Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ธ.ค.62 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.นางแก้ว อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

ธ.ค.62 ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.นางแก้ว อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

Published by kl_1270070001, 2020-11-03 01:39:27

Description: กศน.ต.นางแก้ว.ธ.ค.62

Search

Read the Text Version

ทำเนียบภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ เดอื นธนั วำคม ๒๕๖๒ กศน.ตำบลนำงแก้ว ศนู ย์กำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศยั อำเภอโพธำรำม สำนักงำนส่งเสรมิ กำรศกึ ษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอธั ยำศัยจงั หวดั รำชบุรี สำนกั งำนสง่ เสริมกำรศึกษำนอกระบบและกำรศึกษำตำมอัธยำศยั สำนักงำนปลัดกระทรวงศกึ ษำธกิ ำร กระทรวงศึกษำธิกำร

คำนำ ดว้ ย กศน.ตำบลนำงแกว้ ไดด้ ำเนนิ กำรจัดทำภูมิปัญญำในท้องถน่ิ ให้กับประชำชนในพนื้ ท่ตี ำบล นำงแก้ว เพื่อเพ่ิมพูนควำมรูแ้ ละทกั ษะในกำรดำเนนิ ชีวิตแบบพอเพียง สำมำรถเรียนรู้และฝึกฝนไดท้ ้ังจำก กำรศกึ ษำดว้ ยตนเอง และได้รับกำรถ่ำยทอดจำกผู้อ่ืน กำรนำภูมิปญั ญำมำเผยแพรเ่ พื่อให้ประชำชนใน พื้นท่ีได้นำไปใช้และเรยี นรู้เพื่อเพ่ิมอำชีพ และประสบกำรณ์ให้กับตนเองและครอบครัวใหม้ กี ำร เจริญเติบโตอย่ำงต่อเน่ืองและเกือ้ กูลในกำรผลติ ซึ่งกนั และกัน โดยกำรใช้ทรพั ยำกรทีม่ ีอยู่ให้เกิดประโยชน์ และไมม่ สี ำรพิษ เช่น ดิน น้ำ แสงแดดอย่ำงเหมำะสม เกิดประโยชน์สงู สดุ มีควำมสมดุล ของ สภำพแวดลอ้ ม อย่ำงต่อเน่ือง และเกดิ ผลในกำรเพิ่มพูนควำมอดุ มสมบรู ณ์ของทรพั ยำกรธรรมชำติดว้ ย กศน.ตำบลนำงแก้ว หวังวำ่ เอกสำรเลม่ น้คี งมีประโยชน์ต่อผู้อ่ำนและผูป้ ฏบิ ัติงำนต่อไป กศน.ตำบลนำงแก้ว ธนั วำคม 2562

สำรบญั หนำ้ คำนำ ๑ สำรบญั ๕ ๙ กศน.ตำบลนำงแก้ว ผลติ ภัณฑจ์ ำกเสน้ พลำสติก : นำงวนั ดี แดงสม กำรปลูกพชื ไรด้ นิ : นำยมำนัส ใจกว้ำง กำรสำนกระเปำ๋ เชอื กร่ม : นำงประทมุ ทองเปลว คณะผจู้ ัดทำ

แบบบนั ทกึ ชุดขอ้ มลู คลังปญั ญำ-ภูมปิ ัญญำทอ้ งถนิ่ ตำบล นำงแก้ว อำเภอ โพธำรำม จังหวัด รำชบุรี ชื่อภูมปิ ัญญำ ผลติ ภณั ฑ์จำกเส้นพลำสติก ข้อมูลพ้ืนฐำน รำยบคุ คล เจำ้ ของภูมิปัญญำท้องถ่ิน/บุคคลคลงั ปัญญำ ชื่อ นำงวนั ดี นำมสกลุ แดงสม วนั เดอื นปเี กิด ๓๐ เมษำยน ๒๔๙๘ ทีอ่ ยู่ปจั จบุ ัน (ทสี่ ำมำรถติดต่อได้) บำ้ นเลขที่ ๖๒/๑ หมทู่ ่ี ๔ ตำบล/แขวง นำงแกว้ อำเภอ/เขต โพธำรำม จังหวดั รำชบรุ ี รหสั ไปรษณีย์ ๗๐๑๒๐ โทรศัพท์ ๐๘๙-๙๑๑๘๑๒๐ ควำมเปน็ มำของภูมิปญั ญำ กำรทำเคร่อื งจักรสำรตะกร้ำพลำสตกิ เกิดจำกภมู ิปัญญำทมี่ ีกำรถ่ำยทอดจำกร่นุ สรู่ ุน่ ในลกั ษณะของ กำรทำเครื่องจักสำนลกั ษณะต่ำงๆ ซ่ึงแตเ่ ดิม นำงวนั ดี แดงสม ได้นำวัตถดุ ิบจำกธรรมชำตเิ ท่ำทจี่ ะหำได้ ในหมู่บ้ำนมำทำให้เกิดประโยชน์ เชน่ ไม้ไผ่ หวำย เปน็ ตน้ ซึ่งมีอยเู่ ป็นจำนวนมำกในพ้ืนทีม่ ำสำนเป็น สิ่งของเคร่อื งใชส้ ำหรับใช้สอยในชีวติ ประจำวัน จงึ คิดทำเคร่ืองจักสำนตะกรำ้ พลำสติกเน่ืองจำกชำวบำ้ น สว่ นใหญม่ คี วำมรเู้ รือ่ งจกั สำนอยู่แล้วเพยี งแตป่ รับเปลยี่ นวสั ดุกำรสำนมำเป็นเสน้ พลำสติกเพ่อื ใหเ้ กดิ ควำม ทนทำน และสำมำรถออกแบบเครื่องจักรสำนไดห้ ลำกหลำยกวำ่ และหำกชำวบ้ำนคนใดกลมุ่ ใดจะยดึ เป็นอำชีพเสรมิ กส็ ำมำรถทำไดแ้ ละจะเปน็ กำรอนรุ ักษ์ศิลปะกำรจักสำนของคนรนุ่ หลังได้สืบทอดต่อไป จดุ เดน่ ของภมู ิปญั ญำ ตะกรำ้ พลำสตกิ สำนของบ้ำนดอนเจริญ เป็นสนิ ค้ำท่ผี ลิตด้วยมอื ลว้ นมรี ูปแบบมำกมำย สำมำรถทำ ตำมแบบที่ลูกคำ้ ต้องกำรได้ นำงวนั ดี แดงสม จักสำนมำนำนมำกว่ำ 20 ปี มีฝีมอื ในกำรสำนที่ปรำณตี เปน็ ท่ยี อมรบั ของตลำด เน่ืองจำกกำรผลิตภัณฑ์มีควำมคงทน แขง็ แรง น้ำหนกั เบำ สะดวกแก่กำรใช้สอย ดูแลรกั ษำง่ำย ไมเ่ กดิ เชื้อรำ สีสนั สวยงำม ตัวผลติ ภณั ฑแ์ ฝงไวซ้ ่งึ งำนฝมี ือของภมู ปิ ญั ญำท้องถ่ิน มรี ูปแบบ ทหี่ ลำกหลำยสำมำรถผลติ ตำมควำมต้องกำรของผู้ใชง้ ำน จำกอปุ กรณว์ ัตถุพลำสติกคณุ ภำพดี เนือ้ ละเอยี ดเหนยี ว ไมก่ ักเกบ็ ฝนุ่ จึงเป็นผลิตภัณฑข์ ้นึ ช่ือของบำ้ นดอนเจริญ วัตถดุ ิบทใี่ ช้ประโยชน์ในกำรผลติ ภัณฑ์ทีเ่ กิดจำกภูมปิ ัญญำ ซง่ึ พ้ืนท่อี ืน่ ไม่มี ไดแ้ ก่ -เสน้ พลำสติก รำยละเอียดของภมู ิปัญญำท้องถ่ิน -รูปแบบในกำรถำ่ ยทอดควำมรู้ มีทงั้ กำรศกึ ษำดูงำน กำรเข้ำรับกำรอบรมและฝกึ ปฏิบัติจรงิ เพ่ือนำ ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับไปปฏบิ ตั ิใชไ้ ด้จรงิ ในชีวิตประจำวนั

รูปแบบและลกั ษณะกำรถ่ำยทอด กำรประชำสมั พันธ์ เผยแพร่ภูมิปัญญำท้องถ่นิ ยังไมเ่ คยมีกำรเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพำะบุคคล  เคยเผยแพรเ่ ฉพำะในชมุ ชน มกี ำรเผยแพร่ผ่ำนสื่อมวลชนและสื่ออยำ่ งแพรห่ ลำย มีกำรดงู ำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน.........-.......ครั้ง จำนวน......-......คน มกี ำรนำไปใช้ ในพ้นื ท.ี่ .......-.......คน นอกพ้นื ที.่ ....-.....คน อ่ืนๆ (ระบุ) ลักษณะของภูมิปญั ญำท้องถ่ิน กำรพัฒนำตอ่ ยอดภมู ปิ ัญญำใหเ้ ป็นนวัตกรรม คณุ ค่ำ (มูลคำ่ ) และควำมภำคภูมิใจ ภูมิปญั ญำท้องถ่ิน/นวัตกรรมท่ีคดิ ค้นขึ้นมำใหม่  ภมู ปิ ญั ญำท้องถน่ิ ด้งั เดิมได้รับกำรถำ่ ยทอดมำจำก  ภมู ปิ ัญญำท้องถนิ่ ท่ไี ด้พัฒนำและต่อยอด แบบเดิมคอื วัตถดุ ิบจำกธรรมชำติเท่ำทีจ่ ะหำได้ในหมบู่ ำ้ นมำทำใหเ้ กิดประโยชน์ เชน่ ไมไ้ ผ่ หวำย เปน็ ตน้ ซ่ึงมอี ยเู่ ปน็ จำนวนมำกในพ้นื ท่มี ำสำนเป็นสิ่งของเคร่ืองใช้สำหรับใชส้ อยในชีวติ ประจำวัน กำรพัฒนำต่อยอดคอื เครื่องจักสำนตะกรำ้ พลำสติกเนอ่ื งจำกชำวบำ้ นสว่ นใหญ่มีควำมรู้เรื่องจักสำนอยู่ แลว้ เพยี งแตป่ รบั เปลยี่ นวัสดกุ ำรสำนมำเปน็ เส้นพลำสตกิ เพื่อให้เกดิ ควำมทนทำน และสำมำรถออกแบบ เครือ่ งจักรสำนได้หลำกหลำยกวำ่ และหำกชำวบ้ำนคนใดกลมุ่ ใดจะยดึ เปน็ อำชพี เสรมิ ก็สำมำรถทำได้ และจะเป็นกำรอนรุ ักษ์ศลิ ปะกำรจกั สำนของคนรนุ่ หลงั ได้สืบทอดต่อไป

ถำ่ ยภำพบคุ คล และอุปกรณ์/ เคร่อื งมอื / ส่ิงท่ีประดษิ ฐ์ (ชิ้นงำนหรอื ผลงำน) นำงวันดี แดงสม เจ้ำของภูมปิ ัญญำ

รปู ภำพภมู ิปัญญำ กำรผลติ ภัณฑม์ ีควำมคงทน แขง็ แรง นำ้ หนกั เบำ สะดวกแก่กำรใช้สอย ดแู ลรักษำง่ำย ไมเ่ กิด เชอ้ื รำ สสี ันสวยงำม ตวั ผลติ ภณั ฑแ์ ฝงไว้ซึ่งงำนฝีมือของภมู ิปัญญำท้องถิ่น มีรปู แบบท่หี ลำกหลำยสำมำรถ ผลติ ตำมควำมต้องกำรของผ้ใู ชง้ ำน จำกอปุ กรณว์ ตั ถุพลำสตกิ คุณภำพดี เนือ้ ละเอยี ดเหนียว ไมก่ กั เก็บฝนุ่ จึงเป็นผลติ ภัณฑ์ขึ้นชื่อของบ้ำนดอนเจริญ

แบบบันทกึ ชุดขอ้ มลู คลงั ปญั ญำ-ภมู ิปญั ญำทอ้ งถ่ิน ตำบล นำงแก้ว อำเภอ โพธำรำม จังหวดั รำชบุรี ช่อื ภมู ิปญั ญำ กำรปลูกพืชไร้ดิน ขอ้ มูลพน้ื ฐำน รำยบคุ คล เจำ้ ของภูมิปญั ญำท้องถนิ่ /บุคคลคลังปัญญำ ชือ่ นำยมำนสั นำมสกลุ ใจกวำ้ ง วนั เดือนปเี กิด 16 มีนำคม 2522 ท่ีอยู่ปัจจบุ ัน (ทีส่ ำมำรถตดิ ตอ่ ได้) บำ้ นเลขท่ี 20/8 หมู่ที่ 1 ตำบล นำงแก้ว อำเภอ/เขต โพธำรำม จงั หวดั รำชบุรี รหัสไปรษณีย์ 7๐๑๒๐ โทรศพั ท(์ มอื ถือ) ๐๖๑-๓๕๘๑๑๒๔ ควำมเป็นมำของภูมิปญั ญำ กำรปลกู พชื ไร้ดนิ ไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) เปน็ กำรปลกู พืชโดยไม่ใชด้ ิน นับเป็นวธิ ีกำรใหม่ใน กำรปลูกพชื โดยเฉพำะกำรปลกู ผักและพืชทใ่ี ช้เป็นอำหำร เนื่องจำกประหยัดพนื้ ทแ่ี ละไมป่ นเป้อื นกบั สำรเคมตี ่ำงๆ ในดนิ ทำให้ได้พืชผักทส่ี ะอำดเปน็ อำหำร ปจั จุบนั นี้ในเทคนิคกำรปลกู พชื แบบไรด้ นิ หลำย แบบด้วยกนั ด้วยในปจั จุบันในกำรประกอบอำชีพหรอื จะทำกำรปลูกพืชหรอื ปลูกผักในแตล่ ะชนิดต้องใชพ้ ้ืนท่ี ใน กำรปลูกทุกอย่ำง ขำ้ พเจ้ำจึงได้เล็งเหน็ วำ่ กำรปลูกพชื ไร้ดนิ หรือกำรปลกู พชื ดว้ ยนำ้ นับเป็นวกี ำรใหมใ่ น กำรปลูกพชื โดยเฉพำะกำรปลูกผกั และพชื ทใ่ี ชเ้ ป็นอำหำรเนื่องเปน็ กำรประหยัดพ้ืนทแี่ ละไม่ปนเป้ือนกบั สำรเคมีต่ำงๆในดินทำให้ได้พืชท่สี ะอำดเปน็ อำหำร กำรปลูกพืชบนน้ำหรือกำรปลกู พชื ไร้ดนิ เป็นกำรปลกู พืชทเ่ี ปน็ ทำงเลือกใหม่สำหรบั เกษตรกรหรือผู้ ทส่ี นใจจะลองปลกู พชื ในแนวนเี้ พรำะกำรดูแลที่แตกต่ำงออกไปเลก็ น้อย กำรลดต้นทุนในกำรใชย้ ำฆำ่ แมลงหรอื สำรเคมี เปน็ กำรปลูกพืชทำงเลือกที่เหมำะสำหรับผทู้ ีใ่ สใ่ จในสุขภำพของตนเองและผบู้ ริโภค และยังช่วยเพ่มิ พน้ื ท่ีในกำรใช้สอยอกี ทำงเลือกหน่ึงสำหรับชุมชนเมืองหรอื คนท่ีมีพ้นื ท่ีขนำดเลก็ กำรปลกู พืชแบบนช้ี ่วยลดคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรดแู ลมำกกวำ่ พืชประเภทท่ปี ลกู ในดินเปน็ อยำ่ งมำก กำรปลูกพชื ไรด้ ิน ไฮโดรโปนิกส์นนั้ มีประโยชน์หลักๆ 2 ประกำรด้วยกัน ประกำรแรกคอื ช่วยใหม้ ี สง่ิ แวดล้อมที่ควบคุมไดม้ ำกขึ้นสำหรบั กำรเตบิ โตของพืช แทนทจี่ ะเปน็ กำรใชด้ นิ อย่ำงเดิม ทำให้กำจัดตัว แปรท่ไี ม่ทรำบออกไปจำกกำรทดลองไดจ้ ำนวนมำก ประกำรทส่ี องก็คือ พืชหลำยชนิดจะใหผ้ ลผลติ ได้มำก ในเวลำท่นี อ้ ยกว่ำเดิม และบำงคร้งั ก็มีคณุ ภำพท่ีดีกว่ำเดิมด้วย ซึง่ ในสภำพแวดลอ้ มและสภำพกำร เศรษฐศำสตร์หน่งึ ๆ กำรปลกู พชื แบบไฮโดรโปนิกสจ์ ะให้ผลกำไรแกเ่ กษตรกรได้มำกข้ึน และด้วยกำรปลกู ที่ไม่ใชด้ นิ จงึ ทำให้พืชไมม่ ีโรคท่เี กิดในดนิ ไมม่ วี ชั พืช และไม่ตอ้ งจดั กำรดิน และยังสำมำรถปลูกพืชใกล้กัน มำกได้ ดว้ ยเหตนุ พ้ี ชื จงึ ใหผ้ ลผลิตในปรมิ ำณที่มำกกวำ่ เดิม ขณะทใ่ี ช้พ้นื ทจ่ี ำกัด นอกจำกนยี้ งั มกี ำรใช้นำ้

น้อยมำก เพรำะมีกำรใช้ภำชนะหรือระบบวนน้ำแบบปดิ เพ่อื หมุนเวียนนำ้ เมอ่ื เทียบกับกำรเกษตร แบบเดมิ แล้ว นับวำ่ ใช้นำ้ เพียงส่วนน้อยนิดเทำ่ น้ัน จดุ เด่นของภมู ปิ ัญญำ 1. สำมำรถทำกำรเพำะปลกู พืชในบรเิ วณพ้นื ทีท่ ี่ดนิ ไม่ดี หรอื สภำพแวดลอ้ มไม่เหมำะสมต่อกำรเพำะปลูก 2. ประหยดั เวลำ แรงงำน และค่ำใชจ้ ่ำยในกำรเตรยี มดนิ และกำรกำจัดวชั พืช ทำใหส้ ำมำรถปลกู พืช อยำ่ งกันตอ่ เนื่องได้ตลอดปี ในพื้นท่เี ดียว 3. สำมำรถตัดปัญหำเก่ยี วกบั ศตั รูพชื ท่เี กิดจำกดิน ทำใหส้ ำมำรถปลกู พืชในพื้นที่เดยี วกันไดต้ ลอดปี ถึงแม้ จะเปน็ พืชชนดิ เดยี วกัน 4. เป็นระบบที่มกี ำรใช้นำ้ และธำตอุ ำหำรพืชอย่ำงมปี ระสิทธิภำพมำกท่สี ดุ 5. เพม่ิ ประสทิ ธภิ ำพและลดกำรใช้แรงงำน 6. สำมำรถควบคมุ สภำพแวดลอ้ มตำ่ งๆ ทีเ่ ก่ียวกบั กำรเจริญเตบิ โตของพืชได้อยำ่ งถูกต้องแนน่ อน และ รวดเรว็ โดยเฉพำะในระดบั รำกพืช ไดแ้ ก่ กำรควบคุมปริมำณธำตุอำหำร ควำมเป็นกรด - ด่ำง อุณหภมู ิ ควำมเขม้ ข้นของออกซเิ จน ฯลฯ ซึง่ กำรปลูกพชื ทว่ั ไปทำได้ยำกเป็นกำรปลูกพืชท่ีไมใ่ ชด้ ินสำหรับเป็น อำหำรท่ใี ชร้ บั ประทำนเป็นผักดิบได้ เพรำะเป็นพืชท่สี ะอำดไมม่ ีกำรปนเป้ือนสำรเคมี เหมำะสำหรบั กบั คนที่รกั สุขภำพและยังเป็นกำรประหยดั พื้นที่ มตี ลำดเขำ้ มำรองรับในกำรจำหน่ำยได้ วัตถดุ ิบท่ใี ชป้ ระโยชนใ์ นกำรผลติ ภัณฑ์ทเ่ี กดิ จำกภมู ิปัญญำ ซง่ึ พนื้ ที่อนื่ ไม่มี ไดแ้ ก่ -ขวดพลำสตกิ สำหรบั ปลูกพืขไรด้ นิ รำยละเอียดของภูมิปัญญำท้องถิ่น -รูปแบบในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ มีทงั้ กำรศกึ ษำดูงำน กำรเขำ้ รบั กำรอบรมและฝึกปฏิบตั ิจรงิ เพ่ือนำ ประโยชนท์ ไ่ี ดร้ ับไปปฏบิ ัตใิ ช้ได้จรงิ ในชีวิตประจำวนั

รูปแบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสมั พันธ์ เผยแพรภ่ ูมิปัญญำท้องถนิ่ ยังไมเ่ คยมีกำรเผยแพร่/ ใช้เฉพำะบุคคล  เคยเผยแพร่เฉพำะในชมุ ชน  มกี ำรเผยแพร่ผำ่ นส่ือมวลชนและสอื่ อย่ำงแพร่หลำย  มีกำรดงู ำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน.........-.......ครงั้ จำนวน......-......คน  มกี ำรนำไปใช้ ในพ้ืนท่ี........-.......คน นอกพื้นที.่ ....-.....คน อื่นๆ (ระบุ) ลกั ษณะของภูมิปัญญำทอ้ งถิ่น กำรพฒั นำต่อยอดภูมปิ ัญญำให้เป็นนวัตกรรม คณุ คำ่ (มูลค่ำ) และควำมภำคภมู ิใจ  ภมู ิปญั ญำท้องถ่ิน/นวัตกรรมที่คดิ คน้ ข้ึนมำใหม่ ภูมปิ ญั ญำทอ้ งถ่นิ ดง้ั เดิมได้รับกำรถำ่ ยทอดมำจำก  ภูมิปัญญำท้องถนิ่ ที่ได้พัฒนำและต่อยอด แบบเดมิ คอื กำรปลกู ในดนิ ทัว่ ไปซึ่งตอ้ งใช้ทุนและใชแ้ รงมำกเพรำะต้องกำจัดวชั พชื เอง กำรพัฒนำตอ่ ยอดคอื 1. สำมำรถทำกำรเพำะปลูกพืชในบริเวณพ้ืนทที่ ี่ดินไม่ดี หรอื สภำพแวดลอ้ มไมเ่ หมำะสมตอ่ กำรเพำะปลกู 2. ประหยัดเวลำ แรงงำน และคำ่ ใช้จำ่ ยในกำรเตรยี มดิน และกำรกำจัดวชั พชื ทำให้สำมำรถปลูกพืช อยำ่ งกันตอ่ เน่ืองไดต้ ลอดปี ในพื้นทเ่ี ดยี ว 3. สำมำรถตัดปัญหำเก่ยี วกับศัตรูพืชที่เกดิ จำกดิน ทำให้สำมำรถปลูกพืชในพืน้ ท่ีเดยี วกันไดต้ ลอดปี ถงึ แม้ จะเปน็ พืชชนิดเดียวกนั 4. เป็นระบบที่มีกำรใช้นำ้ และธำตอุ ำหำรพืชอย่ำงมีประสิทธภิ ำพมำกที่สดุ 5. เพ่มิ ประสิทธิภำพและลดกำรใชแ้ รงงำน 6. สำมำรถควบคุมสภำพแวดลอ้ มต่ำงๆ ทเ่ี กี่ยวกบั กำรเจริญเติบโตของพืชได้อยำ่ งถกู ต้องแนน่ อน และ รวดเรว็ โดยเฉพำะในระดับรำกพชื ได้แก่ กำรควบคุมปริมำณธำตอุ ำหำร ควำมเป็นกรด - ด่ำง อุณหภมู ิ ควำมเข้มข้นของออกซิเจน ฯลฯ ซงึ่ กำรปลกู พืชทัว่ ไปทำได้ยำกเปน็ กำรปลูกพชื ท่ีไมใ่ ชด้ ินสำหรบั เปน็ อำหำรที่ใชร้ บั ประทำนเปน็ ผักดิบได้ เพรำะเป็นพืชทส่ี ะอำดไมม่ ีกำรปนเปื้อนสำรเคมี เหมำะสำหรบั กับ คนที่รักสุขภำพและยังเป็นกำรประหยัดพืน้ ที่ มตี ลำดเข้ำมำรองรบั ในกำรจำหน่ำยได้

ภำพถำ่ ยบคุ คล และอุปกรณ์/เครอ่ื งมือ/ส่ิงท่ปี ระดิษฐ์ (ชิ้นงำนหรือผลงำน) กำรปลูกพชื บนนำ้ หรอื กำรปลูกพชื ไร้ดินเป็นกำรปลูกพืชทเี่ ป็นทำงเลือกใหม่สำหรับเกษตรกร หรอื ผู้ทีส่ นใจจะลองปลกู พืชในแนวน้เี พรำะกำรดูแลที่แตกตำ่ งออกไปเล็กน้อย กำรลดต้นทนุ ในกำรใช้ยำ ฆำ่ แมลงหรือสำรเคมี เปน็ กำรปลูกพชื ทำงเลือกทเี่ หมำะสำหรับผ้ทู ใี่ สใ่ จในสุขภำพของตนเองและผูบ้ ริโภค และยงั ช่วยเพม่ิ พ้นื ทใ่ี นกำรใช้สอยอีกทำงเลือกหนงึ่ สำหรับชมุ ชนเมืองหรอื คนทม่ี ีพ้ืนท่ีขนำดเลก็ กำรปลกู พืชแบบนีช้ ว่ ยลดคำ่ ใช้จ่ำยในกำรดูแลมำกกวำ่ พืชประเภททปี่ ลกู ในดินเปน็ อย่ำงมำก

แบบบันทึกชดุ ข้อมูลคลังปัญญำ-ภมู ปิ ัญญำท้องถนิ่ ตำบลนำงแก้ว อำเภอโพธำรำม จังหวดั รำชบรุ ี ชอ่ื ภมู ปิ ัญญำ สำนกระเปำ๋ เชือกร่ม ข้อมูลพ้ืนฐำน รำยบคุ คล เจำ้ ของภมู ิปัญญำทอ้ งถิน่ /บุคคลคลังปัญญำ ช่ือ นำงประทมุ นำมสกลุ ทองเปลว วนั เดือนปีเกดิ 20 กุมภำพนั ธ์ 2505 ท่อี ยู่ปจั จุบัน (ท่สี ำมำรถติดต่อได้) บำ้ นเลขที่ 17 หมูท่ ่ี 3 ตำบล/แขวง นำงแกว้ อำเภอ/เขตโพธำรำม จงั หวัดรำชบรุ ี รหัสไปรณยี ์ 701๒0 โทรศพั ท์ ๐๘๒-2294๐63 ควำมเปน็ มำของภูมิปญั ญำ ปัจจุบันประชำชนส่วนใหญ่มีรำยได้ไม่พอกบั รำยจ่ำย โดยเฉพำะผทู้ ่มี ีอำชพี เกษตรกรรมส่วน ใหญ่ เมอื่ หมด ชว่ งฤดูกำลของกำรท ำกำรเกษตรแล้วไม่มอี ำชีพเสรมิ ทำให้ขำดรำยได้ จงึ ทำให้ประชำชนมี เวลำวำ่ งหรือทำอำชีพ เสริมต่ำงๆ เชน่ รบั จ้ำงทว่ั ไป หลำยคนจำเป็นตอ้ งออกจำกบำ้ น ละท้ิงถิ่นฐำนบ้ำน เกดิ ไปทำงำนต่ำงจงั หวัด ต่ำงประเทศ เพื่อหำรำยไดเ้ ลยี้ งครอบครวั เทำ่ ท่ีจะทำได้ ดังน้นั กำรถักกระเป๋ำ ดว้ ยเชือกรม่ จึงเป็นอกี ทำงเลือกของ ประชำชน ในกำรสรำ้ งรำยไดโ้ ดยเฉพำะในท้องถนิ่ ที่อำศัยรำยไดจ้ ำก กำรเกษตรเพียงอย่ำงเดยี วซึ่งสำมำรถทำเป็น อำชพี เสรมิ และชว่ ยใหม้ องเป็นเหน็ ช่องทำงในกำรประกอบ อำชพี ได้ หลกั สูตร ”กำรถักกระเปำ๋ ด้วยเชอื กร่ม” เป็นหลักสูตรท่ีเนน้ กำรเรยี นรู้จำกกำรฝึกปฏบิ ตั ิจริงและ สร้ำง ครภุ ณั ฑท์ ่สี ำมำรถจำหน่ำยได้ และมกี ำรเรยี นรู้ประสบกำรณ์ตรงโดยกำรฝกึ ปฎิบตั ิและฝกึ ทักษะ ดำ้ นฝมี อื กำร สำรวจควำมต้องกำรของตลำด กำรพัฒนำรูปแบบครุภณั ฑ์ใหส้ อดคล้องกับควำมต้องกำร ของกล่มุ ลูกค้ำตำ่ งๆ ผูจ้ บ หลักสูตรน้ีสำมำรถนำควำมรไู้ ปใชแ้ ก่ตนเองและครอบครวั ได้กำรท ำผลิตภณั ฑ์ กระเปำ๋ ถกั ถอื เป็นอำชีพสรำ้ งสรรคอ์ กี อำชีพหนึง่ ซ่ึงเกิดจำกภมู ปิ ัญญำท้องถน่ิ ผู้มใี จรักในงำนฝี มอื ที่จะ ชว่ ยสร้ำงรำยไดใ้ หก้ ับ ประชำชนทเ่ี ป็นกลุ่มแมบ่ ้ำน ในชมุ ชน นอกจำกนส้ี ิ่งประดิษฐท์ เี่ กิดขน้ึ มำจำก ควำมคิดสรำ้ งสรรค์ ซง่ึ มีลักษณะท่สี วยงำม และจำหนำ่ ยได้ ชว่ ยให้ เหน็ เปน็ อีกชอ่ งทำงหนงึ่ ในกำร ประกอบอำชีพได้ เน่ืองจำกกระเป๋ำถักเปน็ งำน ประดษิ ฐท์ ีส่ ำมำรถสร้ำงรำยไดเ้ พมิ่ ให้กบั สังคม หรือสำมำรถนำมำ ประกอบ อำชีพ เพ่ือเพ่ิมรำยไดใ้ ห้กับครอบครวั แลว้ ยัง เป็นงำนทที่ ำมำจำกทรัพยำกรธรรมชำติที่ เปน็ ส่งิ ทห่ี ำงำ่ ย และรักษำ สงิ่ แวดล้อม ไมใ่ ห้เปน็ อนั ตรำย กระเป๋ำถกั สำมำรถทำ ไดง้ ำ่ ยจำกวธิ กี ำรเรียนรู้ ฝึกฝน ทักษะและ กำรลงมือปฏิบตั ิ และยังสำมำรถช่วยใน ด้ำนกำรใชค้ วำมคิดออกแบบงำนให้เกิด รปู ร่ำงตำ่ งๆ หรือเกิดควำมคดิ สรำ้ งสรรค์สรำ้ ง รำยไดใ้ หก้ ับตนเองและครอบครัวได้

จุดเด่นของภมู ิปัญญำ สนิ ค้ำมคี วำมหลำกหลำยรูปแบบ ฝืมอื ประณีต มีควำมสวยงำม และมีควำมทนทำน ใช้งำนได้ ยำวนำนเชอื กรม่ เปน็ เชือกท่ีผลิตมำจำกเสน้ ใย PP ขนำดท่ใี ช้ในทอ้ งตลำด คือ 1.8 mm แบบไม่มีดน้ิ และขนำด 2.5 mm เปน็ แบบมดี ้นิ (Metallic yarn) กำรผลติ เชือกร่มแบบไม่มดี ิ้นจะเร่ิมจำกนำเส้น PP ขนำด 450 ใส่เขำ้ ไปในหวั ทอเชอื ก จำกนั้น หัว ทอ ก็จะถักเชือกออกมำ โดยตลอดควำมยำวของเชือกร่มจะใชเ้ ส้น PP เพยี งเส้นเดยี ว ลักษณะของเชอื ก ร่มแบบไมด่ ้ินจะมขี นำด 1.8 mm ข้อดีคือรำคำถูกทอง่ำยไมม่ ปี ัญหำเรื่องดน้ิ ขำดบ่อย เชอื กร่มดิน้ เป็นสนิ คำ้ ที่ได้รับควำมนยิ มเป็นอย่ำงมำก เน่อื งจำกมสี สี ันสดใสและยงั มีประกำยจำกด้นิ สีตำ้ งๆ ไม่ว่ำจะเป็น สเี งิน, สีทอง,สรี ุง้ และสอี นื่ ๆ กำรผลติ เร่ิมต้นจำกกำรนำเอำเสน้ ไหม PP 450 กบั ดิ้น สที ่ีลกู ค้ำต้องกำร (ส่วนใหญจ่ ะเปน็ สเี งิน กับสีทอง) นำเข้ำหวั ทอ จำกน้นั ก็จะไดเ้ ชือกร่มสสี วยออกมำ ข้อดีคอื เชือกสสี วยมีประกำย สว่ นข้อเสียคือ เสน้ ดิ้นจะมีควำมแข็งแรงตำ่ กวำ่ เส้นไหมจึงทำให้เกดิ กำรขำด รำหว่ำงกำรถักทอบ่อยๆ เรำสำมำรถนำดนิ้ สีอื่นๆมำใสไ่ ดต้ ำมทลี่ กู ค้ำตอ้ งกำร หลำยทำ่ นอำจจะงงวำ่ แลว้ เจ้ำเชือกนี้มนั ทอ ออกมำเป็นเส้นสวยงำมได้อย่ำงไร เรำมำดหู วั ใจของกำรทอเชือกร่มกันเลย - เขม็ ทอเชือกร่มเป็นเขม็ ท่ีใชก้ ันในอสุ ำหกรรมสงิ่ ทอท่ัวไป ลักษณะจะมปี ลำยเป็น ตะขอและจะมปี ำก เข็มสำหรบั ปิดเปิดขณะทอเชือกร่ม เชอื ก PP จะถูกถักขดไปมำโดยเข็มดังกลำ่ ว วตั ถดุ ิบทใ่ี ช้ประโยชนใ์ นกำรผลิตภัณฑ์ท่ีเกิดจำกภมู ปิ ัญญำ ซึ่งพนื้ ที่อนื่ ไม่มี ได้แก่ -เชือกร่ม -ดิ้นต่ำงๆ รำยละเอยี ดของภมู ปิ ัญญำท้องถน่ิ -รปู แบบในกำรถ่ำยทอดควำมรู้ มีทัง้ กำรศกึ ษำดงู ำน กำรเข้ำรับกำรอบรมและฝึกปฏิบัตจิ ริงเพ่ือนำ ประโยชนท์ ไี่ ด้รบั ไปปฏบิ ตั ใิ ช้ไดจ้ ริงในชวี ิตประจำวัน รูปแบบและลักษณะกำรถำ่ ยทอด กำรประชำสมั พนั ธ์ เผยแพรภ่ ูมปิ ัญญำท้องถนิ่ ยังไมเ่ คยมีกำรเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพำะบคุ คล  เคยเผยแพร่เฉพำะในชุมชน มกี ำรเผยแพร่ผ่ำนส่ือมวลชนและสื่ออย่ำงแพรห่ ลำย มีกำรดูงำนจำกบุคคลภำยนอก จำนวน.........-.......คร้ัง จำนวน......-......คน  มีกำรนำไปใช้ ในพื้นท.ี่ .......๕.......คน นอกพนื้ ที่.....-.....คน อ่นื ๆ (ระบ)ุ

ลักษณะของภูมิปัญญำท้องถ่ิน กำรพัฒนำตอ่ ยอดภูมิปัญญำใหเ้ ปน็ นวตั กรรม คณุ ค่ำ (มลู ค่ำ) และควำมภำคภูมใิ จ ภูมิปัญญำท้องถ่นิ /นวัตกรรมทค่ี ดิ ค้นขึ้นมำใหม่ ภูมปิ ญั ญำท้องถน่ิ ด้งั เดมิ ได้รับกำรถำ่ ยทอดมำจำก  ภูมิปัญญำท้องถน่ิ ที่ได้พฒั นำและต่อยอด แบบเดิมคอื เชอื กร่มแบบไม่มีดน้ิ จะเรมิ่ จำกนำเสน้ PP ขนำด 450 ใสเ่ ขำ้ ไปในหวั ทอเชือก จำกนนั้ หวั ทอ กจ็ ะถักเชือกออกมำ โดยตลอดควำมยำวของเชือกร่มจะใชเ้ สน้ PP เพียงเสน้ เดยี ว กำรพัฒนำต่อยอดคือ เชอื กรม่ ดน้ิ เปน็ สนิ ค้ำที่ได้รบั ควำมนิยมเป็นอยำ่ งมำก เนื่องจำกมีสีสนั สดใสและยงั มีประกำยจำกดิน้ สตี ้ำงๆ ไม่ว่ำจะเปน็ สเี งิน, สที อง,สรี งุ้ และสอี น่ื ๆ กำรผลติ เร่ิมตน้ จำกกำรนำเอำเส้นไหม PP 450 กับดิ้นสีท่ีลกู คำ้ ตอ้ งกำร (สว่ นใหญ่จะเป็นสเี งนิ กับสีทอง)

ภำพบุคคล นำงประทุม นำมสกลุ ทองเปลว เจำ้ ของภูมิปญั ญำ

อปุ กรณ/์ เครื่องมือ/ส่งิ ทีป่ ระดิษฐ์ (ชิ้นงำนหรือผลงำน) กำรผลติ เรมิ่ ตน้ จำกกำรนำเอำเส้นไหม PP 450 กบั ดิน้ สที ่ลี กู ค้ำตอ้ งกำร (สว่ นใหญจ่ ะเป็นสีเงนิ กับสที อง) นำเข้ำหวั ทอ จำกน้ันก็จะได้เชอื กร่มสีสวยออกมำ ขอ้ ดีคือเชือกสีสวยมปี ระกำย ส่วนขอ้ เสยี คือ เส้นดน้ิ จะมีควำมแขง็ แรงตำ่ กว่ำเสน้ ไหมจึงทำใหเ้ กิดกำรขำดรำหวำ่ งกำรถักทอบอ่ ยๆ เรำสำมำรถนำดิน้ สี อน่ื ๆมำใส่ได้ตำมท่ลี กู ค้ำต้องกำร

ที่ปรึกษำ คณะผู้จดั ทำ นำงสนุ นั ทำ โนรีสวุ รรณ นำงโสภญิ ำ ศรที อง ผอู้ ำนวยกำร กศน.อำเภอโพธำรำม ครู อำสำสมคั รฯ ร่ำง/เรียบเรียงและจดั ทำ นำงสำวสุวนนั ท์ เสลำคุณ ครู ศรช.กศน.ตำบลนำงแกว้


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook