ิน ต ย ส า ร ุย ท ธ โ ก ษพ.อ.ปิ่น มทุ ุกันต์38 ชวี ิตนเ้ี พ่ือธรรม กอศจ.ยศ.ทบ.* “มคี นไมน่ อ้ ยทีม่ กั ไม่พอใจในสง่ิ ทีต่ นได้ กลบั ไปพอใจกบั สงิ่ ทต่ี นไมไ่ ด้ เข้าตำ� รา “เมียตวั ไม่รกั เท่ยี วไปรกั เมยี คนอนื่ ” คนประเภทนี้จึงมักตอ้ งเปน็ ทกุ ข์ ไม่ค่อยได้เจอสขุ เพราะชอบเล่ือนความสุขไปไว้ท่ีอ่ืนเสีย”๑ อ่านเกร็ดธรรมข้างบนนี้แล้ว ท�ำให้ย้อน พ.อ.ปิ่น มทุ ุกนั ต์ ระลกึ ถงึ อดตี อนศุ าสนาจารยท์ หารบกทา่ นหนงึ่ ทม่ี ี ผลงานโดดเดน่ ในการปกปอ้ งและเผยแผพ่ ระพทุ ธ ประเทศชาตมิ าอยา่ งยาวนาน แมท้ า่ นจะจากโลกน้ี ศาสนากว่า ๔ ทศวรรษ ท่านอธิบาย สาธยาย ไปกว่า ๔๔ ปแี ลว้ แตว่ รรณกรรมของทา่ นกย็ ังคง หลักธรรมได้ซาบซ้ึง กินใจ เข้าใจง่าย สามารถ โดดเดน่ เป็นท่ีนา่ ศกึ ษามาจนถงึ ปจั จบุ ัน ท�ำสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เป็นรูปธรรม ผลงาน ของท่านท�ำให้คนหนุ่มคนสาวที่ไม่ค่อยสนใจ ธรรมะได้หันมาศึกษาธรรมะ ท่านเป็นนักเผยแผ่ ธรรมทเ่ี ลอ่ื งชอ่ื แหง่ ยุค ๒๕ พุทธศตวรรษ ทา่ นผู้นี้ คอื พ.อ.ปิ่น มุทกุ ันต์ ในโอกาสทจี่ ะครบ๑๐๐ปชี าตกาลของทา่ น ในวนั ท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ นี้ จะขอน�ำเร่อื งราว ชวี ติ ของทา่ นมานำ� เสนอใหท้ า่ นผอู้ า่ น เพอื่ รำ� ลกึ ถงึ บุคคลผู้สร้างคุณูปการแก่พระพุทธศาสนาและ * พ.ต.เกรียงไกร จันทะแจ่ม อศจ.ยศ.ทบ. ๑ ดูรายละเอียดใน, พ.ต.ปิ่น มทุ กุ ันต,์ กลวิธีแกท้ ุกข์, ส�ำนกั พิมพ์คลังวทิ ยา : พระนคร, ๒๔๙๙. ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบับท่ี ๑ ตลุ าคม - ธันวาคม ๒๕๕๙
พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์๒ เกิดเมื่อวันพุธท่ี ๑๑ ภูริทตฺโต ซึ่งเปน็ อาจารย์ใหญส่ ายกรรมฐานทีผ่ ้คู น นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษตุลาคม ๒๔๕๙ ณ บ้านค�ำพระ ต�ำบลค�ำพระ เคารพศรัทธาเป็นอย่างย่ิง ซ่ึงเด็กชายปิ่นได้เข้าอ�ำเภออ�ำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นลูก กราบคารวะและเรียนกรรมฐานจากพระอาจารย์คนที่ ๙ (คนสดุ ท้อง) ของนายมหาธิราช (ม่นั ) กับ มัน่ ภรู ิทตฺโต อกี ดว้ ยนางสดุ ซา 39 นายมหาธิราช (ม่ัน) บิดาผู้ให้ก�ำเนิดเด็ก พระอาจารยส์ งิ ห์ ขนฺตยาคโม ผนู้ �ำพาชายปิ่น ผู้สร้างคุณูปการแก่พระพุทธศาสนาใน ด.ช.ปิน่ เข้าสูเ่ ส้นทางสายกรรมฐานและเวลาตอ่ มา ปฏิบตั ิกบั พระอาจารย์มนั่ ภรู ิทตโฺ ต เด็กชายปิ่นเป็นคนมีอัธยาศัยร่าเริง ฉลาด พระอาจารย์มนั่ ภรู ทิ ตฺโตขยันขันแข็ง ไม่ชอบอยู่เฉย ๆ มีความรับผิดชอบมอี ปุ นสิ ยั กลา้ ไดก้ ลา้ เสยี มคี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์ พระอาจารยผ์ ้สู อนพระกรรมฐานและมีภาวะผู้นำ� แม้จะยังอยใู่ นวัยเดก็ เดก็ ชายปน่ิ เป็นเวลากว่า ๒ ปี พออายุได้ ๙ ขวบ ได้เข้าเรียนช้ันประถมท่ีโรงเรียนประชาบาลบ้านค�ำพระ เป็นเด็กที่มีผลการเรียนดีจนเป็นท่ีชอบใจของครูอาจารย์หลังจากจบช้ันประถม ๔ แล้ว ด้วยความท่ีครอบครัวมีฐานะยากจน บิดามารดาไม่มีเงินส่งท่านเรียนหนังสือ จึงได้น�ำไปฝากเป็นศิษย์วัดอยกู่ ับเจา้ อาวาสวัดบา้ นคำ� พระ อยู่เป็นศิษย์วัดได้ระยะหนึ่ง เด็กชายปิ่นไดบ้ วชเป็นผา้ ขาว (ผถู้ ือศีล ๘) ท่วี ดั ป่าสายธุดงค์กรรมฐานไม่ไกลจากบ้านค�ำพระนัก ได้มีโอกาสออกธุดงค์ติดตามรับใช้และฝึกปฏิบัติไปกับท่านพระอาจารยส์ งิ ห์ ขนตฺ ยาคโม ศษิ ยพ์ ระอาจารยม์ น่ั๒ รกั พงษ์ แซโ่ ซว, ปน่ิ มทุ กุ นั ต์ ชวี ติ นเี้ พอ่ื ธรรม, เอกสารพมิ พเ์ ผยแผเ่ ปน็ ธรรมทานในโอกาสพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วัทรงเจรญิ พระชนมพรรษา ๘๔ พรรษา, ๒๕๕๔. ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๙
ิน ต ย ส า ร ุย ท ธ โ ก ษ40 วัดบา้ นค�ำพระ ปจั จุบนั อย่ใู นเขตปกครองของ อ.หวั ตะพาน จ.อ�ำนาจเจรญิ ต่อมาในปี ๒๔๗๔ บิดาของท่านได้ กรุงเทพมหานครยิ่งนัก เพราะท่านเป็นพระ ถึงแก่กรรมลง จึงได้กลับมาช่วยเหลือการงาน สุปฏิปันโน มีชื่อเสียงทางด้านเทศนาโวหารและ ท่ีบ้านระยะหน่ึง แต่มารดาอยากให้ท่านบวช การปฏิบัติธรรมโดยเป็นสหายธรรมท่ีมีความ จึงพาท่านไปบวชเป็นสามเณรท่ีวัดสุทัศนาราม คุน้ เคยกับพระอาจารยม์ ัน่ ภรู ิทตฺโต จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากบวชเรียนแล้วท่าน ก็สอบได้นักธรรมชั้นตรี ช้ันโท ชั้นเอก พร้อมกับ สามเณรปิ่นได้อ่านหนังสือธรรมเทศนา บาลีไวยากรณ์ ในระยะเวลา ๓ ปี ทำ� ให้มารดา ของท่านเจ้าคุณฯ ซ�้ำแล้วซ�้ำเล่าจนจ�ำได้ขึ้นใจ ของท่านปลาบปลื้มใจยิง่ นกั เม่ือมีโอกาสเกิดสถานการณ์ท่ีต้องขึ้นเทศน์ ในงานบุญ ท่านก็ได้อาศัยความจ�ำจากบทธรรม ในช่วงเป็นสามเณร ท่านได้สนใจแนวทาง เทศนานี้ ขึ้นแสดงธรรมจนเป็นที่ติดอกติดใจ การเทศนาของท่านเจ้าคุณ พระอุบาลีคุณู ของผู้ฟัง ท่านจึงเป็นสามเณรนักเทศน์ต้ังแต่นั้น ปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) แห่งวัดบรมนิวาส เปน็ ต้นมา แตอ่ ย่างไรก็ตาม ตอ่ มาทา่ นก็ไดพ้ ฒั นา ความสามารถของตนเองจนเกิดความช�ำนาญ พระอุบาลีคณุ ูปมาจารย์ (จนั ทร์ สิริจนโฺ ท) กระท่ังได้กลายเป็นนักเทศน์ นักบรรยายธรรม องคต์ น้ แบบแห่งการแสดงธรรมท่ซี าบซ้งึ กินใจ ท่ีมีวาทะคมคาย จับใจผู้ฟังอย่างแพร่หลาย ในเวลาต่อมา ของ พ.อ.ป่นิ มุทกุ ันต์ หลังสอบได้นักธรรมช้ันเอก พระอาจารย์ ของทา่ น คือ พระครสู ุวรรณวารีคณารกั ษ์ (วิเชยี ร) ไดน้ ำ� ทา่ นไปฝากกบั พระมหาเฉย ยโส (ธรรมพนั ธ)์ุ วัดสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นส�ำนักเรียนท่ีมี ช่ือเสียงแห่งหน่ึงในกรุงเทพมหานครขณะนั้น เมื่ออายุ ๒๐ ปี ทา่ นจึงไดอ้ ุปสมบท ณ พทั ธสีมา วัดสัมพันธวงศ์ เม่ือปี ๒๔๗๙ โดยมีสมเด็จ พระวชริ ญาณวงศ์ (ตอ่ มาไดร้ บั การสถาปนาขน้ึ เปน็ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์) ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตลุ าคม - ธนั วาคม ๒๕๕๙
วัดบวรนิเวศวิหาร เป็นพระอุปัชฌาย์, พระรัชช- นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษมงคลมนุ ี เป็นพระกรรมวาจารย์ และพระมหาเฉยยโส เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า “วิริ 41ยากโร” (แปลวา่ ผกู้ ระทำ� ความเพยี ร) จากนนั้ ทา่ นกไ็ ดร้ บั ความกา้ วหนา้ ทางการศกึ ษาตามลำ� ดบั โดย เปน็ อนุศาสนาจารย์ทหารบกผ้มู คี วามสามารถสอบไดเ้ ปรยี ญธรรม ๗ ประโยค ในการบรรยายธรรม เปน็ ทีส่ นใจของขา้ ราชการ ส�ำนักวัดสัมพันธวงศ์แห่งนี้เป็นแหล่ง พระสงฆ์ และประชาชนฝึกฝนกิริยามารยาทและฝึกฝนนักเทศน์ท่ีทรงประสิทธภิ าพ ท�ำให้พระมหาปนิ่ วิรยิ ากโร ได้รบั ในปี ๒๔๙๗ ท่านได้เรม่ิ จัดรายการธรรมะการฝึกฝนอบรมและเพ่ิมพูนทักษะความสามารถ เผยแผ่ท้ังทางโทรทัศน์และวิทยุ เช่น รายการแก้ในการเทศนไ์ ด้อย่างดี จนทา่ นกลายเป็นนกั เทศน์ ปัญหาทางธรรมและปัญหาชีวิต ทางสถานีวิทยุนักบรรยายธรรมท่ีมหาชนรู้จักในเวลาต่อมา กรมการทหารสื่อสาร, รายการมุมสว่างทางวิทยุผลงานของท่านเป็นที่พอใจของพระเถระผู้ใหญ่ ท.ท.ท., รายการนาทที อง ทางสถานีโทรทศั น์ ซ่งึเช่น สมเดจ็ พระมหาวรี วงศ์ (อ้วน ตสิ โฺ ส) แห่งวดั ปรากฏวา่ แนวทางและลลี าความสามารถของทา่ นบรมนิวาส ถึงกับกลา่ วเปรยี บท่านว่า “เหมอื นด่งั เปน็ ทถี่ กู อกถกู ใจผคู้ นเปน็ อนั มากทงั้ พระสงฆแ์ ละเพชรประดับหวั แหวน ทจ่ี ะน�ำไปประดบั ทไี่ หนกม็ ี ฆราวาส จะมีแฟนคลับคอยติดตามประหนึ่งติดแตจ่ ะเปลง่ ประกาย สรา้ งมลู คา่ ใหแ้ กแ่ หวนวงนนั้ ” หนังติดละครเลยทีเดียว แต่รายการที่ท�ำให้ท่าน เปน็ ทร่ี จู้ กั ของสอื่ มวลชน และมหาชน คอื รายการ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์พลิกผันที่ท�ำให้ ธรรมนิเทศ อันเป็นรายการที่มุ่งอบรมให้ความรู้ท่านต้องลาสิกขาแบบปัจจุบันทันด่วน เมื่อวันที่ ทางธรรมแก่ทหาร หากแต่ไม่เพียงทหารเท่านั้น๓๐ กรกฎาคม ๒๔๘๗ เนอ่ื งจากเหตผุ ลการบรหิ าร ที่รับฟัง ชาวบ้านท่ัวไปตลอดทั้งพระสงฆ์ต่างงานบางประการภายในวัด แต่เพชรไม่ว่าจะอยู่ ชนื่ ชอบตดิ อกตดิ ใจเปน็ การใหญ่ และหาก พ.อ.ปน่ิทไ่ี หนกย็ งั เป็นเพชรวันยังค่ำ� มุทุกันต์ ได้รับเชิญไปบรรยายธรรมหรือปาฐกถา ธรรมท่ีไหน ส่วนใหญ่ทีน่ ่ังมักไมเ่ พียงพอ ผคู้ นต้อง ภายหลังจากที่ท่านได้ลาสิกขาออกมา ยืนเบียดเสยี ดกนั ลน้ สถานที่ได้เข้าสอบบรรจุเป็นอนุศาสนาจารย์ทหารบกเมื่อวันท่ี ๓ เมษายน ๒๔๘๘ ซ่ึงสามารถสอบได้ ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตลุ าคม - ธันวาคม ๒๕๕๙เป็นอันดับท่ี ๑ นับเป็นจุดเร่ิมต้นชีวิตนักเผยแผ่ธรรมที่มีชื่อเสียงแห่งยุค ๒๕ พุทธศตวรรษในเวลาเพียงไมก่ ีป่ ีตอ่ มา งานอนุศาสนาจารย์ เปน็ งานที่ถกู จรติ ของทา่ นยงิ่ นกั เพราะนอกจากจะอบรมธรรมแกท่ หารในหน่วยต่าง ๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดแลว้ ยงั ตอ้ งไปบรรยายธรรมแกผ่ ตู้ อ้ งขงั ในเรอื นจำ�อกี ดว้ ย นอกจากนน้ั ทา่ นยงั ไดร้ บั เชญิ ใหไ้ ปบรรยายธรรม ปาฐกถาธรรมในสถานท่ีและโอกาสอันหลากหลาย
ตอ่ มาในปี ๒๔๘๙ ทา่ นไดส้ มรสกบั อาจารย์ “กลวิธีแก้ทุกข์” ซึ่งท่านได้บรรยายแก่มหาชน จรัสศรี ประภัสสร ธิดาของนายบุญสืบ และ มาปฏบิ ัติ และเป็นสง่ิ พิสจู น์ด้วยวา่ อคั คีภยั ทีเ่ กิดิน ต ย ส า ร ุย ท ธ โ ก ษ นางละมุน ประภสั สร มพี ยานรักด้วยกนั ๒ คน คอื กับครอบครัวของท่าน มิอาจลามมามอดไหม้ถึง นางสาวจันทิมา และนายภาณพุ งษ์ มุทกุ ันต์ ใจของทา่ นได้เลย ทา่ นยังคงออกบรรยายปาฐกถา ธรรมเพื่อประโยชน์เก้ือกูลแก่ชน42 หมู่มาก โดยไม่สะทกสะท้านกับความ วอดวายท่ีเกิดข้ึน ต ล อ ด เ ว ล า ที่ ท ่ า น เ ป ็ น อนุศาสนาจารย์ทหารบกน้ี ท่านได้ สร้างผลงานอันเป็นคุณประโยชน์แก่ ทางราชการ สังคม และพระพุทธ ศาสนาไวเ้ ปน็ อนั มาก เชน่ การบรรยาย ชดุ พเิ ศษในวาระเฉลมิ ฉลอง ๒๕ พทุ ธ ศตวรรษ ภายใตผ้ ลงาน “พทุ ธศาสตร”์ มีประชาชนสนใจสมัครเป็นนักศึกษา พทุ ธศาสตรก์ บั ทา่ นเปน็ จำ� นนมากเกนิ พันเอก ปิน่ และอาจารยจ์ รสั ศรี (ประภัสสร) กว่าจ�ำนวนที่ก�ำหนดไว้ และนับเป็น คชู่ วี ิตผ้อู ยู่เบ้ืองหลงั งานเผยแผพ่ ระพุทธศาสนา พระมหากรณุ าธคิ ณุ อยา่ งยงิ่ ทพ่ี ระบาท แม้ท่านจะเป็นท่ีรู้จักของคนหมู่มาก มี สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพอพระทยั และสนพระทยั ชื่อเสียงในสังคมมาโดยล�ำดับ แต่ท่านก็มิได้ลุ่ม ตอ่ ค�ำบรรยายชุดน้ีด้วย หลงในช่ือเสยี ง ค�ำช่ืนชม และลาภสักการะทีต่ าม และมีเหตุการณ์เขียนหนังสือเรื่องปุจฉา มา เพราะท่านมีปณิธานท่ีจะท�ำงานเผยแผ่ธรรม วิสัชนา ๑๙๕๘ มีเนื้อหาโจมตีพระพุทธศาสนา ดว้ ยใจบรสิ ทุ ธ์ิ มงุ่ ประโยชนข์ องเพอื่ นมนษุ ยเ์ ปน็ ที่ อย่างร้ายแรงในหลายประเด็น ซ่ึงผู้เขียนเป็น ต้งั มิไดม้ ่งุ หวังช่อื เสียงหรอื ลาภสกั การะใด ๆ โดย นักบวชต่างศาสนา ท่านก็ได้แสดงปาฐกถาพิเศษ ก่อนการบรรยายท่านจะตั้งจิตแผ่เมตตาส่งความ เพื่อช้ีแจงข้อกล่าวหาร้ายแรงน้ัน เพ่ือความเข้าใจ ปรารถนาดีอย่างจริงใจแก่ประชุมชนท่ีมารับฟัง อันถูกต้องต่อพระพุทธศาสนา แบบบัวไม่ช�้ำ นอกจากทา่ นจะมวี ชิ าความรดู้ แี ลว้ ทา่ นยงั มคี วาม น้�ำไม่ขุ่น ต่อมาได้มีการจัดพิมพ์ปาฐกถาพิเศษ ประพฤติท่ีดีอีกด้วย โดยยึดหลักที่ว่า “ยถาวาที ของท่าน เพื่อให้ชาวพุทธและศาสนิกต่างศาสนา ตถาการี (สอนคนอ่ืนไร ให้ท�ำตนเช่นน้ัน)” ดังมี ได้ศึกษาและท�ำความเข้าใจในประเด็นต่าง ๆ เหตุการณ์เม่ือปี ๒๔๙๗ เกิดเหตุเพลิงไหม้ชุมชน เหลา่ นัน้ ด้วย ย่านบ้านพักของท่าน ท�ำให้ท่านสูญเสียทรัพย์สิน หลังจากภารกิจปกป้องพระพุทธศาสนา ทุกอย่าง เหลือเพียงเสื้อผ้าติดตัวเท่าน้ัน นับเป็น ผ่านไปไม่นาน ด้วยบทบาทอนุศาสนาจารย์ เรื่องราวที่น่าทุกข์ใจย่ิงนัก ส�ำหรับปุถุชนอย่าง ทหารบก ที่นอกจากอบรมธรรมะให้แก่ก�ำลังพล เรา ๆ ทา่ น ๆ แต่ส�ำหรบั พ.อ.ปิ่น มทุ ุกันต์ แล้ว แลว้ ยงั ตอ้ งใหค้ ำ� ปรกึ ษาแกห่ นว่ ยทหารในประเดน็ ท่านได้ถือเป็นโอกาสปฏิบัติธรรมไปด้วย โดยน�ำ ปญั หาตา่ ง ๆ ทีเ่ กยี่ วกับทหารซงึ่ นบั ถือศาสนาอ่ืน ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบับท่ี ๑ ตุลาคม - ธนั วาคม ๒๕๕๙
ดว้ ย เชน่ เมอื่ ปี ๒๕๐๒๓ กรณอี งค์กรของชาวซกิ ข์ ส่วนพระองค์ ก่อนลากลับยังได้รับพระราชทาน นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษได้ร้องขอให้ทหารที่นับถือซิกข์ไม่ต้องสวมหมวก บัตรลงพระปรมาภิไธยจากองค์ดาไลลามะเป็นท่ีโดยให้โพกผ้าบนศีรษะตามข้อก�ำหนดทางศาสนา ระลึกอีกด้วย ซ่ึงการเดินทางไปทัศนศึกษาครั้งนี้ 43แทน ซ่ึงท่านก็เป็นผู้ประสานกับทางกองทัพบก เปน็ การเดนิ ทางเพอื่ ประกาศพระศาสนาและสรา้ งในการผ่อนผันใหท้ หารซกิ ข์ไมต่ ้องสวมหมวก ศาสนสมั พันธ์กับศาสนกิ ต่างศาสนาเป็นอยา่ งดี ตอ่ มา ปี ๒๕๐๓ ทา่ นไดร้ บั อนมุ ตั ใิ หเ้ ดนิ ทาง ได้เข้าร่วมเป็นคณะท�ำงานเพื่ออบรมไปทัศนศึกษา เพ่ือดูงานด้านศาสนาในประเทศ ศีลธรรมแก่ผู้ประพฤติตนเป็นอันธพาลในช่วงปีอินเดยี และปากสี ถาน เป็นเวลา ๒๐ วนั โดยไดร้ ับ ๒๕๐๒, ได้น�ำเสนอโครงการศาสนสถานประจ�ำการสนบั สนุนการเดินทางจาก บรษิ ทั การบินไทย หน่วยทหาร เพอื่ ปลูกฝังธรรมะ และสรา้ งทศั นคติจ�ำกัด (มหาชน), ชาวอินเดียผู้นับถือซิกข์และ ที่ต่อก�ำลังพล ท�ำให้ทุกมณฑลทหารบกมีสถานทูตอินเดียได้อ�ำนวยความสะดวกด้าน ศาสนสถานประจ�ำหน่วยเกิดข้ึนมาโดยล�ำดับ,ต่าง ๆ ในการเดินทาง ซ่ึงการไปทัศนศึกษา ร้ือฟื้นโครงการหอพักบุตรข้าราชการทหารบกในครงั้ นไี้ ดเ้ กดิ เหตกุ ารณน์ า่ ประทบั ใจคอื ชาวซกิ ข์ เพื่ออ�ำนวยความสะดวกแก่บุตรทหารท่ีไม่อาจทั่วโลกท่ีเมืองอมฤตสระ ได้มอบดาบศรีซาฮิบ โยกย้ายไปตามบิดา/มารดา ด้วยเหตุผลทางแก่ท่านเพ่ือตอบแทนที่ท่านเป็นผู้ประสานความ การเรียน โครงการนี้ท�ำให้เกิดการจัดต้ังโรงเรียนเข้าใจอันดีระหว่างศาสนิกของศาสนาต่าง ๆ กองทัพบกอุปถัมภ์ตามมาอีกด้วย, เสนอจัดตั้งในประเทศไทย และท่านได้มีโอกาสเข้าเฝ้าองค์ โรงเรียนการศาสนาและศีลธรรมทหารบก โดยมีดาไลลามะ พระประมุขแห่งทิเบตถึงที่ประทับ การเปดิ การศกึ ษารนุ่ ทแี่ รกเมอ่ื พ.ศ.๒๕๐๐ปจั จบุ นัศึกษาภมู ิประเทศและวัฒนธรรมประเทศอินเดียถนิ่ ก�ำเนิดพระพทุ ธศาสนา๓ เรอื่ งเดยี วกัน, หน้า ๙๐. ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตลุ าคม - ธันวาคม ๒๕๕๙
ได้เปิดท�ำการเรียนการสอนเป็นรุ่นท่ี ๖๐ แล้ว กับพระพุทธศาสนา การเข้ามานั่งเก้าอ้ีอธิบดี และมีแผนจะเปิดสอนออนไลน์ เพ่ือเปิดโอกาส กรมการศาสนาครงั้ น้ี พ.อ.ปน่ิ มทุ กุ นั ต์ มคี วามตงั้ ใจิน ต ย ส า ร ุย ท ธ โ ก ษ ให้ก�ำลังพลได้ศึกษาอย่างทั่วถึงในทุกภูมิภาค แน่วแน่ในอันที่จะสร้างความเจริญให้เกิดแก่ นอกจากน้ันกองทัพบกยังมีบรรจุวิชาการศาสนา พระพุทธศาสนาและหน่วยราชการแห่งน้ี โดย และศลี ธรรม ลงในหลกั สตู รการศกึ ษาของโรงเรยี น ท่านปรับปรุงงานให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพ44 เหลา่ สายวิทยาการทุกหลักสูตร ยง่ิ ข้นึ มกี ารปรับโครงสร้าง ขยายอตั ราขนานใหญ่ ขณะท่ีท่านเพียรสร้างคุณประโยชน์แก่ เพื่อให้เหมาะกับภาระงานท่ีรับผิดชอบ พัฒนา สังคมและพระศาสนาอย่างไม่รู้จักเบ่ือรู้จักท้อ ความรู้ของเจ้าหน้าท่ีให้พร้อมรองรับแผนงาน ในฐานะอนุศาสนาจารย์ทหารบกน้ัน กระทรวง โครงการต่าง ๆ นับเป็นการปฏิรูปคร้ังใหญ่นับ กลาโหมได้โอนท่านไปรับราชการในต�ำแหน่ง แต่จัดตั้งกรมเลยทีเดียว ท่านได้เสนอแผนงาน/ รักษาการรองอธิบดีกรมการศาสนา กระทรวง โครงการสำ� คัญ ๆ เชน่ ศกึ ษาธกิ าร เมอ่ื ๗ ธนั วาคม ๒๕๐๕ และในปถี ดั มา ได้ด�ำเนินการป้องกันความมัวหมอง อธบิ ดกี รมการศาสนาเกษยี ณอายรุ าชการ ทา่ นกไ็ ด้ อนั เนอ่ื งจากเรอ่ื งศาสนสมบตั ทิ จ่ี ะเกดิ กบั พระพทุ ธ เลื่อนต�ำแหน่งอธิบดีกรมการศาสนาในวันท่ี ๑๖ ศาสนา โดยเตรียมออกพระราชบัญญัติคุ้มครอง ตุลาคม ๒๕๐๖ ทา่ นจงึ ได้รบั ภารธรุ ะในการบ�ำรงุ วดั ในพระพทุ ธศาสนา สนับสนุนพระศาสนาของประเทศให้เจริญรุ่งเรือง โครงการพระธรรมทูต เพื่อการเผยแผ่ ตามสมควรแกฐ่ านะ แตโ่ ดยเหตทุ ค่ี นไทยสว่ นใหญ่ พระพทุ ธศาสนาไปสมู่ หาชนทง้ั ในและตา่ งประเทศ นับถือพระพุทธศาสนา งานส่วนมากจึงเก่ียวข้อง เมื่อปี ๒๕๐๗ โครงการน้ีประสบผลสัมฤทธ์ิ ภาพในประวตั ศิ าสตร์ท่ี พ.อ.ปนิ่ บนั ทึกร่วมกับคณะ ณ วดั สัมพนั ธวงศ์ ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตุลาคม - ธนั วาคม ๒๕๕๙
นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษ 45น�ำผ้แู ทนจากศาสนาตา่ ง ๆ เขา้ เฝา้ พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั ในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาอย่างรวดเร็วและเจริญก้าวหน้าสืบมาจนปัจจุบัน เปน็ การดำ� เนนิ การดว้ ยการจำ� แนกตามสภาพ ออกทั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงรับไว้ใน เยี่ยมเยียนเพ่ือบ�ำรุงขวัญให้ก�ำลังใจ ส่งเสริมทางพระบรมราชปู ถมั ภอ์ ีกด้วย ดงี าม สนบั สนนุ การศกึ ษาและชว่ ยแกไ้ ขปญั หาชวี ติ เป็นการปกป้องให้พ้นจากหายนภัยทงั้ หลาย โครงการพัฒนาวัดทั่วประเทศ โดยได้รับความเหน็ ขอบจากคณะรัฐมนตรี เมอื่ ปี ๒๕๐๗ - การจดั พมิ พพ์ ระไตรปฎิ ก ฉบบั รชั ดาภเิ ษก๒๕๑๘ มีส่วนราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เมื่อปี ๒๕๐๖ เพื่อส่งเสริมให้คนไทยได้ศึกษากรมการศาสนา กรมศิลปากร กรมอาชีวศึกษา พระไตรปิฎกมากข้ึน ท�ำให้มีผู้คนสนใจมากมายกรมการปกครอง กรมโยธาธิการ กรมการแพทย์ จนขาดตลาดลงในเวลาเพียง ๕ ปี ท่านจึงด�ำริส�ำนักงบประมาณ และมหาเถรสมาคมโดยมี ให้จัดพิมพ์เป็นครั้งท่ี ๒ โดยก�ำหนดให้เป็นปลัดกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธานกรรมการ ฉบับรัชฎาภิเษก ฉลองโอกาสท่ีพระบาทสมเด็จโครงการน้ีจึงด�ำเนินไปอย่างคล่องตัว ส่งผลให้ พระเจ้าอย่หู วั จะทรงครองราชยค์ รบ ๒๕ ปี ในปีวัดหลายแห่งท่ีทรุดโทรมได้รับการปรับปรุงให้ ๒๕๑๔ รวมเลม่ จากจำ� นวน ๘๐ เลม่ เป็น ๔๕ เล่มสะอาด เรียบร้อยยังความศรัทธาปสาทะให้เกิด ตามจ�ำนวนปที ่พี ระพทุ ธองคท์ รงปฏบิ ัติพุทธกจิแก่พุทธศาสนิกชนท้ังประเทศนับเป็นการสร้างคุณประโยชน์ในวงกว้างแกพ่ ระพทุ ธศาสนา สร้างวัดพุทธประทีป กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพ่ือบรรยายธรรมและสอน จัดตั้งหน่วยนพกะ เพ่ือสงเคราะห์ วิปัสสนากรรมฐาน เม่ือปี ๒๕๐๘ ท่านได้ริเริ่มพุทธมามกะผู้เยาว์ เน่ืองจากสมัยก่อนเยาวชน ด้วยการจัดซ้ืออาคาร ๒ ชั้นครึ่ง พร้อมเน้ือที่ในครอบครัวหน่ึงมีมากหากแต่ยากจน อาจถูก ๕๐๐ ตารางวา เพอื่ สรา้ งวดั และไดจ้ ดั ให้มพี ธิ ีเปดิชักน�ำให้เดินทางผิดเข้าสู่ลัทธิมืดมนไร้อนาคต อย่างเป็นทางการ เมื่อ ๑ สิงหาคม ๒๕๐๙ ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบับท่ี ๑ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๙
โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จ ลาออกได้ไม่นาน ท่านก็ได้เข้ารับการรักษาตัว พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จ ทโ่ี รงพยาบาลพระมงกฎุ เกลา้ แมจ้ ะตอ้ งประสบกบัิน ต ย ส า ร ุย ท ธ โ ก ษ พระราชด�ำเนินเป็นองค์ประธาน และมีพระราช ภาวะทุกขเวทนาแรงกล้าจากโรคภัยท่ีเบียดเบียน สิทธิมุนี หัวหน้าคณะพระธรรมทูตสายอังกฤษ จนต้องมีการให้ออกซิเจน แต่ท่านก็ได้อาศัยหลัก เปน็ เจ้าอาวาสรปู แรก ธรรมทางพระพทุ ธศาสนาเปน็ ทพ่ี ง่ึ ในการรบั มอื กบั46 นบั ตง้ั แตท่ า่ นไดร้ บั แตง่ ตง้ั ใหด้ ำ� รงตำ� แหนง่ ทุกขเวทนาในเวลาเจบ็ ป่วยไดเ้ ปน็ อย่างดี พ.อ.ปิ่น ส�ำคัญในกรมการศาสนาเมื่อปี ๒๕๐๕ เป็นต้น ได้ยกเอาอานาปานสติเป็นหลักพิจารณาเพ่ือให้ มาน้ัน ท่านก็มุ่งมั่นสร้างประโยชน์แก่พระพุทธ เกิดปีติและน�ำไปสู่สภาวะอุเบกขาในท่ีสุด ทั้งนี้ ศาสนาอย่างเต็มที่ ท�ำให้ท่านมีภารกิจด้าน เนื่องจากปกติในยามที่ยังแข็งแรงดี ท่านไหว้ งานบริหารมากมาย จนต้องห่างเหินจากงาน พระสวดมนต์และท�ำสมาธิก่อนนอนทุกคืน ท�ำให้ บรรยายธรรมที่รักสุดชีวิต ท่านจึงเผยแผ่ธรรม จิตเสพคุ้นกับการปฏิบัติอานาปานสติ จึงไม่ ผ่านงานเขียนแทน โดยท่านอาศัยช่วงเวลา เป็นการยากเลยที่ท่านจะน้อมจิตเข้าสู่อารมณ์ กลางคืนและเช้าตรู่ก่อนไปท�ำงานในการ กรรมฐานน้ี แมข้ ณะท่ีกำ� ลังกายถดถอยและจิตใจ สร้างสรรค์ผลงาน แม้ยามพักผ่อนสุดสัปดาห์ ถกู รบกวนจากทกุ ขเวทนาอันแรงกลา้ อยู่ก็ตาม หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็ยังมิวายต้องน�ำพา จึงถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของผู้ที่ตั้งใจ งานเขียนไปท�ำด้วย และด้วยความท่ีท่านเป็น พากเพยี รปฏบิ ตั ธิ รรมเปน็ นติ ยต์ ง้ั แตท่ ร่ี า่ งกายและ คนมมุ านะ ทมุ่ เทกบั งานนเ้ี อง เปน็ เหตใุ หท้ า่ นปว่ ย จติ ใจยงั แข็งแรงเป็นปกติ เพราะถ้ารั้งบา่ ยเบ่ียงไว้ ด้วยโรคทางเดินอาหาร จนตอ้ งเจบ็ ออด ๆ แอด ๆ ปฏิบัติยามแก่เฒ่าเรี่ยวแรงถดถอย ย่ิงถูกโรคภัย บัน่ ทอนสมรรถภาพการท�ำงานของท่านลง เบียดเบยี นด้วยแลว้ ก็ยงิ่ เปน็ การยากทจ่ี ะนอ้ มจติ ท่านได้เข้ารับการรักษาจากแพทย์ในช่วง ไปสู่อารมณ์ทางธรรมได้ เพราะแม้ขณะร่างกาย ปลายปี๒๕๑๓แตห่ ลงั จากเขา้ รบั การรกั ษาดว้ ยการ แข็งแรงจิตใจเป็นปกติดี จิตยังไม่เข้มแข็งพอที่น�ำ ผ่าตัดแล้ว รา่ งกายของท่านกลับซบู ซีดไร้เรีย่ วแรง ตนเขา้ สกู่ ารปฏบิ ตั ไิ ด้ จะกลา่ วไปไยกบั การคาดหวงั เมื่อพิจารณาเห็นว่าคงไม่อาจท�ำงานให้ราชการ ทจี่ ะเรง่ กระทำ� เอาในขณะทจี่ ติ ใจและรา่ งกายเศรา้ ได้อย่างเต็มที่เหมือนเมื่อก่อน ท่านจึงตัดสินใจ หมอง ทอ้ ถอย ถูกทุกขเวทนารุมเร้า ซ่ึงมแี ตจ่ ะจม ยื่นหนังสือลาออกจากราชการต้ังแต่ วันที่ ๒ มีนาคม ๒๕๑๔ แต่รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายสุกิจ นมิ มานเหมนิ ท)์ ไดย้ บั ยง้ั การลาออกนนั้ เน่ืองจากเสียดายในความสามารถ ของท่าน โดยขอให้ลาป่วยแทนการ ลาออก แตใ่ นปถี ดั มา ทา่ นเหน็ วา่ ไมอ่ าจ ฝนื ตอ่ ไปได้ จงึ ไดข้ อลาออกจากราชการ ด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ เม่ือวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ และหลังจาก อธิบดปี นิ่ ไดช้ แี้ จงข้อเท็จจริงแก่ข้าราชการกรมการศาสนาก่อน ลาป่วยเพ่ือพกั รกั ษาตวั ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตลุ าคม - ธันวาคม ๒๕๕๙
ไปกบั ความทกุ ข์ โดนทกุ ขเวทนาฉดุ ลากพาไปดว้ ย แม้ พ.อ.ปน่ิ มทุ กุ นั ต์ ไดล้ าจากโลกนไ้ี ปกวา่ นิ ต ย ส า ร ยุ ท ธ โ ก ษเท่าน้ันเอง อาการท่ีจิตไม่อาจมีสติตั้งมั่นเป็นของ ๔๔ ปแี ลว้ แตเ่ สยี งบรรยายธรรม เสยี งปาฐกถาธรรมตนเองได้ ต้องหลงไปกับอารมณ์ทุกขเวทนาจน ที่มีลีลาและโวหารอันอาจหาญเฉียบคมของท่าน 47บางรายถึงกับละเมอเพ้อคลั่งออกมา น่ีเองที่ทาง ในรูปแบบวรรณกรรมทางพระพุทธศาสนากว่าพระท่านเรียกว่า “หลงตาย” และผู้ท่ีหลงตาย ๓๔ เรื่อง๔ ยังคงเป็นมรดกธรรมที่ยังคงตราตรึงนั้นยากนักท่ีจะคาดหวังสุคติได้ การศึกษาปฏิบัติ ในมโนสัญเจตนาของอนุชนคนรุ่นหลังมาจวบจนธรรมในทางพระพทุ ธศาสนาจงึ เปน็ สงิ่ ทท่ี รงคณุ คา่ ปัจจุบัน หลายโครงการที่ท่านได้ริเร่ิมสร้างไว้อ�ำนวยประโยชน์สุขให้แก้ในขณะปัจจุบันและ ก็ยังคงมีการสานต่อมาจวบจนปัจจุบัน และยังคงในเวลาอันวกิ ฤตทิ ก่ี ำ� ลงั จะสน้ิ ลม สรา้ งคณุ ประโยชนใ์ หแ้ กส่ งั คมและพระพทุ ธศาสนา อย่างไมม่ ีวันกำ� หนดหมดอายุ ดังนั้นแม้สภาพร่างกายของ พ.อ.ปิ่นจะผ่ายผอมทรุดโทรมลงโดยล�ำดับ อันเน่ืองจาก นับไดว้ ่า พ.อ.ปิ่น มทุ กุ นั ต์ เป็นผ้มู ีสายตาอำ� นาจแหง่ โรคภยั ทร่ี มุ เรา้ เบยี ดเบยี นทา่ นหนกั ขนึ้ อนั ยาวไกลและมงุ่ มน่ั ทจ่ี ะสรา้ งสรรคค์ ณุ ประโยชน์ทุกขณะ แต่โดยท่ัวไปท่านก็ไม่ได้แสดงอาการ แก่ประเทศชาติและพระศาสนาอย่างจริงจัง โดยทรมานกระสับกระส่ายออกมาให้ปรากฏแต่ มุ่งพัฒนาใน ๓ ปัจจัยหลัก คือ ด้านศาสนธรรมอยา่ งใด อนั แสดงถงึ สภาวะจิตท่ไี ดร้ ับการประคับ ผ่านโครงการพระธรรมทูต ท�ำให้ศาสนธรรมประคองไว้เป็นอย่างดี จวบจนกระท่ัง ๑๕.๔๕ เข้าไปสู่หัวใจของมหาชนท้ังในและต่างประเทศ,นาฬิกา ของวันอังคารที่ ๔ เมษายน ๒๕๑๕ ด้านศาสนวัตถุผ่านโครงการพัฒนาวัดทั่วประเทศท่านจึงถึงแก่อนิจกรรมก�ำหนดจิตละสังขารไป ท�ำให้สงั คมไทยในยคุ ของทา่ นงามเรืองรองไปด้วยด้วยอาการอันสงบท่ามกลางความอาลัยรักจาก วัดวาอาราม และด้านศาสนบุคคลผ่านโครงการภรรยา บตุ ร-ธดิ า และสมั พนั ธชนทเ่ี ฝา้ อยขู่ า้ งเตยี ง นพกะ พฒั นาคณุ ภาพชวี ติ ของเยาวชน ใหเ้ ปน็ คนดีสริ อิ ายุรวม ๕๕ ปี มคี ณุ ภาพและคณุ ธรรม เพอ่ื ใหส้ งั คมไทยเกดิ ความ มนั่ คง และมั่งคงั่ อยา่ งยัง่ ยืนตราบนานเทา่ นาน งานบ�ำเพ็ญกุศลศพของท่านจัดขึ้นท่ีวัดโสมนัสวหิ าร ระหว่างเดือนเมษายน ถงึ กรกฎาคม เน่ืองในโอกาสวันท่ี ๑๑ ตุลาคม ๒๕๕๙๒๕๑๕ และไดร้ บั พระมหากรณุ าธคิ ณุ จากพระบาท ที่ก�ำลังเวียนมาบรรจบน้ี เป็นวันครบ ๑๐๐ ปีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ แห่งชาตกาลของ พ.อ.ปิ่น มุทุกันต์ ในฐานะเป็นพระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชด�ำเนินทรงเป็น บุคคลที่สร้างคุณูปการอย่างมากมายแก่ประเทศประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุ ชาติ พระศาสนาดังได้น�ำเสนอเพียงบางส่วนน้ีหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส จึงอยากเชิญชวนท่านผู้อ่านที่เคยติดตามผลงานเมื่อวันจันทร์ท่ี ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๑๕ นับเป็น ของทา่ น มารว่ มกนั รำ� ลกึ ถงึ เกยี รตคิ ณุ ของ พ.อ.ปน่ิพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมอย่าง มุทุกันต์ ผู้อุทิศชีวิตน้ีเพ่ือพระธรรมและพระพุทธหาท่ีสุดมิได้ ยังความปลาบปล้ืมแก่ครอบครัว ศาสนาอยา่ งแทจ้ รงิมทุ ุกนั ต์อยา่ งซาบซ้ึง๔ รกั พงษ์ แซ่โซว, ๔ ทศวรรษมรดกธรรม จาก ปิน่ มุทุกนั ต์, เอกสารพมิ พเ์ ผยแผ่เปน็ ธรรมทานในโอกาสคณุ แม่สมปองลม้ิ เรอื งรอง อายุ ๘๐ ปี, ๒๕๕๕. ปี ท่ี ๑๒๕ ฉบบั ท่ี ๑ ตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๙
Search
Read the Text Version
- 1 - 11
Pages: