โครงการเสริมสรา้ งความจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ วนั ที่ ๓ กุมภาพนั ธ์ ๒๕๖๓ ณ กศน.ตำบลแสมสาร ตำบลแสมสาร อำเภอสตั หบี จงั หวดั ชลบรุ ี กศน.ตำบลแสมสาร ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยอำเภอสัตหบี สำนกั งาน กศน.จังหวดั ชลบรุ ี
คำนำ ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสัตหีบ ไดจ้ ัดทำแผนการปฏบิ ตั งิ านประจำปี งบประมาณ 2562 โดยได้จัดโครงการเสรมิ สรา้ งความจงรกั ภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ในวนั ท่ี 3 กุมภาพันธ์ 2563 ต้ังแต่เวลา 09.00 - 15.00 น. ณ กศน.ตำบลแสมสาร ต.แสมสาร อ.สตั หีบ จ.ชลบุรี ผู้เข้าร่วมโครงการเสรมิ สร้าง ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์จำนวน 20 คน โครงการดงั กล่าวได้ดำเนนิ เสรจ็ สิ้นไปด้วยดี ซง่ึ รายละเอียดผลการดำเนนิ งานตา่ งๆ ตลอดจนปัญหาอุปสรรค ไดส้ รปุ ไวแ้ ลว้ เพือ่ รวบรวมกระบวนการดำเนินงาน ผลทไี่ ด้รับและการนำไปใช้ ตลอดจนการพฒั นาเพอื่ ใหส้ อดคล้อง กบั ผเู้ ขา้ ร่วมอบรม และการตอบสนองความต้องการของผู้เขา้ ร่วมอบรม การนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จรงิ และ ต้องขอขอบคณุ ศูนยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยจังหวดั ชลบรุ ี ท่ีใหก้ ารสนบั สนนุ งบประมาณ ตลอดจนคำปรึกษาแนะนำในการจัดกจิ กรรมดังกล่าว กศน.ตำบลแสมสาร กุมภาพนั ธ์ 2563
สารบญั บทที่ หนา้ 1 บทนำ 2 ความเปน็ มา 2 วตั ถปุ ระสงค์ 2 เป้าหมาย 2 ผลลัพธ์ 2 ดชั นีช้ีวดั ผลสำเร็จ 3 2 เอกสารการศึกษาและรายงานท่ีเกี่ยวขอ้ ง 11 นโยบายและจดุ เนน้ การดาํ เนินงานสํานักงาน กศน.ประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 22 นโยบายและจุดเน้นการดำเนินงาน กศน.อำเภอสัตหีบ ประจำปงี บประมาณ 23 พ.ศ.2563 การศกึ ษาเพือ่ พฒั นาสังคมและชุมชน 36 เอกสาร/งานท่เี ก่ียวขอ้ ง 36 3 วิธีการดำเนนิ งาน 36 ประชุมบคุ ลากรกรรมการสถานศึกษาและตวั แทนนกั ศึกษา 36 จดั ตัง้ คณะทำงาน ดำเนนิ ตามแผนงาน 38 เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการดำเนนิ งาน 40 4 ผลการดำเนินงานและการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตอนที่ 1 ข้อมลู สว่ นตวั ของผตู้ อบแบบสอบถามของผูเ้ ข้ารบั การอบรมโครงการ 42 ตอนท่ี 2 ข้อมลู เกีย่ วกบั ความคิดเห็นท่ีมีของผ้เู ขา้ รว่ มโครงการ 42 5 สรปุ ผลการดำเนนิ การ อภปิ ราย และข้อเสนอแนะ 42 ผลท่ีปรากฎ 43 สรุปผลการดำเนนิ งาน อภิปรายผล ข้อเสนอแนะ
สารบญั ตาราง หนา้ ตารางท่ี 38 38 1 แสดงคา่ รอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ 39 2 แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ 40 3 แสดงคา่ ร้อยละของผูต้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชพี 4 ผลการประเมนิ โครงการ
บทที่ 1 บทนำ โครงการเสริมสรา้ งความจงรกั ภักดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ที่มาและความสำคญั โครงการเสริมสร้างความจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เปน็ โครงการเสริมสร้างจติ สำนึกใน ความรักชาติ การดำเนินชีวิตตามแนวพระราชดำริ การปลูกฝังจติ สำนึกดา้ นจริยธรรมตามหลกั ศาสนา การเสรมิ สร้าง ความรัก ความสามคั คี การทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ นำความรู้ท่ไี ด้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการดำเนินชวี ิตประจำวัน กอ่ ให้เกิดประโยชนต์ ่อตนเอง ครอบครวั สงั คมและประเทศชาตติ ่อไป ดังนั้น กศน.ตำบลแสมสาร จึงไดจ้ ดั ทำโครงการเสรมิ สร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา เพอ่ื เป็นการ แสดงออก ถงึ ความจงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ เป็นการเสรมิ สรา้ งให้คนไทยมีความรัก สามัคคี และมีความภูมใิ จที่ได้เกิดเป็นคนไทย วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอื่ เป็นการแสดงออกถงึ ความจงรักภักดตี ่อสถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ 2. เพอ่ื เสริมสร้างใหค้ นไทยมคี วามรักสามคั คี และมคี วามภมู ิใจทไี่ ดเ้ กิดเปน็ คนไทย เป้าหมาย เชงิ ปริมาณ ประชาชนตำบลแสมสาร จำนวน 20 คน เชิงคณุ ภาพ ใหผ้ ู้เข้ารับการอบรมแสดงออกถงึ ความจงรักภักดตี ่อสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ เป็น การเสริมสรา้ งใหค้ นไทยมีความรกั สามคั คี และมีความภมู ิใจทไี่ ด้เกิดเปน็ คนไทย ตวั ชี้วัดผลสำเรจ็ ตัวชวี้ ดั ผลผลิต (Output) ประชาชนตำบลแสมสาร เข้าร่วมโครงการตามเป้าหมายท่ีกำหนด ตวั ชี้วัดผลลัพธ์ (Outcome) ผูเ้ ขา้ ร่วมโครงการร้อยละ 80 สามารถนำความรไู้ ปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั มคี วามรู้ เป็นการแสดงออก ถงึ ความจงรกั ภักดีตอ่ สถาบนั ชาติ ศาสนา และพระมหากษตั รยิ ์ เป็นการเสริมสรา้ งให้คนไทยมคี วามรักสามคั คี และมี ความภมู ิใจที่ได้เกิดเปน็ คนไทย
3 บทที่ 2 เอกสารการศึกษาและรายงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง ในการจัดทำรายงานครั้งนีไ้ ดศ้ ึกษาค้นคว้าเนอ้ื หาจากเอกสารการศกึ ษาและรายงานท่ีเกย่ี วขอ้ ง ดงั ต่อไปนี้ 1. ร่างนโยบายและจุดเน้นการดาํ เนนิ งานสํานักงาน กศน.ประจาํ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 2. นโยบายและจุดเนน้ การดำเนนิ งาน กศน.อำเภอสัตหีบประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 3. การศกึ ษาเพือ่ พัฒนาสงั คมชุมชน 4. เอกสารทเ่ี ก่ียวข้อง 1.(รา่ ง) นโยบายและจุดเนน้ การดำเนนิ งาน สำนักงาน กศน.ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 วิสัยทศั น์ คนไทยไดร้ บั โอกาสการศกึ ษาและการเรียนรู้ตลอดชวี ติ อย่างมคี ุณภาพ สามารถดำรงชีวิตที่เหมาะสม กบั ช่วงวยั สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และมที ักษะทจ่ี ำเป็นในโลกศตวรรษที่ 21 พนั ธกจิ 1. จัดและส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยท่มี ีคุณภาพ เพอ่ื ยกระดบั การศึกษา พฒั นา ทกั ษะการเรยี นร้ขู องประชาชนทุกกลมุ่ เป้าหมายใหเ้ หมาะสมทกุ ช่วงวยั พร้อมรับการเปลีย่ นแปลงบรบิ ททางสงั คม และ สรา้ งสังคมแห่งการเรยี นรูต้ ลอดชวี ติ 2 ส่งเสริม สนบั สนนุ และประสานภาคีเครือขา่ ย ในการมีส่วนร่วมจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตาม อัธยาศยั และการเรียนรู้ตลอดชวี ติ รวมท้ังการดำเนินกิจกรรมของศนู ยก์ ารเรยี นและแหล่งการเรยี นร้อู ่ืนในรูปแบบ ตา่ งๆ 3. สง่ เสรมิ และพัฒนาการนำเทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ใหเ้ กดิ ประสิทธิภาพในการจัด การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ให้กับประชาชนอย่างท่วั ถึง 4. พัฒนาหลกั สตู ร รูปแบบการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ สื่อและนวัตกรรม การวัดและประเมนิ ผลในทุกรปู แบบ ใหส้ อดคลอ้ งกบั บริบทในปจั จุบัน 5. พัฒนาบคุ ลากรและระบบการบรหิ ารจดั การให้มปี ระสทิ ธิภาพ เพอื่ ม่งุ จดั การศึกษาและการเรียนร้ทู ่มี ี คณุ ภาพ โดยยึดหลกั ธรรมาภบิ าล เป้าประสงค์ 1. ประชาชนผดู้ อ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศกึ ษา รวมทง้ั ประชาชนท่ัวไปไดร้ ับโอกาสทางการศึกษาใน รปู แบบการศึกษานอกระบบระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน การศึกษาต่อเน่อื ง และการศกึ ษาตามอธั ยาศัย ที่มีคุณภาพ อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง เป็นไปตามสภาพ ปัญหา และความต้องการของแตล่ ะ
4 กลุ่มเป้าหมาย 2. ประชาชนไดร้ ับการยกระดับการศึกษา สร้างเสริมและปลูกฝงั คณุ ธรรม จรยิ ธรรม และ ความเป็นพลเมอื ง อันนำไปสูก่ ารยกระดบั คณุ ภาพชีวิตและเสรมิ สรา้ งความเข้มแข็งให้ชมุ ชน เพ่ือพัฒนาไปสู่ ความมัน่ คงและย่ังยนื ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม ประวตั ิศาสตร์ และสง่ิ แวดล้อม 3. ประชาชนได้รับโอกาสในการเรยี นรู้ และมเี จตคติทางวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ่ีเหมาะสม สามารถคิด วิเคราะห์ และประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจำวนั รวมทั้งแกป้ ัญหาและพัฒนาคณุ ภาพชวี ิต ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ 4. ประชาชนไดร้ บั การสรา้ งและส่งเสรมิ ให้มนี ิสยั รักการอา่ นเพ่ือการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง 5. ชมุ ชนและภาคเี ครอื ข่ายทกุ ภาคส่วน ร่วมจัด ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ การดำเนินงานการศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมทั้งการขับเคล่อื นกจิ กรรมการเรียนรู้ของชมุ ชน 6. หนว่ ยงานและสถานศกึ ษาพฒั นา เทคโนโลยีทางการศึกษา เทคโนโลยดี จิ ิทลั มาใช้ ในการยกระดับคณุ ภาพในการจดั การเรยี นรู้และเพม่ิ โอกาสการเรยี นรู้ใหก้ ับประชาชน 7. หน่วยงานและสถานศกึ ษาพฒั นาสือ่ และการจัดกระบวนการเรยี นรู้ เพื่อแกป้ ญั หาและพัฒนา คณุ ภาพชวี ติ ทต่ี อบสนองกับการเปลีย่ นแปลงบริบทด้านเศรษฐกิจ สงั คม การเมือง วฒั นธรรม ประวตั ิศาสตร์ และสงิ่ แวดลอ้ ม รวมท้งั ตามความต้องการของประชาชนและชุมชนในรปู แบบทีห่ ลากหลาย 8. หน่วยงานและสถานศึกษามีระบบการบริหารจัดการทีเ่ ป็นไปตามหลกั ธรรมาภิบาล 9. บคุ ลากรของหนว่ ยงานและสถานศกึ ษาได้รับการพฒั นาเพ่ือเพ่มิ สมรรถนะในการปฏิบตั งิ าน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ชี้วัด ตวั ชีว้ ัดเชิงปรมิ าณ 1. จำนวนผูเ้ รียนการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาช้ันพ้ืนฐานทีไ่ ดร้ บั การสนบั สนนุ ค่าใช้จา่ ยตามสทิ ธิท่ี กำหนดไว้ 2. จำนวนของคนไทยกลุม่ เปา้ หมายต่าง ๆ ทเี่ ข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นร/ู้ เขา้ รับบริการกิจกรรมการศกึ ษา ต่อเนือ่ ง และการศึกษาตามอธั ยาศยั ที่สอดคล้องกบั สภาพ ปัญหา และความต้องการ 3. ร้อยละของกำลังแรงงานท่สี ำเร็จการศกึ ษาระดบั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ข้ึนไป 4. จำนวนภาคเี ครือข่ายทีเ่ ข้ามามสี ว่ นรว่ มในการจัด/พฒั นา/ส่งเสรมิ การศกึ ษา (ภาคีเครือขา่ ย :สถาน ประกอบการ องคก์ ร หนว่ ยงานทม่ี ารว่ มจัด/พฒั นา/สง่ เสริมการศกึ ษา) 5. จำนวนประชาชน เด็ก และเยาวชนในพืน้ ทส่ี งู และชาวไทยมอแกน ในพ้ืนที่ 5 จังหวดั 11 อำเภอไดร้ บั บรกิ ารการศกึ ษาตลอดชวี ิตจากศูนย์การเรียนชมุ ชนสงั กดั สำนักงาน กศน. 6. จำนวนผูร้ บั บริการในพ้ืนท่เี ป้าหมายได้รบั การส่งเสริมดา้ นการรหู้ นงั สอื และการพฒั นาทักษะชีวติ 7. จำนวนนักเรยี นนกั ศึกษาทไ่ี ด้รับบริการตวิ เข้มเต็มความรู้
5 8. จำนวนประชาชนทีไ่ ดร้ บั การฝกึ อาชพี ระยะส้ัน สามารถสร้างอาชีพเพอ่ื สรา้ งรายได้ 9. จำนวน ครู กศน. ตำบล จากพ้ืนที่ กศน.ภาค ไดร้ ับการพฒั นาศกั ยภาพดา้ นการจัดการเรยี นการสอน ภาษาองั กฤษเพื่อการส่อื สาร 10. จำนวนประชาชนท่ีได้รบั การฝกึ อบรมภาษาต่างประเทศเพอ่ื การสื่อสารดา้ นอาชีพ 11. จำนวนผู้สูงอายภุ าวะพึ่งพงิ ในระบบ Long Term Care มีผดู้ ูแลที่มีคุณภาพและมาตรฐาน 12. จำนวนประชาชนทผ่ี า่ นการอบรมจากศูนยด์ ิจิทลั ชุมชน 13. จำนวนศนู ยก์ ารเรยี นชุมชน กศน. บนพนื้ ทสี่ ูง ในพ้ืนที่ 5 จังหวดั ที่ส่งเสรมิ การพัฒนาทักษะการฟัง พูด ภาษาไทยเพ่อื การส่ือสาร ร่วมกันในสถานศกึ ษาสังกดั สพฐ. ตชด. และกศน. 14. จำนวนบุคลากร กศน. ตำบลทีส่ ามารถจัดทำคลงั ความรูไ้ ด้ 15. จำนวนบทความเพือ่ การเรียนร้ตู ลอดชวี ิตในระดับตำบลในหวั ข้อตา่ ง ๆ 16. จำนวนหลักสูตรและสอื่ ออนไลน์ท่ใี ห้บริการกับประชาชน ทงั้ การศกึ ษานอกระบบระดับการศกึ ษาข้ัน พน้ื ฐาน การศึกษาต่อเนือ่ ง และการศึกษาตามอัธยาศัย ตวั ชี้วัดเชิงคุณภาพ 1. รอ้ ยละของคะแนนเฉลี่ยผลการทดสอบทางการศกึ ษาระดับชาติ การศกึ ษานอกระบบ (N-NET) ทุกรายวิชาทกุ ระดับ 2. รอ้ ยละของผเู้ รียนทไ่ี ด้รบั การสนับสนุนการจัดการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐานเทยี บกับค่าเป้าหมาย 3. รอ้ ยละของประชาชนกลุ่มเป้าหมายท่ีลงทะเบียนเรยี นในทุกหลกั สตู ร/กิจกรรมการศกึ ษาต่อเนอ่ื งเทียบกบั เปา้ หมาย 4. รอ้ ยละของผู้ผ่านการฝึกอบรม/พฒั นาทกั ษะอาชีพระยะสั้นสามารถนำความรไู้ ปใชใ้ นการประกอบอาชพี หรือพัฒนางานได้ 5. รอ้ ยละของผู้เรียนในเขตพ้นื ท่จี ังหวดั ชายแดนภาคใต้ที่ไดร้ ับการพัฒนาศักยภาพ หรอื ทักษะด้านอาชีพ สามารถมีงานทำหรือนำไปประกอบอาชพี ได้ 6. รอ้ ยละของผจู้ บหลกั สตู ร/กจิ กรรมที่สามารถนำความรู้ความเข้าใจไปใช้ไดต้ ามจดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตร กิจกรรม การศกึ ษาต่อเนื่อง 7. ร้อยละของประชาชนทไี่ ดร้ ับบริการมีความพึงพอใจต่อการบรกิ าร/เขา้ รว่ มกิจกรรมการเรยี นรู้การศกึ ษา ตามอธั ยาศัย 8. ร้อยละของประชาชนกลุม่ เปา้ หมายท่ไี ดร้ ับบริการ/ข้ารว่ มกิจกรรมทมี่ คี วามรคู้ วามเข้าใจ/เจตคติทกั ษะ ตามจดุ ม่งุ หมายของกิจกรรมที่กำหนด ของการศกึ ษาตามอัธยาศัย 9. ร้อยละของนักเรยี น/นักศกึ ษาท่มี ีผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นในวชิ าทไี่ ด้รบั บริการตวิ เข้มเตม็ ความรู้เพมิ่ สงู ข้ึน 10. ร้อยละของผสู้ ูงอายุทีเ่ ป็นกลุ่มเป้าหมาย มีโอกาสมาเข้าร่วมกิจกรรมการศึกษาตลอดชีวติ
6 นโยบายเรง่ ด่วนเพื่อร่วมขบั เคลือ่ นยทุ ธศาสตร์การพัฒนาประเทศ 1.ยทุ ธศาสตรด์ า้ นความมนั คง 1.1 พฒั นาและเสรมิ สรา้ งความจงรักภักดตี อ่ สถาบันหลกั ของชาติ โดยปลกู ฝงั และสรา้ งความตระหนักรถู้ ึง ความสำคัญของสถาบนั หลกั ของชาติ รณรงคเ์ สรมิ สรา้ งความรกั และความภาคภูมใิ จในความเปน็ คนไทยและชาตไิ ทย นอ้ มนำและเผยแพรศ่ าสตร์พระราชา หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียงรวมถงึ แนวทางพระราชดำริต่าง ๆ 1.2 เสรมิ สร้างความรคู้ วามเขา้ ใจที่ถูกต้อง และการมีส่วนรว่ มอยา่ งถูกต้องกับการปกครองระบอบ ประชาธิปไตยอนั มีพระมหากษัตรยิ ์ทรงเป็นประมขุ ในบรบิ ทของไทย มคี วามเปน็ พลเมอื งดี ยอมรบั และเคารพความ หลากหลายทางความคิดและอดุ มการณ์ 1.3 สง่ เสรมิ และสนบั สนนุ การจดั การศกึ ษาเพ่อื ป้องกันและแกไ้ ขปญั หาภัยคกุ คามในรูปแบบใหม่ ท้ังยาเสพตดิ การคา้ มนุษย์ ภัยจากไซเบอร์ ภยั พบิ ัติจากธรรมชาติ โรคอุบตั ิใหม่ ฯลฯ 1.4 ยกระดับคณุ ภาพการศกึ ษาและสร้างเสรมิ โอกาสในการเข้าถงึ บริการการศกึ ษา การพัฒนาทักษะ การ สร้างอาชพี และการใชช้ ีวิตในสงั คมพหุวฒั นธรรม ในเขตพฒั นาพิเศษเฉพาะกิจจงั หวัดชายแดนภาคใต้ และพืน้ ที่ ชายแดนอน่ื ๆ 1.5 สรา้ งความรู้ ความเข้าใจในขนบธรรมเนยี ม ประเพณี วัฒนธรรมของประเทศเพ่ือนบา้ นยอมรบั และเคารพ ในประเพณี วัฒนธรรมของกลุม่ ชาติพนั ธุ์ และชาวต่างชาตทิ ่มี ีความหลากหลาย ในลักษณะพหุสงั คมท่อี ยูร่ ว่ มกัน 2 ยุทธศาสตร์ด้านการสรา้ งความสามารถในการแขง่ ขัน 2.1 เร่งปรบั หลกั สตู รการจัดการศกึ ษาอาชีพ กศน. เพื่อยกระดับทักษะด้านอาชีพของประชาชนใหเ้ ปน็ อาชพี ที่ รองรับอุตสาหกรรมเปา้ หมายของประเทศ (First S - curve และ New S-curve) โดยบรู ณาการความร่วมมอื ในการ พัฒนาและเสรมิ ทักษะใหมด่ ้านอาชีพ (Upskill & Reskill) รวมถงึ มุ่งเน้นสรา้ งโอกาสในการสรา้ งงาน สร้างรายได้ และ ตอบสนองตอ่ ความตอ้ งการของตลาดแรงานท้ังภาคอตุ สาหกรรมและการบรกิ าร โดยเฉพาะในพื้นท่เี ขตระเบียง เศรษฐกิจ และเขคพฒั นาพิเศษตามภมู ภิ าคตา่ ง ๆ ของประเทศสำหรับพ้ืนทปี่ กตใิ หพ้ ัฒนาอาชพี ทีเ่ น้นการตอ่ ยอด ศกั ยภาพและตามบริบทของพน้ื ท่ี 2.2 จดั การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาพ้ืนท่ีภาคตะวันออก ยกระดับการศึกษาให้กับประชาชนให้จบการศึกษาอย่างน้อย การศึกษาภาคบงั คับ สามารถนำคุณวฒุ ิทีไ่ ด้รบั ไปต่อยอดในการประกอบอาชีพ รวมท้ังพฒั นาทกั ษะในการประกอบ อาชพี ตามความตอ้ งการของประชาชน สรา้ งอาชีพ สร้างรายได้ ตอบสนองตอ่ บริบทของสังคมและชมุ ชน รวมท้งั รองรับ การพัฒนาเขตพนื้ ทร่ี ะเบียบเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) 2.3 พฒั นาและสง่ เสริมประชาชนเพื่อตอ่ ยอดการผลติ และจำหน่ายสินคแ้ ละผลติ ภัณฑ์ออนไลน์ 1) เร่งจัดตั้งศนู ยใ์ หค้ ำปรึกษาและพฒั นาผลติ ภัณฑ์ Brand กศน. เพอื่ ยกระดับคุณภาพของสินคแ้ ละผลิตภัณฑ์ การบรหิ ารจัดการท่ีครบวงจร (การผลิต การตลาด การส่งออก และสรา้ งชอ่ งทางจำหนา่ ย) รวมท้ังสง่ เสรมิ การใช้ ประโยชนจ์ ากเทคโนโลยีดิจิทัลในการเผยแพร่และจำหนา่ ยผลิตภัณฑ์ 2) พัฒนาและคดั เลอื กสุดยอดสินค้าและลิตภัณฑ์ กศน. ในแตล่ ะจงั หวัด พร้อมท้ังประสานความรว่ มมือกบั สถานีบริการน้ำมันในการเปน็ ซอ่ งทางการจำหน่ายสดุ ยอดสนิ คา้ และผลติ ภัณฑ์ กศน.ใหก้ ว้างขวางย่ิงข้นึ
7 3 ยุทธศาสตร์การพัฒนาและเสริมสร้างศกั ยภาพทรพั ยากรมนุษย์ 3.1 พฒั นาครแู ละบุคลากรท่ีเกีย่ วขอ้ งกบั การจัดกิจกรรมและการเรยี นรู้ เป็นผเู้ ชื่อมโยงความรูก้ ับ ผู้เรียนและผ้รู บั บรกิ าร มคี วามเปน็ \"ครมู ืออาชีพ\" มจี ติ บริการ มีความรอบรู้และทันตอ่ การเปลย่ี นแปลงของสงั คมและ เป็น \"ผ้อู ำนวยการการเรียนรู้\" ท่สี ามารถบริหารจัดการความรู้ กิจกรรม และการเรียนรทู้ ี่ดี 1) เพิม่ อตั ราข้าราชการครูใหก้ ับ กศน. อำเภอทุกแห่ง โดยเรง่ ดำเนนิ การเร่ืองการหาอตั ราตำแหน่ง การสรรหา บรรจุ และแตง่ ตงั้ ขา้ ราชการครู 2) พฒั นาขา้ ราชการครใู นรูปแบบครบวงจร ตามหลกั สูตรที่เช่ือมโยงกับวทิ ยฐานะ 3) พัฒนาครู กศน.ตำบลให้สามารถปฏิบัติงานได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ โดยเน้นเรอ่ื งการพัฒนา ทักษะการจดั การเรยี นการสอนออนไลน์ ทักษะภาษาต่างประเทศ ทักษะการจดั กระบวนการเรียนรู้ 4) พัฒนาศกึ ษานเิ ทศก์ ใหส้ ามารถปฏบิ ตั กิ ารนเิ ทศไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 5) พฒั นาบุคลากร กศน.ทกุ ระดับทกุ ประเภทใหม้ ีทกั ษะความรูเ้ ร่ืองการใชป้ ระโยชนจ์ ากดจิ ิทัลและ ภาษาตา่ งประเทศท่ีจำเป็น 3.2 พฒั นาแหลง่ เรยี นรู้ใหม้ ีบรรยากาศและสภาพแวดลอ้ มที่เออ้ื ตอ่ การเรยี นรู้ มคี วามพรอ้ ม ในการให้บรกิ ารกิจกรรมการศกึ ษาและการเรียนรู้ เป็นแหล่งสารสนเทศสาธารณะทง่ี ยตอ่ การเข้าถึง มบี รรยากาศท่ีเออ้ื ต่อการเรยี นรู้ เป็นคาเพพ่ ืน้ ทก่ี ารเรียนรู้สำหรบั คนทุกชว่ งวยั มสี ง่ิ อำนวยความสะดวก มบี รรยากาศสวยงามมีชวี ติ ที่ ดงึ ดูดความสนใจ และมีความปลอดภัยสำหรบั ผใู้ ช้บรกิ าร 1) เรง่ ยกระดับ กศน.ตำบลนำรอ่ ง 928 แห่ง (อำเภอละ 1 แหง่ ) ให้เป็น กศน.ตำบล 5 ดี พรีเมีย่ ม ทีป่ ระกอบด้วย ครดู ี สถานทีด่ ี (ตามบริบทของพื้นที่) กจิ กรรมดี เครือข่ายดี และมนี วัตกรรมการเรยี นรู้ท่ีดมี ีประโยชน์ 2) จดั ใหม้ ีศนู ยก์ ารเรยี นรู้ตน้ แบบ กศน. เพ่อื ยกระดบั การเรียนรู้ ใน 6 ภมู ภิ าค เปน็ พื้นท่กี ารเรียนรู้ (Co - Learning Space) ทที่ นั สมยั สำหรับทกุ คน มีความพร้อมในการให้บรกิ ารตา่ ง ๆ อาทิ พืน้ ท่สี ำหรบั การทำงาน/ การเรียนรู้ พ้ืนที่สำหรับกจิ กรรมต่าง ๆ มีห้องประชุมขนาดเล็ก รวมทงั้ ทำงานรว่ มกับห้องสมุดประชาชนในการ ให้บริการในรูปแบบห้องสมุดดิจิทัล บรกิ ารอนิ เทอรเ์ น็ต ส่อื มัลตมิ ีเดยี เพ่ือรองรบั การเรยี นรูแ้ บบ Active Learning 3) พัฒนาห้องสมดุ ประชชน \"เฉลมิ ราชกมุ ารี\" ให้เป็น Digital Library โดยให้มีบริการหนงั สือในรปู แบบ e - Book บริการคอมพวิ เตอร์ และอินเทอร์เน็ตความเรว็ สงู รวมท้ัง Free Wifi เพ่อื การสืบคน้ ขอ้ มูล 3.3 ส่งเสรมิ การจัดการเรยี นรทู้ ี่ทันสมยั และมปี ระสทิ ธิภาพ เอื้อตอ่ การเรียนรสู้ ำหรับทุกคน สามารถ เรียนได้ทกุ ท่ที ุกเวลา มกี ิจกรรมทหี่ ลากลาย น่าสนใจ สนองตอบความตอ้ งการของชุมชน เพื่อพฒั นาศักยภาพ การเรียนร้ขู องประชาชน รวมทัง้ ใช้ประโยชน์จากประชาชนในชมุ ชนในการรว่ มจดั กิจกรรมการเรียนรเู้ พ่ือเช่อื มโยง ความสัมพันธข์ องคนในชุมชนไปสู้การจดั การความรู้ของชุมชนอย่างยงั่ ยืน 1) สง่ เสรมิ การจัดกิจกรรมการเรยี นร้ทู ป่ี ลกู ฝงั คุณธรรม สรา้ งวินยั จติ สาธารณะ ความรับผิดชอบ ต่อสว่ นรวม และการมีจติ อาสา ผ่านกจิ กรรมรูปแบบตา่ ง ๆ อาทิ กิจกรรมลูกเสือ กศน. กจิ กรรมจติ อาสา ตลอดจน สนับสนุนให้มกี ารจัดกิจกรรมเพอื่ ปลูกฝงั คุณธรรม จรยิ ธรรมใหก้ บั บคุ ลากรในองคก์ ร
8 2) จดั ใหม้ ีหลกั สตู รลูกเสอื มคั คุเทศก์ โดยใหส้ ำนกั งาน กศน.จังหวดั ทกุ แห่ปกทม. จัดต้ังกองลกู เสอื ทีล่ ูกเสอื มีความพร้อมดา้ นทักษะภาษาต่างประเทศ เป็นลูกเสือมัคคเุ ทศก์จังหวัดละ 1 กอง เพอ่ื สง่ เสรมิ ลูกเสอื จิตอาสา พฒั นาการทอ่ งเท่ยี วในแตล่ ะจงั หวดั 3.4 เสรมิ สรา้ งความรว่ มมือกบั ภาคีเครือขา่ ย ประสาน สง่ เสรมิ ความร่วมมือภาคเี ครือขา่ ย ทั้งภาครฐั เอกชน ประชาสังคม และองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถนิ่ รวมท้ังสง่ เสริมและสนับสนุนการมีสว่ นร่วมของชมุ ชน เพอื่ สร้างความเข้าใจ และให้เกิดความรว่ มมือในการส่งเสรมิ สนบั สนนุ และจดั การศึกษาและการเรียนรใู้ หก้ ับ ประชาชนอย่างมีคุณภาพ 1) เร่งจัดทำทำเนยี บภูมปิ ัญญาทอ้ งถ่นิ ในแตล่ ะตำบล เพอื่ ใชป้ ระโยชน์จากภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่ิน ในการสรา้ งการเรียนรู้จากองค์ความรูใ้ นตวั บุคคลใหเ้ กดิ การถ่ายทอดภมู ิปญั ญา สรา้ งคุณค่าทางวัฒนธรรมอย่างยง่ั ยืน 2) ส่งเสรมิ ภูมปิ ัญญาท้องถ่นิ สกู่ ารจัดการเรยี นรู้ชุมชน 3) ประสานความร่วมมอื กบั ภาคีเครือข่ายเพ่อื การขยายและพัฒนาการศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอธั ยาศยั ให้เข้าถึงกล่มุ เป้าหมายทุกกลุ่มอยา่ งกว้างขวางและมีคุณภาพ อาทิ กลุ่มผูส้ งู อายุ กลมุ่ อสม. 3.5 พฒั นานวัตกรรมทางการศกึ ษาเพอ่ื ประโยชน์ต่อการจัดการศึกษาและกลุม่ เป้าหมาย 1) พฒั นาการจดั การศึกษาออนไลน์ กศน. ทงั้ ในรูปแบบของการศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน การพัฒนาทกั ษะ ชีวิตและทกั ษะอาชพี การศกึ ษาตามอัธยาศัย รวมทงั้ การพฒั นาช่องทางการค้าออนไลน์ 2) สง่ เสรมิ การใช้เทคโนโลยีในการปฏิบตั งิ าน การบริหารจดั การ และการจัดการเรยี นรู้ 3) ส่งเสรมิ ใหม้ ีการใชก้ ารวจิ ยั อย่างงา่ ยเพ่อื สร้างนวัตกรรมใหม่ 3.6 พัฒนาศักยภาพคนด้านทักษะและความเขา้ ใจในการใชเ้ ทคโนโลยีดจิ ิทัล (Digital Literacy) 1) พัฒนาความร้แู ละทักษะเทคโนโลยีดิจิทัลของครแู ละบุคลากรทางการศกึ ษา เพอ่ื พัฒนา รปู แบบการจัดการเรียนการสอน 2) สง่ เสรมิ การจดั การเรียนรดู้ ้านเทคโนโลยดี ิจิทลั เพือ่ ใหป้ ระชาชนมที ักษะความเขา้ ใจและ ใชเ้ ทคโนโลยีดิจิทัลที่สามารถนำไปใชป้ ระโยชน์ในชีวิตประจำวนั รวมทง้ั สรา้ งรายได้ให้กบั ตนเองได้ 3.7 พัฒนาทักษะภาษาตา่ งประเทศเพ่อื การส่ือสารของประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ อย่างเปน็ รปู ธรรม โดยเนน้ ทักษะภาษาเพ่ืออาชพี ท้งั ในภาคธรุ กิจ การบริการ และการท่องเท่ยี ว รวมทัง้ พัฒนาส่ือการเรียนการสอนเพ่อื สง่ เสรมิ การใชภ้ าษาเพื่อการส่ือสารและการพฒั นาอาชีพ 3.8 เตรยี มความพรอ้ มการเขา้ สสู่ งั คมผู้สงู อายุท่ีเหมาะสมและมีคณุ ภาพ 1) ส่งเสริมการจัดกิจกรรมให้กบั ประชาชนเพ่อื สร้างความตระหนักถึงการเตรยี มพร้อมเข้าสู่ สังคมผสู้ งู อายุ (Aging Society) มีความเข้าใจในพฒั นาการของชว่ งวยั รวมทงั้ เรียนรแู้ ละมสี ่วนรว่ มในการดูแล รบั ผดิ ชอบผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวและชมุ ชน 2) พัฒนาการจัดบรกิ ารการศกึ ษาและการเรียนรูส้ ำหรบั ประชาชนในการเตรียมความพรอ้ ม เข้าสวู่ ยั สงู อายุท่ีเหมาะสมและมีคณุ ภาพ
9 3) จดั การศกึ ษาเพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ สำหรบั ผสู้ ูงอายุภายใตแ้ นวคิด \"Active Aging\" การศึกษาเพอ่ื พัฒนาคุณภาพชวี ติ และพัฒนาทกั ษะชวี ิต ใหส้ ามารถดแู ลตนเองท้งั สุขภาพกายและสุขภาพจติ และรูจ้ กั ใชป้ ระโยชน์จากเทคโนโลยี 4) สรา้ งความตระหนักถึงคุณค่าและศกั ด์ิศรขี องผู้สูงอายุ เปดิ โอกาสใหม้ ีการเผยแพร่ภูมิปญั ญา ของผูส้ ูงอายุ และให้มีสว่ นรว่ มในกจิ กรรมดา้ นตา่ ง ๆ ในชุมชน เช่น ด้านอาชพี กีฬา ศาสนาและวฒั นธรรม 5) จัดการศกึ ษาอาชพี เพ่ือรองรับสังคมผู้สงู อายุ โดยบูรณาการความร่วมมือกับหนว่ ยงาน ที่เก่ยี วข้อง ในทกุ ระดับ 3.9 การสง่ เสรมิ วิทยาศาสตร์เพื่อการศกึ ษา 1) จดั กจิ กรรมวิทยาศาสตร์เชงิ รกุ และเน้นใหค้ วามรู้วทิ ยาศาสตร์อย่างง่ายกับประชาชนในชมุ ชน ทั้งวิทยาศาสตร์ในวถิ ชี วี ิต และวิทยาศาสตร์ในชวี ิตประจำวัน 2) พฒั นาส่อื นทิ รรศการเละรูปแบบการจัดกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ให้มีความทันสมัย 3.10 สง่ เสริมการรู้ภาษาไทยใหก้ ับประชาชนในรปู แบบต่าง ๆ โดยเฉพาะประชาชนในเขตพ้ืนทส่ี งู ใหส้ ามารถฟัง พดู อา่ น และเขียนภาษาไทย เพ่อื ประโยชในการใช้ชวี ิตประจำวนั ได้ 4 ยทุ ธศาสตร์ต้นการสรา้ งโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 4.1 จดั ตัง้ ศูนยก์ ารเรียนรู้สำหรบั ทุกช่วงวยั ท่ีเปน็ ศูนยก์ ารเรยี นรตู้ ลอดชีวติ ที่สามารถใหบ้ ริการ ประชาชนได้ทุกคน ทกุ ช่วงวยั ที่มกี ิจกรรมท่หี ลากหลาย ตอบสนองความต้องการในการเรียนรู้ในแตล่ ะวัย และเป็นศูนยบ์ รกิ ารความรู้ ศูนย์การจดั กิจกรรมทคี่ รอบคลุมทุกช่วงวัย เพ่อื ให้มพี ฒั นาการเรยี นร้ทู ่ีเหมาะสม และมคี วามสุขกับการเรยี นรู้ตามความสนใจ 1) เร่งประสานกับสำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน เพื่อจัดทำฐานขอ้ มลู โรงเรยี น ทถ่ี ูกยบุ รวม หรอื คาดว่านา่ จะถูกยุบรวม 2) ใหส้ ำนกั งาน กศน.จงั หวัดทุกแหง่ ทีอ่ ยู่ในจงั หวดั ทม่ี ีโรงเรยี นท่ีถกู ยบุ รวม ประสานขอใช้ พื้นทเี่ พ่อื จดั ตัง้ ศนู ยก์ ารเรยี นรู้สำหรบั ทุกช่วงวยั กศน. 4.2 สง่ เสริมและสนบั สนุนการจดั การศึกษาและการเรียนรสู้ ำหรับกลุ่มเปา้ หมายผพู้ กิ าร 1) จดั การศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน การศึกษาเพอ่ื พัฒนาทักษะชีวติ และทักษะอาชพี และการศึกษาตามอัธยาศัย โดยเน้นรูปแบบการศกึ ษาออนไลน์ 2) ให้สำนักงาน กศน.จังหวดั ทกุ แห่ง/กทม. ทำความรว่ มมอื กับศนู ย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัด ในการใช้ สถานท่ี วัสดุอุปกรณ์ และครภุ ณั ฑ์ด้านการศกึ ษา เพื่อสนบั สนนุ การจัดการศึกษาและการเรยี นรสู้ ำหรับกลุ่มเป้าหมายผู้ พิการ 4.3 ยกระดบั การศกึ ษาใหก้ ับกล่มุ เป้าหมายทหารกองประจำการ รวมทัง้ กลมุ่ เป้าหมายพเิ ศษอน่ื ๆ อาทิ ผูต้ อ้ งขงั คนพิการ เด็กออกกลางคัน ประชากรวยั เรียนทีอ่ ยู่นอกระบบการศกึ ษาใหจ้ บการศกึ ษานอกระบบระดับ การศึกษาขั้นพนื้ ฐาน สามารถนำความร้ทู ่ีไดร้ ับไปพฒั นาตนเองไดอ้ ยา่ งต่อเนอ่ื ง
10 4.4 พัฒนาหลักสูตรการจัดการศกึ ษาอาชีพระะสน้ั ให้มีความหลากหลาย ทันสมยั เหมาะสมกับ บริบทของพนื้ ท่ี และตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนผรู้ ับบริการ 5. ยุทธศาสตร์ดา้ นการสร้างการเติบโตบนคณุ ภาพชีวิตทเี่ ปน็ มติ รต่อสิง่ แวดลอ้ ม 5.1 สง่ เสริมให้มีการใหค้ วามรูก้ บั ประชาชนในการรับมอื และปรับตวั เพอื่ ลดความเสยี หายจากภัยธรรมชาติและ ผลกระทบท่เี กีย่ วข้องกบั การเปลยี่ นแปลงสภาพภมู อิ ากาศ 5.2 สร้างความตระหนกั ถึงความสำคัญของการสร้างสังคมสีเขยี ว สง่ เสรมิ ความรใู้ ห้กบั ประชาชนเกีย่ วกบั การ คดั แยกตงั้ แต่ต้นทาง การกำจดั ขยะ และการนำกลบั มาใช้ช้ำ เพ่ือลดปรมิ าณและตน้ ทนุ ในการจดั การขยะของเมอื ง และสามารถนำขยะกลับมาใช้ประโยชน์ได้โดยง่าย รวมทงั้ การจัดการมลพษิ ในชมุ ชน 5.3 ส่งเสรมิ ใหห้ น่วยงานและสถานศึกษาใช้พลังงานท่เี ป็นมติ รกับสิง่ แวดลอ้ ม รวมทั้งลดการใช้ทรัพยากรท่ี สง่ ผลกระทบต่อสง่ิ แวดล้อม เช่น รณรงค์เร่อื งการลดการใช้ถุงพลาสติก การประหยัดไฟฟ้า เปน็ ตน้ 6. ยทุ ธศาสตร์ดา้ นการปรับสมดลุ และพัฒนาระบบหารบริหารจดั การภาครัฐ 6.1 พัฒนาและปรบั ระบบวธิ กี ารปฏิบัตริ าชการให้ทนั สมยั มีความโปรง่ ใส ปลอดการทุจริตและประพฤตมิ ิชอบ บรหิ ารจดั การบนขอ้ มูลและหลักฐานเชิงประจกั ษ์ มงุ่ ผลสมั ฤทธ์ิมคี วามโปรง่ ใส 6.2 นำนวตั กรรมและเทคโนโลยรี ะบบการทำงานทเี่ ปน็ ดจิ ิทัลมาใชใ้ นการบริหารและพฒั นางานสามารถ เชอ่ื มโยงกบั ระบบฐานข้อมลู กลางของกระทรวงศกึ ษาธกิ าร พรอ้ มทั้งพฒั นาโปรแกรมออนไลน์ท่ีสามารถเชอ่ื มโยงข้อมูล ตา่ ง ๆ ทีท่ ำให้การบรหิ ารจัดการเป็นไปอย่างต่อเน่อื งกนั ตง้ั แตต่ ้นจนจบกระบวนการและให้ประชาชนกลุ่มเปา้ หมาย สามารถเขา้ ถงึ บรกิ ารไดอ้ ยา่ งทันที ทกุ ท่ีและทกุ เวลา 6.3 ส่งเสริมการพฒั นาบุคลากรทุกระดับอย่างต่อเน่อื ง ใหม้ คี วามรูแ้ ละทกั ษะตามมาตรฐานตำแหนง่ ใหต้ รง กบั สายงาน ความชำนาญ และความต้องการของบุคลากร “คนไทยไดร้ บั โอกาสการศึกษา และการเรียนรูต้ ลอดชีวิตอย่างมีคุณภาพ สามารถดำรงชีวิตที่เหมาะสมกับชว่ ง วัย สอดคล้องกับหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง และมีทกั ษะท่ีจำเปน็ ในโลกศตวรรษท่ี 21”
11 2.แนวทาง/กลยุทธก์ ารดำเนนิ งานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของกศน.อำเภอสตั หบี ปรัชญา คดิ เปน็ ทำเป็น เนน้ คุณธรรม วสิ ยั ทศั น์ “ภายในปี 2565 ผู้เรยี น/ผู้รบั บริการ ของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสตั หีบ มี คณุ ภาพตามมาตรฐานการเรียนรู้ ใช้แหลง่ เรยี นรู้ ภูมิปญั ญา สอื่ เทคโนโลยี ในการจดั กระบวนการเรยี นรู้ โดยเครือขา่ ย มสี ว่ นรว่ ม” อตั ลักษณ์ “เทา่ ทันเทคโนโลยี” ความหมาย การใช้เทคโนโลยี ในการเรียนร้แู ละการดำรงชีวติ ได้อย่างถูกต้อง เอกลกั ษณ์ “องคก์ ร ออนไลน์” หมายถึง สถานศึกษาใช้เทคโนโลยีในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ และการบรหิ ารงานภายในองคก์ ร พนั ธกจิ 1. ออกแบบการจดั กระบวนการเรียนรู้ให้สอดคล้องกบั หลักสูตร 2. จดั ระบบสารสนเทศเพ่อื การเรยี นรู้และการบรหิ ารการศกึ ษา 3. พัฒนาบุคลากรด้านการออกแบบการจดั กระบวนการเรียนรู้/สอ่ื /การประเมินผล 4. สง่ เสริมและสนบั สนุนการมสี ่วนรว่ มของภาคีเครอื ขา่ ยและชุมชนในการจดั กิจกรรมการศกึ ษา เปา้ ประสงค์ 1. ใช้สอื่ เทคโนโลยีในการจัดการเรียนรู้ 2. จัดการเรียนร้รู ่วมกบั เครือขา่ ย
กลยุทธ์ 12 กลยทุ ธ์ วตั ถปุ ระสงค์ 1. พัฒนาคณุ ภาพผ้เู รียน 1. เพอ่ื ให้ผเู้ รียนมีคุณธรรม จริยธรรมคา่ นยิ มอันพงึ ประสงค์ 2. เพ่ือใหผ้ เู้ รียนมีทกั ษะและความสามารถในการแสวงหาความรู้ 3. เพอื่ ให้ผเู้ รียนมีทักษะและความสามารถในการคดิ สรา้ งสรรค์ 4. เพ่อื ให้ผ้เู รียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาตามนโยบายสถานศกึ ษา 5. เพอื่ ใหผ้ เู้ รียนการศกึ ษาต่อเน่ืองนำความรูไ้ ปใช้ได้ 6. เพื่อให้ผเู้ รียนการศึกษาเศรษฐกิจพอเพียงสามารถนำความรู้ไปใชไ้ ด้ 7. เพอ่ื ใหผ้ ู้เรยี นการศึกษาดิจิทัลชมุ ชนสามารถนำความรู้ไปใชไ้ ด้ 8. เพื่อให้ผู้รับบริการการศกึ ษาตามอธั ยาศัยนำความร้ไู ปใช้ได้ 9. เพื่อใหผ้ ู้เรียน/ผู้รบั บริการสามารถเข้าถึงข้อมูลจากระบบสารสนเทศและ สามารถนำความร้ไู ปใช้พัฒนาตนเองได้ 2. พฒั นาบคุ ลาการ 1. เพอื่ ให้บุคลากรมีความรแู้ ละทักษะด้านการออกแบบการจัดกระบวนการ เรยี นการสอน 3. บริหารการจัดการสถานศกึ ษา 2. เพอื่ ใหบ้ คุ ลากรมีความรแู้ ละทกั ษะด้านการออกแบบสอื่ การเรียนการสอน 4. ภาคีเครือข่ายรว่ มจัดกิจกรรม 3. เพือ่ ให้บคุ ลากรมีความรแู้ ละทักษะดา้ นวิธีการประเมนิ ผลทม่ี ีคุณภาพ 1. เพอื่ จดั ระบบสารสนเทศเพื่อการเรยี นรูแ้ ละการบริหารสถานศกึ ษา 1. เพอ่ื ใหเ้ ครอื ข่ายมีส่วนร่วมสง่ เสริมสนับสนนุ และรว่ มจัดการจัดกิจกรรม การศึกษา 2.นโยบายและจดุ เนน้ ของ กศน.อำเภอสัตหบี เป้าประสงค์ 1. ประชาชนผู้ดอ้ ย พลาด และขาดโอกาสทางการศกึ ษา รวมทงั้ ประชาชนกลมุ่ เป้าหมายพิเศษได้รับโอกาส ทางการศึกษาในรูปแบบการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน การศึกษาตอ่ เน่อื งและการศกึ ษาตามอัธยาศยั ทมี่ คี ณุ ภาพ อย่างเท่าเทยี มและทว่ั ถึง เป็นไปตามสภาพ ปญั หา และความตอ้ งการของแต่ละกลุ่ม 2. ประชาชนได้รับการสง่ เสริมกระบวนการเรียนรเู้ พ่ือแก้ปญั หาและพฒั นาคณุ ภาพชวี ิตและเสริมสร้างความ เข้มแข็งให้กบั ชมุ ชน โดยมี กศน. ตำบล ศนู ยก์ ารเรียนชุมชน และแหล่งการเรยี นรอู้ นื่ ในชุมชนเป็นกลไกในการจัดการ เรยี นรู้ เพ่ือพัฒนาไปสู่ความม่ันคงและย่ังยืนทางด้านเศรษฐกิจ สงั คมวฒั นธรรม ประวัตศิ าสตร์ และสิ่งแวดลอ้ มใน อำเภอสตั หีบ
13 3. ชุมชนและทุกภาคสว่ น ร่วมเป็นภาคีเครอื ขา่ ยในการจัด ส่งเสริม และสนบั สนุนการดำเนินงานการศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมท้ังมีส่วนร่วมในการขับเคล่อื นกจิ กรรมการเรียนรู้ของชมุ ชนตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี งและปรชั ญาคดิ เป็น 4. ประชาชนในอำเภอสัตหีบได้รบั โอกาสในการเรียนรแู้ ละมีเจตคติทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีท่ีเหมาะสม สามารถคิด วเิ คราะห์ และประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา และพัฒนาคณุ ภาพชีวติ ไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ 5. กศน.อำเภอสตั หีบ หนว่ ยงานและสถานศึกษาพัฒนาและนำส่ือเทคโนโลยที างการศึกษา เทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสาร มาใชใ้ นการเพ่ิมโอกาสและยกระดบั คุณภาพในการจดั การเรียนรู้ใหก้ บั นักศกึ ษาในตำบลสัต หีบ 6. บคุ ลากรของ กศน.อำเภอสัตหีบ และสถานศกึ ษาไดร้ ับการพัฒนาเพ่ือเพมิ่ สมรรถนะในการปฏบิ ัตงิ าน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอย่างทัว่ ถึง 7. กศน.ตำบลแสมสารและสถานศึกษามรี ะบบการบริหารจดั การตามหลกั ธรรมาภบิ าล ตวั ชีว้ ัด 1. จำนวนผ้เู รยี นการศกึ ษานอกระบบระดบั การศกึ ษาขั้นพ้ืนฐานทีไ่ ดร้ บั การสนบั สนุนคา่ ใช้จา่ ยตามสทิ ธิที่ กำหนดไว้ 2. จำนวนของคนไทยกล่มุ เป้าหมายต่างๆ (กลุม่ เป้าหมายท่วั ไป กลุ่มเป้าหมายพเิ ศษ และกลุม่ คนไทยทว่ั ไป เป็นต้น) ท่เี ข้าร่วมกิจกรรมการเรยี นรู้/ไดร้ บั บริการกจิ กรรมการศึกษาต่อเน่อื ง และการศึกษาตามอัธยาศัยทส่ี อดคล้อง กบั สภาพ ปญั หา และความตอ้ งการ 3. รอ้ ยละผ้จู บหลกั สตู ร/กจิ กรรมการศึกษานอกระบบสามารถนำความรู้ความเข้าใจไปใชไ้ ดต้ ามจุดมงุ่ หมาย ของหลักสูตร/กิจกรรมที่กำหนด 4. จำนวนแหล่งเรียนรใู้ นระดับตำบลทม่ี คี วามพรอ้ มในการให้บริการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อธั ยาศัย 5. จำนวนประชาชนกลุม่ เปา้ หมายทเ่ี ขา้ รับการฝึกอาชีพ เหน็ ชอ่ งทางในการประกอบอาชพี 6. รอ้ ยละของผู้เขา้ ร่วมกิจกรรมที่สามารถอา่ นออกเขียนได้และคิดเลขเปน็ ตามจุดม่งุ หมายของกิจกรรม 7. ร้อยละของประชาชนกลุม่ เป้าหมายที่ได้รบั บริการเข้าร่วมกจิ กรรมแหล่งเรียนรตู้ ามอธั ยาศยั มคี วามรคู้ วามเข้าใจ เจตคติ ทกั ษะตามจุดมงุ่ หมายของกจิ กรรมที่กำหนด 8. จำนวนผู้ดูแลประชาชนทผ่ี ่านการอบรมตามหลักสตู รทกี่ ำหนด 9. จำนวนองคก์ รภาคส่วนตา่ ง ๆ ท้ังในและตา่ งประเทศ ทีร่ ่วมเปน็ ภาคเี ครอื ข่ายในการดำเนนิ งานการศกึ ษา นอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั 10. จำนวนนักเรยี น นักศึกษา และประชาชนท่วั ไปที่เข้าถึงบรกิ ารการเรยี นร้ทู างดา้ นวิทยาศาสตร์ในรปู แบบ 11. จำนวน/ประเภทของสื่อ และเทคโนโลยีทางการศึกษาที่มกี ารจัดทำ/พฒั นาและนำไปใชเ้ พ่อื สง่ เสรมิ การ เรยี นรขู้ องผเู้ รยี น/ผรู้ บั บรกิ ารการศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
14 12. จำนวนนกั เรียน นักศกึ ษา และประชาชนทว่ั ไปทเี่ ขา้ ถงึ บริการความรู้นอกระบบและการศกึ ษาตาม อัธยาศัยผา่ นช่องทางสื่อเทคโนโลยีทางการศึกษา และเทคโนโลยกี ารสือ่ สาร 13. ร้อยละของนกั ศกึ ษาทีม่ ีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรยี นทไี่ ดร้ ับบริการตวิ เขม้ เต็มความรู้เพ่ิมสงู ข้ึน 14. จำนวนบคุ ลากรของหนว่ ยงานและสถานศกึ ษาได้รบั การพัฒนาเพอื่ เพ่ิมสมรรถนะในการปฏิบัตงิ าน การศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 15. รอ้ ยละของสถานศกึ ษาในสังกัดทีม่ ีระบบประกนั คณุ ภาพภายในและมกี ารจัดทำรายงานการประเมิน ตนเอง 16. ร้อยละของหนว่ ยงาน และสถานศกึ ษา กศน. ทีม่ กี ารใช้ระบบเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสื่อสารในการ จดั ทำฐานขอ้ มลู ชุมชนและการบรหิ ารจัดการ เพอื่ สนบั สนนุ การดำเนินงานการศกึ ษานอกระบบ และการศกึ ษาตาม อธั ยาศยั ขององค์การ 17. ร้อยละของหน่วยงาน และสถานศึกษา กศน. ทสี่ ามารถดำเนินงานโครงการ/กจิ กรรมตามบทบาทภารกจิ ทีร่ ับผดิ ชอบไดส้ ำเรจ็ ตามเป้าหมายที่กำหนดไวอ้ ย่างโปรง่ ใส ตรวจสอบได้ โดยใช้ทรัพยากรอย่างคมุ้ ค่า/ตามแผนท่ี กำหนดไว้ จุดเน้นการดำเนนิ งาน กศน. ตามยุทธศาสตรก์ ระทรวงศึกษาธิการ 6 ยุทธศาสตร์ 1. พัฒนาหลกั สูตร กระบวนการเรยี นการสอน และการวดั ผลประเมินผล จุดเนน้ การดำเนนิ งาน 1.1 จดั กระบวนการเรยี นรู้ท่ีตอบสนองกับการเปลีย่ นแปลงและความต้องการของประชาชนชุมชนและสังคม ในรปู แบบทีห่ ลากหลาย ใหป้ ระชาชนคิดเป็น วิเคราะหไ์ ด้ ตัดสินใจภายใต้ฐานขอ้ มลู ทีถ่ กู ต้อง เชน่ ความรเู้ รอ่ื งการ ปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข/การเลือกตั้ง แนวทางและทศิ ทางการพัฒนา ประเทศด้านตา่ ง ๆ ของรัฐบาล โดยประสานความร่วมมือกับกระทรวงตา่ ง ๆ ทเี่ ก่ยี วข้อง ร่วมจดั ทำเนอื้ หาและส่อื ประกอบการจดั กระบวนการเรยี นรู้ รวมท้ังให้มีการจัดทำแผนการเรยี นร้รู ายชมุ ชน เพ่อื พัฒนาสชู่ ุมชน/เมืองแห่งการ เรียนรู้ 1.2 ส่งเสริมให้มีการจัดการเรยี นการสอนแบบ “สะเต็มศึกษา” (STEM Education) โดยบูรณาการความรดู้ ้าน คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เพ่อื พัฒนาทักษะชวี ติ ส่กู ารประกอบอาชพี ประยกุ ตใ์ ช้ในการทำงาน และ เป็นแนวทางของการสรา้ งแรงงานทีม่ ศี ักยภาพได้ในอนาคต 1.3 จดั การศึกษาเพ่อื เพิ่มอัตราการรู้หนังสือให้คนไทยให้สามารถอ่านออกเขยี นได้ โดยใช้หลักสูตรการรู้ หนังสอื ของคนไทยของสำนกั งาน กศน.และส่อื ทเ่ี หมาะสมกับสภาพและพื้นท่ีของกลุ่มเป้าหมาย 2. การผลติ พัฒนา ครู คณาจารย์ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา จุดเน้นการดำเนนิ งาน 2.1 จดั ทำแผนพัฒนาอัตรากำลังล่วงหนา้ ระยะ 10 ปี เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรบั การขอกรอบอตั รากำลงั เพ่มิ เติม ให้เพียงพอต่อขอบขา่ ยการดำเนินงานของ กศน.
15 2.2 เร่งพฒั นาศกั ยภาพครู กศน. ทกุ ประเภท เพือ่ ให้สามารถเปน็ ทั้งผู้สอนและผอู้ อกแบบการเรียนรูร้ ายบคุ คล และจดั กิจกรรมการเรยี นรไู้ ด้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ และจัดทำแผนพฒั นาครู กศน.ทุกประเภท และทุกระดบั ชว่ งระยะ 10 ปี เพอ่ื พฒั นาสมรรถนะครู กศน. ให้ได้เกณฑม์ าตรฐานท่ีกำหนด 2.3 สำรวจข้อมูล และทบทวนหลักเกณฑ์การจา้ งลกู จ้างแบบจ้างเหมาบริการ และพนักงานราชการให้ตรงตาม ความต้องการของพ้ืนที่ 3. ผลติ และพฒั นากำลังคน รวมทัง้ งานวิจัยที่สอดคล้องกับความตอ้ งการของการพฒั นาประเทศ จดุ เนน้ การดำเนินงาน 3.1 ยกระดบั การศกึ ษาใหก้ บั กล่มุ พนักงานรกั ษาความปลอดภัย ให้จบการศึกษาภาคบงั คับอยา่ งมีคุณภาพ โดยเน้นการเรียนรปู แบบโปรแกรมเรยี นรรู้ ายบุคคล 3.2 จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ให้สอดคล้องและรองรบั กับความต้องการของการ พฒั นาตามบริบทของแต่ละพน้ื ที่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ โดยมุ่งเน้นผลติ กำลังคนใหส้ อดคล้องกบั ความตอ้ งการ ของพ้ืนที่ พร้อมท้ังสรา้ งทักษะทางวชิ าชีพ โดยเนน้ ด้านการบริหารและการประกอบการ เพ่อื ให้ประชาชนในพืน้ ท่ีไดร้ บั การพฒั นาศกั ยภาพในแนวทางท่ดี ีขึ้น 4. ขยายโอกาสในการเข้าถึงบริการการศกึ ษาและการเรยี นรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชวี ติ จดุ เนน้ การดำเนินงาน 4.1 เรง่ บริหารจัดการโรงเรยี นขนาดเล็ก โดยประสานข้อมูลโรงเรียนขนาดเลก็ จากสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน (สพฐ.) และประสานหน่วยงานในพ้ืนท่เี พอ่ื สำรวจความตอ้ งการในกาจัดการโรงเรยี นขนาดเล็ก เพือ่ ทำเป็น กศน. ตำบลหรือแหล่งการเรยี นรขู้ องชมุ ชนภายในตำบลสัตหีบ 4.2 จัดและส่งเสรมิ ความร่วมมือหนว่ ยงานทีเ่ กี่ยวข้องในการจัดการศึกษาและการเรยี นร้ใู ห้กับกลุ่มเปา้ หมาย เดก็ ออกกลางคนั /เด็กตกหล่น และกล่มุ คนพิการในตำบลสัตหีบ 4.3 เร่งสำรวจข้อมลู การรหู้ นงั สอื ของคนไทย โดยใหค้ วามสำคัญกับกล่มุ เปา้ หมายนกั ศกึ ษา กศน.ในตำบล แสมสาร 4.4 พัฒนา กศน.ตำบล/แขวง ให้เปน็ ฐานการขับเคล่อื นการจดั การศึกษา โดยเนน้ การประสานเช่ือมโยง ระหวา่ งชมุ ชนและภาคเี ครือขา่ ย ในการจัดการศึกษารูปแบบ กศน.ตำบล 4 ศูนย์ ไดแ้ ก่ (1) ศูนยเ์ รยี นรหู้ ลกั ปรชั ญาของ เศรษฐกจิ พอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ประจำตำบล (2) ศูนยส์ ง่ เสริมพัฒนาประชาธปิ ไตยตำบล (3) ศูนยด์ จิ ิทลั ชุมชน และ (4) ศนู ยก์ ารศึกษาตลอดชวี ิตชมุ ชน เพอ่ื สนองตอบต่อความตอ้ งการของประชาชนอยา่ งมี ประสทิ ธภิ าพ รวมท้งั สรา้ งและกระจายโอกาสในการเรยี นรูต้ ลอดชวี ิตในชุมชน 4.5 จดั การศกึ ษาเพอ่ื พฒั นาคณุ ภาพชีวิตประชาชนทุกช่วงวัย“กศน.เพอ่ื ประชาชน”เชน่ จัดการเรียนวิชาชพี ระยะสั้น (โครงการศูนยฝ์ ึกอาชีพชุมชน) ให้กบั ประชาชนที่สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของตลาดแรงงาน บรบิ ทของ พ้ืนท่ี จัดการศึกษาเพอ่ื เสริมสรา้ งคุณภาพชวี ิตใหก้ ับกลมุ่ ประชาชนและการพฒั นาทกั ษะชีวิตในการเตรยี มความพร้อม รบั มอื กบั การเปล่ียนแปลงทางเศรษฐกจิ สงั คม ธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดลอ้ ม และการเขา้ สู่สังคมเศรษฐกจิ ท่ีขับเคลื่อนดว้ ย นวตั กรรม (Thailand 4.0)
16 4.6 มุ่งเนน้ การส่งเสริมใหเ้ กดิ ชมุ ชนรักการอ่านภายในตำบลสัตหีบ “นัง่ ท่ไี หน อา่ นทนี่ ั่น” ในรูปแบบตา่ ง ๆ เช่น อาสาสมัครส่งเสรมิ การอ่าน ห้องสมุดประชาชน บ้านหนังสอื ชุมชน ตู้หนงั สอื เคลื่อนท่ีในตลาด และหนังสือพมิ พฝ์ าผนงั เปน็ ตน้ 5. สง่ เสริมและพัฒนาระบบเทคโนโลยดี จิ ทิ ลั เพอื่ การศึกษา จดุ เนน้ การดำเนนิ งาน 5.1 พฒั นา กศน. อำเภอสัตหบี ใหม้ ีความพรอ้ มเก่ียวกับโครงสรา้ งพ้ืนฐานด้าน ICT และเทคโนโลยีเพ่ือ การศึกษาอื่นทเี่ หมาะสมกับพ้ืนที่ เพ่ือให้ กศน.ตำบลสัตหีบ เข้าถงึ การใช้บรกิ ารทางอินเทอร์เนต็ มีความพร้อมในการ ใหบ้ รกิ ารการศกึ ษาและการเรยี นรทู้ ่เี ป็นไปตามความต้องการของประชาชนและชุมชน และสร้างโอกาสในการเรียนร้ไู ด้ อย่างท่วั ถงึ 5.2 พฒั นาระบบชอ่ งทางแหล่งเรยี นรู้ออนไลน์ (Portal Web) และส่งเสริมให้ประชาชนนำเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่อื สารมาประยกุ ตใ์ ชใ้ นการเรียนรู้/กิจกรรมต่าง ๆ เพือ่ เพิ่มโอกาสการเรียนรู้ และการพัฒนาอาชีพ เชน่ การแสวงหาความรู้เพื่อการดำรงชวี ิต การพฒั นาต่อยอดอาชีพเพ่ือสร้างรายได้ โดยผ่านกลไกของศูนย์ดิจิทัลชุมชน เพื่อใหผ้ ู้เรยี นสามารถนำความรคู้ วามสามารถ เจตคติทด่ี ีต่อการประกอบอาชพี และทักษะทพี่ ัฒนาขึ้นไปใชป้ ระโยชน์ใน การประกอบอาชพี ที่สร้างรายไดไ้ ด้จริงและการพัฒนาสเู่ ศรษฐกจิ เชงิ สรา้ งสรรคต์ อ่ ไป 6. พัฒนาระบบบริหารจัดการส่งเสรมิ ให้ทกุ ภาคสว่ นมีสว่ นรว่ มในการจดั การศกึ ษา จดุ เนน้ การดำเนินงาน 6.1 สำรวจ วเิ คราะห์ และปรับปรงุ ค่าใชจ้ ่ายในการจดั การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน โดย ดำเนินการให้ผ้เู รยี นไดร้ ับการสนับสนนุ ค่าจัดซอ้ื ตำราเรยี น คา่ จัดกจิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพผเู้ รยี น และคา่ เล่าเรียนอยา่ ง ทว่ั ถงึ และเหมาะสมกบั สภาพการจดั การศึกษา เพ่ือเพม่ิ โอกาสในการรับการศึกษาทม่ี ีคณุ ภาพโดยไม่เสยี ค่าใช้จา่ ย 6.2 สร้างความรู้ ความตระหนกั และปลกู จติ สำนึกตามหลกั ธรรมาภิบาล ตลอดจนความรู้เรื่องกฎหมาย ระเบียบ ข้อบงั คับ และอื่นๆทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การปฏิบตั ิงานให้กบั บคุ ลากรทุกระดับทุกประเภทโดยส่งเสริมการจดั กจิ กรรม การจัดทำนวัตกรรมเก่ียวกับองค์ความรดู้ า้ นคุณธรรมจรยิ ธรรม การป้องกันการทุจริต และราชการใสสะอาด ของหนว่ ยงานและสถานศึกษา เพื่อให้ กศน.ตำบลสตั หีบ เปน็ องคก์ รแหง่ ศกั ด์ศิ รแี ละสจุ รติ ธรรมที่ประชาชนมคี วาม เชื่อมั่น ศรัทธาและมีความไว้วางใจในการปฏิบัติงาน ภารกจิ ต่อเนอ่ื ง 1. ดา้ นการจัดการศกึ ษาและการเรียนรู้ 1.1 การศึกษานอกระบบระดบั การศกึ ษาข้ันพ้นื ฐาน 1) สนับสนนุ การจัดการศกึ ษานอกระบบตงั้ แตป่ ฐมวัยจนจบการศกึ ษาข้นั พ้นื ฐานโดยดำเนนิ การให้ ผู้เรยี นไดร้ บั การสนับสนนุ ค่าจดั ซอื้ ตำราเรยี น คา่ จัดกิจกรรมพฒั นาคณุ ภาพผู้เรียน และค่าเล่าเรยี นอย่างทั่วถึงและ เพียงพอเพ่ือเพมิ่ โอกาสในการรบั การศึกษาทม่ี คี ณุ ภาพโดยไมเ่ สียค่าใช้จ่าย
17 2) จดั การศึกษานอกระบบระดับการศึกษาข้นั พ้ืนฐานใหก้ บั กลุ่มเปา้ หมายผู้ดอ้ ย พลาดและขาด โอกาสทางการศกึ ษา ทง้ั ระบบการให้บริการ ระบบการเรียนการสอน ระบบการวัดและประเมินผลการเรยี น ผ่านการ เรยี นแบบเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง การพบกลมุ่ การเรยี นแบบชน้ั เรียน และการจดั การศึกษาทางไกล 3) จัดให้มีการประเมินเพื่อเทียบระดับการศึกษา และการเทียบโอนความรแู้ ละประสบการณท์ ม่ี คี วาม โปร่งใส ยตุ ิธรรม ตรวจสอบได้ มมี าตรฐานตามทกี่ ำหนด และสามารถตอบสนองความตอ้ งการของกลุ่มเปา้ หมายได้ อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 4) สง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี นตอ้ งเรยี นรูแ้ ละปฏบิ ตั กิ จิ กรรมพัฒนาคณุ ภาพชีวติ เพ่ือดำเนนิ กิจกรรม เสริมสร้างความสามัคคี บำเพญ็ สาธารณประโยชนอ์ ยา่ งต่อเน่อื ง และส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มี พระมหากษัตรยิ ท์ รงเป็นประมขุ เชน่ กิจกรรมลูกเสอื เนตรนารี และยุวกาชาด กจิ กรรมจิตอาสา การจดั ตง้ั ชมรม/ ชุมนมุ และเปิดโอกาสให้ผเู้ รียนนำกจิ กรรมการบำเพ็ญประโยชน์อ่ืน ๆนอกหลกั สูตร มาใชเ้ พม่ิ ชั่วโมงกจิ กรรมให้ผ้เู รยี น จบตามหลักสูตรได้ 5) จัดตงั้ ศูนย์แนะแนวและประสานการศกึ ษาพิเศษอำเภอ/เขต ให้ครบทุกอำเภอทวั่ ประเทศ 1.2 การศกึ ษาต่อเน่อื ง 1) จัดการศึกษาอาชพี เพือ่ การมงี านทำอยา่ งยั่งยนื โดยให้ความสำคัญกบั การจดั การศึกษาอาชพี เพื่อการมงี านทำประเภทชา่ งพ้ืนฐาน/ช่างชนบท และอาชพี ท่สี อดคลอ้ งกับศกั ยภาพของผเู้ รียนและศกั ยภาพของ แต่ละ พืน้ ท่ี 2) จัดการศกึ ษาเพื่อพัฒนาทกั ษะชวี ิตให้กับทกุ กลุ่มเปา้ หมาย โดยจัดกิจกรรมการศึกษาในรูปแบบ ตา่ งๆ อาทิ ค่ายพัฒนาทักษะชีวติ การจดั ตัง้ ชมรม/ชมุ นุม การสง่ เสรมิ ความสามารถพเิ ศษตา่ งๆ ทีม่ ุ่งเนน้ ใหท้ ุก กลมุ่ เปา้ หมายมคี วามรู้ความสามารถในการบริหารจดั การชวี ิตของตนเองใหอ้ ย่ใู นสังคมได้อยา่ งมีความสขุ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม รวมทงั้ สามารถใช้เวลาว่างใหเ้ ปน็ ประโยชนต์ ่อตนเอง ครอบครัวและชมุ ชน 3) จัดการศึกษาเพื่อพฒั นาสังคมและชุมชน โดยใชห้ ลกั สูตรและการจัดกระบวนการเรยี นรแู้ บบ บูรณาการในรปู แบบของการฝกึ อบรม การเรยี นทางไกล การประชมุ สมั มนา การจดั เวทีแลกเปล่ยี นเรียนรู้ การจดั กิจกรรมจิตอาสา การสรา้ งชุมชนนกั ปฏิบตั ิ และรูปแบบอ่ืนๆ ทเี่ หมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายและบริบทของชุมชนแต่ละ พนื้ ท่ี โดยเน้นการดำเนนิ ตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง การสร้างจติ สำนกึ ความเป็นประชาธิปไตย ความเปน็ พลเมืองดี การบำเพ็ญประโยชน์ การอนุรกั ษ์พลังงานทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดล้อม 4) สง่ เสริมการจัดการเรยี นรเู้ พือ่ สรา้ งจิตสำนึกและวนิ ยั ในชมุ ชน เชน่ การส่งเสรมิ คุณธรรมและ จรยิ ธรรมในชุมชน การเพ่ิมประสทิ ธภิ าพการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของชมุ ชน ศูนย์เรียนรหู้ ลักปรชั ญาของเศรษฐกิจ พอเพยี งและเกษตรทฤษฎใี หม่ประจำตำบลสัตหบี 1.3 การศกึ ษาตามอัธยาศัย 1) ส่งเสริมให้มกี ารขยายและพัฒนาแหลง่ การเรยี นรูใ้ นระดบั ตำบล เพอ่ื การถ่ายทอดองคค์ วามรู้ และจัดกิจกรรมเพื่อเผยแพร่องคค์ วามรู้ในชมุ ชนได้อย่างทั่วถึง
18 2) จดั กิจกรรมส่งเสริมการเรียนรเู้ พื่อปลูกฝังนิสยั รักการอา่ น และพัฒนาความสามารถในการอา่ น และศักยภาพการเรียนร้ขู องประชาชนทกุ กลุ่มเป้าหมายให้ได้ระดับอ่านคลอ่ ง อ่านเข้าใจความเขียนคลอ่ ง และอ่านเชงิ คิดวิเคราะหพ์ ืน้ ฐาน และให้ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมลู ข่าวสารท่ถี กู ตอ้ งและทันเหตกุ ารณ์ เพอื่ สามารถนำความรทู้ ่ี ได้รบั ไปใชป้ ระโยชน์ในการปฏบิ ัตจิ ริง 3) สง่ เสรมิ ใหม้ กี ารสร้างบรรยากาศ และสิง่ แวดล้อมทเ่ี อื้อต่อการอ่านใหเ้ กดิ ขึ้นในสงั คมไทย โดย สนับสนนุ การพัฒนาแหลง่ การเรยี นร้ใู หเ้ กดิ ข้ึนอยา่ งกว้างขวางและท่ัวถึง เช่น พฒั นาหอ้ งสมดุ ประชาชนทุกแหง่ ให้เปน็ แหล่งเรียนรตู้ ลอดชวี ติ ของชุมชน ส่งเสรมิ และสนบั สนนุ อาสาสมัครส่งเสริมการอ่าน การสร้างเครือข่ายสง่ เสรมิ การอ่าน จัดหนว่ ยบรกิ ารเคล่ือนทพ่ี รอ้ มอปุ กรณเ์ พอ่ื ส่งเสริมการอา่ นและการเรียนรูท้ ่ีหลากหลายออกใหบ้ รกิ ารประชาชนใน พืน้ ทตี่ ่าง ๆ อยา่ งท่วั ถงึ สมำ่ เสมอ รวมทั้งเสรมิ สร้างความพรอ้ มในด้านสอื่ อปุ กรณ์เพื่อสนบั สนุนการอา่ น และการจัด กิจกรรมเพื่อส่งเสรมิ การอ่านอย่างหลากหลาย 4) จัดทำมมุ วทิ ยาศาสตรเ์ พ่ือการศึกษา ใหเ้ ปน็ แหลง่ การเรยี นรู้เชิงวชิ าการประจำตำบล โดยพัฒนา และจดั ทำนทิ รรศการ และจัดกจิ กรรมที่เน้นการเสริมสร้างทักษะ กระบวนการเรยี นรู้ และเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ เพอื่ ใหน้ กั ศกึ ษา ประชาชนนำความรู้และทกั ษะทางวทิ ยาศาสตร์ ไปใชพ้ ฒั นาทกั ษะการคดิ วิเคราะห์บนฐานขอ้ มูลท่ี ถกู ตอ้ ง และสามารถปรบั ตัวรองรับผลกระทบจากการเปลย่ี นแปลงในอนาคตไดอ้ ยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ รวมท้งั เชือ่ มโยง กระบวนการเรยี นร้วู ทิ ยาศาสตรเ์ พือ่ พัฒนาชุมชน ใหผ้ ้รู บั บริการสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชวี ติ การพัฒนา อาชพี การรักษาส่ิงแวดลอ้ ม และการป้องกันภัยพิบัติจากธรรมชาติในพนื้ ท่ี 2. ดา้ นหลักสูตร สอ่ื รปู แบบการเรยี นรู้ การวดั และประเมนิ ผล งานบรกิ ารทางวชิ าการและการประกนั คุณภาพ การศึกษา 2.1 ส่งเสริมการพัฒนาหลักสตู ร รูปแบบการเรยี นการสอน และกิจกรรมการเรยี นร้เู พือ่ สง่ เสริมการศกึ ษานอก ระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั ท่ีหลากหลาย ทันสมัย รวมทง้ั หลกั สูตรท้องถิ่นท่สี อดคล้องกับสภาพบรบิ ทของพ้นื ท่ี และความต้องการของกลุ่มเปา้ หมายและชมุ ชน เชน่ การจัดโปรแกรมการเรยี นรรู้ ายบคุ คล และแผนการเรยี นรู้ราย ชมุ ชน 2.2 พัฒนารูปแบบการจดั การศกึ ษาทางไกลให้มีความทันสมยั ด้วยระบบห้องเรียนและการควบคมุ การสอบ ออนไลน์ 2.3 พัฒนาระบบการประเมนิ เพ่อื เทียบระดับการศกึ ษา และการเทียบโอนความรู้และประสบการณ์ให้มี คณุ ภาพ มาตรฐาน และสามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มเปา้ หมายได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ 2.4 ส่งเสรมิ การพัฒนาสื่อแบบเรยี น สอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์และสื่ออน่ื ๆ ที่เอ้ือตอ่ การเรยี นรูข้ องผู้เรียน กลุ่มเปา้ หมายทั่วไปและกลมุ่ เปา้ หมายพิเศษ
19 2.5 พฒั นาระบบการวัดผลและประเมนิ ผลการศึกษานอกระบบทกุ หลกั สูตร โดยเฉพาะหลักสูตรในระดับ การศกึ ษาขนั้ พื้นฐานให้ไดม้ าตรฐาน โดยการนำแบบทดสอบกลาง และระบบการสอบอิเล็กทรอนกิ ส์ (e-Exam) มาใช้ อย่างมีประสทิ ธิภาพ 2.6 ส่งเสริมและสนบั สนนุ การศกึ ษาวจิ ัย พัฒนาหลักสตู ร รูปแบบการจดั กระบวนการเรยี นรแู้ ละเผยแพรร่ ปู แบบ การจัด สง่ เสริม และสนับสนนุ การจดั การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัยเพื่อใหม้ ีการนำไปสู่การปฏบิ ัตอิ ย่าง กวา้ งขวางและมีการพฒั นาให้เหมาะสมกับบริบทอย่างตอ่ เน่อื ง 2.7 พัฒนาระบบประกนั คุณภาพภายในสถานศกึ ษาใหไ้ ดม้ าตรฐาน เพื่อพร้อมรบั การประเมินคณุ ภาพ ภายนอก โดยพัฒนาบคุ ลากรให้มคี วามรู้ ความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคญั ของระบบการประกันคุณภาพ และ สามารถดำเนนิ การประกันคุณภาพภายในของสถานศกึ ษาได้อย่างต่อเนอ่ื งโดยใช้การประเมินภายในด้วยตนเอง และจัด ใหม้ รี ะบบสถานศึกษาพีเ่ ล้ียงเข้าไปสนบั สนนุ อย่างใกล้ชิด สำหรับสถานศึกษาทยี่ งั ไมไ่ ดเ้ ขา้ รับการประเมนิ คณุ ภาพ ภายนอก ให้พฒั นาคุณภาพการจดั การศึกษาให้ได้คุณภาพตามมาตรฐานทีก่ ำหนด 3. ด้านเทคโนโลยเี พอ่ื การศกึ ษา 3.1 ผลติ และพัฒนารายการวทิ ยแุ ละรายการโทรทัศน์เพ่ือการศึกษาให้เชื่อมโยงและตอบสนองตอ่ การจดั กจิ กรรมการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยของสถานศกึ ษาเพอื่ กระจายโอกาสทางการศึกษาสำหรบั กลมุ่ เป้าหมายต่างๆ ให้มีทางเลอื กในการเรยี นรู้ที่หลากหลายและมคี ุณภาพ สามารถพัฒนาตนเองใหร้ เู้ ทา่ ทนั สือ่ และ เทคโนโลยีสารสนเทศเพือ่ การส่ือสาร เชน่ รายการพฒั นาอาชพี เพือ่ การมงี านทำรายการติวเขม้ เตมิ เต็มความรู้ ฯลฯ เผยแพรท่ างสถานีวิทยศุ ึกษา สถานีวทิ ยุโทรทัศนเ์ พือ่ การศกึ ษากระทรวงศึกษาธิการ (ETV) และทางอนิ เทอร์เน็ต 3.2 พฒั นาช่องทางการเผยแพรก่ ารจดั การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยผ่านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศและการสอ่ื สารแบบออนไลน์ เพ่ือส่งเสรมิ ใหค้ รู กศน.นำเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมาใชใ้ นการ สร้างกระบวนการเรยี นรู้ด้วยตนเอง (Do It Yourself : DIY) 3.3 พฒั นาสถานีวิทยศุ กึ ษา และสถานโี ทรทัศน์เพอื่ การศึกษาเพอ่ื เพ่ิมประสทิ ธภิ าพการผลติ และการ ออกอากาศให้กล่มุ เปา้ หมายสามารถใชเ้ ปน็ ชอ่ งทางการเรียนร้ทู ่มี คี ณุ ภาพไดอ้ ยา่ งต่อเน่อื งตลอดชีวิต โดยขยาย เครือขา่ ยการรับฟังให้สามารถรับฟงั ไดท้ ุกที่ ทกุ เวลา ครอบคลุมพ้นื ที่ทัว่ ประเทศและเพมิ่ ชอ่ งทางให้สามารถรับชม รายการโทรทัศนไ์ ด้ทงั้ ระบบ Ku - Band , C - Band และทางอินเทอร์เน็ตพรอ้ มที่จะรองรับการพฒั นาเปน็ สถานวี ทิ ยุ โทรทศั นเ์ พอื่ การศกึ ษาสาธารณะ (Free ETV) 3.4 พฒั นาระบบการให้บรกิ ารสอ่ื เทคโนโลยีเพือ่ การศึกษาใหไ้ ดห้ ลายช่องทางทัง้ ทางอินเทอรเ์ นต็ และรปู แบบ อื่น ๆ เชน่ Application บนโทรศพั ทเ์ คล่ือนที่ และ Tablet, DVD, CD, VCD และ MP3 เป็นต้น เพอื่ ใหก้ ลุ่มเป้าหมาย สามารถเลอื กใช้บริการเพอ่ื เขา้ ถงึ โอกาสทางการศึกษาและการเรียนรไู้ ด้ตามความต้องการ 3.5สำรวจ วจิ ัย ตดิ ตามประเมินผลดา้ นสือ่ เทคโนโลยเี พอื่ การศึกษาอย่างตอ่ เนือ่ ง และนำผลมาใชใ้ นการพฒั นา งานให้มคี วามถกู ต้อง ทันสมยั และสามารถส่งเสริมการศกึ ษาและการเรียนร้ตู ลอดชีวิตของประชาชนได้อยา่ งแทจ้ ริง
20 4. ดา้ นโครงการอนั เน่อื งมาจากพระราชดำริ หรือโครงการอันเกยี่ วเนอ่ื งจากราชวงศ์ 4.1 ส่งเสริมและสนบั สนุนการดำเนินงานโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำริ หรือโครงการอันเก่ยี วเนื่องจาก ราชวงศ์ภายในตำบลและพน้ื ทีใ่ กล้เคียง 4.2 จดั ทำฐานข้อมูลโครงการและกจิ กรรมของ กศน.ตำบล ท่สี นองงานโครงการอนั เนอ่ื งมาจากพระราชดำรทิ ่ี สามารถนำไปใช้ในการวางแผน การตดิ ตามประเมินผลและการพฒั นางานไดอ้ ยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 4.3 ส่งเสริมการสรา้ งเครือข่ายการดำเนินงานเพอ่ื สนับสนุนโครงการอันเนือ่ งมาจากพระราชดำริเพอ่ื ใหเ้ กิด ความเขม้ แขง็ ในการจัดการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย 4.4 พัฒนาศนู ยก์ ารเรียนชุมชนชาวไทยภเู ขา “แม่ฟ้าหลวง” ใหม้ ีความพรอ้ มในการจัดการศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั ตามบทบาทหนา้ ที่ท่กี ำหนดไว้อยา่ งมีประสิทธิภาพ 5. ด้านบุคลากร ระบบการบริหารจดั การ และการมีสว่ นรว่ มของทุกภาคส่วน 5.1 การพฒั นาบุคลากร 1) พฒั นาบุคลากรทกุ ระดับ ทุกประเภทให้มีสมรรถนะสูงข้นึ อยา่ งตอ่ เน่ือง ทง้ั กอ่ นและระหวา่ งการ ดำรงตำแหนง่ เพื่อใหม้ เี จตคติท่ีดใี นการปฏิบัตงิ าน สามารถปฏิบตั งิ านและบริหารจัดการการดำเนินงานของหนว่ ยงาน และสถานศกึ ษาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ รวมทัง้ สง่ เสริมให้บุคลากรในสังกดั พัฒนาตนเองเพอ่ื เลอื่ นตำแหน่งหรือเลื่อนวิทย ฐานะโดยเน้นการประเมนิ วิทยฐานะเชิงประจกั ษ์ 2) พฒั นาหัวหนา้ กศน. ตำบล ใหม้ ีสมรรถนะสงู ข้ึนในการบรหิ ารจดั การ กศน.อำเภอสัตหบี และ การปฏบิ ตั ิงานตามบทบาทภารกิจอย่างมปี ระสิทธิภาพ โดยเน้นการเปน็ นกั จัดการความรูแ้ ละผู้อำนวยความสะดวกใน การเรยี นรู้เพือ่ ใหผ้ ู้เรียนเกิดการเรียนร้ทู ี่มปี ระสิทธิภาพอย่างแท้จรงิ 3) พฒั นาครู กศน. และผทู้ ่ีเก่ยี วขอ้ งให้สามารถจัดรปู แบบการเรยี นรูไ้ ดอ้ ย่างมคี ุณภาพโดยส่งเสริม ให้มคี วามรคู้ วามสามารถในการจัดทำแผนการสอน การจดั กระบวนการเรียนรู้ การวดั และประเมนิ ผล และการวิจัย เบื้องตน้ 4) ส่งเสรมิ และพัฒนาศกั ยภาพคณะกรรมการ กศน. อำเภอสัตหบี เพ่ือใหม้ ีส่วนรว่ มในการบริหาร การดำเนินงานตามบทบาทภารกิจของ กศน. อำเภอสัตหบี อย่างมีประสทิ ธภิ าพ 5) พฒั นาศักยภาพบคุ ลากร ทร่ี ับผิดชอบการบรกิ ารการศกึ ษาและการเรยี นรู้ ให้มีความรู้ ความสามารถและมคี วามเปน็ มอื อาชีพในการจดั บรกิ ารสง่ เสริมการเรยี นรตู้ ลอดชวี ติ ของประชาชนในตำบลสัตหีบ 1) พัฒนาอาสาสมัคร กศน.สัตหบี ใหส้ ามารถทำหนา้ ทีเ่ ป็นผู้จัด ส่งเสรมิ และสนบั สนุนการจดั 2) การศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยได้อย่างมีประสทิ ธิภาพ 7) เสรมิ สร้างสมั พันธภาพระหว่างบุคลากร รวมท้ังภาคีเครอื ข่ายทัง้ ในตำบลและตำบลใกลเ้ คยี งใน ทุกระดบั เพ่ือเพ่มิ ประสิทธภิ าพในการทำงานรว่ มกัน โดยจัดใหม้ ีกิจกรรมการพฒั นาสมรรถนะ และเสรมิ สรา้ ง ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งบคุ ลากร และภาคีเครอื ข่ายในรูปแบบทหี่ ลากหลายอย่างตอ่ เนอ่ื ง
21 5.2 การพฒั นาโครงสรา้ งและอตั รากำลัง 1) จดั ทำแผนการพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานและดำเนินการปรบั ปรุงสถานที่ และวสั ดอุ ปุ กรณ์ให้มี ความพรอ้ มในการจัดการศกึ ษา 2) แสวงหาภาคเี ครือขา่ ยในท้องถ่ินเพื่อการมีสว่ นร่วมในการดำเนนิ กจิ กรรม การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอธั ยาศัย รวมทง้ั ระดมทรัพยากรเพอื่ นำมาใชใ้ นการปรับปรงุ โครงสร้างพ้ืนฐานใหม้ คี วามพร้อม สำหรบั ดำเนนิ กจิ กรรมส่งเสริมการเรียนรูข้ องประชาชน 3) บริหารอัตรากำลังทมี่ อี ยทู่ ง้ั ในสว่ นทีเ่ ปน็ ข้าราชการ พนักงานราชการ และลกู จา้ งให้เกดิ ประสิทธภิ าพสงู สดุ ในการปฏิบัติงาน 5.3 การพัฒนาระบบบริหารจดั การ 1) เร่งผลกั ดันใหม้ ีการประกาศใช้กฎหมายว่าด้วยการศึกษาตลอดชีวติ 2) เพม่ิ ประสทิ ธภิ าพการบรหิ ารจดั การงบประมาณ โดยพัฒนาระบบการกำกับ ควบคุมและเร่งรดั การเบิกจา่ ยงบประมาณให้เป็นตามเป้าหมายท่กี ำหนดไว้ 3) พัฒนาระบบฐานข้อมูลให้มคี วามครบถว้ น ถูกต้อง ทันสมัย และเชอื่ มโยงกนั ท่วั ประเทศอยา่ ง เปน็ ระบบเพือ่ ใหห้ น่วยงานและสถานศกึ ษาในสังกัดสามารถนำไปใชเ้ ปน็ เครื่องมือสำคัญในการบรหิ ารการวางแผน การ ปฏบิ ัติงาน การตดิ ตามประเมนิ ผล และการนำผลมาพัฒนาการดำเนินงานอย่างต่อเน่อื งตามวงจรคณุ ภาพเดมม่งิ (PDCA) รวมท้ังจดั บริการการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศัยอยา่ งมีประสิทธภิ าพ 4) พฒั นาระบบฐานข้อมูลรวมของนกั ศึกษา กศน.อำเภอสัตหีบ ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง ทันสมัย และเชื่อมโยงกนั ท่วั ประเทศ สามารถสืบค้นและสอบทานได้ทันความตอ้ งการเพื่อประโยชนใ์ นการจัดการศึกษาใหก้ ับ ผู้เรียนและการบรหิ ารจดั การอย่างมีประสทิ ธิภาพ 5) ส่งเสริมใหม้ กี ารจัดการความรู้ในหน่วยงานและสถานศึกษาทกุ ระดับ รวมท้ังการศกึ ษาวจิ ัยเพ่ือ สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาประสทิ ธภิ าพการดำเนินงานที่สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและชมุ ชนพร้อม ทัง้ พัฒนาขีดความสามารถเชิงการแข่งขนั ของหน่วยงานและสถานศกึ ษา 6) สรา้ งความร่วมมือของทุกภาคส่วนทงั้ ในประเทศและต่างประเทศ ในการพัฒนาและส่งเสริมการ จัดการศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศัย และการเรยี นรูต้ ลอดชีวิต 5.4 การกำกบั นเิ ทศ ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงานผล 1) สรา้ งกลไกการกำกับ นิเทศ ตดิ ตาม ประเมนิ และรายงานผลการดำเนินงานการศึกษานอก ระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั ใหเ้ ชือ่ มโยงกบั หน่วยงาน สถานศกึ ษา และภาคีเครอื ข่ายทง้ั ระบบ 2)ใหห้ นว่ ยงานและสถานศกึ ษาท่ีเก่ียวข้องทกุ ระดบั พฒั นาระบบกลไกการกำกับ ติดตามและ รายงานผลการนำนโยบายสกู่ ารปฏิบตั ิ ให้สามารถตอบสนองการดำเนนิ งานตามนโยบายในแตล่ ะเร่ืองไดอ้ ย่างมี ประสทิ ธิภาพ 3) สง่ เสรมิ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสือ่ อ่นื ๆ ทเ่ี หมาะสม เพ่อื การกำกับ นิเทศ ติดตาม ประเมินผล และรายงานผลอยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ
22 4) พฒั นากลไกการติดตามประเมนิ ผลการปฏิบัตริ าชการตามคำรบั รองการปฏิบัติราชการประจำปี ของ กศน.ตำบล เพื่อการรายงานผลตามตวั ชวี้ ดั ในคำรบั รองการปฏิบัติราชการประจำปีของสำนกั งาน กศน.ให้ดำเนิน ไปอยา่ งมีประสิทธิภาพ เปน็ ไปตามเกณฑ์ วิธกี าร และระยะเวลาทก่ี ำหนด 5) ใหม้ กี ารเชอ่ื มโยงระบบการนิเทศในทุกระดับ ท้ังหนว่ ยงานภายในและภายนอกองค์กรต้ังแต่ สว่ นกลาง ภูมิภาค กลุม่ จังหวดั จังหวัด อำเภอ/เขต และตำบล/แขวง เพื่อความเป็นเอกภาพในการใชข้ อ้ มูล และการ พฒั นางานการศึกษานอกระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศยั 3. การศึกษาเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน เปน็ การจดั การศกึ ษาเพื่อพัฒนาทักษะความสามารถและศกั ยภาพของคนในชุมชน รวมทงั้ กลไกทุก ภาคสว่ นในชมุ ชนให้ร่วมกันรับผดิ ชอบและเหน็ ถงึ ความสำคญั ในการ ฟ้นื ฟพู ัฒนาสงั คมและชุมชนของตนเอง โดยหน่อย งานสถานศกึ ษาการศึกษานอกโรงเรียนต้องใหค้ วามสำคญั ต่อการใชก้ ระบวนการทางการศึกษาสง่ เสริมใหป้ ราชน ชมุ ชน เกดิ การเรียนรู้และบรู ณาการความรู้ ประสบการณ์ และทักษะอาชพี เข้ามาใช้ใหเ้ กิดประโยชน์ตอ่ การพัฒนา สังคมและชมุ ชนโดยรวม และเพ่อื ใหก้ ารดำเนินงานบรรลผุ ลสำเร็จตามนโยบายดงั กลา่ ว จงึ ไดก้ ำหนดแนวทางการ ดำเนนิ การดำเนนิ งานในส่งเสริมสนับสนุนใหเ้ กดิ กิจกรรมพัฒนา สังคมและชุมชน ใน 5 ด้าน ซง่ึ มจี ุดเน้นของแตล่ ะด้าน ดงั นี้ 1.ด้านเศรษฐกิจ – กิจกรรมเศรษฐกิจชุมชนพงึ่ ตนเอง 2.ดา้ นการเมือง – กจิ กรรมส่งเสรมิ ประชาธปิ ไตยในวถิ ีชวี ติ 3.ด้านสงั คม – กิจกรรมชุมชนแหง่ การเรียนรู้ 4.ดา้ นสิ่งแวดล้อม – กจิ กรรมรักษพ์ ลังงานและสงิ่ แวดล้อม 5.ด้านศิลปวฒั นธรรม – กจิ กรรมเพื่อพัฒนาสงั คมและชมุ ชน ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้พยายามเช่ือมโยงหรอื บูรณาการทงั้ 4 กจิ กรรมดว้ ย โดยสอดคลอ้ งกับสภาพเปน็ จรงิ ใน ชวี ติ และสังคมของผู้เรยี น
23 3.เอกสารท่เี กย่ี วข้อง 3.1 การสง่ เสริมอดุ มการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ของรัฐไทย การส่งเสรมิ อดุ มการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของรัฐไทยตง้ั แตส่ มยั รัชกาลที่ 6 จนถึงสมัยพลเอกเปรม ติณสูลานนทก์ ารปลูกฝงั สำนกึ ถึงความเปน็ ชาติเริ่มมีขึน้ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั รชั กาลที่ 5 แต่เป็นการปลูกฝังทกี่ ระทำผ่านกระบวนการการศึกษาเปน็ หลัก โดยสร้างความหมายของชาตใิ นลกั ษณะทีเ่ ป็นถนิ่ ทเี่ กดิ ที่อยู่อาศยั ร่วมกนั ของคนในประเทศสยาม ภายใต้การนำของพระมหากษัตรยิ ์ และโดยการสงั่ สอนให้นกั เรียนเป็น พลเมืองดขี องรัฐ คือ เป็นผู้ที่รกั ชาติ ยอมเสียสละเพอื่ ชาติ และมีความจงรักภกั ดตี อ่ พระมหากษตั ริย์ ซึง่ เปน็ การ ตอบสนองการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าชย์แต่ตอ่ มาในสมยั ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกลา้ เจ้าอยูห่ วั รัชกาลท่ี 6 ระบอบสมบูรณาญาสทิ ธริ าชย์ไดเ้ ผชิญกบั ปัญหาตา่ งๆ โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงจากการตั้งคำถามของกล่มุ คนที่ ผ่านการปลูกฝงั ความคิดเรอื่ งหนา้ ทีพ่ ลเมอื งและเปน็ ผทู้ ี่ไดร้ บั ศกึ ษาแบบใหม่ท่เี ริ่มเห็นบทบาทของตนในฐานะสว่ นหนึ่ง ของชาตทิ ี่สามารถมีส่วนในการกำหนดอนาคตของชาติได้ การตงั้ คำถามของคนเหลา่ น้ีส่งผลให้ความเชอื่ มั่นของราษฎร ที่มตี อ่ ระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์ถกู สัน่ คลอนลงอย่างมาก ในต้นรชั สมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกล้า เจ้าอย่หู วั ระบอบสมบูรณาญาสิทธริ าชยก์ ็ถูกส่ันคลอนอกี โดยทหารกลุ่มหนงึ่ ซึ่งรู้จักกันในนาม “กบฏ ร.ศ. 130” พวก เขาตอ้ งการใหป้ ระเทศสยามปกครองอยา่ งลมิ ติ เต็ดมอนากี เปลีย่ นพระเจ้าแผน่ ดินหรือเปล่ยี นการปกครองเป็นแบบ สาธารณรฐั ทมี่ ีประธานาธิบดเี ปน็ ประมขุ โดยจะมีการทำหนังสือกราบบังคมทูลโดยละม่อมหรือไมก่ ย็ กกำลังเข้าลอ้ ม พระราชวงั อุดมการณช์ าตินิยมเกิดขน้ึ เป็นคร้งั แรกในสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยหู่ วั รัชกาลที่ 6 อันเป็นยคุ ทสี่ ยามไดก้ ้าวเข้าสู่ความเปน็ รัฐชาติแล้ว หลักการแห่งอดุ มการณข์ องรัชกาลที่ 6 แสดงให้เห็นถงึ แนวทางการแกไ้ ข ปัญหาทที่ รงเผชิญอย่ไู ดอ้ ย่างชัดเจนทส่ี ดุ สิ่งแรกที่ทรงตอบโต้คอื ความนยิ มในลทั ธกิ ารปกครองอ่นื ท่ีไม่ใชร่ าชาธปิ ไตย เป็นเรอื่ งของคนท่ไี ม่ใช่ “ไทย” เพราะเป็นส่งิ ที่ไม่เหมาะสมกับ “ชาติไทย” ประเดน็ ตอ่ มาท่ีทรงเน้นคือ “ความหมาย ของชาติไทย”, “รูปแบบของความเป็นไทย” และ “หนา้ ท่ขี องคนไทย” ทงั้ หมดนี้เปน็ เนอ้ื หาสำคญั ท่ที รงปลูกฝงั ให้คน ไทยตอ้ งยึดม่ัน เพราะไม่เชน่ นน้ั ก็จะต้องประสบกบั ภัยพิบตั ิ คอื ถูกดูดกลนื โดยชาวจนี ซ่ึงพระองค์เห็นว่าชาวจนี เป็น อนั ตรายเพราะจะมาทำลาย “ความเป็นไทย” และจะใชอ้ ทิ ธพิ ลครอบครองแผ่นดนิ ผลประโยชนแ์ ละการดำเนินชวี ิต ของคนไทย ความคดิ ทอี่ ยเู่ บือ้ งหลงั อุดมการณ์ชาตนิ ยิ มของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกลา้ เจา้ อยู่หวั รชั กาลท่ี 6 คอื ความคดิ เรื่อง “ความเปน็ ไทย” ทปี่ ระกอบด้วย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซง่ึ มผี ู้เสนอว่า ทรงได้รบั อทิ ธิพลมาจาก ความคดิ เรอ่ื ง “God, Queen, and Country” ของอังกฤษ แตก่ ถ็ ูกโตแ้ ย้งวา่ สถาบันทงั้ 3 มีอยู่ในสงั คมไทยมานาน แล้ว รชั กาลที่ 6 ทรงเปน็ เพียงบุคคลแรกท่ีนำ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มาใชใ้ นลักษณะของ “อุดมการณ์” และ เนน้ ความสำคญั ไว้ทสี่ ถาบันพระมหากษตั รยิ ์ หรือ การสร้างฐานพระราชอำนาจของพระองค์เทา่ นนั้ แต่เม่ือพจิ ารณา
24 จากพระราชนิพนธต์ า่ งๆ กจ็ ะเหน็ ว่า “ชาติไทย” ในอดุ มคตขิ องพระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกลา้ เจา้ อยหู่ ัว ประกอบไปด้วย 3 สถาบันหลัก นั่นคอื ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตลอดรัชสมยั พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกลา้ เจา้ อยู่หัว ทรงพยายามทจี่ ะสรา้ ง “ความไวใ้ จ” หรือ “ความ จงรักภกั ดี” ต่อพระมหากษัตรยิ ใ์ หเ้ กดิ ข้นึ ในหมู่ราษฎรสยาม เพื่อความมน่ั คงทางการเมือง และสร้างความรู้สึกรกั ชาติ และสรา้ งความสามคั คีกันระหว่างคนในชาติ พระองคถ์ ือว่า “ชาติไทย” เป็นส่ิงที่สำคญั สูงสุด ท่ีคนในชาตจิ ะต้อง เสียสละชีวติ เพอื่ ปกป้องเอาไว้ ในแงข่ องเนอื้ หาและอตั ลกั ษณข์ อง “ชาติไทย” พระองค์ทรงอธิบายวา่ “...เราเกดิ มาใน ชาตคิ นกล้าหาญ รักเจา้ รกั ชาติ ศาสนา จนไมก่ ลัวความตายไม่เสยี ดายชวี ิตคนเหลา่ น้ีเป็นปยู่ ่าตายายของเราท้ังหลาย ท่านสูส้ ละความสุขสำราญตลอดจนชีวติ ใหแ้ กช่ าติบ้านเมอื งและศาสนา เพอ่ื จะไดใ้ หเ้ ราเป็นไทยอยู่สมนาม…เราเกิดมา ในชาตไิ ทย เราเกดิ มาเปน็ ไทย เราต้องตายเปน็ ไทย ถ้าจะต้องเป็นข้าเขาแลว้ เรากเ็ ท่ากับตาย เพราะเราก็จะเรียกตัวเรา วา่ ไทยไม่ไดอ้ กี ตอ่ ไป เพราะฉะน้นั ถ้าเมื่อถึงเวลาทีม่ ภี ยั อนั ตรายมาสู่ประเทศบ้านเมอื งของเราแล้ว แม้ใครไม่ยอมสละ ชวี ิตของตนเพอ่ื ป้องกนั ชาตบิ า้ นเมืองก็จงเลิกเป็นไทยเสียเถดิ อย่าเอาช่อื ไทยไปใชเ้ รียกชื่อตนให้เพื่อนบา้ นพลอยอาย ดว้ ยเลย ผูท้ ไี่ มย่ นิ ยอมฟังพร้อมอยใู่ นใจว่าจะสละชวี ติ เพอื่ รกั ษาพระเจา้ แผ่นดนิ รักษาชาติบา้ นเมอื ง และรกั ษาศาสนา อันเป็นทน่ี บั ถือของตนแลว้ ก็ควรหลบหน้าไปเสยี ใหพ้ ้นถนิ่ ฐานบ้านคนไปอยโู่ ดยลำพังตนอันเปน็ ที่รกั ยงิ่ กว่าชาตศิ าสนา นัน้ เสียดกี ว่า..”จะเห็นได้ว่า รัชกาลท่ี 6 ทรงถอื วา่ “ความเป็นไทย” ทปี่ ระกอบดว้ ย ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ เปน็ เคร่ืองชว้ี ัดหรอื เปน็ คำจำกัดความของผ้ทู ีเ่ ป็น “คนไทย” ตามคำนยิ ามของพระองค์ ผู้ท่ีเรียกตนเองวา่ “คนไทย” คือ ผู้ ที่ “ต้องตกลงใจวา่ เปน็ ไทยและประพฤตใิ หเ้ หมอื นคนไทยทกุ อย่างทุกสถาน” นัน่ ก็คือ การจงรักภักดตี ่อชาติและ พระเจ้าแผ่นดิน พระองค์ทรงอธบิ ายว่า “ชาติ” คือ คำทใ่ี ชเ้ รียกคณะชนทอ่ี ยู่ร่วมกนั คน “ชาติไทย” ก็คือคนทีเ่ กิด เป็นไทยเกิดในหมู่ชนท่ีเรยี กนามตัวเองว่า “ไทย” ขณะเดียวกัน พระองคก์ ็ถอื วา่ ศาสนา คอื องค์ประกอบสำคญั ของ การดำรงอยขู่ องชาติ น่ันคอื ชาตกิ ับศาสนาเปน็ สง่ิ ท่มี คี วามสัมพันธ์ต่อเนอ่ื งกันเพราะถ้าสนิ้ ชาติศาสนาก็ตงั้ อยู่ไมไ่ ด้ ในทางกลับกนั ถา้ ศาสนาเส่อื มสลายประชาชนยอ่ มขาดคุณธรรม และชาติก็ยอ่ มต้ังอย่ไู มไ่ ด้ สำหรับพระมหากษัตรยิ ์ ซงึ่ เป็นองค์ประกอบของ “ความเป็นไทย” หรือ “ชาตไิ ทย” อันทีส่ ามนัน้ ตาม พระราชาธิบายของรัชกาลท่ี 6 พระมหากษตั รยิ ม์ ิได้เปน็ เพียงผูน้ ำในการเปลี่ยนแปลง ศนู ยร์ วมของความศรัทธาเทา่ น้ัน แตย่ ังก้าวไกลไปถึงการเป็นสัญลกั ษณท์ ี่ปรากฏแก่สายตาของนานาประเทศ เปรียบประดุจ “ธงชยั ของชาติ”[9] ดว้ ย พระองค์ทรงชวี้ า่ พระราชภาระของพระมหากษตั รยิ ไ์ ทยในยุคสมัยของพระองคม์ ไิ ดม้ ีเพยี งการทำความเจรญิ ให้เกิดขน้ึ ภายในประเทศเทา่ นน้ั หากแตย่ งั ทรงเปน็ ผู้นำเกียรติคณุ และศักดศิ์ รีของชาตใิ ห้เป็นที่ปรากฏแก่ชาวโลกดว้ ย น่ันก็คือ การนำประเทศเข้าส่สู งครามโลกครงั้ ทห่ี นงึ่ และอยู่ในฝา่ ยท่ไี ด้รบั ชยั ชนะ ดังนน้ั พระมหากษัตริยต์ ามความหมายท่ีใชใ้ น การปลกู ฝงั อุดมการณ์ชาตินิยมในสมยั รชั กาลที่ 6 จึงเปน็ อนั หนึ่งอนั เดยี วกนั กับ “ชาตไิ ทย” เป็นส่ิงทีไ่ ม่อาจแบ่งแยก หรอื ทำลายได้ เพราะ “กษตริย์ก็คอื ชาติ” และ “ชาติก็คือกษตั ริย์”
25 ในสมัยของพระองค์ พระบาทสมเด็จพระมงกฏุ เกล้าเจ้าอย่หู ัว ได้ปลุกเร้าให้ประชาชนแสดงความรักชาติโดย การแสดงความ “จงรกั ภักดี” เชื่อฟงั พระองค์ ไมค่ วรคัดคา้ น ติเตยี นพระบรมราโชวาทในการบริหารประเทศใดๆ ทัง้ ส้ิน โดยทรงอ้างวา่ การปฏบิ ัติตามแนวทางนเี้ ปน็ หลักแห่งความสามัคคเี พอ่ื มใิ ห้ “ชาติแตกเปน็ เส่ียง” ดังนนั้ หน้าท่ี พลเมืองในสมัยรัชกาลท่ี 6 ก็คอื เช่อื ฟงั ผูน้ ำและรกั ผูน้ ำ ในการปลูกฝังอุดมการณ์ชาตินิยม รชั กาลที่ 6 ได้ทรงใช้ บทพระราชนิพนธ์ บทละคร และพระบรมราโชวาท เป็นสอ่ื ในการปลูกฝัง โดยมขี ้าราชการและปญั ญาชนเป็น กลมุ่ เปา้ หมายหลัก สาระสำคัญของบทพระราชนิพนธต์ ่างๆ ไม่วา่ จะเป็น ปลุกใจเสอื ป่า เทศนาเสอื ปา่ พระร่วง หรอื ขอมดำดิน ลว้ นแลว้ แตเ่ ป็นการชี้ให้เหน็ ความสำคัญของสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ และกระตุ้นความรู้สกึ ชาตินิยมใน หมู่คนไทยด้วยการทำให้ “ชาวจนี ” กลายเปน็ ศัตรูของชาติ ส่วนการเผยแพรพ่ ระราชนพิ นธน์ น้ั ก็มีทั้งการพมิ พเ์ ป็น หนังสือเล่มนำออกแจกจ่ายแก่ข้าราชบรพิ าร ข้าราชการ และจำหนา่ ยบคุ คลทั่วไป สง่ ไปใหโ้ รงเรียนต่างๆ ท้งั ใน กรงุ เทพฯและหัวเมือง รวมทัง้ การทำเป็นบทละคร ใหค้ นท่วั ไปไดเ้ ขา้ ชม นอกจากสือ่ ชนดิ ตา่ งๆ ดังท่ีกล่าวมาแล้ว พระบาทสมเดจ็ พระมงกุฏเกลา้ เจ้าอยู่หัว ยังไดท้ รงใช้ ธงชาติสยาม เป็นเคร่อื งมือในการปลกู ฝังอุดมการณช์ าติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต่อประชาชนดว้ ย พระองคไ์ ดท้ รงเปลย่ี นแปลงรูปแบบธงชาติสยามจากธงช้างมาเป็น “ธงไตรรงค์” ซง่ึ มีแถบสีสามสี ได้แก่ สีแดง ขาว และน้ำเงิน โดยได้ทรงนยิ ามความหมายของแถบสที ้ังสามน้ีว่า สขี าว คอื สบี ริสทุ ธ์เิ ป็น เครอ่ื งหมายของพระรตั นตรยั และธรรมมะ สีแดง คือ สีเลอื ดท่จี ะยอมสละไดเ้ พ่ือรักษาชาตแิ ละศาสนา ส่วนสนี ้ำเงนิ เป็น สีส่วนพระองค์ซึ่งเป็นสีท่พี ระองค์ทรงโปรดปราน ดังนน้ั ความรักชาติ ความเลือ่ มใสในศาสนา และความจงรกั ภักดี ต่อมหากษัตรยิ ์ จึงเปน็ เนอ้ื หาของอดุ มการณ์ของรัฐในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หวั ท่ไี ดท้ ำการปลกู ฝัง ใหร้ าษฎรพลเมืองสยามเกิดข้ึนในสำนกึ ของตน โดยสบื ทอดมาจากลกั ษณะนสิ ยั แหง่ บรรพบรุ ุษของชาติท่ีสืบต่อกนั มา ยาวนานเปน็ พนั ๆปี ดงั ท่ีพระองค์ทรงอธบิ ายว่า“เราอุทศิ ตวั เราทง้ั หลาย และอทุ ิศกำลังกายกำลงั สติปัญญาไว้เพอ่ื ปอ้ งกันรกั ษาชาติ, ศาสนา, พระมหากษตั รยิ ์ ส่งิ ซ่งึ เปน็ ท่เี คารพรักใครท่ งั้ 3 คือ ความเปน็ ไทยของเราอยา่ ง 1 ความ มนั่ คงของชาตเิ ราอย่าง 1 พระศาสนาของเราอยา่ ง 1 สามอยา่ งนี้ปู่ย่าตายายของเราไดย้ อมสละเลอื ดเนื้อและชวี ิตเพ่ือ ป้องกันแล้ว; เราทง้ั หลายผู้เปน็ บตุ รหลานยอ่ มมหี นา้ ทๆี่ จะตอ้ งทำให้สมควรทเี่ ปน็ บุตรหลานของท่านตอ้ งไม่ใหม้ ีผู้ใดว่า ได้”นโยบายชาตินยิ มในสมัยรัชกาลที่ 6 มเี ปา้ หมายเพียงเพือ่ การธำรงรกั ษาไวซ้ ง่ึ “รปู แบบความเป็นไทย” แตเ่ ปน็ ที่นา่ เสียดายว่า การรกั ษารูปแบบเดมิ นั้นมิได้มีการปรับเปลี่ยนบทบาทแต่ประการใด การดำเนนิ พระราโชบายและพระราชจ ริยวัตรบางประการมอิ าจจะให้คำอธบิ ายในเชงิ บวกแกก่ ลุม่ ท่มี คี วามคดิ นอกระบบได้ อีกทงั้ สือ่ ในการปลกู ฝังอดุ มการณ์ ชาตนิ ยิ มเองกลับยอ้ นคำอธบิ ายเรือ่ ง “ความรกั ชาติ” อยา่ งกวา้ งขวาง คำถามถึงรปู แบบความเปน็ ไทยทเ่ี พม่ิ ข้ึนในสมยั รัชกาลที่ 6 คือระบอบการปกครองแบบราชาธิปไตย แพรห่ ลายมากย่งิ ข้นึ ในตน้ รัชกาลที่ 7 นบั เปน็ ปัญหาท่สี ง่ั สมและ ไม่อาจแสวงหาทางออกท่เี หมาะสมได้ ในที่สดุ เวลาของระบอบสมบูรณาญาสทิ ธิราชย์ก็ส้ินสุดลงด้วยการปฏวิ ตั ิของ “คณะราษฎร” ในวันท่ี 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 บทบาทของพระมหากษตั ริยถ์ ูกจำกัดลงด้วยกฎหมายรฐั ธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม, คณะราษฎรก็ยังคงไวซ้ ึง่ “รูปแบบของความเป็นไทย” ท่รี ชั กาลท่ี 6 ทรงสร้างไว้ แต่ในฐานะใหม่ นัน่ คือ
26 สญั ลักษณ์แหง่ ความสืบเนื่อง ทัง้ นีเ้ พราะคณะราษฎรไมส่ ามารถจะหาคำอธิบายอื่นมาทดแทนเพ่อื ใหป้ ระชาชนยอมรบั ในอำนาจและความชอบธรรมของกลุ่มตนได้ อกี ทั้ง อดุ มการณใ์ หม่ที่ให้ยดึ มั่นในรัฐธรรมนญู กเ็ ปน็ สิ่งแปลกใหม่อย่าง มากสำหรบั คนไทยโดยเฉพาะในระดับชาวบา้ นดว้ ยแล้ว ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั สถาบนั ใหม่ๆ เชน่ รฐั สภา นายกรัฐมนตรี รฐั ธรรมนญู หรือแม้กระท่งั “ผนู้ ำ” ก็ดูจะเปน็ ความยากลำบากที่ประชาชนจะยอมรับและศรัทธาได้การส่งเสรมิ อุดมการณช์ าติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ หลังการปฏิวตั ิ พ.ศ. 2475แมว้ า่ ภายหลงั การเปลีย่ นแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 พระมหากษัตริยจ์ ะถูกจำกดั พระราชอำนาจลง แต่คณะราษฎรกย็ งั คงไวซ้ ึ่ง “รูปแบบของความเปน็ ไทย” ที่ รชั กาลที่ 6 ทรงสรา้ งไว้ แตใ่ นฐานะใหม่ น่ันคือ สัญลักษณ์แหง่ ความสืบเนือ่ ง โดยสามารถเหน็ ไดอ้ ยา่ งชัดเจนจากการ กำหนดนโยบายของผปู้ กครองคนต่อๆ มาเกยี่ วกบั “ธงไตรรงค์” ซงึ่ เป็นสญั ลักษณข์ องอดุ มการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ตัวอย่างเช่น ในวนั ท่ี 24 มถิ ุนายน พ.ศ. 2475 คณะราษฎรได้เชญิ ธงไตรรงค์ขึน้ เหนอื พระท่นี ง่ั อนนั ตสมาคมแทนธงมหาราชประจำองค์ พระมหากษตั ริย์ และตอ่ มาก็ใช้ธงไตรรงค์เปน็ สญั ลกั ษณ์ในโอกาสสำคัญๆ ที่เกยี่ วเน่ืองกับการปกครองในระบอบ รฐั ธรรมนูญ[16] ในช่วงรฐั บาลพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาได้ใชธ้ งไตรรงค์เป็นเคร่ืองมือในการปลกู ฝงั ความรกั ชาติ และสรา้ งความเป็นอนั หนงึ่ อนั เดยี วกันใหเ้ กิดข้นึ ในหม่ปู ระชาชนสยาม โดยไดม้ ีการออกกฎหมายเก่ียวกบั ธงชาตขิ ึ้น หลายฉบับ เชน่ มกี ารออกกฎกระทรวงมหาดไทย เรอ่ื ง “ระเบียบการชักธงชาตสิ ยาม” ใน พ.ศ. 2478 กล่าวไดว้ ่า การใช้ธงไตรรงคเ์ พื่อปลกู ฝงั ความรกั ชาตใิ นหมูป่ ระชาชนในช่วงหลัง พ.ศ. 2475 ไดก้ ลายเปน็ อีกชอ่ งทาง หน่งึ ที่ทำให้อุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ยังคงอย่ตู อ่ ไปไดใ้ นระบอบการปกครองแบบใหม่ ในปลายปี พ.ศ. 2479 สำนักงานโฆษณาการของรัฐบาลไดเ้ รยี บเรียงปาฐกถา เร่ือง “ธงชาติ” เผยแพรผ่ ่านทางวิทยุกระจายเสยี ง มี ความตอนหน่ึงกล่าววา่ “ธงชาติของเราเปน็ ธงสามสี มีสีแดง สขี าว และสีขาบ หรอื ทเี่ รียกกันติดปากว่า สีนำ้ เงิน สแี ดง หมายถงึ ชาติ สีขาวหมายถึงศาสนา และสนี ำ้ เงนิ หมายถึงพระมหากษัตริย์”[18] ขณะเดยี วกนั รัฐบาลกไ็ ดบ้ รรจุ อดุ มการณช์ าติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ซึ่งปรากฏอยู่ในสีของธงชาติไว้ใน “แบบเรียน” สำหรบั เด็กนกั เรยี นช้นั ประถมศกึ ษาดว้ ย เชน่ ใน “หนงั สืออา่ นหน้าทร่ี าษฎร เลม่ 2” อธบิ ายว่า “ธงไตรรงค์ท่ีมสี ามสนี ี้ไม่ใช่ประกอบขน้ึ ให้ สวยงามเท่าน้นั ยอ่ มมีความหมายอยู่ในสนี ัน้ ๆ ดว้ ย กลา่ วคอื สขี าวหมายถึงศาสนา สีแดงหมายถึงชาติ สนี ้ำเงิน หมายถงึ พระมหากษตั ริย์ ใหร้ วู้ า่ ประเทศสยามเรามชี าติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์” ในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม (พ.ศ. 2481-2487) อดุ มการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ถูกบดบงั และ แทนทด่ี ว้ ยอดุ มการณ์ “เชือ่ ผนู้ ำชาตพิ น้ ภัย” หรือ “ลทั ธผิ ูน้ ำ” ซึ่งจอมพล ป. พบิ ูลสงครามได้สรา้ งขึน้ การเมืองไทย เปลีย่ นแปลงไปอย่างมากในช่วงเวลา 5 ปีน้ี ช่อื ประเทศถกู เปล่ียนจาก “สยาม” เปน็ “ไทย”(พ.ศ. 2482) ประเทศไทย เขา้ สยู่ ุคสมัยของ “การสร้างชาติ” มคี วามเปลย่ี นแปลงอย่างใหญห่ ลวงในด้านวัฒนธรรม ประเทศไทยเข้าสู่วงโคจรแหง่ อำนาจของญปี่ ุ่น ความอ่อนแอของ “ลทั ธิรัฐธรรมนูญ” ทำใหจ้ อมพล ป. พบิ ูลสงครามหันไปสร้างฐานสนับสนนุ ของตน ด้วย “ลทั ธิชาตนิ ิยม” และเม่ือสงครามโลกครั้งท่สี องระเบดิ ขึน้ ในเอเชยี รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามได้สรา้ งฐาน
27 สนบั สนุนเพิม่ เติมด้วย “ลทั ธิทหาร” และ “ลัทธผิ ู้นำ” ไทยเข้าสู่สงครามคร้ังนัน้ ในฝ่ายของญี่ปนุ่ เป็นประเทศ เล็กเพียงประเทศเดียวท่ีประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกาอยา่ งเป็นทางการ จากความพยายามท่ีจะ “สร้างชาติ” โดยการสถาปนาอุดมการณ์ “เช่อื ผู้นำชาตพิ ้นภัย” ขึ้นแทนที่อดุ มการณ์ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ไดท้ ำให้ จอมพล ป. พิบูลสงคราม กลายเปน็ คนแรกทีท่ ำให้คำวา่ “ผู้นำ” มคี วามสำคญั ในทางการเมืองข้ึนมา ในปี พ.ศ. 2485 เขากล่าวว่า “ญป่ี ุ่นมีเครื่องยึดมัน่ อยู่ คอื พระเจา้ แผ่นดนิ ของเขา ของเราไม่มี อะไรเป็นเครือ่ งยึดแนน่ อน ทมี่ อี ยู่ คอื ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และรัฐธรรมนูญ ชาตกิ ย็ ังไมม่ ตี วั ตน ศาสนากไ็ มท่ ำ ใหค้ นเล่ือมใสถึง ยึดมน่ั พระมหากษัตรยิ ย์ ังเปน็ เด็กเห็นแตร่ ูป รฐั ธรรมนูญก็เปน็ สมุดหนงั สอื เวลาคับขันจะเอาอะไร เป็นเครอื่ งยึดไม่ได้ ผมจงึ ใหต้ ามนายกรฐั มนตรี” และนโยบาย “การสร้างชาติ” ทโี่ ดดเด่นที่สดุ กค็ อื การทยอยออก ประกาศ “รัฐนิยม” ท้งั 12 ฉบบั อย่างไรก็ตาม มขี อ้ ทีน่ า่ สงั เกตอุ ยูว่ า่ แม้จอมพล ป. พิบลู สงครามจะพยายามชอู ดุ มการณ์ “เชื่อผ้นู ำชาตพิ น้ ภัย” ขนึ้ มาแทนท่ีอุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ แตก่ ย็ ังคงใช้ธงไตรรงค์ซ่งึ เป็นสัญลกั ษณข์ องอดุ มการณช์ าติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ เป็นเคร่อื งมอื ท่สี ำคญั ในนโยบาย “การสรา้ งชาติ” ของเขาด้วย ดงั จะเห็นได้อยา่ งชัดเจนใน “ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี วา่ ดว้ ยรฐั นิยมฉบบั ที่ 4 เรื่องการเคารพธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสรญิ พระ บารมี” ทีม่ ใี จความขึน้ ต้นว่า “ด้วยรัฐบาลได้พจิ ารณาเห็นว่า ธงชาติ เพลงชาติ และเพลงสรรเสริญพระบารมเี ป็นส่งิ สำคัญประจำชาติ พึงไดร้ บั ความเชิดชเู คารพของชาวไทยทั้งมวล”แต่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ไดใ้ ห้ความหมายใหม่แก่ ธงไตรรงคโ์ ดยทำให้กลายเป็น “เคร่ืองหมายแทนชาติ”ซ่ึงไมไ่ ด้เป็นเพยี งแคธ่ งชาติของประชาชนพลเมืองในชาติไทย และในประเทศไทยเท่านั้น แต่ยงั จะเปน็ ได้ถงึ ธงชาตขิ องปวงผ้คู นทีม่ ีเชื้อสายอยใู่ น “สกุลไทย” ทงั้ หมดดว้ ยการส่งเสรมิ อดุ มการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในสมัยจอมพล สฤษด์ิ ธนะรชั ตภ์ ายหลงั จากทจี่ อมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ทำการ ปฏวิ ัติในวันที่ 16 กนั ยายน 2500 จอมพลสฤษด์ไิ ด้ตัง้ พรรคชาติสงั คมเพื่อสนับสนุนรัฐบาล พลโทถนอม กิตติขจรใหม้ ี เสถียรภาพ นโยบายพรรคชาติสังคมน้ีจะเปน็ พืน้ ฐานนโยบายทางการเมอื งของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ในเวลาตอ่ มา นโยบายพรรคชาตสิ ังคมประกอบด้วย ชาตินยิ มและสงั คมนิยม ชาตนิ ิยมหมายถงึ การยกย่องเทิดทูนลักษณะและ สถาบันสำคัญของชาติไทย เชน่ การรกั ษาเอกราช การยดึ ถือพุทธศาสนาเปน็ ศาสนาประจำชาติ การเทดิ ทนู พระมหากษัตริยเ์ ป็นพระประมขุ ของชาติ สังคมนิยมหมายถึง แนวดำเนินการบริหารประเทศของรัฐบาลท่ีจะใชอ้ ำนาจ ควบคมุ ในดา้ นเศรษฐกิจ เพ่อื ให้เศรษฐกจิ ของชาติดำเนินไปในทางที่จะเกดิ ประโยชนแ์ กท่ ั้งบุคคลและสว่ นรวม โดยให้มี การกระจายรายไดแ้ ละแบ่งปันรายไดท้ ัง้ หลายไปสปู่ ระชาชนอย่างทว่ั ถึงแตต่ อ่ มาเน่อื งจากจอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ ตอ้ งการรบั ความช่วยเหลือในด้านเศรษฐกจิ จากสหรัฐอเมรกิ าจึงไดป้ รบั เปล่ียนแนวนโยบายของพรรคชาติสงั คมให้ สอดคลอ้ งกบั แนวนโยบายของสหรฐั อเมรกิ าทีต่ อ่ ต้านอดุ มการณ์สงั คมนิยม นัน่ คือ ต้องเปลย่ี นนโยบายจาก “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และสังคมนิยม” ไปเปน็ “ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และประโยชนส์ ขุ ของสงั คม เมื่อจอม พลสฤษด์ิ ธนรชั ตท์ ำการปฏวิ ตั ิยึดอำนาจจากพลโทถนอม กติ ติขจรและดำรงตำแหนง่ นายกรัฐมนตรี จอมพลสฤษด์ิ
28 ได้วางแผนการสรา้ งชาติไว้ 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ แผนการเมอื ง แผนการเศรษฐกิจ และแผนการศึกษา สำหรบั แผนการเมอื ง เพอื่ ที่จะสร้างความชอบธรรมให้กับคณะปฏวิ ัติ รวมทัง้ เพ่อื ดำเนินการใหป้ ระชาชนภายในชาติร่วมกนั พัฒนา ประเทศชาติ คณะปฏิวตั ิจึงไดป้ รบั เปลย่ี นอดุ มการณข์ องชาตซิ ่ึงแตเ่ ดิประกอบดว้ ย “ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ และ รฐั ธรรมนญู ” มาเป็น “ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์” ดงั นัน้ การดำเนินนโยบายของคณะปฏิวตั นิ อกจากจะดำเนิน แผนทางการเมือง เศรษฐกิจ การศกึ ษาแลว้ ยงั ได้ดำเนินการสร้างความมั่นคงให้แก่สถาบันพระมหากษัตรยิ ์และพุทธ ศาสนาควบคู่กันไปดว้ ยจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์ ได้เปลย่ี นแปลงวนั ชาตจิ ากวนั ท่ี 24 มถิ นุ ายน มาเป็นวันท่ี 5 ธันวาคม ซ่งึ เป็นวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภมู พิ ลอดุลยเดช รชั กาลที่ 9 เป็นการทำให้สญั ลกั ษณ์ของ ชาติมาผกู พนั กับสถาบันกษัตรยิ ์ ดงั ที่จอมพลสฤษดไ์ิ ด้กลา่ วว่า “...ชาติจงึ เป็นสภาวธรรมอีกอนั หนึ่ง ซึง่ ไมม่ ีตวั ตนเห็นได้ ชัด จำต้องสรา้ งสิ่งทถ่ี ือเป็นนมิ ติ หมายสมมุตเิ ปน็ สัญลกั ษณข์ องชาตซิ ึง่ โลกได้คิดขนึ้ ไว้ 3 อย่าง คอื ธงชาติ เพลงชาติ และวนั ชาติ” การกำหนดให้วนั ชาติเป็นวันท่ี 5 ธันวาคม จึงเป็นการสร้างสญั ลักษณข์ องชาติโดยเนน้ ความผูกพันกับ พระมหากษัตรยิ ์หรอื กลา่ วอกี นัยหนึง่ กค็ ือ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ไดเ้ ปลีย่ นแปลงใหส้ ถาบันพระมหากษัตริย์กลายเป็น สญั ลักษณข์ องชาติแทนรัฐธรรมนูญ ทำใหน้ บั แต่นั้นเป็นต้นมา อดุ มการณข์ องรัฐไทยมเี พียง 3 ประการ คอื ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รย์ ในด้านการศึกษานนั้ รฐั ได้กำหนดให้การศกึ ษาในระดับประถมศกึ ษาและมธั ยมศึกษา มีจดุ เนน้ ในการ สนบั สนุนการเมือง คอื การสรา้ งเอกภาพและความมน่ั คงของชาติ เม่อื พจิ ารณาหลกั สูตรสงั คมศึกษาซ่งึ เปน็ หลักสูตรทีม่ ี จุดมงุ่ หมายในการสรา้ งพลเมืองดี จะพบว่าหลกั สูตรดงั กล่าวได้กำหนดจดุ มงุ่ หมายไวอ้ ย่างชัดเจนในเรือ่ งการสรา้ ง เอกภาพและความมน่ั คงของชาติ การกล่อมเกลาปลกู ฝังความรูค้ วามเขา้ ใจดังกล่าวสนับสนนุ นโยบายสร้างชาติของ รัฐบาลจอมพลสฤษด์ิ ธนะรชั ต์โดยตรง รฐั ได้กล่อมเกลาใหน้ กั เรียนตระหนกั วา่ ในฐานะท่ีตนเป็นพลเมอื งของชาติ จึงต้องมีหน้าทท่ี ำนบุ ำรงุ รกั ษาและพัฒนาประเทศใหเ้ ปน็ ปกึ แผน่ มน่ั คงกา้ วหน้า โดยปฏิบัติตนตามกรอบแหง่ วัฒนธรรม และสถาบันของชาตทิ รี่ ัฐได้เลือกสรรและจัดเป็นระบบ โดยเฉพาะการยึดม่นั และจงรกั ภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อาจกล่าวได้ว่า จอมพลสฤษด์ิ ธนะรัชต์ คือบคุ คลสำคัญท่ีไดป้ รับเปลย่ี นและปลกู ฝงั อุดมการณ์ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ จนทำใหอ้ ุดมการณด์ ังกล่าวสามารถหยง่ั รากมั่นคงในสงั คมไทยมาจนถึงปจั จบุ นั น้ี หลงั จากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 ซ่งึ ถือวา่ เปน็ ความสำเรจ็ ของประชาชนในการโค่นลม้ รัฐบาลเผด็จ การจอมพลถนอม กิตตขิ จร และทำใหบ้ รรยากาศทางการเมอื งของไทยเปน็ ยุคแห่งประชาธิปไตย มีการเคลอื่ นไหว ชมุ นุมประท้วงทางการเมอื งของนิสิต นกั ศกึ ษา กรรมกร ชาวนาชาวไร่ เกดิ ขึ้นเกอื บทุกวนั สภาพดังกลา่ วได้ทำใหก้ ลมุ่ ท่ี เรยี กว่า “ฝา่ ยขวาจัด” หรอื “ฝา่ ยอนุรกั ษ์นิยม” เกดิ ความไมพ่ อใจเพราะเหน็ ว่าเป็นการสรา้ งความวุ่นวายให้แกส่ งั คม และเห็นว่าการตอ่ สู้เรียกร้องเหล่านนั้ เปน็ การกระทำของคอมมวิ นสิ ต์ “ฝ่ายอนรุ ักษ์นยิ ม” เหลา่ น้ไี ด้ปลกุ อดุ มการณ์
29 “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ซ่งึ พวกเขายดึ ม่นั มานานข้นึ มาอกี คร้ังเพอื่ ต่อตา้ นคอมมวิ นิสต์ และใชเ้ ป็น เคร่ืองมือในการกล่าวร้ายปา้ ยสีและปลุกกระแสความเกลยี ดชังตอ่ ขบวนการนิสติ นักศึกษาฝ่ายก้าวหนา้ ไดอ้ ยา่ งสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ไดม้ ีการจัดต้ังกลุม่ ตอ่ ตา้ นขบวนการนิสิตนักศกึ ษาฝา่ ยกา้ วหน้าขึน้ หลายกลุ่ม เชน่ กลุ่มกระทงิ แดง, นวพล, ลูกเสอื ชาวบา้ น ทำการก่อกวนและขดั ขวางการทำกิจกรรมตา่ งๆ ของฝา่ ยกา้ วหน้าจนกระท่ังเกดิ เหตกุ ารณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซ่ึงเปน็ การสงั หารหมู่ทางการเมอื งทีโ่ หดรา้ ยทส่ี ุดเท่าทีเ่ คยมีมาในประวตั ิศาสตร์ไทย ภายหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นิสติ นกั ศึกษา และประชาชนจำนวนมากได้ทยอยเดินทางเข้าไปร่วมการ ต่อสู้ด้วยกำลงั อาวุธกบั พรรคคอมมวิ นสิ ต์แห่งประเทศไทย (พคท.)ในเขตป่าเขาตามภาคตา่ งๆ ของประเทศไทยเปน็ จำนวนมาก เพอื่ ตอ่ สกู้ ับคอมมิวนสิ ต์ นายธานินท์ กรัยวเิ ชียร นายกรฐั มนตรใี นขณะนนั้ ได้ปลุกอุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์” ข้ึนมาอกี คร้งั โดยเน้นความสำคญั ของ “สถาบนั พระมหากษตั รย์” ในฐานะ “ศนู ย์รวมของ ชาติ” ในหนังสอื ชื่อ พระมหากษตั รยิ ใ์ นระบอบประชาธปิ ไตย ธานนิ ทร์ กล่าววา่ “นอกเหนอื จากพระราชอำนาจทร่ี ัฐธรรมนญู บัญญตั ิถวายไวแ้ ล้ว พระมหากษัตริย์ไทยยงั ทรงเป็นศนู ยร์ วมของ ชาติในหลายประการ กลา่ วคอื ทรงเปน็ ศูนย์รวมแห่งความสามัคคแี ละความเป็นอันหนนง่ึ อันเดยี วกนั ของชาติ ทรงเปน็ ศนู ยร์ วมแห่งราชการแผ่นดินทง้ั มวล และทรงเป็นศูนย์รวมแห่งวิทยาการระดับชาติ ท้งั น้ี เพราะพระมหากษัตริยใ์ น ระบอบประชาธิปไตยทรงเปน็ ของคนทุกคนในชาติ ทรงเปน็ เคร่ืองยดึ เหนย่ี ว ความภมู ิใจ และ ความม่ันใจหนงึ่ ในสามสง่ิ คือ ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตรยิ ์ ทคี่ นไทยทุกคน ทกุ ฐานะ ทุกความคดิ เหน็ ตา่ งยึดม่ันร่วมกนั ”การชูอุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์” เพอื่ ตอ่ ส้กู ับคอมมิวนสิ ต์จะยงั คงดำเนนิ ตอ่ ไปอยา่ งเข้มข้นจนถงึ สมัยทีพ่ ลเอกเปรม ตณิ สูลานนท์ ก้าวขึน้ มาเป็นนายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ไดแ้ สดงออกถึงเจตนารมณอ์ ันสูงสุดของรัฐบาลใน อนั ท่ีจะเทิดทูนและรกั ษาไวซ้ ึ่งสถาบนั ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ และการปกครองอนั มีพระมหากษตั รยิ เ์ ป็นประมุข อยา่ งเครง่ ครดั โดยเฉพาะอยา่ งย่งิ การต่อต้านการคุกคามจากภยั คอมมิวนิสต์ อย่างไรก็ตาม การกล่าวถึงอดุ มการณช์ าติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ของพลเอกเปรม ตณิ สลู านนท์จะคอ่ ยๆ เบาบางลงในชว่ งปี 2526 เม่ือพรรคคอมมวิ นิสต์แหง่ ประเทศไทย (พคท.) เกดิ ความแตกแยกภายในอยา่ งรุนแรงและได้ สลายตัวลงไปแล้วนัน่ เอง แต่นกี่ ็ไม่ไดห้ มายความว่า อุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์” ไดห้ มดหน้าที่ของมนั ลงตามไปดว้ ย ในทางกลับกัน อาจกล่าวไดว้ ่า อุดมการณ์ “ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์” ไดฝ้ ังรากลกึ อยูใ่ นสังคมไทย อยา่ งม่นั คง จนกลายเปน็ สว่ นหนึ่งทีไ่ ม่สามารถแยกออกจากกันได้อีกตอ่ ไป
30 3.2 7 กษตั ริยม์ หาราชของชาติไทยผูย้ ิ่งใหญ่ของไทย ก่อนทป่ี ระเทศไทยจะเปน็ ปึกแผน่ และรม่ เยน็ มาจนถงึ ทุกวันนี้ ตอ้ งฝ่าฝนั อปุ สรรคต่างๆมากมายท้งั การถกู รุกราน ภยั สงคราม ความล้าหลงั การถกู ล่าอาณานิคม แตด่ ว้ ยพระปชี าสามารถของพระมหากษตั ริยไ์ ทยจึงทำให้ ประเทศไทยฝ่าฝันอุปสรรคนานานับประการมาได้และด้วยพระราชอัจฉริยภาพประเทศไทยจงึ เจรญิ ร่งุ เรืองมาจนถึงทกุ วันน้ีด้วยความสำนกึ ในพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถของพระมหากษัตรยิ ์ท่ีมีบญุ คณุ ต่อประเทศไทย ประชาชนถงึ ถวายคำว่า \"มหาราช\" ตอ่ ท้ายพระสมัญญานามเพือ่ เทิดพระเกยี รติพระมหากษัตรยิ ์ไทยมหาราช หมายถงึ คำซ่งึ มหาชนถวายเพอ่ื เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระเจา้ แผ่นดนิ ทงั้ นีต้ ง้ั แตอ่ ดตี จนปัจจุบันพระมหากษัตรยิ ์ไทยทไ่ี ด้รับสมัญญา นาม \"มหาราช\" มดี ว้ ยกัน 7 พระองค์ มหาราช หมายถึง คำซึ่งมหาชนถวายเพื่อเฉลิมพระเกยี รติพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งนีต้ ั้งแต่อดีตจนปจั จุบัน พระมหากษัตริยไ์ ทยทไี่ ดร้ ับสมัญญานาม \"มหาราช\" มดี ว้ ยกัน 7 พระองค์ พอ่ ขุนรามคำแหงมหาราช พอ่ ขุนรามคำแหงมหาราช หรอื พญาร่วง เป็นพระมหากษตั ริยพ์ ระองคท์ ่ี 3 ในราชวงศพ์ ระรว่ งแหง่ ราชอาณาจกั รสโุ ขทัย เสวยราชย์ประมาณ พ.ศ. 1822 ถึงประมาณ พ.ศ. 1841 พระองคท์ รงสรา้ งความเจรญิ รุง่ เรือง ให้กับอาณาจกั รสโุ ขทยั เป็นอย่างมาก เช่น รเิ ร่มิ ประดิษฐ์อักษรไทยขึ้นใชเ้ อง เมื่อปี พ.ศ.๑๘๒๖ , ขยายอาณาจักรให้ กว้างไกล, เปิดการค้าเสรีและปกครองบา้ นเมอื งอยา่ งยุตธิ รรมเสมอื น \"พอ่ ปกครองลูก\" ,ทรงรบั เอาพระพทุ ธศาสนา นกิ ายเถรวาท ลัทธลิ ังกาวงศ์เข้ามา จนเปน็ ศาสนาประจำชาติในปจั จุบนั เน่อื งด้วยการดำเนินพระราชกรณยี กจิ ที่สำคัญ ทำใหพ้ ระองคท์ รงไดร้ ับการยกยอ่ งเปน็ กษัตริย์ \"มหาราช\" พระองคแ์ รกของกษตั ริยไ์ ทย
31 สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช สมเดจ็ พระนเรศวรมหาราช หรอื สมเด็จพระสรรเพชญท์ ่ี 2 มพี ระนามเดมิ ว่าพระนเรศ หรือ \"พระองคด์ ำ\" พระองคท์ รงเปน็ ผกู้ อบกเู้ อกราชใหก้ ับไทยหลังจากเสียกรงุ คร้งั ที่ 1 และไดท้ รงแผ่อำนาจของราชอาณาจกั รไทย อย่าง กว้างใหญ่ไพศาล นับตั้งแต่ประเทศพมา่ ตอนใต้ท้ังหมด นัน่ คือ จากฝง่ั มหาสมทุ รอินเดียทางด้านตะวนั ตก ไปจนถงึ ฝ่ัง มหาสมุทรแปซฟิ กิ ทางดา้ นตะวันออก ทางดา้ นทศิ ใต้ตลอดไปถงึ แหลมมลายู ทางดา้ นทศิ เหนอื กถ็ ึงฝ่ังแมน่ ้ำโขงโดย ตลอด และยังรวมไปถึงรัฐไทใหญ่บางรฐั พระองคท์ รงเปน็ นักรบชนะศกึ หลายคร้งั หลายครา โดยเหตกุ ารณส์ ำคญั ทพี่ ระองคท์ รงใช้ไหวพรบิ ปฎิภาณ และความเก่งกาจในด้านการรบ คือวนั ท่ี 25 มกราคม พ.ศ. 2135 พระมหาอปุ ราชาของพม่าไดย้ กทพั มาตไี ทย พระองค์ ทรงชนชา้ งกระทำยุทธหัตถี และทรงฟันพระมหาอปุ ราชาสิ้นพระชนมบ์ นคอช้าง ตงั้ แตน่ ้นั มาพม่ากเ็ กรงกลัว เลิกยกทพั มารกุ รานไทยอกี
32 สมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช สมเด็จพระนารายณม์ หาราช หรอื สมเดจ็ พระรามาธิบดีที่ 3 หรอื สมเดจ็ พระรามาธบิ ดีศรีสรรเพชญ เปน็ พระมหากษตั รยิ ไ์ ทยรชั กาลท่ี 27 ในสมยั กรงุ ศรีอยุธยา พระองคท์ รงเปน็ กษตั รยิ ท์ ท่ี ำใหป้ ระเทศชาตเิ จริญรุ่งเรืองอยา่ ง มาก ทรงติดต่อเจรญิ พระราชไมตรีกบั นานาประเทศ ทรงติดต่อการคา้ กบั ชาวตา่ งชาติ และเมอื่ มเี หตกุ ารณ์รา้ ยแรงข้ึน กท็ รงแก้ไขดว้ ยความเฉลยี วฉลาด ในยุคของพระองค์ถือเป็นยุคทองแห่งวรรณคดไี ทย เนอ่ื งจากพระองค์ทรงอปุ ถัมภ์และสง่ เสริมการกวี จนเปน็ เหตใุ ห้เกิดมีกวีทมี่ ชี ื่อเสียงหลายคน มวี รรณคดเี กิดขนึ้ หลายเล่ม สมเด็จพระเจา้ ตากสนิ มหาราช สมเด็จพระเจา้ กรุงธนบรุ ี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสนิ มหาราช หรือ สมเด็จพระบรมราชาท่ี 4 มีพระนามเดมิ ว่า สิน พระองคเ์ ป็นผกู้ อบกู้เอกราชจากพม่าภายหลงั การเสยี กรุงศรีอยุธยาครัง้ ที่สอง ทรงใชเ้ วลา ๗ เดือนในการขับไล่ ทหารพมา่ ออกจากราชอาณาจกั รจนหมดสิ้นและทรงทำสงครามเพ่ือรวบรวมแผ่นดนิ ซึง่ อยู่ภายใตก้ ารปกครองของขุน ศึกก๊กตา่ ง ๆ ใหเ้ ป็นปึกแผ่น เชน่ เดียวกับขยายพระราชอาณาเขตออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง จากนน้ั ทรงสร้างกรุงธนบุรี เปน็ ราชธานใี หม่ของไทย
33 พระบาทสมเด็จพระพทุ ธยอดฟา้ จุฬาโลกมหาราช พระบาทสมเด็จพระปรโมรุราชามหาจักรบี รมนารถ พระพทุ ธยอดฟ้าจฬุ าโลก พระองค์ทรงเป็น พระมหากษตั ริย์ไทยพระองคแ์ รกในราชวงศ์จักรี และเป็นผูท้ รงสรา้ งกรุงเทพมหานคร บวรรตั นโกสนิ ทร์ ฯลฯ เป็นราช ธานขี องไทย ทรงกระทำศกึ สงครามกบั พม่าหลายคร้ัง ทรงขยายอาณาเขตออกไปอยา่ งกวา้ งขวาง ทรงสรา้ งปราสาทราชวัง ทรงอญั เชิญพระแกว้ มรกตมาจากเวียงจนั ทร์ สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม และวัดอ่นื ๆ ทรงรอื้ ฟน้ื สงั คายนา พระไตรปิฎก รวบรวมกฎหมายตราสามดวง และโปรดให้แตง่ บทละครต่างๆ ข้นึ แทนของเก่าท่ีถูกพมา่ เผาทำลาย พระบาทสมเดจ็ พระจุลจอมเกลา้ เจา้ อยูห่ ัว หรอื สมเดจ็ พระปิยมหาราช พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาจฬุ าลงกรณ์ พระจลุ จอมเกล้าเจา้ อยู่หัว เปน็ พระมหากษตั รยิ ส์ ยาม รัชกาลที่ 5 แหง่ ราชวงศ์จักรี พระองค์ได้รบั สมัญญาวา่ \"ปิยมหาราช\" แปลวา่ มหาราชผู้ทรงเปน็ ที่รัก และว่า \"พระพุทธเจา้ หลวง\"
34 พระองค์ทรงมปี ระปรีชาสามารถย่ิงในการรักษาประเทศไมใ่ หต้ กเปน็ เมอื งข้นึ ของชาวตะวันตกในยคุ ลา่ อาณา นิคม อกี ทัง้ ยังเป็นผวู้ างรากฐานเปลีย่ นแปลงประเทศไทยใหม้ ีความเจรญิ กา้ วหนา้ ทดั เทียมนานาอารยะประเทศ พระ ราชกรณียกจิ ที่สำคัญเชน่ ทรงโปรดใหม้ ีการเลกิ ทาส,เลิกไพร่,จัดต้งั ไปรษณยี ์ไทย ,โทรศัพท์และโทรเลข ,การไฟฟา้ และ การประปา,จัดสร้างทางรถไฟ,ต้ังโรงเรียนและโรงเรียนกฎหมาย,ทรงรเิ ร่มิ สร้างโรงพยาบาลศิรริ าช,แตง่ ตั้งกระทรวง ต่างๆในการบริหารประเทศ ท้งั น้พี ระองคย์ ังทรงห่วงใยราษฎรเปน็ อยา่ งมาก เหน็ ได้จากท่ีพระองคท์ รงปลอมตัวเป็นสามญั ชนเพือ่ เสรจ็ เยี่ยมประชาชนอยบู่ อ่ ยๆ พระบาทสมเด็จพระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั นบั วา่ เป็นพระมหากษัตรยิ พ์ ระองคห์ น่งึ ที่มี ความสำคัญอย่างมากกับประเทศไทย จากการวางรากฐานและเปลยี่ นแปลงส่ิงตา่ งๆใหป้ ระเทศไทยเจรญิ ร่งุ เรื่องมา จนถงึ ทกุ วันนี้ พระบาทสมเด็จพระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช หรือ สมเด็จพระภทั รมหาราช พระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดุลยเดช เปน็ พระมหากษัตริยล์ ำดับที่ 9 แห่งราชวงศ์จกั รี ทรงเป็น พระมหากษตั รยิ ์ไทยผเู้ สวยราชยย์ าวนานทีส่ ุดคือ 70 ปีพระองค์ไดร้ ับการถวายพระราชสมญั ญาว่า \"สมเดจ็ พระภทั ร มหาราช\" มีความหมายว่า \"พระมหากษัตรยิ ผ์ ปู้ ระเสรฐิ ย่ิง\" ต่อมามกี ารถวายพระราชสมญั ญาใหม่วา่ \"พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภมู พิ ลอดุลยเดชมหาราช\" เมื่อ พ.ศ. 2510 และ \"พระภมู ิพลมหาราช\" อนโุ ลมธรรมเนียม เช่นเดียวกบั \"พระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกล้าเจ้าอย่หู ัว\" ทีท่ รงไดร้ บั พระราชสมัญญาว่า \"พระปยิ มหาราช\" แต่ทงั้ นี้ประชาชนท่ัวไปนิยมเรยี กพระองคว์ ่า \"ในหลวง\" โดยยอ่ มาจาก \"ใน (พระบรมมหาราชวงั ) หลวง\" บา้ ง กว็ ่าเพี้ยนมาจากคำว่า \"นายหลวง\" ซึง่ แปลว่าเจ้านายผูเ้ ป็นใหญ่
35 พระองคท์ รงเปน็ พระมหากษตั ริยพ์ ระองคแ์ รก และพระองคเ์ ดยี วของโลก ทไี่ ด้รบั การถวายการรบั จดทะเบยี น สิทธบิ ตั ร และอนุสทิ ธิบตั ร ทรงเปน็ แบบอย่างทีป่ ระชาชนสมควรเจริญรอยตามเบ้อื งพระยคุ ลบาท ในการประดษิ ฐ์ คิดคน้ สรา้ งสรรค์ และพฒั นาเทคโนโลยีของไทยข้ึนมาใช้เอง รวมท้งั การรักษาสิทธใิ นทรพั ย์สินทางปัญญาจากผลงานที่ ไดค้ ิดคน้ ขึ้น สำหรับสทิ ธิบัตร 4 ฉบบั ทก่ี ระทรวงพาณชิ ย์ทูลเกล้าฯ ถวายพระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ฯ ได้แก่ ฉบบั ที่ 1 เคร่อื งกลเติมอากาศทผี่ วิ นำ้ หมุนชา้ แบบทุ่นลอย หรอื กงั หนั น้ำชัยพัฒนา ฉบับที่ 2 เครื่องกลเติมอากาศแบบอดั อากาศและดดู นำ้ ฉบับท่ี 3 การใชน้ ้ำมันปาลม์ บรสิ ุทธเิ์ ปน็ น้ำมนั เชอ้ื เพลงิ สำหรบั เครอ่ื งยนต์ดีเซล ฉบบั ท่ี 4 \"ฝนหลวง\" ฝนทต่ี กนอกเหนอื จากที่จะได้รบั จากธรรมชาติฯ นอกจากน้พี ระองค์ยังทรงคิดคน้ ปรชั ญา \"เศรษฐกจิ พอเพียง\" สามารถนำไปปรบั ใช้ในชีวิตประจำได้ จนเป็นที่ ยอมรับในพระปรีชาสามารถจากทั่วทกุ มุมโลก อกี ทง้ั ยงั มปี ระปรชี าสามารถในด้านดนตรีและกฬี าอีกด้วย พระองคท์ รงห่วงใยประชาชนเป็นอย่างมาก ตลอดเวลาทพี่ ระองค์ทรงข้ึนครองราชย์ พระองคท์ รงเสยี สละเวลา ความสุขส่วนพระองค์เพ่ือดูแลประชาชน พระองคท์ รงงานหนักเพ่อื ประชาชนไดอ้ ย่ดู ีกินดี นบั ว่าเปน็ พระมหากษัตริย์ผู้ ทรงเปรยี บเสมือน \"พอ่ หลวงของปวงชนชาวไทย\" และทรงเป็นทร่ี ักของประชาชนชาวไทยทุกคน \"พ่อหลวง\"ไม่เคยทิ้งประชาชน นับวา่ เป็นพระมหากรุณาธคิ ุณอันล้นพ้นของปวงชนชาวไทยทีไ่ ด้อยูใ่ ตร้ ่มพระ บารมขี องพระองคท์ ่าน พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช คือ กษัตรยิ ์ที่ทรงงานหนักทีส่ ดุ ในโลก คอื กษตั ริย์ท่ีทรงดำรงชีวิตแบบเรยี บงา่ ยที่สดุ ในโลก คอื กษัตริย์ที่ประชาชนรักและเทิดทนู มากทีส่ ุดในโลก คอื \"พอ่ หลวง\" ทอ่ี ยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตลอดกาล
36 บทที่ 3 วิธกี ารดำเนินงาน ททททททททศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอสัตหีบ ได้เห็นความสำคัญ การเสริมสร้าง ความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้กับประชาชนในตำบลแสมสาร ทางกศน.ตำบลแสมสาร จึงได้จัด โครงการ โครงการเสริมสร้างความจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์จึงมขี ้นั ตอนดงั น้ี 1.ประชุมบคุ ลากรกรรมการ กศน.ตำบลแสมสาร 2.แต่งตง้ั คณะทำงาน 3.ดำเนินงานตามแผน 4.ประชากรที่ใชใ้ นการดำเนนิ งาน 5.เคร่อื งมือท่ีใชใ้ นการดำเนินงาน 6.การเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 7.การวเิ คราะห์ขอ้ มลู 1. ประชมุ บคุ ลากรกรรมการ กศน.ตำบลแสมสาร ททททททททกศน.ตำบลแสมสาร ได้วางแผนประชุมบุคลากรกรรมการ กศน.ตำบลแสมสาร เพ่ือหาแนวทางในการ ดำเนนิ งานและกำหนดวตั ถปุ ระสงคร์ ่วมกัน 2. จดั ตง้ั คณะทำงาน ททททททททจดั ทำคำสง่ั แต่งตั้งคณะทำงานโครงการ เพื่อมอบหมายหน้าท่ีในการทำงานใหช้ ัดเจน เชน่ ทททททททท ททท ท2.1 คณะกรรมการท่ีปรึกษา/อำนวยการ มีหน้าที่อำนวยความสะดวก และให้คำปรึกษาแก้ไขปัญหาท่ี เกดิ ขึน้ ทททททททททท2.2 คณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพนั ธ์ มีหนา้ ท่ีประชาสมั พนั ธ์รับสมัครผเู้ ขา้ ร่วมโครงการ ทททททททททท2.3 คณะกรรมการฝ่ายรับลงทะเบียนและประเมินผลหน้าที่จัดทำหลักฐานการลงทะเบียนผู้เข้าร่วม โครงการ และรวบรวมการประเมินผล และรายงานผลการดำเนินการ 3. ดำเนินการตามแผนงานโครงการ ทททททททท3 กุมภาพันธ์ 2563 ณ กศน.ตำบลแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหบี จ.ชลบรุ ี 4. ประชากรท่ีใช้ในการดำเนนิ งาน ททททททททประชากรในตำบลแสมสาร ทงั้ หมดจำนวน 20 คน 5. เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการดำเนินงาน 1. แบบสำรวจความคิดเห็นโครงการเสรมิ สรา้ งความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ 2. แบบสอบถามความพงึ พอใจโครงการเสริมสรา้ งความจงรกั ภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์
37 6. การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ททททททททจากการดำเนินงานโครงการเสริมสร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ณ กศน.ตำบล แสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหบี จ.ชลบุรี มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจำนวน 20 คน โดยมีการแจกแบบสอบถามท้ังหมด 20 ชุด และเก็บรวบรวมแบบสอบถามได้ 20 ชุด คิดเปน็ 100 เปอร์เซน็ ต์ การศกึ ษานอกระบบและการศกึ ษาตามอัธยาศยั อำเภอสัตหีบ จะไดน้ ำแนวทางไปใช้ขอ้ มูลพิจารณาหลกั สูตร เน้ือหาตลอดจนเทคนคิ วธิ กี ารจัดการกระบวนการเรียนรตู้ า่ งๆ เพอ่ื ให้ตอบสนองความต้องการของผู้เขา้ อบรมไดร้ บั ประโยชนน์ ำไปใช้ได้จริงตามศักยภาพของแต่ละคน ให้มคี วามเข้าใจและมคี ณุ ภาพต่อไป ศนู ย์การศึกษานอกระบบและ การศกึ ษาตามอัธยาศัยอำเภอสัตหบี ได้ดำเนนิ การตามขนั้ ตอนและไดร้ วบรวมขอ้ มูล โดยใช้สภาพการใชส้ อื่ การสอน ของครใู นสถานศึกษาเป็นแบบมาตรวดั ประมาณค่า (Rating Scale) 5 ระดับ โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี (บุญชม ศรีสะอาด และบญุ สง่ นิลแก้ว ,2545) 5 หมายถึง มีการดำเนนิ งานในระดบั มากทส่ี ุด 4 หมายถึง มีการดำเนินงานในระดบั มาก 3 หมายถงึ มีการดำเนินงานในระดบั ปานกลาง 2 หมายถงึ มกี ารดำเนินงานในระดับน้อย 1 หมายถึง มีการดำเนินงานในระดับน้อยท่สี ุด โดยมีเกณฑก์ ารแปลความหมายค่าเฉลยี่ (บญุ ชม ศรีสะอาด,2556) ดังน้ี 4.50 – 5.00 หมายถงึ มีความคิดเห็น/การดำเนินงานอยู่ในระดบั มากท่สี ดุ 3.50 – 4.49 หมายถึง มีความคิดเห็น/การดำเนินงานอยู่ในระดบั มาก 2.50 – 3.49 หมายถึง มีความคดิ เห็น/การดำเนนิ งานอย่ใู นระดับปานกลาง 1.50 – 2.49 หมายถึง มคี วามคดิ เห็น/การดำเนินงานอยู่ในระดับน้อย 1.00 – 1.49 หมายถงึ มีความคิดเห็น/การดำเนินงานอย่ใู นระดบั น้อยทส่ี ดุ ผเู้ ข้าร่วมโครงการจะต้องกรอกขอ้ มูลตามแบบสอบถาม เพอ่ื นำไปใช้ในการประเมนิ ผลของการจัดกิจกรรม ดงั กล่าว และจะไดน้ ำไปเป็นขอ้ มูล ปรับปรุง และพฒั นา ตลอดจนใช้ในการจัดทำแผนการดำเนนิ การในปตี อ่ ไป
38 บทท่ี 4 ผลการดำเนินงานและการวิเคราะหข์ อ้ มูล ในการจดั กิจกรรมโครงการเสริมสรา้ งความจงรักภกั ดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ในวันท่ี 3 กุมภาพนั ธ์ 2563 ณ กศน.ตำบลแสมสาร อ.สตั หบี จ.ชลบุรี ซึ่งไดส้ รปุ ผลจากแบบสอบถามและนำเสนอผลการ วเิ คราะหข์ อ้ มลู จากผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด จำนวน 20 คน และซง่ึ ไดส้ รปุ ผลจากแบบสอบถามและนำเสนอผลการ วิเคราะห์ขอ้ มลู จากผู้เข้ารว่ มโครงการทงั้ หมด ไวด้ งั นี้ ตอนท่ี 1 ข้อมลู สว่ นตัวผตู้ อบแบบถามของผู้เข้าร่วมกิจกรรมโครงการเสริมสร้างความจงรักภักดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ผูเ้ ขา้ ร่วมกิจกรรมทต่ี อบแบบสอบถามได้นำมาจำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา และอายุ ผจู้ ดั ทำได้นำเสนอจำแนกตามข้อมูลดงั กล่าว ดังปรากฏตามตารางที่ 1 ดงั ตอ่ ไปน้ี ตารางที่ 1 แสดงคา่ ร้อยละของผตู้ อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามเพศ เพศ ชาย หญงิ จำนวน รอ้ ยละ ความคดิ เห็น จำนวน ร้อยละ 17 85 โครงการเสรมิ สรา้ งความจงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา 3 15 พระมหากษัตรยิ ์ รจากตารางที่ 1 แสดงผู้ตอบแบบสอบถามของผู้เข้าร่วมโครงการโครงการเสรมิ สร้างความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นชาย 3 คน คิดเป็นร้อยละ 15 เป็นหญิง 17 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 85 ตารางท่ี 2 แสดงคา่ รอ้ ยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอายุ อายุ ตำ่ กวา่ 15 ปี 14-39 ปี 40-59 ปี 60 ขนึ้ ไป ความคิดเห็น จำนวน รอ้ ยละ จำนวน ร้อยละ จำนวน รอ้ ยละ จำนวน รอ้ ยละ โครงการเสรมิ สรา้ งความจงรกั ภกั ดี - - 9 45 6 30 5 25 ตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ จากตารางท่ี 2 แสดงวา่ ผูต้ อบแบบสอบถามของผู้เขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการเสรมิ สร้างความจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มจี ำนวน 20 คน มอี ายุ 14 -39 ปี จำนวน 9 คน คดิ เป็นร้อยละ 45 มอี ายุ 40 - 59 ปี จำนวน 6 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 30 มีอายุ 60 ปีขน้ึ ไป จำนวน 5 คนคดิ เป็นร้อยละ 25
39 ตารางท่ี 3 แสดงคา่ ร้อยละของผ้ตู อบแบบสอบถาม โดยจำแนกตามอาชพี รบั จา้ ง ค้าขาย พนักงาน เกษตรกรรม อื่นๆ(วา่ งงาน) รฐั วสิ าหกิจ ประเภท ความคดิ เหน็ จำนวน ร้อย จำนวน ร้อย จำนวน ร้อย จำนวน รอ้ ย จำนวน รอ้ ย ละ ละ ละ ละ ละ โครงการเสรมิ สรา้ ง ความจงรกั ภกั ดตี ่อ 8 40 5 25 - - - - 7 35 ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ จากตารางท่ี 3 แสดงว่า ผตู้ อบแบบสอบถามของผเู้ ขา้ รว่ มกจิ กรรมโครงการเสริมสร้างความจงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ มอี าชีพรบั จ้าง จำนวน 8 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 40 ว่างงาน จำนวน 7 คน คิดเป็นรอ้ ยละ 35 ค้าขาย จำนวน 5 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 25
40 ตอนที่ 2 ข้อมูลเก่ียวกบั ความคิดเหน็ ของผ้เู ขา้ รว่ มโครงการเสริมสร้างความจงรักภักดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ความคิดเห็นของผู้เขา้ รว่ มกจิ กรรม จำนวน 20 คน จากแบบสอบถามทั้งหมดท่ีมตี อ่ โครงการเสรมิ สร้าง ความ จงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ ณ กศน.ตำบลแสมสาร ต.แสมสาร อ.สัตหบี จ.ชลบรุ ี N = 20 รายการทป่ี ระเมนิ อันดับที่ ระดบั ผล การประเมิน µ σ ด้านหลักสูตร 1. กิจกรรมทจี่ ัดสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลกั สูตร 4.62 0.52 2 มากทส่ี ดุ 2. เน้ือหาของหลกั สตู รตรงกับความตอ้ งการของผรู้ ับบริการ 4.85 0.55 1 มากท่สี ดุ 3. การจดั กจิ กรรมทำให้ผู้รับบริการสามารถคดิ เปน็ ทำเป็นแก้ปญั หาเปน็ 4.50 0.59 4 มากที่สดุ 4. ผู้รับบรกิ ารมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ต่อการจดั ทำหลกั สูตร 4.25 0.55 6 มาก 5. ผู้รบั บริการสามารถนำความรไู้ ปปรับใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ 4.20 0.53 7 มาก 6. ส่อื /เอกสารประกอบการจดั กจิ กรรมมคี วามเหมาะสม 3.78 0.54 8 มาก ด้านวิทยากร 7. วิทยากรมคี วามรคู้ วามสามารถในการจัดกจิ กรรม 4.35 0.55 5 มาก 8. เทคนิค/กระบวนในการจัดกจิ กรรมของวิทยากร 3.62 0.45 13 มาก 9. วทิ ยากรมกี ารใช้สือ่ ทสี่ อดคล้องและเหมาะสมกบั กจิ กรรม 3.72 0.57 12 มาก 10. บุคลิกภาพของวิทยากร 3.77 0.56 9 มาก ด้านสถานที่ ระยะเวลา และความพึงพอใจ 11. สถานท่ีในการจัดกิจกรรมเหมาะสม 3.73 0.41 11 มาก 12. ระยะเวลาในการจดั กจิ กรรมเหมาะสม 3.76 0.49 10 มาก 13. ความพึงพอใจในภาพรวมของผรู้ ับบริการต่อการเข้าร่วมกจิ กรรม 4.60 0.63 3 มากท่ีสุด ค่าเฉลี่ย 4.49 0.50 มาก จากตารางท่ี 4 พบว่า โดยเฉล่ียแลว้ ผู้เขา้ รบั การอบรมในมาก (µ =4.49) เมื่อวเิ คราะห์เปน็ รายขอ้ พบวา่ เนื้อหาของ หลักสตู รตรงกับความต้องการของผู้รบั บริการ (µ = 4.85) เป็นอนั ดับท่ี 1 ,กิจกรรมท่ีจัดสอดคล้องกับวตั ถปุ ระสงค์ของ หลกั สตู ร (µ =4.62) เป็นอันดับที่ 2,ความพึงพอใจในภาพรวมของผรู้ บั บรกิ ารต่อการเข้ารว่ มกจิ กรรม(µ =4.60) เป็น อนั ดับที่ 3,การจดั กจิ กรรมทำให้ผูร้ ับบริการสามารถคิดเป็นทำเป็นแก้ปญั หาเป็น(µ =4.50) เปน็ อนั ดบั ท่ี 4 ,วทิ ยากรมี ความร้คู วามสามารถในการจดั กิจกรรม (µ =4.35) เป็นลำดบั ท่ี 5 ตามลำดับ
41 ตารางท่ี 5 ผลการประเมินผเู้ ขา้ ร่วมกิจกรรมโครงการเสรมิ สร้างความจงรักภักดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ เนื้อหาผเู้ ขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงการเสรมิ สรา้ งความ N = 20 σ อนั ดับที่ ระดับผลการประเมิน จงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา µ 1. การมีสว่ นรว่ มในกิจกรรมกลมุ่ 4.51 0.59 3 มากทสี่ ดุ 2. ความพึงพอใจในการเข้าร่วมโครงการ 4.63 0.52 2 มากทส่ี ดุ 3. การคดิ อยา่ งมีเหตุผล 4.86 0.55 1 มากท่ีสดุ 4. การเขา้ ใจ และรับฟงั ความคิดเห็นจากผ้อู ื่น 4.50 0.63 4 มากที่สุด 5.การรู้จัก และเข้าใจตนเอง 4.49 0.49 5 มาก ค่าเฉลย่ี 4.60 0.56 มากท่สี ุด รรรรรรรรจากตารางที่ 5 พบวา่ โดยเฉลย่ี แลว้ ผู้เข้าร่วมผู้เขา้ ร่วมกจิ กรรมโครงการเสริมสรา้ งความจงรกั ภกั ดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ ในภาพรวมอยูใ่ นระดบั มากที่สุด (µ =4.60) เม่อื วิเคราะหเ์ ปน็ รายพบว่า การคิดอยา่ งมี เหตผุ ล (µ =4.86) รองลงมาคอื ความพึงพอใจในการเขา้ รว่ มโครงการ (µ =4.63) การมีสว่ นร่วมในกจิ กรรมกลุ่ม (µ = 4.51) การเข้าใจและรับฟงั ความคิดเหน็ จากผอู้ ่ืน (µ = 4.50) การร้จู กั และเขา้ ใจตนเอง (µ = 4.49) ตามลำดับ
42 บทท่ี 5 สรุปผลการดำเนินการ อภปิ ราย และขอ้ เสนอแนะ ผลท่ปี รากฏ การจัดทำโครงการเสริมสรา้ งความจงรกั ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในวนั ที่ 3 กมุ ภาพันธ์ 2563 ณ กศน.ตำบลแสมสาร อ.สตั หีบ จ.ชลบุรี เป็นประชาชนตำบลแสมสาร จำนวน 20 คน ตลอดระยะเวลาท่รี ับการ อบรม โดยมีการซกั ถามพูดคุยตอบโต้ วิทยากรอย่างสนใจ ในด้านต่างๆ คือ ดา้ นหลักสูตร - มคี วามสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสตู ร ผ้เู รยี นมีความพงึ พอใจ - เนอื้ หาของหลักสูตรตรงกับความตอ้ งการของผ้เู ข้าอบรม ดา้ นวิทยากร - วิทยากรมคี วามรู้ความสามารถในการจัดกิจกรรมการเรียนรูไ้ ด้อย่างดี - เทคนิค/กระบวนการในการจดั กิจกรรมการเรียนรขู้ องวทิ ยากรเหมาะสม - วิทยากรมกี ารใช้สื่อทสี่ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั กจิ กรรม - บคุ ลกิ ภาพของวทิ ยากร ดีเหมาะสม ด้านสถานที่ ระยะเวลา และความพึงพอใจ - สถานที่ในการจัดกิจกรรมการเรยี นรมู้ คี วามเหมาะ - ระยะเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เหมาะ - ผู้เขา้ รบั การอบรมมีความพึงพอใจตอ่ การเขา้ ร่วมกิจกรรม สรุปผลการดำเนนิ งาน ผ้เู ขา้ รว่ มโครงการเสรมิ สร้างความจงรักภกั ดีตอ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ ของศูนย์การศกึ ษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศยั อำเภอสัตหีบ ตำบลแสมสาร มีผู้เข้าอบรมท้งั หมด 20 คน มคี วามพึงพอใจอยูใ่ นระดับมาก คดิ เป็นร้อยละ 4.49 อภิปรายผล จากกจิ กรรมโครงการเสรมิ สรา้ งความจงรกั ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ของศนู ย์การศกึ ษานอก ระบบและการศกึ ษาตามอธั ยาศัยอำเภอสตั หบี 1.เขา้ รว่ มโครงการมีความคิดเหน็ ตอ่ โครงการเสรมิ สรา้ งความจงรักภักดตี ่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ระดบั มากท่ีสุด 2.ท่ีร่วมโครงการมีความเปน็ ระเบยี บและพร้อมเพยี งกันในการรว่ มกิจกรรม 3.ผู้ทรี่ ่วมโครงการได้รับประสบการณต์ รงจากวทิ ยากร 4.ผู้เข้าร่วมโครงการสามารถนำความรู้ทไ่ี ด้ไปถ่ายทอดตอ่ ผู้อื่น 5.ผู้เข้ารว่ มโครงการมีความสุขและสนุกกบั การรว่ มกิจกรรม
43 ขอ้ เสนอแนะ ด้านแบบสำรวจและวดั ความพึงพอใจของผู้เข้ารบั การอบรม - ควรจะมีการจดั โครงการศึกษาดูงานในดา้ นอ่นื ๆ อย่างตอ่ เนื่อง
ภาคผนวก
โครงการเสริมสรา้ งความจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษตั ริย์ วันที่ 3 กุมภาพนั ธ์ 2563 ณ กศน.ตำบลแสมสาร ตำบลแสมสาร อำเภอสตั หีบ จงั หวดั ชลบรุ ี
คณะผู้จัดทำ ทีป่ รึกษา ผอ.กศน.อำเภอสตั หีบ นางสรุ ัสวดี เลยี้ งสพุ งศ์ คณะทำงาน หัวหน้า กศน. ตำบลแสมสาร ครู ศรช.ตำบลแสมสาร 1.นางสาวประวีณา ดาวมณี 2.นางสาวทัตพชิ า นนลอื ชา ผรู้ วบรวม เรียบเรยี ง และจดั พมิ พ์ หวั หน้า กศน. ตำบลแสมสาร ครู ศรช..ตำบลแสมสาร 1.นางสาวประวีณา ดาวมณี 2.นางสาวทตั พิชา นนลือชา
แบบประเมินผ้เู รยี น / โครงการเสริมสร้างความจงรกั ภักดตี อ่ ชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ ์ สว่ นที่ 1 คำชี้แจง ใส่เคร่อื งหมาย/ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั ขอ้ มลู ของท่านเพียงช่องเดียว เพศ ชาย หญงิ อายุ 14-39 ปี 40-59 ปี 60 ปีขน้ึ ไป อาชีพ รบั จ้าง คา้ ขาย เกษตรกรรม รับราชการ อน่ื ๆ ส่วนท่ี 2 ดา้ นความพงึ พอใจของผู้เรียน/ผูร้ ับบรกิ าร (ใส่เครื่องหมาย/ลงในช่องที่ตรงกับความคิดเห็นของท่านเพียงชอ่ ง เดยี ว ขอ้ ที่ รายการ ระดับการประเมิน มากทีส่ ุด มาก ปาน นอ้ ย น้อยทส่ี ดุ กลาง 1 กจิ กรรมท่สี อดคล้องกับวัตถปุ ระสงคข์ องหลักสูตร 2 เนือ้ หาของหลกั สูตรตรงกบั ความต้องการ 3 การจัดกจิ กรรมทำให้สามารถคิดเปน็ ทำเป็น แก้ปัญหาได้ 4 ผู้รบั บริการมีส่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เห็น 5 ผรู้ บั บริการสามารถนำความรูไ้ ปใช้ในชวี ิตประจำวันได้ 6 สอื่ /เอกสารประกอบการจดั กิจกรรมมคี วามเหมาะสม 7 วิทยากรมคี วามรู้ความสามารถในการจัดกิจกรรม 8 เทคนิค/กระบวนการในการจดั กิจกรรมของวิทยากร 9 วิทยากรมีการใชส้ ่ือสอดคลอ้ งและเหมาะสมกับกิจกรรม 10 บคุ ลิกภาพของวิทยากร 11 สถานทีใ่ นการจัดกิจกรรมเหมาะสม 12 ระยะเวลาในการจดั เหมาะสม 13 ความพึงพอใจในภาพรวมของผรู้ บั การอบรม
Search