เพ่ือคหวลากั มธปรรรอมงดอง นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษ 65 กอศจ.ยศ.ทบ.ครอบครัวสุข เพราะปรองดอง ของแมพอรวมกันกอ สรา งฐาน บานสดใสกองทัพแกรง เพราะสมาน ประสานใจชาติสิน้ ภยั เพราะประชา สามคั คี ในยามที่บ้านเมืองเกิดความสับสนวุ่นวาย สาเหตุการวิวาทอาจเกิดได้คนบางกลุ่มบางพวกต่างมุ่งแต่จะเอาชนะกัน ๑. เมอื่ จิตใจโกรธชังต้งั โทสาเกิดความแตกร้าวกันเป็นหย่อม ๆ ปากก็ว่า ๒. ลบหลู่คุณยกตนเสมอนาอยากเห็นความปรองดองในชาติ แต่ยังขาดความ ๓. รษิ ยาตระหนีเ่ หนียวไม่เกย่ี วใครจริงใจ ไม่หยุดการทะเลาะวิวาท ผลิตวาทกรรม ๔. พูดอวดโอ้ตวั ดมี ีมารยาท่ิมและแทงกันอยู่ทุกวัน จนท�ำให้สถานการณ์ ๕. เป็นมจิ ฉาทฏิ ฐิคดิ เหลวไหลของบา้ นเมอื งทผ่ี า่ นมา คนในประเทศแตกแยกออก ๖. ยึดมัน่ ความคิดเหน็ ตนไม่สนใครเป็นพรรค เป็นพวก เป็นฝักเป็นฝ่าย ขาดความ เป็นเหตุให้ทะเลาะววิ าทขาดสมั พนั ธ์สามัคคีกลมเกลียวจนถึงข้ันทะเลาะกัน หรืออาจจะใชก้ ำ� ลังเขา้ หำ้� หน่ั กนั ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบับท่ี ๓ เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๐ คนเราทะเลาะกันมีสาเหตุมาจากอะไร?แล้วจะหยุดทะเลาะกันเพ่ือหันหน้ามาร่วมด้วยช่วยกันสร้างสรรค์ความสามคั คดี ว้ ยวธิ ีการใด? ในทางพระพุทธศาสนากล่าวถึงมูลเหตุท่ีท�ำให้คนเราทะเลาะวิวาทกัน มาจากสาเหตุ๖ อย่าง ผูกเป็นค�ำกลอนอย่างน้วี ่า
๑. เม่ือจติ ใจโกรธชังตง้ั โทสา : มเี พยี งนอ้ ยนดิ กค็ ดิ จะวา่ มากมายคณานบั ทงั้ ยงั เปน็ คนเราเมื่อมีจิตใจโกรธเกลียดกันแล้ว ประเภทลงิ หลอกเจา้ มมี ารยาสาไถยหาความจรงิ ใจิน ต ย ส า ร ุย ท ธ โ ก ษ กง็ า่ ยแกก่ ารทนี่ ำ� ไปสกู่ ารทะเลาะววิ าทขาดสมั พนั ธ์ กับใครไม่ได้ “เอาแต่ดีใส่ตัว เอาช่ัวให้คนอ่ืน แก่กันและกัน คนโทสจริต โกรธง่ายใจร้อน หวานช่ืนเป็นของผม ขมข่ืนเป็นของคุณ” เพ่งแต่ ย่อมวู่วาม ยากแก่การยับยั้งช่ังใจ ง่ายแก่การ โทษคนอนื่ อยู่ร�่ำไป66 ทะเลาะเบาะแวง้ โทษคนอื่นแลเห็นเปน็ ภูเขา โทษของเราแลไมเ่ ห็นเทา่ เสน้ ขน ๒. ลบหลูค่ ุณยกตนเสมอนา : ตดคนอ่นื เหมน็ เบอ่ื เราเหลอื ทน เปน็ คนลมื หวั เปน็ ววั ลมื ตนี ชอบปนี เกลยี ว ผ้หู ลักผู้ใหญ่ ยกตนเสมอทา่ น หรอื ยกตนข่มท่าน ตดของตนถึงเหมน็ ไม่เป็นไร ลมื บญุ คณุ ทเี่ คยพง่ึ พาไมร่ วู้ า่ ใครเปน็ ผใู้ หญใ่ ครเปน็ ผนู้ อ้ ย กริ ยิ าทไ่ี มค่ วรขาด มารยาททค่ี วรกระทำ� คอื ๕. เปน็ มิจฉาทฎิ ฐคิ ิดเหลวไหล : “ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่” ขาดหาย คนเหน็ ผดิ จากธรรมนองคลองธรรม ไมอ่ ยู่ ไปจากใจของคน อย่างนี้ก็เป็นสาเหตุแห่งการ กับร่องรอยของศีลธรรม หรือกฎหมายบ้านเมือง ทะเลาะได้ ใครไม่เห็นดว้ ยก็พาลหาเรอ่ื งเรอ่ื ยไป ๓. ริษยาตระหน่ีเหนียวไมเ่ กี่ยวใคร : ๖. ยดึ ม่นั ความคิดเหน็ ตนไมส่ นใคร : มีคนจ�ำนวนไม่น้อยท่ีทะเลาะกันเพราะทน จิตใจไร้ประชาธิปไตย ท้ัง ๆ ท่ีประเทศน้ี เห็นคนอื่นได้ดีกว่าไม่ได้ จิตใจเต็มไปด้วยความ ปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหา อิจฉาและตาร้อน แสดงมุทิตาจิตคือพลอยยินดี กษตั รยิ ท์ รงเปน็ ประมขุ จะแกไ้ ขรฐั ธรรมนญู กไ็ มฟ่ งั กับคนอ่ืนท่ีได้ดีไม่เป็น และความตระหนี่ถ่ีเหนียว ความเหน็ ของใคร ฉนั ตอ้ งเปน็ ใหญ่ เอาใหไ้ ด้ ใคร ๆ บริจาคหรือสละไม่ได้คลายไม่ออก ก็เป็นสาเหตุ ทมี่ ลี กั ษณะเช่นน้ี ก็ง่ายแก่การจะเกดิ การทะเลาะ หน่งึ ทใ่ี ห้เกดิ ความวิวาทได้เหมือนกนั ววิ าททงั้ ในวงแคบ ๆ จนบานปลายไประดบั ประเทศ ดังท่ีเคยเหน็ มาแล้ว ๔. พูดอวดโอต้ ัวดมี มี ารยา : “หยดุ ทะเลาะกนั สรา้ งสรรคค์ วามสามคั ค”ี “กลองดีคนตีถึงดัง กลองอัปรีย์คนไม่ตี ดไี หม แนวทางปฏบิ ตั ทิ จี่ ะกอ่ ใหเ้ กดิ ซง่ึ สามคั คธี รรม ก็ดังเอง” คนประเภทนี้มีแต่คนหม่ันไส้ โอ้อวด ในหมคู่ ณะหรอื สงั คมนน้ั ขอเสนอแนวทางโดยสรปุ สรรพคุณความดงี ามของตนเอง ทัง้ ๆ ทบี่ างคร้งั ๗ ประการดงั น้ี ๑. หนั หนา้ เขา้ หากัน หันหน้าเจรจากันด้วยเหตุผล ไม่เป็น คนมจิ ฉาทิฏฐิคิดเหลวไหล หรือวา่ ยดึ ม่ันความคดิ ตนไม่สนใคร เพราะอาจเป็นเหตุให้ทะเลาะวิวาท ขาดสัมพนั ธ์ ๒. หมนั่ แกไ้ ข ทุกคนต้องหมั่นแก้ไข ไม่หมั่นแก้ตัว เพราะคนดีชอบแกไ้ ข คนจญั ไรชอบแกต้ วั ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๓ เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๐
๓. รูจ้ กั ใหอ้ ภยั ๖. ไปมาหาสู่ นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษ รู้จักการให้อภัยซึ่งกันและกัน บา้ นใตม้ เี กลอื บา้ นเหนอื มขี า้ วพวกเราอภัยทานเป็นทานที่ยิ่งใหญ่อย่างหน่ึง ในค�ำสอน แบ่งปันกันกิน ยามสุขร่วมสุข ยามทุกข์ร่วมต้าน 67ทางพระพทุ ธศาสนา คนโบราณกล่าวไว้วา่ “ ส่เี ท้า ยามดกี ช็ ว่ ย ยามปว่ ยกร็ กั ษา มรณากไ็ ปรว่ มงานศพยังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้ผิด บัณฑิตยังรู้เผลอ ๗. อยู่อยา่ งมนี ำ้� ใจความผดิ พลาดเปน็ ปกตขิ องมนษุ ยป์ ถุ ุชน แตค่ นที่ ไม่แล้งน�้ำใจต่อกันโดยยึดค�ำท่ีว่ารูจ้ กั ให้อภยั เปน็ ผมู้ วี สิ ยั ของเทวดา” “ญาติมาเพราะน้�ำใจมีญาติหนีเพราะน�้ำใจลด ถา้ ไม่มกี ารให้อภยั ผิด ญาติหมดเพราะน�้ำใจแล้ง ต้องอยู่อย่างเหี่ยวแห้ง และไมค่ ิดจะลืมซึง่ ความหลงั เพราะไร้ญาติขาดมติ ร” จะหาความรกั ยากลำ� บากจัง หมู่ชนหรือสังคมใดมีแต่การทะเลาะวิวาท ความพลาดพลั้งมีอย่ทู ัว่ ทุกตวั คน ขาดเสียซ่ึงสามัคคีธรรม ประชาชน สังคม และ ๔. ไมค่ อยจับผิด ประเทศน้ันจะก่อการงานใดย่อมส�ำเร็จได้ยาก ต้องไม่เพ่งเล็งจับผิดกัน รัฐบาลก็ ย่อมพบกับความเดือดร้อนวุ่นวาย ประชาชนก็ไร้อย่าเป็นรัฐแบน ฝ่ายค้านก็อย่าเป็นฝ่ายแค้น ซงึ่ สนั ตสิ ขุ “สขุ า สงฆฺ สสฺ สามคคฺ ี - ความสามคั คีมองหาความดีของคนอ่ืนอย่ามองแตค่ วามเลว ของหมู่คณะน�ำสุขมาให้” พุทธศาสนสุภาษิตน้ี ๕. ไมร่ ิษยา และพระราชด�ำรัสขององค์พระบาทสมเด็จ เปล่ียนจากความริษยา อิจฉา พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ว่า “รู้ รักตาร้อนผ่าว มาเป็น “มุทิตา” แสดงความยินดี สามัคคี” จึงสมควรอย่างย่ิงท่ีจะถูกหยิบยกมาใช้เม่ือผู้อื่นได้ดี อย่าให้ต้องกินไม่ได้นอนไม่หลับ และปฏบิ ัตใิ ห้เกิดผลสวิ ขน้ึ หนา้ ฝา้ ขนึ้ แกม้ กบั การเหน็ คนอนื่ ไดด้ กี วา่ ตน องคพ์ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ใหย้ ดึ มน่ั พระบรมราโชวาท คนไทยถ้วนท่วั ตอ้ งสมัครสมาน เร่อื ง “รู้รกั สามัคค”ี ให้เรามีในตัว สามัคคีจะกำ� จดั ซ่งึ ความร้าวฉาน ถ้าคนไทยทั้งหลายน�ำไปปฏิบัติ จะสขุ สำ� ราญชืน่ บานทัว่ ไทย ใหร้ ้รู ักสามัคคีอยา่ งมหี ลกั การ ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบับท่ี ๓ เมษายน - มิถนุ ายน ๒๕๖๐
Search
Read the Text Version
- 1 - 4
Pages: