Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปกและบันทึกข้อความส่งบทคัดย่อ_คณะทำงาน แนะแนว

ปกและบันทึกข้อความส่งบทคัดย่อ_คณะทำงาน แนะแนว

Published by akch_me, 2022-03-28 05:23:17

Description: ปกและบันทึกข้อความส่งบทคัดย่อ_คณะทำงาน แนะแนว

Search

Read the Text Version

3 บทคัดย่องานวิจัยในช้ันเรียน ปีการศึกษา 2564 งานแนะแนว โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ สำนักงานเขตพื้นท่ีการศึกษามัธยมศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน

บนั ทกึ ข้อความ สว่ นราชการ กล่มุ งานแนะแนว ท่ี ........................................ วนั ที่ 25 มนี าคม 2565 เร่อื ง ขอนำสง่ บทคดั ย่องานวิจยั ในช้นั เรยี น ปกี ารศึกษา 2564 เรียน ผู้อำนวยการโรงเรยี นเศรษฐบุตรบำเพญ็ ตามที่โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ มีนโยบายให้ครูและบุคลากรทางการศึกษา ดำเนินการวิจัยใน ช้นั เรยี น เพื่อสร้างและพัฒนานวตั กรรม และนำมาใช้เพอ่ื แกไ้ ขปัญหา หรือพฒั นาการเรียนการสอนในรายวิชา ที่รับผิดชอบ โดยให้ดำเนินการจัดทำเค้าโครงงานวิจัย ในภาคเรียนที่ 1 ดำเนินการวิจัย ส่งบทคัดย่อ และ รายงานการวจิ ยั ในภาคเรยี นที่ 2 บัดนี้ ครูและบุคลากรทางการศึกษากลุ่มงานแนะแนว ได้ดำเนินงานวิจัยในชั้นเรียนเสร็จเรียบร้อย แลว้ จึงขอนำส่งบทคัดยอ่ งานวจิ ัยในชัน้ เรยี น ในปีการศกึ ษา 2564 ดังนี้ (รายละเอียดตามเอกสารท่แี นบ) 1. ครูและบุคลากรในกล่มุ สาระการเรยี นรู/้ งาน จำนวน 4 คน 2. บทคดั ย่องานวจิ ยั ทน่ี ำส่ง จำนวน 4 ฉบบั คดิ เป็น ร้อยละ 100 3. ผ้ทู ี่ไมส่ ง่ บทคัดย่องานวิจัยในชัน้ เรยี น จำนวน 0 คน คดิ เป็น ร้อยละ 0 จึงเรยี นมาเพอ่ื โปรดทราบ ลงช่ือ………………………….............. (นางสาวจิตรลดา บูรณะไชย) หวั หนา้ งานวจิ ัยงานแนะแนว เหน็ ชอบ เห็นควรแก้ไข เห็นชอบ เห็นควรแก้ไข ลงชือ่ .....................................หัวหน้ากลุ่มสาระ/งาน ลงชอื่ ...................................หวั หน้างานวิจยั ฯ (นางสาวชนินพร สุวรรณสงิ ห์) (นางสาววรี ินท์ แดนราช) วนั ท่ี ………………………………. วันที่ ………………………………. เห็นชอบ เห็นควรแก้ไข เห็นชอบ เห็นควรแกไ้ ข ลงชอื่ ........................................................... ลงช่อื ........................................................... (นางสาวสรณิ ยา ขนั ทโรจน์) (นางเตอื นใจ ปิน่ นิกร) รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ผู้อำนวยการโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ วันที่ ………………………………. วันที่ ……………………………….

รายชือ่ งานวิจัยในชนั้ เรยี น ปกี ารศกึ ษา 2564 งานแนะแนว ลำดับท่ี ชอื่ -สกุล ผวู้ จิ ัย/ตำแหนง่ ชื่องานวิจัย 1 นางสาวชนินพร สุวรรณสงิ ห์ การศึกษาผลของโปรแกรมกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาการ ตำแหนง่ ครู ความภาคภูมิใจในตนเองของนกั เรียนชัน้ มัธยมศึกษาปที ี่ 6 โรง เรยี นเศรษฐบตุ รบำเพญ็ กรุงเทพมหานคร 2 นางคนวิ ลั ย์ ธรี ะวงศป์ ระเวศ ผลการจัดกจิ กรรมแนะแนว Self-understanding เพือ่ ส่งเสริม ตำแหน่ง ครู ทักษะด้านการรู้จักและเข้าใจตนเอง ตามแนวทางการเรียนรู้ วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพเิ ศษ โดยใช้ทฤษฎีหน้าต่าง 4 บาน (The Johari Window) ของ นักเรียนช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพญ็ 3 นางสมาพร ทองเหมย การวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคลในกิจกรรมแนะแนว ก22905 ตำแหนง่ ครู ของนักเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/12 ปีการศึกษา วทิ ยฐานะ ครูชำนาญการพเิ ศษ 2564 ผลของการใช้กิจกรรมแนะแนวตามขั้นตอนการคิดวิเคราะห์ 4 นางสาวจิตรลดา บรู ณะไชย เพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันส่ือสังคมออนไลน์ของนักเรียนช้ัน ตำแหนง่ ครู มัธยมศกึ ษาปีท่ี 4 โรงเรยี นเศรษฐบตุ รบำเพญ็ ลงชือ่ ………………………….............. (นางสาวจติ รลดา บูรณะไชย) หวั หน้างานวจิ ัยงานแนะแนว วันที่ 25 มนี าคม 2565 ลงช่ือ ...................................................... (นางสาวชนินพร สุวรรณสงิ ห์) หวั หนา้ งานแนะแนว วนั ท่ี 25 มนี าคม 2565

ชื่องานวิจัย การศกึ ษาผลของโปรแกรมกจิ กรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาการความภาคภูมใิ จในตนเอง ของนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเศรษฐบตุ รบำเพ็ญ กรงุ เทพมหานคร ชื่อผู้วิจยั นางสาวชนนิ พร สวุ รรณสงิ ห์ ตำแหนง่ ครู กลุม่ สาระการเรียนรู้ งานแนะแนว ปที ที่ ำการวิจัย 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบความภาคภูมิใจในตนเองของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา ที่ 6 เศรษฐบตุ รบำเพ็ญ ก่อนและหลงั การใช้โปรแกรมกิจกรรมแนะแนว การวิจัยดำเนินการโดยใช้รูปแบบ One Group Pretest Posttest Design กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/12 โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 45 คน ที่ ได้มาจากการสุม่ แบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เนื่องจากเปน็ ห้องเรียนที่ผู้วิจัยจัดการเรยี นการสอน กิจกรรมแนะแนว และนักเรียนมีคะแนนความภาคภูมิใจในตนเองอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นนักเรียนที่ได้คะแนน ความภาคภูมิใจในตนเองตำ่ กว่าเกณฑ์ (นอ้ ยกวา่ 6.00 คะแนน) เครือ่ งมอื ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัย ได้แก่ แบบสอบถาม ความภาคภูมิใจในตนเอง และโปรแกรมกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาความภาคภูมิใจในตนเองของนักเรียน มัธยมศึกษาปีที่ 6 เก็บรวบรวมข้อมูลโดย ใช้แบบสอบถาม (Questionnaire Method) สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย คา่ เบ่ียงเบนมาตรฐาน และ T-test Dependent ผลการวิจัย พบว่า หลังการทดลองใช้โปรแกรมกิจกรรมแนะแนวเพื่อพัฒนาความภาคภูมิใจในตนเองนักเรียนช้ัน มัธยมศกึ ษาปีท่ี 6 มีความภาคภมู ิใจในตนเองสูงขน้ึ อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ิทร่ี ะดบั .01

ชอ่ื งานวจิ ัย ผลการจดั กจิ กรรมแนะแนว Self-understanding เพอื่ ส่งเสริมทักษะดา้ นการรจู้ ัก และเข้าใจตนเอง ตามแนวทางการเรยี นรูโ้ ดยใชท้ ฤษฎีหนา้ ตา่ ง 4 บาน (The Johari Window) ของนักเรยี นชัน้ มธั ยมศึกษาปที ่ี 5 โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ช่ือผู้วจิ ัย นางคนิวัลย์ ธรี ะวงศป์ ระเวศ ตำแหนง่ ครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพเิ ศษ กล่มุ สาระการเรยี นรู้ งานแนะแนว ปที ท่ี ำการวิจัย 2564 บทคดั ยอ่ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อศึกษาและเปรียบเทียบทักษะด้านการรู้จักและเข้าใจตนเอง ของ นักเรียนก่อน - หลังการจัดกิจกรรมแนะแนว Self-understanding ตามแนวทางการเรียนรู้โดยใช้ทฤษฎี หน้าต่าง 4 บาน (The Johari Window) การวิจัยดำเนินการโดยใช้รูปแบบ One Group Pretest Posttest Design กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/5 โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 41 คน ท่ี ได้มาจากการสุ่มแบบแบบเจาะจง ( Purposive sampling ) เน่อื งจากเป็นห้องเรยี นท่ีผูว้ ิจัยจัดการเรียนการ สอนกิจกรรมแนะแนว เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวัดทักษะด้านการรู้จักและเข้าใจตนเอง (Self- understanding) เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบทดสอบ (Test Method) สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่า เบ่ียงเบนมาตรฐาน และ T-test Dependent ผลการวจิ ยั พบว่า ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นหลังจากการจัดกิจกรรมแนะแนว Self-understanding ตามแนวทาง ทฤษฎีหน้าต่าง 4 บาน (The Johari Window) เพื่อส่งเสริมการรู้จักและเข้าใจตนเอง พบว่า ตอนแรก นักเรียนคิดวา่ จะเปน็ เร่ืองที่ยากสำหรับตนเอง คิดไว้วา่ มันคงนา่ เบื่อที่จะต้องเรยี น แต่พอได้เรียนจงึ ทำให้รูส้ ึก ว่าเป็นวิธีการสอนที่สนุกได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ จากผู้สอนผ่านกิจกรรมที่หลากหลาย ได้รับความรู้มาก ได้ เรียนรู้เกี่ยวกับตนเองและเพื่อนเพิ่มมากขึ้น รู้สึกผ่อนคลายเมื่อเรียน มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ทำให้ไม่ง่วงนอน และการสอนของครูที่ใช้สื่อประกอบช่วยให้เข้าใจเนื้อหาของเรื่องที่เรียนง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยให้รู้สึกว่าตัวเอง ได้รับการพัฒนาในด้านการทำงาน ทำให้ตนเองมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น และยังได้สมุดที่สามารถเก็บ ความร้ทู ีน่ ่าสนใจ สามารถเอาไปใหเ้ พือ่ นหรือรุ่นนอ้ งดเู ปน็ ตวั อย่างได้ เกิดความภาคภมู ิใจในตนเองมากยง่ิ ขนึ้

ชือ่ งานวิจัย การวเิ คราะห์ผู้เรียนรายบุคคลในกิจกรรมแนะแนว ก22905 ของนักเรยี น ระดับชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 2/12 ปกี ารศกึ ษา 2564 ช่ือผู้วิจยั นางสมาพร ทองเหมย ตำแหน่ง ครู วทิ ยฐานะ ครชู ำนาญการพเิ ศษ กลมุ่ สาระการเรียนรู้ งานแนะแนว ปที ที่ ำการวจิ ัย 2564 บทคัดย่อ การวิจยั ครง้ั นม้ี วี ัตถปุ ระสงค์ 1) เพือ่ วิเคราะหข์ ้อมลู พ้ืนฐานดา้ นต่างๆ ของนกั เรียนชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 2/12 2) เพือ่ ศึกษาจุดเดน่ และจุดดอ้ ย ท่คี วรไดร้ บั การพัฒนาและปรบั ปรุงนักเรียนแต่ละคนในช้ันมัยมศึกษา ปีที่ 2/12 3) เพื่อศึกษาแนวทางการออกแบบการจัดการเรียนการสอนของครูให้สามารถพฒั นาคุณภาพของ แต่ละคนและทุกคนในชน้ั มธั ยมศึกษาปที ่ี 2/12 แบบแผนการวิจัยเป็น แบบความตรงภายใน Internal validity กลุ่มตัวอย่างได้แก่ นักเรียนช้ัน มัธยมศึกษาปีที่ 2/12 โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2564 จำนวน 43 คน เป็นกลุ่มเป้าหมาย การวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน (Classroom Action Research) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ แบบวิเคราะห์ผู้เรียนรายบุคคล แบบสัมภาษณ์ การเก็บรวบรวมข้อมูล โดย ศึกษาเอกสารจากผลการเรียน ปีการศึกษา 2563 สำรวจข้อมูลรายบุคคล ระเบียนสะสม สังเกตพฤติกรรม น ั ก เ ร ี ย น ก า ร ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ ข ้ อ ม ู ล ใ ช้ SWOTanalysis, ค ่ า ร อ ้ ย ล ะ , PMIA (Plus, Minus, Interesting point,Approach) ผลการวจิ ยั พบวา่ 1. การวิเคราะห์ข้อมูลด้านภูมิหลังครอบครัว สถานภาพบิดา-มารดา ส่วนใหญ่ อยู่ด้วยกัน ร้อยละ 69.76 ที่พักของนักเรียน ส่วนใหญ่ หอพัก/บ้านเช่า ร้อยละ 83.72 อาชีพผู้ปกครอง ส่วนใหญ่รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 88.37 มีความจำเป็นที่ต้องการขอทุนการศึกษา ร้อยละ 44.18 วิธีเดินทาง มาโรงเรียน ส่วนใหญ่ รถเมล์/รถประจาทาง ร้อยละ 88.37 เงินที่ได้รับจากผู้ปกครองในแต่ละวัน ส่วน ใหญ่ 50-100 บาท ร้อยละ 86.04 2. การวิเคราะห์ข้อมูลด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ผลการเรียนเฉลี่ย (GPA) อันดับที่ 1 2.51–3.00 รอ้ ยละ 30.23 (13) อันดับท่ี 2 2.01–2.50 และ 3.01-3.50 รอ้ ยละ 18.60 (8) อันดบั ท่ี 4 1.51-2.00 ร้อยละ 16.27 (7) อันดบั ท่ี 5 3.51-4.00 รอ้ ยละ 11.62 (5) และอนั ดับ 6 1.01-1.50 ร้อยละ 6.97 (3) 3. การวิเคราะห์ขอ้ มลู ดา้ นพฒั นาการด้านต่างๆ น้ำหนกั ของนกั เรยี นอันดับที่ 1 ตามเกณฑ์ มาตรฐาน ร้อยละ 93.02 (40) อันดับที่ 2 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ร้อยละ6.97 (3) ส่วนสูง ของนักเรียนอันดับที่ 1 ตาม เกณฑม์ าตรฐาน ร้อยละ 88.37 (38) อนั ดับที่ 2 ตำ่ กวา่ เกณฑม์ าตรฐาน รอ้ ยละ 11.62 (5) สายตา อนั ดับที่ 1 ปกติ ร้อยละ 88.37 (38) อันดับที่ 2 สายตาส้นั รอ้ ยละ 11.62 (5) สขุ ภาพ/โรคประจำตวั อันดบั ที่ 1 แขง็ แรง/ ปกติ ร้อยละ76.74 (33) อนั ดับท่ี 2 ภมู แิ พ้ ร้อยละ 11.62 (5) อนั ดบั ท่ี 3 หอบหดื ร้อยละ 6.97(3) อันดบั ที่ 4

โรคอืน่ ๆ ร้อยละ 4.65 (2) บคุ ลกิ ภาพทางกาย/จิตใจ อนั ดบั ท่ี 1 แจ่มใส ร่าเรงิ รอ้ ยละ 86.04 (37) อนั ดับท่ี 2 ซุกซน/ไมอ่ ยนู่ ่งิ /สมาธสิ ัน้ ร้อยละ 13.95 (6) 4. การวิเคราะห์ข้อมูลด้านความสนใจและความสามารถพิเศษ วิชาท่ีชอบที่สุด อันดับที่ 1 ภาษาอังกฤษ และคอมพิวเตอร์ ร้อยละ 67.44 (29) อันดับที่ 2 คณิตศาสตร์ ร้อยละ 18.60 (8) อันดับที่ 3 วิทยาศาสตร์ ร้อยละ 13.95 (6) ความสามารถพิเศษอันดับที่ 1 ด้านกีฬา ร้อยละ 62.79 (27) อันดับที่ 2 อ่ืน ๆ ร้อยละ 20.93 (9) อันดับที่ 3 ด้านดนตรี และ ด้านศิลปะ ร้อยละ16.27 (7) อาชีพที่ใฝ่ฝัน อันดับที่ 1 อาชีพอิสระ ร้อยละ 65.11 (28) อันดับที่ 2 รับราชการ ร้อยละ 18.60 (8)อันดับที่ 3 อื่นๆ ร้อยละ 11.62 (5) อันดบั ที่ 4 พนกั งานบรษิ ทั ร้อยละ 4.65 (2) การศกึ ษา อนั ดับท่ี 1 ศึกษาตอ่ รอ้ ยละ 100 (39) 5. การวิเคราะห์ผู้เรียนตามแบบ SWOT Analysis ด้านจุดแข็ง ครูมีเป้าหมายในการจัดการเรียน การสอนเพื่อพัฒนาคุณภาพผู้เรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้ตามเกณฑ์ ที่โรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษา กำหนด เป็นเกณฑ์มาตรฐาน ครูมีกระบวนการในการจัดการเรียนรู้ที่เน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญและมีระบบในการจัดเก็บข้อมูล เอกสารหลักฐานเพื่อแสดงคุณภาพผู้เรียน และครูสามารถ ปฏบิ ัติงานตามมาตรฐานของโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพญ็ ไดแ้ ก่ มาตรฐาน การจัดการเรยี นการสอน มาตรฐาน การปฏิบัตงิ านระบบดูแลชว่ ยเหลอื นกั เรียน และมาตรฐานความ เป็นครู ดา้ นโอกาส โรงเรียนมีวสิ ัยทศั น์และมี เป้าหมายในการพฒั นาคุณภาพผู้เรยี น เพอ่ื ความสำเรจ็ ของผเู้ รียน จงึ มีการสนับสนนุ ในทกุ ดา้ น โรงเรยี นได้รับ การสนับสนนุ งบประมาณจากรฐั บาล โดยเฉพาะโครงการสนบั สนนุ ค่าใช้จา่ ยในการจัดการศึกษาตง้ั แต่อนุบาล จนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เรียนฟรี 15 ปี ) โรงเรียนได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ คณะกรรมการ สถานศึกษา สมาคมผู้ปกครองนักเรียน ผู้ปกครองเครือข่าย และไลน์กลุ่มนักเรียน และไลน์ กลุ่มผู้ปกครอง ด้านอุปสรรค จำนวนนักเรียนต่อห้องมีจำนวนมาก เป็นอุปสรรคต่อการจัดการเรียนการสอน นกั เรยี นมคี วามสนใจในการเรยี นภาษาอังกฤษ เพ่ือการศึกษาต่อสูง แต่มคี วามรูพ้ ้ืนฐานทาง วิทยาศาสตร์ และ คณิตศาสตร์อยู่ในระดับต่ำ นักเรียนบางคนยังไม่รู้เป้าหมายของตัวเอง ด้านจุดอ่อน มีนักเรียนที่ยังมีผลการ เรียนไม่ผ่านร้อยละ 23.25 ผลการจัดกลุ่มคุณภาพอยู่ในระดับปานกลาง ร้อยละ 48.83 และ ระดับปรับปรุง ร้อยละ 16.27 นักเรยี นมคี วามรู้ ทักษะการคำนวณค่อนขา้ งต่ำ

ช่อื งานวิจัย ผลของการใช้กจิ กรรมแนะแนวตามขน้ั ตอนการคิดวิเคราะห์เพือ่ ส่งเสริมการรูเ้ ทา่ ทัน สอื่ สงั คมออนไลน์ของนักเรียนชัน้ มธั ยมศึกษาปที ี่ 4 โรงเรยี นเศรษฐบุตรบำเพ็ญ กรุงเทพมหานคร ชื่อผู้วจิ ัย นางสาวจิตรลดา บรู ณะไชย ตำแหน่ง ครู กลมุ่ สาระการเรียนรู้ งานแนะแนว ปที ที่ ำการวจิ ัย 2564 บทคัดย่อ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อ 1) ศึกษาผลของการใช้กิจกรรมแนะแนวตามขั้นตอนการคิด วิเคราะห์ เพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อสังคมออนไลน์ของนักเรียนก่อนและหลังการเข้าร่วมกิจกรรม 2) ศึกษาผลของการใช้กิจกรรมแนะแนวตามขั้นตอนการคิดวิเคราะห์เพื่อส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อสังคม ออนไลน์ของนักเรยี นกลุ่มทดลองและกล่มุ ควบคุม การวิจยั ดำเนินการโดยใช้รูปแบบการทดลองที่มีกลุ่มการทดลองและกลุ่มควบคุม ซ่ึงมีการวัดตัวแปร ตามก่อนและหลังการทดลอง (Control Group Pretest and Posttest Design) กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/4 และ 4/5 โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร จำนวน 90 คน ซึ่งได้มาจากวิธีการสุ่มแบบกลุ่มจาก 12 ห้องเรียน โดยแบ่งเป็นกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม กลุ่มละ 45 คน เคร่ืองมอื ที่ใช้ในการวิจยั ไดแ้ ก่ ศึกษาผลของการใช้กจิ กรรมแนะแนวตามขั้นตอนการคดิ วิเคราะห์เพ่ือ ส่งเสริมการรู้เท่าทันสื่อสังคมออนไลน์ เก็บรวบรวมข้อมูลโดยใช้แบบวัดการรู้เท่าทันสื่อสังคมออนไลน์ของ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ค่าเบ่ียงเบนมาตรฐาน T-test Dependent และT- test Independent ผลการวจิ ยั พบว่า 1. นักเรียนกลุ่มทดลองที่เข้าร่วมโปรแกรมฯ มีคะแนนจากแบบวัดการรู้เท่าทันสื่อสังคม ออนไลน์ในระยะหลังการทดลองสงู กวา่ ระยะก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคญั ทางสถิติทร่ี ะดับ .05 2. ในระยะหลงั การทดลองนกั เรยี นกล่มุ ทดลอง มคี ะแนนจากแบบวดั การรูเ้ ทา่ ทนั สื่อสังคม ออนไลนส์ งู กว่านักเรยี นกลมุ่ ควบคุมอยา่ งมีนยั สำคัญทางสถติ ิทรี่ ะดับ .05


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook