หนังสือความรู้ ระบบส ืบพันธุ์ เพศหญิง
คำนำ หนังสือความรู้เล่มนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในรายวิชา พ33101 รายวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ปีการศึกษา 2565 เพื่อให้ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์เพศ หญิง โครงสร้างต่างวๆ รวมไปถึงวิธีการสรา้งเซล์สืบพันธุ์ของเพศหญิง วิธีการคุมกำเนิด และวิธีการ ดูแลและสร้างเสริมประสิทธิภาพของระบบสืบพันธุ์ ผู้จัดทำความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดทำหนังสือความรู้เล่มนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจในเรื่องนี้ นางสาวปพิชญา แก้วงาม ม.6/5 เลขที่ 15
สารบัญ 1 หน้าที่และโครงสร้างของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง 2 โครงสร้างภายนอก โครงสร้างภายใน 3 วิธีการสร้างเซลล์สืบพันธุ์ การเสริมสร้าง ดำรงประสิทธิภาพการทำงานของระบบสืบพันธุ์ 5 วิธีการคุมกำเนิด 6 7
โครงสร้างและหน้ าที่ ของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง ระบบสืบพันธุ์มีหน้าที่อะไร ? เป็นระบบที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการสืบลูกหลานต่อๆกันไปสำคัญต่อการดำรงรักษาเผ่าพันธุ์ของ มนุษย์โดยยังคงลักษณะเฉพาะของบรรพบุรุษหรือลักษณะสำคัญไว้เพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ของตนเอง การสืบพันธุ์คืออะไร? คือ ขบวนการในการผลิตหรือเกิดหน่วยสิ่ง มีชีวิตใหม่ ที่เหมือนตนเอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ สำคัญที่สุดของสิ่งมีชีวิตเลยก็ว่าได้ โครงสร้างของระบบสืบพันธุ์เพศหญิง มี 2 โครงสร้าง 1.โครงสร้างภายใน 2. โครงสร้างภายนอก 1
โครงสร้างภายนอก หัวหน่าว (Mons Pubis) อยู่ใต้ท้องน้อยบนกระดูกหัวหนาวระหว่างขาหนีบทั้งสองข้าง มีลักษณะเป็นผิวหนังนูน ประกอบด้วย ไขมันเป็นจำนวนมาก เมื่อย่างเข้าสู่วัยรุ่นจะเกิดขนปกคลุม ขนมีลักษณะหยิกงอ สีดำ เส้นใหญ่ ยาว มีลักษณะการปกคลุมรูปสามเหลี่ยมตาม ลักษณะของหัวหน่าว (แต่ลักษณะขน และปริมาณแตกต่างกันในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม) แคมใหญ่ (Labia Majora) มีลักษณะเป็นเนื้อนูนสองกลีบ ปิดช่องคลอด และอวัยวะภายใน แคมเล็ก (Labia Minora) เป็นกลีบเล็กๆ อยู่ด้านในของแคมใหญ่ มีหน้าที่ป้องกันการติดเชื้อจากภายนอกเข้าสู่ช่องคลอด เม็ดละมุด/คลิตอริส (Clitoris) ตั้งอยู่เหนือรูเปิดท่อปัสสาวะ มีลักษณะเป็นตุ่มเนื้อขนาดเล็ก ขนาดประมาณ 0.5-1 ซม. เป็นส่วนที่มีเส้นเลือดมาเลี้ยงจำนวนมาก มีความไวต่อการสัมผัส และทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศ รูเปิดของท่อปัสสาวะ (Urethra) ตั้งอยู่บริเวณด้านบนของปากช่องคลอด มีลักษณะเป็นตุ่มยื่นขนาดเล็ก บริเวณตรงกลางมีรูที่เป็นรูเปิดของท่อปัสสาวะสำหรับถ่ายปัสสาวะออกนอกร่างกาย 2
โครงสร้างภายใน ม ด ลู ก ( U t e r u s ) รั ง ไ ข่ ( O v a r y ) ท่ อ นำ ไ ข่ ( O v i d u c t ) ป า ก ม ด ลู ก ( C e r v i x ) ช่ อ ง ค ล อ ด ( V a g i n a ) 3
โครงสร้างภายใน รังไข่ อยู่บริเวณปีกมดลูกแต่ละข้าง ทำหน้าที่ผลิตไข่เดือนละหนึ่งใบ ผลิตฮอร์โมนเพศหญิงคือเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ท่อนำไข่ เป็นท่อที่เชื่อมระหว่างรังไข่ทั้งสองข้างกับมดลูกเข้าด้วยกัน ทางด้านในจะมีซีเรียเส้นเล็กๆอยู่เพื่อเป็นเพื่อทำหน้าที่เป็น ทางผ่านของไข่จากรังไข่ไปยังมดลูก มดลูก มีรูปร่างคล้ามชมพู่ อยู่บริเวณอุ้งกระดูกเชิงกราน (ระหว่างกระเพาะปัสสาวะกับทวารหนัก) ภายในจะเป็นโพรงเป็นผนังกล้ามเนื้อเรียบหนา สามารถยืดหดได้มากเป็นพิเศษ ทำหน้าที่เป็นที่ฝังตัวของไข่ที่ได้รับการผสมกับอสุจิแล้ว เป็นที่เจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ปากมดลูก กล้ามเนื้อที่บีบตัวเป็นจังหวะ มีการเปิดออกเล็กน้อยเพื่อให้ตัวอสุจิผ่านเข้าไปในด้านในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ได้ มีการยืดตัวอย่างเต็มที่เพื่อให้ทารกเคลื่อนตัวผ่านออกไปในระหว่างการคลอด ช่องคลอด ทำหน้าที่เป็นทางผ่านของตัวอสุจิเข้าสู่มดลูก เป็นทางออกของทารกเมื่อครบกำหนดคลอด ยังเป็นช่องทางการไหลของประจำเดือน ภายด้านในจะมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนอ่อนอยู่เพื่อต้านเชื้อโรค 4
เซลล์ สืบพันธุ์เพศหญิง สร้างได้อย่างไรกันนะ? START 1.ไข่จะถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนFSHและLH จากต่อมใต้สมองเป็นผลให้ไข่สุกพร้อมที่จะ สืบพันธุ์ได้ หรือที่เรียกว่า การตกไข่ (Ovulation) 2.หลังจากการตกไข่ มดลูกจะขยายขนาด จากการกระตุ้นของฮอร์โมนESTROGEN และPROGESTERONE ทำให้ผนังมดลูกด้านในหนาตัวขึ้นและมีหลอดเลือดมาหล่อเลี้ยง มากขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว FINISH ** ความรู้เพิ่มเติม ** การตกไข่ => การที่ไข่สุกและออกจํากรังไข่เข้าสู่ท่อนำไข่ทุกรอบเดือนซึ่ง จะเกิดขึ้นในช่วงกึ่งกลํางของรอบเดือน ไข่ที่ตกออกจากรังไข่จะมีอายุอยู่ ได้ประมาณ 24 ชั่วโมง การตกไข่จะเกิดขึ่นหลังจากวันที่มีรอบเดือนวัน แรก ประมาณ 13-15 วัน เซลล์ที่ได้รับการผสมพันธุ์แล้ว (Fertilized Ovum) คือ การที่ตัวอสุจิ ผสมกับเซลล์ไข่ เกิดกระบวนการปฏิสนธิ(Fertilization) เคลื่อนที่ มาอยู่ที่มดลูกฝังตัวในมดลูก แล้วมีการแบ่งเซลล์จนกระทั่งเจริญเติบโต เป็นทารกในครรภ์ เซลล์ที่ไม่ได้รับการผสมพันธุ์ จะสลายตัวไป ทำให้ผนังมดลูกด้านใน และหลอดเลือดเกิดการสลายตัวตามมา และไหลออกมาทางช่อง คลอดเป็นเลือดเสีย หรืออาจมีก้อนเลือดหลุดออกมาด้วย ซึ่งเรียกว่า การเป็นประจำเดือน (Menstruation) 5
การเสริมสร้าง ดำรงประสิทธิภาพ การทำงานของระบบสืบพันธุ์ รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ใ ห้ ถู ก สั ด ส่ ว น ทั้ ง 5 ห มู่ ล ด อ า ห า ร จำ พ ว ก ที่ มี ไ ข มั น สู ง แ ล ะ เ พิ่ ม อ า ห า ร ที่ มี ก า ก ใ ย สู ง เ ช่ น ผั ก ผ ล ไ ม้ ถั่ ว เ ม ล็ ด แ ห้ ง เ ป็ น ต้ น สำ ห รั บ ใ น เ พ ศ ห ญิ ง ซึ่ ง มี ก า ร สู ญ เ สี ย เ ลื อ ด จ า ก ก า ร มี ป ร ะ จำ เ ดื อ น แ ล ะ ต้ อ ง ผ ลิ ต เ ลื อ ด ใ ห ม่ ใ น ทุ ก ร อ บ เ ดื อ น จึ ง ค ว ร รั บ ป ร ะ ท า น อ า ห า ร ที่ ช่ ว ย บำ รุ ง เ ซ ล ล์ เ ม็ ด เ ลื อ ด ไ ด้ แ ก่ อ า ห า ร ที่ มี ธ า ตุ เ ห ล็ ก สู ง เ ช่ น เ นื้ อ สั ต ว์ ตั บ ไ ข่ แ ด ง ถั่ ว เ ม ล็ ด แ ห้ ง เ ป็ น ต้ น ห มั่ น ดู แ ล รั ก ษ า ทำ ค ว า ม ส ะ อ า ด อ วั ย ว ะ เ พ ศ เ พื่ อ ไ ม่ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร ห มั ก ห ม ม ส ว ม เ สื้ อ ผ้ า แ ล ะ ชุ ด ชั้ น ใ น ที่ ส ะ อ า ด ส ว ม ใ ส่ ส บ า ย ไ ม่ รั ด แ น่ น จ น เ กิ น ไ ป แ ล ะ ไ ม่ ใ ช้ เ สื้ อ ผ้ า ผ้ า เ ช็ ด ตั ว ร ว ม ถึ ง เ ค รื่ อ ง นุ่ ง ห่ ม ร ว ม กั บ ผู้ อื่ น เ พ ร า ะ อ า จ ทำ ใ ห้ ติ ด เ ชื้ อ บ า ง ช นิ ด ไ ด้ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ก า ร ขั บ ถ่ า ย ที่ ผิ ด สุ ข ลั ก ษ ณ ะ เ ช่ น ก า ร ก ลั้ น ปั ส ส า ว ะ ก า ร ใ ช้ ส้ ว ม ที่ ไ ม่ ส ะ อ า ด เ ป็ น ต้ น ง ด แ ล ะ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ก า ร มี พ ฤ ติ ก ร ร ม ท า ง เ พ ศ ที่ เ สี่ ย ง เ พ ร า ะ อ า จ ติ ด เ ชื้ อ ท า ง เ พ ศ สั ม พั น ธุ์ โ ด ย เ ฉ พ า ะ เ ชื้ อ เ อ ด ส์ ไ ด้ ง่ า ย ง ด เ ค รื่ อ ง ดื่ ม ที่ มี ส่ ว น ผ ส ม ข อ ง แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ เ นื่ อ ง แ อ ล ก อ ฮ อ ล์ ส่ ง ผ ล ต่ อ ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง ร ะ ดั บ ฮ อ ร์ โ ม น เ พ ศ ใ ห้ ล ด ล ง โ ด ย เ ฉ พ า ะ ใ น เ พ ศ ช า ย ทำ ใ ห้ เ สื่ อ ม ส ม ร ร ถ ภ า พ ท า ง เ พ ศ ไ ด้ ห ลี ก เ ลี่ ย ง ก า ร ใ ช้ ย า ส า ร เ ส พ ติ ด ห รื อ ส า ร เ ค มี เ พื่ อ ก ร ะ ตุ้ น ค ว า ม รู้ สึ ก ท า ง เ พ ศ ไ ม่ ห ม ก มุ่ น ใ น เ รื่ อ ง เ พ ศ ม า ก เ กิ น ไ ป ค ว ร ทำ กิ จ ก ร ร ม ต่ า ง ๆ เ ช่ น อ อ ก กำ ลั ง ก า ย เ ล่ น กี ฬ า ทำ กิ จ ก ร ร ม นั น ท น า ก า ร เ ป็ น ต้ น เ พื่ อ เ บี่ ย ง เ บ น ค ว า ม ส น ใ จ ข อ ง ต น เ อ ง อ อ ก จ า ก เ รื่ อ ง เ พ ศ ค ว ร พั ก ผ่ อ น ใ ห้ เ พี ย ง พ อ ไ ม่ เ ค ร่ ง เ ค รี ย ด แ ล ะ ทำ จิ ต ใ จ ใ ห้ ร่ า เ ริ ง แ จ่ ม ใ ส อ ยู่ เ ส ม อ ร ะ วั ง อ ย่ า ใ ห้ อ วั ย ว ะ สื บ พั น ธุ์ ถู ก ก ร ะ ท บ ก ร ะ แ ท ก อ ย่ า ง รุ น แ ร ง เ พ ร า ะ อ า จ ทำ ใ ห้ เ กิ ด ก า ร บ า ด เ จ็ บ แ ล ะ เ ป็ น อั น ต ร า ย ไ ด้ แ ล ะ ห า ก มี ค ว า ม ผิ ด ป ก ติ เ กี่ ย ว กั บ อ วั ย ว ะ สื บ พั น ธุ์ ห รื อ ส ง สั ย ว่ า อ า จ เ ป็ น โ ร ค ติ ด ต่ อ ท า ง เ พ ศ สั ม พั น ธุ์ ค ว ร รี บ ป รึ ก ษ า แ พ ท ย์ ทั น ที 6
วิธีการคุมกำเนิด มีวิธีใดบ้าง ? แบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ 1. การคุมกำเนิดแบบถาวร คือ การทำหมันชายและหมันหญิง 2. การคุมกำเนิดชั่วคราว ได้แก่ การกินยาคุมกำเนิด ฉีดยาคุมกำเนิด ใส่ห่วงคุมกำเนิด ฝังยาคุมกำเนิด แปะแผ่นยาคุม กำเนิด ใส่ถุงยางอนามัย การนับวัน การหลั่งภายนอก เป็นต้น การทำหมัน การทำหมันเหมาะสำหรับครอบครัวที่มีบุตรเพียงพอแล้ว การคุมกำเนิดวิธีนี้มีผลดี คือ เจ็บครั้งเดียว สะดวก ปลอดภัย ไม่มีผลต่อ สุขภาพหรือสมรรถภาพทางเพศตามความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง การทำหมันหญิง คือ การผูกและตัดท่อนำไข่ทั้งสองข้าง (รูปที่ 1) สามารถทำได้ตั้งแต่หลังคลอดใหม่ ๆ เรียกว่า การทำหมัน เปียก และถ้าทำหมันในช่วงที่พ้นระยะหลังคลอดไปแล้ว เรียกว่า การทำหมันแห้ง การทำหมันชาย คือ การผูกและตัดท่อนำเชื้อทั้งสองข้างในถุงอัณฑะ สามารถทำได้ตลอดเวลา ไม่ต้องนอนพักในโรงพยาบาล ยากินคุมกำเนิด ยากินคุมกำเนิดจะมีอยู่ 3 แบบ คือ 1. ยากินคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์หรือยากินคุมกำเนิดแบบฉุกเฉิน 2. แบบที่มีฮอร์โมนเดี่ยว 3. แบบที่มี ฮอร์โมนรวม ซึ่งเป็นแบบที่ใช้กันมากที่สุด ยากินคุมกำเนิดอาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว เพราะต้องกินยาทุกวันจึงมีโอกาสที่จะลืมกินได้ สำหรับผู้ที่ ต้องเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมอาจไม่เหมาะเพราะจะทำให้น้ำนมออกน้อยลง อาจจะใช้เป็นยากินคุมกำเนิด แบบฮอร์โมนเดี่ยวแทน ซึ่งสามารถใช้ได้ตั้งแต่หลังคลอด แต่ผลข้างเคียงคือการลืมกินยา และอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดกระ ปริกระปรอยได้บ่อย ** ยากินคุมกำเนิดแบบฉุกเฉินสามารถใช้ได้ในช่วงไม่เกิน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ การคุมกำเนิดโดยวิธีนี้ไม่ควรใช้เป็นวิธีคุม กำเนิดเป็นประจำ เพราะมีผลข้างเคียงเช่น รบกวนรอบระดูตามปกติทำให้มาไม่สม่ำเสมอและออกกระปริกระปรอยได้ถ้าใช้เป็น ประจำ มีโอกาสลืมกินยาได้บ่อย คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น ** 7
วิธีการคุมกำเนิด มีวิธีใดบ้าง ? การใส่ถุงยางอนามัย อุปกรณ์ที่ใช้คุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง (หากใช้อย่างถูกวิธี) สามารถช่วยป้องกันการตั้งครรภ์และโรคติดต่อทางเพศ สัมพันธ์ชนิดต่าง ๆ ได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเอดส์ นอกจากจะใช้เพื่อคุมกำเนิดและป้องกันโรคได้ด้วย การใส่ห่วงคุมกำเนิด กลไกการคุมกำเนิดคือห่วงจะไปขัดขวางการฝังตัวของตัวอ่อนในโพรงมดลูก แพทย์จะใส่ห่วงคุมกำเนิดเข้าไปในโพรงมดลูก แล้ว เหลือสายห่วงออกมาจากปากมดลูกยาวประมาณ 2 เซนติเมตร ดังนั้นจะต้องตรวจสายห่วงเป็นระยะ อายุการใช้งานของห่วงคุม กำเนิด คือ 3-5 ปีแล้วแต่ชนิดของห่วงคุมกำเนิด ข้อดีคือไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ต้องถูกฉีดยาทุก 3 เดือน ไม่มีปัญหาเรื่อง ประจำเดือนผิดปกติกระปริกระปรอย ไม่มีผลต่อน้ำหนักตัว ไม่คลื่นไส้อาเจียน ไม่ทำให้เกิดสิว ฝ้ามากขึ้น แต่ข้อเสียคือ ต้อง คอยตรวจเช็คสายห่วงอย่างสม่ำเสมอ การฉีดยาคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิดสามารถฉีดได้ตั้งแต่ระยะหลังคลอดใหม่ ๆ ไม่มีผลต่อปริมาณน้ำนมแพทย์จะนัดฉีดทุก 3 เดือน ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดดี เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะยาว ไม่ต้องกินยาทุกวัน ราคาถูก แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น เลือดประจำเดือนกระปริกระปรอยในระยะแรกแต่หลังจากนั้นส่วนใหญ่จะไม่มีประจำเดือน น้ำหนักขึ้นและเมื่อหยุดฉีดยา อาจจะ ต้องรอประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี จึงจะมีประจำเดือนและมีภาวะตกไข่ตามปกติ จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดใน ระยะเวลาสั้น ๆ การฝังยาคุมกำเนิด สามารถทำได้ตั้งแต่ระยะคลอดใหม่ ๆ ไม่มีผลต่อปริมาณน้ำนม แพทย์จะฝังหลอดยาเล็ก ๆ ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร แบบจำนวน 1หลอด, 2 หลอด หรือ 6 หลอด (แล้วแต่ชนิดของยา) เข้าใต้ผิวหนังบริเวณท้องแขนด้านใน (รูปที่ 3) ยาฝัง คุมกำเนิดจะมีฤทธิ์คุมกำเนิด 3-5 ปี แล้วแต่ชนิดของยา ข้อดีคือสามารถคุมกำเนิดได้นาน ไม่ต้องกินยาทุกวัน ไม่ถูก ฉีดยาบ่อย ๆ และ ไม่ต้องเช็คสายห่วง ไม่มีโอกาสหลุดเหมือนห่วงคุมกำเนิดแต่ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือ ประจำเดือน กระปริกระปรอย น้ำหนักขึ้น 8
Search
Read the Text Version
- 1 - 14
Pages: