หนว่ ยท่ี 1 : การจดั องคก์ ร (Organizing)
1. องค์กร 2. การจดั องค์กร 3. โครงสร้างองค์กร
องค์กร หรือ องค์การ (organization) หมายถึง บุคคลกลุ่ม หน่ึงท่ีมารวมตัวกัน โดยมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอย่างหน่ึงหรือ หลายอยา่ งรว่ มกนั และดาเนินกจิ กรรมบางอย่างรว่ มกันอย่างมีข้ันตอน เพ่อื ใหบ้ รรลวุ ัตถุประสงคน์ นั้ คาว่า \"องค์การ\" เดิมเป็นศัพท์บัญญัติมาจากคาภาษาอังกฤษ organization ในขณะท่ี คาว่า \"องคก์ ร\" เปน็ ศพั ทบ์ ัญญัตมิ าจากคาว่า organ โดยที่องค์กรหมายถึงหน่วยย่อยขององค์การ แต่ในปัจจุบันใช้ ในความหมายเดียวกนั http://th.wikipedia.org/wiki
กลุ่มคนร่วมกันดาเนินการอย่างใดอย่างหน่ึงโดยมี เปา้ หมายและวตั ถปุ ระสงค์ร่วมกนั (ดร.สพุ ร ศรีพหล) A group of people who jointly work to achieve at least one common goal. (Shafritz, Russel & Borick 2009) โดยสรุป องค์กร หมายถึง หน่วยสังคมที่เกิดจากการรวมตัวของกลุ่มบุคคล โดยมีเปา้ หมายหรือวัตถุประสงค์เดียวกนั มีการจัดการอย่างเป็นระบบ ร่วมกนั ทา กจิ กรรมต่าง ๆ เพือ่ ใหบ้ รรลุตามเปา้ หมายหรอื วตั ถุประสงค์ที่วางไว้
1. องค์การเป็นโครางสร้างของความสัมพันธ์ (Organization as a Structure of Relationship) 2. องคก์ ารเปน็ กลมุ่ ของบุคคล (Organization as a Group of People) 3. องคก์ ารเปน็ สว่ นหนง่ึ ของการจดั การ (Organization as a Function of Management) 4. องคก์ ารเปน็ กระบวนการ (Organization as a Process) 5. องคก์ ารเปน็ ระบบอยา่ งหนง่ึ (Organization as a System)
- การติดต่อส่ือสาร - การร่วมมือร่วมใจ การจดั การ กลุ่มของบุคคล - การมีเป้าหมายร่วมกนั - การมีกฏระเบียบ - แบ่งงานกนั ทาตาม โครงสร้างของ ความสามารถ - กาหนดอานาจหนา้ ท่ี, Org. ความสมั พนั ธ์ ความรับผดิ ชอบ ระบบ กระบวนการ สภาพแวดลอ้ ม - มีการดาเนินงานอยา่ งมีความต่อเนื่อง, Input --> Process --> Output รวดเร็ว,ถูกตอ้ ง,ประหยดั - แรงงาน - เทคนิค - ผลิตภณั ฑ์ - ทุน - วธิ ีการ - การบริการ * กาหนดเป้าหมาย - ขอ้ มูล * การแบ่งงาน - เครื่องมือ Feedback (หลีกเล่ียงความซ้าซอ้ น) 8
1. กลุ่มบุคคล 2. มีเป้าหมายร่วมกนั 3. มกี ารกาหนดหนา้ ที่ 4. มคี วามสัมพนั ธ์ระหว่างกนั
จาแนกตามการรับรองทางกฎหมาย 1. องคก์ รอยา่ งเป็นทางการ เช่น มหาวิทยาลัย ฯ 2. องคก์ รไม่เปน็ ทางการ เชน่ คณะผา้ ปา่ ฯ จาแนกตามเปา้ หมาย 1. องค์กรแบบหวงั ผลกาไร เช่น ธนาคาร ฯ 2. องค์กรแบบไม่หวงั ผลกาไร เชน่ มูลนิธิ ฯ จาแนกตามลกั ษณะความเปน็ เจา้ ของ 1. องคก์ รรัฐกิจ 2. องคก์ รธรุ กจิ ทเี่ อกชนเป็นเจา้ ของ
การจดั องค์กร หมายถงึ การจัดความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับ งานเข้าดว้ ยกนั เป็นหน่วยงาน เพื่อร่วมกันทางานให้บรรลุเป้าหมาย (Edwin B. Flippo) การจัดองค์กร หมายถึง การตัดสินใจเลือกวิธีการในการจัดแบ่งกลุ่ม กิจกรรมและทรัพยากรต่าง ๆ ขององค์การออกเป็นหมวดหมู่อย่างเป็น ระเบียบ เพื่อให้การประสานงานระหว่างกลุ่มกิจกรรมและกลุ่มบุคคลต่าง ๆ เปน็ ไปอย่างมีประสิทธภิ าพและประสิทธิผล
1. เพอื่ แสดงให้เห็นถงึ กระแสการไหลของงาน 2. ชว่ ยใหผ้ ูป้ ฏิบตั ิงานทราบถงึ ขอบเขตของงาน 3. เปน็ กรอบท่ีเชื่อมโยง การทมุ่ เทความพยายาม ท่จี ะปฏบิ ัตติ ามขนั้ ตอนการวางแผน และการควบคุมไปสผู่ ลสาเรจ็ 4. จดั วางช่องทางเพอ่ื การติดตอ่ ส่อื สาร และการตดั สนิ ใจ 5. ปอ้ งกันการทางานท่ซี า้ ซ้อน และขจัดข้อขดั แย้งในหนา้ ทก่ี ารงาน 6. ชว่ ยใหม้ องภาพความสัมพนั ธ์ระหว่างงาน ผปู้ ฏิบตั งิ าน และเปา้ หมายขององค์การ
หลกั OSCAR ของ Henry Fayol หลกั การจัดองคก์ ารโดยทว่ั ไป Objective การกาหนดวตั ถปุ ระสงค์ 1. นโยบายทชี่ ดั เจน Specialization ความชานาญงาน 2. มีการแบ่งงาน เฉพาะด้าน 3. กาหนดลกั ษณะของงานใหช้ ดั Co-ordinating การประสานงาน 4. มีสายการบงั คับบญั ชา Authority อานาจหนา้ ที่ 5. มเี อกภาพในการบงั คับบญั ชา Responsibility ความรับผิดชอบ หรอื มผี ู้บังคบั บญั ชาเพยี งคน 6. ชว่ งของการควบคุม 7. การประสานงาน 8. การยดื หยนุ่ 9. ความต่อเนอื่ ง
โครงสร้าง/แผนภูมิองค์กร (Organization Structure and Organization Chart) หมายถึง รูปแบบความสัมพนั ธ์ระหว่างบคุ ลากรกับตาแหน่ง ต่าง ๆ ในองค์การท่ีแสดงให้เห็นถึงระบบการติดต่อสื่อสาร และอานาจบังคับบัญชาที่เช่ือมต่อคน และกลุ่มคนเข้า ด้วยกัน เพ่อื ทางานรว่ มกนั จนบรรลุเปา้ หมายขององค์การ
ทาให้พนกั งานในองค์การทราบวา่ ตนอยู่ ณ ตาแหนง่ ใด ทาหน้าที่ อะไร ทาใหท้ ราบว่าสายการบังคบั บญั ชา และการติดตอ่ สื่อสารว่าใครเป็นผู้ สั่งการ
1. วตั ถุประสงค์ (Objective) 2. ภาระหนา้ ที่ (Function) 3. การแบง่ งานกนั ทา (Division of Work) 4. การบงั คบั บญั ชา (Hierarchy) 5. ชว่ งของการควบคมุ (Span of Control) 6. เอกภาพการบงั คบั บญั ชา (Unity of Command)
การแบ่งงานในองค์กรออกเป็ นส่วน รวมกลุ่มงานทมี่ ีลกั ษณะคล้ายคลงึ หรือใกล้เคยี งกนั เข้าด้วยกนั เป็ นส่วนงาน กาหนดอานาจหน้าท่ีให้เพยี งพอต่อการปฏบิ ัติหน้าท่ี พจิ ารณาขอบเขตของอานาจหน้าทใ่ี นการกากบั ดูแลส่วนงาน หากองค์กรมีขนาดใหญ่อาจมกี ารพจิ ารณาต้งั หน่วยงานสนับสนุนหรือ หน่วยงานที่ปรึกษาขึน้
หลกั การแบ่งงานกนั ทา ความเชื่อความเชี่ยวชาญ เฉพาะด้าน รอบด้าน โครงสร้างของหน่วยงานภายใน พืน้ ฐานการปฏิบตั งิ าน เหมือนกนั แตกต่างกนั ช่วงการควบคุม จานวน แคบ กว้าง การมอบหมายอานาจหน้าท่ี รวมอานาจ การมอบหมาย กระจายอานาจ
แบ่งงานตามความเช่ียวชาญของแต่ละคน แบ่งตามความชานาญเฉพาะด้านตามแนวนอน แบ่งตามความชานาญเฉพาะด้านตามแนวต้งั ขององค์กร
การแบ่งตามหนา้ ที่ (Functional Classification) การแบ่งตามผลผลิต (Product Classification) การแบ่งตามพ้ืนท่ี (Territorial Classification) การแบ่งตามกลุ่มลูกคา้ (Customer Classification) การแบ่งแบบแมทริกซ์ (Matrix Structure)
ประธาน ผอู้ านวยการ ผอู้ านวยการฝ่าย ผอู้ านวยการ ผอู้ านวยการ ฝ่ายบญั ชี ทรัพยากรบุคคล ฝ่ ายผลิต ฝ่ ายตลาด สินเชื่อ สรรหา บารุงรักษา ขาย การเงิน พฒั นา บญั ชี แรงงาน ผลิต โฆษณา สมั พนั ธ์ ควบคุม ประชา คุณภาพ สมั พนั ธ์
ประธาน รองประธานฝ่ าย รองประธานฝ่ าย ฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ ฝ่ ายผลติ ตลาด วจิ ยั พฒั นา ฝ่ ายผลติ ตลาด วจิ ยั พฒั นา
ประธาน ผ้อู านวยการ ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ ผ้อู านวยการ ภาคใต้ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอสี าน ผลติ ตลาด ผลติ ตลาด ผลติ ตลาด ผลติ ตลาด
ประธาน ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ อุตสาหกรรม เกษตร ประมง พาณชิ ย์
ประธาน ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ ผู้อานวยการ ฝ่ ายการเงิน ผลติ วศิ วกรรม ตลาด ผลติ ภัณฑ์/ โครงการ A ผลติ ภัณฑ์/ โครงการ B ผลติ ภณั ฑ์/ โครงการ C ผลติ ภัณฑ์/ โครงการ D
ปัจจัยทค่ี วรคานึง ช่องการควบคุมกว้าง - ความซับซ้อนของงานมนี ้อย โครงสร้างองค์กรมลี กั ษณะราบ (Flat - พนักงานมศี ักยภาพในการเรียนรู้ Organization) และพฒั นา - งานทมี่ ลี กั ษณะงานประจา ช่องการควบคุมแคบ - ปัญหาอปุ สรรคไม่ค่อยเกดิ โครงสร้างองค์กรมลี กั ษณะสูง (Tall - ความซับซ้อนของงานมมี าก Organization) - กระจายอานาจ - ปัญญาอปุ สรรคเกดิ ขนึ้ บ่อย - ผู้บริหารมภี าระหน้าทส่ี ูง
หลกั เอกภาพในการบังคบั บัญชา (Unity of Command) หลกั ความสัมพนั ธ์ในสายบังคบั บัญชา (Scalar Relationships) ประธานบริษทั รองประธานบริษทั ผอู้ านวยการ ผจู้ ดั การ หวั หนา้ พนกั งาน
อานาจหน้าท่ี คือ อานาจที่ผู้บริหารได้รับอย่างเป็ นทางการเพ่ือใช้สาหรับการ ตัดสินใจ การส่ังการ และการจัดสรรทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องสามารถ ปฏิบัติงานบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่องค์กรต้ังไว้ โดยอานาจหน้าท่ีสามารถจาแนก ตามแหล่งที่มาได้ 2 ประเภท คือ อานาจหน้าทท่ี ่ีได้มาโดยตาแหน่ง อานาจหน้าทท่ี ไ่ี ด้รับการยอมรับจากผ้ใู ต้บังคบั บญั ชา
ความรับผิดชอบ หมายถึง ภาระหน้าที่หรือกิจกรรมท่ีบุคคลได้รับมอบหมายให้ ปฏบิ ัติ โดยท่วั ไปรูปแบบของความรับผดิ ชอบท่ีผู้บริหารได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติงานมัก มาพร้อมกบั อานาจหน้าที่ ภาระความรับผดิ ชอบ ภาระความรับผดิ ชอบ หมายถึง การรายงานของบุคคลทีไ่ ด้รับมอบ อานาจและความรับผิดชอบให้ปฏิบัติงานต่อผลลัพธ์และส่ิงที่ได้กระทา ให้สายการบงั คบั บญั ชาที่ตนเองสังกดั ทราบ
การมอบหมายงาน หมายถึง กระบวนการท่ีผู้บริหารใช้ในการถ่ายโอนอานาจหน้าที่ และความรับผดิ ชอบไปสู่ตาแหน่งทต่ี ่ากว่าตนเองในสายการบังคบั บัญชา ในปัจจุบัน องค์กรต่างๆ
อานาจหน้าทีต่ ามสายงานหลัก (Line Authority) เป็ นอานาจของบุคคลทด่ี ารง ตาแหน่งบริหารได้รับอย่างเป็ นทางการเพ่ือสั่งการและควบคุมผู้ใต้บังคบั บัญชา อานาจหน้าที่ตามสายงานสนับสนุน (Staff Authority) หมายถงึ อานาจหน้าท่ีใน ลกั ษณะของคาแนะนา ข้อคดิ เห็น คาปรึกษา เป็ นต้น โดยทว่ั ไปอานาจลกั ษณะนีจ้ ะมาจาก ผู้เชี่ยวชาญในงานสาขาในเรื่องน้ันๆ
ประธาน ผ้อู านวยการ ฝ่ ายบุคคล ผ้อู านวยการ ผ้อู านวยการ ผ้อู านวยการ ผู้อานวยการ ผลติ ตลาด วจิ ัยพฒั นา ขนส่ ง
A B C DE F G
D A G E B H F C I J KLM
โครงสร้างแบบทมี งาน โครงสร้างแบบแมททริกซ์ โครงสร้างแบบโครงการ องค์กรท่ไี ม่มขี อบเขต องค์กรแห่งการเรียนรู้
Search
Read the Text Version
- 1 - 36
Pages: