Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศาสนาและศีลธรรมหลักสูตรชั้นนายพัน

การศาสนาและศีลธรรมหลักสูตรชั้นนายพัน

Description: ตำราวิชาการศาสนาและศีลธรรม สำหรับหลักสูตรชั้นนายพันเล่มนี้ กองอนุศาสนาจารย์ กรมยุทธศึกษาทหารบกได้รวบรวมเรียบเรียงเพื่อใช้เป็นหลักฐานทางวิชาการและประกอบการเรียนการสอนในหลักสูตรชั้นนายพันของโรงเรียนเหล่า สายวิทยาการและหน่วยจัดการศึกษาของกองทัพบก

Search

Read the Text Version

๔๕ ๒.๔.๓ ถ้าเคล่อื นหน่วยเข้าไปใกล้หน่วยท่ีมีอนศุ าสนาจารย์ประจําทํางานอยู่ ให้หาโอกาสพบปะกับผู้บังคับหน่วยและอนุศาสนาจารย์ของหน่วยน้ัน เพื่อแสวงหาการบริการทางศาสนา, ศาสนสถานและทางจิตใจ ๒.๔.๔ ถ้าสง่ ทหารไปปฏิบตั ิการนอกที่ตั้ง ตัง้ แต่ ๑ หมวดข้ึนไป ควรส่งอนศุ าสนาจารย์ ของหนว่ ยไปเยีย่ มและให้การอบรม ๒.๔.๕ ให้ความช่วยเหลือหน่วยท่ีไม่มีอนุศาสนาจารย์ซ่ึงอยู่ใกล้ ในด้านการอบรมจิตใจทหาร ๒.๔.๖ มอบหมายให้อนุศาสนาจารย์ติดต่อกับพระสงฆ์ หรือหัวหน้างานทางศาสนาประจําท้องถนิ่ ๒.๔.๗ แจ้งผลการดาํ เนินการด้านขวัญกาํ ลังใจของทหารมายังกรมยุทธศึกษาทหารบก เป็นครั้งคราว ๒.๕ หน้าที่และบทบาทอนศุ าสนาจารย์ในสนาม ๒.๕.๑ เสนอแนะแก่หน่วย ให้จัดชุดส่ิงอุปกรณ์บํารุงขวัญและส่ิงอุปกรณ์ที่ใช้ประกอบ การบรรยายอบรมจติ ใจทหาร และเป็นส่งิ อปุ กรณท์ ม่ี ีความคล่องตวั ในการเคลอ่ื นยา้ ยไปกบั หน่วยตามกรณี ๒.๕.๒ ทําบัญชีทหารแยกตามศาสนา เพ่ือสะดวกในการให้คําแนะนํา การนําประกอบศาสนกิจ และการทําพิธกี รรมทางศาสนา ๒.๕.๓ จัดทําบัญชีทหาร ระบุยศ ชื่อ นามสกุล ภูมิลําเนา ของทหารที่ถือศาสนา ส่วนน้อยและแยกตามนิกาย ทั้งน้ี เพื่อให้บริการทางศาสนาได้สะดวกในชีวิตประจําวัน และแม้ในยามที่มีการสูญเสยี กําลังพล ๒.๕.๔ จดั ทาํ บัญชี วดั สเุ หรา่ โรงสวด สุสาน โบสถ์ ศาสนสถาน และบุคลากรสําคัญของแต่ละศาสนาในพ้ืนท่ีใกล้บริเวณที่ต้ังหน่วย เพื่อประสานในการกระทําพิธีกรรมทางศาสนาวัฒนธรรมประเพณี เม่อื จําเปน็ ๒.๕.๕ ประสานการปฏิบัติร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกําลังพล ทางด้านงานปกติ การบํารงุ ขวัญ และพธิ กี รรม และใกล้ชิดกบั ฝา่ ยกจิ การพลเรือน (ถา้ ม)ี ทางดา้ นสังคมจิตวิทยา ๒.๕.๖ เสนอความเห็นแก่ผู้บังคับหน่วย ผู้บังคับบัญชา ในเร่ืองการอบรมศีลธรรม การอบรมจิตใจทหาร ขวัญกําลังใจ วัฒนธรรมประเพณี ตลอดจนให้ทหารได้มีโอกาสปฏิบัติศาสนกิจและไดร้ บั การบํารงุ รกั ษาขวญั ตามสมควร ๒.๕.๗ เอาใจใสด่ ูแลศาสนสถานภายในหนว่ ยให้มีความน่าศรัทธาเลอื่ มใส ๒.๕.๘ หาโอกาสพบปะเยี่ยมทหารท่ีออกปฏิบัติงานนอกที่ต้ัง ปลุกปลอบบํารุงขวัญและเสริมสร้างกําลังใจทหารปว่ ยเจบ็ หรือทหารท่ีได้รบั ความกระทบกระเทือนทางจติ ใจเน่ืองจากการคร่ําเคร่งในการปฏิบัตหิ นา้ ที่ ให้กลับมจี ติ ใจรกุ รบ อาจหาญ มีพลงั ใจพรอ้ ม ๒.๕.๙ เข้าร่วมกิจกรรมบรรเทาสาธารณภัยกับฝ่ายพลเรือนหรือหน่วยในพ้ืนท่ี เช่น กรณีชว่ ยเหลอื ผ้ปู ระสบอทุ กภัย วาตภัย และอคั คภี ยั เป็นต้น ๒.๕.๑๐ ดําเนนิ การร่วมกบั นายทหารฝา่ ยการศพ ในกรณที หารเสยี ชีวิต

๔๖ ๒.๕.๑๑ แสวงหาความร่วมมือจากบุคคลและองค์กรในท้องถ่ินเก่ียวกับการบํารุงขวัญทหาร ๒.๕.๑๒ ศึกษาคําสอน พิธีกรรม ของศาสนาต่างๆ ให้เข้าใจเพ่ือสะดวกในการให้คําแนะนาํ การนําปฏบิ ัติพิธกี รรมทางศาสนาและประเพณี ๒.๕.๑๓ สังเกต จดบันทึก ทําบัญชีทหารท่ีมีพฤติกรรมล่อแหลมในด้านวินัย ความเช่ือฟังการหมกมุ่นในสงิ่ อบายมขุ การมลี ักษณะเฉื่อยชา และเขา้ ใกล้ชิดกับผมู้ ีปญั หาดงั กลา่ ว ๒.๕.๑๔ ไมเ่ ปน็ ผเู้ กยี จครา้ น ทอ้ แท้ ทอ้ ถอย และฝกึ พลังจิตของตนเสมอ ๒.๕.๑๕ หาโอกาสพบปะสนทนากับผู้บังคับหน่วยและผู้บังคับบัญชาเสมอ เพื่อรับทราบปญั หา เพื่อนาํ ไปสกู่ ารปฏบิ ตั ภิ ารกิจหน้าทอ่ี นุศาสนาจารย์ ๒.๕.๑๖ ต้องตระหนักว่า ในสนามกระทําการอบรมเป็นกลุ่มก้อนได้น้อย แต่กระทําการพบปะเยย่ี มเยยี นไดม้ าก ๒.๕.๑๗ ประสานให้เกิดความเข้าใจ ขวัญ จริยธรรม ของกําลังพลในสนาม และครอบครัวของกําลงั พลน้ันๆ ๒.๕.๑๘ กรณีประกอบพิธีศพผู้เสียชีวิตในสนาม ณ วัดหรือศาสนสถานของศาสนาอื่นในพื้นท่ีการดําเนินการพิธีศพ ในการกล่าวสดุดีวีรกรรมขอให้เพ่ิมการกล่าวธรรมสังเวชที่เขียนโดยอนุศาสนาจารย์เข้าไปดว้ ย ๒.๕.๑๙ พิธีสําคัญในทางพระพุทธศาสนา ท่ีปฏิบัติในหน่วยในที่ต้ังปกติ เช่น พิธี วิสาขบูชา เป็นต้น แม้ในสนามอนุศาสนาจารย์สามารถเสนอแนะ และปรึกษาผู้บังคับบัญชาให้จัดข้ึนได้ท้ังในวัดใกล้หนว่ ย และภายในหนว่ ย ท้ังนี้ ยอ่ มขึ้นอยู่กบั สถานการณ์ ๒.๖ หัวข้อทีค่ วรใชอ้ บรมเน้นยํ้าในสนาม ๒.๖.๑ วนิ ยั และความเชอ่ื ถือ ๒.๖.๒ ความสามคั คี ๒.๖.๓ ความเสียสละ ๒.๖.๔ ความอดทน ๒.๖.๕ สังคหวัตถุ ๒.๖.๖ อบายมุข ๒.๖.๗ พระรตั นตรยั ๒.๖.๘ วัฒนธรรมประเพณีในพน้ื ท่ี การอบรมพธิ ีกรด้านศาสนา ประเพณี และวัฒนธรรมไทย เนื่องจากหน่วยในกองทัพบกระดับกรมข้ึนไปขาดแคลนอนุศาสนาจารย์ และบางหน่วยมีหน่วยระดับกองพันอยู่ห่างไกล ทําให้การจัดพิธีทางศาสนาไม่เป็นระเบียบแบบแผนเดียวกัน กองทัพบกจึงให้กรมยุทธศึกษาทหารบก จัดการอบรมกําลังพลนายทหารประทวนหน่วยต่างๆ เพ่ือปฏิบัติหน้าท่ีพิธีกรดา้ นศาสนา และลดปัญหาการขาดแคลนอนศุ าสนาจารยป์ ระจําหนว่ ย โดยได้ทาํ การเปดิ การอบรมตัง้ แต่

๔๗ปีพุทธศักราช ๒๕๔๙ จนถึงปัจจุบัน ตามอนุมัติ ผบ.ทบ. ท้ายหนังสือ กพ.ทบ. ท่ี กห ๐๔๐๑/๒๐๖๔๒ลง ๒๕ ก.ค.๔๙ความมุง่ หมายเพื่อใหผ้ ้สู าํ เรจ็ การศึกษาหลักสูตรน:้ี - 1. มคี วามรู้ ความเขา้ ใจในระเบียบปฏบิ ัติศาสนพธิ ี ประเพณี และวัฒนธรรมไทยไดอ้ ย่างถกู ต้อง 2. สามารถปฏบิ ัติหน้าที่พธิ ีกรในงานพิธตี ่าง ๆ เป็นแบบฉบบั เดยี วกนัคณุ สมบัติของผูเ้ ขา้ รับการศึกษา : 1. เปน็ นายทหารช้ันสญั ญาบตั ร ยศตั้งแต่ ร.ต. ขน้ึ ไป 2. เปน็ นายทหารประทวนยศต้ังแต่ ส.ต. ขึน้ ไป 3. เป็นผทู้ ม่ี คี วามสนใจในศาสนพธิ ี ประเพณี และวฒั นธรรมไทยระยะเวลาการศึกษา : ๕ วนั จํานวน ๓๕ ช่ัวโมง

๔๘๑.การไหว้ มารยาททช่ี าวพทุ ธควรรู้ ๑.๑ การไหวพ้ ระ - ยกมอื ท้ังสองพนมอยู่ระดับอก แล้วยกมือที่พนมนั้นขึ้นจรดหน้าผาก โดยให้ ปลายน้ิวหัวแมม่ อื ทั้งสองจรดระหว่างควิ้ น้อมศรี ษะลงพองาม เหตุผล : การเคารพผู้ที่เรานับถืออย่างสูงสุด ควรพนมมือให้อยู่ระดับ สูงสดุ ของใบหน้าและ นอบน้อมเคารพดว้ ยเศียรเกลา้ ๑.๒ การไหว้บิดามารดา ปยู่ า่ ตายาย - ยกมือท่ีพนมอยู่ข้ึน ให้ปลายน้ิวหัวแม่มือจรดปลายจมูก น้อมศีรษะลงพองาม เหตุผล : การเคารพผู้ท่ีให้ชีวิต ให้ลมหายใจแก่เรา จึงพนมมือไว้เหนือจมูกและน้อมราํ ลึกถึง พระคณุ ด้วยเศยี รเกลา้๑.๓ การไหวผ้ ทู้ ่ีเราเคารพนับถอื ท่ัวไป หรือผูท้ ม่ี ีอายมุ ากกว่าตน - ยกมือที่พนมอยู่ให้ปลายน้ิวหัวแม่มือจรดปลายคาง น้อมศีรษะลง พองาม เหตุผล : การเคารพผู้ทีม่ ีอาวุโสมากกวา่ อยูใ่ นรนุ่ คราวพ่ี ซง่ึ ถือว่า เป็นแบบอย่างในการทํามาหาเล้ียงชีพ จึงพนมมือไว้ระดับของปาก และน้อม รบั มาเปน็ แบบอย่างการดํารงชวี ติ ๑.๔ การไหว้ (การรบั ไหว)้ ผเู้ สมอกันหรือผนู้ ้อยกว่า - ยกมอื พนมข้ึนเสมออก ให้ปลายน้ิวชจี้ รดปลายคาง ไมต่ ้องนอ้ มศรี ษะ เหตุผล : คนเสมอกันและเพื่อนมนุษย์ ควรมีนํ้าใจเมตตาเอ้ือเฟื้อเก้ือกูลกันจึงพนมไว้ในระดับอก หมายถงึ จิตใจ หมายเหตุ การไหว้น้ัน จะนั่งพับเพียบไหว้หรือยืนไหว้ก็ได้ ผู้ชายถ้ายืนต้องให้เท้าท้ังสองชิดกัน ในลักษณะยืนตรง ผู้หญิงถ้ายืนให้สืบเท้าข้างหนึ่งไปข้างหลังเลก็ น้อย พร้อมทง้ั น้อมตวั ไหวส้ าํ หรับการไหว้ผอู้ าวุโสกวา่ ขึ้นไป๒. การกราบ ๒.๑ การกราบพระ - กราบศพพระ - กราบแบบเบญจางคประดิษฐ์ ๓ คร้ัง หมายถึงให้อวัยวะ ๕ ส่วนจรดถึงพ้ืน คือ เข่า ๒ มือ ๒หน้าผาก ๑ ทา่ เตรยี ม ผู้ชาย น่งั คกุ เข่าบนส้นเท้า ปลายเท้าต้งั ผูห้ ญิง นัง่ ทับฝา่ เทา้ ปลายเท้าราบ

๔๙ จงั หวะ ๑ (อัญชลี) ยกมอื ทงั้ สองขึ้นพนมเสมออก ปลายนว้ิ เบนออกประมาณ ๔๕ องศา จงั หวะ ๒ (วันทา) ยกมอื ทพี่ นมนนั้ ข้ึนจรดหนา้ ผาก ให้หัวแม่มอื ทัง้ สองจรดระหว่างคว้ิ จังหวะ ๓ (อภิวาท) กราบลงกับพน้ื แบมอื คว่ําให้ฝา่ มือทง้ั สองหา่ งกันพอศีรษะจรดพ้นื ได้ (ผู้ชายใหข้ อ้ ศอกตอ่ หัวเข่า ผู้หญิงให้ขอ้ ศอกครอ่ มเขา่ ) ๒.๒ กราบคน - กราบศพคน (กราบมอื ตัง้ ครง้ั เดยี ว) จังหวะ ๑ นั่งพับเพียบพนมมือไหว้ข้ึน ให้หัวแม่มือจรดปลายจมูก (กรณีผู้ตายอาวุโสกว่า) ให้หัวแมม่ อื จรดปลายคาง (กรณผี ตู้ ายอาวุโสเทา่ กันหรอื ร่นุ ราวคราวเดียวกัน) จงั หวะ ๒ กราบ หมอบกราบครง้ั เดยี วโดยใหม้ ือที่พนมน้ันตั้งกับพื้น หนา้ ผากจรดสนั มือ๓. การจุดธปู เทยี นบชู าพระ - จดุ เทยี นเล่มทางขวาของพระพทุ ธกอ่ น แล้วจึงจดุ เทยี นเล่มทางซ้ายของพระพทุ ธ - จดุ ธปู ๓ ดอก โดยจดุ ดอกทางขวาของพระพทุ ธ ไปทางซ้ายตามลําดับ - เสร็จแลว้ กราบด้วยเบญจางคประดิษฐ์ ๓ ครง้ั

๕๐๔. สัญลักษณแ์ หง่ การบูชา เทียน เป็นสญั ลกั ษณแ์ ห่งการบูชาพระธรรมและพระวนิ ยั เปรียบเทยี บวา่ เทียนเป็นแสงสว่างส่องทาง พระธรรมให้ความสวา่ งแกจ่ ติ ใจ ธูป เป็นสัญลักษณ์แห่งการบูชาพระคุณของพระพุทธเจ้า ผู้ทรงพระคุณ ๓ ประการคือ พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ และพระมหากรุณาธิคุณ เปรียบเทียบว่า ธูปมีกลิ่นหอม เมื่อหมดดอกความหอมจะส้ินไป แต่ความหอมของพระพทุ ธคณุ มมิ ีวันหายไป ดอกไม้ เป็นสญั ลกั ษณแ์ หง่ การบูชาพระสงฆ์ เปรยี บเทียบว่า ดอกไม้จดั เป็นระเบยี บแล้วดูสวยงาม พระสงฆอ์ ยใู่ นระเบยี บวินัย ปฏิบตั ดิ ี ปฏิบตั ชิ อบ ยอ่ มสวยงามมคี ณุ ค่า๕. การจดุ ธูป จุด ๑ ดอก : บูชาศพ จุด ๓ ดอก : บชู าพระรตั นตรัย - บชู าพระคณุ ของพระพทุ ธเจา้ ทงั้ ๓ ประการ จุด ๕ ดอก : บูชาปูชนียบุคคลท้ังห้าคือ บูชาพระรัตนตรัย ๓ ดอก, บูชาบิดามารดา ๑ ดอก,บูชาครูอาจารย์ ๑ ดอก หรือบูชาพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะพระกสั สปะ พระโคตมะ และพระศรอี ริยเมตไตรย จุด ๗ ดอก : บชู าองคแ์ ห่งธรรมเป็นเคร่อื งตรสั ร้ขู องพระพุทธเจา้ ๗ ประการ ทเี่ รียกว่าโพชฌงค์ ๗ หรอื บูชาวันทงั้ ๗ คอื อาทติ ย์ - เสาร์ จุด ๙ ดอก : บชู าพระพทุ ธคุณโดยพิสดาร ๙ ประการ บูชาพระภมู เิ จา้ ทท่ี ั้ง ๙ พระองค์๖. การต้งั โตะ๊ หมบู่ ชู า - ตั้งหันหน้าโตะ๊ ออกมาทางเดยี วกับพระสงฆ์ ตง้ั ทางดา้ นขวาของแถวพระสงฆห์ รอื อาสน์สงฆ์ - นิยมต้ังหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทิศเหนือ และทศิ ใตต้ ามลําดบั ไมน่ ิยมหนั ไปทางทศิ ตะวันตก การตงั้ โตะ๊ หมบู่ ูชาตามแบบราชการทหาร (คาํ สง่ั ทบ.ที่ ๒/๒๕๕๗ ลง ๖ ม.ค. ๕๗) และทศิ ทางการตัง้ ตามตัวหนงั สือสนี ้ําเงนิ๗. การวงด้ายสายสญิ จน์ - ให้เร่ิมต้นท่ีโต๊ะหมู่บูชาแล้วเวียนออกไปที่ร้ัวบ้าน หรือตัวบ้าน เวียนขวาแบบเลข ๑ ไทย เมื่อวงรอบแล้วมาวงเวียนขวาท่ีฐานพระพุทธรูป แล้วมาวงเวียนท่ีบาตรนํ้ามนต์ เสร็จแล้วหาพานรองรับซึ่งต้งั ไว้ใกลบ้ าตรนํ้ามนต์ เสร็จแลว้ หาพานรองรบั ตง้ั ไว้ใกลบ้ าตรนํา้ มนต์

๕๑ - ควรโยงหลบปอ้ งกันมิให้มีการเดินข้าม หากมีความจําเป็นจะต้องผ่านด้ายสายสิญจน์ อย่าข้าม ดา้ ย ใหส้ อดมือยกสายสิญจน์ขึ้นแล้วก้มศีรษะผา่ นลอดไป๘. การอัญเชญิ พระพทุ ธรูปมาตั้งบนโต๊ะหม่บู ูชา - ควรทาํ เม่ือใกล้เวลาจะประกอบพธิ ี - พระพุทธรูปนั้นควรใหญพ่ อสมควร ไมใ่ ชพ่ ระเครื่อง ซ่งึ เลก็ เกนิ ไป - ถ้ามคี รอบ ควรเอาทค่ี รอบออก หากมวั หมองด้วยธุลี ควรเชด็ ให้สะอาด หรอื สรงนํา้ เสียกอ่ น - อญั เชิญโดยยกท่ฐี านพระใหส้ งู ระดับอกด้วยอาการเคารพ หา้ มจับท่ีพระศอ (คอ) หรอืพระพาหา (แขน) ในลักษณะหวิ้ ของ ซ่งึ เปน็ อาการทีไ่ ม่เคารพ - ต้ังบนโตะ๊ หมบู่ ชู าตัวท่ีสูงทส่ี ุด - ควรอัญเชญิ กลับไปไวท้ ่ีเดิมเมอ่ื เสรจ็ พิธี๙. การกรวดน้ํา - นํ้าท่ีใช้กรวดควรเป็นนํ้าบริสุทธิ์ และใช้ภาชนะสําหรับกรวดน้ําโดยเฉพาะ ถ้าหาไมไ่ ดจ้ ะใชแ้ กว้ นํ้าหรือขนั กไ็ ด้ - เริ่มกรวด เมื่อประธานสงฆ์เร่ิมสวดว่า ยะถา วาริวะหา...... โดยจบั ภาชนะสาํ หรบั กรวดดว้ ยมอืท้งั สอง แล้วรนิ น้ําให้ไหลลงเปน็ สายต่อเนื่อง ขณะกรวดน้ํา ควรสํารวมใจอทุ ิศสว่ นกศุ ลแก่ผลู้ ว่ งลับว่า“อิทงั เม ญาตีนัง โหตุ สขุ ิตา โหนตุ ญาตะโย” - เม่อื ประธานสงฆ์สวดจบบท ยถา (มณโิ ชตริ โส ยะถา) ให้เทนํ้ากรวดลงในภาชนะรองรับใหห้ มด แล้วประนมมอื รบั พรจนจบ - เมื่อพระสงฆ์อนุโมทนาจบ นํานํ้าที่กรวดแล้วน้ันไปเทลงบนพื้นดินนอกอาคาร หรือที่โคนต้นไม้ อย่าเทลงกระโถนหรอื ใต้ถุนบา้ นหรอื ในทส่ี กปรก๑๐. การนิมนต์พระสงฆ์มาเจริญพระพทุ ธมนต์ - นยิ มนมิ นต์ไมต่ ํา่ กวา่ ๕ รูป จะเป็น ๗ รูป หรอื ๙ รูปกไ็ ด้ ไม่นิยมพระจํานวนคู่ เว้นแต่งานมงคลสมรส มักนมิ นตพ์ ระจํานวนคู่ จดุ ม่งุ หมาย เพ่อื ใหเ้ จา้ บ่าวเจ้าสาวนิมนต์พระมาจาํ นวนเทา่ ๆ กนั - พธิ หี ลวงหรือพธิ ีที่มีความเก่ียวข้องดว้ ยอดตี พระมหากษตั รยิ ์ หรอื พธิ ีทีพ่ ระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ เสด็จ ฯ เป็นองค์ประธาน หรือกรณีมีผู้แทนพระองคไ์ ปเปน็ ประธาน นิมนตพ์ ระ ๑๐ รูป (รวมทัง้ กรณีทมี่ ีการทักษณิ านปุ ระทาน) - ต้องแจง้ วันเวลา สถานท่ี จํานวนพระสงฆ์ การรับ-ส่งและพิธที จี่ ะกระทาํ เพราะบทสวดมนต์จะมเี พม่ิ เตมิ ตามโอกาสที่ทาํ บุญไม่เหมือนกัน - การนิมนต์พระเพ่ือฉันหรือรับบิณฑบาต อย่าระบุชื่ออาหาร ๕ ชนิด คือ ข้าวสุก ขนมสด ขนมแหง้ ปลา เนือ้ สรุปแล้วระบุไม่ได้ทุกชนิด ใหใ้ ช้คาํ รวมว่า “นมิ นต์ฉนั เช้า นมิ นต์ฉนั เพล หรือนมิ นตร์ ับอาหารบิณฑบาตเช้า - เพล” ก็พอ ----------------------------------------

๕๒๑๑.การไหว้พระสวดมนต์ พุทธศาสนิกหรือพทุ ธมามกชน ควรไหว้พระสวดมนตเ์ ป็นประจาํ จะเป็นก่อนเข้านอนหรือตื่นนอนตอนเช้าก็ได้ หรือทั้งสองเวลาย่ิงดี การไหว้พระสวดมนต์เป็นการสงบใจได้ดี ทําให้จิตใจม่ันคง เป็นสุขเปน็ สิริมงคลแก่ตวั เอง เพราะการไหว้พระคือการไหว้พระรัตนตรัย แสดงความเคารพอ่อนน้อมด้วยดวงใจทีเ่ ต็มไปด้วยความเคารพนบั ถือ การเคารพบูชาคนดี เปน็ การฝึกจิตใจใหร้ ักความดี พยายามเจริญรอยตามคนดี แม้จะยังทําไม่ได้ก็ยกย่องนับถือบูชาคนดี เป็นการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น ส่วนการสวดมนต์คือการกล่าวข้อธรรมะ เป็นการควบคุมจิตใจให้ระลึกถึงพระธรรมคําสั่งสอนของพระพุทธเจ้า และฝึกจิตให้มีความรกั ใครเ่ มตตาในคนและสัตวท์ ุกชนดิ เปน็ อบุ ายทําใจใหส้ งบสุข วิธีไหว้พระสวดมนต์ และบทไหว้พระสวดมนต์นั้น มีหลายแบบตามมติของอาจารย์ต่างๆ แต่มีหลักท่ัวไปตรงกันคือ จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยเสียก่อน (ถ้าไม่สามารถหาได้ก็ไม่ต้องใช้)กล่าวคํานมสั การแล้ว จึงเร่มิ สวดมนตต์ ่อไป ตอนทา้ ยแผเ่ มตตาไปยังคนทุกคนและสัตว์ทุกประเภท ในที่นี้จะนาํ แบบไหวพ้ ระสวดมนตม์ าเสนอ เพื่อถือปฏิบัตริ วม ๒ แบบ คือ ๑. แบบไหว้พระ ๕ ครั้ง ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดเทพศริ ินทราวาส เหมาะสาํ หรบั ปฏิบัติสว่ นตัว ๒. ระเบียบไหว้พระสวดมนต์ท่ีใช้ในราชการทหารในฐานะที่เป็นนักเรียนทหารจะตอ้ งปฏิบตั ิและฝึกสอนพลทหารตอ่ ไป ๑. แบบไหวพ้ ระ ๕ ครัง้ ในวนั หนงึ่ กับคนื หนง่ึ ไมว่ า่ เวลาใด ตามแตจ่ ะเหมาะ ต้องไหว้ให้ได้ ๕ ครง้ั เป็นอย่างน้อยในคราวเดยี วกนั ถา้ มดี อกไม้ธปู เทียนก็บูชา ถา้ ไม่มกี ม็ ือ ๑๐ นว้ิ และปากกบั ใจควรไหวต้ ลอดชีวิต คือ ครัง้ ที่ ๑ พงึ นง่ั กระหย่งเทา้ ประนมมือวา่ นะโม ตสั สะ ภะคะวะโต อะระหะโตสมั มาสมั พทุ ธสั สะ ๓ หน แลว้ วา่ พระพุทธคุณ คือ อติ ปิ ิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพทุ โธวชิ ชาจะระณะสมั ปนั โน สคุ ะโต โลกวทิ ู อนตุ ตะโร ปุรสิ ะทมั มะสารถิ สัตถา เทวมนสุ สานงัพทุ โธ ภะคะวาติ หยดุ ระลกึ ถงึ พระปญั ญาคณุ ทรงรดู้ รี ชู้ อบสน้ิ เชิง พระบริสทุ ธคิ ุณทรงละความเศรา้หมองได้หมด พระกรณุ าคณุ ทรงสงสารผอู้ ื่นและสงั่ สอนให้ปฏิบัติตามของพระพทุ ธเจ้า จนเห็นชัดแลว้กราบลงหนหนงึ่ คร้ังที่ ๒ วา่ พระธรรมคุณ คอื สะหวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทฏิ ฐโิ ก อะกาลิโกเอหปิ สั สิโก โอปะนะยโิ ก ปัจจตั ตงั เวทติ พั โพ วญิ ญหู ตี ิ หยุดระลกึ ถึงคณุ พระธรรมทีร่ กั ษาผปู้ ฏบิ ตั ิไม่ใหต้ กไปในที่ชัว่ จนเห็นชัด แล้วกราบลงหนหน่ึง ครัง้ ที่ ๓ ว่าพระสงั ฆคณุ คือ สปุ ะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆอาหุเนยโย ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลิกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตังโลกัสสสาติ หยุดระลึกถึงความปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบัติถูก ปฏิบัติชอบ ของพระอริยสงฆ์ จนเห็นชัดแล้วกราบลงหนหน่ึง นั่งพับเพียบประนมมือต้ังใจถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ไม่ถึงสิ่งอื่นย่ิงกว่าจนตลอดชีวิต วา่ สรณคมน์ คือ พทุ ธงั สะระณัง คจั ฉามิ ธมั มัง สะระณัง คจั ฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ ทุติยัมปิ พทุ ธงั สะระณงั คจั ฉามิ ทตุ ิยมั ปิ ธมั มัง สะระณงั คัจฉามิ ทุตยิ มั ปิ สังฆงั สะระณัง

๕๓คัจฉามิ ตะติยัมปิ พทุ ธัง สะระณัง คัจฉามิ ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณงั คจั ฉามิ ตะตยิ ัมปิ สังฆงั สะระณงัคัจฉามิ คร้งั ท่ี ๔ ระลกึ ถงึ คณุ ของมารดาบิดาของตนจนเหน็ ชัด แลว้ กราบลงหนหนงึ่ ครงั้ ที่ ๕ ระลกึ ถึงคณุ ของบรรดาท่านผู้มอี ุปการคุณแกต่ น เช่น พระมหากษัตรยิ แ์ ละครบู าอาจารย์เปน็ ต้นไป จนเหน็ ชัดแลว้ กราบลงหนหน่งึ ตอ่ นี้ไปไมต่ ้องประนมมือ ตงั้ ใจพจิ ารณาเรอ่ื งและร่างกายของตนว่า จะต้องแก่ หนคี วามแก่ไปไม่พน้ จะตอ้ งเจ็บ หนคี วามเจ็บไปไม่พ้น จะต้องตาย หนีความตายไปไม่พน้ จะตอ้ งพลัดพรากจากของรักของชอบใจท้งั สนิ้ มีกรรมเปน็ ของตวั คือ ทําดีได้ดี ทาํ ช่วั ได้ชว่ั เปน็ อนจิ จังไม่เทยี่ งไมแ่ นน่ อนเป็นทุกข์ ลําบากเดือดรอ้ น เปน็ อนตั ตา ไมอ่ ยใู่ นอํานาจบงั คับบัญชาของตน ครน้ั พิจารณาแลว้ พงึแผ่กศุ ลทงั้ ปวง มีการกราบไหวเ้ ปน็ ตน้ น้ี อุทิศใหแ้ ก่ท่านผมู้ ีคุณมีมารดาบดิ าเป็นตน้ ตลอดจนชนั้ สงู สดุคอื พระมหากษตั ริย์ ท้งั เทพดามนษุ ย์และสตั วท์ ้ังหลายวา่ จงเปน็ สุข ๆ อยา่ มีเวรมภี ยั เบยี ดเบียนกันและกันรกั ษาตนใหพ้ ้นจากทกุ ข์ภัยทั้งสิ้นเถิด การไหว้พระ ๕ คร้งั น้ี ถา้ วันไหนขาด ใหไ้ หว้ใชห้ นี้ ๕ ครง้ั ในวันรุ่งข้นึ ถา้ น่ังกระหย่งเท้าไมไ่ ด้ นัง่ พบั เพียบ ถา้ นง่ั ไมไ่ ด้ ก็นอนไหว้ เมอ่ื ยกมือไม่ขน้ึ ก็ปากกบั ใจก็ทําไดอ้ ยา่ งน้ี เปน็ เครอ่ื งพยงุตนให้เปน็ คนดไี ม่ได้เป็นคนชั่ว และให้ต้ังอยใู่ นที่ดี ไมใ่ หต้ กไปในทชี่ ่วั ถา้ ผใู้ ดประพฤติจนตลอดชีวติ ผนู้ น้ัจะอุ่นใจในตวั ของตวั เอง มีความเจริญงอกงามไพบลู ย์ย่งิ ๆ ขึน้ เสมอทกุ คืน ทกุ วนั คมุ้ ครองปอ้ งกนัภยนั ตรายปราศจากความเสียหายทไ่ี มเ่ หลอื วิสยั และต้ังตวั ไดใ้ นทางคดโี ลกและทางศีลธรรมเต็มภมู ิเตม็ ขั้นของตนทกุ ประการ ๒.ระเบยี บไหว้พระสวดมนต์ (ตามแบบธรรมเนยี มทหาร) บทกราบพระ (น่ังคุกเขา่ ประนมมือวา่ ) อะระหัง สัมมาสมั พทุ โธ ภะคะวา, พทุ ธงั ภะคะวนั ตัง อะภวิ าเทมิ ฯ (กราบ) สะ(ห)วากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, ธมั มงั นะมสั สามิ ฯ (กราบ) สปุ ฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ, สังฆัง นะมามิ ฯ (กราบ) บท นะโม (ยนื ประนมมอื สวดจนจบสังฆคุณ) นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสมั พทุ ธสั สะ นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพทุ ธสั สะ บทเจรญิ พระพทุ ธคณุ อิตปิ ิ โส ภะคะวา อะระหงั สมั มาสัมพทุ โธ วิชชาจะระณะสมั ปนั โน สคุ ะโต โลกวทิ ู

๕๔อนตุ ตะโร ปุรสิ ะทมั มะสาระถิ สัตถา เทวะมะนสุ สานัง พทุ โธ ภะคะวาติ ฯ บทระลกึ ถึงพระพทุ ธคณุ พระพุทธเจา้ ทรงรู้ดรี ชู้ อบไดเ้ อง ทรงบริสทุ ธส์ิ ิ้นเชงิ ทรงสงสารส่งั สอนผู้อน่ื ใหร้ ดู้ ีรู้ชอบดว้ ยขา้ พเจา้ ถึงพระพทุ ธเจา้ เปน็ ทพ่ี งึ่ ตลอดชีวติ ไมม่ ที ่พี ่งึ อน่ื จะย่งิ กว่า ฯ บทเจรญิ พระธรรมคณุ สะ (ห) วากขาโต ภะคะวะตา ธมั โม สนั ทฏิ ฐโิ ก อะกาลโิ ก เอหปิ สั สโิ ก โอปะนะยิโก ปัจจตั ตงัเวทติ พั โพ วญิ ญหู ตี ิ ฯ บทระลกึ ถงึ พระธรรมคณุ ไมใ่ หต้ กไปในทช่ี วั่ พระธรรมคาํ ส่ังสอนของพระพุทธเจ้า ย่อมคุ้มครองรักษาผ้ปู ฏิบตั ิตามข้าพเจา้ ถึงพระธรรมเจ้า เปน็ ที่พง่ึ ตลอดชีวิต ไม่มีทพ่ี ่งึ อื่นจะยง่ิ กวา่ ฯ บทเจรญิ พระสังฆคณุ สปุ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อชุ ปุ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆญายะปะฏปิ ันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามจี ปิ ะฏปิ นั โน ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆยะททิ ัง จตั ตาริ ปรุ ิสะยุคานิ อฏั ฐะ ปรุ สิ ะปคุ คะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสงั โฆ อาหเุ นยโยปาหเุ นยโย ทกั ขเิ ณยโย อญั ชะลกี ะระณโี ย อะนุตตะรงั ปญุ ญกั เขตตงั โลกสั สสาติ บทระลกึ ถงึ พระสังฆคณุ พระสงฆ์สาวกของพระพุทธเจา้ เปน็ ผ้ปู ฏบิ ัติดี ปฏิบัติตรง ปฏิบตั คิ วร ปฏบิ ัตชิ อบเป็นพยานในพระธรรมคาํ ส่งั สอนของพระพุทธเจา้ วา่ ปฏบิ ัติตามได้จรงิ และมีผลประเสรฐิ จรงิขา้ พเจ้าถึงพระสงฆเ์ จ้า เป็นทีพ่ ง่ึ ตลอดชีวติ ไมม่ ีท่ีพงึ่ อนื่ จะย่งิ กว่า ฯ บทแผเ่ มตตา (ลดมอื ลงประสานกันไว้ สาํ รวมใจแผเ่ มตตา) สตั วท์ ้งั หลาย ท่ีเป็นเพอื่ นทุกข์ เกดิ แก่เจบ็ ตายดว้ ยกนั หมดทง้ั สิน้ จงเปน็ สุขเป็นสุขเถดิอยา่ ได้มเี วรแกก่ นั และกันเลย จงเป็นสขุ เป็นสขุ เถดิ อย่าไดเ้ บยี ดเบียนซง่ึ กันและกนั เลยจงเปน็ สุขเปน็ สุขเถิด อยา่ ได้มีความทกุ ขก์ ายทุกข์ใจเลย จงมคี วามสขุ กายสขุ ใจ รักษาตนให้พ้นจากทกุ ขภ์ ัยท้งั สน้ิ เถดิ ฯ (แผเ่ มตตาจบแลว้ กราบ ๓ คร้งั พร้อมกัน) บทปลงใจ (ลุกขน้ึ ยนื ท่าตรงกลา่ วจนจบพธิ ี) ชาตขิ องเรา เป็นไทยอยู่ได้ จนถงึ ตัวเราคนหนึ่งนี้ เพราะบรรพบรุ ษุ ของเรา เอาเลือดเอาเนอ้ื เอาชีวิต และความลาํ บากยากเขญ็ เข้าแลกไว้ เราตอ้ งรักษาชาติ เราตอ้ งบาํ รงุ ชาติเราตอ้ งสละชีพเพอื่ ชาติ ฯ

๕๕ เพลงชาติ ประเทศไทยรวมเลอื ดเน้อื ชาติเชอ้ื ไทย เป็นประชารฐั ไผทของไทยทกุ สว่ น อยดู่ าํ รงคงไวไ้ ด้ท้ังมวล ดว้ ยไทยลว้ นหมายรักสามัคคี ไทยนีร้ ักสงบ แตถ่ ึงรบไม่ขลาด เอกราช จะไมใ่ หใ้ ครข่มข่ี สละเลอื ดทุกหยาดเปน็ ชาตพิ ลี เถลิงประเทศชาติไทยทวีมีชัย ชโย ฯ บทสรรเสรญิ พระบารมี ขา้ วรพุทธเจ้า เอามโนและศริ กราน นบพระภมู ิบาล บุญดิเรก เอกบรมจกั รนิพระสยามมนิ ทร์ พระยศย่งิ ยง เย็นศริ ะเพราะพระบริบาล ผลพระคุณ ธ รกั ษาปวงประชาเป็นสุขศานต์ ขอบนั ดาล ธ ประสงค์ใด จงสฤษดิด์ งั หวังวรหฤทัยดุจถวายชยั ชโย ฯ๑๒. การกลา่ วคําอาราธนาในพทุ ธศาสนาพธิ ี ก่อนแต่จะรบั ศลี จากพระสงฆ์ก็ดี กอ่ นแตจ่ ะฟงั พระธรรมเทศนาก็ดี กอ่ นแตจ่ ะให้พระสงฆ์เจรญิ พระพทุ ธมนตก์ ็ดี คฤหสั ถ์ตอ้ งอาราธนาก่อน คาํ อาราธนานั้น เป็นภาษามคธ ดงั นี้ คําอาราธนาศลี ๕คําบาลี คําแปลมะยงั ภันเต วิสุง วสิ งุ รักขะณตั ถายะ/ ข้าแต่ท่านผเู้ จริญ ขา้ พเจา้ ท้ังหลายขอศลี ๕ติสะระเณนะ สะหะ/ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ พร้อมด้วยไตรสรณะ เพอ่ื รกั ษาแยกกนั เปน็ ข้อ ๆทตุ ิยมั ปิ มะยงั ภนั เต วสิ ุง วิสุง รกั ขะณตั ถายะ/ ขา้ แตท่ ่านผเู้ จรญิ ข้าพเจา้ ทั้งหลายขอศลี ๕ติสะระเณนะ สะหะ/ ปัญจะ สีลานิ ยาจามะ พรอ้ มดว้ ยไตรสรณะ เพือ่ รกั ษาแยกกนั เป็นขอ้ ๆ เปน็ ครง้ั ท่ี ๒ตะตยิ มั ปมิ ะยงั ภันเต วสิ งุ วสิ งุ รกั ขะณัตถายะ/ ขา้ แต่ท่านผเู้ จรญิ ขา้ พเจ้าท้งั หลายขอศลี ๕ตสิ ะระเณนะ สะหะ/ ปญั จะ สลี านิ ยาจามะ พรอ้ มดว้ ยไตรสรณะ เพ่ือรกั ษาแยกกนั เปน็ ข้อ ๆ เป็นครงั้ ท่ี ๓ คาํ อาราธนาพระปรติ ร (สวดมนต)์ คําบาลี คําแปล วปิ ตั ติปะฏิพาหายะ สัพพะสัมปตั ติสิทธยิ า ขออาราธนาพระคุณเจ้าทั้งหลาย สวดพระปรติ รสัพพะทกุ ขะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มงั คะลัง อันเป็นมงคล เพ่อื ป้องกนั ความพบิ ตั ิ เพื่อให้สําเรจ็ สมบตั ิทกุ อยา่ ง และเพอ่ื ใหท้ กุ ข์พินาศไป วปิ ตั ติปะฏิพาหายะ สัพพะสมั ปตั ติสิทธยิ าสัพพะภะยะวินาสายะ ปะริตตัง พรูถะ มงั คะลัง ขออาราธนาพระคณุ เจา้ ทัง้ หลาย สวดพระปริตร อันเป็นมงคล เพ่อื ปอ้ งกนั ความพบิ ัติ เพ่อื ให้สาํ เร็จ วปิ ัตติปะฏพิ าหายะ สัพพะสัมปัตติสิทธิยา สมบัตทิ ุกอย่าง และเพือ่ ใหภ้ ัยพนิ าศไปสัพพะโรคะวนิ าสายะ ปะรติ ตงั พรูถะ มังคะลงั ขออาราธนาพระคุณเจา้ ท้ังหลาย สวดพระปริตร อันเป็นมงคล เพอ่ื ป้องกนั ความพิบัติ เพ่ือใหส้ ําเร็จ สมบัตทิ กุ อยา่ ง และเพือ่ ใหภ้ ยั พินาศไป

๕๖ อาราธนาธรรม (อาราธนาใหพ้ ระเทศน)์คาํ บาลี คาํ แปลพรัหมา จะ โลกาธปิ ะตี สะหัมปะติ ท้าวสหมั บดีพรหม ผ้เู ป็นอธิบดีของโลก ไดป้ ระนมหตั ถ์กตั อัญชะลี อนั ธวิ ะรงั อะยาจะถะ นมสั การกราบทลู สมเด็จพระผ้มู ีพระภาคเจ้า ผปู้ ระเสรฐิสันตีธะ สัตตาปปะระชกั ขะชาตกิ า กว่าสัตวผ์ ู้ยังมดื มนว่า สตั วท์ ้ังหลายผู้มี คือกิเลสเทเสตุ ธมั มัง อะนกุ ัมปิมัง ปะชัง ในดวงตาเพียงเล็กนอ้ ย ยงั มีอยใู่ นโลกน้ี ขอพระองค์ จงทรงแสดงธรรม อนเุ คราะหห์ มู่สัตว์นเี้ ถิดก่อนว่าคําอาราธนา ถ้าเป็นพิธีทางราชการ พระสงฆ์น่ังบนอาสนะสูง เจ้าภาพนั่งเก้าอ้ีผู้อาราธนาควรยืนข้ึน ทําความเคารพประธานก่อน แล้วจึงเดินเข้าไปหาพระสงฆ์ยืนห่างพอควร แล้วประนมมอื ไหว้กลา่ วคาํ อาราธนา เสร็จแล้วไหว้อีกครั้งหนึ่งหันมาทําความเคารพประธาน แล้วจึงไปนั่งฟังเทศน์หรือฟังพระสวดมนต์ ถ้าเป็นพิธีของเอกชน ผู้ฟังนั่งกับพื้น ผู้อาราธนาควรน่ังคุกเข่าข้ึนแล้วกราบพระประนมมอื กล่าวคําอาราธนา เสร็จแลว้ กราบ ๑ ครง้ั นงั่ ราบลงกับพนื้ ฟังสวดหรอื เทศนต์ ่อไป

๕๗ เอกสารอา้ งอิง (Bibliography).............................................................................................................................กองอนุศาสนาจารย์ กรมยทุ ธศกึ ษาทหารบก, วิชาการศาสนาและศีลธรรม สาํ หรบั หลักสตู ร ชน้ั นายรอ้ ยและชนั้ นายพนั พิมพค์ รง้ั ท่ี ๒. กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รนิ๊ ตงิ้ , ๒๕๔๘.กองทัพบก, คาํ ส่งั ท่ี ๒/๒๕๕๗ เร่อื ง กําหนดมาตรฐานโตะ๊ หมบู่ ูชาเครื่องพรอ้ มประจาํ หนว่ ย ทหาร ลง ๖ ม.ค. ๒๕๕๗.กองทพั บก, ค่มู อื การปฏบิ ัตศิ าสนพิธี , กรงุ เทพมหานคร : อมรนิ ทรพ์ รินตงิ้ , ๒๕๕๓พระพรหมคณุ าภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). พจนานกุ รมพุทธศาสตร์ ฉบบั ประมวลธรรม Dictionary of Buddhism. พิมพค์ รัง้ ที่ ๑๖ พ.ศ. ๒๕๕๑. กรงุ เทพมหานคร : บรษิ ทั เอส. อาร.์ พรนิ้ ตงิ้ แมส โปรดกั ส์ จํากัด, ๒๕๕๑.มหาจุฬาลงกรณราชวทิ ยาลัย. พระไตรปฎิ กภาษาไทย. กรงุ เทพมหานคร : โรงพิมพม์ หาจฬุ า ลงกรณราชวทิ ยาลัย, ๒๕๓๙.

๕๘ ภาคผนวก(Appendix)

๕๙แบบประเมินความร้หู ลังเรยี น

๖๐ ขอ้ สอบ วชิ าการศาสนาและศลี ธรรม หลักสูตรช้ันนายพันช่ือ ..................................................นามสกุล......................................... หมายเลขประจาํ ตวั---------------------------------------------------------------------------------------------------------------คาํ สั่ง ข้อสอบท้งั หมดมี ๒๐ ขอ้ จงกาเครอ่ื งหมาย ( X ) ทบั ก ข ค หรอื ง ท่ถี ูกท่สี ุด๑. คําว่า “ฟโิ ลโซฟ”ี มีรากศัพท์มาจากภาษา......ก. บาลี ข. สนั สกฤต ค. กรีก ง. อังกฤษ๒. คําวา่ “ปรชั ญา” มีความหมายตรงกับข้อใด ?ก. ความรอู้ ย่างแทจ้ รงิ ข. ความฉลาด ค. ความปราดเปรอ่ื ง ง. ความนึกคิด๓. ปรัชญาท่วั ไปเรม่ิ ตน้ มาจากอะไร ?ก. ความรูข้ องมนุษย์ ข. ความสามารถของมนษุ ย์ค. ความสงสัยของมนุษย์ ง. ความเพยี รพยายามของมนษุ ย์๔. พทุ ธปรชั ญาเริ่มต้นมาจากอะไร ?ก. ทิฏฐิ ข. จนิ ตามยปญั ญา ค. ศรัทธา ง. ภาวนามยปญั ญา๕. ศาสนาเทวนิยมมีความเชอื่ ในเรื่องใดมากที่สุด ?ก. เช่ือว่ามีพระเจา้ หลายองค์สงิ สถติ อยใู่ นสรรพส่ิง แตไ่ ม่มอี าํ นาจในการสรา้ งโลกข. เชอ่ื กฎแห่งกรรมค. เชื่อวา่ มพี ระเจา้ สงู สดุ อยูห่ ลายพระองค์ง. เชอื่ วา่ พระเจา้ สร้างโลก๖. คําวา่ “ศรัทธาว่ามนษุ ยต์ ้องกลบั มาเกดิ อีกเม่ือสิน้ โลก” เป็นคาํ กลา่ วของศาสนาใด ?ก. พทุ ธ ข. ยวิ ค. คริสต์ ง. อิสลาม๗. ศีล ๕ ในพระพทุ ธศาสนาข้อใดต่อไปนที้ ไี่ ม่มใี นศาสนายิว ?ก. อยา่ ฆ่าคน ข. อยา่ ลักทรพั ย์ ค. อย่าประพฤตผิ ดิ ในกาม ง. อย่าด่มื สุรา๘. คณุ ลกั ษณะทีส่ าํ คัญของศาสนามีเทา่ ไร ?ก. ๕ ประการ ข. ๖ ประการ ค. ๔ ประการ ง. ๓ ประการ๙. คําสอนในศาสนาพุทธว่าโดยยอ่ มีกข่ี น้ั ?ก. ๔ ขัน้ ข. ๕ ขน้ั ค. ๖ ขน้ั ง. ๓ ขน้ั๑๐. อภปิ รชั ญาแนวพทุ ธ คําว่า “ โลกแหง่ สามัญวสิ ยั “ หมายถึง ?ก. คือโลกแห่งวัตถุ ข.โลกแหง่ การออ้ นวอนค. โลกแหง่ ความจรงิ ง. โลกท่ีหลดุ พน้ จากสรรพสง่ิ ท้ังหลาย๑๑. คาํ ว่า “ ญาณวิทยา “ มีความหมายตรงกับขอ้ ใดมากที่สดุ ?ก. กําเนดิ ของโลก ข. กําเนิดพระเจ้าค. กําเนดิ ความสงสัย ง. กาํ เนิดความรู้๑๒. บุคคลทีช่ อบความเปน็ ระเบยี บ รกั สวยรักงาม จัดอยใู่ นจริตข้อใด ?ก. ราคจรติ ข. โทสจรติค. โมหจริต ง. พุทธิจริต๑๓. วธิ ปี ฏิบตั ิวิปสั สนากรรมฐาน มกี ่ปี ระการ ?ก. ๒ ประการ ข. ๓ ประการค. ๔ ประการ ง. ๕ ประการ

๖๑๑๔. หลักการใหญข่ องการปฏบิ ัตวิ ิปัสสนากรรมฐานประกอบด้วยอะไรบ้าง ?ก. อาตาปี , สติมา และสมั ปชาโน ข. อาตาปี , ทาน และสทั ธาค. สตมิ า , ขนั ติ และศลี ง. สัมปชาโน ,ขนั ตแิ ละสัทธา๑๕. สตปิ ฏั ฐาน มเี ทา่ ไร ?ก. มี ๒ ประการ คอื สมถะ และวปิ สั สนาข. มี ๓ ประการ คอื อาตาปี สติมา สมั ปชาโนค. มี ๔ ประการ คอื กาย เวทนา จิต ธรรมง. มี ๖ ประการคือ คือ ตา หู จมกู ลนิ้ กาย ใจ๑๖. การเดินจงกรม ท่าเดินระยะท่ี ๔ ข้อใดถกู ตอ้ ง ?ก. ขวายา่ งหนอ ซ้ายยา่ งหนอ ลงหนอ เหยยี บหนอข. ยกซน่ หนอ ยกหนอ ลงหนอ ถูกหนอค. ยกซ่นหนอ ยา่ งหนอ ลงหนอ เหยยี บหนอง. ยกซน่ หนอ ยกหนอ ยา่ งหนอ เหยียบหนอ๑๗. คําว่า “ถอนการยดึ ถอื ในเบญจขนั ธ์เสยี ไดส้ ิน้ เชิง ก็จะไม่มีความทกุ ขต์ ่อไป” คําว่า “เบญจขนั ธ”์คือข้อใด ?ก. รูป เสียง กลิน่ รส ธรรมารมณ์ ข. รปู เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณค. ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ ง. รปู เสยี ง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ๑๘. ขอ้ ใดมใิ ชห่ ลกั ของศาสนาอิสลาม ?ก. ความสงบ ข. ความบริสทุ ธสิ์ ะอาดค. ความภกั ดตี อ่ พระเจา้ ง. บูชารปู เคารพ๑๙. ขอ้ ใดมใิ ชอ่ ุดมการณข์ องศาสนาพทุ ธ ?ก.ไม่ทาํ ความช่ัว ข. ความไม่ประมาทค.ความรัก ง.ไม่นับถอื พระเจา้ องคอ์ ่ืน๒๐.ขอ้ ใดคอื การลดความขัดแย้งระหวา่ ง ศาสนาต่าง ๆ ทสี่ าํ คญั ทสี่ ดุ ?ก. ปฏบิ ัติตามหลกั ศาสนาของตนอยา่ งเคร่งครัดข. การให้เกยี รตกิ ันค. ปราบปรามผูท้ ท่ี ําลายศาสนาของตนง. เผยแผศ่ าสนาของตนใหเ้ ขา้ ถงึ ประชาชนใหไ้ ด้มากท่ีสดุ “”””””””””””””””””””””””””””

๖๒ เฉลยข้อสอบหลกั สตู รชั้นนายพัน๑.ค ๑๑.ง๒.ก ๑๒.ก๓.ค ๑๓.ค๔.ค ๑๔.ก๕.ง ๑๕.ค๖.ง ๑๖.ง๗.ง ๑๗.ข๘.ก ๑๘.ง๙.ง ๑๙.ง๑๐.ก ๒๐.ข

๖๓คณะกรรมการตรวจชาํ ระตาํ รา

๖๔

๖๕