Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ทักษะการเรียนรู้ 6 ครั้ง

ทักษะการเรียนรู้ 6 ครั้ง

Published by nfenk.phonsa, 2020-06-11 05:07:53

Description: ทักษะการเรียนรู้ 6 ครั้ง

Search

Read the Text Version

3. การวัดการกระจาย (Measures of Variability)เป็นสถิตทิ ช่ี ว่ ยให้ทราบถงึ ความแตกต่างหรือการแปรผันของ คะแนนในชุดนั้นหรือกลุ่มน้ัน ถ้าคา่ ที่ได้มามีคา่ สูงหมายถึง คะแนนมคี วามแตกต่างกันมาก ถา้ ค่าท่ีได้มีคา่ ต่ำหมายถึง คะแนนไมแ่ ตกต่างกันมากนกั หรอื ใกล้เคียงกัน 1) พสิ ยั (Range) เปน็ ช่วงระหวา่ งคะแนนท่สี งู สุดกับคะแนนทต่ี ่ำสดุ R = H–L เมื่อ R แทน พิสยั H แทน คะแนนทสี่ งู สุด L แทน คะแนนทต่ี ่ำสดุ ตัวอยา่ งคะแนนสอบวิชาสขุ ศึกษามดี ังน้ี 19 15 14 6 18 17 8 9 R = 19 - 6 = 13 พิสยั ของคะแนนชุดนี้เทา่ กบั 13 2) สว่ นเบย่ี งเบนมาตรฐาน (Standard Deviation)เป็นการวัดการกระจายที่นิยมใชก้ ันมากเขยี น แทนดว้ ย S.D. หรือ S S.D. = (X - X)2 n–1 หรอื S.D. = nX2 - (X)2 n(n – 1) เม่ือ S.D. แทน คา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน X แทน คา่ คะแนน n แทน จำนวนคะแนนในแต่ละกลุม่ แทน ผลรวม ตัวอย่างวธิ ที ี่ 1 จงหาคา่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐานของคะแนนสอบวิชาสังคมตอ่ ไปน้ี 4 12 1 7 6 ขนั้ ท่ี 1 นำคะแนน (X) ลบค่าเฉล่ยี (X) ขั้นท่ี 2 นำคา่ (X - X) มายกกำลังสอง คะแนน (X) (X – X) (X - X)2 16 4 -4 16 12 4 9 11 3 1 7 -1 4 6 -2 40 0 (X – X)2 = 46 คา่ เฉล่ีย X = 8, n = 5

ขั้นที่ 3 แทนค่าในสูตร 4 S.D. = 46 X2 16 S.D. = 11.5 144 121 S.D. = 3.39 49 36 ตวั อยา่ ง วธิ ีท่ี 2 X2 = 366 คะแนน (X) 4 12 11 7 6 X = 40 S.D. = 5(366) - (40)² 5(4) = 1830 - 1600 20 S.D. = 3.39 3) ความแปรปรวน (Variance) ก็คือ ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐานยกกำลงั สอง S² = (X - X)2 n–1 หรอื n(n – 1) S² = nX2 - (X)2

3 สถิติที่ใชใ้ นการทดสอบสมมุตฐิ านความแตกต่างระหวา่ งคา่ เฉลย่ี ของกลมุ่ ตัวอย่าง การทดสอบสมมุตฐิ าน เป็นการทดสอบคำตอบสรปุ ของผลการวิจยั ที่ผูว้ ิจยั คาดการณ์หรอื คาดคะเนลว่ งหน้า โดยการทดสอบสมมุติฐานน้ีจะใชส้ ถิติเชิงอ้างอิง (Inferential Statistics) ในทีน่ ้ีจะกลา่ วถึงสถติ ิ t - test ในบางกรณี เท่านนั้ 1. กรณีกลุ่มตัวอย่าง 1 กลุ่ม ทดสอบหลังเรยี นจะใชส้ ูตรดงั นี้ t = X − 0 df = n −1 S n เมื่อ t แทน ค่าสถิติทใ่ี ช้ในการเปรียบเทียบกบั ค่าวิกฤติ เพอื่ ทราบ ความมนี ยั สำคัญ X แทน ค่าเฉล่ียของกล่มุ ตวั อยา่ ง S แทน คา่ ส่วนเบ่ยี งเบนมาตรฐาน n แทน จำนวนสมาชิกในกลุ่มหรอื จำนวนข้อมูล µ0 แทน เกณฑ์ 2. กรณกี ลุ่มตัวอย่าง 1 กล่มุ หรอื ขอ้ มูล2 ชดุ เช่น คะแนนสอบก่อนเรียน(Pre - test) และคะแนนสอบหลัง เรียน (Post - test) จะใช้สูตรดงั น้ี t = D df = n −1 nD 2 − (D)2 (n −1) เมื่อ t แทน คา่ สถิตทิ ่ีใช้ในการเปรยี บเทยี บกบั ค่าวิกฤติ เพอื่ ทราบ ความมีนยั สำคัญ D แทน ค่าผลตา่ งระหว่างคู่คะแนน D แทน ผลรวมค่าผลต่างระหว่างค่คู ะแนน n แทน จำนวนกลมุ่ ตัวอย่างหรือจำนวนคคู่ ะแนน

ใบงานท่ี 6 เรอ่ื งการวิจยั อยา่ งงา่ ย 1. ใหผ้ ู้เรียนอธิบายความหมายของคำต่อไปน้ี ความถี่ (Frequency)…………………………………………………………………………………………………………………… รอ้ ยละ (Percentage)………………………………………………………………………………………………………………… ค่าเฉลย่ี (Mean)………………………………………………………………………………………………………………………… 2.ประเภทของเครือ่ งมอื การวิจยั ที่นิยมใชก้ ันมากมอี ะไรบ้าง ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …......……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………… 3. องคป์ ระกอบของโครงการวิจัยมอี ะไรบ้าง จงอธบิ าย ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………...... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… 4. ใหผ้ เู้ รยี นค้นหาเรื่องท่ีตนเองสนใจ แลว้ นำมาเขียนเปน็ โครงการวจิ ยั อยา่ งง่าย ตามหัวข้อตอ่ ไปน้ี (เขียนตามแบบฟอรม์ โครงการ) -ชือ่ โครงการวจิ ยั -ความเปน็ มาและความสำคัญ -วัตถปุ ระสงคข์ องการวจิ ัย -วิธีดำเนนิ งานวจิ ยั -ปฏิทนิ ปฏบิ ตั งิ าน -ประโยชน์ท่ีคาดว่าจะได้รับ 5. จากข้อ 4 ให้ผูเ้ รียนนำมาเขยี นรายงานการวิจยั อย่างงา่ ย โดยมีองค์ประกอบ ดงั หวั ข้อตอ่ ไปน้ี 1. ช่อื เรอ่ื ง 2. ชื่อผู้วจิ ัย 3. ความเปน็ มาของการวจิ ัย 4. วตั ถุประสงค์ของการวิจยั 5. วิธดี ำเนนิ การวจิ ัย 6. ผลการวิจยั 7. ขอ้ เสนอแนะ 8. เอกสารอ้างอิง(ถา้ มี)

แบบทดสอบ เรือ่ ง เรื่อง วิจยั คืออะไร มีประโยชนอ์ ย่างไร คำสั่ง ให้นักเรียนเลือกคำตอบทีถ่ ูกตอ้ งที่สดุ เพยี งขอ้ เดยี ว โดยทำเคร่ืองหมาย X ลงในชอ่ งว่าง ให้ตรงกับข้อ ก ข ค หรือ ง ของกระดาษคำตอบ ๑. ข้อใดเป็นความหมายของการวิจยั อย่างง่าย ก. ท างานอย่างเขา้ ใจ ข. การวางแผนงานอยา่ งเป็นระบบ ค. การคาดเดาคำตอบอยา่ งมรี ะบบ ง. การศึกษาคน้ ควา้ เร่อื งท่ีสนใจที่ไม่ซบั ซอ้ นมากนกั 2. ขอ้ ใดเป็นประโยชนข์ องการวจิ ัยต่อตัวผ้วู ิจยั เอง ก. ฝึกการทำงานอยา่ งมรี ะบบ ข. เกดิ การทำงานและนวัตกรรม ค. เกดิ นวตั กรรมส่ิงประดษิ ฐ์ใหม่ ๆ ง. ชว่ ยวางแผนและตัดสนิ ใจ 3. ข้อใดเป็นเคร่ืองมือการวิจัย ที่แพร่หลายทส่ี ุด ก.แบบสอบถาม ข.แบบสมั ภาษณ์ ค.แบบสังเกต ง.ไมใ่ ช่ทง้ั ขอ้ ก,ข และ ค 4. นักศกึ ษาคิดวา่ การเรยี นรูเ้ รื่องวจิ ยั อยา่ งง่าย กอ่ ใหเ้ กิดประโยชน์ทเี่ ป็นไปไดท้ ีส่ ุดคือข้อใด ก.ช่วยใหม้ องเหน็ แก่นที่ของสังคมชดั เจนข้นึ ข.ชว่ ยใหเ้ ปน็ นกั วิจัยทดี่ ใี นอนาคต ค.ชว่ ยใหร้ ู้จกั วธิ ีการหาคำตอบที่เช่อื ถือได้ ง.ช่วยให้รูจ้ กั การแยกคนดแี ละคนเลวในสังคมได้ 5.ขอ้ ใดไมใ่ ชข่ น้ั ตอนการวจิ ยั ก.วตั ถปุ ระสงค์ในการวจิ ัย ข.ประโยชนใ์ นการวจิ ัย ค.ขอบเขตของการวจิ ัย ง. รายชื่อผู้วจิ ยั เฉลย 1.ง 2.ก 3.ก 4.ค 5.ง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook