอ้ แปลงติดต้งั อยู่ การบารุงรักษาท่ีดีน้นั ควรจดั ทาแผนการตรวจสอบและบารุงรักษา และดาเนินการตามแผนอยา่ ง จริงจงั

ตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า ควบคุมระบบไฟฟ้าหลกั หร่ือมีซ่ึอยอ่ วา่ (MDB) สาหรับอาคารสถานท่ีที่ใชไ้ ฟฟ้ามาก เช่น ระบบไฟฟ้า 3 เฟส แตห่ ากเป็ นกรณีท่ีใชก้ บั ระบบไฟฟ้าตามอาคารบา้ นเรือนแลว้ โดยมาก ตูค้ วบคุมระบบไฟฟ้าหลกั จะเป็น ประเภทคอนซูเมอร์ยนู ิต (Consumer Unit) ซ่ึงถือเป็นแผงจา่ ยไฟฟ้าสาหรับที่อยอู่ าศยั อาจใชง้ านควบคูไปกบั เซฟตีสวติ ช์ (Safety Swith) ซ่ึงจะมีเบรกเกอร์ตวั หลกั หรือ (MainCircuit Breaker) เพอื่ ตดั ตอ่ วงจรในระบบ ไฟฟ้าท้งั หมด ต้งั แต่ตน้ ทางของอาคารบา้ นเรือน ซ่ึงตูค้ วบคุมระบบไฟฟ้า หลกั น้ี จะเป็ นตวั รับกระแสไฟฟ้าจาก มิเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตงอยทู่ ่ีเสาไฟฟ้าหนา้ บา้ นของเรา และทาหนา้ ท่ีแจกจา่ ยกระแสไฟฟ้าไปยงั หน่วยยอ่ ยอ่ืนๆ ภายในอาคารบา้ นเรือนดว้ ยตูควบคุมยอ่ ย หรอมชื่อยอ่ วา่ (SDB) เป็นตูค้ วบคุมระบบไฟฟ้ายอ่ ย ที่รับ กระแสไฟฟ้าจากตูควบคุมระบบไฟฟ้าหลกั และทาหนา้ ทีจ่ายกระแสไฟฟ้าไปตามเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าต่างๆ หรือบาง แห่งอาจติดต้งั ตูยอ่ ยลงไปอีก เพือ่ ควบคุมกระแสไฟฟ้าใหก้ บั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าน้นั ๆ หรือท่ีเราอาจคุนหูดว้ ยค่าวา่ LoadCenter (โหลดเซ็นเตอร์) นนั่ เองตูโ้ หลดเซ็นเตอร์ น้ี ขอแนะนาใหท้ ราบความจาเป็นตอ่ การใชง้ าน โดยการ คานวณจากจานวนเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าท่ีเราใชง้ าน หากจุดๆ เดียวมีการใชเ้ คร่ืองไฟฟ้าพร้อมกนั หรือในจุดที่มี เคร่ืองมือไฟฟ้าท่ีกินไฟมาก ซ่ึงอาจเส่ียงตอ่ การเกิดความร้อนสูง ซ่ึงเป็นเหตุใหเ้ กิดการเผาไหมใ้ นระบบ วงจรไฟฟ้ามากข้ึน เช่นสวา่ น เคร่ืองเจียร ตูเ้ ชื่อม แท่นตดั ไฟเบอร์ เป็นตน้ เช่นน้ี คุณก็สมควรจะติดต้งั ตูโ้ หลด เซ็นเตอร์น้ี เพื่อใหม้ ีหนา้ ที่ควบคุมการจ่ายกระแสไฟฟ้าใหก้ บั เคร่ืองมือไฟฟ้านนั่ เอง กระแสไฟฟ้าเม่ือไหล ผา่ นร่างกายมนุษย์ 28-80 มิลลิแอมป์ ร่างกายของมนุษยเ์ กิดปฏิกิริยา กลา้ มเน้ือเกรง

เครื่องมือวดั ไฟฟ้า เคร่ืองมือวดั ไฟฟ้ามีหลายประเภท ท่ีมีใชแ้ ละเห็นกนั บ่อย ๆ เช่น แอมป์ มิเตอร์ โวลทม์ ิเตอร์และ มลั ติมิเตอร์ ฯลฯ แต่เคร่ืองมือวดั ท่ีนิยมใชก้ นั มากที่สุดไดแ้ ก่ มลั ติมิเตอร์ เน่ืองจากใชง้ ่าย ราคาถูก และ สามารถใชไ้ ด้ เอนกประสงค์ สามารถใชว้ ดั ไดท้ ้งั กระแสไฟฟ้า แรงดนั ไฟฟ้า และความตา้ นทานไฟฟ้า นบั เป็ นเคร่ืองมือวดั ข้นั พ้ืนฐานที่ช่าง ไฟฟ้า จะตอ้ งมีไวใ้ ชง้ าน และจะตอ้ งมีความรู้ ความเขา้ ใจในการใชง้ าน 1.ส่วนประกอบของมลั ติมิเตอร์ มลั ติมิเตอร์มีส่วนประกอบภายนอกสาหรับใชง้ านท่ีคลา้ ยคลึงกนั หมายเลข 1 คือ หนา้ ปัดสเกล หมายเลข 2 คือ เขม็ ช้ี หมายเลข 3 คือ สกรูปรับเขม็ ใหต้ รง 0 หมายเลข 4 คือ ป่ ุมปรับค่า 0 หมายเลข 5 คือ ยา่ นและประเภทของคา่ ท่ีจะวดั หมายเลข 6 คือ สวทิ ช์เลือกยา่ นและประเภท หมายเลข 7 คือ รูสาหรับเสียบสายต่อข้วั ลบ หมายเลข 8 คือ รูสาหรับเสียบสายต่อข้วั บวก หนา้ ปัดสเกล เน่ืองจากมลั ติมิเตอร์สามารถวดั คา่ ทางไฟฟ้าไดห้ ลายอยา่ ง ดงั น้นั ที่หนา้ ปัดจะมีสเกลของคา่ ตา่ งๆ แยกจากกนั เม่ือวดั อา่ นคา่ จาเป็นตอ้ งเลือกสเกลที่จะอา่ นใหถ้ ูกตอ้ ง

จากรูปจะเห็นวา่ - เม่ือวดั ความตา้ นทานตอ้ งอ่านค่าจากสเกล - เม่ือวดั แรงดนั หรือกระแสไฟตรงตอ้ งอ่านคา่ จากสเกล DCV.A - เมื่อวดั แรงดนั ไฟสลบั ตอ้ งอา่ นคา่ จากสเกล ACV หรือ AC 3V Only - เมื่อวดั กระแสไฟสลบั ตอ้ งอา่ นคา่ จากสเกล ACA - เมื่อวดั ขนาดของสัญญาณตอ้ งอา่ นค่าจากสเกล dB วสั ดุและอปุ กรณ์ท่ีใช้ในงานระบบไฟฟ้า ระบบไฟฟ้าเป็นระบบที่มีความสาคญั ในบา้ นทุกบา้ น การเลือกใชร้ ะบบไฟฟ้า การเดินสายไฟ ชนิดของ สายไฟ และอุปกรณ์ติดต้งั ทางไฟฟ้าใหเ้ หมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน เป็นเรื่องที่ผใู้ ชต้ อ้ งมีความรู้พ้ืนฐานเพื่อนาไปสู่ การ พิจารณาเลือกใชใ้ หค้ ุม้ คา่ เกิดประโยชนส์ ูงสุดเป็นการช่วย ประหยดั พลงั งานและยงั มีผลดีต่อส่วนรวมของ ประเทศ ในแง่ของการอนุรักษธ์ รรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ มในดา้ นการลดภาวะโลกร้อนได้

1.สายไฟฟ้า การเลือกใชส้ ายไฟฟ้า 1.1 ใชเ้ ฉพาะสายไฟฟ้าท่ีไดม้ าตรฐาน จากสานกั งานมาตรฐานผลิตภณั ฑอ์ ุตสาหกรรม (มีเคร่ืองหมาย มอก. 11) เทา่ น้นั 1.2 สายไฟฟ้าชนิดที่ใชเ้ ดินภายในอาคารหา้ มนาไปใชเ้ ดินนอกอาคาร เพราะแสงแดดจะทาใหฉ้ นวนแตกกรอบ ชารุด สายไฟชนิดท่ีใชเ้ ดินนอกอาคารมกั จะมีการเติมสารป้องกนั แสงแดดไวใ้ นเปลือกหรือ ฉนวนของสาย สาร ป้องกนั แสงแดด ส่วนใหญ่ที่ใชก้ นั มากน้นั จะเป็นสีดา แต่อาจจะเป็ นสีอ่ืนก็ได้ การเดินร้อยในท่อกม็ ีส่วนช่วยป้องกนั ฉนวนของ สายจากแสงแดดไดใ้ นระดบั หน่ึง 1.3 เลือกใชช้ นิดของสายไฟใหเ้ หมาะสมกบั สภาพการติดต้งั ใชง้ าน เช่น สายไฟชนิดอ่อนหา้ มนาไปใชเ้ ดินยดึ ติดกบั ผนงั หรือลากผา่ นบริเวณท่ีมีการกดทบั สาย เช่น ลอดผา่ นบานพบั ประตูหนา้ ตา่ ง หรือตู้ เน่ืองจากฉนวน ของสายไม่สามารถรับแรงกดกระแทกจากอุปกรณ์จบั ยดึ สายหรือบานพบั ได้ การเดินสายใตด้ ินก็ตอ้ งใชช้ นิดที่ เป็นสายใตด้ ิน (เช่น สายชนิด NYY) พร้อมท้งั มีการเดินร้อยในทอ่ เพ่อื ป้องกนั สายใตด้ ินไมใ่ หเ้ สียหาย เป็นตน้ 1.4 ขนาดของสายไฟฟ้า ตอ้ งใชส้ ายตวั นาทองแดงและเลือกให้เหมาะสมกบั ขนาดแรงดนั ไฟฟ้า (1 เฟส หรือ 3 เฟส) ปริมาณกระแสไฟฟ้าที่ใชง้ าน และสอดคลอ้ งกบั ขนาดของฟิ วส์หรือสวติ ช์อตั โนมตั ิ (เบรกเกอร์) ท่ี ใช้ สาหรับขนาดสายเมนและสายต่อหลกั ดินน้นั ก็ตอ้ งสอดคลอ้ งกบั ขนาดของเมนสวติ ช์และ ขนาดของ เครื่องวดั ฯ ดว้ ย ตามตารางต่อไปน้ี

2.มิเตอร์ไฟฟ้า เป็นเคร่ืองวดั พลงั งานไฟฟ้าท่ีเราใชใ้ นเดือนหน่ึง ๆ โดยมีมอเตอร์ท่ีมาตรไฟฟ้าคอยหมุนตวั เลขบอกคา่ พลงั งาน ไฟฟ้าท่ีใชไ้ ปเป็นกี่ กิโลวตั ต/์ ชวั่ โมง หรือยนู ิต หรือหน่วย 3.เมนสวติ ช์ เป็นอุปกรณ์ตวั หลกั ท่ีใชต้ ดั ตอ่ วงจรไฟฟ้าของสายเมนเขา้ อาคารกบั สายภายในท้งั หมด จึงเป็นอุปกรณ์สบั - เปล่ียนวงจรไฟฟ้าตวั แรกถดั จากมิเตอร์วดั หน่วยไฟฟ้าเขา้ มา ในบา้ น เมนสวติ ช์อาจเป็ นอุปกรณ์ตดั ไฟหลกั ตวั เดียว หรือจะอยรู่ วมกบั อุปกรณ์อ่ืนๆในตูแ้ ผงสวติ ช์

4. สวติ ช์ตดั ไฟอตั โนมตั ิ (เซอร์กิตเบรคเกอร์) เป็นอุปกรณ์ที่สามารถใชต้ ดั หรือต่อวงจรไฟฟ้าไดใ้ นขณะใชง้ านปกติ และยงั สามารถตดั กระแสไฟฟ้าเกินหรือกระแสไฟฟ้าลดั วงจรโดยอตั โนมตั ิไดด้ ว้ ย ท้งั น้ีการเลือกใชเ้ บรกเกอร์จะตอ้ งเลือกขนาด พิกดั ในการตดั กระแสลดั วงจร (IC) ของเบรกเกอร์ใหส้ ูงกวา่ ขนาดกระแสลดั วงจรท่ีเกิดข้ึนในวงจรน้นั ๆ

5. ฟิ วส์ (Fuse) เป็นอุปกรณ์ป้องกนั กระแสไฟฟ้าเกินชนิดหน่ึงทาหนา้ ท่ีตดั ไฟฟ้าโดยอตั โนมตั ิ เม่ือมีกระแสไฟฟ้าไหลเกินคา่ ที่ กาหนด ซ่ึงเม่ือฟิ วส์ทางานแลว้ จะตอ้ งเปลี่ยนฟิ วส์ใหม่ ฟิ วส์ที่ใชเ้ ปล่ียนตอ้ งมีขนาดกระแสไม่เกินขนาดฟิ วส์เดิม และตอ้ งมีขนาดพกิ ดั การตดั กระแสลดั วงจร (IC) สูงกวา่ ขนาดกระแสลดั วงจรสูงสุดที่ไหลผา่ นฟิ วส์ 6. หลกั ดิน (Ground Rod หรือ Grounding Electrode หรือ Earth Electrode) เป็นแท่งหรือแผน่ โลหะท่ี ฝังอยใู่ นดิน เพอ่ื ทาหนา้ ท่ีแพร่หรือกระจายประจุไฟฟ้าหรือกระแสไฟฟ้าใหไ้ หลลงสู่ดินไดโ้ ดย สะดวก วตั ถุท่ี จะนามาใชเ้ ป็นหลกั ดิน เช่น แทง่ ทองแดงขนาดเส้นผา่ ศูนยก์ ลาง 16 มิลลิเมตร (5/8 นิ้ว) ความยาวมาตรฐานตอ้ ง ยาวไมน่ อ้ ยกวา่ 2.40 เมตร เป็ นตน้

7. ตุ้มหรือลกู ถ้วย เป็นอุปกรณ์ที่ใชร้ องรับสายไฟ ทาหนา้ ท่ีเป็นฉนวนและป้องกนั มิใหก้ ระแสไฟฟ้ารั่วลง ดินหรือลดั วงจรลงดิน

8. หลอดไฟฟ้า (Lamp) ทาหนา้ ท่ีใหแ้ สงสวา่ งสาหรับสถานท่ีปฏิบตั ิงาน หรือที่อยอู่ าศยั การติดต้งั ระบบ ส่องสวา่ งควรคานึงถึงปัจจยั ต่าง ๆ ในการจดั แสง และส่ิงท่ีจาเป็นอยา่ งยง่ิ น้นั กค็ ือการเลือกประเภทและชนิด ของหลอดไฟฟ้า โดยปกติทว่ั หลอดไฟฟ้าไปแบง่ ออกไดเ้ ป็น 3 ประเภทคือ หลอดไฟฟ้าชนิดมีไส้ (Filament Lamp) เป็นหลอดไฟฟ้าที่นิยมใชใ้ นรุ่นแรก ๆ หรือบางท่ีก็เรียกวา่ หลอด ธรรมดา องคป์ ระกอบของหลอดประกอบดว้ ย หลอดแกว้ , ไส้หลอด, (ส่วนไส้หลอดทาจากทงั สเตน) เส้นลวด ที่ตอ่ เขา้ กบั ข้วั หลอด, ลวดยดึ ไส้หลอด,และกา้ นหลอดยดึ ไส้, ปัจจุบนั นิยมใชไ้ มม่ ากนกั เพราะใหก้ าลงั ส่อง สวา่ งนอ้ ยกวา่ หลอดประเภทอื่น ในกรณีกาลงั วตั ตเ์ ทา่ กนั มีจาหน่วยในทอ้ งตลาดมีหลายขนาด เช่น 40วตั ต์ 60วตั ต์ 80วตั ต์ 100วตั ต์ ฯลฯ อายุ การใชง้ านประมาณ 1000 ชว่ั โมง หลอดประเภทน้ีมีอยู่ 2 ลกั ษณะ คือชนิด แบบเข้ียว และชนิดแบบเกลียว หลอดไฟฟ้าชนิดเรืองแสง (Fluorescent Lamp) หรือเรียกวา่ หลอดฟลูออเรสเซนตห์ ลอดไฟฟ้าประเภทน้ีมี ประสิทธิภาพสูงกวา่ หลอดไฟฟ้าธรรมดา ถึง 4 เทา่ ใหแ้ สงสวา่ งที่เยน็ ตามากกวา่ รวมท้งั อุณหภูมิความร้อนที่ เกิดข้ึนจากหลอดนอ้ ยกวา่ ส่วนประกอบที่สาคญั ของหลอดประกอบดว้ ย 1) ตวั หลอด 2) ข้วั หลอด 3) ไส้หลอด 4) สารบรรจุภายในหลอด เช่น อาร์กอน และไอปรอท

หลอดไฟฟ้าชนิดฟลูออเรสเซนตท์ ี่จาหน่วยในทอ้ งตลาด มีหลายลกั ษณะเช่น หลอดฟลูออเรสเซนต์ ธรรมดา หลอดฟลูออเรสเซนตแ์ บบวงกลม (32 วตั ต)์ แบบยาวตรง (18,36 วตั ต)์ และหลอดฟลูออเรสเซนต์ แบบคอมแพค (Compact) หรือหลอดตะเกียบ หลอดไฟฟ้าชนิดอาศยั การอาร์ค หรือหลอดไฟชนิดคายประจุ หลอดประเภทน้ีใชก้ ระแสไฟฟ้ามากในการ ทางานไม่นิยมใชใ้ นบา้ นเรือนทวั่ ไป ส่วนใหญ่จะใชเ้ ฉพาะจุดหรือพ้ืนท่ีตอ้ งการแสงสวา่ งมาก ๆ หลอดไฟฟ้า ชนิดน้ีมีหลายแบบ เช่น หลอดไอปรอท หลอดฮาโลเจน หลอดโซเดียม หรือหลอดแสงจนั ทร์

9.สตาร์ทเตอร์ ทาหนา้ ที่คลา้ ยเป็นสวทิ ช์ อตั โนมตั ิ เพอื่ เปิ ดและปิ ดวงจรของหลอด ฟลูออเรสเซนต์ เม่ือ เร่ิมตน้ ทางานสตาร์ทเตอร์ทาหนา้ ที่เปิ ดวงจรเพอื่ อุน่ ไส้หลอดใหพ้ ร้อม ท่ีจะทางาน เม่ือไส้หลอดทางาน เรียบร้อยแลว้ สตาร์ทเตอร์กป็ ิ ดวงจร 10. บลั ลาส ทาหนา้ ที่แปลงแรงดนั ไฟฟ้าใหเ้ หมาะ สมกบั หลอดซ่ึงแรงดนั ไฟฟ้าในตอนเร่ิมตน้ จะสูง มาก เพอื่ จุดไส้หลอดใหป้ ลดปล่อยอิเลคตรอนออกมา หลงั จากหลอดทางานแลว้ บลั ลาสจะเปล่ียนหนา้ ท่ีโดย จะเป็นตวั จากดั ปริมาณของกระแสไฟฟ้าท่ีไหลเขา้ หลอด

11. เต้ารับ (Socket-outlet หรือ Receptacle) หรือปลกั๊ ตวั เมียคือข้วั รับสาหรับหวั เสียบจาก เครื่องใชไ้ ฟฟ้า ปกติเตา้ รับจะติดต้งั อยกู่ บั ท่ี เช่น ติดอยกู่ บั ผนงั อาคาร เป็นตน้ 12. เต้าเสียบ เป็นอุปกรณ์ท่ีใชเ้ ชื่อมต่อวงจรไฟฟ้า ทาใหก้ ระแสไฟฟ้าไหลเขา้ สู่อุปกรณ์ และเครื่องใชไ้ ฟฟ้า โดยนาปลายของสายไฟฟ้าของเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าที่ต่ออยกู่ บั เตา้ เสียบ ไป เสียบกบั เตา้ รับ ที่ต่ออยใู่ นวงจรไฟฟ้าใดๆ กไ็ ดภ้ ายในบา้ น

13. สวติ ช์เปิ ด-ปิ ดธรรมดา (Toggle Switch) สวติ ชเ์ ปิ ด-ปิ ดในท่ีน้ี หมายถึงสวติ ชส์ าหรับเปิ ด-ปิ ด หลอดไฟหรือโคมไฟสาหรับแสงสวา่ งหรือเคร่ืองใช้ ไฟฟ้าชนิดอื่น ๆ ท่ีมีการติดต้งั สวติ ชเ์ อง การต่อวงจรไฟฟ้าอย่างง่ายมอี งค์ประกอบหลกั ๆ ได้แก่ 1. ตัวนาไฟฟ้าหรือสายไฟ มกั ทามาจากโลหะที่นาไฟฟ้าไดด้ ี เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม แต่ในบางคร้ังก็ใชส้ ารก่ึง ตวั นาอยา่ งแผน่ ซิลิกาเป็นแผงวงจร เป็นตน้ 2. แหล่งให้กาเนิดพลงั งานไฟฟ้า ถา้ เป็นไฟฟ้ากระแสตรงจะใชเ้ ซลลไ์ ฟฟ้า หรือแบตเตอรี หรือถ่านไฟฉาย ซ่ึง ประกอบดว้ ยข้วั บวกข้วั ลบ โดยอิเล็กตรอนจะถูกปล่อยออกมาจากข้วั ลบใหไ้ หลมาตามสายไฟหรือตวั นาไฟฟ้า เพ่ือเขา้ ไปสู่โหลด (Load) หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าตอ่ ไป นอกจากน้ียงั มีไฟฟ้ากระแสสลบั ซ่ึงเกิดจากการเหน่ียวนา กระแสไฟฟ้าผา่ นสนามแมเ่ หล็ก เกิดเป็นกระแสไฟฟ้าซ่ึงมีขนาดและทิศทางสลบั ไปมาตลอดเวลา 3. โหลด (Load) เป็นภาระของวงจรไฟฟ้า หรือเทียบไดก้ บั เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าที่ถูกตอ่ เขา้ ในวงจร ซ่ึงทาหนา้ ท่ี แตกต่างกนั เช่น - ตวั ตา้ นทาน (Resistor) ทาหนา้ ท่ีตา้ นทานการไหลของไฟฟ้า มีหน่วยเป็น โอห์ม (Ω) - ตวั เก็บประจุ (Capacitor) เป็นแหล่งเกบ็ พลงั งานท่ีอยใู่ นรูปของประจุไฟฟ้า มีหน่วยเป็ นฟารัด (F) - ตวั เหนี่ยวนา (Inductor) ทาหนา้ ท่ีป้องกนั การเปล่ียนแปลงการไหลของกระแสไฟฟ้า สร้างข้ึนจากขดลวดตวั นา ไฟฟ้า มีหน่วยเป็นเฮนร่ี (H) การต่อวงจรไฟฟ้าน้ีสามารถแบ่งออกเป็น 3 วธิ ีคือ 1. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรม (Series Circuit) คือ การต่อวงจรไฟฟ้าที่มีกระแสในวงจรไหลผา่ นโหลดหรือ อุปกรณ์ไฟฟ้าเพียงเส้นทางเดียว มีคุณสมบตั ิคือ กระแสไฟฟ้ารวมของวงจรอนุกรม จะมีค่าเทา่ กบั กระแสไฟฟ้า

ที่ไหลจากแหล่งกาเนิด แรงดนั ไฟฟ้าตกคร่อมส่วนตา่ ง ๆ ของวงจรจะมีคา่ นอ้ ย แต่วา่ แรงดนั ท่ีตกคร่อมละชิ้น เมื่อรวมกนั จะมีแรงดนั เท่ากบั แรงดนั ไฟฟ้าที่แหล่งกาเนิด ความตา้ นทานรวมของวงจร จะมีค่ามากกวา่ ความ ตา้ นทานตวั ที่นอ้ ยท่ีสุดท่ีตอ่ อยใู่ นวงจร 2. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบขนาน (Parallel Circuit) คือ การต่อวงจรไฟฟ้าท่ีมีกระแสในวงจรไหลแยกเป็นหลาย ทางผา่ นโหลดหรืออุปกรณ์ไฟฟ้าแตล่ ะตวั มีคุณสมบตั ิคือ กระแสไฟฟ้ารวมของวงจรขนาน จะมีค่าเทา่ กบั กระแสไฟฟ้ายอ่ ยที่ไหลในแตล่ ะสาขาของวงจรรวมกนั แรงดนั ไฟฟ้าตกคร่อมส่วนต่าง ๆ ของวงจร จะเท่ากบั แรงดนั ไฟฟ้าท่ีแหล่งกาเนิด ความตา้ นทานรวมของวงจร จะมีคา่ นอ้ ยกวา่ ความตา้ นทานตวั ท่ีนอ้ ยที่สุดท่ีต่ออยใู่ น วงจร 3. การต่อวงจรไฟฟ้าแบบผสม (Compound Circuit) คือ วงจรไฟฟ้าท่ีมีการต่อวงจรท้งั อนุกรมและขนานผสม กนั การต่อวงจรไฟฟ้าที่ใชโ้ ดยทวั่ ไปตามอาคารบา้ นเรือนจะใชแ้ บบขนาน เน่ืองจากมีขอ้ ดีคือ สามารถต่อ เคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าไดห้ ลายชนิดพร้อมกนั และถึงแมจ้ ะปิ ดสวิตช์เคร่ืองใดเคร่ืองหน่ึง หรือทาใหไ้ ม่ครบวงจรไปใน เส้นใดเส้นหน่ึง เส้นท่ีเหลือก็ยงั สามารถทางานต่อไปได้ ต่างจากการต่อแบบอนุกรม เพราะเมื่อเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้า ชิ้นใดชารุดหรือไมค่ รบวงจร ก็จะทาใหไ้ มส่ ามารถใชง้ านเคร่ืองใชไ้ ฟฟ้าไดเ้ ลยท้งั วงจร ส่วนในแบบผสมอาจมี การใชง้ านในบางกร ณีซ่ึงเป็ นการใชเ้ พ่อื ทางานเฉพาะอยา่ ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook