หลกั การทำงานตามธรรมชาติ ของสมอง 12 ประการ Brain’s Natural Rules By Eric Jensen
Peg word technique หนง่ึ หลักการทำงานตามธรรมชาติ สอง ของสมอง 12 ประการ สาม ส่ี เอกลกั ษณ์ ห้า ดดู ดี ีมรี างวลั หก ถามแลว้ จะรู้ เจ็ด มจี ำกดั แปด ปรบั และเปลย่ี น เก้า ตกแรกหยาบ สิบ เนน้ ความหมาย สบิ เอ็ด ส่ิงแวดลอ้ ม สบิ สอง ราวกบั เห็น ตดิ ความจำ เดด็ รับรู้ มององคร์ วม Go ตารางขอ้ มลู Data Table
กฎขอ้ ที่ หน่ึง เอกลักษณ์ ความมีลักษณะเฉพาะ คอื กฎ (Uniqueness is the rule) ความหลากหลายของพันธกุ รรม และสภาพแวดล้อมมีผลต่อสมองทกุ วัน มีปจั จยั อื่นอกี มากมายท่ีทำใหเ้ กิดความ แตกตา่ ง เช่น เพศ ช่วงพัฒนาการเจริญเติบโต อาหาร ประสบการณ์ทางสังคม และ ความเครียด ครยู อมรับในความแตกตา่ งระหว่าง บุคคล เพราะสมองแต่ละคนมเี อกลักษณ์ เฉพาะมคี วามแตกต่างกัน
กฎข้อที่ สอง ดูดดี มี ีรางวัล การพง่ึ พารางวลั (Reward Dependency) สมองมีแนวโน้มตอบสนองตอ่ สารชวี เคมีที่เกิด ในรา่ งกายค่อนข้างสงู แสวงหาส่ิงท่เี ป็นบวก และเลี่ยงส่งิ ทีเ่ ปน็ ลบ สมองจะมงุ่ ทำบางอยา่ ง เพราะคาดหวังได้ว่าจะได้เสพความสุขเปน็ รางวัลเช่นเดียวกับคนท่ีติดยาเสพตดิ ครใู ช้การเสรมิ แรงทางบวก เพราะ สมองพ่งึ พารางวัล มคี วามสุขเมือ่ ไดร้ บั รางวลั และหลีกเลีย่ งสถานการณ์เชิงลบ
กฎขอ้ ที่ สาม ถามแลว้ จะรู้ ความสามารถในการรบั รู้ และโอกาส (Susceptibility and Opportunity) สมองรบั ขอ้ มลู ไดท้ งั้ ที่ดแี ละไม่ดี คนทย่ี ิ่งอายุ นอ้ ยจะเปราะบางกับเร่ืองของความ กระทบกระเทอื นใจ การเสพยา ความเครยี ด และปจั จยั ลบอนื่ ๆ ครเู ข้าใจพัฒนาการตามวัยของ นกั เรียน ชว่ งเวลาทีเ่ ปน็ โอกาสทองในการ เรยี นรู้เรอ่ื งตา่ งๆ สมองรบั ขอ้ มูลได้ทง้ั ทีด่ แี ละ ไม่ดีคนที่ยิง่ อายนุ ้อยจะเปราะบางกับเร่อื ง ของความกระทบกระเทอื นใจครูตอ้ งจัดการ เรยี นร้ใู ห้เหมาะสมกับวยั
กฎข้อที่ ส่ี มีจำกดั ข้อจำกดั ของความตัง้ ใจ และปัจจยั นำเขา้ (Attentional and Input Limitations) ในเวลา 1นาที 1 ชั่วโมง หรือ 1 วัน สมองรบั ขอ้ มูล ใหม่ไดจ้ ำกดั การรบั ขอ้ มลู มากเกินไปเปน็ ผลเสยี ต่อระบบการเรียนรู้และอารมณ์ความรสู้ ึก สมอง ตอ้ งการเวลาในการรับข้อมูลที่มคี วามซบั ซ้อนหรือ มีรายละเอยี ดเจาะลกึ ครรู ูจ้ ักการบรหิ ารจดั การความรทู้ งั้ ในเชิง ปรมิ าณ คุณภาพ และระยะเวลาท่ีเหมาะสม เพราะสมองมขี ้อจำกัดของความตง้ั ใจ และการ รับรู้ขอ้ มลู การรบั ขอ้ มลู มากเกนิ ไปไมเ่ ปน็ ผลดี ตอ่ สมองโดยเฉพาะขอ้ มลู ท่มี คี วามซับซ้อนสมอง ต้องการเวลาในการทำความเข้าใจ
กฎข้อที่ หา้ ปรับและเปล่ยี น สมองปรบั ตวั และเปลยี่ นแปลงอยา่ งตอ่ เน่ือง (Brain is adaptive and constantly changing) สมองเปลีย่ นแปลงได้ และ เปล่ียนแปลงอย่เู สมอ สมองจะตอบสนองและ เปลยี่ นแปลงตามสภาพแวดล้อม เราสามารถ ปรับเปล่ยี นสมองด้วยการทำกจิ กรรม การฝกึ ทักษะ การควบคมุ ตนเอง หรือการสรา้ งเซลล์ ประสาท ครูให้นักเรียนไดม้ ีส่วนร่วม ลองผิดลองถกู มีการเรยี นรูเ้ ชิงลกึ มกี ารสะทอ้ นกลบั และให้ เวลาปรบั ปรงุ แก้ไข เพราะสมองปรบั เปล่ยี นได้ ตลอดเวลา ครูสามารถปรบั เปล่ียนสมองดว้ ยการ ทำกิจกรรม การฝึกทักษะ ฯลฯ
กฎขอ้ ที่ หก ตกแรกหยาบ การรับรู้อย่างหยาบเบื้องต้น (Initial Rough Draft) สมองจะเกบ็ ข้อมลู ใหมอ่ ย่างครา่ ว ๆ ระยะหนึ่งก่อน แล้วจงึ ลมื หรอื บันทึกไว้หรอื แก้ไขขอ้ มลู เกบ็ เป็นขอ้ มูลความจำ ครเู ขา้ ใจวา่ การเรียนรสู้ ง่ิ ใหมน่ ักเรียน จะไมส่ ามารถรับรู้ได้อยา่ งละเอยี ดทั้งหมด ต้องให้เวลาในการเรียนรูท้ ีม่ ากพอ กอ่ นที่ สมองจะบนั ทกึ เป็นความทรงจำในระยะยาว
กฎข้อที่ เจด็ เน้นความหมาย สมองคน้ หา และสรา้ งความหมาย (The Brain seeks and creates meaning) สมองตอ้ งการรู้ความหมายและเห็น ความสำคัญก่อน แล้วจึงจะให้ความสนใจและ ตัง้ ใจมากข้นึ ครูมีการจงู ใจใหน้ ักเรียนสนใจและร่วม กจิ กรรมการเรียนรู้ เพราะสมองจะค้นหา ความหมายและเหน็ ความสำคญั ก่อนทีจ่ ะ เรียนรู้
กฎขอ้ ท่ี แปด ส่ิงแวดลอ้ ม ส่ิงแวดลอ้ มมีผลตอ่ สมอง (Environments affect brains) เมอ่ื อยู่ในสภาพแวดล้อมดา้ น สังคม วตั ถุ การศึกษา และวฒั นธรรม หนงึ่ นาน ๆ สมองมแี นวโน้มท่จี ะปรับให้เข้ากบั สภาพแวดลอ้ มมากข้ึน ครสู นใจสร้างสิ่งแวดล้อมทดี่ ีให้แก่ นักเรียน เพราะสิ่งแวดลอ้ มมีผลต่อสมอง
กฎขอ้ ท่ี เกา้ ราวกับเห็น การคาดการณ์ คอื ทกั ษะการเอาตวั รอดที่ แข็งแกร่งทสี่ ุดของเรา (Prediction is our strongest survival skill) เป็นเรอ่ื งสำคัญท่ี สมองต้องใชต้ ัดสินใจกระทำบางอย่างซึง่ ต้องให้ สำเร็จ หรือเปน็ ไปตามท่ีคาดไวเ้ พอื่ ความอยู่ รอด ครจู ดั การเรียนรทู้ ใ่ี กล้เคียงกับ ประสบการณ์ในชีวิตจริงเพ่ือใหน้ กั เรียน สามารถประยุกต์ใช้ความรู้แก้ปญั หาใน อนาคตได้
กฎขอ้ ที่ สบิ ตดิ ความจำ ความจำทเ่ี ปลีย่ นแปลงได้ (Malleable Memories) ความจำ เปน็ ผลของการเรียนรู้ และเป็นพื้นฐานในการคาดการณ์ แต่บางคร้ัง ไมม่ ีการถอดรหัส บางคร้ังถอดรหสั ไมด่ พี อ มี การเปลย่ี นแปลงของรหสั หรือรหสั เสีย ความจำจงึ ไมใ่ ชส่ ่งิ ทแี่ น่นอน แตจ่ ะเปลยี่ นได้ โดยอุบัตเิ หตุหรือโดยตัง้ ใจ สมองสามารถ เรยี นรูแ้ ละบนั ทกึ ข้อมูลได้หลายร้อยทาง ครจู ัดการเรียนร้ทู ่หี ลากหลายเพื่อให้ สมองของนักเรยี นได้ถอดรหัสการเรียนรูไ้ ด้ หลากหลายชอ่ งทางตามสไตล์การเรียนรขู้ อง ตนเอง
กฎขอ้ ที่ สิบเอ็ด เด็ดรบั รู้ การรบั รู้ (ไมใ่ ช่ความจริง) กลายเป็น ประสบการณ์ของเรา (Perception, not reality, becomes our experiences) ประสบการณ์เดมิ มีอิทธิพลตอ่ การรบั รูข้ อง สมอง ทำใหก้ ารรบั รู้คลาดเคลอื่ นไปจากความ เปน็ จรงิ ครรู ู้วา่ ประสบการณเ์ ดิมมีผลต่อการ เรยี นรู้ของนักเรยี น แต่ละคนมีประสบการณ์ ที่แตกตา่ งกนั การไดแ้ บ่งปนั ความรู้ ประสบการณซ์ ่งึ กันและกัน จะนำไปสคู่ วามรู้ และความเขา้ ใจกันตามบริบทของแต่ละคน
กฎขอ้ ท่ี สบิ สอง มององค์รวม การบูรณาการของสภาวะจติ ใจ ร่างกาย และ อารมณ์ (Integrated mind, body, emotional states) ความเครียด อารมณ์ ทา่ ทาง ความเช่อื การเคล่อื นไหว และปัญญา มผี ลตอ่ การเรียนรู้ทกุ รูปแบบ ครูมกี ารปรับสภาวะทางร่างกาย อารมณ์ จติ ใจเพอ่ื ใหน้ ักเรยี นอยใู่ นสภาวะ พรอ้ มเรยี น
งาน TBM E-Book 01/65 หลกั การทำงานตามธรรมชาตขิ องสมอง 12 ประการ เรียบเรียงข้อมลู โดย อาจารย์ศุกลรัตน์ เลรามัญ
Search
Read the Text Version
- 1 - 15
Pages: