ทำเนยี บภมู ปิ ญั ญำทอ้ งถน่ิ ตาบลสรอ้ ยฟ้า อาเภอโพธาราม จังหวดั ราชบรุ ี
คานา ด้วย กศน.ตาบลสร้อยฟ้า ได้ดาเนินการจัดทาทาเนียบภูมิปัญญาในท้องถ่ิน ให้กับประชาชนใน พ้ืนท่ีตาบลสร้อยฟ้า เพื่อเพ่ิมพูนความรู้และทักษะในการดาเนินชีวิตแบบพอเพียง สามารถเรียนรู้และ ฝึกฝนได้ท้ังจากการศึกษาด้วยตนเอง และได้รับการถ่ายทอดจากผู้อ่ืน การนาภูมิปัญญามาเผยแพร่เพื่อให้ ประชาชนในพื้นทไ่ี ดน้ าไปใช้และเรียนรู้เพอ่ื เพิ่มอาชพี และประสบการณใ์ ห้กับตนเองและครอบครัวให้มีการ เจริญเติบโตอย่างต่อเน่ืองและเกื้อกูลในการผลิตซ่ึงกันและกัน โดยการใช้ทรัพยากรท่ีมีอยู่ให้เกิดประโยชน์ และไม่มสี ารพษิ เช่น ดนิ น้า แสงแดดอยา่ งเหมาะสม เกิดประโยชน์สูงสุด มีความสมดลุ ของสภาพแวดล้อม อยา่ งตอ่ เนื่อง และเกิดผลในการเพิม่ พูนความอดุ มสมบรู ณ์ของทรพั ยากรธรรมชาติด้วย กศน.ตาบลสร้อยฟ้า หวงั วา่ เอกสารเลม่ นค้ี งมีประโยชน์ต่อผ้อู า่ นและผู้ปฏิบัตงิ านต่อไป กศน.ตาบลสรอ้ ยฟา้ พฤศจกิ ายน 2562
สารบญั คานา สารบญั - ภูมิปัญญา การแปรรูปจากเหด็ : นางตรี ณา แย้มกลัด หนา้ - ภูมิปัญญา เรอื ยาวประเพณี: นายธญั ญา ...สภุ าพ - ภมู ิปัญญา เกษตรกรเศรษฐกจิ พอเพียง:นายสุพิน........ธุศริ ิ........... 1 6 คณะผ้จู ดั ทา 12
1 แบบบนั ทกึ ชุดขอ้ มูลคลังปญั ญา-ภมู ิปัญญาท้องถน่ิ ตาบลสรอ้ ยฟา้ อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบรุ ี ช่ือภมู ิปัญญา แปรรปู จากเหด็ สาขาของภูมิปญั ญาทอ้ งถิ่น สาขากองทุนและธรุ กจิ ชุมชน ขอ้ มูลพืน้ ฐาน รายบคุ คล เจา้ ของภมู ิปัญญาทอ้ งถ่ิน/บุคคลคลงั ปญั ญา ชอื่ นางตรี ณา แย้มกลดั วันเดอื นปเี กดิ 1 มนี าคม 2509 ท่อี ยู่ปัจจุบนั (ทส่ี ามารถติดต่อได้) บา้ นเลขท่ี 69 หมทู่ ี่ 5 ตาบล/แขวง สร้อยฟา้ อาเภอ/เขตโพธาราม จังหวัดราชบรุ ี รหัสไปรษณีย์ 70120 โทรศัพท0์ 86-1698184 โทรสาร Line ID 086-1698184 ความเปน็ มาของภมู ิปญั ญา เนอ่ื งจากการปลกู เห็ดนางฟูาในตาบลสรอ้ ยฟูาเป็นจานวนมาก มีการตลาดเหด็ ที่ใหญพ่ อสมควร เพอื่ ไวจ้ าหน่าย และบริโภค นางตีรณา แยม้ กลัด จึงได้คดิ ถึงการนาเหด็ มาแปรรปู ใหเ้ ปน็ อาหารท่ีสามารถ ทาไดห้ ลากหลายรปู แบบ เชน่ ทาแหนมเห็ดนางฟูา น้าพรกิ เผาเห็ดนางฟูา เห็ดนางฟูาแดดเดียว มา วางขายหน้าบ้าน ตลาดนัดต่างๆเพื่อเปน็ การลดรายจา่ ยในครวั เรอื นสรา้ งรายได้เพม่ิ เห็ดนางฟูามีวิตามนิ ซีสูง และมีกรดอะมิโนสาคัญอยู่หลายชนดิ เชือ่ วา่ หากรับประทานประจาจะ ช่วยเสรมิ ภูมิคมุ้ กนั ลดการตดิ เชอ้ื ต่างๆแต่กไ็ ม่ควรรับประทานสด ๆ เพราะมีสารทคี่ อยยับย้งั การดดู ซึม อาหารช่วยปอู งกนั โรคเลือดออกตามไรฟนั โรคเหงือก และลดอาการผน่ื คันต่างๆและทส่ี าคญั ยังสามารถ ชว่ ยปอู งกันโรคมะเรง็ ลดไขมันในเสน้ เลอื ดได้ดอี ีกดว้ ย จุดเด่นของภูมิปัญญา - เป็นแหลง่ ศกึ ษาดงู าน - เปน็ สถานที่ถ่ายทอดความรู้
2 วตั ถุดบิ ท่ีใช้ประโยชนใ์ นการผลติ ภัณฑท์ เี่ กดิ จากภมู ปิ ัญญา ซึง่ พน้ื ท่อี น่ื ไม่มี ได้แก่ เหด็ สวรรค์ เห็ดนางฟาู สด 4 กก. (ตากแห้งจะได้ 350 กรัม) ซีอวิ๊ ขาว 6 ชอ้ นโต๊ะ นา้ ตาลทราย 400 กรัม พริกไทย 3 ช้อนโต๊ะ เกลอื 1 ช้อนชา นา้ เปล่า 1 ถว้ ย นา้ มนั พืช 5 ชอ้ นโตะ๊ รากผักชีตาละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมตาละเอยี ด 1 ชอ้ นโต๊ะ งาขาวค่วั สกุ 5 ชอ้ นโต๊ะ เห็ด เป็นแหลง่ อาหารโปรตีนจากธรรมชาติ ท่มี ีววิ ฒั นาการมาจากการประสานเสน้ ใยจานวนมาก ของเช้ือราชน้ั สงู และถงึ แม้เหด็ จะขาดกรดอะมโิ นบางตวั ไปบา้ ง แตใ่ นเรื่องของรสชาตแิ ละเนื้อสัมผสั น้นั รบั รองว่าเหด็ ไม่เปน็ รองใครในยทุ ธจกั รอาหารอยา่ งแน่นอนทีส่ าคญั เหด็ ยงั ให้คุณค่าทางโภชนาการและมี สรรพคุณทางยา ซึ่งมีคุณสมบัติท่ชี ว่ ยเสริมภมู ิคมุ้ กันในร่างกาย และช่วยลดอตั ราความเสี่ยงจากโรครา้ ย ตา่ งๆ เชน่ โรคมะเร็ง เบาหวาน อัลไซเมอร์ หลอดเลือดหัวใจอดุ ตัน และความดนั โลหติ สูง เป็นต้น เห็ดจัดเปน็ อาหารประเภทผักท่ปี ราศจากไขมนั มีปริมาณนา้ ตาลและเกลือค่อนขา้ งตา่ และยังเปน็ แหลง่ โปรตีนทดี่ ี เมอื่ เทียบกับผักอีกหลายชนิด อีกทั้งยังมีรสชาติและกลิ่นทช่ี วนรบั ประทาน ซึ่งรสชาตทิ ี่โดดเดน่ น้ี มาจากการที่เหด็ มีกรดอะมิโนกลูตามิคเปน็ องค์ประกอบโดยกรดอะมิโนตัวน้ี จะทาหน้าทีช่ ว่ ยกระตุน้ ประสาทการรบั รู้รสอาหารของลิ้นให้ ไวกวา่ ปกติ และทาใหม้ รี สชาตคิ ลา้ ยกับเนื้อสัตว์ นอกจากนเ้ี หด็ ยัง อุดมไปดว้ ยวติ ามินโดยเฉพาะวติ ามินบรี วม (ไรโบฟลาวนิ ) และไนอาซนิ ซ่งึ จะช่วยควบคุมการทางานของ ระบบย่อยอาหารในส่วนของเกลอื แร่ เห็ดจัดเป็นแหล่งเกลือแร่ทส่ี าคัญ โดยมเี กลอื แรต่ ่างๆ เช่น ซลิ เิ นียม ทาหน้าที่ชว่ ยต้านอนุมลู อสิ ระ ลดความเส่ยี งต่อการเกิดโรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจอดุ ตนั โปแตสเซียม ทาหนา้ ทีค่ วบคุมจงั หวะการเต้นของหวั ใจ สมดลุ ของน้าในรา่ งกาย การทางานของกลา้ มเน้อื และระบบ ประสาทต่างๆ ลดการเกดิ โรคความดันโลหติ สูง อัมพฤกษ์ และอมั พาต ส่วนทองแดง ทาหนา้ ท่ีชว่ ย เสริมสร้างการทางานของธาตุเหล็ก และที่สาคัญ เหด็ มีองคป์ ระกอบของพฤกษเคมีทช่ี ่อื ว่า “โพลแี ซคคา ไรด์”(Polysaccharide) จะทางานร่วมกบั แมคโครฟากจ์ (macrophage) ซ่ึงเปน็ เซลลค์ ุ้มกนั ขนาดใหญ่ ท่ี ออกจากหลอดเลือดเขา้ สู่เน้อื เยือ่ และจะไป จับกับโพลแี ซคคาไรด์ที่บรเิ วณกระเพาะอาหาร และนาไปส่งยัง เซลลค์ ุ้มกันตวั อ่ืนๆ โดยจะช่วยกระต้นุ วงจรการทางานของระบบภูมิคุ้มกันของรา่ งกาย เสริมและช่วยเพมิ่
3 ปรมิ าณและประสิทธิภาพของเซลลค์ ุ้มกนั ธรรมชาติ ให้ทาหนา้ ทีท่ าลายเซลลแ์ ปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย รวมถึงพวกไวรัสและแบคทเี รียอ่นื ๆ ดว้ ย เหด็ นางฟาู มรี ปู ร่างลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กับเหด็ นางรมเห็ดทั้งสอง ชนิดนจี้ ัดอยู่ในวงศ์ (family) เดยี วกัน ชอื่ \"เห็ดนางฟาู \"เป็นช่อื ทต่ี ัง้ ข้ึนในเมืองไทย คนไทยบางคนเรียกวา่ เหด็ แขกเนื่องจากมีผพู้ บเหน็ เห็ดนีค้ ร้งั แรกทปี่ ระเทศอนิ เดยี พบขึน้ ตามธรรมชาติบนตอไม้เนอ้ื อ่อนที่กาลงั ผุ ในแถบเมืองแจมมู (Jammu) บรเิ วณเชงิ เขาหิมาลัย ชอื่ วทิ ยาศาสตร์ คือ Pleurotussajor-caju (Fr.) Singer เหด็ นางฟูาถูกนาไปเลีย้ งในอาหารว้นุ เปน็ ครง้ั แรกโดย Jandaikในปี ค.ศ. 1947 ตอ่ มา Rangaswamiและ Nadu แหง่ Agricultural University, Coimbattoreในอินเดยี เปน็ ผู้นาเชื้อบริสุทธข์ิ อง เห็ดนางฟาู เขา้ มาฝากไว้ท่ี American Type Culture Collection (ATCC) ในอเมริกาเม่อื ปี ค.ศ. 1975 ได้ ทราบวา่ ประมาณปี ค.ศ. 1977 ทางกองวิจัยโรคพืช กรมวชิ าการเกษตรเป็นผู้นาเช้ือจาก ATCC เข้ามา ประเทศไทยเพ่ือทดลองเพาะดูปรากฏวา่ สามารถเจริญไดด้ ี อีกสายพันธุห์ น่งึ เป็นเห็ดทมี่ ีผนู้ าเข้ามาจากประเทศภูฐานมาเผยแพรแ่ กน่ ักเพาะเหด็ ไทย ได้มกี าร เรยี กชอื่ เหด็ นี้วา่ เห็ดนางฟูาภูฐานมหี ลายสายพันธ์ซุ ึ่งชอบอุณหภูมิที่แตกต่างกัน บางพันธอ์ุ อกไดด้ ีในฤดู ร้อนบางพนั ธ์อุ อกไดด้ ใี นฤดูหนาว นิยมนาเพาะเปน็ การค้ากันมาก มลี ักษณะคล้ายกับดอกเห็ดเป๋าฮ้ือ และดอกเห็ดนางรมเมื่อเปรยี บเทยี บกับเห็ดเปา๋ ฮื้อ ดอกเหด็ นางฟูาสีจะอ่อนกว่าและมคี รีบอยู่ชดิ กันมากกวา่ เห็นนางฟูาสามารถเก็บไว้ในตเู้ ยน็ นานไดห้ ลายวัน เชน่ เดียวกับเหด็ เปา๋ ฮื้อเนอ่ื งจากเห็ดชนิดน้ไี ม่มีการย่อตัวเหมือนกบั เหด็ นางรมด้านบนของดอกจะมสี นี วลๆ ถงึ สนี า้ ตาลอ่อน ในอนิ เดียดอกเห็ดมีขนาดต้ังแต่ 5 - 14 เซ็นตเิ มตร และจะมนี า้ หนักอยูร่ ะหว่าง 30 - 120 กรมั เห็ดนางฟูามรี สอรอ่ ย เวลานาไปปรงุ อาหารจะมีกล่นิ ชวนรบั ประทานเหด็ ชนดิ น้สี ามารถนาไปตากแหง้ เก็บไว้เปน็ อาหารไดเ้ มื่อจะนาเห็ดมาปรงุ อาหารก็นาไปแชน่ ้าเห็ดจะคืนรปู เดิมได้เห็ดนางฟาู สามารถ เจรญิ เตบิ โตได้ดโี ดยเฉพาะในชว่ งปลายฝนต้นหนาวหรอื ในชว่ งอณุ หภูมิที่เหมาะสมทีส่ ดุ คอื 25 องศา เซลเซียสในระดับความชน้ื สมั พัทธ์ท่ี 80-85% จะเจริญเติบโตไดด้ ีลกั ษณะของดอกเห็ดนางฟาู โดยทว่ั ไปจะ คลา้ ยกบั เห็ดนางรมและเป๋าฮ้ือเนื่องจากอยู่ในตระกลู เดียวกนั ตา่ งกนั ตรงที่หมวกดอกจะมสี ีขาวนวลจนถึง น้าตาลออ่ นและมีเน้ือหนาแน่นกวา่ เห็ดนางรม ขนาดดอกปานกลางสามารถจาหนา่ ยทงั้ แบบสดและสามารถ นาไปแปรรปู ได้หลากหลายชนดิ เและเห็ดนางฟูา ปริมาณ 100 กรมั สามารถให้พลังงานได้ 35 กิโลแคลอรี ประกอบไปด้วย โปรตีน 2.3 กรัม ไขมัน 0.3 กรัม ไนอะซิน2.5 มลิ ลกิ รมั
4 รายละเอียดของภูมปิ ัญญาท้องถิ่น - รปู แบบในการถ่ายทอดความรู้ มีท้ังการศึกษาดูงาน การเข้ารับการอบรมและฝึกปฏบิ ัติจรงิ เพอ่ื นาประโยชนท์ ่ไี ดร้ บั ไปปฏิบัติใช้ได้จริงในชีวติ ประจาวัน รูปแบบและลกั ษณะการถา่ ยทอด การประชาสัมพันธ์ เผยแพรภ่ ูมปิ ัญญาท้องถิน่ ยังไม่เคยมกี ารเผยแพร/่ ใชเ้ ฉพาะบคุ คล / เคยเผยแพรเ่ ฉพาะในชมุ ชน มีการเผยแพร่ผ่านส่ือมวลชนและสื่ออย่างแพร่หลาย มีการดงู านจากบุคคลภายนอก จานวน.........1.......ครั้ง จานวน......4......คน มกี ารนาไปใช้ ในพน้ื ท.่ี .......25.......คน นอกพื้นท่.ี ...30......คน อืน่ ๆ (ระบุ) ลักษณะของภูมปิ ญั ญาท้องถิน่ การพฒั นาตอ่ ยอดภูมิปัญญาให้เปน็ นวตั กรรม คุณค่า (มลู ค่า) และความภาคภมู ิใจ ภูมิปัญญาท้องถิ่น/นวตั กรรมท่คี ิดคน้ ข้นึ มาใหม่ ภูมิปัญญาทอ้ งถ่นิ ดั้งเดิมไดร้ ับการถ่ายทอดมาจาก ภมู ิปัญญาทอ้ งถิ่นทไี่ ด้พัฒนาและต่อยอด แบบเดิมคือ ปลกู เหด็ นางฟา้ ในตาบลสร้อยฟ้าเป็นจานวนมาก มีการตลาดเหด็ ทีใ่ หญ่ พอสมควรเพ่อื ไวจ้ าหน่าย และบรโิ ภค การพัฒนาต่อยอดคอื การนาเห็ดมาแปรรูปให้เป็นอาหารท่ีสามารถทาไดห้ ลากหลาย รูปแบบ เช่น ทาแหนมเห็ดนางฟา้ น้าพริกเผาเหด็ นางฟา้ เหด็ นางฟา้ แดดเดียว มาวางขายหนา้ บ้าน ตลาดนัดต่างๆเพื่อเปน็ การลดรายจ่ายในครัวเรอื นสรา้ งรายได้เพ่มิ
5 ถา่ ยภาพบุคคล และอุปกรณ์/เครอื่ งมอื /ส่ิงทป่ี ระดิษฐ์ (ช้นิ งานหรอื ผลงาน) นางตีรณา แยม้ กลัด ผู้ชานาญในเร่อื งการทาเหด็ แปรรูปในรปู แบบต่างๆ รปู ภาพภูมิปัญญา รปู แบบเหด็ แปรรูปตา่ งๆทที่ าขึ้นเพ่ือไว้จาหน่าย
6 แบบบันทกึ ชดุ ข้อมลู คลังปัญญา-ภูมิปญั ญาท้องถ่นิ ตาบลสร้อยฟ้า อาเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ช่อื ภูมิปัญญา: เรอื ยาวประเพณีตาบลสร้อยฟ้า สาขาของภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิน่ สาขาศาสนาและประเพณี ขอ้ มูลพนื้ ฐาน รายบุคคล เจ้าของภูมิปญั ญาทอ้ งถิน่ /บุคคลคลงั ปญั ญา ช่อื นายธญั ญา ...สุภาพ.........วนั เดอื นปเี กิด.... 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2497.................................... ท่ีอย่ปู จั จบุ ัน (ทสี่ ามารถตดิ ต่อได้) บา้ นเลขท่ีบา้ นเลขที่.......83/2......หมทู่ .ี่ ...2......ตาบลสร้อยฟาู .... อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบุรี รหัสไปรษณยี ์ 70120 โทรศัพท์ 081-5869215...... ความเป็นมาของภูมิปญั ญา การแข่งขันเรือยาวเป็นประเพณีสาคัญท่ีจัดขึ้นในหลายชุมชนหลายจังหวัด หน่ึงในนั้นคือจังหวัด ราชบรุ ีซ่ึงมกี ารแขง่ ขนั เรือยาวในแม่น้าแม่กลองมาต้ังแต่อดีต คุณครูธัญญา(ครูต๊อก) สุภาพ ปราชญ์พื้นบ้าน ด้านมอญศึกษาแหง่ ตาบลสร้อยฟูา อาเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี อธิบายประเพณีแข่งขันเรือยาวของ คนไทยเช้ือสายมอญริมแม่น้าแม่กลองไว้ในหนังสือประเพณีมอญท่ีสาคัญว่า ประเพณีการแข่งขันเรือยาวมี มาตง้ั แต่สมัยใดไม่สามารถบอกได้อย่างแนช่ ดั สนั นิษฐานว่าคงจะมกี ารต่อเรือยาวมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพราะในยุคนั้นมีชาวมอญอพยพจากพม่าเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิ สมภารจานวนมาก และได้แยกย้ายกันไปตั้งถิ่นฐานอยู่ลุ่มน้าเจ้าพระยา ลุ่มน้าแม่กลอง และลุ่มน้าลพบุรี ชาวมอญท่ีอพยพมาคร้ังเมื่อเคยอยู่ในกรุงหงสาวดีก็มีเทศกาลแข่งขันเรือยาวเช่นเดียวกัน พวกเขาก็ยังคง รกั ษาประเพณปี ฏบิ ตั ิดังกลา่ วเม่ืออพยพมาอยู่ในไทย ซึ่งน่ีเป็นข้อสันนิษฐานของ คุณครูธัญญา(ครูต๊อก) สุภาพ จากเอกสารและคาบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในชุมชน ในขณะที่มีอีกข้อสันนิษฐานท่ีบอกว่า การ แขง่ ขันเรอื ยาวในจังหวัดราชบุรี น่าจะมีข้ึนตั้งแต่สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ในช่วงที่พระองค์นากองทัพมารบที่ บา้ นโคกกระต่าย อาเภอโพธาราม เม่อื ปี พ.ศ.2317 เมอื่ ได้ชัยชนะได้นาเชลยศึกชาวพม่าข้ึนเรือยาวพายเรือ จากแม่น้าแม่กลอง ผ่านแม่น้าท่าจีนเข้าไปยังกรุงธนบุรี การแข่งขันเรือยาวในลุ่มน้าแม่กลอง ราชบุรี จัดกัน ในช่วงฤดูน้าหลาก คือต้ังแต่ช่วงเวลาออกพรรษาวันข้ึน 15 ค่า เดือน 10 จนถึงกลางเดือน 12 เม่ือลอย กระทงแล้วเป็นอันสิ้นสุดเทศกาลแข่งเรือยาวตามประเพณี ชาวบ้านจะช่วยกันยกเรือยาวเก็บท่ีวัดของตน เพื่อรอสาหรับเทศกาลปีหน้า กาหนดเวลาเทศกาลแข่งเรือยาวประเพณีไม่เหมือนกัน สาหรับวัดริมน้าแม่ กลองวัดท่ีกาหนดวันค่อนข้างชัดเจนคือ วัดใหญ่นครชุมน์บ้านโปุง วัดไทรอารีรักษ์ อาเภอโพธาราม จุดประสงค์การจัดงานแข่งขันเรือยาวของคนไทยเช้ือสายมอญในอดีตนั้นมีหลายประการ คือเป็นทั้งการ ฉลองเทศกาลขนมกระยาสารทมอญ และต้อนรับการออกพรรษาของพระภิกษุสงฆ์ เป็นการลากจูงเรือแห่
7 กฐินผ้าปุา และขันหรือกระจาดกัณฑ์มหาชาติเวสสันดรชาดก ประเพณีของวัดนั้นๆ ด้วย และยังเป็น กิจกรรมที่ช่วยสร้างความสามัคคีระหว่างชุมชนหรือหมู่บ้าน เปิดโอกาสให้หนุ่มสาวต่างบ้านได้พบปะ สังสรรค์กัน ปัจจุบันรูปแบบและจุดประสงค์ของการแข่งขันเรือยาวเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย นอกเหนือจากการปฏิบัติสืบต่อเป็นประเพณีแล้ว มักเป็นแข่งขันเพ่ือชิงถ้วยรางวัลเป็นสาคัญ การแพ้-ชนะ กลายเปน็ ส่งิ สาคัญเพราะมเี รอ่ื งการพนันเขา้ มาเก่ียวข้อง จดุ เดน่ ของภูมิปัญญา - เปน็ แหลง่ ศึกษาดูงาน - เปน็ สถานท่ถี า่ ยทอดความรู้ วัตถุดบิ ทใ่ี ช้ประโยชน์ในการผลิตภัณฑ์ท่ีเกดิ จากภมู ิปญั ญา ซง่ึ พื้นทอ่ี ่ืนไม่มี ได้แก่ เปน็ แกนนาในการฟน้ื ฟูและไดถ้ า่ ยทอดความรู้จากหลวงปวูุ ัดม่วงเกยี่ วกับเรือยาวทด่ี มี โี ชคชัยในการ แข่งขันว่า ต้องมีพิธีการต้ังแต่เลือกต้นไม้ในปุาจนกระทั่งทาเป็นเรือยาว โดยต้องดูไม้ท่ีมีลักษณะดี มีเจ้าแม่ ยา่ นาง ไม้ที่ใชต้ ่อเรอื ยาวนยิ มใชไ้ มเ้ นอื้ แขง็ ลอยน้าดี ท่ดี ีท่สี ดุ คือไม้ตะเคียนทอง รองลงมาคือไม้พะยอม ไม้ สัก ในอดีตนิยมพากันไปหาในปุาจังหวัดกาญจนบุรี ก่อนโค่นต้องบวงสรวงขอไม้ต้นนั้นจากเจ้าปุาเจ้าเขา เทวดาประจาไม้ จดุ ธูปเทยี นดอกไมบ้ ชู า พรอ้ มทัง้ เอาอุปกรณ์การตัดท้ังหมดกองรวมที่โคนไม้น้ันด้วย เมื่อ โคน่ แลว้ ถากเป็นโกลนรปู เรือยาว ใชเ้ กวียนวัวควายชกั ลากออกจากปาุ เมอื่ ชักลากออกจากปุา ต้องอัญเชิญ เจ้าย่านางท่านไปด้วย และเชิญท่านอยู่ประจาเรือยาวนั้น การเริ่มขุดเรือต้องเลือกวันดีมีชัย และต้อง บวงสรวงด้วยเครือ่ งบายศรปี ากชาม เม่อื หมดฤดกู าลแขง่ ขนั เม่อื นาเรือยาวไปเก็บ ต้องเอาบายศรีปากชาม ครัง้ หลังสดุ ตดิ ไวท้ ่ีเรอื ยาวด้วย ปเี ทศกาลแข่งขันครัง้ ตอ่ ไปตอ้ งปฏบิ ัติเชน่ เดียวกัน และถือกันว่า หัวเรือยาว สาคัญท่สี ดุ ห้ามเดก็ หรอื ผ้หู ญงิ จับตอ้ งหรอื เลน่ ไมไ่ ดเ้ ดด็ ขาด เรือยาวแถบลุ่มน้าแม่กลาง และลุ่มน้าเจ้าพระยา มีลักษณะเหมือนกันอยู่ 2 แบบคือ หัวเรือยาว และทา้ ยเรือยาว มีทรงคลา้ ยรองระนาดเอก หัวเรอื ยาว ทา้ ยเรอื สงู เรยี กวา่ “เรือซอง” นยิ มกันมาก ส่วนอีก แบบคือหัวเรือยาวและท้ายเรือยาว มีทรงตันสามเหล่ียมยาวแบบราบเรียบ เรียกว่า “เรือโขน” ตามจารีต แลว้ เรือยาวมกั ต่อให้เป็นของวัด เปน็ ของส่วนรวม หากเป็นวัดใหญ่มีศรทั ธาวัดมาก มีฝีพายมาก อาจสร้างไว้ มากกว่าหนง่ึ ลา เช่น วัดม่วง อาเภอบ้านโปุง มี 3 ลา วัดบ้านหม้อ อาเภอโพธาราม มี 4 ลา วัดเกาะอาเภอ โพธาราม 2 ลา แมว้ ัดทต่ี งั อยูห่ า่ งไกลแม่นา้ กย็ งั มีการต่อเรือสาหรับไว้แข่งขันในงานเทศกาลแข่งเรือ โดยมัก ฝากเรือยาวเกบ็ ไวท้ วี่ ัดอยูร่ ิมแม่นา้ พวกเดียวกัน คุณครูธัญญา(ครูต๊อก) สุภาพ อธิบายการแข่งขันเรือยาวในอดีตไว้อย่างน่าสนใจว่า หากวัดใดจะมี งานเทศกาลแข่งเรือยาว วัดนั้นต้องมีหนังสือเชิญเรือต่างวัดเรียกว่า “ใบฎีกาเชิญเรือ” ให้ไปแข่งขันกันลาก จูงเรือแห่กฐินผ้าปุาและขันกัณฑ์เทศน์มหาชาติด้วย ในใบฎีกาเชิญระบุวันเวลาแข่งขัน การลากจูงเรือกฐิน
8 รางวัลเรือ พร้อมทั้งข้าวหอ่ แจกฝีพายเรอื ตามประเพณี โดยข้าวหอ่ น้ีวัดทีจ่ ัดแขง่ ขันจะจัดหาไว้เลี้ยง โดยการ บอกบุญข้าวห่อจากชาวบ้านก่อนล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 วัน เมื่อถึงกาหนดวันแข่งขัน วัดจะมีนาเรือไปรับ ขา้ วหอ่ จากชาวบา้ น โดยใช้สัญญาณเคาะ โม่งโม่งโมง่ ท่ีทา่ น้า เมื่อชาวบ้านได้ยินจะนาข้าวห่อของตนไปส่งท่ี เรือเก็บข้าวห่อ ปัจจุบันการทาบุญด้วยข้าวห่อหมดไม่มีแล้วเม่ือเรือยาวทุกลาลากจูงเรือกฐินผ้าปุาหรือขัน กัณฑ์เทศน์มหาชาติไปถึงวัดน้ันแล้ว ทางวัดจะแจกข้าวห่อให้ทานกันท่ัวทุกลาจนอิ่มหนาสาราญ เม่ือพัก เหนอื่ ยแลว้ พวกเรอื ยาวจะตกลงประกบคูแ่ ขง่ ขันกันเอง ตกลงระเบียบกตกิ ากันเองเป็นคู่ๆ ไป โดยไปแจ้งต่อ กรรมการของวดั นั้นจดั สนามและเปน็ ผ้ตู ัดสินเรอื ยาวทกุ คใู่ ห้พวกเขาดว้ ยแบบงา่ ยๆเมื่อได้เวลาเข้าสนามแข่ง ขนั ฝพี ายจะพายเรอื ยาวของตนขึ้นไปจุดปล่อยเรือ(ทุ่นปล่อย) พร้อมทั้งคู่ก็จ้าพายฝีพายเรือยาวลงมาจนถึง เสน้ ชัย ใหก้ รรมการตดั สินแพ้-ชนะเป็นค่ๆู เรียงลาดบั กันไปจนหมดคู่สุดท้าย ส่วนทางวัดเจ้าของสนามแข่ง ขันจะมอบรางวัลเรอื ยาวลาท่ชี นะทุกลา เป็นผ้าสไบสีต่างๆ ผูกท่ีหัวเรือยาวเรือยาวจะสมัครใจลงแข่งขันกัน กี่รอบก็ได้ แพ้แล้วจับคู่แข่งขันใหม่ก็ได้ ถ้าชนะจะได้รางวัลผ้าสไบสีผูกหัวเรือยาวของตน แข่งขันกันไปจน หมดรางวลั ผ้าสี หรอื จนเหนอื่ ยเลกิ ราไปเอง ไม่มีการจดั อันดบั เปน็ ที่ 1-2-3 แบบปัจจุบันฝีพายเรือยาวลุ่มน้า แมก่ ลองในอดีตน้ันไม่จากัดว่าเป็นชายหรือหญิง หากสมัครใจสามารถลงพายเรือยาวได้ทั้งนั้น เช่น เรือยาว ลาเล็กจุฝีพายได้ 15 คน จัดให้ชายน่ังหัวเรือ 5 คน ท้ายเรือ 4 คน ตรงกลางให้ผู้หญิงนั่ง 6 คน จัดที่น่ังเรือ ยาวเล็กใหญ่แบบน้ีท้ังส้ิน เพียงแต่เพ่ิมฝีพายชายหญิงตามขนาดเรือยาวนั้น เพราะมีจุดมุ่งหมายเพ่ือความ สามัคคีและความสนุกสนาม การแพ้ชนะไม่ใช่เร่ืองสาคัญ ขณะท่ีปัจจุบันการแพ้ชนะเป็นสิ่งสาคัญ ดังนั้น ฝีพายจึงต้องคัดเฉพาะชายหนุ่มร่างกายแข็งแรง มีน้าหนักตัวพอเหมาะ มีการฝึกพายเรืออย่างสม่าเสมอ และซอ้ มหนกั ก่อนการแขง่ ขนั ทุกสนาม กตกิ าและขน้ั ตอนการแข่งขนั เรือยาวเปลี่ยนแปลงไปมาก อาทิ เมอื่ เรือยาวได้รบั เชญิ แขง่ ขันต้องนา เรือไปตามกาหนดเวลา ต้องขึ้นทะเบียนเรือให้เรยี บร้อย เรือทกุ ลาต้องจบั สลากเสี่ยงประกบคเู่ ทย่ี วที่ออก เรือ และสายน้าตะวันตก-ตะวนั ออก ถา้ เรือวดั มีสองลาขึน้ ไป มสี ิทธไิ ดจ้ บั สลากก่อน ถา้ ถูกประกบค่กู ับเรือ วัดเดียวกนั ใหจ้ บั สลากใหมจ่ นกวา่ จะถูกประกบคู่กับเรอื วัดอน่ื เรือลาใดจับสลากได้คาว่า “บาย” ไมต่ ้อง แขง่ ขันในรอบน้า แตต่ ้องพายโชวล์ าเดียวจากทนุ่ ปลอ่ ยเรอื ยาวจนถงึ ทุน่ เส้นชยั ชนะ หากเรือยาวคู่ใดเข้า เทยี บทุ่นปลอ่ ยเรือแลว้ กรรมการใหส้ ัญญาณออกเรือได้ แต่ไม่ยอมออกถอื ว่ายอมแพ้เรือยาวล่มุ น้าแมก่ ลอง อาเภอบ้านโปุง จงั หวัดราชบรุ ี แบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ ประเภท ก. เรอื ยาวใหญ่ จฝุ ีพาย 24 คนขน้ึ ไป และประเภท ข. เรอื ยาวเล็ก จฝุ ีพาย 23 คนลงมาการแข่งเรือยาวปัจจุบนั มงุ่ เอาแพ้เอาชนะ เพราะมเี รื่อง พนนั เขา้ มาเกี่ยวข้อง ส่วนของรางวลั มอี าทิ ถว้ ยรางวัล เงนิ ขันเงิน โต๊ะหมูบ่ ชู า เปน็ ตน้ รางวลั ที่ได้รบั มัก ถวายให้เป็นของวดั เรอื ยาวน้ันเสมอ เรอื ยาวทุกลาแข่งขันแพ้หรอื ชนะ เม่ือขึ้นทะเบยี นเขา้ แข่งขันกบั เจ้าของ งาน จะไดร้ บั มอบรางวลั ปลอบใจหรือคา่ ลากจูงเรือยาว มากบา้ งนอ้ ยบ้างตามกาลังเจ้าภาพงานสนามแขง่ ขันเรือยาว อาเภอบ้านโปงุ อาเภอโพธาราม จงั หวดั ราชบรุ ี โดยทัว่ ไปมรี ะยะทางประมาณ 400 เมตร หรือ 500 เมตรก็มบี า้ งแตน่ อ้ ย เพราะสภาพท้องน้าแมก่ ลองไม่อานวย สนามแขง่ ขนั ที่มปี ระเพณีประจาปีมาช้า
9 นาน ได้แก่ วดั บา้ นหม้อ อาเภอโพธาราม จดั วันข้ึน 8 ค่า เดอื น 11 กอ่ นวันออกพรรษา วดั ไทรอารรี ักษ์ อาเภอโพธาราม ตรงกบั วนั ขึ้น 14 คา่ เดือน 12 วดั บา้ นโปงุ ตรงกบั วนั ขึ้น 15 คา่ เดือน 12 นอกจากนย้ี ัง มีบางวดั ทจ่ี ดั แขง่ ขัน แต่ไม่มกี าหนดวันทแ่ี นน่ อน คุณครธู ัญญา(ครูตอ๊ ก) สุภาพ เปิดเผยวา่ การแข่งขันเรือยาวไม่ไดเ้ ป็นประเพณที ีท่ ากนั เฉพาะแต่ ชาวบ้านหรอื คนในท้องถน่ิ แต่มีหน่วยงานภาครัฐหรอื องค์กรเอกชนเขา้ มารว่ มสนับสนนุ ภายใตจ้ ุดมงุ่ หมาย ท่วี า่ เพื่อสง่ เสริมและอนรุ กั ษ์ประเพณีท้องถิน่ ดงั นั้นปจั จุบนั เราจะพบว่าประเพณแี ขง่ เรอื ในราชบุรถี กู บรรจุ ไวใ้ นโปรแกรมการท่องเทย่ี วของการท่องเทีย่ วแหง่ ประเทศไทย หรอื การจัดแข่งเรือยาวของวดั ขนอน ที่มี องค์การบริหารสว่ นตาบลเขา้ มาสนบั สนุน บางปีได้งบประมาณสนบั สนุนจากสานักงานกองทนุ สนบั สนนุ การ สรา้ งเสริมสขุ ภาพ(สสส.) ภายใตช้ ื่องานการแข่งขันเรอื ยาวบุญประเพณีปลอดแอลกอฮอล์ ชิงถว้ ย พระราชทานสมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เปน็ ตน้ สบื ทอดจากรุ่นปสุู รู่ ่นุ หลานให้ความสาคญั ต่อความสืบเนือ่ งในการดาเนินงานด้านการอนุรกั ษ์และสืบ สานวัฒนธรรม จงึ วางแผนและพยายามสรา้ งทายาทหรือสร้างระบบการบรหิ ารจัดการเพื่อให้ประเพณีการ แข่งขนั เรือยาวก้าวเดินอยา่ งมั่นคงและต่อเนื่อง ทัง้ ชักชวนเยาวชนในทอ้ งถิ่นให้มาศึกษาความเปน็ มาของเรือ ต่างๆในอดตี เพอ่ื สานต่องานอนรุ กั ษ์ให้สบื ทอดตอ่ ไป ฝกึ เยาวชนรนุ่ ใหมๆ่ และประชาชนท่วั ไปพร้อมทงั้ ชักชวนเยาวชนในท้องถิ่นให้มาศึกษาความเป็นมาของ เรอื ตา่ งๆในอดตี เพ่ือสานต่องานอนุรกั ษ์ใหส้ บื ทอดต่อไป
10 รายละเอียดของภูมปิ ญั ญาทอ้ งถิ่น - รปู แบบในการถ่ายทอดความรู้ มีทงั้ การศึกษาดูงาน การเขา้ รับการอบรมและฝึกปฏบิ ัตจิ รงิ เพือ่ นาประโยชน์ท่ีได้รบั ไปปฏบิ ัติใช้ได้จรงิ ในชวี ติ ประจาวัน รูปแบบและลกั ษณะการถา่ ยทอด การประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ยงั ไม่เคยมีการเผยแพร่/ ใชเ้ ฉพาะบคุ คล / เคยเผยแพร่เฉพาะในชุมชน มกี ารเผยแพรผ่ า่ นสือ่ มวลชนและสื่ออย่างแพร่หลาย มีการดูงานจากบุคคลภายนอก จานวน.........-.......ครั้ง จานวน......-......คน มกี ารนาไปใช้ ในพน้ื ท่.ี .......-.......คน นอกพื้นท่.ี ...-......คน อ่นื ๆ (ระบุ) ลักษณะของภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ การพัฒนาตอ่ ยอดภูมิปัญญาใหเ้ ปน็ นวัตกรรม คุณค่า (มลู ค่า) และความภาคภูมใิ จ ภมู ิปญั ญาทอ้ งถ่นิ /นวัตกรรมที่คิดคน้ ขน้ึ มาใหม่ ภูมิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ดัง้ เดิมได้รบั การถ่ายทอดมาจาก ภูมิปัญญาทอ้ งถ่ินท่ีไดพ้ ฒั นาและต่อยอด แบบเดมิ คือ เป็นทั้งการฉลองเทศกาลขนมกระยาสารทมอญ และตอ้ นรับการออกพรรษา ของพระภกิ ษสุ งฆ์ เป็นการลากจูงเรือแหก่ ฐินผา้ ป่า และขนั หรือกระจาดกณั ฑ์มหาชาติเวสสันดรชาดก ประเพณีของวัดนน้ั ๆ ด้วย และยังเป็นกจิ กรรมที่ชว่ ยสร้างความสามัคครี ะหวา่ งชมุ ชนหรือหมบู่ ้าน การพัฒนาตอ่ ยอดคือ วางแผนและพยายามสร้างทายาทหรือสร้างระบบการบริหารจัดการ เพอ่ื ใหป้ ระเพณกี ารแขง่ ขนั เรือยาวก้าวเดนิ อย่างมัน่ คงและตอ่ เนื่อง ท้ังชักชวนเยาวชนในทอ้ งถ่นิ ให้มา ศกึ ษาความเปน็ มาของเรือต่างๆในอดีต เพือ่ สานตอ่ งานอนรุ ักษใ์ หส้ ืบทอดตอ่ ไป
11 ถา่ ยภาพบคุ คล และอปุ กรณ/์ เครือ่ งมือ/ส่งิ ที่ประดิษฐ์ (ช้นิ งานหรือผลงาน) นายธญั ญา ...สภุ าพ.........ปราชญช์ าวบา้ นเรือยาวประเพณตี าบลสร้อยฟ้า รปู ภาพภมู ิปัญญา นายธญั ญา ...สภุ าพ......ผู้เช่ียวชาญเร่ืองเรือยาวและอนุรักษแ์ ละสืบสานวัฒนธรรม
12 แบบบันทึกชุดข้อมลู คลงั ปญั ญา-ภูมิปัญญาทอ้ งถิน่ ตาบลสร้อยฟ้า อาเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ชื่อภูมปิ ัญญา....เกษตรกรเศรษฐกจิ พอเพียง… ขอ้ มูลพนื้ ฐานสาขาของภูมิปัญญาทอ้ งถนิ่ สาขาเกษตรกรรม รายบคุ คล เจา้ ของภูมปิ ัญญาท้องถิน่ /บุคคลคลงั ปัญญา ชอ่ื .......นายสุพนิ ........ธศุ ิริ...........วันเดอื นปเี กดิ .... 1 เมษายน.....2489........................................................... ทอ่ี ยปู่ ัจจบุ นั (ทส่ี ามารถติดต่อได้) บา้ นเลขที่..67/2..หมทู่ .ี่ ..5...ตาบลสรอ้ ยฟาู ...อาเภอโพธาราม จงั หวัด.ราชบุรี. รหัสไปรษณยี ์..........70120.......โทรศพั ท.์ ...... 089-9142023.... ความเปน็ มาของภูมิปัญญา นายสพุ ิน ธศุ ิริ เป็นผ้ปู ฏบิ ัติตามหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพียง มาเปน็ ระยะเวลา 20 ปี เน้นความพอเพียง ทาแต่พอประมาณ พึง่ พาตนเอง ใช้เหตผุ ลในการดาเนินชวี ิตและการประกอบอาชีพ ทาการจดบญั ชคี รวั เรือน บญั ชฟี ารม์ และบนั ทกึ ข้อมูลการทาการเกษตรเพอ่ื วเิ คราะห์วางแผนการผลติ มี ความคิดสร้างสรรค์ มีความเสียสละ และมีใจเป็นจิตอาสาในการถ่ายทอดความรู้ ประสบการณก์ ารทา การเกษตรแก่ผู้สนใจ มีการเรียนรู้จากการปฏบิ ัติจริง ในพ้นื ท่ี 13 ไร่ ทาการเกษตรแบบผสมผสาน ดว้ ย การทาไมก้ วาดทางมะพรา้ วและการปลูกผลไม้ ปลอดสารพิษ เช่น ชมพู่ ละมดุ มะนาว มะละกอ มะมว่ ง กล้วยหอมทอง กล้วยไข่ กลว้ ยน้าว้า เป็นต้น มีระบบการจัดการคณุ ภาพการปฏบิ ตั ทิ างการเกษตรที่ดี สาหรบั พชื ผลิตป๋ยุ ชวี ภาพ นา้ หมักชีวภาพ เพ่อื ลดต้นทนุ การผลิต ผลผลิตได้รับมาตรฐาน เป็นการสร้าง ความเชอ่ื มนั่ ให้แก่ผู้บริโภคด้านความปลอดภัยทางอาหารและดา้ นคุณภาพ มีการวางแผนการผลิต และหา วิธีการลดตน้ ทุนการผลติ เพ่ือสรา้ งความระมัดระวังด้านการประกอบอาชีพ และวางแผนการใชจ้ า่ ยใน ครอบครวั อยา่ งเปน็ ระบบ ทางานเพื่อสว่ นรวมและชมุ ชน เป็นแบบอย่างที่ดใี นการดาเนินชวี ติ เป็นท่ี ยอมรับของคนในชมุ ชน จุดเด่นของภูมปิ ัญญา - เปน็ แหล่งศึกษาดงู าน - เปน็ สถานที่ถา่ ยทอดความรู้
13 วัตถุดบิ ที่ใช้ประโยชนใ์ นการผลิตภณั ฑท์ เ่ี กดิ จากภมู ปิ ญั ญา ซง่ึ พน้ื ท่ีอ่นื ไมม่ ี ได้แก่ วางแผนและดาเนนิ กิจกรรมการเกษตรอย่างเปน็ ขน้ั เปน็ ตอน ได้แก่ ศาสตร์พระราชา ศาสตรภ์ มู ิ ปญั ญาและศาสตรส์ ากล ยดึ หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งในการดาเนินชวี ติ มากว่า 20 ปี โดยวางแผน ทาการเกษตรบนที่ดนิ ของตนเอง ขยายพ้ืนที่ตามกาลังความพร้อมจนดาเนนิ กิจกรรมเกษตรแบบผสมผสาน เต็มพ้ืนท่ี 13 ไร่ สร้างภมู คิ ุม้ กนั โดยจดั แบง่ พืน้ ทีท่ าการเกษตรตามหลักการของเกษตรทฤษฎใี หม่ขุดบ่อกัก เกบ็ น้าและเลี้ยงปลาหลายชนดิ ทาสวนผสมผสาน ปลูกผลไม้และพืชผกั สวนครวั หลากหลายท่ีให้ผลผลิต สลบั กันตลอดทัง้ ปี และสรา้ งท่อี ยู่อาศัยรวมถึงจดุ เรยี นรู้ มีการจัดทาบัญชคี รัวเรือนเพือ่ ควบคุมค่าใชจ้ ่าย และตน้ ทุนการผลิต จนสามารถปลดหนสี้ ินได้ มีเงินออมไว้ใช้ยามฉกุ เฉิน พึ่งพาตนเองได้ ครอบครวั อยดู่ ีมี สุข ลดความเสี่ยงเร่ืองผลผลิตทางการเกษตรเป็นผนู้ าด้านการเกษตรผสมผสาน ซึ่งเกษตรกรทไ่ี ด้นาแนวคิด ในการทาเกษตรผสมผสานไปปฏิบตั ทิ าใหส้ ามารถทาการเกษตรโดยพงึ่ พาตนเองได้สามารถนาแนวคดิ ดงั กล่าวไปใชแ้ ก้ไขปญั หาในการทาการเกษตรให้กับเกษตรกรไดใ้ นหลายพืน้ ท่ี “ทาไมเ่ ยอะ ทานอ้ ยๆ แต่ เรามกี าลงั ใจทีจ่ ะทาตลอดเวลา ทาไมต่ ้องเยอะ ทาแล้วมีเงินมตี งั คใ์ ช้ เหลือกินก็แจก เหลือแจกกข็ าย” น่ี เปน็ คาให้สมั ภาษณ์ของ นายสุพนิ ธศุ ริ ิ ชาวสวนเกษตรผสมผสาน ทค่ี ลกุ คลีอยู่กับการเกษตรมาเกือบ 20 ปี ถือเปน็ บุคคลทส่ี รา้ งแรงบันดาลใจให้กบั ชาวบา้ นในพ้ืนที่ หนั มาทาเกษตรผสมผสาน หรอื เกษตรทฤษฎีใหม่ ตามแนวพระราชดาริ นายสุพิน ธุศริ ิ ไดท้ าการถ่ายทอดประสบการณ์และวธิ กี ารทาการเกษตรตามแนวของ การพ่งึ พาตนเองตามที่ไดท้ าการศึกษาและคิดคน้ โดยสรา้ งฐานการเรียนรูใ้ นพน้ื ที่ของตนเองเพอื่ เปน็ แหล่ง เรยี นรู้การทาการเกษตรตามหลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง และเป็นวทิ ยากรถ่ายทอดความรู้ให้กับ เกษตรกร นักเรยี น นักศกึ ษา เปน็ อาสาสมัครใหก้ บั ส่วนราชการตา่ ง ๆ ชว่ ยถา่ ยทอดความร้โู ดยไม่หวัง ผลตอบแทน มกี ารรวมกลุม่ และสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงระหว่างชุมชนท้ังในจังหวัดและระหวา่ งจงั หวดั เพอ่ื ช่วยเหลือในการดาเนนิ กจิ กรรมทางการเกษตร และยังมกี ารเผยแพร่ผลงานผ่านส่ือตา่ ง ๆ อีกจานวนมาก 1. เปน็ วิทยากร บรรยายเกี่ยวกับการทาการเกษตรแบบผสมผสาน ที่เนน้ ใหเ้ กิดการพึ่งพาตนเอง ใชพ้ นื้ ท่ี เกษตรกรรมใหเ้ กิดประโยชนส์ งู สดุ ใหก้ ับเกษตรกร หนว่ ยงานตา่ ง ๆ และสรา้ งทีมงานเครือข่ายในการพฒั นา ท้งั ระดบั ชุมชนและท้องถน่ิ 2. ใชพ้ น้ื ทีเ่ กษตรกรรมเป็นแหลง่ ในการเรียนรแู้ ละศกึ ษาดูงาน ในการทาการเกษตรแบบผสมผสาน ใหก้ บั แก่เกษตรกร นกั เรยี น นักศึกษาและผูส้ นใจโดยทัว่ ไป ทบทวนบทเรยี นจากประสบการณท์ ่ผี ่านมาพร้อม ศึกษาแนวพระราชดาริ “หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียง” และ “เกษตรทฤษฎใี หม่” ของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยหู่ ัว ซึ่งเปน็ แรงบนั ดาลใจ หนั กลบั มาทาการเกษตรตามแนวพระราชดาริ ในปี พ.ศ. 2541โดย ดาเนนิ ชวี ิตตามหลักความพอประมาณ คือ ทาตามสภาพของตนเองทาจากนอ้ ยไปมากจากงา่ ยไปยาก พึง่ พาตนเองเน้นความพอเพยี ง ใชเ้ หตุผลในการวางแผนการดาเนินชีวติ โดยพิจารณาตามหลักการวา่ จะทา อะไร ชว่ งไหน อย่างไร เท่าไหรแ่ ละแบ่งหน้าทใี่ หก้ บั สมาชกิ ในครอบครวั พร้อมทงั้ มีการวางแผนรองรบั
14 รายละเอียดของภูมิปัญญาท้องถ่ิน - รปู แบบในการถา่ ยทอดความรู้ มีทง้ั การศึกษาดูงาน การเขา้ รบั การอบรมและฝกึ ปฏิบัติจริง เพือ่ นาประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั ไปปฏิบัติใชไ้ ดจ้ รงิ ในชีวติ ประจาวัน รูปแบบและลักษณะการถา่ ยทอด การประชาสัมพนั ธ์ เผยแพรภ่ ูมปิ ัญญาท้องถน่ิ ยงั ไมเ่ คยมีการเผยแพร/่ ใช้เฉพาะบุคคล / เคยเผยแพร่เฉพาะในชุมชน มกี ารเผยแพร่ผ่านส่ือมวลชนและสื่ออยา่ งแพร่หลาย มกี ารดูงานจากบุคคลภายนอก จานวน.........4.......ครั้ง จานวน......40......คน มกี ารนาไปใช้ ในพ้ืนท.่ี .......100...คน นอกพ้ืนที.่ ...40.....คน อน่ื ๆ (ระบุ) ลักษณะของภูมปิ ัญญาท้องถน่ิ การพัฒนาต่อยอดภมู ปิ ัญญาให้เป็นนวตั กรรม คณุ ค่า (มลู ค่า) และความภาคภมู ิใจ ภมู ิปัญญาท้องถ่ิน/นวัตกรรมทค่ี ดิ ค้นขนึ้ มาใหม่ ภมู ิปัญญาท้องถิ่นดง้ั เดิมได้รบั การถ่ายทอดมาจาก ภมู ิปญั ญาทอ้ งถนิ่ ทีไ่ ดพ้ ัฒนาและต่อยอด แบบเดมิ คือ การทาการเกษตรตามแนวของการพึง่ พาตนเองตามทไี่ ดท้ าการศกึ ษาและ คดิ ค้นโดยสร้างฐานการเรยี นรใู้ นพ้ืนที่ของตนเองเพือ่ เป็นแหล่งเรยี นรูก้ ารทาการเกษตรตามหลกั ปรัชญา ของเศรษฐกิจพอเพยี ง การพัฒนาตอ่ ยอดคือ เปน็ วทิ ยากรถา่ ยทอดความรใู้ หก้ บั เกษตรกร นักเรียน นักศกึ ษา เป็น อาสาสมัครให้กับสว่ นราชการตา่ ง ๆ ชว่ ยถ่ายทอดความรูโ้ ดยไมห่ วงั ผลตอบแทน มีการรวมกลมุ่ และ สร้างเครอื ขา่ ยเชือ่ มโยงระหว่างชุมชนท้ังในจงั หวัดและระหวา่ งจังหวดั
15 ถ่ายภาพบุคคล และอุปกรณ์/เครอื่ งมอื /สง่ิ ทป่ี ระดิษฐ์ (ชิน้ งานหรอื ผลงาน) นายสุพิน ธุศริ ิ ปราชญ์เกษตรกรเศรษฐกจิ พอเพยี งตาบลสร้อยฟา้ … รูปภาพภูมปิ ัญญา นายสพุ นิ ธุศิริ ปราชญ์เกษตรกรเศรษฐกจิ พอเพียงตาบลสร้อยฟ้าเรียนรู้การทา การเกษตรตามหลกั ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เรียนรูก้ ารทาการเกษตรตามหลักปรัชญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง …
คณะผูจ้ ดั ทา ท่ปี รึกษา ผู้อานวยการ กศน.อาเภอโพธาราม นางสนุ นั ทา โนรสี วุ รรณ ครู อาสาสมคั ร ฯ นางโสภญิ า ศรที อง รา่ ง/เรยี บเรยี งและจัดทา ครู กศน.ตาบลสร้อยฟาู นายชยั ฤกษ์ สมจิต
Search
Read the Text Version
- 1 - 19
Pages: