Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสัสดิการแห่งรัฐปี 2559

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสัสดิการแห่งรัฐปี 2559

Published by flowerz_uk, 2020-01-23 01:04:42

Description: การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสัสดิการแห่งรัฐปี 2559

Search

Read the Text Version

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แก่ ผู้มรี ายได้นอ้ ยในโครงการลงทะเบียนเพือ่ สวัสดกิ ารแห่งรัฐปี 2559

เรอ่ื ง การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิม่ รายไดใ้ ห้แก่ผู้มรี ายได้นอ้ ย จดั พิมพค์ รัง้ ที่ ในโครงการลงทะเบยี นเพือ่ สวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 ปีที่จดั พิมพ์ 1 จานวนหนา้ 2562 จานวนทพี่ มิ พ์ 65 หนา้ จดั ทาโดย 70 เล่ม ดร. ณรงคช์ ยั ฐติ ินนั ท์พงศ์ พมิ พ์ท่ี นักวเิ คราะห์งบประมาณชานาญการ สานักงบประมาณของรฐั สภา สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร สานกั การพมิ พ์ สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร ถนนประดิพทั ธ์ แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร. 0 2244 2117 โทรสาร 0 2244 2122 ______________________________________

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพมิ่ รายได้ใหแ้ ก่ผู้มรี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่อื สวสั ดิการแหง่ รัฐปี 2559 คานา การศึกษา เรื่อง “การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้ น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559” เล่มนี้ ผู้ศึกษาได้ค้นคว้าและจัดทาข้ึนเพื่อวิเคราะห์ ความคุ้มค่าการดาเนนิ โครงการตามนโยบายรัฐภายหลังจากที่ดาเนินการแล้วเสร็จ ผลการศึกษาที่ได้รับจึงเป็น ประโยชนใ์ นการจัดทาขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย รวมทัง้ เพ่อื ใช้เป็นข้อมูลเบ้ืองต้นสาหรับบุคคลในวงงานรัฐสภา ตลอดจนเผยแพรค่ วามรใู้ ห้กบั ผู้สนใจในอกี ทางหนง่ึ การศึกษาครั้งน้ีจะไม่บรรลุวัตถุประสงค์ข้างต้น หากขาดการสนับสนุนที่สาคัญจากหลายฝ่าย ผู้ศึกษาขอแสดงความขอบคณุ ตอ่ คาแนะนาและความเห็นท่ีเป็นประโยชน์จากผู้บังคับบัญชาสานักงบประมาณ ของรฐั สภาและเพ่อื นรว่ มงานทุกท่าน ซึ่งทาให้สามารถจดั ทาการศกึ ษาฉบบั น้ีสาเร็จไปไดด้ ้วยดี ทั้งนี้ ข้อคิดเห็น ที่ปรากฏในรายงานวชิ าการฉบับนเ้ี ปน็ ความเห็นของผู้เขียน ซึ่งไม่จาเป็นต้องสอดคล้องกับความเห็นของหน่วย งานต้นสังกดั ดร. ณรงคช์ ัย ฐิตินนั ทพ์ งศ์ นกั วิเคราะหง์ บประมาณชานาญการ 14 ธันวาคม 2561 สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร ก สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แกผ่ ู้มรี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพอ่ื สวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 บทสรปุ ผบู้ ริหาร รายงานวิชาการ เรื่อง การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มี รายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 จัดทาข้ึนเพื่อเป็นข้อมูลให้กับสมาชิกสภานิติ บัญญัติแห่งชาติ บุคคลในวงงานรัฐสภา และผู้สนใจทั่วไป ใช้ประกอบการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ของการดาเนินมาตรการดังกล่าว และจัดทาข้อเสนอแนะเพื่อเพ่ิมประสิทธิภาพการดาเนินการในระยะต่อไป โดยเป็นการประเมินผลภายหลังจากที่มาตรการดาเนินการแล้วเสร็จ และข้อมูลในการวิเคราะห์ที่สาคัญ ประกอบด้วย 1. ผลการดาเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการ แห่งรัฐปี 2559 ตามท่ีเกิดข้ึนจริง ซึ่งกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพ ได้รายงานผลและคณะ รฐั มนตรีมมี ตริ ับทราบแลว้ เม่อื วันที่ 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2560 2. ข้อมูลตัวแปรเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง จากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวง การคลัง สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษกิจและสังคมแห่งชาติ สานักงบประมาณ และธนาคารแห่ง ประเทศไทย การศึกษาฉบับน้ีใช้วิธีการเชิงปริมาณเพ่ือประเมินความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ท่ีคานึงถึงการใช้ ทรัพยากรของสังคม ผลกาไร-ขาดทุนของสังคม และค่าเสียโอกาสต่อสังคมเป็นหลัก โดยในเบ้ืองต้น จะต้อง จาแนกและประมาณการต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจท่ีเก่ียวข้อง เพื่อคานวณอัตราผลตอบแทนทาง เศรษฐกิจ (Economic Interal Rate of Return: EIRR) และนาไปเปรียบเทียบกับอัตราคิดลดของสังคม เพื่อ วิเคราะห์ความคุ้มค่าและความเป็นไปได้ของมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยต่อไป ทั้งนี้ มาตรการ ดังกล่าว จะเป็นการโอนเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยที่ลงทะเบียนไว้กับโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) และให้ธนาคารดังกล่าวสารองจ่ายค่าใช้จ่ายไปก่อน และรัฐบาลจะชาระคืนเงินต้นและต้นทุนเงิน ให้กับธนาคารผ่านการจัดสรรงบประมาณ ดังนั้น ต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิม รายไดใ้ หแ้ กผ่ ู้มีรายไดน้ อ้ ย จงึ ประกอบด้วย 1. ต้นทนุ ทางเศรษฐกจิ  คา่ ใช้จ่ายในการลงทะเบียนผ้มู รี ายได้นอ้ ย  ค่าใชจ้ ่ายในการเปิด ดแู ล ตรวจสอบ และรักษาบัญชเี งนิ ฝากของผมู้ ีรายได้น้อย  ค่าธรรมเนียมการโอนเงนิ ช่วยเหลอื เข้าบัญชเี งินฝาก  งบประมาณที่เบกิ จ่ายเพ่ือเป็นเงินโอนช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และชดเชยต้นทุนเงินแก่ ธนาคาร 2. ผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ  การรักษาเสถยี รภาพและสง่ เสรมิ การเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกจิ สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร ข สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แกผ่ มู้ รี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพื่อสวัสดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 ทั้งนี้ การประมาณการต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจดังกล่าว จัดทาโดยเทียบเคียงกับค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้องและใช้แนวคิดเศรษฐศาสตร์มหภาคเพ่ือวิเคราะห์ผลและประมาณการต่อไป อย่างไรก็ดี มาตรการ เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยอาจก่อให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอ่ืน ๆ อาทิ การกระจายรายได้และ สร้างความเท่าเทียมกันในสังคม โดยเม่ือพิจารณาผลของมาตรการแล้ว พบว่า เป็นการให้เงินช่วยเหลือ ในลกั ษณะจ่ายขาดเพียงครั้งเดยี ว และผมู้ รี ายได้นอ้ ยสว่ นใหญ่นาเงินดังกล่าวไปใช้ในการบริโภค อุปโภค ชาระ หนี้ ให้บุพการี ฝากธนาคาร และบริจาค ดังนั้น มาตรการอาจมีผลกระทบให้รายได้เพ่ิมข้ึนช่ัว คราว โดยศักยภาพในการหารายได้ของผู้มีรายได้น้อยยังคงเดิม ดังน้ัน ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้านการกระจาย รายได้และสร้างความเท่าเทียมกัน อาจจะยังคงไม่เกิดข้ึนในชั้นนี้ นอกจากนี้ การศึกษาฉบับนี้ จะใช้อัตราคิด ลดของสังคม (Social Discount Rate) ในการเปรียบเทียบกับ EIRR เพ่ือวิเคราะห์ความคุ้มค่าของมาตรการ คือ 1. ต้นทนุ เงนิ ในการก่อหน้ภี าครฐั (ร้อยละ 2.71) และ 2. ต้นทุนค่าเสียโอกาสของภาครัฐจากการไม่ดาเนิน โครงการลงทนุ (รอ้ ยละ 9) การประมาณการ EIRR จะใชค้ า่ ของต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ประมาณการได้ และภายใต้ เง่ือนไข ดงั นี้  แนวโน้มส่วนเปลยี่ นแปลงในการบรโิ ภค (Marginal Propensity to Consume : MPC) ของประชาชนทั่วไป เท่ากบั 0.514  MPC ของผมู้ ีรายได้น้อย เท่ากบั 0.66  สัดส่วนการนาเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเทียบกับการบริโภคของภาคเอกชน เท่ากบั 0.103  ผลการจา่ ยเงินโอนใหแ้ ก่ผู้มรี ายได้นอ้ ย จานวน 17,469.0 ลา้ นบาท  ผลการสารวจของกระทรวงการคลังเกี่ยวกับการนาเงินโอนไปใช้จ่ายจากผู้ลงทะเบียน จานวน 92,704 คน พบวา่ จะนาไปชาระหนีส้ นิ จานวน 17,695 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 19 ของผูต้ อบ  คา่ ใช้จา่ ยในการบรหิ ารโครงการ ประกอบด้วย 1. ค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผู้มีรายได้ น้อย 2. คา่ ใช้จา่ ยในการเปิด ดแู ล ตรวจสอบ และรักษาบัญชเี งินฝากของผู้มีรายได้น้อย และ 3. ค่าธรรมเนียม การโอนเงินชว่ ยเหลอื เข้าบญั ชีเงินฝาก  ค่า Conversion Factors หรือตัวปรับค่าทางการเงินให้เป็นค่าทางเศรษฐกิจ เท่ากับ 0.92 ท้ังน้ี ผลการศึกษากรณี Base Case พบว่า EIRR เท่ากับ ร้อยละ -4.11 ซ่ึงน้อยกว่าต้นทุนเงินในการก่อหนี้ ภาครัฐ (ร้อยละ 2.71) และต้นทุนค่าเสียโอกาสของภาครัฐจากการไม่ดาเนินโครงการลงทุน (ร้อยละ 9) ในเบ้ืองต้น จึงสรุปได้ว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยมีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจน้อยกว่า อัตราดอกเบ้ียเงินกู้ ท่ีภาครัฐจ่ายเพ่ือนาเงินมาสนับสนุนมาตรการ รวมท้ังน้อยกว่าอัตราผลตอบแทนจาก โครงการลงทุน สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ค สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายได้ใหแ้ ก่ผ้มู รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพอื่ สวสั ดิการแหง่ รัฐปี 2559 การวเิ คราะห์อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและความคมุ้ ค่า กรณี เงอื่ นไข EIRR (%) สรปุ ผลการศึกษา Base Case - Conversion Factors เท่ากบั 0.92 -4.11 นอ้ ยกวา่ ต้นทุนเงินในการกอ่ หนภี้ าครัฐ (รอ้ ยละ Sensitivity Analysis (เพ่อื เปรยี บเทียบกบั - สดั ส่วนการการนาเขา้ สนิ คา้ เพือ่ อปุ โภคและ 2.71) และตน้ ทนุ คา่ เสยี โอกาสของภาครัฐจากการ Base Case) บริโภค เท่ากบั 0.103 ไม่ดาเนินโครงการลงทุน (รอ้ ยละ 9) - สดั สว่ นผู้มรี ายไดน้ อ้ ยนาเงนิ ช่วยเหลอื ไปชาระหนี้ เท่ากบั ร้อยละ 19 - คา่ ใชจ้ ่ายในการบรหิ ารโครงการ ประกอบด้วย 1. คา่ ใชจ้ า่ ยในการลงทะเบียนผู้มรี ายไดน้ อ้ ย 2. ค่าใช้จา่ ยในการเปดิ ตรวจสอบ และรกั ษาบัญชี เงนิ ฝาก และ 3. คา่ ใชจ้ า่ ยในการโอนเงนิ - MPC ของประชาชนทว่ั ไป เทา่ กบั 0.514 และ MPC ของผู้มรี ายได้นอ้ ย เท่ากับ 0.66 - คา่ ใช้จา่ ยในการบรหิ ารโครงการลดลงรอ้ ยละ 10 -3.97 เหมือนกรณี Base Case - ค่าใช้จา่ ยในการบรหิ ารโครงการลดลงร้อยละ 20 -3.84 เหมอื นกรณี Base Case - Conversion Factors เท่ากับ 0.8 -3.93 เหมือนกรณี Base Case - Conversion Factors เท่ากบั 0.7 -3.78 เหมือนกรณี Base Case - สัดส่วนการการนาเขา้ สนิ ค้าเพื่ออปุ โภคและ -2.18 เหมือนกรณี Base Case บริโภค เทา่ กบั 0.05 - สดั ส่วนการการนาเขา้ สนิ ค้าเพอื่ อปุ โภคและ -0.37 เหมือนกรณี Base Case บริโภค เท่ากบั 0 - MPC เพม่ิ ข้ึนรอ้ ยละ 5 -0.14 เหมอื นกรณี Base Case - MPC เพมิ่ ขน้ึ ร้อยละ 10 3.81 มากกวา่ ต้นทนุ เงนิ ในการก่อหนี้ภาครัฐ (รอ้ ยละ 2.71) แตน่ อ้ ยกวา่ ต้นทุนคา่ เสยี โอกาสของภาครัฐ จากการไมด่ าเนนิ โครงการลงทุน (ร้อยละ 9) - สัดส่วนผมู้ รี ายไดน้ ้อยนาเงนิ ช่วยเหลือไปชาระหนี้ 1.02 เหมือนกรณี Base Case เท่ากับร้อยละ 10 - สัดสว่ นผูม้ ีรายได้น้อยนาเงนิ ช่วยเหลอื ไปชาระหน้ี 6.62 มากกวา่ ตน้ ทนุ เงนิ ในการกอ่ หน้ภี าครฐั (ร้อยละ เทา่ กับร้อยละ 0 2.71) แต่นอ้ ยกวา่ ต้นทุนคา่ เสียโอกาสของภาครัฐ จากการไมด่ าเนนิ โครงการลงทุน (รอ้ ยละ 9) ผลการศกึ ษากรณี Base Case ได้มกี ารนามาวเิ คราะหค์ วามแม่นตรงอีกครั้งหนึ่งโดยการวิเคราะห์ความ อ่อนไหว (Senstivity Analysis) ที่กาหนดให้เงื่อนไขต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปเพ่ือให้ EIRR มีค่าสูงข้ึน ท้ังนี้ เงือ่ นไขดังกลา่ ว ประกอบด้วย 1. คา่ ใชจ้ ่ายในการบรหิ ารโครงการ ทกี่ าหนดให้ลดลง 2. Conversion Factors ท่ีกาหนดให้ลดลง 3. สัดส่วนการการนาเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภค ที่กาหนดให้ลดลง 4. สัดส่วนผู้มี รายได้น้อยนาเงินช่วยเหลือไปชาระหนี้ ท่ีกาหนดให้ลดลง และ 5. MPC ที่กาหนดให้เพ่ิมข้ึน ทั้งนี้ พบว่า มเี พียงการกาหนดให้ MPC เพ่มิ ข้นึ หรอื สัดสว่ นผ้มู ีรายได้น้อยนาเงินช่วยเหลือไปชาระหนี้ลดลงเท่านั้น ท่ีทาให้ EIRR เพ่ิมข้ึนมากกว่าต้นทุนเงินในการก่อหนี้ภาครัฐ (ร้อยละ 2.71) แต่ยังคงน้อยกว่าต้นทุนค่าเสียโอกาสของ ภาครัฐจากการไม่ดาเนินโครงการลงทุน (ร้อยละ 9) โดยการเพ่ิมขึ้นของ MPC อาจมีความเป็นไปได้จากัด สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ง สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายไดใ้ ห้แกผ่ มู้ รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่ือสวสั ดิการแหง่ รัฐปี 2559 เนื่องจากสัดส่วนหนี้ครัวเรือนท่ีอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับในอดีต อาจเป็นปัจจัยเหน่ียวร้ังพฤติกรรมการ บริโภคของประชาชนทั่วไปและผู้มีรายได้น้อยไม่ให้ปรับเพ่ิมสูงข้ึน โดยปัจจัยดังกล่าวอยู่นอกเหนือการควบคุม ของรัฐบาล อย่างไรกด็ ี กรณีสัดส่วนผ้มู ีรายไดน้ อ้ ยนาเงินชว่ ยเหลอื ไปชาระหนี้น้นั รฐั บาลโดยกระทรวงการคลัง สามารถกาหนดเง่ือนไขเพ่ือทาให้สัดส่วนดังกล่าวลดลงได้ โดยอาจกาหนดข้อห้ามในการนาเงินช่วยเหลือไป ชาระหนี้ ซึ่งจะทาให้มาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยมี EIRR สูงข้ึน ก่อให้เกิดความคุ้มค่าในเชิง เศรษฐกิจมากขึ้นในที่สุด ท้ังนี้ จึงสามารถสรุปผลการศึกษาในภาพรวมได้ว่า มาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มี รายได้น้อยมี EIRR น้อยกว่าอัตราคิดลดของสังคมท่ีแสดงถึงต้นทุนของมาตรการ (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภาครัฐ หรือต้นทนุ คา่ เสยี โอกาสจากการท่ภี าครัฐไมด่ าเนนิ โครงการประเภทอนื่ ) เม่ือพิจารณาวัตถุประสงค์ของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย พบว่า เป็นการเพ่ิมรายได้ของ กลุม่ เปา้ หมายให้เพียงพอในการดารงชพี และใหก้ ารกระจายรายได้ของประเทศเป็นไปในทิศทางท่ีดีขึ้น รวมท้ัง ลดความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจภายในสังคม อย่างไรก็ดี แหล่งเงินในการสนับสนุนมาตรการดังกล่าว คือ งบประมาณรายจ่ายประจาปี ซึ่งมาจาก 1. การจัดเก็บรายได้จากประชาชน และ 2. การกู้เงินของภาครัฐเมื่อ รายจ่ายมากกว่ารายได้ ดังนั้น ประชาชนทั่วไปที่เสียภาษีให้กับภาครัฐจึงเป็นผู้แบกรับภาระทางการเงินที่ แท้จริงของมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ ประชาชนผู้เสียภาษีอาจมีความสนใจเก่ียวกับการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ และความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของมาตรการในประเด็นที่ว่า ภาครัฐมีการใช้จ่ายงบประมาณในแนวทางที่เป็น ประโยชน์แก่ผู้มีรายได้น้อยท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมาย และส่งผลดีต่อประชาชนกลุ่มอื่น ๆ ในสังคมและเศรษฐกิจ ภาพรวมอยา่ งไร โดยการวิเคราะห์ในประเดน็ ดังกลา่ ว มรี ายละเอยี ด ดังน้ี 1. หน้าที่ในทางเศรษฐกิจของรัฐบาลที่สาคัญ คือ การรักษาเสถียรภาพและการส่งเสริมการ เจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ รวมท้ังการกระจายรายได้และความม่ังค่ังของสังคม ทั้งน้ี เม่ือพิจารณาลักษณะการ ดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แกผ่ ูม้ ีรายไดน้ ้อย พบว่า  มาตรการมีการดาเนินการสอดคล้องตามแนวทางเศรษฐศาสตร์มหภาคในการรักษา เสถยี รภาพและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกจิ เนือ่ งจากการให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อย ซ่ึงมีค่า MPC สูง กว่าประชาชนท่ัวไปและท่ีมีฐานะดี จะทาให้ผู้มีรายได้น้อยดังกล่าวนาเงินช่วยเหลือไปใช้จ่ายในสัดส่วน ทมี่ ากกวา่ ประชาชนทั่วไปและทีม่ ฐี านะดี ทาให้การกระตุ้นเศรษฐกจิ เปน็ ไปอย่างมปี ระสิทธิภาพ  ด้านการกระจายรายได้และความมั่งค่ังของสังคม พิจารณาแล้ว เห็นว่า มาตรการเป็น การให้เงินช่วยเหลือในลักษณะจ่ายขาดเพียงคร้ังเดียว และทาให้รายได้เพ่ิมข้ึนชั่วคราวเฉพาะในช่วงดาเนิน มาตรการ โดยศกั ยภาพในการหารายไดข้ องผู้มีรายได้น้อยยังคงเดิม ซ่ึงอาจทาให้รายได้ของผู้มีรายได้น้อยปรับ เพ่ิมขนึ้ ไดย้ ากในระยะยาว 2. การให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยท้ังที่เป็นเกษตรกรและไม่ใช่เกษตรกร ควรจาแนก กลุ่มเป้าหมายตามช่วงวยั และศกั ยภาพทางกายในการหารายได้ ได้แก่ สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จ สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพมิ่ รายไดใ้ ห้แกผ่ ูม้ ีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพือ่ สวสั ดิการแห่งรฐั ปี 2559  บุคคลวัยชราหรือผู้พิการที่มีศักยภาพทางกายจากัด เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพ ดงั นัน้ การให้เงินชว่ ยเหลอื แกป่ ระชาชนในกล่มุ นี้ จะเปน็ มาตรการเชงิ สงั คมท่คี วรผอ่ นปรนเป็นกรณีพเิ ศษ  บุคคลในวัยแรงงานมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงและสติสัมปชัญญะครบถ้วน การให้ความ ช่วยเหลือประชาชนในกลุ่มน้ี ควรเป็นมาตรการทางเศรษฐกิจท่ีเน้นการเพิ่มศักยภาพในการหารายได้ของ กล่มุ เป้าหมายดังกล่าวเป็นสาคัญ และมกี ารวเิ คราะหค์ วามคุ้มคา่ ทางเศรษฐกจิ จากการใช้งบประมาณสนับสนุน อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ควรกาหนดให้ความช่วยเหลือแก่ปัจเจกบุคคลในวัยแรงงานดังกล่าว มีภาระ งบประมาณในลักษณะปลายปิด ซึ่งจากัดระยะเวลาและวงเงินการให้ความช่วยเหลือ เพื่อเป็นแรงจูงใจให้ บุคคลเรง่ ยกระดบั สถานะพ้นจากการเป็นผูม้ ีรายไดน้ ้อย 3. การให้เงินชว่ ยเหลือแกผ่ ู้มีรายไดน้ อ้ ยในลักษณะจ่ายขาดและไม่มีเงื่อนไข ทาให้ผู้มีรายได้น้อย บางส่วนนาเงินไปชาระหน้ี ทาให้ระดับการใช้จ่ายของครัวเรือนเพ่ิมข้ึนน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่งผลให้การ กระตุ้นเศรษฐกิจ การรักษาเสถียรภาพ และการส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพลดลง ดังน้ัน EIRR ของมาตรการจึงมีค่าในระดับต่า อย่างไรก็ดี เม่ือพิจารณาในระดับรายละเอียด พบว่า การให้เงิน ในลักษณะจ่ายขาด ไม่มีเง่ือนไข และผู้มีรายได้น้อยนาไปชาระหนี้ จะมีลักษณะคล้ายกับการท่ีรัฐบาลแบก รบั ภาระหน้ีครัวเรอื นแทนประชาชน และภายใต้การจัดทางบประมาณรายจ่ายแบบขาดดลุ ในปัจจุบนั ที่รัฐบาล ต้องกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลดังกล่าว การแบกรับภาระหน้ีครัวเรือนแทนประชาชนจึงมีลักษณะคล้ายกับ การที่รัฐบาลปรับโครงสร้างหน้ีครัวเรือนของประชาชนมาเป็นหนี้สาธารณะของรัฐบาล ซ่ึงเป็นภาระ งบประมาณท้ังในระยะสั้นและระยะยาว ดังนั้น เพ่ือให้การดาเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย เป็นประโยชน์แก่ผู้มีรายได้น้อยท่ีเป็นกลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไป จึงเห็นสมควรให้รัฐบาล โดยกระทรวงการคลังกาหนดเงื่อนไขการใช้จ่ายเงิน โดยห้ามนาไปชาระหน้ี ซึ่งจะทาให้มาตรการสามารถ กระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากข้ึน เกิดประโยชน์ต่อประชาชนท่ัวไป และส่งผลให้ EIRR และความคุ้มค่าทางเศรษฐกจิ ปรบั เพ่มิ สงู ขึ้นในท่ีสุด นอกจากน้ี สาหรบั ประเด็นด้านหนี้ครัวเรือนนั้น ควร ใช้มาตรการเพ่ิมศักยภาพการประกอบอาชีพและจัดหารายได้ เพ่ือแก้ไขปัญหาหน้ีดังกล่าว ซึ่งอาจอยู่ในความ รับผดิ ชอบของกระทรวงแรงงาน กระทรวงศึกษาธกิ าร หรอื กระทรวงการคลงั 4. การตรวจสอบโครงการตามนโยบายรฐั ในปี 2560 เป็นต้นมา พบว่า รัฐบาลได้ดาเนินโครงการ สาคัญในลักษณะการให้เงินอย่างมีเง่ือนไขแล้ว อาทิ การจัดทาบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิในโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 โดยให้วงเงินผ่านบัตรเป็นรายเดือน เพ่ือซ้ือสินค้าอุปโภคบริโภค ที่จาเปน็ สินค้าเพื่อการศึกษา วัตถุดิบเพ่ือเกษตรกรรม และก๊าซหุงต้มจากร้านค้าท่ีกาหนด รวมทั้งเพื่อจ่ายค่า โดยสารการบริการขนส่งมวลชน อย่างไรก็ดี ยังมีโครงการตามนโยบายรัฐอีกจานวนหนึ่ง ท่ีเป็นการให้เงินจ่าย ขาดและไม่มีเงอื่ นไขการใช้จ่าย อาทิ 1. การชว่ ยเหลอื คา่ เกบ็ เกีย่ วและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรราย ย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2561/62 ภายใต้มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว ปกี ารผลิต 2561/62 ดา้ นการตลาด ตามมตคิ ณะรัฐมนตรีเมอ่ื วันที่ 24 กรกฎาคม 2561 โดยให้ความช่วยเหลือ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ฉ สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผูม้ ีรายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพอ่ื สวสั ดิการแหง่ รฐั ปี 2559 อัตราไร่ละ 1,500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 18,000 บาท วงเงินงบประมาณจ่ายขาด 57,722.61 ล้านบาท และ 2. โครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง เพื่อบรรเทาความ เดือดร้อนเร่ืองค่าครองชีพของเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยและคนกรีดยาง ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2561 โดยให้เงินช่วยเหลือ ไร่ละ 1,800 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ แบ่งเป็น เจ้าของสวนยาง ไร่ละ 1,100 บาท และคนกรดี ยาง ไร่ละ 700 บาท วงเงินงบประมาณ 18,604.9 ล้านบาท ดังน้ัน รัฐบาลจึงควรเพ่ิม เงื่อนไขในการให้เงินจ่ายขาดในโครงการลักษณะดังกล่าว เพ่ือให้เกิดผลตอบแทนต่อสังคมและเศรษฐกิจ ในภาพรวมสูงสุด โดยอาจนารูปแบบการดาเนินการของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาประยุกต์ใช้ เพื่อจากัดเงื่อนไข การใช้จา่ ยเงินในการซอ้ื สินค้าและบริการใหเ้ ปน็ ไปตามท่รี ฐั บาลกาหนด สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ช สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพ่ิมรายไดใ้ ห้แก่ผูม้ ีรายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่อื สวสั ดกิ ารแห่งรัฐปี 2559 สารบญั หนา้ ก คานา ข บทสรปุ ผ้บู รหิ าร ซ สารบัญ ญ สารบัญตาราง ฏ สารบญั ภาพประกอบ บทที่ 1 2 1. บทนา 2 1.1 ความเปน็ มาและความสาคญั ของปญั หา 2 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 2 1.3 ขอบเขตของการศกึ ษา 3 1.4 วิธกี ารดาเนินการ 1.5 ประโยชนท์ คี่ าดว่าจะได้รับ 4 1.6 นยิ ามศพั ท์ 5 2. การทบทวนวรรณกรรม 8 2.1 กรอบแนวคิดทฤษฎี 9 2.2 งานวจิ ัยในอดีต 2.3 ขอ้ สรปุ จากงานวจิ ัยในอดีต 10 2.4 สมมตฐิ านงานวจิ ยั 10 3. ระเบียบวิธีการศึกษา 17 3.1 ขอ้ มลู ในการศึกษา 3.2 เครอ่ื งมือในการศึกษา 18 3.3 ข้ันตอนในการศึกษา 19 4. มาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย 21 4.1 ทม่ี า 4.2 สาระสาคญั โดยสังเขปของมาตรการ 4.3 บทวิเคราะห์เก่ยี วกบั มาตรการ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ซ สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิม่ รายได้ใหแ้ ก่ผู้มีรายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพอื่ สวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 สารบญั (ต่อ) 23 5. ตน้ ทุนและผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจของมาตรการ 23 5.1 การจาแนกประเภทตน้ ทนุ และผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ 30 5.2 การประมาณการต้นทุนทางเศรษฐกิจ 35 5.3 การประมาณการผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ 5.4 การกาหนดอตั ราคดิ ลดของสังคม 37 6. ผลการศกึ ษา 37 6.1 การประมาณการ EIRR (กรณี Base Case) 45 6.2 กรณี Sensitivity Analysis 6.3 การเปรยี บเทียบระหวา่ งกรณี Base Case และ Sensitivity Analysis 47 7. บทสรุปและข้อเสนอแนะ 49 7.1 สรปุ ผลการศึกษา 52 7.2 การอภปิ รายผลการศกึ ษาและขอ้ เสนอแนะ บรรณานุกรม สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ฌ สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพมิ่ รายได้ใหแ้ กผ่ มู้ ีรายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพอ่ื สวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 สารบญั ตาราง หน้า 7 ตารางที่ 12 2.1 การจาแนกตน้ ทุนและผลประโยชนก์ ารสร้างไซโลเก็บขา้ วเปลือก 15 3.1 เปรียบเทียบการวเิ คราะหค์ วามเป็นไปได้ทางการเงนิ และเศรษฐกจิ 18 3.2 ค่า Conversion Factors ตามการศกึ ษาของ Ahmed (1983) 4.1 มติคณะรัฐมนตรีท่ีสาคัญเกีย่ วกบั มาตรการเพ่มิ รายได้ให้แก่ผู้มรี ายไดน้ ้อยในโครงการ 19 ลงทะเบียนเพือ่ สวัสดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 22 4.2 อตั ราเงนิ โอนตามมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ หแ้ กผ่ ูม้ ีรายได้น้อย 4.3 มตคิ ณะรฐั มนตรีทีส่ าคัญเก่ียวกบั การจดั ทาบตั รสวัสดกิ ารแห่งรฐั ใหแ้ กผ่ ูม้ ีสิทธิ 23 ในโครงการลงทะเบยี นเพือ่ สวัสดิการแหง่ รัฐ ปี 2560 24 5.1 การจาแนกต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของมาตรการ 25 5.2 การคานวณตน้ ทุนทางเศรษฐกจิ กรณีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผมู้ รี ายได้น้อย 27 5.3 คา่ ธรรมเนยี มการรักษาบญั ชเี งนิ ฝาก 5.4 การคานวณตน้ ทนุ ทางเศรษฐกจิ กรณีคา่ ใช้จ่ายในการเปิด ดูแล ตรวจสอบ และรกั ษา 28 บญั ชเี งินฝากของผู้มีรายได้น้อย 30 5.5 การคานวณต้นทุนทางเศรษฐกิจกรณีคา่ ใช้จ่ายในการโอนเงินช่วยเหลอื เขา้ บัญชีเงนิ ฝาก 34 5.6 ตน้ ทนุ ทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แกผ่ ู้มีรายไดน้ อ้ ย 5.7 ประมาณการผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจดา้ นการรกั ษาเสถยี รภาพและส่งเสรมิ 34 การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ กรณรี อบการหมุนเวียน 5.8 ประมาณการผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ ดา้ นการรกั ษาเสถยี รภาพและส่งเสรมิ 37 การเจรญิ เตบิ โตทางเศรษฐกิจ กรณีปีปฏทิ ิน 38 6.1 การประมาณการ EIRR กรณี Base Case 38 6.2 การประมาณการ EIRR กรณคี า่ ใช้จา่ ยในการบรหิ ารโครงการลดลงร้อยละ 10 39 6.3 การประมาณการ EIRR กรณคี า่ ใชจ้ ่ายในการบริหารโครงการลดลงร้อยละ 20 39 6.4 การประมาณการ EIRR กรณี Conversion Factors เท่ากบั 0.8 40 6.5 การประมาณการ EIRR กรณี Conversion Factors เท่ากบั 0.7 6.6 การประมาณการ EIRR กรณีสัดส่วนการการนาเขา้ สินค้าเพ่ืออุปโภคและบรโิ ภค 40 เทา่ กับ 0.05 6.7 การประมาณการ EIRR กรณสี ัดส่วนการการนาเขา้ สินคา้ เพ่ืออปุ โภคและบรโิ ภค เทา่ กับ 0 สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร ญ สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แกผ่ ู้มีรายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพื่อสวัสดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 สารบญั ตาราง (ต่อ) 41 6.8 การประมาณการ EIRR กรณี MPC เพ่ิมข้ึนร้อยละ 5 41 6.9 การประมาณการ EIRR กรณี MPC เพมิ่ ขนึ้ ร้อยละ 10 42 6.10 เงินใหก้ ู้ยืมแก่ภาคครวั เรือนจากสถาบนั การเงิน 43 6.11 การประมาณการ EIRR กรณีสัดส่วนผู้มีรายไดน้ ้อยนาเงนิ ช่วยเหลอื ไปชาระหน้ี 43 เท่ากับร้อยละ 10 6.12 การประมาณการ EIRR กรณีสดั ส่วนผู้มีรายไดน้ ้อยนาเงนิ ช่วยเหลือไปชาระหน้ี 44 เทา่ กบั รอ้ ยละ 0 45 6.13 การประมาณการ NPV กรณีอตั ราคดิ ลดของสงั คม คือ ตน้ ทุนเงนิ ในการก่อหน้ี 46 ภาครฐั (รอ้ ยละ 2.71) 6.14 การประมาณการ NPV กรณีอตั ราคดิ ลดของสังคม คือ ต้นทุนคา่ เสียโอกาสของ ภาครฐั จากการไม่ดาเนินโครงการลงทนุ (ร้อยละ 9) 6.15 สรุปและเปรยี บเทียบผลการศกึ ษาระหวา่ งกรณี Base Case และ Sensitivity Analysis สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ฎ สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพ่มิ รายได้ให้แกผ่ มู้ รี ายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพอ่ื สวสั ดิการแหง่ รัฐปี 2559 สารบัญภาพประกอบ หนา้ 31 แผนภาพท่ี 2.1 แนวคดิ ทั่วไปของกระบวนการ Capital Budgeting สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ฏ สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิม่ รายได้ใหแ้ กผ่ มู้ รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพือ่ สวสั ดิการแห่งรัฐปี 2559 บทที่ 1 บทนา 1.1 ความเป็นมาและความสาคัญของปญั หา รัฐบาลได้ดาเนินโครงการตามนโยบายรัฐ เพ่ือให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อย เกษตรกร และวิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม (Small and Medium Enterprizes : SMEs) ผ่านการดาเนินการของ สถาบันการเงินเฉพาะกิจ ซ่ึงเป็นสถาบันการเงินของรัฐท่ีมีกฎหมายเฉพาะจัดต้ังข้ึน เพื่อดาเนินการตาม นโยบายของรัฐในการพฒั นาสง่ เสรมิ เศรษฐกิจและสนบั สนนุ การลงทุนต่าง ๆ และอยู่ภายใต้การกากับดูแลของ กระทรวงการคลัง ได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารอาคาร สงเคราะห์ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ธนาคารเพ่ือการส่งออกและนาเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคาร พฒั นาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอ่ มแหง่ ประเทศไทย บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม และ บรรษัทตลาดรองสินเชื่อท่ีอยู่อาศัย ทั้งน้ี โครงการตามนโยบายรัฐดังกล่าว มักเป็นการให้ความช่วยเหลือด้าน สินเชื่อท่ีมีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ต่ากว่ากรณีปกติ การพักชาระหนี้ การค้าประกันสินเชื่อ และการให้เงิน ในลักษณะจ่ายขาดที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะในกรณีต่าง ๆ โดยรัฐบาลจะชดเชยค่าใช้จ่ายในการดาเนินงาน ดังกล่าวผ่านการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจาปีตามภาระท่ีเกิดข้ึนจริงและความจา เป็นเหมาะสมต่อไป อย่างไรก็ดี ภาระงบประมาณในการชดเชยดังกล่าว มีแนวโน้มเพ่ิมขึ้นมากตามจานวนโครงการที่เพิ่มสูงขึ้น และอยใู่ นระดับสูงเมอื่ เปรยี บเทียบกับวงเงนิ งบประมาณรายจา่ ยประจาปีท่ีจัดสรรให้กับหน่วยงานของรัฐอ่ืน ๆ ดังนั้น การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการดาเนินโครงการตามนโยบายรัฐดังกล่าว จึงมี ความสาคัญ เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ความคมุ้ คา่ การใช้จ่ายภาครัฐ และเสนอแนะแนวทางพัฒนาโครงการให้มี ประสิทธภิ าพและผลตอบแทนต่อเศรษฐกิจและสังคมมากข้ึนต่อไป คณะรัฐมนตรีได้มีมติเม่ือวันที่ 27 กันยายน 2559 22 พฤศจิกายน 2559 และ 27 ธันวาคม 2559 เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยท้ังท่ีเป็นเกษตรกรและไม่ใช่ เกษตรกรในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 โดยเป็นการโอนเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยภายใน วันท่ี 31 มกราคม 2560 ผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรงุ ไทย จากดั (มหาชน) ทั้งนี้ ให้ธนาคารทั้ง 3 แห่ง สารองจ่ายค่าใช้จ่ายไปก่อน และรัฐบาลจะชาระ คืนเงินต้นและต้นทุนเงินให้กับธนาคารในอัตราดอกเบ้ียเงินฝากประจา 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ (FDR) บวกร้อยละ 1 และให้ธนาคารขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายตามความ จาเป็นและเหมาะสมต่อไป ดังน้ัน การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจและความคุ้มค่าของมาตรการ เพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย จึงมีความสาคัญและส่งเสริมให้การติดตามและตรวจสอบของรัฐสภาเกี่ยวกับ การใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สอดคล้องกับภารกิจของสานัก งบประมาณของรัฐสภาตามท่รี ะบุไวใ้ นประกาศรัฐสภา ฉบบั ท่ี 6 พ.ศ. 2556 เร่ือง การแบ่งส่วนราชการภายใน สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 1 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิม่ รายไดใ้ ห้แกผ่ มู้ ีรายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพอ่ื สวสั ดิการแห่งรฐั ปี 2559 1.2 วตั ถุประสงค์ของการศกึ ษา เพ่ือประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 และวิเคราะห์ความคุ้มค่าการดาเนินมาตรการ รวมทั้งจัดทาข้อ เสนอแนะเพือ่ เพ่มิ ประสิทธิภาพการดาเนินการในระยะต่อไป 1.3 ขอบเขตของการศึกษา การศึกษาฉบับนี้เป็นการประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจภายหลังท่ีมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 ดาเนินการแล้วเสร็จ และวิเคราะห์ความ คมุ้ คา่ ตามแนวทางทเี่ ก่ยี วขอ้ งต่อไป ท้ังน้ี ข้อมลู ในการวิเคราะห์ทส่ี าคัญ ประกอบด้วย 1. ผลการดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการ แห่งรัฐปี 2559 ตามท่ีเกิดข้ึนจริง ซ่ึงกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพ ได้รายงานผลและคณะ รฐั มนตรมี ีมตริ บั ทราบแล้ว เม่อื วันท่ี 28 กมุ ภาพนั ธ์ 2560 2. ข้อมูลตัวแปรเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง จากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวง การคลัง สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษกิจและสังคมแห่งชาติ สานักงบประมาณ และธนาคารแห่ง ประเทศไทย 1.4 วิธกี ารดาเนนิ การ การศึกษาฉบบั นี้ จะใชว้ ิธกี ารศึกษาเชิงปริมาณเพื่อประเมินความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ที่คานึงถึงการ ใช้ทรัพยากรของสังคม ผลกาไร-ขาดทุนของสังคม และค่าเสียโอกาสต่อสังคมเป็นหลัก โดยคานวณอัตรา ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (Economic Internal Rate of Return : EIRR) เพื่อวเิ คราะหค์ วามคุ้มค่ามาตรการ เพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย และจะวิเคราะห์ความอ่อนไหว (Sensitivity Analysis) ของผลการศึกษา โดยกาหนดให้ปัจจยั ตา่ ง ๆ ท่ีเกย่ี วขอ้ งเปลีย่ นแปลงไปและคานวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (Net Present Valaue : NPV) ทั้งนี้ วิธีการศึกษา สาระสาคัญของมาตรการ การจาแนกต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และผล การศึกษาในการประมาณการ EIRR รวมท้ัง Sensitivity Analysis ปรากฏตามบทที่ 3 – 6 1.5 ประโยชนท์ ี่คาดวา่ จะไดร้ บั ฝ่ายนิติบัญญัติมีข้อมูลในการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 ซึ่งฝ่ายบริหารหรือรัฐบาลดาเนินการ นอกจากน้ี สามารถนาผลการศึกษาไปประเมินโครงการอื่น ๆ ของฝ่ายบริหาร ท่ีมีลักษณะการดาเนินงาน ใกล้เคียงกันได้ อาทิ การช่วยเหลือค่าเก็บเกีย่ วและปรบั ปรุงคณุ ภาพข้าวใหแ้ ก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 2 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายไดใ้ หแ้ ก่ผมู้ รี ายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพอ่ื สวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 ปีการผลิต 2561/62 เพ่ือลดภาระค่าใช้จ่ายของเกษตรกร อันจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามและ ตรวจสอบการใชจ้ า่ ยงบประมาณของรัฐบาลในอกี ทางหนง่ึ 1.6 นิยามศัพท์ NPV หรือ Net Present Value คือ ผลต่างของมูลค่าปัจจุบันของผลรวมกระแสเงินสดจ่ายสุทธิและ กระแสเงนิ สดรบั สทุ ธิ IRR หรือ Internal Rate of Return คอื อัตราผลตอบแทนของโครงการ FDR หรอื Fixed Deposit Rate คอื อตั ราดอกเบีย้ เงนิ ฝากประจา 6 เดือน ประเภทบุคคลธรรมดาของ 4 ธนาคารพาณชิ ย์ขนาดใหญ่ MPC หรือ Marginal Propensity to Consume คือ มูลค่าการบริโภคของเอกชนท่ีเปล่ียนแปลงไป เม่อื รายไดท้ ี่สามารถใชจ้ า่ ยไดเ้ พิ่มข้ึน 1 บาท สานกั งานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร 3 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แก่ผ้มู ีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพือ่ สวัสดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 บทท่ี 2 การทบทวนวรรณกรรม 2.1 กรอบแนวคดิ ทฤษฎี 2.1.1 กระบวนการ Capital Budgeting กระบวนการ Capital Budgeting เป็นการพิจารณาความเป็นไปได้ในการดาเนินโครงการของ หนว่ ยงาน โดยเฉพาะอยา่ งยิง่ โครงการลงทนุ ที่มีวัตถุประสงคเ์ พ่อื ทดแทนเครื่องจักรและอุปกรณ์ ลดต้นทุนการ ผลิต ขยายการผลิต ผลิตสินค้าประเภทใหม่ หรือให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของภาครัฐ ทั้งน้ี โครงการจะมีความเป็นไปได้ในการดาเนินการเม่ืออัตราผลตอบแทนท่ีได้รับสูงกว่าต้นทุนที่เก่ียวข้อง ดังนั้น หน่วยงานจึงต้องพิจารณาประเภทและชนิดของโครงการท่ีจะทาการศึกษา เพ่ือวิเคราะห์และเปรียบเทียบใน ประเดน็ ดังกล่าว การสาธิตแนวทางการวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการลงทุนตามแนวคิด Capital Budgeting สามารถดาเนินการได้โดยการสมมติให้มีโครงการ 5 ประเภท คือ A B C D และ E ใช้เงินทุนทั้งส้ิน 2 3 1 2 และ 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาตามลาดับ ซ่ึงหน่วยงานจะต้องประมาณการอัตราผลตอบแทนจากการ ลงทุนต่อไป ทั้งนี้ สมมติให้อัตราผลตอบแทนสาหรับโครงการดังกล่าว เท่ากับ ร้อยละ 18 16 14 11 และ 8 ตามลาดบั นอกจากน้ี กาหนดให้หน่วยงานต้องทาการระดมเงินทุนจากภายนอก ทาให้ต้องรับภาระต้นทุนเงิน (Marginal Cost of Capital : MCC) ดังน้ัน โครงการจะมีความเป็นไปได้ในการดาเนินการเม่ืออัตรา ผลตอบแทนสงู กว่า MCC โดยแผนภาพที่ 2.1 ได้เปรียบเทียบอัตราผลตอบแทนของโครงการต่าง ๆ กับ MCC พบว่า โครงการ A B และ C จะมีความคุ้มค่าในการลงทุนเน่ืองจากอัตราผลตอบแทนสูงกว่า MCC ดังนั้น หน่วยงานควรลงทุนในโครงการท้ัง 3 ดังกล่าว และระดมเงินทุน จานวน 6 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไป ท้ังนี้ แนวคิดตามกระบวนการ Capital Budgeting สามารถใช้วเิ คราะห์ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจในการศึกษา ฉบบั น้ไี ด้ (Salvatore, 2007, pp. 542 – 546) แผนภาพที่ 2.1 แนวคดิ ทวั่ ไปของกระบวนการ Capital Budgeting ทม่ี า : (Salvatore, 2007, p. 545) สานักงานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร 4 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพมิ่ รายได้ใหแ้ ก่ผมู้ รี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพอ่ื สวสั ดิการแห่งรัฐปี 2559 2.1.2 หน้าทีใ่ นทางเศรษฐกจิ ของรัฐบาล หนา้ ทีใ่ นทางเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถพจิ ารณาในประเดน็ ตา่ ง ๆ ทีส่ าคัญ อาทิ 1. การจัดสรรการใช้ทรัพยากรของสังคม เป็นการวางแผนการใช้ทรัพยากรของภาค รัฐบาลและเอกชน อาทิ ที่ดิน แรงงาน ทุน และองค์ความรู้ เพ่ีอผลิตสินค้าและบริการในการตอบสนองความ ตอ้ งการของสังคม 2. การกระจายรายได้และความมั่งคั่งของสังคม เป็นการพิจารณาว่า สินค้าและบริการ ท่ีสังคมผลิตขึ้น จะจาแนกแจกจ่ายให้แก่ประชาชนแต่ละกลุ่มอย่างไร อาทิ การให้เงินอุดหนุนหรือจัดหา สวัสดิการแก่ผู้ยากไร้ ทั้งน้ี การกระจายรายได้จะต้องคานึงถึงประเด็นต่าง ๆ อาทิ ความเหมาะสมทางสังคม กลไกทางการเมือง กลไกทางเศรษฐกิจ แนวโน้มความแตกต่างในการกระจายรายได้ ประเภทของมาตรการ ทางการคลัง (ด้านรายได้ – รายจ่าย) ที่อาจนามาใช้ในการกระจายรายได้ และผลกระทบจากการดาเนิน มาตรการดังกล่าว 3. การรักษาเสถยี รภาพทางเศรษฐกิจ เป็นการดาเนินนโยบายสาธารณะเพื่อให้เศรษฐกิจ ขยายตัวในอัตราสูง และมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยมีแนวทางเบ้ืองต้น อาทิ กรณีเกิดการว่างงาน รัฐบาล ควรเพ่ิมรายจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทาให้การใช้จ่าย การผลิต และการจ้างงานเพิ่มข้ึน หรือกรณีเกิดภาวะ เงนิ เฟอ้ รัฐบาลอาจปรับลดรายจ่าย ปรบั เพ่ิมภาษี หรอื ควบคมุ ราคาสนิ ค้าทีจ่ าเปน็ 4. การส่งเสริมความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เป็นการพิจารณานโยบายสาธารณะ เพ่ือให้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพ่ิมขึ้นมากกว่าการเพ่ิมของประชากร อันจะทาให้รายได้ต่อหัวของ ประเทศเพิ่มสูงขน้ึ และประชาชนมคี วามเปน็ อยูท่ ่ดี ขี นึ้ ทงั้ นี้ ตัวอย่างมาตรการทางการคลังในประเด็นดังกล่าว อาทิ การจัดเก็บภาษีจากประชาชนและนาเงินไปสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ หรือโครงการลงทุน เพือ่ อานวยความสะดวกแกป่ ระชาชน เชน่ ระบบชลประทาน หรอื ทางหลวงชนบท เป็นตน้ (เกรกิ เกยี รติ พิพัฒนเ์ สรธี รรม, 2552, น. 15 – 50) 2.2 งานวจิ ยั ในอดีต การประเมนิ ผลโครงการภาครัฐมกี ารดาเนินการอยา่ งต่อเนื่อง โดยหนว่ ยงานอิสระ สถาบนั วิชาการ และ สถาบันการศึกษา อาทิ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อ๊ึงภากรณ์ สถาบันวิจัยเพ่ือการพัฒนาประเทศไทย และ มหาวิทยาลัย ท้งั นี้ การศึกษาดังกล่าว สามารถจดั แบง่ เป็นกลมุ่ ตา่ ง ๆ ได้แก่ 1. กล่มุ ทใี่ ช้แบบจาลองเชงิ ปริมาณ งานวิจัยในกลมุ่ น้จี ะใช้แบบจาลองเชิงปริมาณในการวิเคราะห์ผลการดาเนินโครงการ รวมท้ัง ปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ การดาเนนิ การดงั กล่าว วิโรจน์ ณ ระนอง และคณะ (2550) ได้จัดทาแบบจาลองเศรษฐมิติ Probit Model เพื่อ ศึกษาปัจจัยกาหนดความน่าจะเป็นในการเลือกศึกษาต่อของนักเรียนที่จบช้ันประถมศึกษาปีที่ 6 และ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 ภายใต้นโยบายเรียนฟรีของภาครัฐ ทั้งน้ี ผลการศึกษา พบว่า ภายใต้นโยบายดังกล่าว สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 5 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพ่ิมรายไดใ้ หแ้ ก่ผมู้ รี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวสั ดกิ ารแห่งรฐั ปี 2559 โรงเรยี นและสถานศึกษายังคงเรยี กเก็บเงินจากผู้ปกครอง เพ่ือสนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาต่าง ๆ ซึ่งเป็น ภาระแก่ผู้ปกครอง ท้ังนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าว จะส่งผลให้โอกาสในการศึกษาต่อของเด็กนักเรียนลดลงอย่าง มีนัยสาคญั ทางสถิติ โดยเฉพาะอย่างยงิ่ เด็กนกั เรยี นจากครอบครวั ยากจน สุทธาภา อมรวิวัฒน์ และ เกียรติพงศ์ อริยปรัชญา (2550) ได้ใช้แบบจาลองเศรษฐมิติ Logistic and Ordered Logistic Regression เพ่ือประเมินปัจจัยที่มีต่อความสาเร็จของกองทุนหมู่บ้าน ในการสนับสนุนเงินกู้แก่ประชาชน ผลการศึกษา พบว่า ปัจจัยด้านทุนสังคม อาทิ การเป็นเจ้าของบ้าน ระดับ การศึกษา และรายจ่ายเพ่ือการประกอบพิธีกรรม จะทาให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับกิจกรรมของชุมชน กอ่ ใหเ้ กิดความสามัคคี และสง่ ผลดีต่อความสาเรจ็ ของกองทนุ ในระยะยาว Natt Hongdilokkul (2017) ได้ศึกษาผลกระทบโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (หรือ โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค) ที่มีต่อสวัสดิการของประชาชน ซึ่งสวัสดิการของประชาชนเมื่อมีโครงการ สามารถวดั ไดโ้ ดยปริมาณการบรโิ ภคสินค้าและบริการที่ประชาชนต้องเสียสละไป เพ่ือให้ความพอใจลดลงไปสู่ ระดับเดียวกับกรณีไม่มีโครงการ ท้ังนี้ การศึกษาใช้แบบจาลองคณิตศาสตร์ และแบบจาลองเศรษฐมิติ Difference in Difference Method ผลการศึกษา พบว่า เมื่อรัฐบาลใช้จ่ายงบประมาณในโครงการดังกล่าว จานวน 1 บาท จะทาให้สวัสดิการของประชาชนเพิ่มข้ึน 0.75 บาท และจะทาให้การออมของประชาชน เพิ่มขึน้ ทาให้มีเงินเพือ่ จับจา่ ยใชส้ อยในอนาคตเพิ่มมากข้ึน 2. กลุ่มท่ีใช้อัตราผลตอบแทนทางการเงิน (Financial Internal Rate of Return: FIRR) EIRR และ NPV งานวิจัยในกลุ่มนี้จะใช้วิธีการทางการเงิน FIRR EIRR และ NPV ในการศึกษาความเป็นไปได้ ทางการเงินและเศรษฐกิจของโครงการภาครัฐ ท้ังน้ี โครงการท่ีมี FIRR และ EIRR สูงกว่าอัตราคิดลดท่ีเป็น อัตราต้นทนุ ของโครงการ ภาครัฐควรสนับสนุนโครงการดังกล่าว เน่ืองจากมีผลตอบแทนต่อสังคมสูง และอาจ มอบหมายให้เอกชนดาเนินการแทนตามระเบียบที่เก่ียวข้อง เพ่ือเป็นการประหยัดภาระงบประมาณ และ เอกชนอาจสนใจลงทุนในโครงการดังกล่าว เน่ืองจากมีผลตอบแทนทางการเงินสูง สาหรับโครงการท่ีมี FIRR ต่ากว่าและ EIRR สูงกว่าอัตราคิดลด ภาครัฐควรสนับสนุนโครงการดังกล่าว เนื่องจากมีผลตอบแทนต่อสังคม สูง อย่างไรก็ดี ภาครัฐอาจต้องดาเนินโครงการดังกล่าวเอง โดยใช้งบประมาณหรือเงินกู้ เน่ืองจากเอกชนอาจ ไม่สนใจลงทุนในโครงการท่ีมีผลตอบแทนทางการเงินต่า สาหรับ NPV พบว่า เป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิของ โครงการ ซ่ึงเท่ากับมูลค่าปัจจุบันของผลตอบแทนหักด้วยต้นทุน โดยผลตอบแทนประกอบด้วยผลตอบแทน ทางการเงนิ และทางเศรษฐกิจ และต้นทุนประกอบด้วยต้นทุนทางการเงินและทางเศรษฐกิจ โดยโครงการจะมี ความเป็นไปไดแ้ ละคมุ้ คา่ ในการลงทนุ เมอื่ NPV มีค่ามากกวา่ 0 ท้ังน้ี การทบทวนงานวิจัย พบว่า การประยุกต์ ใช้ FIRR และ EIRR จะให้ผลการศึกษาและข้อสรุปสอดคล้องกับ NPV ดังน้ัน การอธิบายผลการศึกษาในการ ทบทวนงานวิจัยในอดตี นี้ จะนาเสนอในประเดน็ ท่เี กี่ยวข้องกับ FIRR และ EIRR เป็นหลกั ดงั น้ี ภิญญาพัชญ์ สีหะวงศ์ (2553) ได้ศึกษาความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจโครงการก่อสร้างทาง หลวงหมายเลข 12 ตอน กาฬสินธ์ุ – บ.นาไคร้ จ.กาฬสินธ์ุ โดยกาหนดให้ผลประโยชน์ของโครงการ คือ มูลค่า สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 6 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายไดใ้ หแ้ ก่ผมู้ ีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพือ่ สวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 ของการประหยัดค่าใช้จ่ายจากการใช้รถ มูลค่าของการประหยัดเวลาในการเดินทาง และมูลค่าของการลด คา่ ใชจ้ า่ ยจากอบุ ตั เิ หตทุ างถนน สาหรับต้นทุน คือ ค่าชดเชยท่ีดิน ค่าชดเชยสิ่งปลูกสร้างและไม้ยืนต้น และค่า ก่อสร้างและบารุงรักษาทาง ผลการศึกษาพบว่า EIRR เท่ากับ ร้อยละ 1.66 ซ่ึงไม่มีความคุ้มค่าในการลงทุน เนื่องจากมีค่าน้อยกว่าอัตราคิดลดที่กาหนดให้เท่ากับร้อยละ 12 ทั้งน้ี โครงการดังกล่าวเป็นการก่อสร้างทาง หลวงสาธารณะ ทาให้ไม่มีรายได้จากการเกบ็ คา่ ผา่ นทาง ดังน้นั จงึ ไม่สามารถคานวณ FIRR ได้ ปราณี ฉัตรเชิดชัยกุล (2545) ได้วิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินและทางเศรษฐศาสตร์ ในการสรา้ งไซโลเกบ็ ข้าวเปลอื กในพ้ืนที่จงั หวัดสุพรรณบุรี พษิ ณุโลก และบุรีรัมย์ โดยกาหนดผลประโยชน์และ ต้นทนุ ทางการเงนิ และเศรษฐศาสตร์ รายละเอยี ดปรากฏตามตารางท่ี 2.1 ตารางที่ 2.1 การจาแนกต้นทุนและผลประโยชน์การสร้างไซโลเกบ็ ขา้ วเปลือก ทม่ี า : (ปราณี ฉัตรเชิดชยั กลุ , 2545, น. 32) ทั้งน้ี ผลการศึกษา พบว่า การกอ่ สร้างไซโลขา้ วไมม่ คี วามเป็นไปได้ทางการเงนิ และ FIRR มีค่าเปน็ ลบ เนื่องจาก ค่าก่อสร้างไซโลและต้นทุนในการเก็บกักข้าวเปลือกในไซโลมีค่าสูง สาหรับความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ พบวา่ มเี พยี ง EIRR จากการดาเนนิ โครงการในจงั หวัดบรุ ีรมั ย์ (รอ้ ยละ 15.6) ทสี่ งู กว่าอัตราคิดลดของโครงการ (ร้อยละ 6.89) ดงั น้ัน การก่อสร้างไซโลข้าวจึงมีความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ในพ้ืนที่จังหวัดบุรีรัมย์เท่าน้ัน อย่างไรกด็ ี หากราคาข้าวเปลือกท่ีเกษตรกรขายได้เม่ือนาข้าวออกจากไซโลมีค่าเพิ่มขึ้น จะทาให้ EIRR เพิ่มขึ้น และมีความเปน็ ไปไดท้ างเศรษฐศาสตร์มากขนึ้ ณัฐพร บุญจรัส (2557) ได้ศึกษาความเป็นไปได้ทางการเงินและเศรษฐกิจของโรงผลิตไฟฟ้า จากการกาจัดขยะมูลฝอยในเขตเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา โดยกาหนดให้ผลประโยชน์ภายในโครงการ คือ รายรับค่าไฟฟ้าและค่ากาจัดขยะ สาหรับต้นทุนภายในโครงการ คือ ค่าท่ีดิน อาคาร งานก่อสร้าง เครื่องจกั ร เครอื่ งมอื อุปกรณต์ ่าง ๆ คา่ ดาเนนิ งาน และคา่ บารุงรกั ษา และสาหรบั ผลกระทบภายนอกโครงการ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 7 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แกผ่ ู้มีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่ือสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 คือ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ ผลการศึกษา พบว่า FIRR และ EIRR มีคา่ สูงกวา่ อัตราคิดลดของโครงการ ดังน้ัน โครงการจึงมีความคุ้มค่าในการลงทุนทั้งในด้านการเงิน และเศรษฐกิจ นอกจากนี้ การเผาขยะในเตาเผาจะก่อให้เกิดมลพิษและผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมน้อยกว่าการ ฝงั กลบ จึงเห็นสมควรท่ภี าครฐั จะใหก้ ารสนับสนนุ การลงทุนผลิตไฟฟ้าจากการกาจดั ขยะมลู ฝอยต่อไป 3. กลมุ่ ทใ่ี ช้วิธีการอืน่ ๆ Wichsinee Wibulpolprasert et al. (2018) ได้ประเมินผลโครงการไฟฟ้าฟรีรับผิดชอบ โดยการไฟฟา้ นครหลวงและการไฟฟา้ ส่วนภูมิภาค ซ่ึงเร่ิมดาเนินการในปี 2552 ท้ังน้ี ครัวเรือนท่ีบริโภคไฟฟ้า ในแต่ละเดือนต่ากว่าจานวนหน่วยที่กาหนด จะได้รับยกเว้นการจ่ายค่าไฟฟ้าในรอบเดือนน้ัน ซึ่งการ ประเมินผลจะดาเนินการโดยใช้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เก่ียวกับผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ครอบคลุม ปริมาณการบริโภคไฟฟ้าประมาณร้อยละ 70 ของทั้งหมด ผลการศึกษา พบว่า ผู้มีรายได้น้อยสามารถเข้าร่วม และได้รับประโยชน์จากโครงการเป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี การกาหนดปริมาณการใช้ไฟฟ้าฟรีไม่เกิน 50 หน่วย ต่อเดือน ทาให้มูลค่าการให้ความช่วยเหลือจากภาครัฐอยู่ในระดับต่าเมื่อเปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายรายเดือน ของผู้มีรายได้น้อย ทั้งนี้ การใช้ Big Data ทาให้สามารถวิเคราะห์กลุ่มผู้ได้รับประโยชน์ในระดับรายละเอียด จาแนกตามฐานะ พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า และมิติพื้นที่ได้ ผลการศึกษาสะท้อนความเป็นจริงได้ดี เนื่องจาก ขอ้ มูลกลุม่ ตวั อยา่ งมจี านวนมาก 2.3 ข้อสรุปจากงานวิจัยในอดีต 1. การประเมินโครงการโดยวิธี FIRR EIRR และ NPV จะวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าของโครงการ โดยเปรียบเทียบผลประโยชน์กับต้นทุนท่ีเกี่ยวข้อง ในขณะท่ีการวิเคราะห์วิธีอื่น อาทิ การใช้แบบจาลองเชิง ปริมาณหรอื ขอ้ มลู Big Data เปน็ การพสิ จู น์ผลประโยชน์ทกี่ ลุม่ เป้าหมายได้รับจากโครงการเป็นหลกั 2. การวิเคราะห์โดยใช้ FIRR และ EIRR ให้ผลการศึกษาและข้อเสนอแนะสอดคล้องกับการใช้ NPV นอกจากนี้ การประยุกต์ใช้ FIRR และ EIRR ให้ผลเป็นอัตราผลตอบแทนที่มีหน่วยเป็นร้อยละ ทาให้สามารถ เปรียบเทยี บกับอตั ราตน้ ทุนไดโ้ ดยสะดวก อาทิ อตั ราดอกเบย้ี เงนิ กู้ และสามารถสอ่ื สารกับบุคคลทั่วไปได้ดีกว่า การใช้ NPV 3. การประยุกต์ใช้ FIRR และ EIRR จะเป็นการเพ่ิมประสิทธิภาพการติดตาม ตรวจสอบ และประเมิน ความคมุ้ คา่ ของงบประมาณภาครัฐ 4. รายละเอียดตามข้อ 1 – 3 ทาให้สรุปได้ว่า การศึกษาฉบับนี้ จะใช้วิธีการ EIRR ในการประเมิน มาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แก่ผมู้ รี ายได้น้อย และเนื่องจากมาตรการดังกล่าว เป็นการโอนเงินช่วยเหลือ ทาให้ไม่มี รายได้จากการดาเนินการ จงึ ไมส่ ามารถคานวณ FIRR ได้ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 8 สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แก่ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพือ่ สวัสดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 2.4 สมมติฐานงานวจิ ัย การศึกษาฉบับน้ี มีวัตถุประสงค์เพ่ือประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายได้ ให้แก่ผู้มรี ายได้น้อยในโครงการลงทะเบยี นเพือ่ สวสั ดิการแหง่ รัฐปี 2559 และความคมุ้ ค่าจากผลการดาเนินการ ท่ีเกิดข้ึนจริง ดังนั้น จึงต้ังสมมติฐานเพ่ือทดสอบ ดังน้ี “การดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 มีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ โดยมี EIRR สูงกว่าอัตราคิด ลดท่ีแสดงถึงต้นทุนของมาตรการ อาทิ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ภาครัฐ หรือต้นทุนค่าเสียโอกาสจากการที่ภาครัฐ ไม่ดาเนนิ โครงการประเภทอ่นื ” สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 9 สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพม่ิ รายได้ใหแ้ กผ่ ู้มรี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพื่อสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 บทท่ี 3 ระเบียบวธิ ีการศกึ ษา 3.1 ขอ้ มลู ในการศกึ ษา การศึกษาฉบับน้ี มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 โดยเป็นการประเมินภายหลังดาเนิน มาตรการเสร็จส้นิ ดังนัน้ ข้อมูลในการศึกษาเพ่อื ประมาณการดงั กลา่ ว จงึ ประกอบดว้ ย 1. ผลการดาเนินมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการ แห่งรัฐปี 2559 ตามท่ีเกิดขึ้นจริง ซึ่งกระทรวงการคลังในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพ ได้รายงานผลและคณะ รฐั มนตรมี มี ติรบั ทราบแล้ว เมอ่ื วันท่ี 28 กุมภาพนั ธ์ 2560 2. ข้อมูลตัวแปรเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง จากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ อาทิ กระทรวง การคลัง สานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษกิจและสังคมแห่งชาติ สานักงบประมาณ และธนาคารแห่ง ประเทศไทย 3.2 เครื่องมือในการศกึ ษา 3.2.1 ประเภทของเครื่องมือ การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินและเศรษฐกิจ เป็นองค์ประกอบสาคัญประเภทหน่ึง ในการวางแผนโครงการ ภาคเอกชนจะให้ความสาคัญกับการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงิน เนื่องจาก แสวงหากาไรเป็นหลัก โดยใช้ปริมาณสินค้าและปัจจัยการผลิตของโครงการ และราคาตลาด (Market Prices) เพอื่ คานวณตน้ ทุนและผลประโยชนท์ างการเงนิ เพือ่ ประมาณการ NPV และ FIRR ประกอบการตัดสินใจต่อไป อย่างไรกด็ ี ภาครัฐนอกจากจะวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินแล้ว ยังคงต้องวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทาง เศรษฐกิจร่วมด้วย เนื่องจากต้องคานึงถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม อาทิ การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน การกระจายรายได้ และการรักษาสิ่งแวดล้อม ดังน้ัน การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ จึงเก่ียวข้องกับผลกระทบท้ังหมดของโครงการที่มีต่อระบบเศรษฐกิจ อาทิ ต้นทุนและผลประโยชน์ท่ีสังคม ได้รับ ภาครัฐจึงใช้ราคาทางเศรษฐศาสตร์ (Economic Prices) หรือราคาเงา (Shadow Prices) เพื่อสะท้อน ต้นทุนค่าเสียโอกาส (Opportunity Cost) ของการใช้ทรัพยากรประเภทต่าง ๆ ของสังคมในโครงการ เพ่ือคานวณต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เพื่อประมาณการ NPV และ EIRR ประกอบการตัดสินใจ ตอ่ ไป การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินและเศรษฐกิจของโครงการ จะต้องคานวณต้นทุนและ ผลประโยชน์ของโครงการท้ังในปัจจุบันและในอนาคต อย่างไรก็ดี มูลค่าของเงินในแต่ละช่วงเวลา มีค่าไม่ เท่ากัน ดังนั้น จึงต้องปรับมูลค่าของต้นทุนและผลประโยชน์ให้เป็นปัจจุบันโดยใช้อัตราคิดลด (Discount Rate) เพ่ือวเิ คราะหต์ ่อไป ท้ังนี้ เคร่ืองมือในการวเิ คราะห์ท่ีสาคญั ประกอบด้วย สานักงานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร 10 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิม่ รายได้ให้แกผ่ ูม้ ีรายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559  NPV มีสตู รในการคานวณ ดังน้ี  B2  C2  Bn  Cn  B1 1 r2 1 rn NPV  B0  C0   1  C1   .....   r  n Bt  Ct  t 0 1 rt     nBt t n Ct t 1 r 1 r   t 0 t 0 โดย Bt คือ มลู ค่าของผลประโยชน์ที่เกดิ ขน้ึ จากโครงการในปที ี่ t Ct คอื มูลค่าของต้นทุนท่เี กดิ ขึ้นจากโครงการในปีท่ี t r คอื อตั ราคดิ ลด n คือ อายโุ ครงการหรือปีท่สี ้ินสดุ โครงการ เกณฑ์ในการพิจารณา คือ เมื่อ NPV มีมากกว่าหรือเท่ากับ 0 แสดงว่า โครงการมีความ คมุ้ ค่าในการดาเนนิ การ และหาก NPV มีคา่ น้อยกวา่ 0 แสดงว่า โครงการไมค่ มุ้ คา่ ในการดาเนนิ การ  อัตราผลตอบแทน (Internal Rate of Return : IRR) คือ อัตราดอกเบ้ียที่โครงการ สามารถจ่ายใหก้ บั ทรพั ยากรต่าง ๆ ในโครงการ โดยเมื่อจา่ ยไปแล้ว จะทาให้โครงการมีมูลค่าของต้นทุนเท่ากับ ผลประโยชน์ หรือทาให้ NPV เท่ากับ 0 ดังน้ัน IRR จึงเปรียบเสมือนเป็นอัตราผลตอบแทนของโครงการ โดยกรณีการวิเคราะห์ความเป็นได้ทางการเงิน ที่ใช้ต้นทุนและผลประโยชน์ทางการเงิน จะได้ FIRR และกรณี การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิจ ท่ีใช้ต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จะได้ EIRR ท้ังน้ี สูตร ในการคานวณ IRR ปรากฏ ดังน้ี Ct    n n Bt หรือ 1i t 1i t t 0  t 0     nBt n Ct 0 1i t 1i t t 0  t 0 โดย i คอื IRR เกณฑ์ในการพิจารณา คือ เม่ือ IRR มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับอัตราคิดลด แสดงว่า โครงการมีความคุ้มค่าในการดาเนินการ และหาก IRR มีค่าน้อยกว่าอัตราคิดลด แสดงว่า โครงการไม่คุ้มค่าใน การดาเนินการ (ปราณี, 2545, น. 19 – 23) การนาเสนอ NPV และ IRR ตามรายละเอยี ดขา้ งตน้ ทาใหไ้ ดข้ ้อสรุปวา่  การประยุกต์ใช้ FIRR และ EIRR ท่ีให้ผลในรูปแบบอัตราผลตอบแทนที่มีหน่วยเป็นร้อย ละ ทาให้เปรียบเทียบกับอัตราคิดลดเพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ของโครงการได้โดยสะดวก และสามารถ ส่อื สารกับบุคคลทั่วไปไดด้ ีกวา่ NPV ทงั้ น้ี มาตรการเพิม่ รายได้ให้แกผ่ ู้มีรายไดน้ อ้ ยเป็นโครงการตามนโยบายรัฐ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 11 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายได้ใหแ้ กผ่ มู้ ีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวสั ดกิ ารแห่งรัฐปี 2559 ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ทางการเงิน ทาให้ไม่สามารถคานวณ FIRR ได้ ดังน้ัน การศึกษาฉบับนี้ จะใช้ EIRR เป็น เครอื่ งมือหลักในการวิเคราะห์ และจะใช้ NPV ในการจัดทา Sensitivity Analysis เพื่อสอบทานผลการศึกษา ต่อไป  EIRR ใหผ้ ลในรูปแบบอตั ราผลตอบแทน จงึ ปราศจากการเบี่ยงเบนอันเนื่องมาจากขนาด ของโครงการ ในณะที่ NPV จะแปรผันตามขนาดของโครงการ โดยโครงการที่มีขนาดใหญ่จะให้ค่า NPV สูง และโครงการท่ีมีขนาดเล็กจะให้ค่า NPV ต่า การเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างโครงการโดยใช้ NPV จึงมี ความเสย่ี งท่ผี ้ดู าเนนิ โครงการจะเลือกโครงการท่ีให้อัตราผลตอบแทนต่ากว่า และมีการจัดสรรทรัพยากรท่ีไม่มี ประสทิ ธิภาพ 3.2.2 ความแตกตา่ งระหวา่ งการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงนิ และเศรษฐกจิ ความแตกตา่ งระหวา่ งการวเิ คราะห์ความเป็นไปได้ทางการเงินและเศรษฐกิจมาจากวัตถุประสงค์ ในการดาเนินโครงการ ทั้งน้ี ภาคเอกชนจะใช้การวิเคราะห์ทางการเงิน เพื่อประเมินศักยภาพในการสร้าง รายได้และกาไร ในขณะท่ีภาครัฐจะคานึงถึงผลประโยชน์ของสังคมส่วนรวมเป็นหลัก จึงนาต้นทุนและ ผลตอบแทนที่เป็นตัวเงินและไม่เป็นตัวเงินท่ีสังคมจะได้รับ มาประกอบการวิเคราะห์ทางเศรษฐกิจ ท้ังน้ี แม้โครงการภาครัฐอาจมีกาไรหรือผลตอบแทนทางการเงินต่า แต่ถ้าผลตอบแทนทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูง และสามารถแก้ไขปัญหาของประชาชน ภาครัฐอาจดาเนินโครงการดังกล่าว โดยรายละเอียดความแตกต่าง ของการวิเคราะห์ ปรากฏตามตารางที่ 3.1 (มหาวทิ ยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, 2558, น. 5-17 – 5-18) ตารางที่ 3.1 เปรียบเทียบการวิเคราะห์ความเปน็ ไปได้ทางการเงินและเศรษฐกจิ การวเิ คราะหท์ างการเงนิ การวเิ คราะห์ทางเศรษฐกิจ 1. วัตถุประสงค์ กาไรหรอื ผลตอบแทนสุทธทิ ีเ่ ปน็ ตวั เงนิ ผลตอบแทนสุทธิต่อสงั คมส่วนรวม โดยคานึงถงึ ประเด็นอ่นื ๆ นอกเหนือจากกาไรที่เป็นตัวเงิน อาทิ ผลกระทบภายนอกต่อสิ่งแวดล้อม และบุคคลที่สาม และความเท่าเทยี มกนั ในการกระจายทรัพยากร 2. การประมาณคา่ /ตรี าคา พิจารณาจากตน้ ทนุ และผลตอบแทนทเ่ี ป็นตัว พจิ ารณาจากต้นทุนและผลตอบแทนท้งั ที่เป็น เงนิ และใชร้ าคาตลาดในการประมาณคา่ ตวั เงนิ และไม่เปน็ ตวั เงนิ อาทิ ต้นทุนคา่ เสยี โอกาส ส่วนราคาอาจใชร้ าคาตลาด ราคาเงา หรอื เกณฑ์อื่นในการประมาณคา่ 3. เกณฑใ์ นการประเมิน NPV IRR อตั ราส่วนผลประโยชน์ต่อตน้ ทุน NPV IRR อัตราส่วนผลประโยชนต์ ่อต้นทุน และระยะเวลาคนื ทุน และระยะเวลาคืนทุน 4. ผลกระทบภายนอก มกั ไม่นาผลกระทบภายนอกมาร่วมพิจารณา พจิ ารณาผลกระทบภายนอกทง้ั ด้านบวก และด้านลบ ที่มา : (มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช, 2558, น. 5-17 – 5-18) สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 12 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายได้ใหแ้ กผ่ มู้ รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพอ่ื สวัสดกิ ารแห่งรัฐปี 2559 3.2.3 นยิ ามของตน้ ทุนและผลประโยชน์ ต้นทุนหรือคา่ ใช้จ่ายของโครงการ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ  ตน้ ทนุ ขั้นต้น (Primary Costs) หมายถงึ มูลค่าการใช้ทรพั ยากรเพื่อลงทุน อาทิ ค่าท่ีดิน สิ่งก่อสร้าง และค่าติดต้ังระบบสาธารณูปโภค และเพื่อดาเนินการและบารุงรักษาโครงการ อาทิ ค่าแรงงาน เงนิ เดอื น ค่าวตั ถุดบิ ค่าน้ามันเช้อื เพลิง และคา่ สาธารณูปโภค  ต้นทุนขั้นรอง (Secondary Costs) หมายถึง ค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นเมื่อโครงการมี ผลกระทบภายนอกเชิงลบต่อสังคม ซึ่งหากเกิดขึ้นจะต้องประมาณการวงเงิน และนาไปรวมเป็นต้นทุนของ โครงการ อย่างไรก็ดี หากไม่สามารถประมาณการได้ จะต้องระบุรายละเอียดค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้ชัดเจน เพื่อให้การวิเคราะห์มีความครอบคลุม นอกจากนี้ ต้นทุนทางเศรษฐกิจจะคานึงถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการใช้ไปของทรัพยากรของสังคมอย่างแท้จริง โดยไม่รวมค่าใช้จ่ายในลักษณะเงินโอนและท่ีไม่สะท้อนการเปล่ียนแปลงไปของทรัพยากร ดังนั้น ต้นทุนทาง เศรษฐกิจจงึ ไม่รวมคา่ ใชจ้ า่ ยที่อาจเปน็ ต้นทุนทางการเงนิ อาทิ ค่าเสอ่ื มราคา คา่ ชาระหน้ี ดอกเบย้ี และภาษี ผลประโยชน์ ผลตอบแทน หรือรายได้ของโครงการ หมายถึง มูลค่าของสินค้าและบริการท่ีผลิต ได้โดยตรงจากโครงการ และผลประโยชน์ท่ไี ดร้ บั อื่น ๆ ท่เี ก่ยี วเนอื่ งกับการมโี ครงการ (ปราณ,ี 2545, น. 25 – 27) 3.2.4 แนวทางการประเมนิ มลู คา่ ตน้ ทนุ และผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ การประเมินมูลค่าทางเศรษฐกิจจะใช้ราคาทางเศรษฐศาสตร์หรือราคาเงา เพ่ือสะท้อนต้นทุนค่า เสียโอกาสจากการใช้ทรัพยากรของสังคม ท้ังนี้ ภายใต้ตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ราคาของสินค้าและบริการจะ สะท้อนต้นทุนค่าเสียโอกาสของสังคม จึงสามารถนาราคาดังกล่าว มาใช้ในการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ ทาง เศรษฐกิจได้ทันที อย่างไรก็ดี หากภาครัฐทาการแทรกแซงระบบตลาด โดยกาหนดนโยบายกีดกันทางการค้า เก็บภาษี หรือให้เงินอุดหนุนการผลิต จะทาให้ราคาสินค้าและบริการในตลาดไม่สะท้อนถึงต้นทุนของสังคม ในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ ารไดอ้ ย่างแทจ้ รงิ ผวู้ เิ คราะห์จึงต้องปรบั ผลท่เี กิดจากการบิดเบือนจากการแทรกแซง ของรัฐบาลออกไป ทั้งน้ี แนวทางการประเมินมูลค่าต้นทุนและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจภายใต้โครงสร้าง ตลาดในกรณตี า่ ง ๆ โดยสงั เขป มดี งั นี้  กรณมี ตี ลาดและตลาดไม่ถูกบิดเบอื น เม่อื ปัจจัยการผลิตและผลผลิตของโครงการสามารถทาการซ้ือขายผ่านตลาดกลาง และ ตลาดดังกล่าวมีลักษณะแข่งขันสมบูรณ์ ผู้ซื้อและผู้ขายมีจานวนมาก ข้อมูลข่าวสารเก่ียวกับราคาและต้นทุน การผลติ เปน็ ทรี่ บั ทราบทัว่ กัน การเขา้ และออกตลาดของผขู้ ายเปน็ ไปโดยสะดวก และภาครัฐไม่ดาเนินนโยบาย แทรกแซงตลาด อาทิ การจัดเก็บภาษี การให้เงินอุดหนุน หรือการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้า ดังนั้น ราคา ของปัจจัยการผลิตและผลผลติ จงึ เปล่ยี นแปลงอยา่ งเสรตี ามความต้องการซอ้ื และขาย ราคาดังกล่าวจึงสะท้อน สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 13 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพม่ิ รายได้ให้แก่ผู้มรี ายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพอื่ สวัสดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 ความเต็มใจท่ีจะจ่ายของผู้ซ้ือ ต้นทุนในการผลิตของผู้ขาย และต้นทุนค่าเสียโอกาสของสังคมอย่างแท้จริง ซง่ึ เป็นลักษณะของราคาทางเศรษฐศาสตร์หรือราคาเงา ดังนั้น การประเมินมูลค่าต้นทุนและผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจ จึงสามารถนาราคาภายใต้ตลาดแข่งขันสมบูรณ์มาใช้ในการประมาณการได้ทันที อย่างไรก็ดี ตลาด แข่งขันสมบูรณ์มีความเป็นไปได้จากัดในโลกแห่งความเป็นจริง เน่ืองจากตลาดมักถูกบิดเบือนโดยการ แทรกแซงของภาครัฐ ดังนั้น ผู้วิเคราะห์จึงต้องปรับราคาภายใต้ตลาดที่ถูกบิดเบือน ให้เป็นราคาทางเศรษฐ ศาสตร์หรอื ราคาเงาในชั้นตน้ กอ่ น ทง้ั นี้ รายละเอียดการปรบั ราคาปรากฏในกรณตี อ่ ไป  กรณีมีตลาดแต่ตลาดถกู บิดเบือน ตลาดแข่งขันสมบูรณ์มีความเป็นไปได้จากัดในโลกแห่งความเป็นจริง เน่ืองจากภาครัฐ แทรกแซงระบบตลาดในรูปแบบต่าง ๆ ทาให้ราคาของปัจจัยการผลิตและผลผลิตของโครงการที่ซ้ือขายผ่าน ตลาดบิดเบือนไป และไม่สะท้อนต้นทุนค่าเสียโอกาสของสังคม อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์ได้เสนอแนว ทางการปรับราคาท่ีบิดเบือนดังกล่าวให้เป็นราคาเงา โดยประมาณการต้นทุนค่าเสียโอกาสของการได้มา ซงึ่ ปจั จัยการผลติ และผลผลิตของโครงการดงั กลา่ ว เพ่อื วเิ คราะห์ความเป็นไดท้ างเศรษฐกจิ และความคุ้มค่าของ โครงการตอ่ ไป ทั้งนี้ ไดแ้ บ่งกลุ่มสนิ ค้าและบรกิ ารเป็น 2 กลมุ่ ดงั น้ี  กลมุ่ สนิ คา้ ท่ีมีการคา้ ระหวา่ งประเทศ (Tradable Goods) ปัจจัยการผลิตและผลผลิตของโครงการท้ังที่เป็นสินค้าและบริการ หากมีการ ซ้อื ขายระหวา่ งประเทศ จะต้องนาราคาซ้ือขายข้ามแดนดงั กล่าว มาใชใ้ นการคานวณราคาเงา โดย (1) หากโครงการใช้ปัจจัยการผลิตที่เป็นสินค้าส่งออก ต้นทุนทาง เศรษฐกิจจะเป็นการสญู เสยี รายไดจ้ ากการส่งออก เทา่ กบั ราคาส่งออก ณ ท่าเรือ (Free on Board: FOB) ลบ คา่ ขนส่งจากผูผ้ ลิตปัจจัยการผลติ ไปยงั ท่าเรอื บวกค่าขนสง่ จากผผู้ ลติ ปจั จัยการผลติ ไปยงั โครงการ (2) หากโครงการมีการใช้ปัจจัยการผลิตท่ีต้องนาเข้า ต้นทุนทาง เศรษฐกิจจะเป็นการสูญเสียเงินตราต่างประเทศเพื่อการนาเข้า เท่ากับ ราคาสินค้าเข้า ณ ท่าเรือของประเทศ ผูน้ าเข้า (Cost-Insurance and Freight: CIF) บวกคา่ ขนส่งจากท่าเรอื มายงั โครงการ (3) หากโครงการมีผลผลิตเพ่ือการส่งออก ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จะเปน็ รายไดจ้ ากการสง่ ออกเพ่ิมข้ึน เท่ากบั ราคา FOB ลบค่าขนสง่ จากโครงการไปยงั ท่าเรือ (4) หากโครงการมีผลผลิตที่ทดแทนการนาเข้า ผลประโยชน์ทาง เศรษฐกจิ จะเปน็ การประหยัดเงนิ ตราต่างประเทศ เทา่ กับ ราคา CIF บวกคา่ ขนสง่ จากท่าเรือมายังตลาด ลบค่า ขนส่งจากโครงการไปยงั ตลาด นอกจากนี้ การแปลงราคาสินค้าซ้ือขายข้ามแดนท่ีเป็นสกุลเงินตรา ตา่ งประเทศมาเป็นเงินบาท จะดาเนินการไดโ้ ดยการใช้อัตราแลกเปล่ียนเงา (Shadow Exchange Rate: SER) โดย SER จะสะท้อนมูลค่าทางเศรษฐกิจของเงินตราต่างประเทศตามภาวะตลาด ที่ปราศจากการแทรกแซง ค่าเงินจากภาครัฐ ทงั้ น้ี สูตรการคานวณ SER มีดงั ตอ่ ไปนี้ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร 14 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิ่มรายไดใ้ หแ้ ก่ผมู้ รี ายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่อื สวสั ดิการแห่งรฐั ปี 2559 SER  OER * 1  FXP  100  โดย OER คือ อัตราแลกเปล่ียนทางการ FXP คอื คา่ พรีเมียมเงินตราต่างประเทศทอี่ ยใู่ นจุดทศนิยม  กลุม่ สินค้าทไ่ี มม่ ีการค้าระหว่างประเทศ (Non-Tradable Goods) ปัจจัยการผลิตหรือผลผลิตของโครงการท่ีไม่มีการซ้ือขายระหว่างประเทศ อาทิ น้าประปา การกอ่ สรา้ ง และการให้บริการของรัฐ จะมีต้นทุนค่าขนส่งสูง หรืออาจผลิตตามความต้องการ เฉพาะของประชาชนในทอ้ งถน่ิ นน้ั ทาให้ไม่สามารถซื้อขายข้ามประเทศได้ ทั้งนี้ การประเมินราคาเงาอาจทาได้ โดยใช้ราคาเทยี บเท่าในรปู ของเงินตราตา่ งประเทศท่ไี มร่ วมถึงต้นทนุ แรงงาน ซึ่งข้ึนอยู่กับลักษณะของโครงการ เป็นหลัก นอกจากการหามูลค่าการนาเข้าและส่งออก ณ ท่าเรือ การใช้ SER และการหัก ค่าใชจ้ า่ ยเงนิ โอนท่ีไมส่ ะทอ้ นการเปลี่ยนแปลงไปของทรัพยากร อาทิ ค่าเส่ือมราคา ค่าชาระหนี้ ดอกเบ้ีย และ ภาษี เพ่ือปรับมูลค่าของต้นทุนและผลประโยชน์ทางการเงินตามราคาตลาด ให้เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจตาม ราคาเงา ที่สะทอ้ นคา่ เสียโอกาสของสังคมแล้ว ผู้วิเคราะห์อาจคานวณตัวปรับค่า (Conversion Factors) เพ่ือ แปลงมูลค่าทางการเงินให้เป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ ท้ังนี้ Ahmed (1983) ได้ทาการศึกษาภายใต้การ สนับสนนุ ของธนาคารโลก เพือ่ คานวน Conversion Factors สาหรับกลุ่มสินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศ ไทย รายละเอยี ดปรากฏตามตารางท่ี 3.2 ตารางท่ี 3.2 คา่ Conversion Factors ตามการศึกษาของ Ahmed (1983) รายการ Conversion Factors 1. ตวั ปรบั คา่ มาตรฐาน 0.92 (ถว่ งน้าหนกั สินคา้ ท่ีมกี ารซ้ือขายในตลาด) 2. ตวั ปรบั ค่าจาแนกตามกลุ่มสินค้า - สินค้าอุปโภคบริโภค 0.95 - สินค้าข้นั กลาง 0.94 - สินค้าทุน 0.84 - กอ่ สรา้ ง 0.88 - ไฟฟ้า 0.90 - คมนาคม/ขนส่ง 0.87 - แรงงาน 0.92 - ปยุ๋ เคมี 0.92 - ยาปราบศัตรพู ืช 0.88 ท่มี า : (มหาวทิ ยาลัยสุโขทยั ธรรมาธิราช, 2558, น. 4-38) หมายเหตุ : คา่ Conversion Factors นอ้ ยกวา่ 1 มีการบิดเบือนราคา โดยการเกบ็ ภาษีหรือการผูกขาด มากกวา่ 1 มีการบดิ เบอื นราคา โดยการให้เงนิ อุดหนนุ การผลติ เทา่ กับ 1 ไม่มกี ารบิดเบือนราคา สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 15 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แกผ่ ู้มีรายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559  กรณีไม่มตี ลาด เม่ือปัจจัยการผลิตและผลผลิตของโครงการไม่มีตลาดในการซ้ือขาย ผู้วิเคราะห์จะไม่ สามารถหาราคาตลาด เพ่ือเป็นข้อมูลอ้างอิงในการคานวณราคาเงาได้ อย่างไรก็ดี การหาราคาเงาปัจจัยการ ผลิตและผลผลิตของโครงการ อาจทาได้โดยการสารวจความเต็มใจท่ีจะจ่าย (Willingness to Pay: WTP) ของผู้ได้รับประโยชน์ เพ่ือประมาณการผลประโยชน์ของโครงการ และความเต็มใจท่ีจะยอมรับ (Willingness to Accept: WTA) ของผู้เสียประโยชน์ เพ่ือประมาณการต้นทุนชดเชยเพื่อให้โครงการเกิดข้ึน อาทิ โครงการ ผลติ วคั ซนี ป้องกันโรคไขเ้ ลือดออก สามารถวดั ผลประโยชน์โดยสารวจ WTP ของผู้ปกครอง สาหรับการเข้ารับ การฉดี วคั ซนี ของบุตรหลาน เพ่ือป้องกนั การติดโรคดังกล่าว (มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธริ าช, 2558, น. 4-26 – 4-42) 3.2.5 อตั ราคิดลดของสงั คม (Social Discount Rate) อัตราคิดลดของสังคม ผู้เขียนพิจารณาแล้ว เห็นว่า เป็นอัตราต้นทุนค่าเสียโอกาสท่ีสังคมได้รับ จากการใช้ทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อดาเนินโครงการ ท้ังนี้ หากไม่ดาเนินโครงการดังกล่าว สังคมอาจนาทรัพยากร ไปบริโภค อุปโภค หรือดาเนินโครงการอื่น ๆ ได้ ดังน้ัน การกาหนดค่าอัตราคิดลดของสังคม จึงต้องคานึงถึง ขอ้ เทจ็ จรงิ ดังกล่าว ทง้ั น้ี อตั ราคดิ ลดของสงั คมจะนาไปเปรียบเทียบกับ EIRR เพื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้ทาง เศรษฐกจิ และความค้มุ คา่ ต่อไป นกั เศรษฐศาสตร์มแี นวทางในการกาหนดอตั ราคดิ ลดของสงั คม ดงั นี้  อัตราชดเชยการบริโภคต่างเวลาของสังคม (Social Rate of Time Preferences: SRTP) เป็นแนวทางเกี่ยวกับการชดเชยให้แก่ประชาชนที่เสียสละการบริโภคทรัพยากรในปัจจุบัน เพ่ือนา ทรพั ยากรดงั กลา่ วไปสนับสนุนโครงการภาครฐั โดยตัวแปรทางเศรษฐกิจท่ีสามารถใช้ประมาณการอัตรา SRTP คือ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาว ท้ังนี้ รัฐบาลจะกู้เงินโดยขายพันธบัตรรัฐบาลให้แก่ประชาชน และนาเงินไปดาเนินโครงการภาครัฐ ดังนั้น อัตราผลตอบแทนหรืออัตราดอกเบี้ยของพันธบัตร จึงต้อง อยู่ในระดับสูงและเพียงพอในการจูงใจให้ประชาชนนาเงินท่ีมีอยู่ มาเก็บออมผ่านการซ้ือพันธบัตรรัฐบาล แทนการนาไปจับจ่ายใชส้ อย  อัตราค่าเสียโอกาสของสังคม (Social Opportunity Cost Rate: SOCR) เป็นแนวทาง ท่ีคานึงถึงทรัพยากรของสังคมท่ีมีอยู่อย่างจากัด ดังน้ัน เม่ือภาครัฐนาทรัพยากรไปสนับสนุนโครงการหน่ึง จึงเกิดต้นทุนค่าเสียโอกาสจากการนาทรัพยากรเดียวกันไปดาเนินโครงการอื่น ดังนั้น อัตราผลตอบแทนจาก การดาเนินโครงการอื่น จึงสามารถใช้ประมาณการอตั รา SOCP ได้ (ปราณ,ี 2545, น. 28 – 29) สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร 16 สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิม่ รายไดใ้ ห้แกผ่ ู้มรี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่อื สวัสดกิ ารแห่งรฐั ปี 2559 3.3 ขนั้ ตอนในการศึกษา 1. จาแนกประเภทต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย โดยพิจารณาจากสาระสาคัญของมาตรการ (รายละเอียดปรากฏตามบทที่ 4) และบทบาทหน้าที่ในทาง เศรษฐกิจของรฐั บาล (รายละเอยี ดปรากฏตามหัวข้อ 2.1.2) และประมาณการต้นทุนและผลประโยชน์ดังกล่าว โดยเทียบเคียงกับค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง และใช้แนวคิดเศรษฐศาสตร์มหภาคเพ่ือวิเคราะห์ต่อไป ทั้งน้ี ผลการ จาแนกต้นทุน-ผลประโยชน์และการประมาณการ รายละเอียดปรากฏตามบทท่ี 5 โดยในเบื้องต้น ต้นทุนทาง เศรษฐกิจ ประกอบด้วย ค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ค่าใช้จ่ายในการเปิด ดูแล ตรวจสอบ และ รักษาบัญชีเงินฝากของผู้มีรายได้น้อย ค่าธรรมเนียมการโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝาก และงบประมาณ ที่เบิกจ่ายเพ่ือเป็นเงินโอนช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและชดเชยต้นทุนเงินแก่ธนาคาร สาหรับผลประโยชน์ทาง เศรษฐกิจ ประกอบด้วย การรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และการกระจาย รายไดแ้ ละสรา้ งความเทา่ เทียมกนั ในสังคม 2. กาหนดอัตราคิดลดของสังคม (ตามแนวคิดในหัวข้อ 3.2.5) รายละเอียดปรากฏตามบทที่ 5 โดยในเบอ้ื งต้น อตั ราคิดลดของสงั คมตามแนวคิด SRTP จะใช้อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาว และ ตามแนวคดิ SOCR จะใช้ EIRR ของโครงการลงทุน 3. ใชผ้ ลการประมาณการตน้ ทนุ -ผลประโยชน์ (ตามข้อ 1) เพื่อประมาณการ EIRR และเปรียบเทียบกับ อัตราคิดลดของสังคม (ตามข้อ 2) เพ่ือวิเคราะห์เป็นไปได้ทางเศรษฐกิจและความคุ้มค่า โดยรายละเอียด ปรากฏตามบทที่ 6 4. จดั ทา Sensitivity Analysis โดยกาหนดใหป้ ัจจัยต่าง ๆ เปล่ียนแปลงไป หรือใช้ NPV เพื่อสอบทาน ความแม่นตรงของผลการศกึ ษา (ตามข้อ 3) ทั้งนี้ รายละเอียดปรากฏตามบทท่ี 6 5. สรปุ และอภปิ รายผลการศึกษา รวมทง้ั จัดทาขอ้ เสนอแนะ รายละเอยี ดปรากฏตามบทท่ี 7 สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 17 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิม่ รายได้ใหแ้ ก่ผ้มู รี ายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพือ่ สวสั ดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 บทท่ี 4 มาตรการเพ่ิมรายไดใ้ หแ้ กผ่ ู้มรี ายไดน้ อ้ ย 4.1 ทีม่ า โครงการลงทะเบยี นเพ่อื สวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 เป็นมาตรการริเร่ิมของกระทรวงการคลัง เพ่ือบูรณา การฐานข้อมูลสวัสดิการสังคมในโครงการระบบการชาระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ และยกระดับ ประสิทธิภาพการจัดสวัสดกิ ารสงั คมและการให้เงนิ ช่วยเหลอื ของภาครัฐ โดยมีรายละเอยี ด ดังนี้ 1. ผู้มีสิทธิลงทะเบียนรัฐสวัสดิการ ต้องเป็นผู้ว่างงานหรือมีรายได้ในแต่ละปีปฏิทินไม่เกิน 100,000 บาท และเปน็ รูปแบบสมัครใจ 2. ผลู้ งทะเบียนต้องเปิดเผยรายได้ การถือครองทรัพย์สินของตน เจ้าหนี้ และจานวนหน้ีสินท่ีคง ค้าง โดยมอี ายุตัง้ แต่ 18 ปีข้นึ ไป และมีสัญชาตไิ ทย 3. กลไกการดาเนินการ ให้ประชาชนลงทะเบียน ณ ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) ระหว่างวันท่ี 15 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2559 โดยธนาคารจะจัดเก็บเอกสารและส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยังกรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบความ ถกู ต้องกบั กรมการปกครอง แลว้ นาไปใช้ในการจัดสวัสดิการสังคมตอ่ ไป ท้ังนี้ โครงการลงทะเบียนดังกล่าว ไม่มีการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพ่ิมเติม เนื่องจากเป็นการขอความ ร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และกระทรวงการคลังได้ใช้ฐานข้อมูลผู้ลงทะเบียน ในโครงการ เพื่อดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยทั้งที่เป็นเกษตรกรและไม่ใช่เกษตรกร โดยโอน เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนกลุ่มดังกล่าว ท้ังนี้ มติคณะรัฐมนตรีท่ีเป็นแนวทางในการดาเนินโครงการและ มาตรการปรากฏตามตารางท่ี 4.1 ตารางท่ี 4.1 มติคณะรฐั มนตรที ่ีสาคัญเก่ยี วกับมาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แก่ผู้มรี ายไดน้ อ้ ย ในโครงการลงทะเบียนเพอ่ื สวัสดกิ ารแห่งรฐั ปี 2559 วนั /เดือน/ปี ชื่อเรื่อง 14/06/2559 โครงการลงทะเบยี นเพื่อสวสั ดิการแห่งรฐั 27/09/2559 มาตรการสง่ เสริมคุณภาพชวี ิตเกษตรกรรายยอ่ ย 01/11/2559 การตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกรผ้มู รี ายได้น้อยและหลกั เกณฑ์ในการโอนเงินภายใต้มาตรการเพ่ิมรายได้ ใหแ้ ก่เกษตรกรผู้มรี ายไดน้ ้อย (มาตรการสง่ เสริมคุณภาพชีวิตเกษตรกรรายยอ่ ย) 22/11/2559 มาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แกผ่ ู้มรี ายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพอื่ สวสั ดิการแหง่ รฐั 13/12/2559 ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเม่อื วันท่ี 22 พฤศจกิ ายน 2559 เร่อื ง มาตรการเพ่ิมรายได้ใหแ้ กผ่ ู้มรี ายไดน้ อ้ ยใน โครงการลงทะเบียนเพ่ือสวสั ดกิ ารแห่งรัฐ 27/12/2559 ขอขยายระยะเวลาการตรวจสอบคุณสมบตั แิ ละการโอนเงินตามมาตรการเพม่ิ รายได้ใหแ้ กผ่ ูม้ รี ายไดน้ ้อยใน โครงการลงทะเบียนเพ่ือสวสั ดิการแหง่ รฐั 24/01/2560 การชาระคนื เงนิ ต้นและต้นทุนเงนิ ตามมาตรการเพม่ิ รายได้ใหแ้ กเ่ กษตรกรผ้มู ีรายได้นอ้ ย ใหแ้ ก่ธนาคารเพื่อ การเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตร ธนาคาร ออมสิน และธนาคารกรุงไทย 28/02/2560 รายงานผลโครงการลงทะเบียนเพอื่ สวัสดิการแหง่ รัฐ ปี 2559 และโครงการลงทะเบียนเพอื่ สวัสดกิ ารแห่งรฐั ปี 2560 สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร 18 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพมิ่ รายได้ใหแ้ กผ่ ู้มรี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่อื สวัสดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 4.2 สาระสาคัญโดยสงั เขปของมาตรการ (สรปุ ความจากมตคิ ณะรฐั มนตรีตามตารางที่ 4.1) 4.2.1 วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยท้ังท่ีเป็นเกษตรกรและไม่ใช่เกษตรกร ท่ีเข้าร่วมโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 ให้มีรายได้เพียงพอในการดารงชีพ โดยกาลังซื้อของประชาชน กล่มุ ดังกลา่ ว มีสญั ญาณชะลอตัว เนื่องจากเศรษฐกิจไทยไดร้ ับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกจิ โลก 4.2.2 หลกั เกณฑก์ ารใหค้ วามช่วยเหลือ ใชเ้ สน้ ความยากจน (Poverty Line) ที่คานวณโดยสานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสงั คมแห่งชาติ ซ่ึงระดับเส้นความยากจนในปี 2557 เท่ากับ 30,000 บาทต่อคนต่อปี ท้ังน้ี ผู้มีรายได้น้อย ที่มีรายได้ต่ากว่าระดับเส้นความยากจน จะได้รับเงินช่วยเหลือมากกว่าผู้มีรายได้น้อยท่ีมีระดับรายได้สูงกว่า รายละเอียดปรากฏตามตารางที่ 4.2 ตารางท่ี 4.2 อัตราเงินโอนตามมาตรการเพม่ิ รายได้ใหแ้ ก่ผมู้ รี ายได้น้อย ผู้มรี ายไดน้ อ้ ยทลี่ งทะเบียนในโครงการลงทะเบียน อัตราเงินโอน เพอื่ สวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 (ให้เพียงครั้งเดยี ว) 1. ผทู้ ไ่ี ม่มีรายได้ หรอื มีรายไดไ้ ม่เกนิ 30,000 บาทต่อปี 3,000 บาทตอ่ คน 2. ผูม้ ีรายได้ตงั้ แต่ 30,001 – 100,000 บาทตอ่ ปี 1,500 บาทตอ่ คน 4.2.3 กลไกการดาเนนิ การ ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) โอนเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยท่ีมีสิทธิ และลงทะเบียนตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 ไวก้ บั ธนาคาร ให้แล้วเสรจ็ ภายในวนั ท่ี 31 มกราคม 2560 ดงั นี้  กรณเี ปน็ ลกู คา้ ของธนาคาร ใหธ้ นาคารโอนเงินเข้าบญั ชีของผู้มีสิทธิโดยตรง และหากผู้มี สทิ ธิมเี งนิ ฝากมากกว่า 1 บัญชี ให้โอนเงนิ เขา้ บญั ท่มี กี ารเคล่ือนไหวลา่ สดุ  กรณีไม่ได้เป็นลูกค้าของธนาคาร ให้ผู้มีสิทธิแสดงตัวและเปิดบัญชีเงินฝากที่สาขาของ ธนาคาร ที่ได้ลงทะเบียนตามโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 และธนาคารจะโอนเงินเข้า บัญชีดังกล่าวต่อไป 4.2.4 กรอบงบประมาณ การดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 มีประมาณการรายจา่ ยและแนวทางการชดเชยจากรัฐบาล ดังน้ี สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 19 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายไดใ้ ห้แก่ผ้มู รี ายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพอ่ื สวัสดกิ ารแห่งรฐั ปี 2559  กรณีผู้มีรายได้น้อยท่ีเป็นเกษตรกร ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย จานวน 2.85 ล้านคน กรอบวงเงนิ จานวน 6,540 ลา้ นบาท ท้ังนี้ ให้ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 งบกลาง รายการเงินสารองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจาเป็น ที่กระทรวงการคลังอนุมัติให้ขยายระยะเวลาเบิก จ่ายเงินกันไว้เบิกเหล่ือมปีแล้ว ภายในกรอบวงเงินดังกล่าว พร้อมชดเชยต้นทุนเงินในอัตรา FDR+1 คืนให้แก่ ธนาคาร  กรณีผู้มีรายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรกร ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมาย จานวน 5.4 ล้านคน กรอบวงเงิน จานวน 12,750 ล้านบาท ท้ังนี้ ให้ธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออม สิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) เบิกจ่ายจากงบประมาณรายจ่ายประจาปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ งบกลาง รายการเงนิ สารองจ่ายเพ่ือกรณฉี กุ เฉินหรอื จาเป็น ภายในกรอบวงเงินดงั กล่าว พร้อมชดเชยต้นทุนเงิน ในอัตรา FDR+1 คืนให้แกธ่ นาคาร 4.2.5 ผลการดาเนินการ โครงการลงทะเบียนเพอื่ สวสั ดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 มีประชาชนมาลงทะเบียน จานวน 8,375,383 คน แบ่งเป็น ผมู้ ีสทิ ธิได้รับเงนิ โอนตามมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย จานวน 7,715,359 คน และผู้ ไม่มีสิทธิ จานวน 660,024 คน เน่ืองจากเสียชีวิตแล้ว ช่ือและนามสกุลผิดพลาด มีรายได้มากกว่า 100,000 บาทตอ่ ปี และไมเ่ ปน็ เกษตรกรตามทะเบียนเกษตรกรของกรมส่งเสรมิ การเกษตร กรมประมง และกรมปศสุ ัตว์ ผู้มีสิทธิได้รับเงินโอนตามมาตรการ จานวน 7,715,359 คน เม่ือส้ินสุดระยะเวลาตามมาตรการ ณ วันท่ี 31 มกราคม 2560 พบว่า ได้รับเงินโอน จานวน 7,525,363 คน คิดเป็นวงเงิน 17,469.0 ล้านบาท และไม่ได้รบั เงนิ โอน จานวน 189,996 คน เนื่องจากไมม่ บี ัญชเี งินฝากกับธนาคาร ไม่มาติดต่อกับธนาคาร หรือ บญั ชเี งนิ ฝากถูกอายัด ผู้ได้รับเงินโอนตามมาตรการ จานวน 7,525,363 คน วงเงิน 17,469.0 ล้านบาท แบ่งเป็น ผู้ที่ เป็นเกษตรกร จานวน 2,435,303 คน วงเงิน 5,437.2 ล้านบาท และผู้ท่ีไม่ใช่เกษตรกร จานวน 5,050,060 คน วงเงนิ 12,031.8 ล้านบาท กระทรวงการคลังได้สารวจวัตถุประสงค์ในการนาเงินโอนไปใช้จ่ายจากผู้ลงทะเบียน จานวน 92,704 คน ซึ่งสามารถเลอื กคาตอบไดม้ ากกวา่ 1 ขอ้ พบวา่ มีรายละเอยี ดการนาไปใช้จ่าย ดงั น้ี  อันดับ 1 เพื่อนาไปใช้จ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จาเป็น จานวน 30,968 คน คิดเป็น ร้อยละ 34 ของผตู้ อบ  อันดบั 2 เพอ่ื ชาระหนี้สิน จานวน 17,695 คน คิดเปน็ ร้อยละ 19 ของผ้ตู อบ  อนั ดับ 3 เพ่ือชาระคา่ เลา่ เรียน จานวน 11,483 คน คิดเปน็ รอ้ ยละ 12 ของผู้ตอบ  อ่นื ๆ อาทิ ลงทนุ ประกอบอาชีพ ให้บพุ การี ฝากธนาคาร และบริจาค สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 20 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพมิ่ รายไดใ้ ห้แก่ผ้มู ีรายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่ือสวสั ดิการแห่งรฐั ปี 2559 4.2.6 ภาระงบประมาณทีเ่ กิดขึน้ จรงิ ผลการเบิกจ่ายงบประมาณโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) เพื่อดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยตั้งแต่ระยะแรกเร่ิม จนถึงสิ้นสุดมาตรการ ณ วันท่ี 31 มกราคม 2560 มีจานวนทั้งสิ้น 17,489.3 ล้านบาท แบ่งเป็น การจ่ายเงิน โอนให้กบั ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย จานวน 17,469.0 ล้านบาท และการชดเชยต้นทนุ เงนิ จานวน 20.3 ลา้ นบาท 4.3 บทวเิ คราะหเ์ กีย่ วกับมาตรการ ผ้เู ขียนไดพ้ จิ ารณามาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2559 ในประเดน็ เก่ยี วกบั บทบาทหน้าท่ขี องรัฐบาลในระบบเศรษฐกิจ พบว่า มาตรการดังกล่าวจะก่อให้เกิด ประโยชนด์ ้านการกระจายรายได้ในสังคม และการส่งเสริมการเจริญเติบโตและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ต้นทุนของมาตรการดังกล่าว อาทิ เงินโอนแก่ผู้มีรายได้น้อย การชดเชยต้นทุนเงินให้แก่ธนาคาร คา่ ใช้จา่ ยการจัดให้มกี ารลงทะเบียน การบรหิ ารและตรวจสอบบัญชีเงินฝาก และค่าใช้จ่ายการโอนเงิน รวมทั้ง ต้นทุนเงินในการกู้เงินของภาครัฐ เพ่ือนาเงินมาสนับสนุนมาตรการ และค่าเสียโอกาสกรณีรัฐบาลสามารถ นาเงินดังกล่าว ไปดาเนินโครงการสาธารณะอื่น ยังเป็นปัจจัยเพ่ิมเติม ที่รัฐบาลควรนามาเปรียบเทียบ กบั ประโยชนท์ สี่ ังคมไดร้ ับ เพอ่ื ประเมนิ ความคุม้ คา่ ในการจดั สรรทรพั ยากรของสงั คม ทม่ี อี ยู่อย่างจากดั รายละเอียดตามหัวข้อ 4.2.5 ที่กระทรวงการคลังได้สารวจวัตถุประสงค์การนาเงินโอนไปใช้จ่าย พบว่า ผู้มีรายได้น้อยจะนาไปใช้จ่ายเพ่ือการบริโภคเป็นหลัก และการให้เงินโอนดังกล่าว เป็นไปในลักษณะจ่ายขาด เพียงคร้ังเดียวและไม่มเี ง่ือนไข ไมม่ ีการอบรมและใหค้ วามรู้เพม่ิ เติมแก่ผู้มีรายได้น้อยท่ีเข้าร่วมมาตรการ ดังน้ัน มาตรการดังกลา่ ว จะทาให้รายไดข้ องผ้มู ีรายไดน้ ้อยเพมิ่ เพียงช่ัวคราว แต่ศักยภาพในการสร้างรายได้ยังคงเดิม ดังน้ัน ผลประโยชน์ของมาตรการในการกระจายรายได้และสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม จึงเป็นไปอย่าง จากัด นอกจากนี้ การที่ผู้มีรายได้น้อยบางส่วนนาเงินโอนท่ีได้รับไปชาระหนี้แทนการจับจ่ายใช้สอยสินค้า จะทาให้การสง่ เสรมิ การเจริญเติบโตและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของรัฐบาล มีประสิทธิภาพลดลง ทั้งน้ี ผู้เขียนเห็นว่า ควรนาข้อเท็จจริงดังกล่าว ไปใช้ในการวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อประมาณ การ EIRR จากการดาเนนิ มาตรการในปี 2559 ต่อไป นอกจากนี้ รัฐบาลได้ดาเนินโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐอีกครั้งในปี 2560 โดยเพ่ิม ข้อกาหนดเก่ียวกับสินทรัพย์ทางการเงินและการถือกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้การคัดกรองและ ลงทะเบยี นผมู้ รี ายไดน้ ้อยเปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ และใช้ฐานข้อมูลจากการลงทะเบียนดังกล่าว เพ่ือจัดทา การให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยให้วงเงินผ่านบัตรเป็นรายเดือน เพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคท่ีจาเป็น สินค้าเพ่ือการศึกษา วัตถุดิบเพ่ือเกษตรกรรม และก๊าซหุงต้ม รวมท้ังเพื่อจ่ายค่าโดยสารการ บรกิ ารขนสง่ มวลชน นอกจากน้ี ยังได้จัดต้ังกองทุนประชารัฐเพ่ือเศรษฐกิจฐานราก ให้เป็นกลไกในการบริหาร เงินทุนสาหรับการให้ความช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าว และแต่งต้ังคณะกรรมการในระดับ ต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อน อาทิ คณะกรรมการนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ คณะ สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร 21 สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ หแ้ ก่ผูม้ รี ายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพือ่ สวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 อนกุ รรมการตดิ ตามการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ผู้มบี ัตรสวสั ดิการแห่งรัฐ และคณะอนุกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจาจังหวัด โดยมติคณะรัฐมนตรีท่ีเก่ียวข้องปรากฏตามตารางที่ 4.3 ทั้งนี้ ผู้เขียน เหน็ วา่ การดาเนินการในปี 2560 ได้ปรับปรุงรูปแบบจากปี 2559 โดยวงเงินในบัตรเป็นการให้อย่างมีเง่ือนไข เพ่ือนาไปชาระสินค้าและบริการที่กาหนดไว้เท่านั้น ทาให้สามารถบรรลุวัตถุประสงค์การช่วยเหลือผู้มีรายได้ น้อยและการกระตนุ้ เศรษฐกิจได้อยา่ งมีประสิทธภิ าพมากข้นึ อย่างไรก็ดี รูปแบบการดาเนินการที่เปลี่ยนแปลง ไป ทาให้ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการเพ่ิมข้ึน อาทิ ค่าตัวบัตร ค่าจัดการบัตร การติดต้ังระบบการชาระเงิน อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ค่าใช้จ่ายในการบริหารกองทุน ค่าเบี้ยเลี้ยงและเบ้ียประชุมคณะกรรมการในระดับต่าง ๆ และ วงเงินค่าใช้จ่ายผ่านบัตร อย่างไรก็ดี การดาเนินการเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่ผู้มีสิทธิในโครงการ ลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2560 อยู่นอกขอบเขตของการศึกษาฉบับน้ี และข้อมูลสาคัญที่ต้องใช้ วิเคราะห์มีเป็นจานวนมาก ดังนั้น การประเมิน EIRR ของบัตรสวัสดิการดังกล่าวอาจเป็นการดาเนินการใน ระยะต่อไป ตารางที่ 4.3 มตคิ ณะรัฐมนตรที ส่ี าคัญเกีย่ วกับการจัดทาบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รัฐใหแ้ ก่ผู้มสี ทิ ธิ ในโครงการลงทะเบยี นเพ่อื สวัสดิการแห่งรฐั ปี 2560 วนั /เดอื น/ปี ชอ่ื เรอื่ ง 28/02/2560 รายงานผลโครงการลงทะเบยี นเพ่อื สวัสดกิ ารแหง่ รัฐ ปี 2559 และโครงการลงทะเบยี นเพือ่ สวัสดกิ ารแห่ง รฐั ปี 2560 09/05/2560 การเสนอความเห็นการขอจัดตงั้ ทุนหมุนเวยี นของคณะกรรมการนโยบายการบรหิ ารทุนหมุนเวียน 04/07/2560 ขออนุมัตเิ งนิ งบประมาณรายจา่ ย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสารองจา่ ยเพื่อ กรณีฉุกเฉินหรือจาเปน็ และผูกพันงบประมาณ 29/08/2560 ประชารัฐสวสั ดิการ การให้ความช่วยเหลือผา่ นบัตรสวสั ดิการแหง่ รฐั 09/01/2561 มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวติ ผมู้ ีบัตรสวสั ดิการแหง่ รัฐ 30/01/2561 ขออนุมตั ิเงินงบประมาณรายจา่ ย ประจาปงี บประมาณ พ.ศ. 2560 งบกลาง รายการเงินสารองจา่ ย เพอื่ กรณีฉุกเฉนิ หรอื จาเปน็ 20/03/2561 รายงานความก้าวหน้าการดาเนินงานประชารัฐสวัสดิการ การใหค้ วามช่วยเหลอื ผ่านบัตรสวสั ดิการแห่งรัฐ 17/07/2561 รายงานความก้าวหน้าการดาเนินงานประชารฐั สวัสดิการ การใหค้ วามช่วยเหลือผา่ นบัตรสวัสดกิ ารแหง่ รฐั 28/08/2561 การเติมเงนิ เข้ากระเป๋าเงนิ อเิ ล็กทรอนกิ สใ์ นบตั รสวัสดิการแหง่ รัฐให้แกผ่ ูม้ ีสทิ ธิตามมาตรการพฒั นา คุณภาพชีวติ ผู้มบี ัตรสวัสดิการแหง่ รัฐ สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 22 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิม่ รายได้ให้แก่ผู้มีรายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพื่อสวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 บทที่ 5 ต้นทนุ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของมาตรการ 5.1 การจาแนกประเภทต้นทุนและผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ การดาเนินมาตรการเพมิ่ รายได้ให้แกผ่ มู้ ีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 เริ่มตน้ โดยการลงทะเบียนผมู้ รี ายไดน้ ้อย ตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิ จัดการข้อมูลร่วมกับธนาคารในโครงการ และโอนเงนิ ช่วยเหลือเขา้ บญั ชีเงินฝากของผู้มีรายได้น้อย รายละเอียดปรากฏตามบทท่ี 4 ทั้งนี้ สามารถจาแนก ประเภทตน้ ทนุ และผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของสังคมตามตารางท่ี 5.1 ดงั น้ี ตารางท่ี 5.1 การจาแนกตน้ ทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของมาตรการ ตน้ ทนุ ทางเศรษฐกิจ ผลประโยชนท์ างเศรษฐกจิ 1. คา่ ใชจ้ า่ ยในการลงทะเบียนผูม้ รี ายไดน้ ้อย 1. การกระจายรายไดแ้ ละสรา้ งความเทา่ เทียมกันในสังคม 2. ค่าใช้จ่ายในการเปิด ดูแล ตรวจสอบ และรักษาบัญชีเงิน 2. การรักษาเสถยี รภาพและสง่ เสรมิ การเจริญเติบโตทาง ฝากของผู้มรี ายได้นอ้ ย เศรษฐกิจ 3. ค่าธรรมเนียมการโอนเงนิ ช่วยเหลอื เข้าบัญชีเงินฝาก 4. งบประมาณท่เี บิกจา่ ยเพ่อื เป็นเงินโอนช่วยเหลือผู้มีรายได้ น้อย และชดเชยต้นทนุ เงินแก่ธนาคาร การจาแนกประเภทตน้ ทุนทางเศรษฐกิจ จะพิจารณาจากลักษณะการดาเนินการของมาตรการเป็นหลัก และผู้เขียนได้ประมาณการต้นทุนดังกล่าว โดยอ้างอิงจากค่าใช้จ่ายที่มีลักษณะเดียวกันภายใต้หน่วยงานอื่น และผลการเบิกจ่ายงบประมาณตามที่เกิดข้ึนจริง สาหรับการจาแนกผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจนั้น จะอ้างอิง จากหน้าท่ใี นทางเศรษฐกิจของรัฐบาลตามหัวข้อ 2.1.2 และใช้แนวคิดเศรษฐศาสตร์มหภาคและผลการดาเนิน มาตรการเพ่ือประมาณการต่อไป ท้ังน้ี ต้นทุนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่ประมาณการได้ จะนาไป คานวณ EIRR และจดั ทา Sensitivity Analysis ในบทท่ี 6 ต่อไป 5.2 การประมาณการต้นทุนทางเศรษฐกจิ 5.2.1 คา่ ใชจ้ า่ ยในการลงทะเบยี นผมู้ รี ายได้นอ้ ย โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 ได้เปิดให้ประชาชนลงทะเบียน ณ ธนาคาร เพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม - 15 สิงหาคม 2559 โดยธนาคารจะจัดเก็บเอกสารและส่งข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ไปยัง กรมสรรพากร เพ่ือตรวจสอบความถูกต้องกับกรมการปกครอง โดยโครงการลงทะเบียนดังกล่าว ไม่มีการ จัดสรรงบประมาณสนับสนุนเพ่ิมเติม และเป็นการขอความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ดังนั้น การคานวณค่าใช้จ่ายท่ีเกิดขึ้นจริง จึงต้องรวบรวมข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐจานวนมาก และอาจมี ความซ้าซ้อนกับภารกิจปกติของหน่วยงานดังกล่าว ซ่ึงอาจทาให้การปันส่วนเพ่ือคานวณค่าใช้จ่ายทาได้ยาก สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร 23 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายได้ใหแ้ กผ่ มู้ ีรายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพอ่ื สวสั ดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 ดังน้ัน ผู้เขียนจึงใช้ข้อมูลงบประมาณโครงการข้ึนทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร กรมส่งเสริม การเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาทาการเทียบเคียงและประมาณการค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผู้มี รายได้นอ้ ย เอกสารงบประมาณ ฉบับที่ 3 งบประมาณรายจ่าย ฉบับปรับปรุง ตามพระราชบัญญัติงบประมาณ รายจ่าย ประจาปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เล่มที่ 4 หน้า 577 ได้ให้รายละเอียดโครงการขึ้นทะเบี ยนและ ปรับปรุงทะเบยี นเกษตรกรว่า มวี ัตถปุ ระสงค์เพื่อปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรให้เป็นปัจจุบัน เชื่อมโยงกับ ฐานข้อมูลอ่ืน จัดเก็บข้อมูลผังแปลงเพาะปลูกให้ครบถ้วน และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและ ประมวลผล โดยจัดเก็บข้อมูลทั่วประเทศ ระยะเวลาดาเนินการ 8 ปี (ปี 2557 – 2564) งบประมาณท้ังส้ิน 545.4463 ล้านบาท (งบดาเนินงาน 61.5366 ล้านบาท และงบลงทุน 72.4 ล้านบาท) เป้าหมายเพื่อขึ้น ทะเบียนครัวเรือน 5,700,000 รายต่อปี (รวม ครัวเรือน 45.6 ล้านราย) ดังนั้น ต้นทุนในการข้ึนทะเบียน เกษตรกรจึงเทา่ กับ 11.96 บาทต่อราย (เทา่ กบั 545.4463 ล้านบาท/45.6 ลา้ นราย) ผลการดาเนินงานโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 รายละเอียดปรากฏตามบทที่ 4 พบว่า มีประชาชนมาลงทะเบียน จานวน 8,375,383 คน แบ่งเป็น ผู้มีสิทธิได้รับเงินโอน จานวน 7,715,359 คน และผู้ไม่มีสิทธิ จานวน 660,024 คน ดังน้ัน ประมาณการค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ดังกล่าว เท่ากับ 100,169,580.68 บาท (เท่ากับ 8,375,383 คน*11.96 บาทต่อราย) อย่างไรก็ดี ประมาณ การค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นเพียงต้นทุนทางการเงินเท่าน้ันและไม่ใช่ต้นทุนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากค่าใช้จ่าย ทเี่ กีย่ วข้อง คานวณจากราคามาตรฐานที่รวบรวมจากราคาตลาด ที่อาจมีการบิดเบือนจากโครงสร้างตลาดและ การจดั เก็บภาษี ดงั น้นั จงึ ตอ้ งแปลงให้เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจด้วย Conversion Factors ตามการศึกษาของ Ahmed (1983) ในตารางท่ี 3.2 โดยใช้ตัวปรับค่ามาตรฐาน เท่ากับ 0.92 ท้ังนี้ พบว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจ กรณีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย เท่ากับ 92,156,014.2256 บาท (เท่ากับ 100,169,580.68 บาท*0.92) ทั้งนี้ สรุปขั้นตอนการคานวณต้นทุนทางเศรษฐกิจกรณีค่าใช้จ่ายในการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ปรากฏตามตารางที่ 5.2 ตารางท่ี 5.2 การคานวณต้นทุนทางเศรษฐกิจกรณีค่าใชจ้ ่ายในการลงทะเบียนผู้มรี ายได้น้อย รายการ มูลคา่ 1. คา่ ใช้จ่ายโครงการขนึ้ ทะเบยี นและปรบั ปรุงทะเบยี นเกษตรกร 545.4463 ล้านบาท 2. เปา้ หมายเพื่อขึน้ ทะเบยี นเกษตรกร 45.6 ลา้ นราย 3. ค่าใช้จ่ายต่อหน่วยในการข้ึนทะเบียนเกษตรกร เพื่อใช้เทียบเคียงและประมาณ 11.96 บาทตอ่ ราย การการลงทะเบยี นผ้มู ีรายไดน้ ้อย (= 1/2) 4. ผมู้ าลงทะเบยี นผมู้ รี ายได้น้อย 8,375,383 คน 5. ประมาณการคา่ ใชจ้ ่ายในการลงทะเบียนผ้มู รี ายได้นอ้ ย (= 3*4) 100,169,580.68 บาท 6. คา่ Conversion Factor 0.92 7. ตน้ ทุนทางเศรษฐกิจกรณคี า่ ใช้จ่ายในการลงทะเบยี นผมู้ ีรายได้น้อย (= 5*6) 92,156,014.2256 บาท สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 24 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แก่ผ้มู ีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่ือสวัสดิการแหง่ รฐั ปี 2559 5.2.2 ค่าใช้จา่ ยในการเปดิ ดูแล ตรวจสอบ และรกั ษาบญั ชีเงนิ ฝากของผูม้ ีรายได้นอ้ ย ผู้มีรายได้น้อยจาเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากในธนาคารท่ีเข้าร่วมมาตรการ เพื่อรับโอนเงินช่วยเหลือ ตามระยะเวลาที่กาหนดต่อไป โดยผู้มีรายได้น้อยบางส่วนจาเป็นต้องดาเนินการในประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ การ ตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการเปิดบัญชี พบว่า ธนาคารผู้รับเปิดบัญชีจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการดาเนินการ ดงั กล่าว แต่จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากบริการท่ีเก่ียวเน่ือง อาทิ บัตร ATM หรือ บัตร Debit Card ซึ่งเป็น บริการท่ีนอกหนือขอบเขตความจาเป็นในการได้รับเงินโอนจากมาตรการ อย่างไรก็ดี เม่ือพิจารณาใน รายละเอียด พบว่า การเปิดบัญชีต้องอาศัยเจ้าหน้าท่ีธนาคารในการกรอกข้อมูลลงในระบบสารสนเทศของ ธนาคารและตรวจสอบความถกู ต้อง ซึง่ เปน็ ภารกจิ ที่ลกั ษณะการดาเนนิ การไม่แตกต่างจากการดูแล ตรวจสอบ และรกั ษาบญั ชเี งนิ ฝาก ดงั น้นั จงึ อาจสามารถประมาณการค่าใชจ้ า่ ยประเภทตา่ ง ๆ ดงั กล่าวไดพ้ ร้อมกนั การประมาณการค่าใช้จา่ ยในการเปดิ ดแู ล ตรวจสอบ และรกั ษาบญั ชีเงนิ ฝากของผู้มีรายได้น้อย จาเป้นต้องอาศัยข้อมูลจากรายงานงบการเงินและปันส่วนระหว่างภารกิจต่าง ๆ ของธนาคาร ซึ่งอาจมีความ ยุ่งยาก ซับซ้อน และอาจไม่สะท้อนถึงค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง ดังนั้น การศึกษานี้จึงเปรียบเทียบค่าธรรมเนียม การรักษาบัญชีเงินฝากของธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และ ธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) เพ่ือประมาณการค่าใช้จ่ายดังกล่าวต่อไป ท้ังน้ี รายละเอียดปรากฏตาม ตารางที่ 5.3 ตารางที่ 5.3 ค่าธรรมเนียมการรักษาบญั ชเี งนิ ฝาก ธนาคาร ประเภทบัญชีเงนิ ฝาก เงื่อนไข อัตรา วนั ท่บี งั คบั ใช้ (บาท/บญั ชี/เดือน) ธนาคารเพอื่ การเกษตรและ ออมทรัพย์ ยอดเงินคงเหลือ 20 31/10/2561 สหกรณ์การเกษตร และออมทรพั ยพ์ ิเศษ ไม่เกิน 500 บาท และ ขาดการตดิ ตอ่ 1 ปีขึ้นไป ธนาคารออมสนิ เผือ่ เรียก ยอดเงินคงเหลือ 20 01/04/2556 และกระแสรายวนั ไม่เกิน 500 บาท และ ขาดการตดิ ต่อ 1 ปีขน้ึ ไป ธนาคารกรงุ ไทย จากดั (มหาชน) ออมทรัพย์ ยอดเงินคงเหลือ 50 ปรบั ปรุง ไม่เกนิ 2,000 บาท และ ณ 25/07/2561 ไม่เคลือ่ นไหว 1 ปีขึน้ ไป ทม่ี า : www.baac.or.th/file-upload/011589-1-เอกสารแนบ%202_ประกาศอัตราคา่ บริการและคา่ ธรรมเนียม%20582_2561.pdf www.gsb.or.th/services/GSBFeeAll/GSBFee/คารกษาบญชเงนฝากออมสนประเภทเผอเรยก-และประเภทกระแสรา.aspx www.ktb.co.th/Download/product/MediaFile_27251Savings.pdf ข้อมูลตามตารางที่ 5.3 พบว่า ค่าธรรมเนียมการรักษาบัญชีเงินฝากของธนาคารเพ่ือการเกษตร และธนาคารออมสินจะต่ากว่าธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) ทั้งน้ี พิจารณาแล้วเห็นว่า การประมาณการ ค่าใช้จา่ ยในการเปดิ ดแู ล ตรวจสอบ และรักษาบัญชีเงินฝาก ควรดาเนินการให้มีค่าใกล้เคียงตามความเป็นจริง สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 25 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผ้มู ีรายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่ือสวสั ดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 มากที่สุด โดยธนาคารเพ่ือการเกษตรและธนาคารออมสินเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จัดต้ังเพื่อให้ความ ชว่ ยเหลือเกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย ลูกค้ารายย่อย และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ท่ีไม่สามารถเข้าถึง บริการทางการเงินในระบบธนาคารพาณิชย์ได้ ดังน้ัน การกาหนดค่าธรรมเนียมจึงอยู่ในลักษณะผ่อนปรนเป็น หลัก ในขณะท่ีธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) เป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพและความ คล่องตัวในการดาเนินงาน และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การดาเนินงานจึงให้ ความสาคัญกับผลประกอบการและผู้ถือหุ้นมากกว่า ดังนั้น ผู้เขียนจึงเลือกใช้ค่าธรรมเนียมการรักษาเงินฝาก ของธนาคารเพ่ือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและธนาคารออมสินในการประมาณการ เน่ืองจากอาจ ใกลเ้ คียงกบั ค่าใช้จ่ายทเี่ กดิ ขนึ้ จรงิ มากกวา่ ทัง้ น้ี การประมาณการค่าใช้จ่ายปรากฏดงั นี้  กรณีผ้มู ีรายได้น้อยที่เป็นเกษตรกร o มตคิ ณะรัฐมนตรีเม่อื วนั ท่ี 27 กันยายน 2559 o ระยะเวลาในการดาเนินการ 4 เดอื น โดยประมาณ (ตุลาคม 2559 – มกราคม 2560) o ผไู้ ดร้ บั เงินโอน 2,435,303 ราย o ประมาณการคา่ ใชจ้ า่ ย 194,824,240 บาท (หรอื เท่ากบั 4 เดอื น*2,435,303 ราย*20 บาท)  กรณผี ู้มีรายไดน้ ้อยทไี่ มใ่ ชเ่ กษตรกร o มตคิ ณะรฐั มนตรีเมื่อวนั ที่ 22 พฤศจิกายน 2559 o ระยะเวลาในการดาเนนิ การ 2 เดือน โดยประมาณ (ธนั วาคม 2559 – มกราคม 2560) o ผูไ้ ดร้ ับเงินโอน 5,050,060 ราย o ประมาณการคา่ ใช้จา่ ย 202,002,400 บาท (หรือเทา่ กบั 2 เดอื น*5,050,060 ราย*20 บาท) ดังนั้น ประมาณการค่าใช้จ่ายในการเปิด ดูแล ตรวจสอบ และรักษาบัญชีเงินฝากของผู้มีรายได้ น้อยท้ังท่ีเป็นเกษตรกรและไม่ใช่เกษตรกร เท่ากับ 396,826,640 บาท (เท่ากับ 194,824,240 บาท+ 202,002,400 บาท) อย่างไรก็ดี ประมาณการค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นเพียงต้นทุนทางการเงินเท่าน้ันและไม่ใช่ ต้นทุนทางเศรษฐกจิ เน่อื งจากคานวณจากราคาตลาด ที่อาจมีการบิดเบือนจากโครงสร้างตลาดและการจัดเก็บ ภาษี ดังน้ัน จึงต้องแปลงให้เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจด้วย Conversion Factors ตามการศึกษาของ Ahmed (1983) ในตารางที่ 3.2 โดยใช้ตัวปรับค่ามาตรฐาน เท่ากับ 0.92 ท้ังนี้ พบว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจกรณี ค่าใชจ้ า่ ยในการเปิด ดูแล ตรวจสอบ และรักษาบัญชีเงินฝากของผู้มีรายได้น้อย เท่ากับ 365,080,508.8 บาท (เท่ากบั 396,826,640 บาท*0.92) ทงั้ นี้ สรปุ ข้ันตอนการคานวณตน้ ทุนทางเศรษฐกิจกรณีค่าใช้จ่ายในการเปิด ดูแล ตรวจสอบ และรกั ษาบญั ชเี งินฝากของผู้มีรายไดน้ อ้ ยปรากฏตามตารางที่ 5.4 สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 26 สานกั งบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่มิ รายไดใ้ หแ้ กผ่ ูม้ ีรายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่อื สวัสดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559 ตารางที่ 5.4 การคานวณตน้ ทุนทางเศรษฐกิจกรณคี ่าใช้จ่ายในการเปดิ ดูแล ตรวจสอบ และรกั ษาบัญชีเงินฝากของผู้มรี ายได้น้อย รายการ มลู คา่ 1. คา่ ใชจ้ า่ ยในการเปดิ ดแู ลฯ กรณผี ู้มีรายได้น้อยที่เป็นเกษตรกร 194,824,240 บาท (= 4 เดือน*2,435,303 ราย*20 บาท) 2. คา่ ใชจ้ ่ายในการเปิด ดูแลฯ กรณผี ู้มรี ายได้น้อยที่ไม่ใช่เกษตรกร 202,002,400 บาท (=2 เดอื น*5,050,060 ราย*20 บาท) 3. คา่ ใชจ้ ่ายในการเปดิ ดูแลฯ รวม (= 1+2) 396,826,640 บาท 4. คา่ Conversion Factor 0.92 5. ตน้ ทนุ ทางเศรษฐกิจกรณคี า่ ใช้จา่ ยในการเปดิ ดูแลฯ (= 3*4) 365,080,508.8 บาท 5.2.3 ค่าใชจ้ า่ ยการโอนเงนิ ชว่ ยเหลอื เข้าบัญชเี งนิ ฝาก ผู้เขียนได้ทาการตรวจสอบค่าใช้จ่ายในการโอนเงินให้แก่ประชาชน ที่เข้าร่วมโครงการตาม นโยบายรัฐท่ีผ่านมา เพ่ือประมาณการค่าใช้จ่ายการโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝากของผู้มีรายได้น้อยตาม มาตรการ ทงั้ น้ี ไดต้ รวจสอบเอกสารท่นี าเสนอคณะรฐั มนตรีเพื่อพจิ ารณา พบวา่  มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผ้มู รี ายได้นอ้ ยปี 2557/58 o ตามมตคิ ณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ 1 ตุลาคม 2557 o เพอ่ื ช่วยเหลือคา่ ต้นทนุ การผลิตแกเ่ กษตรกรผปู้ ลกู ข้าว จานวน 1,000 บาทต่อไร่ o ครอบคลมุ เกษตรกรผู้ปลกู ขา้ ว จานวน 3.4 ล้านครอบครัว o กาหนดค่าธรรมเนียมการโอนเงนิ จานวน 12 บาท/ราย o ใหธ้ นาคารเพ่อื การเกษตรและสหกรณ์การเกษตรดาเนินการ  โครงการชดเชยรายได้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง o ตามมตคิ ณะรฐั มนตรีเมอื่ วันท่ี 21 ตลุ าคม 2557 และ 22 ธันวาคม 2558 o เพอ่ื ชดเชยรายไดแ้ ก่ชาวสวนยางซ่งึ มีพนื้ ทสี่ วนยางเปิดกรีดในทีท่ ่ีมีเอกสารสิทธิ o กาหนดอตั ราชดเชย จานวน 1,000 บาทต่อไร่ และไมเ่ กิน 15 ไร่ o ครอบคลมุ เกษตรกร จานวน 850,000 ครวั เรือน o กาหนดคา่ ธรรมเนียมการโอนเงิน จานวน 15 บาท/ราย o ใหธ้ นาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณก์ ารเกษตรดาเนนิ การ การประสานงานกับธนาคารเพอ่ื การเกษตรและสหกรณ์การเกษตร พบว่า ค่าธรรมเนียมการโอน เงินภายใต้โครงการนโยบายรฐั ทม่ี ีลกั ษณะให้เงินช่วยเหลอื แก่เกษตรกร มีแนวโน้มลดลง อาทิ  โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 กาหนดค่าธรรมเนยี มการโอนเงนิ จานวน 10 บาท/ราย สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 27 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพิม่ รายได้ให้แก่ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพื่อสวัสดกิ ารแหง่ รัฐปี 2559  โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเก่ียวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูก ขา้ วนาปี ปีการผลิต 2559/60 กาหนดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน จานวน 10 บาท/ราย  โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเก่ียวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูก ขา้ วนาปี ปกี ารผลติ 2560/61 กาหนดคา่ ธรรมเนยี มการโอนเงิน จานวน 5 บาท/ราย  โครงการช่วยเหลือค่าเก็บเก่ียวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูก ข้าวนาปี ปกี ารผลิต 2561/62 กาหนดคา่ ธรรมเนียมการโอนเงนิ จานวน 5 บาท/ราย และเน่ืองจากมาตรการเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในโครงการลงทะเบียนเพ่ือสวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 ดาเนินการในระหว่างปี 2559 – 2560 ดังน้ัน ผู้เขียนพิจารณาแล้ว เห้นว่า ควรนาค่าธรรมเนียมการโอนเงิน ตามโครงการนโยบายรัฐทมี่ ีการดาเนินการในระยะเวลาใกล้เคียงกัน คอื โครงการสนบั สนุนเงินช่วยเหลือต้นทุน การผลิตให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2559/60 และโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเก่ียวและปรับปรุง คุณภาพข้าวให้แก่เกษตรกรรายย่อยผู้ปลูกข้าวนาปี ปีการผลิต 2559/60 มาเป็นอัตราอ้างอิงในการประมาณ การ ซึ่งอาจสะท้อนค่าใช้จ่ายที่เกิดข้ึนจริงได้ดี เน่ืองจากเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่เกษตรกร มิใช่การ แสวงหากาไร ดังน้ัน การศึกษาฉบบั นจ้ี ึงกาหนดให้คา่ ธรรมเนียมการโอนเงนิ เทา่ กับ 10 บาท/ราย ผู้ได้รับเงินโอนตามมาตรการ จานวน 7,525,363 คน และค่าธรรมเนียมการโอนเงิน เท่ากับ 10 บาท/ราย ดังนั้น ค่าใช้จ่ายการโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝาก เท่ากับ 75,253,630 บาท (เท่ากับ 7,525,363 คน*10 บาท/ราย) อย่างไรก็ดี ประมาณการค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นเพียงต้นทุนทางการเงินเท่านั้น และไม่ใช่ต้นทุนทางเศรษฐกิจ เนื่องจากคานวณจากราคาตลาด ที่อาจมีการบิดเบือนจากโครงสร้างตลาดและ การจัดเกบ็ ภาษี ดังนั้น จึงตอ้ งแปลงให้เป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจด้วย Conversion Factors ตามการศึกษาของ Ahmed (1983) ในตารางที่ 3.2 โดยใช้ตัวปรับค่ามาตรฐาน เท่ากับ 0.92 ทั้งน้ี พบว่า ต้นทุนทางเศรษฐกิจ กรณีค่าใช้จ่ายการโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงินฝาก เท่ากับ 69,233,339.6 บาท (เท่ากับ 75,253,630 บาท *0.92) ท้ังนี้ สรุปขั้นตอนการคานวณต้นทุนทางเศรษฐกิจกรณีค่าใช้จ่ายในการโอนเงินช่วยเหลือเข้าบัญชีเงิน ฝากปรากฏตามตารางท่ี 5.5 ตารางท่ี 5.5 การคานวณต้นทนุ ทางเศรษฐกจิ กรณคี ่าใชจ้ ่ายในการโอนเงนิ ชว่ ยเหลือเข้าบัญชีเงินฝาก รายการ มูลคา่ 1. ผูไ้ ด้รับเงนิ โอนตามมาตรการ 7,525,363 คน 2. ค่าธรรมเนยี มการโอนเงนิ 10 บาท/ราย 3. ค่าใช้จ่ายในการโอนเงนิ (= 1*2) 75,253,630 บาท 4. ค่า Conversion Factor 0.92 5. ตน้ ทุนทางเศรษฐกจิ กรณคี า่ ใช้จ่ายในการโอนเงนิ (= 3*4) 69,233,339.6 บาท สานักงานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร 28 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพมิ่ รายได้ให้แก่ผู้มีรายไดน้ ้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่ือสวสั ดิการแหง่ รฐั ปี 2559 5.2.4 งบประมาณที่เบกิ จา่ ยเพือ่ เปน็ เงินโอนชว่ ยเหลือผมู้ รี ายได้น้อย และชดเชยต้นทนุ เงนิ แก่ธนาคาร ผลการเบิกจ่ายงบประมาณโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย จากัด (มหาชน) เพื่อดาเนินมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ตั้งแต่ระยะแรกเร่ิม จนสนิ้ สุดมาตรการ ณ วันท่ี 31 มกราคม 2560 มีจานวนทั้งส้ิน 17,489.3 ล้านบาท แบ่งเป็น การจ่ายเงินโอน ให้กับผู้มีรายได้น้อย จานวน 17,469.0 ล้านบาท และการชดเชยต้นทุนเงิน จานวน 20.3 ล้านบาท ทั้งน้ี งบประมาณที่เบิกจ่ายดังกล่าว นับเป็นต้นทุนทางเศรษฐกิจของมาตรการ เนื่องจากเป็นทรัพยากรที่สังคม เสยี สละจากการนาไปสนับสนุนโครงการอื่นที่สามารถผลิตสินค้าและบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการของ สงั คมได้ 5.2.5 สรปุ ภาพรวมต้นทุนทางเศรษฐกิจของมาตรการ ประมาณการต้นทุนทางเศรษฐกิจที่ปรากฏตามข้อ 5.2.1 – 5.2.4 เป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น ในระหว่างการดาเนนิ มาตรการ ตั้งแต่การลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อย ที่เริ่มดาเนินการในเดือนกรกฏาคม 2559 จนถงึ การโอนเงินชว่ ยเหลอื ทเี่ สร็จส้นิ ในเดอื นมกราคม 2560 ท้ังน้ี การเพมิ่ การใช้จา่ ยของภาครัฐตามมาตรการ เพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย จะทาให้กาลังซื้อของประชาชนเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการบริโภคและภาว ะ เศรษฐกิจตอ่ ไป โดยผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจดังกล่าว จะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลา 5 ปี ตามผลการศึกษา ของกองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ (International Monetary Fund, 2014, p. 9) ทาให้การวิเคราะห์อัตรา ผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ในการศึกษาฉบับนี้ สามารถแบ่งระยะเวลาออกเปน็ 2 ช่วง คอื  ช่วงเวลาในการดาเนินมาตรการ เริ่มจากเดือนกรกฏาคม 2559 – มกราคม 2560 หรือ t=0  ช่วงเวลาท่มี าตรการสง่ ผลต่อระบบเศรษฐกจิ เป็นระยะเวลา 5 ปี หรือ t = 1 – 5 ท้ังนี้ สามารถจัดทากระแสต้นทุนทางเศรษฐกิจของมาตรการได้ตารางท่ี 5.6 โดยข้อมูลดังกล่าว จะนาไป ประมาณการหาค่า EIRR เพื่อประเมินความคุ้มค่าต่อไป อย่างไรก็ดี ประเด็นเกี่ยวกับประมาณการค่าใช้จ่าย ที่เก่ียวข้องและค่าของ Conversion Factors จะมีการวิเคราะห์อีกคร้ังหน่ึงโดย Sensitivity Analysis ซ่ึงจะ กาหนดให้ค่าใช้จ่ายและค่าของ Conversion Factors เปลี่ยนแปลงไป รายละเอียดปรากฏตามบทท่ี 6 ท้ังน้ี หากผลการศกึ ษายงั คงเดมิ สามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยด้านค่าใช้จ่ายและค่าของ Conversion Factors ดังกล่าว จะไมส่ ง่ ผลกระทบอยา่ งมีนัยสาคญั ต่อผลการวเิ คราะหใ์ นการศกึ ษาฉบับน้ี สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 29 สานักงบประมาณของรัฐสภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิ่มรายไดใ้ ห้แก่ผ้มู รี ายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพอ่ื สวสั ดกิ ารแห่งรัฐปี 2559 ตารางท่ี 5.6 ตน้ ทุนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แก่ผมู้ รี ายไดน้ อ้ ย หนว่ ย : ล้านบาท ปี คชจ. ใน คชจ. ในการเปดิ คชจ. ในการ เงินโอน ตน้ ทนุ เงนิ การ ดแู ล ตรวจสอบ โอนเงิน ช่วยเหลือ ลงทะเบยี น และรกั ษาบญั ชี t=0 92.1 365.0 69.2 17,469.0 20.3 (ช่วงเวลาในการดาเนินมาตรการ) t=1 - - - - - t=2 - - - - - t=3 - - - - - t=4 - - - - - t=5 - - - - - หมายเหตุ : ตน้ ทนุ ทางเศรษฐกจิ สว่ นใหญ่ (ร้อยละ 99) เกดิ ข้นึ ในระหวา่ งเดือนตุลาคม 2559 – มกราคม 2560 ยกเว้น คา่ ใช้จ่ายในการลงทะเบียนทเ่ี กิดขนึ้ ในเดอื นกรกฎาคม – สงิ หาคม 2559 5.3 การประมาณการผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจ 5.3.1 ด้านการกระจายรายได้และสรา้ งความเทา่ เทยี มกันในสังคม เม่ือประเทศมกี ารกระจายรายได้ดี ประชาชนส่วนใหญ่จะมีศักยภาพในการหารายได้ใกล้เคียงกัน ความเหลือ่ มลา้ ทางเศรษฐกจิ ระหว่างกลุ่มบุคคลต่าง ๆ มีน้อย ทาให้เกิดความมั่นคงทางสังคม อย่างไรก็ดี เม่ือ พิจารณาผลของมาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อยในประเด็นเกี่ยวกับการกระจายรายได้และความเท่า เทียมกันในสังคม พบว่า มาตรการเป็นการให้เงินช่วยเหลือในลักษณะจ่ายขาดเพียงคร้ังเดียว และจากการ สารวจกลุ่มตัวอย่างของกระทรวงการคลัง พบว่า ผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่นาเงินดังกล่าว ไปใช้ในการบริโภค อปุ โภค ชาระหนี้ ให้บุพการี ฝากธนาคาร และบรจิ าค สาหรับกรณีชาระค่าเล่าเรียน คาดว่า อาจเป็นผู้มีรายได้ น้อยที่อายุประมาณ 18 – 21 ปี ท่ีศึกษาในระดับอุดมศึกษา ดังนั้น พิจารณาแล้วเห็นว่า มาตรการเพ่ิมรายได้ ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย อาจมีผลกระทบให้รายได้เพ่ิมข้ึนช่ัวคราวเฉพาะในช่วงดาเนินมาตรการ โดยศักยภาพใน การหารายได้ของผู้มีรายได้น้อยทั้งท่ีเป็นเกษตรกรและไม่ใช่เกษตรกรยังคงเดิม ท้ังน้ี ศักยภาพ ในการหารายได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีเกษตรกร จะเพ่ิมขึ้นได้เม่ือเกษตรกรได้รับการอบรมเพิ่มเติม มีการ แลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารระหว่างกันหรือจากหน่วยงานภาครัฐเก่ียวกับการผลิต การตลาด และการวางแผน ทางการเงิน จึงสรุปได้ว่า ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้านการกระจายรายได้และสร้างความเท่าเทียมกัน อาจจะยังคงไมเ่ กดิ ขึ้นในชั้นน้ี 5.3.2 ด้านการรกั ษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเจริญเตบิ โตทางเศรษฐกิจ กา ร ป ร ะม าณ ก าร ผ ล ป ร ะ โ ย ช น์ ท าง เ ศร ษฐ กิ จ ด้ าน ก าร รั ก ษ าเ ส ถี ย ร ภ าพ แ ล ะ ส่ ง เ ส ริ มก า ร เจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ จะใช้แนวคิดบางส่วนจากสานักงานเศรษฐกิจการคลัง (2551) ซึ่งศึกษาผลของการ ใช้จ่ายภาครัฐ ได้แก่ รายจ่ายเงินเดือนและค่าจ้างบุคลากร รายจ่ายท่ีลงไปสู่ระดับฐานราก รายจ่ายประเภท สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 30 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพม่ิ รายได้ใหแ้ กผ่ ู้มรี ายได้นอ้ ยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่อื สวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 กองทุนหมุนเวียน รายจ่ายลงทุน และรายจ่ายอ่ืน ท่ีมีต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งน้ี การศึกษาฉบับน้ีจะนาเฉพาะ แนวคดิ ดา้ นรายจ่ายท่ีลงไปสู่ระดับฐานรากจากสานกั งานเศรษฐกจิ การคลัง (2551) มาประยุกต์ใช้เท่านั้น ท้ังนี้ แนวคิดดังกล่าวระบุว่า เมื่อภาครัฐให้เงินช่วยเหลือแก่ประชาชนในระดับฐานราก จะทาให้ระบบเศรษฐกิจ ขยายตัวหลายรอบ โดยในรอบแรกหลังการให้ความช่วยเหลือ ประชาชนผู้มีรายได้น้อยจะบริโภคมากข้ึนและ เศรษฐกจิ ขยายตัว ซึ่งในรอบต่อมา จะทาให้รายได้ของประชาชนท่ัวไปเพิ่มสูงข้ึน การบริโภคจึงเพ่ิมสูงขึ้นและ เศรษฐกิจขยายตัวอีกครั้งหน่ึง ท้ังน้ี เศรษฐกิจจะขยายตัวหลายรอบจนกระท่ังไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีก อย่างไรก็ดี กองทุนการเงินระหว่างประเทศได้ทาการศึกษาว่า การใช้จ่ายภาครัฐจะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจเป็น ระยะเวลา 5 ปี (International Monetary Fund, 2014, p. 9) ดังน้ัน จึงต้องทาการวิเคราะห์ในเบ้ืองต้นว่า ภายในระยะเวลา 5 ปี การให้เงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยจะกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของเงินและการใช้ จ่ายเพ่ิมข้ึนจานวนก่ีรอบ เพ่ือใช้เป็นกรอบในการคานวณผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และแปลงค่าดังกล่าว ใหเ้ ป็นผลประโยชนท์ ่ีเกดิ ข้ึนในแต่ละปีต่อไป ทฤษฎีปริมาณเงิน (Quantity Theory of Money) กาหนดให้ความเร็วของการหมุนเวียนของ เงิน (Velocity) มีความสัมพันธ์กับมูลค่าของธุรกรรมและปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ โดยกาหนดให้ ความเร็วของการหมุนเวียนของเงิน = GDP ณ ราคาประจาปี/ปริมาณเงิน (สาโรช อังสุมาลิน, 2549, น. 241) ทั้งน้ี ผู้เขียนได้ใช้ข้อมูล GDP ณ ราคาประจาปี (สืบค้นจาก www.nesdb.go.th/main.php?filename= qgdp_page) และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง ครอบคลุม เงินสดที่หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไม่รวม สถาบันรับฝากเงินและรัฐบาล เงินรับฝากกระแสรายวัน เงินรับฝากประเภทออมทรัพย์ เงินรับฝากประเภท ประจา เงินรับฝากประเภทอ่ืน และตราสารหนี้ (สืบค้นจาก www2.bot.or.th/statistics/BOTWEBSTAT. aspx?report ID=7&language=TH) เพ่ือคานวณความเร็วของการหมุนเวียนของเงินในระหว่างปี 2553 - 2560 พบว่า ความเร็วของการหมุนเวียนของเงินมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเน่ือง โดยลดลงมาอยู่ท่ีประมาณ 0.8 รอบต่อปีในระหวา่ งปี 2557 – 2560 ดงั น้ัน การศึกษาฉบับนี้จึงกาหนดให้ความเร็วของการหมุนเวียนของ เงินเท่ากับ 0.8 รอบต่อปี และการใช้จ่ายภาครัฐจะมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจ จานวน 4 รอบหลังการ เบิกจ่าย (เท่ากับ 5 ปี*0.8 รอบต่อปี) ซ่ึงสามารถวิเคราะห์ผลของการโอนเงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยต่อ เศรษฐกิจไดด้ ังน้ี  รอบท่ี 0 หรือช่วงเวลาในการดาเนินมาตรการ : ภาครัฐโอนเงินช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้ นอ้ ย ความต้องการสินค้าและบรกิ ารขัน้ สุดท้ายยงั ไมเ่ พ่ิมขนึ้ GDP ยังคงเดิม  รอบที่ 1 : ผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับเงินโอนในรอบก่อนหน้า จะบริโภคและนาเข้าเพิ่มขึ้น ทาให้มีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากข้ึนและ GDP เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาทางเลือกในการ บริโภคของผมู้ ีรายได้น้อย พบว่า ส่วนใหญเป็นสนิ ค้าจาเปน็ ขน้ั พ้นื ฐานทผ่ี ลติ ไดภ้ ายในประเทศ การนาเข้าจึงไม่ เกดิ ข้นึ สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 31 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แกผ่ ู้มรี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่ือสวสั ดิการแหง่ รฐั ปี 2559  รอบท่ี 2 : GDP ทส่ี งู ขึ้นในรอบก่อนหน้า ทาให้รายได้ประชาชนทั่วไปเพิ่มสูงข้ึน และทา ให้การบริโภคและนาเข้าเพิ่มข้ึน ทาให้มีเงินไหลเวียนในระบบเศรษฐกิจมากข้ึน และ GDP เพ่ิมสูงข้ึนอีกคร้ัง หน่งึ  รอบที่ 3 – 4 : เหตกุ ารณด์ าเนินไปอยา่ งต่อเนอื่ งในลกั ษณะเดยี วกบั รอบที่ 2 ดังนั้น เพื่อให้การวิเคราะห์ผลดังกล่าว สามารถวัดค่าได้ในเชิงปริมาณ จึงจาเป็นต้องประมาณ การค่าตวั แปรท่ีแสดงถงึ พฤตกิ รรมของบคุ คลในระบบเศรษฐกิจ จานวน 3 ตัวแปร ประกอบด้วย  แนวโนม้ สว่ นเปล่ยี นแปลงในการบรโิ ภค (Marginal Propensity to Consume : MPC) ของประชาชนท่วั ไป เมื่อรายได้เพม่ิ ขนึ้  MPC ของผ้มู รี ายได้น้อย  สัดส่วนการนาเข้าสินค้าเพ่ืออุปโภคและบริโภคเทียบกับการบริโภคของภาคเอกชน ทง้ั หมด การประมาณการ MPC ของประชาชนทั่วไป ดาเนินการได้โดยใช้สมการท่ีแสดงถึงการบริโภค ของประชาชนในระบบเศรษฐกจิ ดังน้ี C = a + b*Yd ----------(สมการที่ 5.1) โดย C คอื รายจ่ายเพ่อื การบรโิ ภคของภาคเอกชน Yd คือ รายไดท้ ี่สามารถใช้จ่ายได้ เท่ากับ Y – T Y คือ รายได้ T คือ ภาษีที่ภาคเอกชนจา่ ย เทา่ กับ tY a คอื รายจ่ายเพอ่ื การบริโภคท่ีไมข่ ้ึนกบั รายได้ b คอื MPC ของประชาชนทั่วไป t คือ สดั ส่วนของภาษีท่ีจา่ ยเทียบกับรายได้ ท้งั นี้ สมการที่ 5.1 สามารถเขยี นให้อยู่ในรปู ต่อไปนี้ C = a + b*(1 – t)*Y ----------(สมการที่ 5.2) เม่อื กาหนดให้ Y เปล่ียนแปลงไป จะทาให้ C เปลี่ยนแปลงไปดว้ ย ซง่ึ พบวา่  C = b*(1 – t)*  Y โดย  แสดงถงึ ค่าท่ีเปลยี่ นแปลงไป ดังน้นั สามารถคานวณหาค่า MPC ได้ ดังนี้ b = (  C/  Y)/(1 – t) ----------(สมการท่ี 5.3) สมการที่ 5.3 ทาให้ทราบว่า จะต้องประมาณการค่า (  C/  Y) และ t ในชั้นต้นก่อน เพื่อนามาคานวณหาค่า MPC ของประชาชนทว่ั ไป หรือ b ตอ่ ไป สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 32 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพม่ิ รายได้ให้แกผ่ ้มู รี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพือ่ สวัสดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 การศกึ ษาน้ี จะประมาณการค่า (  C/  Y) โดยใช้ขอ้ มูลการอปุ โภคบรโิ ภคขนั้ สดุ ท้ายของเอกชน และ GDP ณ ราคาปีฐาน 2545 (สืบค้นจาก www.nesdb.go.th/main.php?filename=qgdp _page) ทั้งนี้ พบว่า ประมาณการในปี 2553 – 2560 มีค่าระหว่าง 0.39 – 0.49 โดยไม่รวมปี 2554 และ 2556 ท่ีมีค่าสูง และตา่ ผิดปกติ ทงั้ นี้ การศึกษาฉบบั น้ีจะใชค้ ่าเฉลย่ี ของประมาณการดังกล่าว เทา่ กบั 0.427 การประมาณการค่า t จะใช้ข้อมูลการจัดเก็บภาษีและ GDP จากรายงานรายได้ประชาชาติของ ประเทศไทยแบบปริมาณลูกโซ่ (สืบค้นจาก www.nesdb.go.th/ewt_dl_link.php?nid=7196&filename= ni_page) ท้ังนี้ พบว่า ค่า t หรือสัดส่วนการจัดเก็บภาษีต่อ GDP มีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเน่ืองจากร้อย ละ 18 – 19 ในปี 2554 - 2556 เป็นรอ้ ยละ 17 ในปี 2559 ดังน้ัน จึงกาหนดให้ t มคี ่าเท่ากับร้อยละ 17 หรือ 0.17 การประมาณการค่า MPC ของประชาชนท่ัวไป สามารถดาเนินการได้ตามสมการท่ี 5.3 โดย เท่ากับ 0.514 (เท่ากับ 0.427/(1-0.17)) ต่อมา จะประมาณการ MPC ของผู้มีรายได้น้อย โดยเทียบเคียงกับ ผลการศกึ ษาของสานกั งานเศรษฐกิจการคลัง (2551) ท่พี บว่า MPC ของบุคคลทั่วไป เทา่ กบั 0.498 และ MPC ของประชาชนระดับฐานราก เท่ากับ 0.640 ดังนั้น MPC ของผู้มีรายได้น้อยในการศึกษาฉบับนี้ เท่ากับ 0.66 (เท่ากบั 0.514*0.640/0.498) ต่อมา จะประมาณการสัดส่วนการนาเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเทียบกับการบริโภคของ ภาคเอกชนทั้งหมด โดยใช้ข้อมูลการอุปโภคบริโภคข้ันสุดท้ายของเอกชน ณ ราคาประจาปี (สืบค้นจาก www.nesdb.go.th/main.php?filename=qgdp_page) และข้อมูลการนาเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค (สืบค้น จา ก www2 . bot.or.th/statistics/BOTWEBSTAT.aspx?reportID=7 45 &language=TH) ท้ั ง น้ี พ บ ว่ า สัดส่วนการนาเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเทียบกับการบริโภคของภาคเอกชนทั้งหมด มีแนวโน้มปรับ เพ่ิมข้ึนอย่างต่อเน่ืองจาก 0.078 ในปี 2553 เป็น 0.103 ในปี 2560 ดังนั้น การศึกษาฉบับนี้ จึงกาหนดให้ สัดส่วนการนาเข้าดงั กล่าว เท่ากับ 0.103 หรือรอ้ ยละ 10.3 ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจด้านการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ประมาณการได้โดยการคานวณการขยายตวั ทางเศรษฐกิจหรอื การเพมิ่ ขึน้ ของ GDP ซง่ึ ใชข้ ้อมูล ดงั น้ี  MPC ของประชาชนทว่ั ไป เทา่ กบั 0.514 (ทค่ี านวณได้ตามรายละเอียดข้างตน้ )  MPC ของผูม้ ีรายไดน้ ้อย เทา่ กับ 0.66 (ท่ีคานวณไดต้ ามรายละเอยี ดขา้ งต้น)  สัดส่วนการนาเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเทียบกับการบริโภคของภาคเอกชน เท่ากับ 0.103 (ท่คี านวณไดต้ ามรายละเอยี ดขา้ งต้น)  ผลการจ่ายเงินโอนให้แก่ผู้มีรายได้น้อย จานวน 17,469.0 ล้านบาท (รายละเอียด ปรากฏตามบทท่ี 4) สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 33 สานักงบประมาณของรฐั สภา

การประเมินอตั ราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพ่ิมรายไดใ้ หแ้ กผ่ มู้ รี ายไดน้ อ้ ยในโครงการ ลงทะเบยี นเพ่อื สวสั ดิการแห่งรฐั ปี 2559  ผลการสารวจของกระทรวงการคลังเก่ียวกับการนาเงินโอนไปใช้จ่ายจากผู้ลงทะเบียน จานวน 92,704 คน พบว่า จะนาไปชาระหน้ีสิน จานวน 17,695 คน คิดเป็นร้อยละ 19 ของผู้ตอบ (ราย ละเอยี ดปรากฏตามบทที่ 4) ผล กา รป ร ะมา ณกา รผ ล ป ระโ ย ช น์ทา ง เศร ษฐ กิจ ด้ า น กา ร รักษา เ สถีย ร ภา พแ ล ะส่ ง เ สริ มกา ร เจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ ปรากฏตามตารางท่ี 5.7 ตารางท่ี 5.7 ประมาณการผลประโยชนท์ างเศรษฐกิจดา้ นการรกั ษาเสถียรภาพและสง่ เสริม การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ กรณรี อบการหมุนเวียน หน่วย : ลา้ นบาท รอบ เงนิ โอน การบริโภค การนาเขา้ GDP หรือ ปย. ชว่ ยเหลือ การเตบิ โตทาง เศรษฐกจิ 0 17,469.0 - - - (ช่วงเวลาในการดาเนนิ มาตรการ) 1 - 9,338.9 - 9,338.9 2 - 4,800.2 494.4 4,305.7 3 - 2,213.1 227.9 1,985.2 4 - 1,020.4 105.1 915.3 หมายเหตุ : GDP คานวณจากการบริโภค – การนาเข้า ต่อมาทาการแปลงผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบการหมุนเวียนของเงินตามตารางที่ 5.7 ให้เปน็ ผลประโยชน์ท่ีเกิดข้ึนในแต่ละปี โดยปันส่วนภายใต้ข้อกาหนดท่ีว่า ความเร็วของการหมุนเวียนของเงิน เทา่ กบั 0.8 รอบต่อปี ทัง้ นี้ ผลการประมาณการปรากฏตามตารางที่ 5.8 ตารางที่ 5.8 ประมาณการผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจดา้ นการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริม การเจรญิ เติบโตทางเศรษฐกิจ กรณีปปี ฏิทนิ หนว่ ย : ลา้ นบาท ปี GDP หรอื ปย.การเตบิ โตทางเศรษฐกิจ t=0 - (ชว่ งเวลาในการดาเนนิ มาตรการ) t = 1 7,471.1 t = 2 4,451.2 t = 3 2,516.4 t = 4 1,374.1 t = 5 732.2 สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 34 สานกั งบประมาณของรฐั สภา

การประเมนิ อัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของมาตรการเพม่ิ รายไดใ้ ห้แก่ผู้มรี ายได้น้อยในโครงการ ลงทะเบียนเพ่อื สวสั ดกิ ารแหง่ รฐั ปี 2559 5.3.3 สรปุ ภาพรวมผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของมาตรการ ผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ของมาตรการเพิม่ รายไดใ้ ห้แก่ผู้มีรายไดน้ ้อยมีทั้งสน้ิ 2 ประเภท คือ  ด้านการกระจายรายได้และสร้างความเท่าเทียมกัน ซึ่งอาจจะยังคงไม่เกิดข้ึนในช้ันน้ี เน่ืองจากมาตรการอาจมีผลกระทบให้รายได้เพิ่มขึ้นช่ัวคราว และศักยภาพในการหารายได้ของผู้มีรายได้น้อย ยงั คงเดิม  ด้านการรักษาเสถียรภาพและส่งเสริมการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ีผลการประมาณ การปรากฏตามตารางที่ 5.8 ทงั้ น้ี ผลประโยชน์ทางเศรษฐกจิ ทคี่ านวณได้ จะนาไปประมาณการหาคา่ EIRR เพื่อประเมินความ คุ้มค่าต่อไป อย่างไรก็ดี ประเด็นเก่ียวกับ 1. สัดส่วนการนาเข้าสินค้าเพื่ออุปโภคและบริโภคเทียบกับการ บรโิ ภคของภาคเอกชน 2. MPC ของประชาชนทั่วไปและผ้มู ีรายได้น้อย และ 3. สัดส่วนผู้มีรายได้น้อยที่นาเงิน ช่วยเหลือไปชาระหนี้ จะมีการวิเคราะห์อีกคร้ังหน่ึงโดย Sensitivity Analysis ซ่ึงจะกาหนดให้ค่าตัวแปร ดังกล่าวเปล่ียนแปลงไป รายละเอียดปรากฏตามบทท่ี 6 ทั้งน้ี หากผลการศึกษายังคงเดิม สามารถสรุปได้ว่า ปัจจยั ดังกล่าว จะไมส่ ่งผลกระทบอย่างมีนยั สาคญั ตอ่ ผลการวเิ คราะห์ในการศึกษาฉบับนี้ 5.4 การกาหนดอัตราคิดลดของสังคม การกาหนดอัตราคิดลดของสังคมสามารถดาเนินการได้ตามแนวคิด SRTP และ SOCR ที่เสนอในข้อ 3.2.5 โดยมีรายละเอยี ดดังน้ี  อัตรา SRTP จะใช้อัตราดอกเบ้ียพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาว โดยข้อมูลจากสมาคม ตลาดตราสารหน้ีไทย (Thai Bond Market Association) พบว่า อัตราดอกเบ้ียตลาดของพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Yield) กรณีการกู้เงินระยะเวลา 10 ปี มีค่าดังนี้ (สืบค้นข้อมูลจาก http://www.thai bma.or.th/EN/Market/YieldCurve/Government.aspx) o ณ สิ้นเดอื นตุลาคม 2559 เทา่ กับ ร้อยละ 2.14 o ณ สิน้ เดอื นพฤศจกิ ายน 2559 เทา่ กับ ร้อยละ 2.68 o ณ สิ้นเดอื นธนั วาคม 2559 เทา่ กบั ร้อยละ 2.66 o ณ สิน้ เดอื นมกราคม 2560 เทา่ กบั ร้อยละ 2.76 ท้ังนี้ คาดว่า การโอนเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้มีรายได้น้อยมีการดาเนินการส่วนใหญในระหว่างเดือนธันวาคม 2559 – มกราคม 2560 เน่ืองจากคณะรัฐมนตรีได้มีมติให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีรายได้น้อยท่ีไม่ใช่เกษตรกร เป็นการเพิ่มเติมในวันท่ี 22 พฤศจิกายน 2559 ดังน้ัน อัตราคิดลดของสังคมตามแนวทาง SRTP ควรเป็น ค่าเฉล่ียระหว่างอัตราดอกเบ้ียตลาดของพันธบัตรรัฐบาลในระหว่างเดือนธันวาคม 2559 – มกราคม 2560 ซ่งึ เทา่ กบั รอ้ ยละ 2.71 (เทา่ กับ (2.66+2.76)/2) สานกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร 35 สานกั งบประมาณของรฐั สภา