พระบรมราโชวาท พระราชทานแกข่ ้าราชการพลเรือน เนอ่ื งในวนั ขา้ ราชการพลเรือน วนั พุธ ที่ ๑ เมษายน ๒๕๔๑ การปฏิบตั ิงานทุกอย่างของขา้ ราชการ มผี ลเกี่ยวเนื่องถึงประโยชน์สว่ นรวมของ บ้านเมือง และประชาชนทุกคน. เพราะฉะนั้น จึงจำ�เป็นที่ข้าราชการทุกคนจะต้องทำ� หน้าที่ทุกๆ ประการให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ โดยเต็มกำ�ลังสติปัญญา ความรู้ ความสามารถ เพื่อผลการปฏิบัติราชการทุกอย่างจักได้บรรลุความสำ�เร็จอย่างสูง และบังเกิดประโยชน์ อย่างดที ส่ี ดุ แกต่ น แกห่ น้าที่ และแก่แผน่ ดิน. พระตำ�หนกั จิตรลดารโหฐาน วันท่ี ๓๐ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๔๑
ท่ีปรึกษาบรรณาธิการ HUMAN วารสาร นายจรี พงศ์ วัฒนะรตั น์ ทปี่ รกึ ษาด้านกฎหมาย ทรพั ยากรบคุ คลรัฐสภา ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร นายศิโรจน์ แพทยพ์ นั ธ์ุ RESOURCES JOURNAL ผอู้ ำ�นวยการสำ�นักงานเลขานกุ าร ก.ร. นายกฤษณะ จ้วงสนิ ธุ์ ปีที่ ๕ ฉบบั ที่ ๔ เดือนตลุ าคม -ธนั วาคม ๒๕๖๑ ผู้อ�ำ นวยการส�ำ นักงานบรหิ ารงานกลาง วารสาร HR เพ่อื ชาวสภา นายชูพงศ์ นิลสกลุ ผ้อู �ำ นวยการส�ำ นักพัฒนาบุคลากร ทป่ี รกึ ษา ส�ำ นกั งานเลขาธิการวฒุ ิสภา นายสรศกั ดิ์ เพียรเวช เลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร นางปณั ณิตา สท้านไตรภพ นายนฑั ผาสขุ เลขาธิการวุฒสิ ภา ผู้อ�ำ นวยการส�ำ นักบรหิ ารงานกลาง ว่าทีร่ อ้ ยตรี วินัย ชาคริยานโุ ยค อดีตรองเลขาธกิ าร ก.พ. นายชาญวิทย์ ไกรฤกษ์ อดีตรองเลขาธกิ าร ก.พ. นายสมใบ มลู จนั ที ผ้อู �ำ นวยการส�ำ นกั พัฒนาทรัพยากรบุคคล คณะผู้จดั ท�ำ บรรณาธกิ ารอาวโุ ส คณะอนุกรรมการจดั ทำ�วารสารทรัพยากรบุคคล นางบุญพา เผา่ ส�ำ ราญ ของสว่ นราชการสังกัดรัฐสภา บรรณาธิการ วตั ถุประสงค์ นายภีรภทั ร์ ดิษฐากรณ์ เพอ่ื เผยแพรอ่ งค์ความร้ดู า้ นการบรหิ ารทรัพยากรบุคคล กองบรรณาธิการ เพอ่ื เสริมสรา้ งความรู้และความเข้าใจแกบ่ ุคลากรเกี่ยวกับ นายบรรหาร ก�ำ ลา กฎระเบียบใหม่ ๆ ให้ทนั ตอ่ สถานการณ์ปจั จบุ นั นางสาววัลลภา แก้ววบิ ลู ย์พันธ์ุ เพอ่ื เป็นช่องทางในการสอื่ สารความเคลอื่ นไหว สบิ เอก อธคิ มร์ ไกรชติ ดา้ นการบรหิ ารทรัพยากรบุคคล นางสาวสริ ิธร ลมิ ปพยอม เพ่ือเปน็ ส่อื กลางใหบ้ ุคลากรเกิดการสื่อสารร่วมกนั นายอำ�พล ไทรสังขเฉลาพร และสร้างทศั นคติทดี่ ี นายนวิ ฒั น์ งามวิลยั เพ่ือเสริมสร้างความเขม้ แข็งดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล นายพศิ ษิ ฐ รัตนวงศ์ ใหแ้ ก่ผู้บรหิ ารและบุคลากรทุกระดบั นางสาวอรญา อิศรพนั ธ์ุ เพ่ือสรา้ งเครือข่ายด้านการบรหิ ารทรัพยากรบคุ คลภายในและ นางเพทาย เรือนเรอื ง ภายนอกส่วนราชการสังกดั รัฐสภา นายวนิ ยั แย้มวงษ์ นางสาวศิวะพร ทองพนู นายภีรภทั ร์ ดิษฐากรณ์ นางสาวสุดธิดา มงคลรตั น์ นางสาวทศพาณี ทศธิ ร นายรตั นะ โพธิสวุ รรณ นางสาวรุง่ นภา สุวรรณไชย นางสาวกรกช จนั ทรธ์ รี สกลุ นายพสธร คงเถลิงศริ ิวฒั นา ติดต่อกองบรรณาธกิ าร ส�ำ นักงานเลขานุการ ก.ร. โทร. ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๐๐ ต่อ ๓๑๐๐, ๓๑๘๘ โทรสาร ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๙๒ สำ�นกั บริหารงานกลาง โทร./โทรสาร ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๐๐ ตอ่ ๓๑๑๓ ส�ำ นักพัฒนาบุคลากร โทร. ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๐๐ ตอ่ ๓๒๑๒ โทรสาร ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๔๖
สารบญั ข่าวเดน่ ประเด็น HR ๖ ๙ : มติ ก.ร. เก่ยี วกบั การเหน็ ชอบระเบยี บ ก.ร. วา่ ด้วยการกำ�หนดต�ำ แหนง่ นกั กฎหมาย ๑๓ นิตบิ ัญญัติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๖ : ผลการด�ำ เนนิ การดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบุคคล ประจำ�ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๑๙ : ผลการด�ำ เนนิ การตามแผนส่งเสรมิ สนบั สนนุ การดำ�เนนิ การดา้ นคณุ ธรรมและความโปรง่ ใส ๒๑ ของสว่ นราชการสังกดั รฐั สภา ประจำ�ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒๔ :โต๊ะรบั แขก : บทสมั ภาษณพ์ เิ ศษ ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร และประธานกรรมการบริษทั การบินไทยฯ กฎ กติกาท่ีควรรู้ : วินัยกบั ภารกจิ ของผูบ้ งั คับบญั ชา หากร้สู กั นิด ความผิดไม่เกดิ : ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั กับการเมือง ข้อคดิ ข้อแนะ : บทเรียนความมุ่งผลสัมฤทธิ์จาก “เหมอื งแร่” นานาสาระ : สมรรถนะ “ม่งุ ผลสัมฤทธิ์” ส�ำ คัญไฉน ถามมา ตอบไป ประมวลภาพ HR ๒๕
บทบรรณาธิการ Editor’s talk สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ ทุกวันนี้เราคงได้ยินถึงกระแสของ “Disruption” หรือ “การพลิกโฉม” ของโลกยคุ ดจิ ทิ ลั ไปทกุ หนทกุ แหง่ ในสมยั กอ่ นเรามกั คนุ้ ชนิ กบั ค�ำ วา่ “Dynamic Change” หรอื “การเปล่ียนแปลง อยา่ งเปน็ พลวตั ร” แตใ่ นโลกยคุ ปจั จบุ นั นน้ั การเปลย่ี นแปลงมคี วามรวดเรว็ และรนุ แรงยง่ิ กวา่ รวมไปถงึ ยงั แทรกแซง และมผี ลกระทบไปทัว่ ทกุ วงการ ตวั อย่างท่เี ราเหน็ กันงา่ ย ๆ เชน่ รา้ นอาหารรา้ นหนงึ่ มีลูกค้าลดลงแทบจะไมม่ ลี กู คา้ ผดิ กบั รา้ นข้าง ๆ ที่มีคนเขา้ ออกร้านอยู่ตลอดเวลา ซงึ่ ก็คือ พนักงาน Lineman Grabfood หรอื Pandafood ท่มี ารับอาหารจาก การที่ลูกค้าสั่งผ่านโทรศัพท์มือถือ หรือ จะเป็นอีกตัวอย่างที่ชัดเจน นั่นคือ ระบบ Mobile Banking ที่ทำ�ให้ ทกุ วันนี้เราแทบไม่ตอ้ งไปธนาคาร แตส่ ามารถท�ำ ธุรกรรมทกุ อยา่ งผ่านโทรศพั ท์มอื ถอื เชน่ กัน ส่งผลตอ่ ธนาคาร ท่ตี อ้ งยุบสาขา และลดพนกั งานลงเปน็ จำ�นวนมาก จะเห็นได้วา่ วถิ ชี วี ิตของผ้คู นไดเ้ ปลี่ยนไป เทคโนโลยถี กู นำ� เข้ามาใช้ และหากใครไมส่ ามารถปรบั ตวั หรือเปลย่ี นแปลงใหเ้ ทา่ ทันก็อาจท�ำ ใหไ้ ม่สามารถอยูร่ อดได้ ข้างต้น เป็นสิ่งที่อยากจะสะท้อนให้ผู้อ่าน HRJ ของเราได้ร่วมกันคิดในฐานะทรัพยากรบุคคลของ ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ถึงการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยเฉพาะในการทำ�งานที่จะต้องมุ่งถึง ผลสมั ฤทธ์ิ ซึง่ ไม่ใช่เพยี งแคก่ ารพัฒนาเทคโนโลยี หรอื ปรบั รูปแบบการท�ำ งานใหม่ ๆ แต่ยงั รวมไปถึง การปรับ แนวคดิ หรอื วธิ ีคิด การรว่ มแรงรว่ มใจกนั ในการท�ำ งาน และการพฒั นาศักยภาพของตนเอง เพ่อื มงุ่ ไปสผู่ ลลัพธ์ หรือเปา้ หมายเดียวกัน วารสาร HRJ ของเราฉบับนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร และประธานกรรมการบริษัท การบินไทยฯ ที่จะมาใหส้ ัมภาษณถ์ ึงแนวทางการท�ำ งานท่ีมุ่งผลสมั ฤทธเิ์ พ่อื ความ ส�ำ เรจ็ ขององคก์ ร พรอ้ มรบั กบั การเปลย่ี นแปลงอยา่ งพลกิ โฉมทง้ั ในปจั จบุ นั และอนาคต นอกจากน้ี ยงั มีบทความ ที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ “สมรรถนะ มุ่งผลสัมฤทธิ์” สำ�คัญไฉน เป็นบทความที่จะแสดงให้เห็นถึงความสำ�คัญ ของการมุ่งผลสัมฤทธิ์ในการทำ�งาน รวมไปถึงนำ�เสนอความรู้เกี่ยวกับสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ ซึ่งจะสามารถ เพ่ิมประสทิ ธภิ าพและประสิทธผิ ลขององคก์ รได้อย่างต่อเนือ่ ง และบทความในคอลัมน์ประจำ�อืน่ ๆ ของเราน้นั กม็ คี วามนา่ สนใจไมแ่ พก้ ัน อาทิ “ข้าราชการรัฐสภาสามญั กับการเมือง” ซึ่งเปน็ บทความทจ่ี ะมาให้ความรู้ว่า ข้าราชการรัฐสภาจะเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมืองในลักษณะไหนได้บ้าง จะเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ได้หรือเปลา่ วารสาร HRJ ฉบับนี้นับเป็นฉบับสุดท้ายของปี พ.ศ. ๒๕๖๑ ซึ่งเป็นอีกฉบับที่มีความพิเศษ นั่นคือ เราไดร้ บั เกียรติจาก ผศ.บรรลุ วริ ิยาภรณ์ประภาส ผอู้ ำ�นวยการวทิ ยาลยั เพาะชา่ ง ไดอ้ นุญาตใหใ้ ชภ้ าพพระบรม สาทสิ ลกั ษณข์ องในหลวงรชั กาลที่ ๙ มาขึน้ ปกวารสาร รวมไปถึงในท้ายเล่ม เรายงั ได้บันทึกภาพถ่ายอาคาร รฐั สภาอนั ทรงเกยี รตแิ ละเปน็ ทท่ี �ำ งานของพวกเราเกบ็ ไวเ้ ปน็ ความทรงจ�ำ ตราบนานเทา่ นาน สดุ ทา้ ยนห้ี ากวารสาร ฉบับที่ผ่านมามีข้อบกพร่องประการใดก็ตาม ทีมงานวารสาร HRJ ทุกคนขอน้อมรับและจะนำ�ไปปรับปรุง ทั้งเนื้อหาและคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น รวมถึงจะสรรหาสิ่งต่าง ๆ ที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านของเรามา นำ�เสนออย่างแน่นอนครับ และในวนั ปใี หม่ ๒๕๖๒ ทก่ี ำ�ลงั จะมาถงึ นี้ขอให้ผอู้ า่ นของเราทกุ ท่านมีความสขุ และ สมหวงั ในทกุ ส่ิงครบั บรรณาธิการ ภีรภทั ร์ ดษิ ฐากรณ์ นกั วเิ คราะหน์ โยบายและแผนชำ�นาญการ สำ�นักนโยบายและแผน สำ�นักงานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา
ขา่ วเดน่ ประเดน็ HR การเหน็ ชอบระเบียบ ก.ร. สบิ เอก อธคิ มร์ ไกรชติ ผู้บังคบั บญั ชากล่มุ งานยทุ ธศาสตร์การบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คล สำ�นักงานเลขานกุ าร ก.ร. สำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร วา่ ด้วยการก�ำ หนดต�ำ แหน่ง นักกฎหมายนิติบัญญัติ พ.ศ. ๒๕๖๑ ขา่ วแรก ขอนำ�เสนอ มติ ก.ร. เก่ยี วกบั การเหน็ ชอบระเบียบ ก.ร. ว่าดว้ ยการกำ�หนดตำ�แหนง่ นกั กฎหมายนิติบญั ญตั ิ พ.ศ. ๒๕๖๑ พร้อมกบั เหน็ ชอบหลกั เกณฑ์ และวิธกี ารตามระเบยี บ ก.ร. ดงั กล่าว ทง้ั นี้ เรอ่ื งดงั กล่าวมีท่ีมาจากพระราชบญั ญตั ิระเบยี บขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ มาตรา ๓๕ ไดก้ ำ�หนด ให้มีตำ�แหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติในสำ�นักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำ�นักงานเลขาธิการ วฒุ สิ ภา ซง่ึ เปน็ ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ทม่ี คี วามรู้ และมปี ระสบการณท์ างนติ ศิ าสตร์ การรา่ งกฎหมาย การให้ ความเห็นทางกฎหมาย ดงั นนั้ ก.ร. จงึ ได้กำ�หนดให้มีระเบียบดังกล่าวขึน้ ระเบียบ ก.ร. ดังกล่าว เป็นแนวทางในการ ความสามารถ ประสบการณ์ และความเป็นมืออาชีพ ขับเคลื่อนให้นักกฎหมายนิติบัญญัติเป็นกลไก เป็นท่ียอมรบั ของสมาชกิ รฐั สภา สำ�หรับระเบยี บ ก.ร. สำ�คัญในการเพ่ิมพูนประสิทธิภาพในการส่งเสริม ว่าด้วยการกำ�หนดตำ�แหน่งนักกฎหมายนิติบัญญัติ กระบวนการนิติบัญญัติให้มีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน พ.ศ. ๒๕๖๑ พรอ้ มหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารตามระเบียบ รวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อราชการ ก.ร. ดังกล่าว สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ ฝา่ ยรฐั สภา ซง่ึ นกั กฎหมายนติ บิ ญั ญตั ติ อ้ งเปน็ ผมู้ ีความรู้ อินทราเน็ตของส�ำ นักงานเลขานุการ ก.ร. 6 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
ผลการด�ำ เนนิ การด้านการ บรหิ ารทรัพยากรบคุ คล ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ขา่ วท่ี ๒ ขอรายงานผลการด�ำ เนนิ การ รัฐสภา ได้ให้ความร่วมมือในการดำ�เนินการตาม ดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลประจ�ำ ปีงบประมาณ ยทุ ธศาสตรฯ์ เป็นอย่างดี ท�ำ ให้บรรลุเปา้ หมายเป็นท่ี พ.ศ. ๒๕๖๑ น่าพึงพอใจ โดยมีการดำ�เนินการในหลาย ๆ เรื่อง ตามที่ ก.ร. ได้กำ�หนดยุทธศาสตร์ ยกตวั อยา่ ง เชน่ การเตรยี มความพรอ้ มในการขบั เคลือ่ น การบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการสังกัด แผนงานสนับสนุนความก้าวหน้าในอาชีพให้แก่ รัฐสภา ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕) เพื่อให้ บุคลากรของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา การจัด ส่วนราชการสังกัดรัฐสภาใช้เป็นแนวทางในการ โครงการ/กิจกรรมตา่ ง ๆ เพือ่ ใหข้ ้าราชการรฐั สภาได้ ด�ำ เนนิ การดา้ นการบรหิ ารทรพั ยากรบคุ คลโดยมอบหมาย ตระหนักและปลกู ฝังคุณธรรม จรยิ ธรรม และค่านยิ ม ให้ อ.ก.ร. ประเมนิ ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธิผลของ ที่ดี เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานและดำ�เนิน งานราชการของรัฐสภา เป็นผู้กำ�กบั และตดิ ตามการ ชวี ิต การพฒั นาข้าราชการรัฐสภาให้เป็นผู้เช่ียวชาญ ด�ำ เนินการตามยทุ ธศาสตร์ดังกลา่ ว และใหร้ ายงาน มีความเป็นมืออาชีพในสายงานที่ปฏิบัติ ผลการดำ�เนินการตามยุทธศาสตร์ทุกปีงบประมาณ โดยในปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ส่วนราชการสังกดั วารสารทรพั ยากรบคุ คลรัฐสภา 7
ผลการด�ำ เนินการตามแผนสง่ เสริม สนับสนุนการ ดำ�เนินการดา้ นคณุ ธรรมและความโปรง่ ใสของส่วนราชการ สังกดั รัฐสภา ประจ�ำ ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ข่าวสุดทา้ ย ขอรายงานผลการ ดำ�เนนิ การตามแผนสง่ เสรมิ สนบั สนุนการดำ�เนินการ ดา้ นคณุ ธรรมและความโปรง่ ใสของสว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา ประจ�ำ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ตามท่ี ก.ร. กำ�หนดให้มแี ผนส่งเสริม สนับสนุน การประเมินดา้ น คุณธรรมและความโปร่งใสของส่วนราชการสังกัด รัฐสภา ประจำ�ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ เพื่อ ประกอบการดำ�เนินการตามตัวชี้วัดที่ ๓ ร้อยละ ความสำ�เรจ็ ของการส่งเสรมิ สนบั สนนุ การประเมนิ ด้านคุณธรรมและความโปร่งใสของส่วนราชการสังกัด รฐั สภา โดยมคี ณะทำ�งาน/คณะกรรมการที่เกยี่ วข้อง เป็นผกู้ ำ�กับ ติดตาม การดำ�เนินการดังกล่าว ในการน้ี ส่วนราชการได้ให้ความร่วมมือในการขับเคลื่อนแผน ดังกล่าวเป็นอย่างดี โดยผู้บริหารได้มีการวาง นโยบายและแนวทางในการสร้างความโปร่งใสและ ความซื่อสัตย์สุจริต และมีบทบาทในการส่งเสริม ผสู้ รา้ งสรรค์ผลงาน ได้แก่ นายภรี ภัทร์ ดิษฐากรณ์ สนับสนุนเรื่องดังกล่าว โดยการเข้าร่วมหรือส่งเสริม ตำ�แหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำ�นาญการ ให้ข้าราชการเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมต่าง ๆ โดย ส�ำ นกั นโยบายและแผน สำ�นักงานเลขาธิการวุฒสิ ภา แต่ละหน่วยงานมีการจัดกิจกรรมซึ่งน้อมนำ�พระบรม ราโชวาทของรชั กาลท่ี ๙ มาประพฤตปิ ฏบิ ตั ิ มแี นวทาง ๒. รางวัลรองชนะเลิศ หัวข้อ “STRONG รว่ มกบั ส�ำ นกั งาน ป.ป.ช. เปน็ การสรา้ งความรว่ มมอื (ยนื หยดั ในสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง)” ผลงานเรอ่ื ง “เงา” ผสู้ ร้างสรรค์ และสร้างเครือข่ายกับหน่วยงานภายนอกในการ ผลงาน ไดแ้ ก่ นายนภพล กองสทุ ธใ์ิ จ บคุ ลากรจา้ งเหมา ปอ้ งกนั และปราบปรามการทจุ รติ คอรร์ ปั ชนั รวมทง้ั คณะ ต�ำ แหนง่ ชา่ งภาพโทรทศั น์ สถานวี ทิ ยกุ ระจายเสยี งและ กรรมการจริยธรรมข้าราชการรัฐสภา ได้จัดประกวด วทิ ยุโทรทัศนรฐั สภา สำ�นักงานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทน คลิปวิดีโอส้ันส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมข้าราชการ ราษฎร รัฐสภา เพื่อให้ข้าราชการรัฐสภาสามัญ พนักงาน สดุ ท้ายน้ี ขอแสดงความยนิ ดกี ับทั้ง ๒ ทา่ น ราชการรัฐสภา ลูกจ้างประจำ� และบคุ ลากรจา้ งเหมา รวมถึงรู้สึกภูมิใจกับข้าราชการรัฐสภาทุกคนในการ ของส่วนราชการสังกัดรัฐสภาได้มีส่วนร่วมในการส่ง ให้ความร่วมมือสง่ เสรมิ สนบั สนุน เรอ่ื งต่าง ๆ ตาม เสรมิ คณุ ธรรมจรยิ ธรรม ในหวั ขอ้ “สามัคคี ภักดตี อ่ นโยบายหรือแนวทางที่ ก.ร. กำ�หนดอย่างจริงจัง องค์กร” และ “STRONG (ยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง)” และต่อเนื่อง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มพูน ทักษะ โดยมีบุคลากรในส่วนราชการสังกัดรัฐสภาส่งคลิป สมรรถนะข้าราชการรัฐสภาให้ปฏิบัติงานเพ่ือสร้าง เขา้ ประกวดและได้รับรางวลั ดังนี้ ภาพลักษณ์ การสนับสนุนกระบวนการนิติบัญญัติ ๑. รางวลั ชนะเลศิ หวั ขอ้ “STRONG (ยนื หยดั อย่างมืออาชีพ และการเป็นองค์กรที่มีคณุ ธรรม และ ในสิ่งที่ถูกต้อง)” ผลงานเรื่อง “BRAVE HEART” จะได้นำ�เสนอความคืบหน้าเรื่องต่าง ๆ ภายใน ส่วนราชการสังกัดรัฐสภา เพื่อให้ข้าราชการรัฐสภา ได้รับทราบความเคลื่อนไหวไปพร้อม ๆ กัน 8 วารสารทรพั ยากรบุคคลรฐั สภา
โต๊ะรับแขก นายวนิ ยั แย้มวงษ์ นติ ิกรชำ�นาญการ สำ�นักบริหารงานกลาง ส�ำ นกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เอกนติ ิ นติ ิทัณฑ์ประภาศ อธบิ ดกี รมสรรพากร ประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จ�ำ กดั (มหาชน) “การมุง่ ผลสมั ฤทธิ์ กับความส�ำ เร็จขององค์กร ในมมุ มองของท่าน การมงุ่ ผลสมั ฤทธิ์ คอื อะไร และมคี วามสำ�คญั อยา่ งไร ภาษีเพื่ออะไร อาจจะเพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับ ผมว่าการมุ่งผลสัมฤทธิ์ขององค์กรเป็นการ สงั คม หรืออาจจะเพื่อหารายไดใ้ ห้รฐั บาลซ่งึ ผลลัพธ์ มองถึงเป้าหมายสุดท้ายว่าองค์กรของเราต้องการ ภาพใหญค่ อื ฐานะการคลงั ของประเทศมน่ั คงเพราะรายได้ ให้ผลของการทำ�งานเกิดประโยชน์กับใคร และ ของประเทศกวา่ ๘๐ เปอรเ์ซน็ ตม์ าจากกรมสรรพากร หรอื เป็นผลท่เี ปน็ รูปธรรม เพราะฉะน้ันผมคดิ วา่ เรือ่ ง ผลสัมฤทธิ์อาจจะหมายถึงประชาชนได้รับบริการ ผลสมั ฤทธ์จิ ะตา่ งกบั ผลผลิต (Output) คือผลลัพธ์ คอื ทส่ี ะดวก รวดเรว็ ดังน้ัน ผลสมั ฤทธขิ์ ององค์กรคอื เราทำ�ไปเราอาจจะได้ผลผลิตงานออกมาสำ�เร็จ เปา้ หมายสุดท้าย เราต้องการทำ�เพื่อประโยชนอ์ ะไร ชน้ิ หนง่ึ แตท่ า้ ยทส่ี ดุ ผลสมั ฤทธค์ิ อื ใครไดป้ ระโยชนจ์ าก อยา่ งไร งานนั้น อย่างเช่นกรมสรรพากรถ้าพูดถึง Output ทา่ นคดิ ว่า ข้าราชการและเจ้าหนา้ ทข่ี องรฐั ของเรากค็ ือตวั เลขการเก็บภาษี แต่จริง ๆ ผลสมั ฤทธิ์ ในยุคปัจจุบัน ควรมีมุมมองหรือทัศนคติอย่างไร ของเราคือเป้าหมายในภาพใหญ่ว่าท้ายท่ีสุดเราเก็บ ในการปฏบิ ัติงาน เพอื่ ให้เกดิ การม่งุ ผลสมั ฤทธิ์ วารสารทรัพยากรบุคคลรฐั สภา 9
ผลสมั ฤทธจ์ิ ะส�ำ คญั มากกบั ขา้ ราชการ ถา้ เรา ทา่ นคดิ ว่า หนว่ ยงานภาครัฐควรทจ่ี ะมีการ ไม่ทำ�ให้ข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นเป้าหมาย ส่งเสริมการปฏิบัติงานของข้าราชการและเจ้าหน้าท่ี สุดท้าย เขากจ็ ะท�ำ งานได้แคต่ าม KPI ไดเ้ ห็น Output อย่างไร เพอื่ ใหเ้ กิดการมุ่งผลสมั ฤทธิ์ ออกมาว่าฉันทำ�อะไร เช่น บอกว่าคุณจัดเก็บรายได้ ได้เท่านี้ เขาอาจจะไม่สนใจวิธีการว่ารายได้นั้นได้มา อย่างไร เพราะเขาถอื ว่าเขาท�ำ ได้ แตถ่ ้าคนในองค์กร ผมคิดว่า ๑. ภาครัฐควรต้องสร้างความ เราเข้าใจผลสัมฤทธ์ิสุดท้ายเราจะรู้ว่าท้ายที่สุด ชัดเจนว่าผลสัมฤทธิ์ขององค์กรที่เราต้องการบรรลุ ประโยชน์ตกกับใคร เช่น การเก็บภาษีเป็นการลด เป้าหมายสดุ ท้ายคืออะไร และใหค้ นในองคก์ รได้รับรู้ ความเหลื่อมล้ําของประชาชน ผ้มู ีรายไดม้ ากเสียภาษี อย่างชัดเจนเพ่ือที่จะโยงให้ทุกคนมุ่งไปสู่เป้าหมาย มาก ผู้มีรายได้น้อยเสียภาษีน้อย ถ้าเขาเข้าใจตรงนี้ เดยี วกนั ๒. ควรมกี ารเชอ่ื มโยงใหเ้ ขาเหน็ วา่ งานของเขา จะเกิดความเข้าใจในเป้าหมายสุดท้ายในการปฏิบัติ จะนำ�ไปสู่จุดหมายได้อย่างไร ไม่ใช่แค่เชื่อมโยงงาน งานไมใ่ ช่แค่ทำ�งานไดต้ าม KPI ของเขากบั ผลผลติ อยา่ งเดยี ววา่ ท�ำ งานไดก้ ช่ี น้ิ ท�ำ อะไร เรื่องต่อไปที่จะพูดถึงก็คือถ้าเราเห็นผล ไดไ้ ปถึงเป้าหมายสุดท้าย เชน่ กรณีของกรมสรรพากร สมั ฤทธิ์ทีช่ ดั เจนเราสามารถท่จี ะสร้างแรงจงู ใจให้เขา เป้าหมายสุดท้ายของเราเพ่ือสร้างระบบภาษีที่เป็น วา่ ไมใ่ ชท่ �ำ เพอ่ื เปา้ หมายสน้ั ๆ แตเ่ พอ่ื เปา้ หมายระยะยาว ธรรม ให้บริการประชาชน ไดร้ บั ความสะดวก รวดเรว็ ของประเทศ ผมขอยกพระราชดำ�รัสในหลวง สร้างฐานะการคลังของประเทศผ่านการหารายได้ รชั กาลท่ี ๙ คือ ท�ำ เพราะเกิดแรงผลักดันจากขา้ งใน ท�ำ ใหฐ้ านะการคลังม่นั คง ซ่ึงข้าราชการและเจ้าหน้าท่ี ไมใ่ ชท่ �ำ เพราะนายสง่ั ใหท้ �ำ หรอื ท�ำ ตามท่ี KPI ก�ำ หนดไว้ ทุกคนกจ็ ะไดร้ วู้ ่าเป้าหมายสดุ ท้ายทำ�เพ่ืออะไร ตอ้ งทำ�ผลติ ผลนี้ออกมาให้ได้ 10 วารสารทรัพยากรบคุ คลรฐั สภา
...ตอนนกี้ รมสรรพากรก�ำ ลังทำ� ท่านคิดวา่ ความสำ�เร็จขององค์กรเกดิ ข้นึ เร่ือง Digital Transformation จากปัจจัยส�ำ คัญใดบ้าง เราจะเปลี่ยนกระบวนการในการ ทำ�งานโดยเอาระบบดิจิทัลมาใช้ ความสำ�เร็จขององค์กรผมว่ามีท้ังปัจจัย เกอื บทัง้ หมด... ภายในและภายนอก ปจั จยั ภายในผมคดิ วา่ สง่ิ ส�ำ คญั ทส่ี ดุ คอื คน ความส�ำ เรจ็ ขององคก์ ร คนเปน็ ทรพั ยากร ที่สำ�คัญที่สุด ผมคิดว่า เราต้องเน้นการพัฒนาคน ใหเ้ กง่ และดี อยา่ งเชน่ กรมสรรพากร ผมใหค้ วามส�ำ คัญ กับการพัฒนาคน ตง้ั แต่เร่มิ เขา้ มารับราชการเราจะคัด คนเก่งอย่างไร รกั ษาคนเกง่ ใหเ้ ขาอยู่ในองค์กรอยา่ งไร และต้องพัฒนาให้เขาเป็นคนดีด้วย กรมสรรพากรจึง ไดท้ �ำ รปู แบบองค์กรคุณธรรม มาเป็นกลไกขับเคล่อื น พัฒนาคนในองค์กร สำ�หรับเรื่องงาน ผมคิดว่าระบบราชการเรา เปน็ ระบบที่อยมู่ านาน มขี นั้ ตอนมากทำ�ให้ช้า ซงึ่ โลก ยุคใหม่ผมว่าเรื่องดิจิทัลเอามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ได้เยอะ ตอนนก้ี รมสรรพากรกำ�ลังท�ำ เร่ือง Digital Transformation เราจะเปลย่ี นกระบวนการในการ ท�ำ งานโดยเอาระบบดจิ ทิ ลั มาใชเ้ กอื บทง้ั หมด สมยั กอ่ น เรากรอกรายละเอียดการยื่นภาษีในกระดาษ ปญั หาคอื ตอ้ งจา้ งคนพมิ พเ์ ขา้ สรู่ ะบบ ในการวิเคราะห์ การคืนภาษีก็คืนได้ช้าเพราะต้องตรวจสอบ แต่พอ เราเอาระบบดิจิทัลมาใช้ การกรอกแบบยื่นภาษี ใชก้ ารยน่ื ทางอเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ การท�ำ e-Filing เชอ่ื มโยง ระบบ และเอาระบบ PromptPay มาจา่ ยเงนิ ภาษคี ืน ซ่งึ สมัยก่อนคืนเงินภาษีต้องออกเช็คซึ่งต้องใช้เวลา พอสมควรแต่เดย๋ี วนส้ี ามารถคืนเงินภาษตี รงเข้าบญั ชี ได้ทันทีและเร็วมาก ผมคิดว่าสิ่งนี้ทำ�ให้องค์กร มปี ระสทิ ธภิ าพมากขน้ึ โดยการน�ำ เอาระบบดจิ ทิ ลั มาใช้ ท่านคิดว่าการม่งุ ผลสัมฤทธ์กิ ับความสำ�เร็จ ขององค์กรมีความสัมพันธ์กันอย่างไร และมีความ ส�ำ คญั กบั องคก์ รอย่างไร วารสารทรพั ยากรบุคคลรฐั สภา 11
การมุ่งผลสัมฤทธิ์กับความสำ�เร็จขององค์กร ทั้งสองส่วนมีความสำ�คัญกับองค์กรมาก ผมคิดว่า องค์กรใด ๆ ท่ีทำ� Output ได้ น่นั คือทำ�เสรจ็ แต่ผม ขอแยกคำ�ว่าเสร็จกับคำ�ว่าสำ�เร็จ เสร็จ คือการทำ� Output เสร็จ หรอื ท�ำ งานเสร็จ เชน่ กรมสรรพากร อาจจะเกบ็ ภาษไี ดต้ ามเปา้ หมายทต่ี ง้ั ไว้ แตห่ ากมาจาก วิธกี ารทไี่ มช่ อบ เช่น ไปขูดรดี ผเู้ สยี ภาษี อย่างนี้คอื งานเสร็จแตไ่ มส่ �ำ เรจ็ เพราะท�ำ ไมถ่ ูกต้อง ไม่เป็นธรรม กับผู้เสยี ภาษี ซง่ึ เงินก็ได้ Output กไ็ ด้ งานกเ็ สร็จ แต่ ไม่ถือว่าสำ�เร็จเพราะไม่ได้ผลสัมฤทธิ์คือเกิดความ เป็นธรรม ผมถึงบอกว่าความสำ�เร็จขององค์กร เชอ่ื มโยงกบั ผลสมั ฤทธม์ิ าก ความส�ำ เรจ็ ขององคก์ รไมค่ วร จะไปวัดด้วยผลผลิต แต่ควรวัดด้วยผลสัมฤทธิ์ เพราะฉะน้ันหากจะบอกว่าองค์กรประสบความ ส�ำ เรจ็ จากไหน ไม่ใชบ่ อกว่าองค์กรทำ� Output ได้ เทา่ ไร แต่ต้องพูดถงึ เร่ืองผลสัมฤทธ์เิ ป็นอย่างไร ขอใหท้ า่ นฝากขอ้ คดิ ขอ้ แนะน�ำ ถงึ ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา เพื่อให้การปฏิบัติงาน เกิดผลสัมฤทธิ์ และสนับสนุนการปฏิบัติงานของ ขององค์กรว่าเราเป็นส่วนหน่ึงในองคาพยพที่ทำ� สถาบันนติ บิ ัญญัติไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ เพ่อื ช่วยเหลือประชาชน ผลสมั ฤทธ์ิน้นั จะถา่ ยทอด สวู่ ธิ กี ารท�ำ งานและเกดิ ความชดั เจนวา่ เราเปน็ สว่ นหนึ่ง ต้องออกตัวก่อนว่าผมไม่เข้าใจกลไกของ แมเ้ ราจะเป็นฟนั เฟืองเล็ก ๆ ทอ่ี ยเู่ บื้องหลัง แต่ผม สำ�นักงานอื่นได้ดีเท่ากับองค์กรของตัวเอง แต่เท่าที่ ว่าอันน้ีมีความสำ�คัญท่ีจะทำ�ให้คนในองค์กรมีความ ได้เห็นการทำ�งานของรัฐสภา ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทาง ภาคภูมิใจว่า เราสามารถช่วยสร้างผลสัมฤทธิ์ให้ ส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร และส�ำ นกั งาน ประชาชนไดร้ ับประโยชน์ เลขาธิการวุฒิสภาน่าจะช่วยได้เยอะก็คือเรื่องการ ช่วยให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร หรือวฒุ ิสภา ทีเ่ ราดแู ลรับผดิ ชอบทำ�หนา้ ทไี่ ด้อย่างดี เพราะเป้าหมายสุดท้ายคือประชาชน เพราะฉะนั้น การทำ�หน้าท่ีของเจ้าหน้าท่ีรัฐสภาคงต้องทำ�หน้าที่ ในการสนับสนุนงานต่าง ๆ ให้กับสภานิติบัญญัติ แห่งชาติ สภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภาที่เรา ทำ�งานด้วย ผมคิดวา่ ถ้าบคุ ลากรค�ำ นึงถึงผลสมั ฤทธิ์ 12 วารสารทรัพยากรบุคคลรฐั สภา
กฎ กติกาทค่ี วรรู้ นายนิวฒั น์ งามวลิ ัย นิติกรช�ำ นาญการพิเศษ ส�ำ นกั งานเลขานกุ าร ก.ร. สำ�นกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร วนิ ัย กบั ภารกจิ ของผูบ้ งั คับบญั ชา ขน้ึ ชอ่ื วา่ ผบู้ งั คบั บญั ชาไมใ่ ชว่ า่ ใคร ๆ กเ็ ปน็ ได้ ทางวนิ ยั ถา้ ไมด่ �ำ เนนิ การ ท่านทราบหรือไม่ว่าผู้บังคับบัญชานอกจากจะมี จ ะ ถื อ ว่ า ผู้ บั ง คั บ อำ�นาจแล้วยังมีภาระหน้าท่ีต้องรับผิดชอบมากมาย บั ญ ช า ล ะ เ ล ย ก า ร ซงึ่ เปน็ เร่อื งปกติทเี่ มือ่ บุคคลใดมตี ำ�แหน่งและมอี �ำ นาจ ปฏิบัติหน้าท่ีเท่าน้ัน ก็ยอ่ มตอ้ งมีภาระหน้าทตี่ ามมา ยิ่งมอี ำ�นาจมากเท่าใด แต่ผู้บังคับบัญชายัง หน้าที่ความรับผิดชอบก็ย่อมต้องมีมากขึ้นเท่านั้น มีหน้าที่เก่ียวกับวินัย ในปัจจุบันหากท่านลองสังเกตถ้อยคำ�ตามรัฐธรรมนูญ ข อ ง ผู้ อ ยู่ ใ ต้ บั ง คั บ แห่งราชอาณาจักรไทยฉบบั ใหม่ จะเหน็ ได้วา่ อ�ำ นาจ บั ญ ช า ใ น บ ท บ า ท หน้าที่ของผู้ด�ำ รงต�ำ แหน่งไดเ้ ปล่ยี นแปลงไป จากเดมิ อื่นด้วย ในคอลัมน์นี้ ผู้เขียนจึงขอนำ�เสนอบทบาท กำ�หนดให้ผู้ดำ�รงตำ�แหน่งต่าง ๆ มี “อำ�นาจหน้าที่” สำ�คัญของผู้บังคับบัญชาซึ่งถูกกำ�หนดขึ้นตาม ซึ่งเน้นที่อำ�นาจ แต่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้เรียง พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ถ้อยคำ�ใหมว่ ่า“หน้าที่และอำ�นาจ” โดยเนน้ ใหผ้ ูด้ �ำ รง มาตรา ๖๒ โดยกำ�หนดให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ ตำ�แหน่งต่าง ๆ นั้น มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบก่อน เสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามีวินัย แล้วจึงให้มีอำ�นาจเพื่อช่วยให้ผู้ดำ�รงตำ�แหน่งนั้น และป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชากระทำ�ผิดวินัย สามารถทำ�หน้าท่ไี ด้ตามภารกจิ ทก่ี �ำ หนดไว้ ตามหลกั เกณฑแ์ ละวธิ กี ารท่ี ก.ร. ก�ำ หนด ซง่ึ บทบาทของ ในราชการฝ่ายรัฐสภาได้กำ�หนดตำ�แหน่ง ผู้บังคับบัญชากรณีท่ีไม่ใช่เพียงการดำ�เนินการทาง ผู้บังคับบัญชาไว้หลายระดับตั้งแต่ระดับผู้บังคับ วินัยเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทในทางบวกโดยมีหน้าที่ บัญชากลุ่มงานจนถึงระดับประธานรัฐสภา ซึ่งหน้าที่ ส่งเสริมและพัฒนาผู้อยู่ใต้บังคับบัญชามิให้การกระทำ� ของผ้บู งั คับบญั ชาในระดับตา่ ง ๆ ได้ถูกก�ำ หนดไวใ้ น ผดิ วินยั อีกดว้ ย กฎหมาย กฎ ระเบียบต่าง ๆ ทั้งที่เป็นกฎหมาย หลกั เกณฑแ์ ละวิธีการที่ ก.ร. ก�ำ หนด ในราชการฝ่ายรัฐสภาเอง และกฎหมายกลาง จึงเป็น ก.ร. ได้ออกหลักเกณฑ์และวิธีการในเรื่อง ภาระของผู้บังคับบัญชาที่ต้องมีหน้าที่รับรู้รับทราบว่า ดงั กลา่ วไวแ้ ลว้ ตามหนงั สอื มติ ก.ร. ท่ี ๘๔/๒๕๕๖ (ว ๒๘) ตนมภี าระหน้าท่ีในเรื่องตา่ ง ๆ อยา่ งไรบา้ ง ลงวนั ท่ี ๒๔ ตลุ าคม ๒๕๕๖ และตอ่ มา ก.ร. ไดอ้ อกคมู่ อื ภารกิจของผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับวินัย ผู้บังคับบัญชาในการดำ�เนินการด้านวินัยของผู้อยู่ หลายคนเขา้ ใจเพยี งแตว่ า่ ถา้ ผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาถกู กล่าวหา ใตบ้ งั คบั บญั ชา เพอ่ื ใหผ้ บู้ งั คบั บญั ชาทกุ ระดบั มคี วามรู้ ว่ากระทำ�ผิดวินัย ผู้บังคับบัญชาต้องดำ�เนินการ ความเขา้ ใจในบทบาทหนา้ ทแ่ี ละความรบั ผดิ ชอบในการ วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา 13
ปลูกฝังระเบียบวินัยให้กับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ถึงขั้นมี “วินัยในตนเอง” อันจะนำ�มาซึ่งความเจริญ ...จะต้องมีการสร้างกฎเกณฑ์ วฒั นาสถาพรของรัฐสภาอย่างย่งั ยนื ตามหนังสอื มติ ก.ร. ท่ี ๙๒/๒๕๖๑ (ว ๒๘) ลงวนั ท่ี ๒ พฤศจกิ ายน การเป็นขา้ ราชการทดี่ ี สร้าง ๒๕๖๑ โดยน�ำ แนวทางตามคู่มือของส�ำ นักงาน ก.พ. ค่านยิ มท่ดี ีร่วมกนั ... มาปรับปรุงให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติระเบียบ อยา่ งมีคุณธรรมและเท่ยี งธรรม และเสริมสรา้ งแรง ขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ทง้ั น้ี สามารถศกึ ษา จงู ใจให้ตนเปน็ ขา้ ราชการทดี่ ี รายละเอยี ดเพม่ิ เตมิ ไดจ้ าก Intranet ของส�ำ นกั งาน โดยที่การปฏิบัติงานต่าง ๆ ผู้บังคับบัญชา เลขานกุ าร ก.ร. ผบู้ งั คบั บญั ชา และผ้อู ย่ใู ต้บังคับบัญชาจะต้องร่วมมือกันปฏิบัติหน้าท่ี ผู้บังคับบัญชาตามพระราชบัญญัติระเบียบ ราชการ ท�ำ ใหต้ อ้ งสมั พนั ธใ์ กลช้ ดิ กนั การปฏบิ ตั ติ อ่ กนั บรหิ ารราชการฝา่ ยรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ และพระราช จงึ เปน็ เรอ่ื งส�ำ คญั ทก่ี ระทบตอ่ ผลการปฏบิ ตั งิ านโดยตรง บญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ก�ำ หนด หากผู้บังคับบัญชาปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างมี ผบู้ งั คบั บญั ชา ไดแ้ ก่ คณุ ธรรมและเทย่ี งธรรมแลว้ กจ็ ะท�ำ ใหผ้ ลการปฏบิ ตั งิ าน ๑) เลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร/เลขาธิการ เปน็ ไปอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ วฒุ สิ ภา การปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชา ผบู้ งั คบั บญั ชา ๒) รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร/รอง ตอ้ งปฏบิ ตั อิ ยา่ ง เลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา ๑. มคี ณุ ธรรม เชน่ เมตตา กรณุ า หวงั ดี ๓) ผอู้ �ำ นวยการส�ำ นกั ยอมรบั นบั ถอื ปกปอ้ งคมุ้ ครอง ๔) ผบู้ งั คบั บญั ชากลมุ่ งาน ๒. มีความเที่ยงธรรม เชน่ แต่งตัง้ ให้ดำ�รง ตำ�แหน่งตามความรู้ ความสามารถ และสมรรถนะ บทบาทของผบู้ งั คบั บญั ชา ที่จำ�เป็น การให้บำ�เหน็จความชอบจะต้องพิจารณา บทบาทที่ ๑ การรกั ษาวินยั ของตนเอง จากผลงาน ศักยภาพ สมรรถนะ พฤติกรรม ทงั้ น้ี เพ่อื ผ้บู ังคับบัญชาก็เป็นข้าราชการรัฐสภาสามัญ ประโยชน์ของทางราชการและเป็นไปตามระบบ เชน่ เดยี วกนั ผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชา ดงั นน้ั ผบู้ งั คบั บญั ชา คณุ ธรรมโดยไมเ่ ลอื กปฏบิ ตั ิ ก็ย่อมมีสถานะท่ีจะต้องรักษาวินัยในฐานะท่ีเป็น ๓. เสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจใหผ้ อู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชา ข้าราชการรฐั สภาสามญั ดว้ ย โดยจะต้องเปน็ ผู้น�ำ ท�ำ ดำ�รงตนเป็นข้าราชการที่ดี โดยจะต้องมีทั้งแรงจูงใจ เปน็ แบบอยา่ งทด่ี ใี หผ้ อู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาปฏบิ ตั ติ ามดว้ ย ภายใน และแรงจงู ใจภายนอก การจับผิดผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาไม่ใช่ทางออกสำ�หรับ การเสริมสร้างแรงจูงใจภายใน เช่น การให้ ผู้บังคับบัญชาที่จะรักษาวินัยผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ลาภ การสรรเสริญ การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดี การประพฤติตนเป็นแบบอย่างท่ีดีต่างหากท่ีเป็นการ สว่ นการเสรมิ สรา้ งแรงจงู ใจภายนอก นน้ั จะตอ้ งมกี าร ป้องกันการประพฤติผิดวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา สรา้ งกฎเกณฑก์ ารเปน็ ขา้ ราชการทด่ี ี สรา้ งคา่ นยิ มทด่ี ี เบอ้ื งตน้ ทง่ี า่ ยทส่ี ดุ รว่ มกันและมีการพัฒนาใหผ้ อู้ ยูใ่ ต้บังคับบัญชาน�ำ เอา บทบาทที่ ๒ การปฏิบัติตนต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา กฎเกณฑ์และค่านิยมไปใช้อย่างยอมรับและเคารพ 14 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
กฎเกณฑ์และคา่ นยิ มนัน้ ซึ่งอาจจัดใหม้ กี ารฝกึ อบรม ...ผู้บังคับบัญชามิได้มีเพียง การดงู านจากหนว่ ยงานอน่ื เปน็ ตน้ อ�ำ นาจเท่าน้ัน แตอ่ �ำ นาจนนั้ มี บทบาทท่ี ๓ การเสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้ ฐานที่มาจากภาระหน้าที่ บังคับบัญชามีวินัยและป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับ ท่ีกฎหมายกำ�หนดให้ผู้บังคับ บญั ชากระท�ำ ผดิ วนิ ยั บัญชาปฏบิ ัต.ิ .. การเสริมสร้างและพัฒนาให้ผู้อยู่ใต้บังคับ บญั ชามวี นิ ยั มแี นวทางด�ำ เนนิ การหลากหลายวธิ ี เชน่ สภาผแู้ ทนราษฎร/ประธานวฒุ สิ ภา) ด�ำ เนนิ การตอ่ ไป การปฏบิ ตั ติ นเปน็ แบบอยา่ งทด่ี ตี ามบทบาทท่ี ๑ การ โดยหลักในการดำ�เนินการทางวินัย จะต้อง ฝึกอบรมเพือ่ ให้ดำ�รงตนเป็นขา้ ราชการทด่ี ี โดยอาจมี พจิ ารณาด�ำ เนนิ การตามหลกั ๔ ประการ คอื การฝกึ อบรมในชว่ งเวลาตา่ ง ๆ ตง้ั แตเ่ รม่ิ เขา้ ท�ำ งานระหวา่ ง ๑. รวดเรว็ ปฏิบัติงาน ก่อนเป็นผู้บังคับบัญชา การสร้างขวัญ ๒. ยตุ ธิ รรม และก�ำ ลงั ใจ ซง่ึ เปน็ การสรา้ งทศั นคตทิ ด่ี ใี นการปฏบิ ตั ิงาน ๓. ปราศจากอคติ การสรา้ งความศรทั ธาในงาน และศรทั ธาในตวั ผบู้ งั คบั ๔. ลงโทษใหเ้ หมาะสมกบั ความผดิ บัญชา การสร้างบรรยากาศและสภาพแวดล้อมที่ และการดำ�เนินการทางวินัยจะต้องดำ�เนิน เหมาะสมในการทำ�งาน การเสริมสร้างและพัฒนา การตามกระบวนการที่กำ�หนดไว้ในกฎหมาย กฎ ทศั นคติ จติ ส�ำ นกึ และพฤตกิ รรมของผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บัญชา ระเบยี บใหถ้ กู ตอ้ งดว้ ย โดยมหี ลกั การส�ำ คญั อกี ประการ โดยอาจใชว้ ธิ กี ารจดั ตง้ั กลมุ่ หรอื ชมรม การสรา้ งขา้ ราชการ หนึ่งคือจะต้องมีการแจ้งข้อกล่าวหาและสรุปพยาน ต้นแบบ การฝึกอบรม การวางระบบประเมินผลการ หลกั ฐานให้ผู้ถูกกลา่ วหาทราบ และเปดิ โอกาสใหผ้ ถู้ กู ปฏบิ ตั ริ าชการ กลา่ วหามาชแ้ี จงแกข้ อ้ กลา่ วหากอ่ นทจ่ี ะลงโทษดว้ ย ส่วนการป้องกันมิให้ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา กระท�ำ ผดิ วนิ ยั นน้ั จ�ำ เปน็ ทผ่ี บู้ งั คบั บญั ชาตอ้ งเอาใจใส่ บทสง่ ทา้ ย สงั เกตพฤตกิ รรมของผอู้ ยใู่ ตบ้ งั คบั บญั ชาวา่ มพี ฤตกิ รรม อย่างที่กล่าวต้ังแต่ตน้ วา่ ผูบ้ งั คบั บญั ชามไิ ด้ มเี หตุที่จะชกั นำ�หรอื มชี ่องทางทจี่ ะกระท�ำ ผดิ และมี มเี พยี งอ�ำ นาจเทา่ นน้ั แตอ่ �ำ นาจนน้ั มฐี านทม่ี าจากภาระ แนวโนม้ ทจ่ี ะกระท�ำ ผดิ หรอื ไม่ และเมอ่ื ประเมนิ แลว้ วา่ หน้าที่ที่กฎหมายกำ�หนดให้ผู้บังคับบัญชาปฏิบัติ มีเหตุท่จี ะท�ำ ให้ผอู้ ยใู่ ต้บังคบั บญั ชากระทำ�ผดิ วนิ ยั ได้ การด�ำ เนนิ การเกย่ี วกบั วนิ ยั ของผบู้ งั คบั บญั ชาจงึ มใิ ช่การ ผู้บังคับบัญชาจะต้องขจัดเหตุที่อาจก่อให้เกิดการ ใชอ้ �ำ นาจตามบทบาทท่ี ๔ เทา่ นน้ั แตผ่ บู้ งั คบั บญั ชายงั กระท�ำ ผดิ วนิ ยั นน้ั เสยี มบี ทบาทอกี ตง้ั ๓ ประการ ซง่ึ เปน็ การเสรมิ สรา้ งวนิ ยั ของผู้บังคับบัญชาท่ีต้องแสดงต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา บทบาทที่ ๔ การดำ�เนนิ การทางวินยั บทความน้จี ึงเป็นแนวทางเบ้อื งต้นให้แก่ผ้บู ังคับบัญชา เมื่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาได้ดำ�เนินบทบาท ในระดบั ตา่ ง ๆ ด�ำ เนนิ การใหเ้ ปน็ ไปตามแนวทางท่ี ก.ร. ทก่ี ลา่ วมาทงั้ ๓ บทบาทแล้ว หากผูอ้ ยู่ใตบ้ งั คับบญั ชา กำ�หนด ทัง้ นี้เปา้ ประสงค์ของการด�ำ เนินการดังกล่าว ยงั คงประพฤตผิ ดิ วนิ ยั อยู่ กเ็ ปน็ เรอ่ื งทผ่ี บู้ งั คบั บญั ชาจะตอ้ ง กเ็ พอ่ื ใหก้ ารปฏบิ ตั ริ าชการในราชการฝา่ ยรฐั สภาเปน็ ไป ด�ำ เนนิ การทางวนิ ยั โดยเบอ้ื งตน้ ผบู้ งั คบั บญั ชาระดบั ตน้ อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลสูงสุดต่อการ ต้องรายงานเรื่องให้ผู้มีอำ�นาจดำ�เนินการทางวินัย ปฏบิ ตั ภิ ารกจิ ของรฐั สภาอยา่ งมน่ั คงตอ่ ไป ตามกฎหมาย (เลขาธิการ/ประธานรฐั สภา/ประธาน วารสารทรพั ยากรบคุ คลรัฐสภา 15
หากรสู้ กั นดิ ความผิดไม่เกิด นายพสธร คงเถลิงศริ วิ ัฒนา นิติกรปฏิบัติการ สำ�นักบรหิ ารงานกลาง สำ�นกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร ข้าราชการรัฐสภาสามัญ กบั การเมอื ง กลบั มาพบกนั อกี ครง้ั นะครบั ภายใตบ้ รรยากาศ การเตรียมความพร้อมเพ่ือรองรับสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรชุดใหม่ท่จี ะมีการเลือกต้งั กนั ในชว่ ง ปี ๒๕๖๒ ซึ่งเพื่อน ๆ หลายคนก็คงไดร้ บั ทราบขา่ วสารเกย่ี วกบั ความเคลอ่ื นไหวของพรรคการเมอื งตา่ ง ๆ ทง้ั เกา่ และใหม่ ที่ต่างก็กำ�ลังเตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เช่นกนั คอลมั นห์ ากรู้สักนิด ความผิดไม่เกิดฉบับนี้ จึงขอกล่าวถึงข้าราชการรัฐสภาสามัญกับการเมือง มีส่วนรว่ มทางการเมืองของประชาชนน้นั อาจกระทำ� ว่าเพื่อน ๆ จะสามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ได้ผา่ นกลไกและกระบวนการตา่ ง ๆ เช่น การใช้สิทธิ มากหรือน้อยเพียงใด และจะรักษาความเป็นกลาง เลอื กต้ัง การจัดตง้ั และเป็นสมาชกิ พรรคการเมอื ง การ ทางการเมืองได้อย่างไร เพื่อไม่ให้เพื่อน ๆ พลั้งเผลอ เขา้ ชอ่ื เสนอกฎหมาย การเขา้ ช่ือถอดถอนนักการเมอื ง กระทำ�ผิดวินยั และขา้ ราชการระดบั สงู ออกจากต�ำ แหนง่ การออกเสียง ประชามติ เปน็ ต้น ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั กบั การ ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช ๒๕๖๐ บญั ญตั ใิ หบ้ คุ ลากรของรฐั ทกุ ประเภท มสี ่วนรว่ มทางการเมอื ง มีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับบุคคลทั่วไป แต่สิทธิ การมีส่วนร่วมทางการเมือง (Political และเสรีภาพดังกล่าวก็อาจถูกจำ�กัดได้โดยกฎหมาย participation) หมายถงึ “การกระทำ�ใด ๆ กต็ ามทเ่ี กดิ เฉพาะในสว่ นทเ่ี กย่ี วกบั การเมอื ง สมรรถภาพ วนิ ยั หรอื ขน้ึ โดยความเตม็ ใจ ไมว่ า่ จะประสบความส�ำ เรจ็ หรอื ไม่ จริยธรรม๒ สำ�หรับข้าราชการรัฐสภานั้น จะสามารถ ไมว่ า่ จะมีการจดั อยา่ งเป็นระเบียบหรอื ไม ่ และไมว่ ่า ใชส้ ทิ ธแิ ละเสรภี าพไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด ยอ่ มตอ้ งพจิ ารณา จะเกิดขึ้นเป็นครง้ั คราวหรอื ตอ่ เนือ่ งกัน จะใชว้ ธิ ีการท่ี จากพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการรัฐสภา พ.ศ. ถกู ตอ้ งตามกฎหมายหรอื ไม ่ เพอ่ื ผลในการทจ่ี ะมอี ทิ ธิพล ๒๕๕๔ และกฎหมายลำ�ดบั รองท่เี กย่ี วข้อง ต่อการเลือกนโยบายของรัฐ หรือต่อการบริหารงาน ข้าราชการรัฐสภาสามัญซ่ึงเป็นบุคลากรของ ของรัฐ หรอื ต่อการเลือกผูน้ ำ�ทางการเมอื งของรัฐบาล รัฐจึงย่อมมีสิทธิและเสรีภาพเช่นเดียวกับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นไปในระดับท้องถ่ินหรือระดับชาติก็ตาม ทั่วไป และสามารถมีส่วนร่วมทางการเมืองได้ ซึ่ง เพื่ออิทธิพลของกลุ่มการเมืองในการเลือกกำ�หนด พระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ บุคคลในวงการรัฐบาล หรือกดดันรัฐบาลให้กระทำ� ก็ได้บัญญัติคุ้มครองไม่ให้นำ�ความคิดเห็นทางการ ตามท่ีพลเมืองผู้นั้นหรือกลุ่มน้ันต้องการ ตลอดจนมี เมืองหรือการสังกัดพรรคการเมืองมาประกอบการ อิทธิพลต่อการกำ�หนดนโยบายของรัฐท้ังในการเมือง พิจารณาความดีความชอบ การเลื่อนตำ�แหน่ง และ การปกครองระดับท้องถิ่นและระดับชาติ”๑ โดยการ การให้ประโยชน์อื่นแก่ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ๒๑มสกาำ�รตนุงเรกัทางพา๒มน๗หเลาขขนอาคงธรริกฐั าธรรสรภมานผญู แู้ ทแหน่งรราาษชฎอรา.ณกาาจรมักรสี ไ่วทนยร่วพมทุ ทธาศงักกราารชเม๒อื ง๕ใ๖น๐ระ. บคอวบามปใรนะลชกั าษธิปณไะตดยัง.ก๒ล๕า่ ว๖ถ๑กู .บสัญ�ำ นญักัตกิไวารใ้ นพริมัฐพธ์รสรำ�มนนกั ญู งาเปนน็เลคขรางั้ ธแกิรากรใสนภรัฐาธผรแู้ รทมนนรูญาษแหฎง่ร ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๑๑. 16 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรัฐสภา
แต่การพิจารณาดังกล่าวจะต้องเป็นไปอย่างเป็นธรรม ข้าราชการรัฐสภา โดยพิจารณาจากผลงาน ศักยภาพ และความประพฤติ สามัญตอ้ งวางตัว เปน็ สำ�คัญ และการบริหารทรพั ยากรบุคคลก็จะตอ้ งมี เปน็ กลาง ความเปน็ กลางทางการเมืองอกี ด้วย๓ ทางการเมอื ง อย่างไรก็ดี แมข้ ้าราชการรฐั สภาสามัญอาจ มสี ว่ นร่วมทางการเมอื งได้ แตก่ ารมีสว่ นรว่ มทางการ เมืองดังกลา่ วนั้น กจ็ ะตอ้ งสอดคลอ้ งกบั การปกครอง ในระบอบประชาธปิ ไตยอนั มพี ระมหากษตั รยิ ท์ รงเป็น ประมุขด้วย เนื่องจากความเลื่อมใสในการปกครอง เรปะบ็นอคบุณปรสะมชบาธัตปิ ิทไต่ัวยไอปนั ขมอพี งรขะม้าหราากชษกตั ารรยิ รท์ ัฐรงสเปภน็ าปสราะมมัญขุ ๔ นอกจากน้ี การมีส่วนรว่ มทางการเมืองของขา้ ราชการ รัฐสภาสามัญ ผ่านกลไกและกระบวนการต่าง ๆ ข้าราชการรัฐสภาสามัญก็จะต้องคำ�นึงถึงการรักษา วินัยด้วยเช่นกัน ซึ่งกฎ ก.ร. ว่าด้วยวินัยข้าราชการ ลักษณะใดบ้างท่ีมีลักษณะ รฐั สภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๕ ก�ำ หนดหา้ มมใิ ห้ขา้ ราชการ เ ป็ น ก า ร ก ร ะ ทำ � ท่ี แ ส ด ง ถึ ง รพฐั รสรคภกาาสราเมมอื ัญงเหปร็นอื ดส�ำมรางชต�ำิกแพหรนรง่ คอน่กื ใาดรใเนมพอื รงรคกกรารรมเกมาอื รง๕ ค ว า ม ไ ม่ เ ป็ น ก ล า ง ใ น ก า ร ซ่ึ ง เ ป็ น ก ร ณี ที่ กำ � ห น ด แ ต ก ต่ า ง ไ ป จ า ก วิ นั ย ข อ ง ปฏบิ ัติหนา้ ที่ ท้ังในกฎ ก.ร. วา่ ดว้ ยวนิ ัยขา้ ราชการ ขา้ ราชการพลเรอื น และยงั ก�ำ หนดใหข้ า้ ราชการรฐั สภา รฐั สภาสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๕ และประมวลจริยธรรม ปสาฏมิบัญัตหิตน้อา้งทวร่ีาางชตกนาเรป๖็ นกลางทางการเมืองในการ ข้าราชการรัฐสภา อีกด้วย ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่างตามระเบียบสำ�นัก นายกรัฐมนตรีว่าด้วยมารยาททางการเมืองของ ขา้ ราชการพลเรือน ลงวันที่ ๑๖ มนี าคม ๒๔๙๙ ซึ่ง ข้าราชการรัฐสภาสามัญกบั ความ บังคับใช้กับข้าราชการพลเรือน เพื่อเป็นแนวทางให้ เพื่อน ๆ ได้เห็นภาพว่าการกระทำ�ใดบ้างที่อาจถือ เปน็ กลางทางการเมอื ง ได้ว่าเป็นการไม่วางตนเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ ราชการ โดยระเบียบดงั กลา่ วก�ำ หนดไว้วา่ ขา้ ราชการ ขา้ ราชการรฐั สภาสามญั ยอ่ มมเี สรภี าพทางการ พลเรอื นจะนยิ มหรอื เปน็ สมาชกิ ในพรรคการเมอื งใด ๆ เมืองที่จะนิยมกลุ่มการเมืองหรือพรรคการเมืองใด ๆ ที่ต้ังโดยชอบด้วยกฎหมายและจะไปในการประชุม ไดอ้ ยา่ งอสิ ระ อยา่ งไรกด็ ี ในการปฏบิ ตั หิ นา้ ทร่ี าชการนน้ั ของพรรคการเมืองนั้นเปน็ การส่วนตวั ก็ได้ แตใ่ นทาง ข้าราชการรัฐสภาสามัญจะต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วย ท่ีเกี่ยวกับประชาชนและในหน้าท่ีราชการต้องวางตน ความเป็นกลาง ไมเ่ ลือกปฏิบัตดิ ว้ ยเหตเุ พราะรสนิยม ทางการเมอื งของตนเอง ซง่ึ แมส้ ว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา จะไม่มีการกำ�หนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าการกระทำ� ๓ มาตรา ๒๔ แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบขา้ ราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ๔ มาตรา ๓๗ ก. (๓) แห่งพระราชบญั ญตั ริ ะเบยี บข้าราชการรฐั สภา พ.ศ. ๒๕๕๔ ๕ ๖ ขอ้ ๓ (๖) ของกฎ ก.ร. วา่ ด้วยวนิ ยั ข้าราชการรัฐสภาสามญั พ.ศ. ๒๕๕๕ ๗ ขอ้ ๒ (๑๑) ของกฎ ก.ร. วา่ ด้วยวนิ ัยข้าราชการรฐั สภาสามัญ พ.ศ. ๒๕๕๕ ประมวลจรยิ ธรรมข้าราชการรัฐสภา ขอ้ ๑๐ ก�ำ หนดวา่ “ขา้ ราชการรัฐสภาต้องปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีด้วยความเท่ยี งธรรม เป็นกลางทางการเมือง มจี ติ ใหบ้ ริการแก่ สมาชิกรฐั สภา บุคคลในวงงานรัฐสภา และประชาชน ดว้ ยอธั ยาศยั ไมตรี โดยไม่เลอื กปฏิบัติ พรอ้ มใหบ้ ริการอยู่เสมอ” โดยไม่ได้นยิ ามหรือยกตัวอย่างไว้ว่า “การเปน็ กลางทางการเมือง” มคี วามหมายอยา่ งไร วารสารทรพั ยากรบุคคลรฐั สภา 17
เปน็ กลาง และไมฝ่ ่าฝืนขอ้ ห้าม๘ ดงั น้ี ...แมข้ า้ ราชการรฐั สภาสามัญจะมี (๑) ไม่ด�ำ รงตำ�แหน่งในพรรคการเมอื งใด ๆ สิทธิและเสรีภาพในฐานะบุคคลท่ัวไป เว้นแตผ่ ้เู ป็นสมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร ประเภท ๒ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย กฎ หรอื ข้าราชการการเมอื ง ระเบียบ ฯลฯ ที่กำ�หนดไว้เป็นการ (๒) ไม่ใช้สถานที่ราชการในกิจการทางการ เฉพาะดว้ ย... เมอื ง (๓) ไมว่ ิพากษว์ จิ ารณ์การกระท�ำ ของรัฐบาล หรือพรรคการเมืองเพ่ือให้นำ�ร่างพระราชบัญญัติหรือ ใหป้ รากฏแก่ประชาชน ญัตติเสนอสภาผูแ้ ทนราษฎร หรือตั้งกระทถู้ ามรฐั บาล (๔) ไม่แตง่ เครอ่ื งแบบราชการไปรว่ มประชมุ (๑๑) ในระยะเวลาที่มีการสมัครรับเลือกตั้ง พรรคการเมอื งหรือไปร่วมประชมุ ในท่สี าธารณะสถาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไม่แสดงออกโดยตรงหรือ ใด ๆ อันเปน็ การประชมุ ทม่ี ลี ักษณะทางการเมือง โดยปริยาย ที่จะเป็นการช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุน (๕) ไม่ประดับเครื่องหมายพรรคการเมือง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง และในทางกลับกัน ไม่กีดกัน ในเวลาสวมเครื่องแบบราชการหรือในเวลาราชการ ต�ำ หนิติเตียน ทบั ถม หรือให้รา้ ยผสู้ มัครรบั เลือกตงั้ หรือในสถานที่ราชการ เม่ือพิจารณาจากกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องแล้ว (๖) ไมแ่ ตง่ เครอ่ื งแบบของพรรคการเมอื งเขา้ ไป อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า แม้ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ในสถานทรี่ าชการ จะมีสิทธิและเสรีภาพในฐานะบุคคลทั่วไป แต่ก็ต้อง (๗) ไมบ่ งั คบั ใหผ้ ใู้ ตบ้ งั คบั บญั ชาหรอื ประชาชน อยภู่ ายใต้กฎหมาย กฎ ระเบียบ ฯลฯ ทก่ี ำ�หนดไว้ เป็นสมาชิกในพรรคการเมืองและไม่กระทำ�การในทาง เปน็ การเฉพาะดว้ ย โดยในเรอื่ งการมีส่วนร่วมทางการ ให้คุณให้โทษ เพราะเหตุที่ผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาหรือ เมืองนี้ เพื่อน ๆ ข้าราชการรัฐสภาสามัญจะต้อง ประชาชนนิยมหรือเป็นสมาชิกในพรรคการเมืองใด รักษาวินัย โดยการวางตนเป็นกลางทางการเมือง ทตี่ ง้ั ขน้ึ โดยชอบดว้ ยกฎหมาย ในการปฏิบัติหน้าที่ราชการ และการไม่เป็นสมาชิก (๘) ไม่ทำ�การขอร้องให้บคุ คลใดอทุ ศิ เงนิ หรือ พรรคการเมือง กรรมการพรรคการเมือง หรือดำ�รง ทรพั ยส์ นิ เพื่อประโยชน์แก่พรรคการเมือง ต�ำ แหน่งอืน่ ใดในพรรคการเมือง (๙) ไม่โฆษณาหาเสียงเพื่อประโยชน์แก่ สุดท้ายนี้ หากเพื่อน ๆ สามารถปฏิบัติตาม พรรคการเมอื ง หรอื แสดงการสนบั สนนุ พรรคการเมอื ง แนวทางปฏบิ ตั ขิ า้ งตน้ ดงั กลา่ วไดแ้ ลว้ การปฏบิ ตั หิ นา้ ท่ี ใด ๆ ให้เป็นการเปิดเผยในที่ประชุมพรรคการเมือง ราชการของเพอ่ื น ๆ ก็ย่อมท่ีจะได้รับความเชือ่ ถือจาก และในที่ที่ปรากฏแก่ประชาชน หรือเขียนจดหมาย ทั้งประชาชน เพื่อนร่วมงาน สมาชิกรัฐสภา และ หรือบทความไปลงหนังสือพิมพ์ หรือพิมพ์หนังสือ บุคคลในวงงานรัฐสภา อีกทั้งยังเป็นการปฏิบัติตน หรอื ใบปลวิ ซง่ึ จะจ�ำ หนา่ ยแจกจา่ ยไปยงั ประชาชน อนั เปน็ ภายใต้กรอบระบบคุณธรรม (Merit System) ที่มี ขอ้ ความท่มี ีลักษณะของการเมือง หลักความเป็นกลางทางการเมืองเป็นหลักสำ�คัญ (๑๐) ไม่ปฏบิ ตั หิ นา้ ท่แี ทรกแซงทางการเมอื ง ประการหนึ่ง ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ย่อมถือได้ว่า หรือใชก้ ารเมืองเป็นเครือ่ งมอื เพือ่ กระท�ำ กิจการตา่ ง ๆ เป็นการปฏิบัติหน้าท่ีราชการโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์อีกทาง อาทิเช่น วิ่งเต้นติดต่อกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หนงึ่ เชน่ กัน ๘ราชกจิ จานุเบกษา เลม่ ๗๓/ตอนท่ี ๒๗/ฉบบั พิเศษ หน้า ๗/๒๘ มนี าคม ๒๔๙๙ 18 วารสารทรพั ยากรบุคคลรฐั สภา
ข้อคิด ข้อแนะ บทเรยี นความมงุ่ ผลสัมฤทธิ์ นางสาวสุดธดิ า มงคลรตั น์ นกั ทรัพยากรบุคคลช�ำ นาญการพิเศษ ส�ำ นกั งานเลขานุการ ก.ร. ส�ำ นกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร จาก“เหมองแร่” วันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ มีรายงานว่า ทำ�อาหารด้วยตัวเอง ลดทฐิ ิ อตั ตา อคติ เพอื่ เขา้ สงั คม นายอาจินต์ ปัญจพรรค์ ศิลปินแห่งชาติ สาขา การท�ำ งาน หลงั จากไดเ้ รม่ิ ไปชว่ ยงานยงั เรอื ขดุ คน้ พบ วรรณศิลป์ ผู้ประพันธ์เรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ เสียชีวิต ส่ิงที่รํ่าเรียนจากในตำ�ราแตกต่างจากการทำ�งานใน อย่างสงบด้วยวยั ๙๑ ปี ทำ�ให้หลายคนนึกถึงเรื่องราว ชีวิตจรงิ อย่างมาก และสดุ ท้ายก็เจอบททดสอบจิตใจ ในหนงั สอื ชุดเหมอื งแร่ทีถ่ ่ายทอดเรือ่ งจรงิ ของผูเ้ ขยี น จากนายฝร่งั เมอ่ื ขอใหจ้ ับคนรา้ ยขโมยหินแรก่ ลบั พบ โดยเรื่องราวเริ่มต้น พ.ศ. ๒๔๙๒ ในวัย ๒๒ ปี วา่ เปน็ ฝมี อื ของพวกรนุ่ พค่ี นงาน โดยมคี นหนง่ึ กลา่ ววา่ นายอาจินต์ เป็นนิสิตชั้นปีที่สองจากคณะ “กฏหมายคนละเลม่ คุณถือกฏหมายมภี าษาฝร่ังปน วศิ วกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลัย ท่ถี ูกรีไทร์ ผมถอื กฏหมายคลุกขา้ วสุก คณุ อยู่เฉย ๆ เถอะ แล้ว จากมหาวิทยาลัย และพ่อได้ส่งไปทำ�งานที่เหมือง ผมจะใหส้ ่วนแบ่ง” และยงั ถกู ขู่ทำ�ร้าย จากเหตุการณ์ กระโสม ตำ�บลกระโสม อำ�เภอตะกวั่ ทุง่ จังหวัดพงั งา ครัง้ น้ัน ท�ำ ใหน้ ายอาจนิ ต์ฯ ยื่นใบลาออก แต่ไดร้ บั แจง้ หลังจากได้พบและสัมภาษณ์งานกับนายฝรั่งแล้วจึง จากนายฝรั่งว่าเป็นคนคิดแผนน้ีขึ้นมา เพื่อทดสอบว่า เริ่มทำ�งานในฐานะกรรมกรแรงงาน และเปลี่ยนสู่ เขาเป็นคนอย่างไร ซึ่งความตรงไปตรงมาและความ ต�ำ แหนง่ อนื่ ๆ เปน็ เวลาเกอื บสี่ปี ซึง่ เทา่ กับการเรยี น มงุ่ มน่ั ทจ่ี ะเปน็ คนดี ท�ำ ใหเ้ ขาไดข้ น้ึ เงนิ เดอื นจากเหตุการณ์ ในมหาวทิ ยาลยั แตเ่ ปน็ มหาวทิ ยาลยั แหง่ ชวี ติ การท�ำ งาน ทีผ่ ่านการทดสอบน้ัน ทตี่ ้องแลกปรญิ ญามาดว้ ยความมานะอดทน นายอาจนิ ตฯ์ ไดเ้ รยี นรกู้ ารปรบั ตัว เขาได้งานใหม่เป็นช่างทำ�แผนที่ จากเด็กกรุงเทพฯ สู่ชีวิตกรรมกร ต้องหัดหุงข้าว จากนั้นได้จดหมายจากแฟนเก่า ซึ่งคือการ์ดแต่งงาน จนทำ�ให้เขากินเหล้าเมาซึม และเขียนข้อความบน ก�ำ แพงวา่ “อดตี คอื ความฝัน ปัจจุบนั ตอ้ ง อด อนาคตตอ้ งตาย” เช้ารงุ่ ข้นึ มีคน มาเขียนตอ่ ท้ายวา่ “ปจั จุบนั ต้องอดทน” จึงทำ�ให้นายอาจินต์ฯ ได้เรียนรู้คือคำ�ว่า “อดีตและ อนาคตไม่สำ�คัญเท่าปัจจุบันที่ต้องทำ�งานด้วยความ อดทนและมุ่งมนั่ ” นายอาจินต์ฯ ใช้ชีวิตการทำ�งาน อย่างเต็มที่ วนั หนึ่งขณะออกไปท�ำ แผนที่ เกดิ นํ้าป่า ไหลหลาก กระแสนํ้าเชี่ยวกราก ทำ�ให้ไม้วัดลอยไป
กบั กระแสนา้ํ แตเ่ ขาไมย่ อมละทง้ิ ไมว้ ดั ซง่ึ เปน็ เครอ่ื งมอื ชีวิตสปี่ ีของเขา ณ เหมอื งแร่ คือ คำ�อธิบาย ในการทำ�งานของตวั เองจงึ ฝา่ กระแสนํ้าไปเอากลับมา ง่าย ๆ ของคำ�ว่าสมรรถนะ “มุ่งผลสัมฤทธิ์” โดย แต่กลับพบว่าไม้วัดชำ�รุด ในใจกลัวว่าจะโดนนายฝรั่ง ผ่านเล่าประสบการณ์จากบุคคลผู้หน่ึงที่มีเหตุการณ์ ตำ�หนิ แต่นายฝรั่งโอบกอดด้วยรอยยิ้มกำ�ลังใจ ชีวิตผ่านมาอย่างมากมาย ซึ่งคิดว่าการดำ�เนินชีวิต “ดีแลว้ ที่เอาชีวิตรอดมาได”้ เพราะเห็นถงึ ความม่งุ มัน่ ของเขาอาจเป็นต้นแบบในการปฏิบัติงานของพวกเรา และความรบั ผิดชอบในหนา้ ท่ขี องเขา ขา้ ราชการ และบคุ ลากร ทจ่ี ะมคี วามมงุ่ มน่ั มานะ ยดึ ม่ัน ในสิ่งท่ีถกู ต้อง อดทน เอาใจใส่ และขยนั หม่นั เพียร เกิดปญั หาในเหมือง เรือขดุ และ เพ่ือการปฏบิ ตั ิหนา้ ท่ีของตน และองค์กร สายพานพงั ไม่ค้มุ ต่อการซ่อมแซม เปน็ เหตใุ ห้เหมอื ง ทง้ั น้ี หากเพือ่ น ๆ อยากทราบค�ำ จ�ำ กดั ความ ต้องปิดตัวลง และอาจนิ ตก์ ลบั กรงุ เทพฯ ดว้ ยมอื เปลา่ และระดับสมรรถนะของข้าราชการ สามารถอ่าน ไม่มีเงินติดตัว แต่สิ่งที่ได้รับจากเหมืองแร่คือ รายละเอียดทางวิชาการได้ในคอลัมน์ “นานาสาระ” ประสบการณช์ วี ติ ทแ่ี ลกมาดว้ ยความมงุ่ มน่ั ความมานะ ที่อธิบายระดับพฤติกรรมของสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธ์ิ อดทน และเปลี่ยนตัวเองจากนักศึกษาที่ถูกไล่ออก ของบคุ ลากรรฐั สภา ทอ่ี งคก์ รมคี วามคาดหวงั ใหพ้ วก จากมหาวิทยาลัยกลายเป็นคนท่ีมีความภาคภูมิใจใน เราบม่ เพาะสมรรถนะดังกลา่ ว เพอื่ ผลส�ำ เร็จของงาน ตวั เอง๑ เพื่อคลี่คลายปัญหา เพื่อประสิทธิภาพ และเพื่อ ของอาจินต์ในเหมืองแร่ จังหวัด ประสิทธิผลขององค์กรที่จะเพิ่มขึ้น อย่างต่อเนื่อง พังงา ผู้เขียนคิดว่าเพื่อน ๆ คงเห็นพฤติกรรมหนึ่ง และเพื่อองค์กรที่จะได้นวัตกรรมที่มีคุณภาพ ที่โดดเด่นของเขา คือ ความมุ่งมั่นอดทน ไม่ย่อท้อ เป็นประโยชน์ต่อการทำ�งานและต่อวิชาชีพทั้งใน และรบั ผดิ ชอบตอ่ การท�ำ งาน จนหวั หนา้ ทมี รสู้ กึ ชน่ื ชม ระยะสน้ั และระยะยาว๒ และภูมิใจต่อการทำ�งาน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มี ประสบการณ์ในการทำ�งานนั้น ๆ มาก่อน แต่ก็สามารถไต่เต้าจาก กรรมกรเหมืองแร่สู่ตำ�แหน่งงาน ที่สูงข้ึนในมหาวิทยาลัยเหมืองแร่ ๔ ปี ในตำ�แหนง่ นายชา่ งทำ�แผนท่ี ถึงแม้ว่าในระหว่างน้ันจะมีปัญหา ชวี ติ รมุ เรา้ แต่กฝ็ ่าฝนั มุ่งมน่ั จนได้ เรยี นรู้คอื คำ�วา่ “อดีตและอนาคต ไม่สำ�คัญเท่าปัจจุบันท่ีต้องทำ�งาน ดว้ ยความอดทนและมุ่งมั่น” หรือ ที่ปัจจุบันเราใช้คำ�ว่า “มุ่งผล สัมฤทธิ”์ นน่ั เอง ๑ Chestina Inkgirl. (ม.ป.ป.) Tk Reading Club ตอน เหมอื งแร่ - สืบค้นเม่อื วนั ที่ ๑๗ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ จากเวบไซต์ : https:// www.tkpark.or.th/tha/tk_news_detail/303/TK-Reading-Club- ตอน-เหมืองแร่ สืบคน้ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ๒ Scott T. Rabideau. (2005). Effects of Achievement Motivation on Behavior. สบื คน้ เมือ่ วนั ท่ี ๓ ตลุ าคม ๒๕๖๑. จากเวบไซต์ : http://www.personalityresearch.org/papers/rabideau.html 20 วารสารทรัพยากรบุคคลรฐั สภา
นานาสาระ สมรรถนะ นางสาวสนฏิ า วงศย์ งศลิ ป์ “มุ่งผลสมั ฤทธ”ิ์ นักทรพั ยากรบคุ คลปฏบิ ัติการ ส�ำ นกั บรหิ ารงานกลาง สำ�นกั งานเลขาธิกาวฒุ ิสภา ส�ำ คญั ไฉน ช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่า เริ่มต้นปีใหม่เช่นนี้ “ความมุ่งมั่นจะปฏิบัติหน้าที่ราชการให้ดีหรือให้ ผู้คนจำ�นวนมากถือเป็นโอกาสอันดีท่ีจะได้ต้ังปณิธาน เกินมาตรฐานที่มีอยู่ โดยมาตรฐานนี้อาจเป็นผล ปีใหม่ (New Year’s Resolutions) ให้เป็นนิมิตหมาย การปฏิบัติงานที่ผ่านมาของตนเองหรือเกณฑ์วัดผล ที่จะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ หรือพัฒนาความตั้งใจเดิม สมั ฤทธท์ิ ส่ี ว่ นราชการก�ำ หนดขน้ึ อกี ทง้ั ยงั หมายรวมถงึ ให้สำ�เร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และยังเป็นช่วงเวลาที่ได้ การสร้างสรรค์พัฒนาผลงาน หรือกระบวนการ ทบทวนความตั้งใจเดิมว่าประสบผลสำ�เร็จไปได้มาก ปฏิบัติงานตามเป้าหมายท่ียากและท้าทายชนิดที่อาจ น้อยเพียงใด ไดเ้ รยี นรบู้ ทเรยี นอะไรเพิม่ เตมิ บา้ งจาก ไมเ่ คยมผี ใู้ ดสามารถกระท�ำ ไดม้ ากอ่ น” ทง้ั น้ี เพอ่ื น ๆ อาจ วันเวลาที่ผ่านพ้นไป เพื่อน ๆ อาจจะค้นพบว่า ปีนี้ จะไม่เคยทราบว่า เราจะมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ราชการ เป็นปีที่ตนเองโชคดีได้รับมอบหมายงานที่ได้พัฒนา ให้ดีหรือให้เกินมาตรฐานที่มีอยู่ไปเพื่ออะไรได้บ้าง ความรู้ ทกั ษะ และความสามารถ บางคนอาจจะคน้ นอกจากเพื่อผ่านเกณฑ์การประเมิน เพื่อการได้รับ พบว่าปีนี้ตนเองยังขาดความรู้ความสามารถในการ เงินเดือน ค่าตอบแทนที่สูงขึ้น เพื่อการเลื่อนระดับ พัฒนางานบางอยา่ ง เมอื่ ได้เรียนรเู้ ชน่ น้ี ปใี หม่น้กี เ็ ป็น เพอ่ื ได้รบั การยอมรบั จากเพอ่ื นร่วมงาน ผบู้ งั คับบญั ชา ชว่ งเวลาทดี่ ีที่จะได้ตง้ั ใจพัฒนาตนเองให้ดีย่ิง ๆ ขน้ึ ไป และเพอ่ื ความก้าวหน้าในหนา้ ท่กี ารงาน๑ ซ่งึ ลว้ นเป็น คอลมั น์ “นานาสาระ” เล่มนจ้ี งึ ขอแนะนำ�ใหเ้ พ่ือน ๆ วตั ถปุ ระสงค์ของสมรรถนะ “มุง่ ผลสัมฤทธ์”ิ ทเี่ รา ได้ทราบความสำ�คัญและประโยชน์ของสมรรถนะ มองเห็นได้ในเชิงประจกั ษ์ ชัดเจน จบั ตอ้ งได้ แทจ้ รงิ “มุ่งผลสัมฤทธ์”ิ ดงั น้ี แลว้ “มงุ่ ผลสมั ฤทธ”์ิ ยงั มวี ตั ถปุ ระสงคเ์ พอ่ื ใหเ้ พอ่ื น ๆ เพื่อน ๆ คงจะเคยได้รับรู้กันมาบ้างว่า รู้สึกภาคภูมิใจกับภารกิจหน้าที่และงานที่ได้รับ “มุ่งผลสัมฤทธิ์” (Achievement motivation) มอบหมายมากขน้ึ อกี ดว้ ย ซง่ึ เปน็ วตั ถปุ ระสงคท์ จ่ี บั ตอ้ ง ไมไ่ ด้ แต่รสู้ ึกได้ อ่านมาถงึ ตรงนี้ เพอ่ื น ๆ อาจจะสงสัย กนั แลว้ วา่ “มงุ่ ผลสัมฤทธ์ิ” ซ่ึงเป็นสมรรถนะหลกั ของ เป็นค่านิยมที่ทั้งสองสำ�นักงานยึดถือกันมายาวนาน ขา้ ราชการรัฐสภาสามญั จะท�ำ ใหเ้ รารสู้ กึ ภาคภมู ิใจได้ อกี ทง้ั “มงุ่ ผลสมั ฤทธ”์ิ ยงั เปน็ หนง่ึ ใน ๕ สมรรถนะหลัก อยา่ งไรบ้าง คอลัมน์ “นานาสาระ” มีค�ำ ตอบให้ ดังน้ี ของข้าราชการรัฐสภาสามัญ โดย ก.ร. ให้คำ� ๑. ความยากและความท้าทายของงาน จ�ำ กดั ความของสมรรถนะ “มุ่งผลสัมฤทธิ์” ไว้ว่า เป็น “การสร้างสรรค์พัฒนาผลงาน หรือกระบวนการ ๑ Rose Johnson. How to Implement Motivation for Achievement in the Workplace. สืบค้นเม่อื วนั ท่ี ๓ ตุลาคม ๒๕๖๑ จากเวบไซต์ : https://smallbusiness.chron.com/implement-motivation-achievement-workplace-32964.html วารสารทรัพยากรบุคคลรฐั สภา 21
ปฏิบัติงานตามเป้าหมายท่ียากและท้าทายชนิดที่ ๒. ผู้บังคับบัญชามองเห็นศักยภาพและ อาจไม่เคยมีผู้ใดสามารถกระทำ�ได้มาก่อน” หมาย ความสามารถของเรา นอกจากเนื้อหาสาระและ รวมถึง ทุกครั้งที่เราได้รับมอบหมายงานที่มีความ ภารกิจงานที่ทำ�ให้เราภาคภูมิใจได้แล้ว การที่ผู้บังคับ ยากและท้าทาย ชนิดที่ไม่เคยมีเพื่อนร่วมงานคน บัญชาให้โอกาสมอบหมายงานที่มีคุณค่าให้เราได้ ไหนในหนว่ ยงานเคยไดท้ �ำ มากอ่ น หากแตใ่ นทา้ ยท่ีสดุ ลองด�ำ เนนิ การดว้ ยตนเองนน้ั กส็ รา้ งความภาคภมู ใิ จใหเ้ ราได้ เพราะการไดร้ บั โอกาสเหล่านั้น หมายความวา่ ผู้บงั คบั บัญชามองเห็นศักยภาพและความสามารถ ของเรา จริงอยู่ที่เราอาจจะไม่เคยปฏิบัติ งานน้นั ๆ มากอ่ น แตเ่ พราะผูบ้ ังคับบัญชา เล็งเห็นแล้วว่าเราสามารถพัฒนาตนเอง จนสามารถเรียนรู้ และปฏิบัติงานเหล่านั้น ให้สำ�เร็จได้ด้วยการถือปฏิบัติตามพฤติกรรม “ม่งุ ผลสัมฤทธ”์ิ อยา่ งตอ่ เนอ่ื ง จงึ มอบหมาย งานนั้นให้กับเรา ไม่ได้เป็นคนได้โอกาสมา เพราะโชคชว่ ย นอกจากนี้ ก.ร. ได้กำ�หนดระดับ พฤติกรรมของสมรรถนะมุ่งผลสัมฤทธิ์ไว้ ดงั ตารางดา้ นลา่ งน้ี เมือ่ เราปฏบิ ัตงิ านนนั้ โดยยึดพฤติกรรมการเอาใจใส่ ระดบั ที่ ตัวชวี้ ัดพฤติกรรม ขยันหมั่นเพียร มานะอดทน พยายามทำ�งานให้ ถูกตอ้ ง ให้แล้วเสร็จตามก�ำ หนดเวลา หม่นั ติดตาม ระดบั ท่ี ๐ ไมแ่ สดงสมรรถนะดา้ นน้ี หรือแสดงอย่างไมช่ ัดเจน และประเมินการปฏิบัติงานและผลงานของตนอย่าง สมํ่าเสมอเป็นหลักให้ปฏิบัติงานลุล่วงไปได้ และ ระดบั ที่ ๑ แสดงความพยายามในการปฏบิ ตั ิหนา้ ทีร่ าชการใหด้ ี ประสบความส�ำ เรจ็ สรา้ งประสทิ ธผิ ลใหแ้ กห่ นว่ ยงาน ๑) พยายามท�ำ งานในหน้าท่ใี ห้ถูกตอ้ ง ความสำ�เร็จน้ีเองจะนำ�ความภาคภูมิใจแก่ผู้ปฏิบัติ งานได้ ๒) พยายามปฏิบตั งิ านให้แล้วเสร็จตามก�ำ หนดเวลา ๓) มานะอดทน ขยันหมน่ั เพยี รในการท�ำ งาน ๔) แสดงออกวา่ ต้องการท�ำ งานให้ได้ดีข้ึน ๕) แสดงความเห็นในเชิงปรบั ปรงุ พฒั นาเมอื่ เหน็ ความสญู เปลา่ หรอื หย่อนประสทิ ธภิ าพในงาน ๒ Jex, S., & Britt, T. (2008). Organizational Psychology: A scientist-practioner approach. Hoboken, NJ: John Wiley & Sons, Inc. 22 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรัฐสภา
ระดับท ่ี ตัวชีว้ ัดพฤตกิ รรม ระดบั ที่ ๒ แสดงสมรรถนะระดับท่ี ๑ และสามารถท�ำ งานไดผ้ ลงานตามเป้าหมายที่วางไว้ ๑) ก�ำ หนดมาตรฐานหรอื เป้าหมายในการท�ำ งานเพื่อให้ได้ผลงานทด่ี ี ๒) ตดิ ตาม และประเมินผลงานของตน โดยเทยี บเคียงกบั เกณฑม์ าตรฐาน ๓) ท�ำ งานได้ตามเป้าหมายทีผ่ ู้บงั คบั บัญชาก�ำ หนด หรือเปา้ หมายของหน่วยงานที่รับผิดชอบ ๔) มคี วามละเอียดรอบคอบ เอาใจใส่ ตรวจตราความถกู ตอ้ ง เพอ่ื ใหไ้ ด้งานท่ีมีคุณภาพ ระดบั ที่ ๓ แสดงสมรรถนะระดับที่ ๒ และสามารถปรบั ปรุงวธิ ีการท�ำ งานเพอื่ ให้ไดผ้ ลงานทมี่ ปี ระสิทธิภาพยงิ่ ขนึ้ ๑) ปรับปรุงวิธีการทีท่ �ำ ใหท้ ำ�งานไดด้ ขี ึ้น เรว็ ขนึ้ มคี ณุ ภาพดีขน้ึ มปี ระสทิ ธิภาพมากขึน้ หรือท�ำ ใหผ้ รู้ บั บรกิ ารพึงพอใจมากข้นึ ๒) เสนอหรอื ทดลองวิธกี ารท�ำ งานแบบใหมท่ ค่ี าดวา่ จะท�ำ ให้งานมีประสิทธิภาพมากข้นึ ระดับท่ี ๔ แสดงสมรรถนะระดับที่ ๓ และสามารถก�ำ หนดเปา้ หมาย รวมทัง้ พฒั นางาน เพ่ือใหไ้ ดผ้ ลงานทโ่ี ดดเด่นหรอื แตกต่างอย่างมนี ยั ส�ำ คญั ๑) ก�ำ หนดเปา้ หมายทท่ี า้ ทาย และเป็นไปได้ยาก เพ่อื ใหไ้ ดผ้ ลงานทด่ี ีกวา่ เดิมอย่างเห็นไดช้ ัด ๒) พฒั นาระบบ ขั้นตอน วิธีการท�ำ งาน เพอ่ื ให้ได้ผลงานทโ่ี ดดเด่นหรือแตกต่างไมเ่ คยมผี ูใ้ ด ท�ำ ได้มากอ่ น ระดับที่ ๕ แสดงสมรรถนะระดบั ที่ ๔ และกล้าตัดสนิ ใจ แม้ว่าการตดั สนิ ใจน้ันจะมีความเสย่ี ง แตเ่ พอ่ื ใหบ้ รรลุเปา้ หมายของหน่วยงานหรอื สว่ นราชการ ๑) ตัดสินใจได้ โดยมกี ารค�ำ นวณผลได้ผลเสยี อยา่ งชดั เจน และดำ�เนินการเพอ่ื ให้ภาครฐั และ ประชาชนได้ประโยชนส์ ูงสดุ ๒) บริหารจดั การและทมุ่ เทเวลา ตลอดจนทรพั ยากร เพอื่ ใหไ้ ดป้ ระโยชน์สูงสุดตอ่ ภารกจิ ของ หน่วยงานตามทีว่ างแผนไว้ ทงั้ นี้ ข้าราชการรัฐสภาสามัญในต�ำ แหนง่ แต่ละ “มงุ่ ผลสมั ฤทธ”์ิ ไดไ้ มน่ อ้ ยกวา่ ระดบั ตา่ ง ๆ ทก่ี �ำ หนดไว้น้ัน ประเภท และแต่ละระดับ มีระดับพฤติกรรมที่คาดหวัง เพ่อื ผลสำ�เร็จของงาน เพ่อื คล่คี ลายปัญหาจากการท�ำ งาน ท่แี ตกตา่ งกัน โดย ก.ร. ก�ำ หนด ดงั นี้ เพอ่ื ประสทิ ธภิ าพและประสทิ ธผิ ลของหนว่ ยงานทจ่ี ะเพม่ิ ข้ึน (๑) ตำ�แหน่งประเภททั่วไป ระดับปฏิบัติงาน อยา่ งต่อเนื่อง และเพ่อื องค์กรจะไดน้ วตั กรรมใหม่ ๆ ทีม่ ี ช�ำ นาญงาน และประเภทวชิ าการ ระดบั ปฏบิ ตั กิ าร กำ�หนด ทคง้ัุณในภราะพยะเสปน้ั ็นแปลระะระโยยะชยนา์ตว๓่อกดางั รนทแ้ี ำ�ลงว้ าสนาแมลาะรถตก่อลวา่ ิชวาไดชว้ีพา่ ให้ตอ้ งมี ระดับที่ ๑ (๒) ตำ�แหน่งประเภททวั่ ไป ระดบั อาวโุ สขึ้นไป “ม่งุ ผลสัมฤทธ์”ิ เป็นทง้ั สมรรถนะหลัก และคา่ นิยมที่เรา และประเภทวิชาการ ระดับชำ�นาญการ กำ�หนดใหต้ อ้ งมี ต้องให้ความสำ�คัญ ใส่ใจและปฏิบัติทั้งเพื่อผลประโยชน์ ระดบั ท่ี ๒ ของตนเองและทงั้ เพอ่ื ผลประโยชนข์ องหน่วยงาน (๓) ตำ�แหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำ�นาญ เช่ือแน่ว่าการทำ�งานตามสมรรถนะและค่านิยม การพเิ ศษ และประเภทอ�ำ นวยการระดับตน้ ก�ำ หนดให้ “มุ่งผลสัมฤทธิ์” จะกลายเป็นหนึ่งในปณิธานปีใหม่ของ ต้องมี ระดับท่ี ๓ เพ่ือน ๆ คอลัมน์ “นานาสาระ” ขอเปน็ กำ�ลงั ใจให้เพ่อื น ๆ (๔) ตำ�แหนง่ ประเภทวชิ าการ ระดบั เชีย่ วชาญ ทุกคนได้มีความมุ่งมั่นและอดทน ไม่ท้อแท้ต่อปัญหา และประเภทอ�ำ นวยการระดบั สงู ก�ำ หนดใหต้ อ้ งมี ระดบั ท่ี ๔ และอุปสรรค พัฒนาตนเอง และประสบความสำ�เร็จ (๕) ต�ำ แหนง่ ประเภทวชิ าการ ระดบั ทรงคุณวุฒิ จากการทำ�งานที่ยากและท้าทายต่อไป และความ และประเภทบริหาร ก�ำ หนดให้ตอ้ งมี ระดบั ท่ี ๕ ร่วมมือร่วมใจของทุกคนจะทำ�ให้องค์กรพัฒนาไปถึง ซง่ึ ในระดบั องคก์ ร ทง้ั สองสว่ นราชการยงั คาดหวัง เป้าหมายที่มุ่งหวงั ได้ ให้เพื่อน ๆ ข้าราชการรัฐสภาสามัญบ่มเพาะสมรรถนะ ๓Scott T. Rabideau. (2005). Effects of Achievement Motivation on Behavior. สืบคน้ เม่ือวนั ท่ี ๓ ตลุ าคม ๒๕๖๑ จากเวบไซต์ : http:// 23 www.personalityresearch.org/papers/rabideau.html วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
ถามมาตอบไป นสสน�ำ�ำักานนงทสกัักรางงพั าาวยนนทาเเศกลลพรขขบาาานธคุณกิคุกีาาลทรรชศส�ำกธิภน.ราราผ.ญ้แู กทานรรพาเิ ษศฎษร ประสิทธภิ าพสงู ตรงตามท่ีองค์กรคาดหวงั ไว้ ส�ำ หรับค�ำ จ�ำ กัดความของค�ำ ว่า “การมุง่ ผล Q: ผมไดร้ บั มอบหมายงานจากหัวหน้า สัมฤทธ”์ิ น้ัน หมายถึง ความมงุ่ มั่นจะปฏบิ ัติราชการ ให้ดีหรือให้เกินมาตรฐานที่มีอยู่ โดยมาตรฐานนี้ งานให้จัดทำ�สื่อประกอบการบรรยายเพื่อ อาจเปน็ ผลการปฏบิ ตั ิงานทผ่ี า่ นมาของตนเอง หรือ เสนอผลงานของหน่วยงาน จากปกติจะใช้ เกณฑ์วดั ผลสมั ฤทธิ์ท่สี ว่ นราชการกำ�หนดขนึ้ อีกทัง้ โปรแกรม Power Point ในการนาํ เสนอ แต่ ยงั หมายรวมถงึ การสรา้ งสรรค์ พัฒนาผลงาน หรือ ผมเห็นว่าเป็นรูปแบบการนํำ�เสนอที่ไม่น่า กระบวนการปฏิบัติงานตามเป้าหมายที่ยากหรือ สนใจ ผู้ฟังอาจเกิดความเบื่อหน่ายได้เพราะ ท้าทายชนิดท่ีอาจไม่เคยมีผู้ใดสามารถกระทำ�ได้มา เนื้อหาค่อนข้างเยอะ ผมจึงขอหัวหน้าเปลี่ยน ก่อน ไปท�ำํ Video Infographic แทนการใชโ้ ปรแกรม การประเมินการมุ่งผลสัมฤทธิ์ของข้าราชการ Power Point ซึ่งทำ�ให้หัวหน้างานได้รับคำ�ชม จะแบ่งออกเป็น ๕ ระดับ ซึ่งหากผถู้ ูกประเมินแสดง จากหน่วยงานตา่ ง ๆ ว่ามคี วามคิดสร้างสรรค์ สมรรถนะไม่ชัดเจน หรือไม่แสดงสมรรถนะก็จะถูก ในกรณนี ถ้ี อื วา่ ผมเปน็ ผมู้ งุ่ ผลสมั ฤทธห์ิ รอื ไม่ครับ ประเมนิ สมรรถนะการม่งุ ผลสมั ฤทธิ์อยูใ่ นระดับที่ ๐ ทางทมี งานวารสาร HR ได้ทำ�การวิเคราะห์ จากคำ�ถามที่น้องส่งมาแล้ว ถือได้ว่า น้องเจ้าของ คำ�ถามนั้นเปน็ ผมู้ ุ่งผลสัมฤทธิ์ ตามคุณลกั ษณะเชิง A : ก่อนทีท่ มี งานวารสาร HR จะตอบค�ำ ถาม พฤตกิ รรมทไ่ี ดก้ �ำ หนดไว้ และทส่ี �ำ คญั ! นอ้ งอยา่ หยดุ น่งิ ขอให้น้องมีความมุ่งม่ันท่ีจะปฏิบัติงานให้ดีหรือดีเกิน ของน้อง พี่คิดว่าเราควรมาทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับ กว่ามาตรฐานที่กำ�หนดไว้ต่อไปนะ สมรรถนะการมุ่งผลสัมฤทธิ์ (Achievement หากน้องต้องการศึกษาข้อมูลเพ่ิมเติม motivation) กนั ก่อนดกี ว่า เ ก่ี ย ว กั บ ส ม ร ร ถ น ะ ก า ร ทำ � ง า น ข อ ง ข้ า ร า ช ก า ร สมรรถนะการมุ่งผลสัมฤทธิ์นั้นเป็น ๑ ใน ๕ รัฐสภา สามารถศกึ ษาค้นควา้ หาข้อมูลเพม่ิ เติมไดใ้ น และเป็นตัวแรกของสมรรถนะหลักที่สำ�นักงาน ก.พ. อนิ ทราเน็ตของส�ำ นักงานเลขานกุ าร ก.ร. ซง่ึ ได้มีการ ได้กำ�หนดและนำ�มาใช้ในการบริหารทรัพยากรบุคคล เผยแพร่ในหัวขอ้ มาตรฐานและแนวทางการก�ำ หนด เพื่อเสริมสร้างให้การทำ�งานของข้าราชการ ความรู้ความสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะทจี่ ำ�เป็น มีประสิทธภิ าพและประสทิ ธิผลมากย่ิงขนึ้ สำ�หรับต�ำ แหน่งข้าราชการรฐั สภาสามัญ มติ ก.ร. ที่ ในการน้ีส่วนราชการสังกัดรัฐสภาจึงได้นำ� ๔๔/๒๕๕๕ (ว ๑๗) ลว ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ และ สมรรถนะหลักมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาบุคลากร มาตรฐานความรคู้ วามสามารถ ทกั ษะ และสมรรถนะ และการประเมินผลการปฏิบัติราชการของข้าราชการ ของขา้ ราชการรฐั สภาสามัญ มติ ก.ร ท่ี ๑๖/๒๕๕๗ รัฐสภา โดยนำ�มาเป็นส่วนหนึ่งของการกำ�หนด (ว ๕) ลว ๒๓ มกราคม ๒๕๕๗ ตาม link http:// มาตรฐานการกำ�หนดตำ�แหน่ง ซึ่งประกอบไปด้วย intranet.parliament.go.th/group02/ ประเภทต�ำ แหน่ง ชือ่ สายงาน ชือ่ ตำ�แหน่งในสายงาน ท้ายนี้ วารสาร HR ขอขอบคุณคำ�ถามของเพื่อน ๆ ท่ี ระดบั ต�ำ แหนง่ หน้าท่คี วามรบั ผิดชอบหลัก คุณสมบตั ิ เฉพาะสำ�หรับตำ�แหน่ง และความรู้ความสามารถ ทักษะ และสมรรถนะทีจ่ �ำ เป็นสำ�หรบั ต�ำ แหน่ง เพือ่ ส่งเขา้ มา หากเพื่อน ๆ คนไหนมีข้อสงสัยดา้ น HR สามารถ เป็นแรงผลักดันให้ข้าราชการปฏิบัติงานอย่างมี ส่งคำ�ถามเข้ามาได้ที่ช่องทาง Email:hrj.parliament @gmail.com หรือทางเบอรโ์ ทรศพั ท์ ๐ ๒๓๕๗ ๓๑๙๒ 24 วารสารทรัพยากรบคุ คลรัฐสภา
ประมวลภาพ HR วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ ตุลาคม ๒๕๖๑ ศาสตราจารย์พิเศษพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภา นติ ิบญั ญัตแิ ห่งชาติ เปน็ ประธานจดุ ธปู เทยี นบชู าพระสยาม เทวาธริ าช พระเสอ้ื เมอื ง พระทรงเมือง และพระภูมิเจ้าที ่ พร้อมถวายพวงมาลัย ณ บริเวณด้านหน้าพระสยาม เทวาธิราช และร่วมตกั บาตรพระสงฆ์ จำ�นวน ๘๙ รูป เพอ่ื ถวายเป็นพระราชกุศล พระบาทสมเด็จพระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพติ ร เนอื่ งในวาระแหง่ การสวรรคต ๒ ปี โดยมีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ผู้บริหาร และบุคลากรของส�ำ นักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทน ราษฎร และสำ�นักงานเลขาธิการวุฒิสภา ร่วมในพิธี ณ หน้าอาคารรัฐสภา ๒ วารสารทรัพยากรบคุ คลรฐั สภา 25
วันจันทร์ที่ ๑๒ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ส�ำ นกั พฒั นา บคุ ลากรไดจ้ ดั โครงการเตรยี มความพรอ้ มวางแผน ซกั ซอ้ มปฏิบัติ การป้องกนั อคั คภี ัย และอพยพเคลอ่ื นยา้ ยผปู้ ระสบภัย ประจำ� ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยมีเจา้ หน้าทีต่ ำ�รวจรฐั สภา และ ผแู้ ทนจากส�ำ นกั ตา่ ง ๆ เขา้ ร่วมโครงการ ณ สถานดี บั เพลงิ ดุสติ กรงุ เทพฯ 26 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
วนั จนั ทรท์ ่ี ๑๙ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ณ หอ้ งประชมุ กรรมาธิการหมายเลข ๒๑๙ ชั้น ๒ อาคารรัฐสภา ๒ ศาสตราจารย์พิเศษ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภา นติ ิบัญญัติแหง่ ชาติ ในฐานะประธาน ก.ร. เปน็ ประธานการ ประชุมคณะกรรมการ ก.ร. ครง้ั ท่ี ๑๑/๒๕๖๑ เพ่ือพิจารณา เรอื่ งต่าง ๆ อาทิ ๑. รายงานผลการดำ�เนินการตามแผนส่งเสริม สนับสนุน การดำ�เนินการด้านคุณธรรมและความโปร่งใส ของสว่ นราชการสงั กดั รฐั สภา ประจ�ำ ปงี บประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ๒. รายงานผลการดำ�เนินการตามยุทธศาสตร์ การบริหารทรัพยากรบุคคลของส่วนราชการสังกัดรัฐสภา ประจำ�ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ วารสารทรัพยากรบคุ คลรฐั สภา 27
วันอังคารที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร นำ�ผ้า พระกฐนิ พระราชทาน ประจำ�ปี ๒๕๖๑ ของส�ำ นักงานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎรไปทอดถวายพระภิกษุสงฆ์ จ�ำ พรรษา ณ วดั ราชผาตกิ ารามวรวหิ าร กรงุ เทพฯ โดยมี คณะผบู้ รหิ าร ขา้ ราชการพนกั งานราชการ ลูกจ้างประจ�ำ สำ�นักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และประชาชนทั่วไป ร่วมในพิธี โอกาสนี้ได้ร่วมกับประชาชนผู้มีจิต ศรัทธาถวายปจั จัยบ�ำ รงุ พระอาราม พรอ้ มท้งั มอบทนุ การศกึ ษาใหแ้ กโ่ รงเรียนวัดราชผาตกิ าราม 28 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
วันพฤหสั บดที ี่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๖๑ ส�ำ นักพัฒนาทรพั ยากรบคุ คล ร่วมกับสำ�นกั บรหิ ารงานกลาง สำ�นักงาน เลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา ไดจ้ ดั โครงการสรา้ งความเขม้ แขง็ ในการบรหิ ารงานบคุ คล กจิ กรรมการประชมุ เชงิ ปฏบิ ตั กิ ารเพอ่ื สรา้ ง ความเขา้ ใจระบบบรหิ ารขา้ ราชการผมู้ ศี กั ยภาพสงู (Talent Management) ของส�ำ นกั งานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา โดยมี นาง ปยิ สรุ างค์ กลุ จติ ตปิ ระสทิ ธ์ิ นกั ทรพั ยากรบคุ คลช�ำ นาญการพเิ ศษ นางอนกุ ลู เสรมิ ศรี นกั ทรพั ยากรบคุ คลช�ำ นาญการพเิ ศษ จากส�ำ นกั งาน ก.พ. และ นายรงุ่ ธรรม เปรมมางกรู ผบู้ งั คบั บญั ชากลมุ่ งานบรหิ ารบคุ คล ส�ำ นกั บรหิ ารงานกลาง เป็น วทิ ยากรบรรยาย มีกลุ่มเปา้ หมาย คอื ผู้บรหิ าร ขา้ ราชการสำ�นกั งานเลขาธิการวุฒิสภา วทิ ยากร และเจ้าหนา้ ทท่ี ี่ เกี่ยวข้อง วารสารทรพั ยากรบุคคลรัฐสภา 29
สำ�นักพัฒนาทรัพยากรบคุ คลจัดกิจกรรมศึกษาดูงานเกี่ยวกับการตอ่ ต้านการทจุ ริตภายใตโ้ ครงการเรยี นรู้ กระบวนการปอ้ งกนั และปราบปรามการทุจรติ ณ พิพิธภณั ฑต์ า้ นโกง สำ�นกั งานคณะกรรมการ ป.ป.ช. เขตดุสิต กทม. เพ่ือสรา้ งเสริมทัศนคติ ค่านยิ มในความซอ่ื สัตย์สุจรติ ให้กับบุคลากรและมสี ว่ นร่วมในการป้องกันและ ตอ่ ต้านการทจุ รติ ทกุ รปู แบบ ให้กบั ผู้บังคับบญั ชากลมุ่ งาน โดยแบง่ เป็น ๓ รุ่น ดังน้ี รุน่ ท่ี ๑ วนั ท่ี ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ รนุ่ ที่ ๒ วนั ที่ ๒๐ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๑ ร่นุ ที่ ๓ วนั ที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ 30 วารสารทรัพยากรบุคคลรัฐสภา
วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ สำ�นักพัฒนาทรัพยากรบุคคล ร่วมกับสำ�นักบริหารงานกลาง สำ�นักงานเลขาธกิ ารวุฒิสภา ไดจ้ ัดประชมุ ช้ีแจงเพื่อสร้างความรคู้ วามเข้าใจเก่ียวกบั ค่มู ือผู้บงั คับบัญชาในการ ดำ�เนินการด้านวินัยของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา ให้กับกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชากลุ่มงาน และ ผบู้ งั คบั บญั ชากลมุ่ ตรวจสอบภายใน โดยไดเ้ ชญิ นางสาวพรทพิ ย์ บรู ณะขจรกจิ ผบู้ งั คบั บญั ชากลมุ่ งานพฒั นาระบบ การบริหารทรัพยากรบุคคล สำ�นักงานเลขานุการ ก.ร. สำ�นักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และนายนิวัฒน์ งามวลิ ยั นติ กิ รช�ำ นาญการพิเศษ กลุ่มงานพัฒนากฎ ระเบียบ สำ�นักงานเลขานุการ ก.ร. สำ�นักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร เป็นวิทยากรบรรยาย วารสารทรัพยากรบุคคลรฐั สภา 31
32 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
อาคารรัฐสภา….ในความทรงจ�ำ อาคารรฐั สภาไทย มีประวตั ศิ าสตร์ มาอย่างยาวนาน โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลง การปกครองมาเปน็ ระบอบประชาธปิ ไตยอันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พระบาท สมเด็จพระปกเกลา้ เจ้าอย่หู ัว รัชกาลที่ ๗ ได้พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ใช้ พระที่น่ังอนันตสมาคมเป็นสถานท่ีประชุม สภาผู้แทนราษฎรครั้งแรก จึงนับได้ว่า พระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นอาคารรัฐสภา แห่งแรกของประเทศไทย ต่อมา เมื่อสมาชิกสภามีจำ�นวน เพิ่มขึ้น พระที่นั่งอนันตสมาคมจึงมีความ คับแคบสำ�หรับเป็นสถานท่ีประชุมสภา รฐั บาลในยคุ นน้ั จงึ ไดก้ ราบบงั คมทลู พระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ขอพระราชทานที่ดิน บริเวณถนนอู่ทองใน เขตดุสิต กรุงเทพฯ เพอ่ื กอ่ สรา้ งอาคารรฐั สภาทม่ี พี น้ื ทม่ี ากกวา่ เดิม ซึ่งก็คืออาคารรัฐสภาหลังปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๑๗ – ปัจจุบัน) โดยได้เริ่มดำ�เนินการ ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๓ และแล้วเสร็จ ในปี พ.ศ. ๒๕๑๗ แตใ่ นทา้ ยทสี่ ุด อาคารรัฐสภาหลงั ปัจจุบันก็ประสบปัญหาพื้นท่ีใช้สอยไม่เพียง พอเช่นเดียวกัน อันเนื่องมาจากสมาชิก รฐั สภา ขา้ ราชการ และบคุ ลากรในวงงาน รัฐสภาที่มีจำ�นวนเพิ่มมากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ในปี ๒๕๕๑ รัฐบาลในสมัยดงั กล่าว จึงไดม้ ี มติเห็นชอบอนุมัติงบประมาณเพื่อก่อสร้าง อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บนที่ดินราชพัสดุ ถนนทหาร (เกยี กกาย) เขตดุสติ กรงุ เทพฯ โดยใช้ชื่อว่า“สัปปายะสภาสถาน” ซึ่งมี ความหมายวา่ “สภาแหง่ ความสงบร่มเย็น และปัญญา” วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา 33
34 วารสารทรพั ยากรบคุ คลรฐั สภา
วารสารทรพั ยากรบุคคลรัฐสภา 35
และในอนาคตอันใกล้ จะได้มีการ เคลื่อนย้ายจากอาคารรัฐสภาหลังปัจจุบัน ไปสู่สัปปายะสภาสถาน ซึ่งจะเหลือทิ้งไว้ เปน็ ความทรงจ�ำ และจะไดถ้ กู จารกึ ไวใ้ นหนา้ ประวัติศาสตร์ของการเมืองการปกครอง ไทยในฐานะอาคารที่ประชุมอันศักดิสิทธิ์ ของฝ่ายนิติบัญญัติ ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว มาพร้อม ๆ กับการเมืองไทยมาอย่าง ยาวนาน... 36 วารสารทรัพยากรบุคคลรัฐสภา
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: