96 การเขียนภาพ OBLIQUE ใบงำนสัปดำห์ท่ี 9 97 ชื่อหน่วย กำรเขยี นภำพ OBLIQUE เทคนิคกำรเขยนภำพสำมมติ ิ ชื่อเร่ือง กำรเขยี นภำพ OBLIQUE ข้อสังเกตในกำรเขียนแบบภำพออบลคิ 1. มุมทีใ่ ชใ้ นการเขียนแบบภาพออบลิคจะมีเพียง 2 มมุ เท่าน้ันคอื 45, 90 เส้นท่ขี ดี ทามมุ ดา้ นขวามอื จะเป็นมุม 45 องศา ส่วนเสน้ ท่ีลากข้ึนหรือลากลงจะ เป็นมมุ 90 องศา 2. เส้นทขี่ ีดจะเป็นเส้นขนานกนั โดยตลอดคอื เสน้ ทล่ี ากทามมุ ดา้ นขวากจ็ ะ ขนานกนั กบั ดา้ นขวา เส้นทล่ี ากดา้ นซา้ ยเป็นเสน้ ระนาบ และเส้นทล่ี ากข้ึนหรือลงกจ็ ะ ขนานกนั 3. การเขียนเสน้ ระนาบเสน้ แรกควรให้อยูด่ า้ นล่างเพราะภาพท่ีเขยี นจะอยู่ ดา้ นบนและควรคานึงถงึ ความสูงของภาพดว้ ย 4. ก่อนทจี่ ะเขียนเสน้ ต้งั ฉากจะตอ้ งคานึงถงึ ความยาวดา้ นหนา้ ของภาพดว้ ย
98 ใบงานสัปดาห์ท่ี 10 หน่วยท่ี 6 99 ชื่อหน่วย การเขียนภาพ OBLIQUE แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ ชื่อเร่ือง การเขียนภาพ OBLIQUE วชิ ำ จำนวน 12 ช่ัวโมง ชื่อหน่วย พื้นฐำนกำรเขยี นแบบเพื่องำนก่อสร้ำง ชื่อเร่ือง กำรเขียนภำพ ISOMETRIC กำรเขียนภำพ ISOMETRIC 1. สำระสำคญั การเขียนแบบภาพไอโซเมตริกเป็นภาพลกั ษณะสามมติ ิอีกแบบหน่ึงของการเขยี น แบบ มีลกั ษณะเป็นภาพที่มองเห็นจากมมุ ท่ีกาหนด เป็นจุดเริ่มตน้ การสร้างภาพไอโซ เมตริก จงึ เป็นการวดั เอาขนาดกวา้ ง ยาว ของดา้ นต่างๆ มาเป็นขนาดในภาพ การเขยี นแบบภาพไอโซเมตริกน้ี จะเป็นการแสดงการเขียนโดยใชม้ ุมท้งั สองขา้ ง เทา่ กนั คอื เป็นมุม 30 องศา โดยวดั จากเส้นระนาบ 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ การเขียนภาพ ISOMETRIC ตามข้นั ตอน 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จดุ ประสงคท์ ว่ั ไป 3.1.1 เพื่อใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ หลกั การเขียนภาพ ISOMETRIC 3.1.2 เพื่อใหม้ ที กั ษะในการทางานแตล่ ะข้นั ตอนของการเขยี นภาพ ISOMETRIC 3.1.3 เพ่ือให้มคี วามรับผดิ ชอบต่อการทางาน 3.2 จดุ ประสงเชิงพฤติกรรม 3.2.1 อธิบายข้นั ตอนการเขยี นภาพ ISOMETRIC ได้ 3.2.2 เลือกใชเ้ ครื่องมอื ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั งาน และใชอ้ ย่างถกู วธิ ี 3.2.3 ปฏิบตั งิ านไดต้ ามกาหนดเวลา 3.2.4 ใหข้ อ้ คดิ เชงิ คณุ ธรรมจากการทางานได้
10ก0ำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) 4. สำระกำรเรียนรู้ 101 4.1 การเขยี นภาพ ISOMETRIC 4.1.1 การใช้ บารุงรกั ษาเครื่องมือ อุปกรณใ์ นการเขยี นแบบ 4.1.2 หลกั การเขียนภาพ ISOMETRIC 4.1.3 เทคนิคการเขยี นภาพ ISOMETRIC 4.1.4 การลงน้าหนกั ของเส้น 4.1.5 ใชค้ วามคดิ วเิ คราะห์ 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สปั ดาห์ท่ี 11-12 ชวั่ โมงท่ี 60-72 เร่ือง การเขียนภาพ ISOMETRIC ข้นั นำ 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจาหน่วย 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เรื่อง การเขียนภาพ ISOMETRIC 2.1 การเขียนภาพ ISOMETRIC - หลกั การเขยี นภาพ ISOMETRIC - เทคนิคการเขียนภาพ ISOMETRIC - การลงน้าหนกั ของเส้น 3. สาธิตการเขยี นภาพ ISOMETRIC จากใบ งานที่ 11-12 ข้นั พยำยำม 4. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั งิ านตามใบงาน 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม การใหข้ อ้ มูลต่างๆ ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผูเ้ รียนจากการทางานและช้ินงาน
10ก2ำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC 103 6. ส่ือและแหล่งกำรเรียนรู้ ภาพไอโซเมตริกเป็ นภาพท่ีนิยมเขยี นมาก เพราะเป็ นภาพที่เขียนง่าย ดา้ น 6.1 Power Point 6.2 ใบความรู้ ความสูงอยใู่ นเส้นแนวดิ่ง ความกวา้ งและความยาวจะอยใู่ นเสน้ แนวเอียง 6.3 ใบงาน ทามุม 30 องศากบั แนวระดบั (ดงั รูป) 6.4 ใบมอบหมายงาน กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC แบ่งข้นั ตอนกำรเขยี นได้ 5 ข้นั ตอน ดงั นี้ 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ 7.1 หลกั ฐานความรู้ 1. ภาพ ISOMETRIC คอื ภาพที่เขียนข้นึ จากส่วนประกอบท้งั สามของวตั ถุ คือ แบบฝึกหดั , เอกสารโครงงาน ส่วนกวา้ ง ส่วนยาว และส่วนสูงตามรูปลกั ษณะที่ปรากฏ ในภาพที่ (1) คอื มีเส้น 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั งิ าน แกนต้งั ฉาก เส้นแกนเอียง จะทามุมยกข้ึนเป็ น ๓๐ องศาท้งั สองดา้ น ชิ้นงานทีเ่ สร็จสมบูรณ์ 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 8.1 เครื่องมือประเมนิ 8.1.1 แบบประเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รียน 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ 8.1.3 แบบประเมินการทาโครงงาน 8.2 เกณฑ์กำรประเมนิ 8.2.1 การประเมนิ พฤตกิ รรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละ 80 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากว่าร้อยละ 60 8.2.3 การประเมินการทาโครงงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากว่ารอ้ ยละ 90
104 กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC 105 2. ถา้ เราตอ้ งการจะเขียนกล่องรูปส่ีเหลี่ยม ใหว้ ดั ความยาว ความกวา้ งของภาพกล่อง 4. ใหล้ ากเส้นจากจุดท่ีเป็ นส่วนสูงของกล่องท้งั สองดา้ น ใหข้ นานกนั กบั ส่ีเหล่ียม การเขียนควรเขยี นเสน้ เบาๆทุกเสน้ เสน้ แกนเอียงซา้ ยและเส้นแกนเอียงขวา คอื จะตอ้ งมีมุมเป็ น ๓๐ องศา เช่นเดียวกนั 3. ใหล้ ากเสน้ จากจุดที่วางวดั ไวใ้ หต้ ้งั ฉากท้งั สามเสน้ ข้นั ตอ่ มาก็วดั ขนาดส่วนสูง ของ 5. ลากเส้นท้งั สองดา้ นตดั กนั โดยใชฉ้ ากสามเหล่ียมท่ีมมี มุ 30 องศา ดว้ ย กล่อง หมายความวา่ เส้นท่ีเป็ นความสูงของกล่อง เสน้ เบาๆก่อน แลว้ จึงลงเสน้ หนกั ทีหลงั ส่วนเส้นที่ประน้นั ก็ควรเขียน เช่นกนั แตเ่ ส้นที่เราไม่สามารถมองเห็นน้นั ก็ควรใชเ้ ส้นประ การประเส้น ควรประใหเ้ สน้ มีความห่างเท่ากนั เสน้ เสมอกนั โดยตลอด และควรตอ้ งเป็ น เส้นที่เบาบาง และเส้นคมที่สุด
106 กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC 107 กำรเขยี นวงรีไอโซเมตริกด้ำนหน้ำ
108 กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC 109 กำรเขยี นวงรีแบบไอโซเมตริกด้ำนข้ำง วงรีกำรเขยี นแบบไอโซเมตรด้ำนบน ข้อสังเกตในกำรเขยี นแบบภำพไอโซเมตริก 1. มุมที่ใชใ้ นการเขียนแบบภาพไอโซเมตริกน้ีจะมเี พยี ง 2 มุม เท่าน้นั คอื มุม 30 และ 90 กล่าวคือ เสน้ ท่ีขีดทามุมดา้ นซา้ ยและขวา จะทา มุม 30 องศา ส่วนเส้นท่ีขีดข้ึนหรือขีดลงจะเป็ นมุม 90 องศา 2. เส้นท่ีขีดจะเป็ นเสน้ ขนานกนั โดยตลอดคืนเสน้ ท่ีทามุม ดา้ นซา้ ยก็จะขนานกนั เส้นท่ีลากดา้ นขวากจะขนานกนั และเส้นต้งั ฉากก็ จะขนานกนั 3. การเขยี นเสน้ ระนาบเส้นแรกควรใหอ้ ยดู่ า้ นล่างเพราะภาพท่ี เขยี นจะอยดู่ า้ นบนและควรคานึงถึงความสูงของภาพที่จะเขียนดว้ ยเพื่อ ไม่ใหภ้ าพที่เขียนลน้ กรอบกระดาษเขียนแบบ 4. ก่อนท่ีจะเขียนเส้นต้งั ฉากจะตอ้ งดูก่อนว่าภาพเอียงไปดา้ นใด หากภาพท่ีจะเขียนเอียงดา้ นซา้ ยเส้นต้งั ฉากจะตอ้ งอยดู่ า้ นขวา เป็ นตน้
110 ใบงานสปั ดาห์ที่ 11 ใบงำนสัปดำห์ที่ 12 111 ชื่อหน่วย การเขียนภาพ ISOMETRIC ช่ือหน่วย กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC ชื่อเรื่อง การเขียนภาพ ISOMETRIC ช่ือเรื่อง กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC
112 ชื่อเร่ือง การเขียนภาพ ISOMETRIC ช่ือเรื่อง กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC 113
114 ชื่อเร่ือง การเขียนภาพ ISOMETRIC ช่ือเรื่อง กำรเขยี นภำพ ISOMETRIC 115
116 ชื่อเร่ือง การเขียนภาพ ISOMETRIC หน่วยท่ี 7 117 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ วชิ ำ จำนวน 24 ช่ัวโมง ชื่อหน่วย พื้นฐำนกำรเขียนแบบเพ่ืองำนก่อสร้ำง ช่ือเรื่อง กำรเขียนภำพฉำย กำรเขยี นภำพฉำย 1. สำระสำคัญ การ เขีย น แ บบรู ปชิ้น งาน หรื อ แ บบรู ปง าน ท่ีจาล อง จาก งาน จริ ง ในลกั ษณะเขียนภาพของรูปงานในแต่ละดา้ นเรียงไวอ้ ย่างมีระนาบ สองมิติ โดยภาพท่ีไดน้ ้ันเกิดจากการใชจ้ ุดมองและแนวสายตาที่มองงานแต่ละดา้ น แลว้ ถ่ายทอดลงไปบนภาพหลงั ตามท่ีมองเห็น โดยเทคนิควิธีการเขียนเหล่าน้ีเรียกวา่ ภาพฉาย 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ การเขียนภาพฉายตามข้นั ตอน 3. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป 3.1.1 เพอ่ื ใหม้ คี วามรู้ความเขา้ ใจ หลกั การเขยี นภาพฉาย 3.1.2 เพอ่ื ให้มีทกั ษะในการทางานแตล่ ะข้นั ตอนของการเขียนภาพ ฉาย 3.1.3 เพอื่ ใหม้ คี วามรับผดิ ชอบต่อการทางาน 3.2 จุดประสงเชงิ พฤตกิ รรม 3.2.1 อธิบายข้นั ตอนการเขยี นภาพฉายได้ 3.2.2 เลอื กใชเ้ คร่ืองมือไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั งาน และใชอ้ ย่างถูกวธิ ี 3.2.3 ปฏิบตั ิงานไดต้ ามกาหนดเวลา 3.2.4 ให้ขอ้ คิดเชิงคุณธรรมจากการทางานได้
11ก8ำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) 119 4. สำระกำรเรียนรู้ 4.1 การเขียนภาพฉาย 4.1.1 การใช้ บารุงรักษาเครื่องมือ อุปกรณใ์ นการเขยี นแบบ 4.1.2 หลกั การเขียนภาพฉาย 4.1.3 เทคนิคการเขยี นภาพฉาย 4.1.4 การลงน้าหนกั ของเส้น 4.1.5 ใชค้ วามคิด วเิ คราะห์ 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ สัปดำห์ท่ี 13-16 ชั่วโมงท่ี 72-96 เร่ือง กำรเขยี นภำพฉำย ข้นั นำ 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจาหน่วย 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เร่ือง การเขยี นภาพฉาย 2.1 การเขยี นภาพฉาย - หลกั การเขียนภาพฉาย - เทคนิคการเขยี นภาพฉาย - การลงน้าหนกั ของเสน้ 3. สาธิตการเขียนภาพฉายจากใบงานที่ 13-16 ข้นั พยำยำม 4. ใหน้ กั เรียนปฏิบตั งิ านตามใบงาน 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม การใหข้ อ้ มูลต่างๆ ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผเู้ รียนจากการทางานและชิ้นงาน
12ก0ำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรเขยี นภำพฉำย 121 6. สื่อและแหล่งกำรเรียนรู้ หลกั กำรเขียนภำพฉำย(Orthographic projection) Orthographic 6.1 Power Point projection คือ วิธีการฉายภาพหรือถ่ายทอดภาพจริงของวตั ถจุ ากลกั ษณะ 6.2 ใบความรู้ 6.3 ใบงาน ภาพสามมติ ิ ออกมาเป็นภาพสองมิติภาพทตี่ ามองเห็น เช่น โตะ๊ เกา้ อ้ี ฯลฯ 6.4 ใบมอบหมายงาน เป็นภาพสามมิติ คือมองเห็นความกวา้ ง ความยาว หนา สูง หรือลึก เมื่อน าไปเขียนในแบบหรือถ่ายทอดออกมาเป็น เพียงรูปดา้ น เช่น ดา้ นบน 7. หลกั ฐำนกำรเรียนรู้ ดา้ นหนา้ ฯ รูปดา้ นต่าง ๆ จะมเี พยี งสองมิติ เช่น รูปดา้ นบนก็จะแสดง ให้ 7.1 หลกั ฐานความรู้ เห็นเพียงความกวา้ งกบั ความยาว หรือรูปดา้ นหนา้ แสดงให้เห็นเพียงความ แบบฝึ กหดั , เอกสารโครงงาน ยาวกบั ความสูง เทา่ น้นั วธิ ีการของ Orthographic ก็คือ การถ่ายทอดรูปร่าง 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน จริงของวตั ถุแต่ละมมุ แต่ละดา้ นออก ไปสู่พ้ืนราบนนั่ เอง ช้ินงานท่ีเสร็จสมบูรณ์ กำรมองภำพฉำย 8. กำรวดั และประเมนิ ผล การมองภาพฉายเป็ นการมองต้งั ฉากกบั ระนาบดา้ นตา่ ง ๆ ท่ีชิ้นงานต้งั อยู่ ซ่ึง 8.1 เคร่ืองมือประเมนิ ระนาบดา้ นจะมีอยู่ 6 ดา้ น เหมือนช้ินงานต้งั อยใู่ นกล่องแกว้ ส่ีเหลี่ยมที่มีผนงั 8.1.1 แบบประเมินพฤติกรรมผเู้ รียน ของกล่องแกว้ เป็ น ระนาบดา้ นตา่ ง ๆ ดงั ตวั อยา่ งในรูป 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ 8.1.3 แบบประเมินการทาโครงงาน 8.2 เกณฑ์กำรประเมิน 8.2.1 การประเมินพฤตกิ รรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กวา่ ร้อยละ 80 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กวา่ ร้อยละ 60 8.2.3 การประเมินการทาโครงงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ต่ากวา่ ร้อยละ 90
122 กำรเขยี นภำพฉำย กำรเขยี นภำพฉำย 123 ภาพที่เกิดข้นึ จากการมองจะมีลกั ษณะเป็ นพ้นื ที่ของผวิ ช้ินงานที่มีเสน้ ขอบของ ชิ้นงาน 3. การมองชนิ้ งานตามทศิ ทางของหมายเลข 3 ลอ้ มรอบอยู่ การมองชิ้นงานในแตล่ ะดา้ น จะเกิดภาพที่แตกต่างกนั ไปตามรูปร่างของ ช้ินงาน และจานวนพ้นื ที่ผวิ ของช้ินงานในแตล่ ะดา้ น การมองตามทศิ ทางของหมายเลข 3 จะเหน็ พนื้ ผิวของชิน้ งาน 1 สว่ น รูปรา่ ง 1. กำรมองชิ้นงำนตำมทศิ ทำงหมำยเลข 1 การมองตามทิศทางหมายเลข 1 จะเห็นผิวของชิ้นงาน 1 ส่วน รูปร่างเหมือนตวั L กลบั เหมือนตวั L ซง่ึ จะตรงกนั ขา้ มกบั ทศิ ทางการมองตามหมายเลข 1 ดา้ น 4. กำรมองชิ้นงำนตำมทศิ ทำงของหมำยเลข 4 2. การมองชิน้ งานตามทศิ ทางของหมายเลข 2 การมองตามทิศทางของหมายเลข 4 จะเห็นพ้ืนที่ผวิ ของชิ้นงาน 1 ส่วน เป็ น การมองตามทศิ ทางของหมายเลข 2 จะเหน็ พนื้ ที่ผิวของชิน้ งาน 2 ส่วน เป็นรูป รูปส่ีเหล่ียม มีเสน้ ประตรงกลางรูปส่ีเหล่ียม ซ่ึงแสดงใหเ้ ห็นส่วนท่ีบงั เอาไว้ ส่ีเหลี่ยม 2 รูปติดกนั ในแนวตง้ั
124 กำรเขยี นภำพฉำย กำรเขยี นภำพฉำย 125 5. กำรมองชิน้ งำนตำมทศิ ทำงของหมำยเลข 5 การมองตามทิศทางของหมายเลข 5 จะเห็นพ้นื ท่ีผวิ ของชิ้นงาน 2 ส่วน เป็ นรูปสี่เหลี่ยม 2 รูปตดิ กนั 6. การมองชิน้ งานตามทศิ ทางของหมายเลข 6 การมองตามทิศทางของหมายเลข 6 จะเหน็ พนื้ ที่ผิวของชิน้ งาน 1 ส่วน เป็นรูป สี่เหล่ียมผืนผา้ มีเสน้ ประแสดงชิน้ งานส่วนท่ีถกู บงั เอาไวต้ รงกลาง
126 ใบงานสปั ดาห์ที่ 13 ใบงานสัปดาห์ท่ี 13 127 ชื่อหน่วย การเขียนภาพฉาย ช่ือหน่วย การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย
128 ใบงานสปั ดาห์ที่ 14 ใบงานสัปดาห์ท่ี 14 129 ชื่อหน่วย การเขียนภาพฉาย ช่ือหน่วย การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย
130 ใบงานสปั ดาห์ที่ 14 ใบงานสัปดาห์ท่ี 15 131 ชื่อหน่วย การเขียนภาพฉาย ช่ือหน่วย การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย
132 ใบงานสปั ดาห์ที่ 16 ใบงานสัปดาห์ท่ี 16 133 ชื่อหน่วย การเขียนภาพฉาย ช่ือหน่วย การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย ชื่อเร่ือง การเขียนภาพฉาย
134 หน่วยท่ี 8 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง1)35 แผนกำรจัดกำรเรียนรู้ จำนวน 6 ชั่วโมง วิชำ พ้นื ฐานการเขยี นแบบเพอ่ื งานก่อสร้าง ชื่อหน่วย การเขยี นรูปตดั ชื่อเรื่อง การเขียนรูปตดั 1. สำระสำคัญ การเขยี นภาพฉายแบบออร์โทกราฟฟิ ก ภาพ 3 มิติ เช่นไอโซเมตริกและ ออบลิค สาหรับรูปช้นิ งานหรือรูปงานทีม่ คี วามซบั ซอ้ นของรูปทรงมีรายละเอียดมาก เวลา เขยี นแบบลายเสน้ บางส่วนจะถกู บงั ทาใหต้ อ้ งใชเ้ สน้ ประเขา้ ชว่ ย แต่บางคร้ังเส้นประท่ีมาก เกินไปอาจทาใหก้ ารอา่ นแบบเขา้ ใจไดย้ าก การใชร้ ูปตดั เขา้ ช่วยเป็นวิธีการหน่ึ งที่จะขยาย รายละเอยี ดตา่ งๆ ของแบบรุปชน้ิ งานหรือแบบรูปงานไดม้ ากย่งิ ข้ึน 2. สมรรถนะประจำหน่วยกำรเรียนรู้ การเขียนรูปตดั ตามข้นั ตอน 3. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 3.1 จดุ ประสงคท์ วั่ ไป 3.1.1 เพอ่ื ใหม้ ีความรู้ความเขา้ ใจ หลกั การเขียนรูปตดั 3.1.2 เพอ่ื ให้มที กั ษะในการทางานแต่ละข้นั ตอนของการเขยี นรูปตดั 3.1.3 เพื่อให้มคี วามรับผดิ ชอบตอ่ การทางาน 3.2 จดุ ประสงเชงิ พฤตกิ รรม 3.2.1 อธิบายข้นั ตอนการเขียนรูปตดั ได้ 3.2.2 เลือกใชเ้ ครื่องมอื ไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสมกบั งาน และใชอ้ ย่างถูกวธิ ี 3.2.3 ปฏิบตั ิงานไดต้ ามกาหนดเวลา 3.2.4 ให้ขอ้ คดิ เชงิ คุณธรรมจากการทางานได้
136 กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง) กำรบูรณำกำร 2-3-4 (หลกั ปรัชญำของเศรษฐกจิ พอเพยี ง13)7 4. สำระกำรเรียนรู้ 6. สื่อและแหล่งกำรเรียนรู้ 4.1 การเขียนภาพฉาย 6.1 Power Point 4.1.1 การใช้ บารุงรักษาเครื่องมอื อุปกรณใ์ นการเขียนแบบ 6.2 ใบความรู้ 4.1.2 หลกั การเขียนรูปตดั 6.3 ใบงาน 4.1.3 เทคนิคการเขียนรูปตดั 6.4 ใบมอบหมายงาน 4.1.4 การลงน้าหนกั ของเส้น 4.1.5 ใชค้ วามคิด วเิ คราะห์ 7. หลักฐำนกำรเรียนรู้ 7.1 หลกั ฐานความรู้ 5. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ แบบฝึกหดั , เอกสารโครงงาน สัปดำห์ท่ี 17 ช่ัวโมงที่ 96-102 7.2 หลกั ฐานการปฏิบตั ิงาน เร่ือง กำรเขียนรูปตดั ช้ินงานท่ีเสร็จสมบรู ณ์ ข้นั นำ 1. แจง้ จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ประจาหน่วย 8. กำรวดั และประเมนิ ผล 2. บรรยายเน้ือหาความรู้ เรื่อง การเขียนรูปตดั 8.1 เครื่องมือประเมนิ 2.1 การเขียนรูปตดั 8.1.1 แบบประเมินพฤตกิ รรมผเู้ รียน - หลกั การเขียนรูปตดั 8.1.2 แบบทดสอบภาคความรู้ - เทคนิคการเขียนรูปตดั 8.1.3 แบบประเมินการทาโครงงาน - การลงน้าหนกั ของเส้น 3. สาธิตการเขียนรูปตดั จากใบงานที่ 17 8.2 เกณฑ์กำรประเมิน 8.2.1 การประเมนิ พฤติกรรมผเู้ รียน ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ ่ากวา่ ร้อย ข้นั พยำยำม 4. ให้นกั เรียนปฏิบตั ิงานตามใบงาน 5. ตรวจสอบความเขา้ ใจจากการตอบคาถาม ละ 80 8.2.2 การทดสอบภาคความรู้ ตอ้ งไดค้ ะแนนไม่ตา่ กวา่ ร้อยละ 60 การให้ขอ้ มลู ต่างๆ 8.2.3 การประเมินการทาโครงงาน ตอ้ งไดค้ ะแนนไมต่ า่ กวา่ ร้อย ข้นั สำเร็จผล 6. ประเมินผลสาเร็จของผเู้ รียนจากการทางานและชิ้นงาน ละ 90
138 กำรเขยี นรูปตัด กำรเขยี นรูปตดั 139 รูปตดั (Sectional View) ระนาบตดั ในส่วนของขอบดา้ นบนจะเรยี กวา่ ขอบระนาบตดั ซงึ่ เสน้ ดงั กล่าว จะนาไปเขียนลงในภาพฉายแบบออรโ์ ทกราฟฟิ ก เพอ่ื ใหร้ ูว้ ่ามีการตดั ที่ รูปตดั (Sectional View) คือการเขียนรูปชิน้ งานหรอื รูปงานในลกั ษณะการตดั ระนาบใด และสว่ นใด ภาพออกเป็น 2 สว่ นตามแนวระนาบตดั โดยจะแสดงรูปทเี่ หลือจากการตดั ตามมมุ มองทีก่ าหนดไว้ชิน้ งานทางเทคนิควิศวกรรมทมี่ ีความซบั ซอ้ นของ รูปทรงจะอาศยั วิธีการตดั ภาพหรอื การเขียนรูปตดั เพ่อื แสดงรายละเอียดใน ส่วนทีถ่ กู บงั ใหเ้ หน็ ไดอ้ ยา่ งชดั เจน สามารถนาไปสรา้ งเป็นชิน้ งานไดถ้ กู ตอ้ ง ระนาบตดั (Cutting Plane) การเขียนขอบระนาบจดั จะใชส้ ญั ลกั ษณด์ สเนประเสน้ ยาวกบั เสน้ สน้ั โดย ปลายทงั้ สองจะเป็นเสน้ หนา มีหวั ลกู ศรหรอื ไม่มีกไ็ ด้ ถา้ มีหวั ลกู ศร คอื ระนาบตดั จะเป็นระนาบทีถ่ กู สมมตใิ หต้ ดั ผา่ นชิน้ งาน เพ่อื นาส่วนที่บงั ออก ทิศทางมองชิน้ งานเมอ่ื ไดต้ ดั ชิน้ งานและนาสว่ นทีบ่ งั ออกแลว้ เหลือชิน้ งานในสว่ นทต่ี อ้ งการเหน็ รายละเอียดโดยระนาบตดั ไมจ่ าเป็นตอ้ งเป็น แนวเสน้ ตรงเสมอไป อาจหลบหรอื หกั มมุ ไปในแนวทิศทางที่เราตอ้ งการเพ่ือ แสดงรายละเอียดในสว่ นนน้ั
140 กำรเขยี นรูปตดั กำรเขยี นรูปตัด 141 เส้ นลำยตดั เส้นลำยตดั ในแบบงำนอุตสำหกรรม ในงานอุตสาหกรรมจะเขียนเป็นเส้น แรเงาทแ่ี สดงถึงพ้ืนผวิ ของชิ้นงานในส่วนที่ถูกตดั ผา่ น ซ่ึงจะใชเ้ สน้ ตรงบาง วางตวั ในลกั ษณะเอียงขนานกนั ไปและมีระยะห่างระหวา่ งเสน้ เทา่ ๆกนั อยา่ งไรกต็ ามสญั ลกั ษณ์ลายตดั ยงั สามารถจาแนกเป็นประเภทวสั ดุได้
142 กำรเขยี นรูปตัด กำรเขยี นรูปตดั 143
144 กำรเขยี นรูปตัด กำรเขยี นรูปตดั 145
146 กำรเขยี นรูปตัด ใบงานสปั ดาห์ที่ 17 147 ช่ือหน่วย การเขียนรูปตดั ชื่อเร่ือง การเขียนภาพตดั
Search