หลกั สตู ร “การทาเปลญวน” จานวน 15 ช่วั โมง (ทฤษฎี 3 ชว่ั โมง / ปฏิบัติ 12 ชว่ั โมง) จัดทาโดย ศนู ยก์ ารศกึ ษานอกระบบและการศึกษาตามอธั ยาศยั อาเภอเลาขวญั สานกั งาน กศน.จังหวดั กาญจนบุรี สานักงานสง่ เสรมิ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สานักปลัดกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร
คานา หลักสูตรการทาเปลญวนน้ี กศน.อาเภอเลาขวัญ ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือค่าย พัฒนา ชุมชนอาเภอเลาขวัญ ภูมิปัญญาท้องถิ่น จัดทาข้ึนเพ่ือมุ่งเน้นให้ผู้ท่ีสนใจ เมื่อศึกษาหลักสูตรนี้แล้ว สามารถนาไปปฏิบัติได้จริง เนื่องจากสิ่งท่ีใช้ทาหาได้ง่ายในท้องถ่ิน มีต้นทุนในการผลิตน้อยและ สามารถจาหน่ายได้ง่าย เน้ือหาประกอบด้วยความเป็นมา จุดมุ่งหมายของหลักสูตร จุดประสงค์เชิง พฤติกรรม กลุ่มเป้าหมาย ระยะเวลาในการเรียน โครงสร้างของหลักสูตร การจัดกระบวนการเรียนรู้ สอ่ื วสั ดุ อปุ กรณ์ การวดั และประเมนิ ผล การจบหลกั สูตร และการเทยี บโอน ขอขอบคุณผู้ที่มีส่วนร่วมทุกท่าน ที่ช่วยกันคิด วางแผน และหารูปแบบที่เหมาะสมใน การศึกษาและเรียนรู้เพ่ืออานวยความสะดวกให้แก่ผู้ท่ีสนใจ นาไปใช้ประโยชน์ได้จริง หากมี ข้อเสนอแนะ ขอได้โปรดแจ้ง กศน.อาเภอเลาขวัญ เพ่ือเป็นข้อมูลในการแก้ไขปรับปรุงให้ดีย่ิงข้ันใน โอกาสตอ่ ไป กศน.อาเภอเลาขวญั
สารบญั หนา้ เรือ่ ง 1 ความเปน็ มา / ความสาคัญ 1 หลกั การของหลักสูตร จดุ มงุ่ หมายของหลักสูตร 1 กลุ่มเป้าหมาย 2 ระยะเวลาในการเรียน 2 โครงสร้างของหลักสูตร 4 7 เรื่องที่ 1 ความร้เู บอื้ งตน้ เกย่ี วกบั การทาเปลญวน 10 เรอื่ งท่ี 2 วิธกี ารทาเปลญวน วสั ดุ ท่ใี ช้ในการทาเปลญวนได้ 13 เร่อื งที่ 3 ข้ันตอนการบรรจุผลติ ภัณฑเ์ พอ่ื จาหนา่ ยได้ 15 เรือ่ งท่ี 4 วธิ ีการคดิ ต้นทุนกาไรบัญชี – รบั จ่าย 18 เรอื่ งท่ี 5 คณุ ธรรมในการประกอบอาชพี การจดั กระบวนการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรแู้ ละส่อื ประกอบการเรยี น การวดั และประเมินผล การจบหลกั สูตร เอกสารหลกั ฐานการศกึ ษา การเทียบโอน
หลักสตู ร “การทาเปลญวน” จานวน 15 ชวั่ โมง (ทฤษฎี 3 ช่ัวโมง / ปฏิบตั ิ 12 ช่วั โมง) ความเป็นมา / ความสาคัญ หลักการของหลักสตู ร อาเภอเลาขวญั มีพ้ืนทสี่ ่วนใหญ่ทาการเกษตร เช่น ทาไรแ่ ละเล้ียงสตั ว์ หลงั จากการเก็บเกี่ยว ผลผลิตทางการเกษตร จึงมีการประกอบอาชีพเสริม เพ่ิมรายได้ ใช้เวลาว่างหลังจากการเก็บเกี่ยว ผลผลิตทางการเกษตร โดยการรวมกลุ่มกันประกอบอาชีพเสริม คือการทาเปลญวน ซ่ึงเป็นกรรมวิธี การผลติ จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เป็นการนาเอาเศษผา้ จากวัสดุเหลอื ใช้มาทาเปน็ เปลญวน มีเทคนิคการ ถกั ท่ตี ้องใช้ความอดทน และความละเอยี ด สามารถสรา้ งรายไดเ้ ป็นอย่างดี ดงั น้ัน กศน.อาเภอเลาขวัญ ได้จัดทาหลักสูตรการทาเปลญวน มุ่งเน้นให้ผู้ที่สนใจ เมื่อศึกษา หลักสูตรน้ีแล้วสามารถนาไปปฏิบตั ิได้จริง เน่ืองจากส่ิงที่ใช้ทาหาได้ง่ายในทอ้ งถ่ิน มตี ้นทนุ ในการผลิต น้อยและสามารถจาหนา่ ยไดง้ ่าย หลักการของหลักสูตร หลักสูตร การทาเปลญวน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ เลาขวัญ มีหลกั การ ดังนี้ 1. เป็นการจัดหลักสูตรด้าน พานิชยกรรมและบริการ ท่ีมีความยึดหยุ่นด้านการจัด กระบวนการเรียนรู้และการวัดผลประเมินผล โดยบูรณาการให้สอดคล้องกับศักยภาพของชุมชนใน 5 ดา้ น คือ ศักยภาพของทรัพยากรธรรมชาติในแต่ละพ้ืนท่ี ศกั ยภาพของพื้นที่ตามลักษณะภูมิอากาศ ศักยภาพของพนื้ ที่ตามลักษณะภูมิประเทศ ศักยภาพด้านศิลปะ วฒั นธรรมประเพณี และวถิ ีชีวิต และ ศักยภาพของทรพั ยากรมนุษย์ 2. การจัดการศึกษาตามหลักสูตร การทาเปลญวน มุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายประชาชนผู้ไม่มี อาชีพ หรือผทู้ ม่ี อี าชพี แตต่ ้องการพฒั นาอาชีพใหม้ คี วามมน่ั คงยิ่งขึ้น 3. เป็นการส่งเสรมิ ความร่วมมือในการดาเนนิ งานร่วมกบั เครือขา่ ย 4. เปน็ การสง่ เสริมใหม้ ีการเทยี บโอนความรแู้ ละประสบการณเ์ ขา้ สู่หลกั การศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน 5. การจดั กระบวนการเรยี นรู้ มุ่งเน้นการอบรม สัมมนา ศกึ ษาดงู าน การฝึกปฏิบตั ิ การเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง เพอื่ พฒั นากลมุ่ เป้าหมายใหม้ คี วามพรอ้ มในการประกอบอาชีพใหเ้ กดิ ความเข้มแขง็ มั่นคง จุดมงุ่ หมายของหลักสตู ร จุดประสงคท์ ั่วไป 1. ผเู้ รยี นมคี วามรเู้ กี่ยวกับการทาเปลญวนไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง 2. ผู้เรยี นมีความรูใ้ นการใช้วัสดุในการทาเปลญวนได้ 3. ผ้เู รยี นปฏิบตั ติ ามขน้ั ตอนการบรรจุผลิตภณั ฑ์ได้อยา่ งถกู ต้อง
2 จดุ ประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. ผู้เรยี นสามารถอธิบายความรูเ้ กี่ยวกับการทาเปลญวนไดอ้ ย่างถูกต้อง 2. ผู้เรยี นสามารถอธบิ ายเกยี่ วกบั วสั ดุทใี่ ช้ในการทาเปลญวนได้ 3. ผเู้ รียนสามารถอธบิ ายขน้ั ตอนการบรรจุผลิตภัณฑเ์ พ่อื จาหน่ายได้ 4. ผเู้ รียนสามารถวิเคราะห์ความเปน็ ไปไดใ้ นการประกอบอาชพี ทาเปลญวนได้ 5. ผู้เรยี นมีความเข้าใจเก่ยี วกับหลักคุณธรรม/จริยธรรมทางธรุ กิจอยา่ งดี กล่มุ เป้าหมาย ผู้เรยี นที่จะตอ้ งจัดการเรียนการสอน 1. ผู้ที่ไมม่ อี าชีพ 2. ผู้ทม่ี ีอาชีพและต้องการพัฒนาอาชีพ 3. ผู้ที่มอี าชีพและตอ้ งการเปลย่ี นอาชีพ ระยะเวลาในการเรยี น หลกั สูตร การทาเปลญวน ใช้เวลาเรียนทัง้ หมด 15 ชวั่ โมง - ภาคทฤษฎี 3 ชว่ั โมง - ภาคปฏบิ ตั ิ 12 ชวั่ โมง โครงสร้างของหลกั สูตร จานวน 2 ชว่ั โมง เรื่องที่ 1 ความร้เู บ้ืองต้นเกี่ยวกบั การทาเปลญวน 1.1 ความรูเ้ ก่ยี วกับการทาเปลญวนได้อย่างถกู ต้อง 1.2 แบบของเปลญวน 1.3 วัสดุทน่ี ามาใช้ในการทาเปลญวน 1.4 ประโยชน์ของเปลญวน เรอ่ื งที่ 2 วิธกี ารทาเปลญวน วัสดุ ท่ีใช้ในการทาเปลญวนได้ จานวน 11 ชั่วโมง 2.1 การเตรยี มวสั ดุท่ีใช้ทาเปลญวน 2.2 ขั้นตอนและวิธกี ารทาเปลญวน เรือ่ งที่ 3 ข้นั ตอนการบรรจุผลิตภัณฑเ์ พือ่ จาหนา่ ยได้ จานวน 1 ชว่ั โมง 3.1 ข้นั ตอนการบรรจผุ ลติ ภัณฑเ์ พือ่ จาหนา่ ย 3.2 การถนอมอายุและการเกบ็ รักษาเปลญวน 3.3 คัดเลอื กและจดั เตรยี มวตั ถุเพ่อื ช่วยยดื อายุการเก็บรักษา 3.4 บรรจภุ ณั ฑ์ เร่ืองที่ 4 วธิ กี ารคิดต้นทนุ กาไรบญั ชี – รบั จ่าย จานวน 30 นาที 4.1 การวิเคราะห์ความเปน็ ไปได้ในการประกอบอาชีพ 4.2 ความตอ้ งการของตลาดและการลงทนุ 4.3 การคิดตน้ ทุนกาไร บญั ชรี ับ – จา่ ย
3 เรื่องท่ี 5 คณุ ธรรมในการประกอบอาชพี จานวน 30 นาที 5.1 คุณธรรม /จรยิ ธรรมในการประกอบธรุ กจิ การจดั กระบวนการเรยี นรู้ 1. วิทยากรบรรยายถา่ ยทอดความรู้ / สาธิต 2. ผเู้ รียนทดลอง และฝึกปฏบิ ัตจิ ริง 3. การศกึ ษาดงู านจากแหล่งเรียนรู้ ส่อื การเรียนรูแ้ ละสอื่ ประกอบการเรียน 1. ใบความรู้เนือ้ หาวิชา การทาเปลญวน 2. แหล่งเรียนรู้จาก การทาเปลญวน การวดั และประเมินผล หลักสูตร การทาเปลญวน ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอาเภอ เลาขวญั มกี ารวัดผลและประเมินผล ดังนี้ 1. การประเมนิ ความรู้ภาคทฤษฏรี ะหว่างเรียนและจบหลกั สูตร 2. การประเมินผลงานระหว่างเรียนจากการปฏิบัติ ได้ผลงานที่มคี ุณภาพสามารถสร้างรายได้ และจบหลกั สูตร การจบหลกั สตู ร 1. ผเู้ รยี นมีเวลาเรียนไมน่ ้อยกว่ารอ้ ยละ 80 2. ผเู้ รยี นมีผลการประเมนิ ตลอดหลกั สูตร ไมน่ อ้ ยกว่าร้อยละ 60 3. ผู้เรียนมีผลงานท่ีมคี ุณภาพ เอกสารหลกั ฐานการศึกษา 1. หลกั ฐานการประเมินผล 2. ทะเบียนคุมวฒุ ิบตั ร 3. วุฒิบัตร การศกึ ษาทอ่ี อกโดยสถานศึกษา 10. การเทยี บโอน ผเู้ รยี นที่จบหลักสูตรนี้ สามารถนาไปเทยี บโอนผลการเรยี นกบั หลักสูตรการศึกษานอกระบบ ระดับการศกึ ษาขัน้ พ้นื ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ในสาระการประกอบอาชพี วชิ าเลอื กท่ีสถานศึกษาได้ จัดทาขนึ้
รายละเอยี ดโครงสร้างห ท่ี หัวเรือ่ ง รายละเอียดเนอ้ื หา จดุ ประสงค์การ 1 ความรู้เบอ้ื งต้นเกี่ยวกับ 1. ความรู้เบือ้ งต้นเก่ยี วกบั 1.ผู้เรยี นสามารถอธบิ าย เกีย่ วกบั การทาเปลญวน การทาเปลญวน การทาเปลญวน ถกู ตอ้ ง 2.ผ้เู รียนสามารถจาแนก 2. ประเภทของเปลญวนแต่ เปลญวนได้ 3.ผู้เรยี นสามารถคัดเลอื ละชนดิ การทาเปลญวนได้ 4.ผเู้ รยี นสามารถบอกป 3. วสั ดทุ ่ีนามาใชใ้ นการทา การทาเปลญวนได้ เปลญวน 4. ประโยชน์ของการทา เปลญวน 2 การทาเปลญวน วสั ดุ 1. การเตรยี มวัสดุท่ีใช้ทา 1. ผู้เรยี นสามารถอธิบา ที่ใช้ในการทาเปลญวน เปลญวน ทีใ่ ช้ในการทาเปลญวนไ 2. ขนั้ ตอนและวธิ กี ารทา 2. ผู้เรยี นสามารถทาเป เปลญวน
4 หลักสตู รการทาเปลญวน รเรยี นรู้ การจดั กระบวนการเรียนรู้ จานวนช่ัวโมง ยความรู้ ทฤษฎี ปฏบิ ัติ นไดอ้ ยา่ ง 1. ผสู้ อนอธบิ ายเกี่ยวกบั ความรใู้ นการทา เปลญวน 11 กชนดิ ของ 2. ผู้สอนให้ความรู้เกย่ี วกบั การทาเปลญวน 3. ผสู้ อนให้ความรู้เก่ียวกบั การวัสดุมาใช้ใน อกวัสดทุ ่ีใช้ใน การทาเปลญวน 4. ผสู้ อนให้ผู้เรยี น ชว่ ยกนั วิเคราะห์ ประโยชน์ของ ประโยชน์ในการทาเปลญวน 5. ผ้สู อนประเมินความรูผ้ ูเ้ รียนจากใบงาน และการสงั เกต ายเกี่ยวกบั วสั ดุ 1. ผู้สอนสาธิตการจัดเตรียมวสั ดุ ทใี่ ช้ในการ 10 ได้ ทาเปลญวน ปลญวนได้ 2. ผู้สอนอธบิ ายวธิ ีการทาเปลญวนได้ 3. ผสู้ อนให้ผู้เรียนแบง่ กลมุ่ ทากิจกรรม 4. ผู้สอนประเมินความร้ผู ู้เรยี นจากใบงาน การสังเกต
ท่ี หวั เรอ่ื ง รายละเอยี ดเนอ้ื หา จดุ ประสงค์การ 3 การบรรจผุ ลติ ภัณฑ์ 1. ข้ันตอนการบรรจุ 1. ผ้เู รียนสามารถอธบิ า เปลญวนเพ่ือจาหน่าย ผลติ ภัณฑ์เพ่ือจาหนา่ ย บรรจผุ ลติ ภัณฑเ์ พื่อจาห 2. การถนอมอายุและการเก็บ 2. ผ้เู รยี นมีความรเู้ กี่ยว รกั ษาเปลญวน รักษาเปลญวนเป็นอย่า 3. การคัดเลอื กและจัดเตรยี ม 3. ผเู้ รียนสามารถคัดเล วัตถดุ บิ เพอ่ื ช่วยยดื อายกุ าร การยืดอายุการเก็บรกั ษ เก็บรักษา 4. ผู้เรียนสามารถเลอื ก 4. บรรจุภณั ฑ์ ภัณฑ์ไดอ้ ย่างเหมาะสม 4 การคดิ ตน้ ทุนกาไร 1. การวิเคราะห์ความเป็นไป 1. ผู้เรยี นสามารถวิเครา บัญชรี ับ – จา่ ย ได้ในการประกอบอาชีพ เปน็ ไปได้ในการประกอ 2. ความต้องการของตลาด เปลญวนได้ และการลงทนุ 2. ผ้เู รียนสามารถอธบิ า 3. การคดิ ตน้ ทุนกาไร ของตลาดและการลงทนุ บญั ชรี บั - จ่าย 3. ผู้เรียนสามารถคดิ ตน้ บญั ชรี บั – จา่ ยได้
รเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ จานวนชวั่ โมง ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ ายขน้ั ตอนการ 1. ผู้สอนอธิบายความสาคัญของการบรรจุ หนา่ ยได้ ผลิตภัณฑ์ 11 วกบั การเกบ็ 2. ผ้สู อนสาธิตการบรรจผุ ลิตภณั ฑ์เพื่อ างดี จาหน่าย ลอื กวัตถุดบิ ใน 3. ผสู้ อนอธบิ ายขัน้ ตอนในการเก็บรักษา ษาผลติ ภณั ฑ์ได้ ผลิตภัณฑ์ กการบรรจุ 4. ผสู้ อนอธิบายการเลอื กบรรจภุ ัณฑ์ ม 5. ผู้สอนประเมินความรู้ผเู้ รียนจากใบงาน การสงั เกต าะหค์ วาม 1. ผูส้ อนอธบิ ายความเป็นไปได้ในการ 30 นาที อบอาชพี ทา ประกอบอาชพี ายความสาคญั 2. ผ้สู อนอธิบายความสาคัญของตลาดและ นได้ การลงทนุ นทนุ กาไร 3. ผู้สอนอธิบายการคิดตน้ ทุนกาไร บัญชี รบั - จ่าย
ท่ี หัวเรอ่ื ง รายละเอียดเนอ้ื หา จดุ ประสงค์การ 5 คุณธรรม/จริยธรรม คณุ ธรรม / จริยธรรมในการ 1. ผู้เรยี นมคี วามเข้าใจเ สาหรับผู้ประกอบอาชีพ ประกอบธุรกิจธุรกจิ คณุ ธรรม/จรยิ ธรรมทาง - มคี วามรับผิดชอบ 2. ผเู้ รยี นนาหลักคุณธร - มวี ินยั ในตวั เอง มาใชใ้ นการประกอบอา - มคี วามซ่ือสัตยส์ ุจริต 3. ผเู้ รยี นตระหนักถงึ คว - มคี วามวิรยิ ะอตุ สาหะ การนาหลกั คุณธรรม/จ ในการประกอบอาชพี ได
รเรียนรู้ การจัดกระบวนการเรยี นรู้ จานวนช่วั โมง ทฤษฎี ปฏบิ ตั ิ เก่ียวกบั หลัก 1. ผูส้ อนอธิบายเก่ยี วกบั คุณธรรม / งธรุ กิจอย่างดี จริยธรรมในการประกอบธรุ กจิ 30 นาที รรม/จริยธรรม 2. ผสู้ อนให้ผู้เรียนแบ่งกลมุ่ ทากิจกรรม าชพี ได้ 3. ผู้สอนประเมินความรูผ้ ู้เรียนจากใบงาน วามสาคัญของ การสงั เกต จริยธรรมมาใช้ ด้
เรือ่ งที่ 1 ความรู้เบ้ืองตน้ เกยี่ วกบั การทาเปลญวน เปลญวน เปลญวน คือการนาเศษผา้ เหลือใช้มาถกั เปน็ ตาข่ายหา่ งๆ ทาให้เกิดลมพดั ผ่านไดง้ ่าย การทาเปลญวน สามารถทาได้ทง้ั เด็กและผู้ใหญ่ เป็นการใชเ้ วลาว่างใหเ้ กิดประโยชน์ และสร้างรายได้ วสั ดอุ ุปกรณ์ในการทาเปลญวน วสั ดุและอุปกรณท์ ใี่ ช้ในการทาเปลญวน 1. เศษผ้าสาลี ตัดยาว 120 เซนติเมตร ผา้ สาลี คือผา้ ชนิดหนึ่ง มขี นเน้อื นุ่ม มักใชห้ ม่ ตัดเส้อื กนั หนาว 2. กระสวยม้วนผ้า กระสวยมว้ นผ้าทาจากไม้ไผ่
3. กรรไกร ลักษณะทดี่ ขี องเปลญวน ลักษณะของเปลญวนท่ีดี มีความคงทน นอนสบาย ไม่เจบ็ ตวั การนามาใชป้ ระโยชน์ ประโยชนข์ องเปลญวน คือการนาวัสดุเหลอื ใช้มาทาใหเ้ กิดความคิดสร้างสรรค์ในการผลติ ชิ้นงานท่ี หลากหลายและสามารถพัฒนารูปแบบผลิตภณั ฑ์ออกสูต่ ลาดเพ่อื สรา้ งรายได้และส่งเสรมิ ภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่
กจิ กรรมท่ี 1 เรอื่ ง ความรูเ้ บื้องต้นเกี่ยวกบั การทาเปลญวน คาช้แี จง ใหผ้ ูเ้ รยี นตอบคาถามดังตอ่ ไปนี้ 1.จงอธบิ ายลกั ษณะของเปลญวนทีด่ ี มอี ะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชอ่ื .........................................สกลุ .................................
เรอ่ื งท่ี 2 ขนั้ ตอนการทาเปลญวน ขั้นเตรียมการประกอบอาชพี การทาเปลญวน ข้ันตอนการทาเปลญวน 1. นาเศษผ้าสาลที ี่เหลือใช้ มาแยกเป็นสีๆ 2. นาเศษผ้าสาลมี าแยกใส่ม้วนกระสวยไวแ้ ตล่ ะสีตามความหน้าของผ้า 3. เตรยี มเศษไม้ท่ใี ชย้ าวประมาณ 1 เมตร มาตตี ะปู โดยมีความกว้างของตะปู 2 ดอกห่างกนั 30 ฟตุ 4. นาเศษผ้าสาลที ่ีเตรียมไว้สาหรับทาหเู ปลญวนมาพันกับตะปูทัง้ หมด 7 รอบ 5. นาเศษผ้าสาลีมาสานเปน็ วงไขว้กันลกั ษณะคลา้ ยเปียให้มคี วามยาว 10 น้วิ จึงนาปลายทั้ง 2 ขา้ ง ผกู เขา้ กนั ใหเ้ ปน็ ห่วงวงรี จงึ ไดห้ เู ปลญวนจานวน 14 หู โดยทาตอนท่ี 5 อีก 1 รอบ จึงจะไดห้ ูเปลญวน 2 ขา้ ง
6. นาหูเปลญวนทเ่ี ตรียมไวท้ าตามขนั้ ตอนท่ี 5 มาสานขน้ึ ต้นดว้ ยเศษผ้าสาลีที่เตรียมไวใ้ นขัน้ ตอนที่ 2 โดยเก็บหูไว้ 2 อนั จะเหลือหู 12 อัน เร่มิ ถักหแู รกโดยขึ้นตน้ สอดผ้าลกั ษณะเงื่อนพริ อด ถักต่อไปเรอื่ ยๆ จน ครบ 12 หู (ครบ 1 แถว) 7. นาเศษผ้าสาลีอกี 1 สที เ่ี ตรยี มไวโ้ ดยผกู กับหูแรก แถวที่ 1 แลว้ นามาถกั เป็นเงือ่ นพิรอดกับแถวที่ 1 ถักไปเรอื่ ยๆ จนครบ 12 ชอ่ งจะไดแ้ ถวที่ 2 8. ทาตามวิธตี ามข้ันตอนที่ 6 และขั้นตอนท่ี 7 สลับสกี นั ไปมาท้งั สองสเี ร่อื ยๆ จนครบ 14 แถว 9. นาหูที่เหลืออกี ขา้ งมาผกู กับตน้ เสาเพ่อื ทาการต่อเปลที่ถกั เสรจ็ แลว้ 14 แถว นาปลายวัสดเุ ศษผ้าสา สจี ากแถวที่ 14 มาถักต่อหทู ี่เตรียมไวโ้ ดยถกั สลบั ฟันปลากนั ไปมาเหมือนถกั เปลญวนตามขนั้ ตอนท่ี 5 และ ขั้นตอนท่ี 7 จนไปสุดแถว (แถวที่ 15 ) 10. นาปลายผ้าท่ีถักเสร็จแถวท่ี 15 แตล่ ะขา้ งให้สอดบวงด้านขา้ งไปจนสุดหูเปลญวนอีกดา้ น เพื่อใช้ ปรับความลกึ ชืน้ ของเปลญวนนอนดงั กลา่ ว (จึงไดเ้ ปลญวนอกี 1 อนั )
กิจกรรมที่ 2 เรอ่ื ง ขั้นตอนการทาเปลญวน ผู้เรยี นสามารถบอกข้ันตอนวธิ ีทาเปลญวนท่ถี กู ตอ้ งได้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่ือ.........................................สกลุ .................................
เรอื่ งท่ี 3 การบรรจผุ ลติ ภัณฑ์ เปลญวนเพ่อื จาหนา่ ย ลกั ษณะของผลิตภณั ฑเ์ พอื่ จาหน่าย 1.1 บรรจผุ ลิตภัณฑเ์ ปลญวน ผนกึ ได้เรยี บรอ้ ย สามารถปอ้ งกนั ฝนุ่ ละออง 1.2 บรรจุเปลญวนทุกหน่วย อย่างน้อยต้องมีเลข อักษร หรอื เคร่ืองหมายแจ้งรายละเอียดต่อไปนี้ให้ เห็นไดง้ ่าย ชัดเจน - ชือ่ เรียกผลติ ภัณฑ์ - วิธใี ช้ - วธิ ีการดูแลรักษา - ช่ือผู้ทา หรือสถานที่ทา พร้อมสถานที่ตั้ง หรือเคร่ืองหมายการค้าที่จดทะเบียนในกรณีท่ีใช้ ภาษาตา่ งประเทศ ตอ้ งมีความหมายตรงกับภาษาไทยท่ีกาหนดไวข้ ้างตน้ บรรจุภณั ฑ์ บรรจุภัณฑ์มีบทบาทสาคัญในการเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะช่วยรักษาคุณภาพสินค้าซ่ึงอาจทาให้ เปลี่ยนแปลงไปโดยปัจจัยด้านส่ิงแวดล้อม วัตถุประสงค์หลักท่ีสาคัญมากคือ การยืดอายุการเก็บของสินค้าให้ ยาวนานขึ้น และสามารถรกั ษาคุณภาพของสินคา้ ให้คงอยู่ โดยพน้ื ฐานของบทบาทบรรจุภณั ฑแ์ ลว้ การปดิ ผนึก เพ่อื ปอ้ งกันฝุ่นละอองจาเป็นต้องเลอื กใชว้ ัสดุทีท่ าบรรจภุ ณั ฑจ์ ากวตั ถุดิบหลายชนิด ส่ิงทคี่ วรคานงึ ถงึ คอื 1. ชนดิ ของผลิตภณั ฑ์ 2. วธิ กี ารในการเก็บรกั ษาและระดับของอณุ หภูมิทีเ่ หมาะสม 3. ความเสย่ี งต่อมลภาวะ ปัจจุบันเทคโนโลยีการบรรจุผลิตภัณฑ์ เป็นอีกเทคโนโลยีหนึ่งที่ได้รับความสนใจในการนามาใช้ในการ บรรจุผลิตภัณฑ์กันมากขึ้น เพ่ือช่วยรักษาความปลอดภยั รวมทั้งรกั ษาคุณภาพ และยืดอายุการเก็บรกั ษาของ สินค้าได้
กจิ กรรมที่ 3 เรื่อง การบรรจผุ ลติ ภัณฑ์ เปลญวนเพอื่ จาหนา่ ย ใหผ้ ูเ้ รยี นบอกขั้นตอนวิธีการบรรจุผลิตภัณฑ์เพอ่ื การวางจาหนา่ ย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ชอ่ื .........................................สกุล.................................
เรื่องท่ี 4 การคิดต้นทนุ กาไร บัญชี – รบั จ่าย การวเิ คราะห์ความเปน็ ไปไดใ้ นการประกอบอาชพี สาหรับหลักการสาคัญของการประเมินและวิเคราะห์โดยการสารวจจากสภาพการณ์ 2 ด้าน คือ สภาพการณ์ภายในและสภาพการณ์ภายนอก ดังนั้นการวิเคราะห์ SWOT จึงเรียกได้ว่าเป็นการวิเคราะห์ สภาพการณ์ (Situation Analysis) ซ่ึงเป็นการวิเคราะห์จุดแข็ง จดุ อ่อน และวเิ คราะห์ โอกาส - อุปสรรค การวิเคราะห์ปัจจัยต่าง ๆ ทั้งภายนอก และภายในองค์กร ซ่ึงองค์กรต้องมีความรู้เก่ียวกับโครงสร้างของตัว องค์กรเอง ขอ้ มลู ลูกค้า ข้อมูลคแู่ ขง่ ขา่ วสารทางเศรษฐกิจทงั้ ภายในและภายนอกประเทศมาเปน็ ตัวช่วยในการ วิเคราะห์ ต้องวิเคราะห์โดยอยู่บนพ้ืนฐานของข้อมูลที่เป็นจริงท่ีไม่ใช่การคาดเดา จะช่วยทราบถึงการ เปล่ียนแปลงต่าง ๆ ท่ีเกิดข้ึน ท้ังสิง่ ทไี่ ด้เกดิ ข้ึนแล้ว และแนวโน้มการเปลย่ี นแปลงในอนาคต รวมท้ังผลกระทบ ของการเปล่ยี นแปลงเหลา่ น้ีทม่ี ตี ่อองค์กรธุรกิจ และจดุ แขง็ จดุ ออ่ น และความสามารถดา้ นต่าง ๆ ท่อี งคก์ รมี อยู่ ต้องทาให้เป็นไปในทางเดียวกันกับ วิสัยทัศน์ พันธกิจ หรือ เป้าหมาย (Vision, Mission และObjective) หรือเข้ากบั ทรัพยากรในองค์กรและความสามารถท่ีเข้ากับสิ่งท่ีองค์กรถนดั แล้วนา SWOT มาเป็นเคร่ืองมือที่ ใช้ในการวางแผนในการประกอบอาชีพที่มคี ุณภาพ การวิเคราะหป์ ัจจยั แวดลอ้ ม การวเิ คราะห์ปจั จยั แวดล้อม โดยใชก้ ารวเิ คราะหจ์ ดุ แขง็ และจุดอ่อนของกจิ การ ดงั นี้ 1) ปัจจยั ดา้ นการตลาด จะเปน็ การวเิ คราะหว์ ตั ถปุ ระสงค์ของการทาตลาดเพอื่ ใหร้ ู้วา่ จะขาย ได้หรือไม่ ปัจจัยสาคัญในการวิเคราะห์ตลาด ได้แก่ การกาหนดการแบ่งส่วนตลาด และส่วนประสมทาง การตลาด มกี ารกาหนดการแบง่ สว่ นตลาดตามกลุ่มเปา้ หมายในการใช้ผลติ ภณั ฑ์ คอื กลุม่ ผู้ค้าเปลญวน ซึง่ เป็น กลุ่มลูกคา้ ทตี่ ้องการซือ้ เปลญวนในปรมิ าณมาก 2) ปัจจัยด้านเทคนิค เป็นการวิเคราะห์ถึงขีดความสามารถในการผลิตสินค้า หรือบริการและขีด ความสามารถในเชิงการจัดการองค์กรธุรกิจ ประกอบด้วยการวิเคราะห์ทาเลท่ีตั้ง และสิ่งปลูกสร้าง และ อุปกรณท์ ่ีตอ้ งใช้ กาลงั การผลิต และกรรมวธิ ีการผลิต ต้นทนุ และค่าใชจ้ ่ายในการผลิต 3) ปจั จัยด้านการขาย สถานการณ์ เนอ่ื งจากเพิ่งมีการต่อยอดผลิตภัณฑเ์ พอ่ื การขยายตลาด ซึง่ เนน้ การขายปลกี เทา่ นนั้ ทาให้ยงั ไม่ เป็นทร่ี จู้ กั ไปทัว่ ประเทศ ไมม่ ปี ระสบการณ์ทางการขายสง่ เนอ่ื งจากค่แู ข่งในทอ้ งถนิ่ มเี ยอะการขยายตลาดนน้ั จงึ จาเป็นอยา่ งยิง่ เพอ่ื ให้เปน็ ทีร่ ูจ้ ักมากยงิ่ ขนึ้ และคู่แขง่ ไมส่ ามารถเทียบได้ ความตอ้ งการของตลาด เปลญวนเป็นสินคา้ ทม่ี กี ารผลติ ขายอยู่ทวั่ ทุกแหง่ ของไทย ดว้ ยเหตนุ ้จี งึ มีผผู้ ลิตเปลญวนในทอ้ งตลาด เปน็ จานวนมาก เนอื่ งจากมอี ตั ราความเสีย่ งตา่ และเปน็ สนิ คา้ ทีส่ ามารถขายไดเ้ สมอ สภาวะการแข่งขนั ใน ตลาดจงึ ค่อนขา้ งรนุ แรงเน่ืองจากใช้เงนิ ลงทุนไม่มาก จึงทาให้มผี ทู้ ี่สนใจเข้าสธู่ ุรกจิ คอ่ นขา้ งมาก ประกอบกบั การไดร้ ับการสนับสนุนจากภาครัฐ เชน่ โครงการ OTOP ซ่ึงเป็นแรงผลกั ดันสาคญั ที่ทาให้แนวโนม้ การผลติ เปล ญวนมีทิศทางการขยายตัวเพิม่ ขน้ึ ถึงแม้จะมีผ้ผู ลิตจานวนมาก แตผ่ ู้ประกอบการทปี่ ระสบความสาเร็จในธรุ กจิ น้ีมเี พียงไม่กร่ี ายเท่านัน้ ความเชอ่ื ถือในตราสนิ คา้ ของผู้ผลิตเปน็ เกณฑ์เม่อื สารวจราคาเปลญวนในตลาดทั่วไป พบว่า มีราคาขายที่พนื้ ละประมาณ 50 – 60 บาท
ตน้ ทนุ ราคาขาย ราคาขายของคแู่ ข่ง ด้านต้นทุน ราคาขาย ราคาขายคู่แข่ง เป็นงานลาดับสุดท้ายก่อนท่ีจะตัดสินใจดาเนินการใด ๆ ทาง ธุรกจิ เมอื่ ผลการวเิ คราะห์ด้านการตลาดยืนยนั วา่ ขายได้แน่ ๆ และผลด้านเทคนคิ สรปุ ได้ว่ามีขีดความสามารถที่ จะทาได้อย่างแน่นอน การวิเคราะห์ทางด้านการเงินจึงเกิดข้ึนเพ่ือให้รู้ว่า การขายได้ และทาได้นั้น โครงการ ดังกล่าวนี้จะมีความคุ้มค่าหรือไม่ โดยจะพิจารณาถึงต้นทุนต่าง ๆ ที่จะต้องจ่ายออกไปเปรียบเทียบกับ ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับกลับคืนมา ว่ามันคุ้มกันหรือไม่สถานการณ์ กิจการเป็นการต่อยอดผลิตภัณฑ์ และสถานที่ไม่ต้องเช่าหรือซื้อเพิ่มจึงเป็นการใช้เงินทุนของตนเองทั้งหมด แต่ก็ต้องมีเงินทุนสารองไว้สาหรับ สารองการจ่ายต้นทุนวัตถุดิบหรือเงินค่าตอบแทนพนักงานด้วยในกรณีที่เงินหมุนไม่ทัน หรือออร์เดอร์สินค้า ลดลงผลต่อธุรกิจ กิจการดาเนินการแบบค่อยเปน็ ค่อยไป ทาให้มกี ารวางแผนทางดา้ นการเงินอย่างรอบครอบ
กิจกรรมท่ี 4 เรอื่ ง การคิดต้นทนุ กาไร บัญชี – รับจา่ ย คาชแ้ี จง ให้ผู้เรยี นฝึกการคดิ บญั ชี – รบั จ่าย แบบบันทึกรายรับ-รายจา่ ย การรับ-จ่ายอยา่ งร้คู ่าพาชวี ิตใหพ้ อเพยี ง วัน/เดอื น/ปี รายการ รายรบั รายจ่าย เหลอื เงิน (บาท) (บาท) (บาท) 16 ต.ค.63 แมใ่ หค้ า่ อาหารกลางวนั 50 - 50 25 16 ต.ค.63 จ่ายค่าอาหารกลางวนั - 25 125 17 ต.ค.63 แมใ่ ห้เงนิ 100 - 5 255 17 ต.ค.63 จา่ ยคา่ หนงั สอื เรยี น - 120 55 125 18 ต.ค.63 ขายผลไม้ 250 - 75 18 ต.ค.63 ซ้ืออุปกรณก์ ารเขียน - 200 125 95 19 ต.ค. 63 นาหนงั สือพมิ พ์เกา่ ไปขาย 70 - 145 19 ต.ค. 63 ซอื้ ของเล่น - 50 45 95 20 ต.ค. 63 แม่ให้เงนิ 50 - 20 ต.ค. 63 จ่ายคา่ อาหารกลางวัน - 30 21 ต.ค. 63 แม่ใหเ้ งนิ 50 - 21 ต.ค. 63 ทาเงินหาย - 100 22 ต.ค. 63 แม่ให้เงิน 50 - 22 ต.ค. 63 รบั จา้ งทางานพิเศษ 100 - 1. สปั ดาหน์ ฉ้ี นั เหลือเงินเท่าไหร่ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ 2. จากตารางดังกล่าว แมใ่ ห้เงินเปน็ จานวนเท่าไหร่ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ 3. จากตารางดังกล่าว มรี ายไดเ้ ท่าไหร่ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................................................................ ช่ือ.........................................สกุล.................................
เร่ืองที่ 5 คณุ ธรรมสาหรบั ผ้ปู ระกอบอาชีพ การประกอบอาชีพของแต่ละบุคคลนั้น ควรตระหนักถึงภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบของตนเอง และ ปฏิบัติงานให้เต็มศักยภาพท่ีมี การทางานให้มีประสิทธิภาพส่งผลดีต่อตนเองทาให้เป็นผู้มีคณุ ค่าเป็นท่ียอมรับ ในสังคม เป็นผู้มีเกียรติมีศักดิ์ศรี การประกอบอาชีพควรคานึงถึงความรบั ผิดชอบโดยตรงต่อบทบาทหน้าท่ีใน อาชีพของตนเอง เพ่ือการสร้างสรรคผ์ ลงานทมี่ ีคุณประโยชน์ต่อตนเอง ตอ่ สังคม และต่อประเทศชาติ นอกจาก จากตระหนักถึงภาระความรบั ผดิ ชอบแล้ว สิ่งสาคัญท่ีเป็นปัจจัยส่งผลต่อความเจริญก้าวหน้าในหนา้ ทีก่ ารงาน คือ จรรยาบรรณในอาชีพซงึ่ หมายถึง การมีคุณธรรมจริยธรรมในการปฏิบัติงาน ดังน้นั ควรปลกู ฝังจิตสานกึ ให้มี ความรักในอาชีพ มีคุณธรรมและซื่อสัตย์ต่ออาชีพของตน ตัวอย่างจรรยาบรรณในอาชีพครู เช่น ครูต้องเป็น ผู้ประพฤติปฏิบัติตนตามหลัก ศาสนา รักศิษย์และเอาใจใส่ศิษย์เสมอมา ไม่คดโกงหรือหาผลประโยชน์ใส่ตน จะเห็นได้ว่าหากทุกคนมีจรรณยาบรรณ มคี ุณธรรม จริยธรรมในการประกอบอาชีพแลว้ ปัญหาต่าง ๆ ภายใน องค์กรจะลดน้อยลง สามารถพฒั นางานให้มีประสทิ ธภิ าพสงู สุดได้ คุณธรรมจริยธรรมเป็นแนวทางและกรอบท่ีดีในการประพฤติปฏิบัติ หากมนุษย์รู้จักคุณธรรมและ นาไปปฏิบัติจะส่งผลให้เกิดการประพฤติดี ดังน้ันคุณธรรมจริยธรรมจึงมีความจาเป็นต่อการประกอบอาชีพ เพราะหากผู้ปฏิบัติมจี รรยาบรรณ ปฏิบัตงิ านอย่างซอื่ สัตย์ตามหลักคุณธรรมแล้ว ย่อมส่งผลให้งานมีคุณธรรม บุคลากรภายในหน่วยงานทางานกันอย่างสงบสุขไม่มีปัญหาการทุจริตคดโกง ส่งผลให้งานอาชีพหรือองค์กร ประสบผลสาเรจ็ ตามวตั ถุประสงค์ คุณธรรม คือ หลักของความดีความถูกต้องในการแสดงออกทั้งกาย วาจา และใจ ในเร่ืองของความ ซ่ือสัตย์ ความพอดี ความอดทน และความขยันหม่ันเพยี ร จริยธรรม คือ พฤติกรรมในการปฏิบัติในส่ิงท่ีดีงามเหมาะสม เป็นที่นิยมเพื่อความสุข ความสงบ เรยี บร้อยของตนเองและสังคม ความสาคัญของคณุ ธรรมและจรยิ ธรรม มนุษย์เป็นทรัพยากรท่ีสาคัญและมีคุณค่า เพราะหากไม่มีมนุษย์ก็ไม่มีการผลิตนอกจากน้ีมนุษย์ยังมี สมองมีความคิด มีความสามารถในการเรียนรู้ จึงสามารถคิดค้นส่ิงใหม่ ๆ และสร้างสรรค์ผลงานท่ีมีคุณค่าได้ ในขณะที่มนุษย์ได้รับการพัฒนาทางสมอง และสติปัญญาอย่างสม่าเสมอเพ่ือประโยชน์ในด้านการประกอบ อาชีพน้ัน มนุษย์ควรได้รับการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมไปพร้อม ๆ กัน เพ่ือให้ประกอบอาชีพได้อย่างมี ประสทิ ธิภาพ และสรา้ งสรรค์แตค่ ณุ ประโยชน์ ไม่ใช้ความสามารถในทางท่ีผิดหรือใชค้ วามรู้อย่างไรก้ ารควบคุม จนส่งผลกระทบต่อสังคม บุคลากรที่มีคุณธรรมย่อมทาให้เกิดการพัฒนาในทางที่ดี ส่งผลให้ชุมชนสังคม ประเทศชาติสงบสขุ และมั่นคง ดงั น้ันคุณธรรมจริยธรรมจึงมคี วามสาคัญตอ่ การดาเนินชีวิตของมนษุ ย์ ดงั นี้ 1. จะชว่ ยให้ชวี ติ มนุษย์ดาเนนิ ไปดว้ ยความสงบสุขและราบร่ืน ไม่พบอุปสรรค 2. จะช่วยใหม้ นุษยไ์ ม่เกิดการเผลอตวั เผลอใจ หรือลืมตัวในการกระทาความประพฤติปฏิบัติสงิ่ ใดที่จะ ระมดั ระวังตนเองอยู่เสมอ ถือวา่ ทาให้มนษุ ยม์ ีสตสิ มั ปชัญญะอยูต่ ลอดเวลา 3. ช่วยใหป้ ระเทศชาตมิ ีระเบียบวินัย เพราะหากมนุษย์มคี ุณธรรมและจริยธรรมกจ็ ะไม่กระทาการสิ่ง ใดที่เป็นปัญหาต่อสังคมและประเทศชาติ 4. การประพฤติปฏิบตั ิใหเ้ ป็นตัวอย่างที่ดีกบั คนอ่นื ๆทีเ่ ปน็ คณุ ประโยชน์แกส่ งั คมทาให้บุคคลอ่นื ไม่กล้า ทาความผิด เป็นการควบคมุ ไม่ใหค้ นชั่วมีจานวนเพ่ิมมากขึ้น นอกจากจะทาเป็นตัวอยา่ งแล้วควรจะบอกกล่าว ช้ีทางและแนะนาสง่ั สอนให้คนอ่ืนๆประพฤติปฏบิ ตั ิในสงิ่ ทด่ี ี
5. ช่วยให้มนษุ ย์นาความร้แู ละประสบการณ์ทไี่ ด้เรียนรมู้ าสรา้ งสรรคเ์ ปน็ ผลงานทีม่ คี ุณคา่ ยกตัวอย่าง ในการประกอบอาชพี สจุ ริต ผลงานที่สร้างสรรคอ์ อกมาก็จะเปน็ ประโยชนแ์ ก่สังคมในการพัฒนาประเทศชาติ ดังนน้ั การท่ีมนษุ ยม์ ีคณุ ธรรมและจริยธรรมก็จะสามารถลดปัญหาหรือขจดั ปญั หาที่จะเกิดขึน้ กบั บุคคล สงั คม และประเทศชาติ เมื่อทุกคนมคี ุณธรรมและจริยธรรม สงั คมก็จะเกดิ ความสงบ สนั ตแิ ละปลอดภยั ทาให้ ประเทศชาตเิ จริญรุ่งเรอื ง คณุ ธรรมในการประกอบอาชีพการทาเปลญวน คุณธรรมในการทางาน คือคุณลักษณะที่ดีของความประพฤติ ปฏิบัติ และการแสดงออกทั้งทางกาย วาจาและใจ เพื่อใหก้ ารทางานมคี วามสุขและประสบผลสาเร็จดงั น้ี หลักธรรม 1. มีความรับผิดชอบ ความสานึกในหนา้ ที่และการกระทาของตนเองในการท่ีจะมงุ่ ม่นั ปฏบิ ตั หิ รือจะกระทาสิ่งใดส่ิงหนึ่งดว้ ย ความเต็มอกเต็มใจ ผลท่ีออกมาจากการปฏิบัติไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายก็พร้อมจะยอมรับผิดชอบกับการ ปฏิบัตินั้นๆ ความรับผิดชอบเป็นปัจจัยที่จะเก้ือหนุนให้บุคคลได้รู้จักปฏิบัติตนให้เป็นผู้ท่ีมีคุณธรรม โดย สามารถแบ่งความรับผดิ ชอบเป็น 2 ลักษณะคอื 1.1 รับผิดชอบต่อตัวเอง เป็นสิ่งที่บุคคลต้องตระหนักแลปฏิบัติในการส่งผลการปฏิบัติต่อตนเองทั้ง ทางรา่ งกาย จติ ใจและสตปิ ญั ญา ตลอดจนการปลกู ฝงั ตนเองให้รจู้ กั การหาเล้ียงชพี ดว้ ยความซ่ือสัตย์สุจริต 1.2 ความรับผิดชอบต่อหนว่ ยงานและสงั คม 2. มวี ินยั ในตัวเอง ความสามารถในการควบคมุ ตนเองให้ประพฤติปฏบิ ัติหน้าท่ีตามข้อกาหนด กฎระเบียบ และบทบาท ในความรับผดิ ชอบต่อตนเองและสังคมได้ ถือว่าเป็นคุณธรรมท่ีสาคัญเน่ืองจากคนท่ีมีวินัยในตัวเองจะมีความ ตัง้ มน่ั อย่ใู นความดี คานึงถงึ ประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าประโยชน์ส่วนตวั ส่งผลให้การทางานประสบผลสาเร็จ เน่ืองจากคนมวี นิ ยั ในตัวเองยอมจะทางานทุกอยา่ งใหส้ าเรจ็ ตามวัตถปุ ระสงค์ 3. มีความซ่ือสตั ย์สจุ รติ คอื ความซ่ือตรง มจี ติ ใจ ดไี มค่ ดโกง เป็นคุณธรรมเบอื้ งตน้ ที่จะทาให้หน่วยงานไม่เกิดความเสียหาย เนอ่ื งจากมี ความซือ่ สัตยต์ ่อหน้าท่ีการงานไม่เห็นแก่อามิสสนิ จ้าง หรอื ผลประโยชน์ส่ิงล่อใจ 4. มีความวิริยะอุตสาหะ การมุ่งปฏิบัติหน้าท่ีด้วยความสานึกรับผิดชอบไม่ยอมแพ้หรือย่อท้อต่ออุปสรรคมีความอดทนอดกลั้นและมี ความขยันขนั แข็งหมน่ั ศึกษาหาความรแู้ ละประสบการณใ์ หม่ๆเพื่อพฒั นาตนเอง
กจิ กรรมที่ 5 เรื่อง คุณธรรมสาหรบั ผู้ประกอบอาชีพ ใหผ้ ้เู รยี นบอกลักษณะคุณธรรมในการประกอบอาชีพ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ช่ือ.........................................สกลุ .................................
คณะผ้จู ดั ทา ทปี่ รกึ ษา 1. นางศรณั ย์พัทธ์ เพญ็ ปญั ญา ผ้อู านวยการ กศน.อาเภอเลาขวัญ 2. นางสาวพรทพิ ย์ ภทั รโชตนิ นั ท์ ครู (คศ.1) 3. นางสาวนิธนิ าถ มาตระกลู ครูผ้ชู ว่ ย 4. นางนภิ าภรณ์ พานทอง พัฒนาการอาเภอเลาขวัญ 5. นายจกั ริน เชอ้ื งาม ประธานกรรมการสถานศึกษา แหล่งขอ้ มลู ครอู าสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรยี น 1. นางพัชรนิ สมิ ลี ครอู าสาสมคั รการศึกษานอกโรงเรียน 2. นางสาวขนษิ ฐา เล็กเจริญศรี ครู กศน.ตาบล 3. นางสาวนลิ เนตร ภูมลิ าเนาว์ ครู กศน.ตาบล 4. นายอนุพงษ์ พรรณบตั ร 5. นายฐาปกรณ์ นา้ ใจสขุ ครู กศน.ตาบล 6. นางสาวมาลี เกดิ มงคล ครู กศน.ตาบล 7. นางสาวภาวิณี กระแสกลุ 8. นางสาวกนั ยา ทองนลิ ครู กศน.ตาบล 9. นายวันชยั แสงสุด ครู กศน.ตาบล 10. นางสาวดวงฤดี ชาญวิทยา ครู กศน.ตาบล 11. นางกหุ ลาบ มากะเรือน 12. นางวงษ์เดอื น ทองยม้ิ ครู กศน.ตาบล ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ กานนั ตาบลหนองประดู่ เรียบเรียง / พิมพ์ / จดั ทารปู เลม่ ครู กศน.ตาบล นางสาวนิลเนตร ภูมิลาเนาว์ ผู้ตรวจทาน ผู้อานวยการ กศน.อาเภอเลาขวัญ ครผู ชู้ ว่ ย 1. นางศรณั ยพ์ ัทธ์ เพญ็ ปญั ญา 2. นางสาวนิธินาถ มาตระกูล
Search
Read the Text Version
- 1 - 28
Pages: