รหัส 3200-1003 หลกั การตลาด(Principle of Marketing)
หน่วยท่ี 1ความพืน้ ฐานทางการตลาด (Basic of Marketing)
หน่วยท่ี ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) ลกั ษณะทั่วไปของการตลาด (The Nature of Marketing) การตลาดมีความเกี่ยวขอ้ งกับการดาเนินชีวิตของมนุษย์อยู่ตลอดเวลา เนื่องจากมนุษยม์ ีความตอ้ งการและความอยากไดไ้ ม่มีที่สิ้นสุด พยายามเสาะ แสวงหาส่ิงต่าง ๆ ท่ีเป็นท้งั สินคา้ และบริการ เพื่อนามาตอบสนองความตอ้ งการ ของตนเอง ดงั น้นั กิจกรรมของการตลาดท่ีเก่ียวขอ้ งกบั มนุษย์ มีอยู่ 3 ลกั ษณะ คือ การผลติ การจดั จาหน่าย การบริโภค(Production) (Distribution) (Consumption)
หน่วยท่ี ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) ความหมายของ “ตลาด” (Market) และ “การตลาด” (Marketing) ตลาด หมายถึง สถานที่ที่เป็ นชุมชนหรือเป็ นท่ีชุมนุมเพื่อซ้ือและขายสินคา้ ท้งั ในรูปของวตั ถุดิบและ สินคา้ สาเร็จรูปเป็นประจา เป็นคร้ังคราว หรือตามวนั ที่กาหนด โดยที่ต้งั ของตลาดอาจมีเพียงท่ีเดียว หรือหลายที่ ที่ต้งั อยูใ่ กลก้ นั ในบริเวณท่ีมีทาเลเหมาะสม เช่น เป็ นศูนยก์ ลางของชุมชน และเหมาะจะเป็นท่ีนดั พบ หรือเป็ น แหล่งแลกเปลี่ยนขอ้ มูลข่าวสารต่าง ๆ ของคนในชุมชนน้นั ๆ ตลาด เป็ นการชุมนุมกนั ทางสงั คม แลกเปล่ียนสินคา้ กนั และตลาดยงั หมายรวมถึงสถานท่ีท่ีมนุษยม์ า ชุมนุมกนั เพ่ือคา้ ขาย ในทางเศรษฐศาสตร์ ตลาดหมายถึงการแลกเปล่ียนซ้ือขาย โดยไม่มีความหมายของสถานท่ี ทางกายภาพ การตลาด หมายถึง กระบวนการวางแผนและบริหารในดา้ นแนวความคิด การกาหนดราคา การส่งเสริม การตลาด การจดั จาหน่ายสินคา้ หรือบริการ เพ่ือสร้างสรรคใ์ หเ้ กิดการแลกเปล่ียนสินคา้ หรือบริการ ซ่ึงทาใหแ้ ต่ ละบุคคลเกิดความพึงพอใจและบรรลุวตั ถุประสงคข์ ององคก์ ร องค์ประกอบของการตลาด 1. มีกิจกรรมท่ีเก่ียวขอ้ ง ไดแ้ ก่ การผลิต การจดั จาหน่าย และการบริโภค 2. มีความจาเป็น ความตอ้ งการ และความตอ้ งการซ้ือในสินคา้ และบริการ 3. มีการแลกเปลี่ยน ซ้ือ ขาย โดยใชเ้ งินเป็นสื่อกลาง 4. ความเตม็ ใจในการซ้ือ 5. มีอานาจในการตดั สินใจซ้ือ
หน่วยที่ ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) ความสาคญั ของตลาด (The Importance of Marketing) ปัจจุบนั การตลาดเป็ นกิจกรรมท่ีมีบทบาทต่อองคก์ รต่าง ๆ อย่างมาก โดยเป็ นตวั จกั รสาคญั ในการ ขบั เคลื่อนการดาเนินงานให้สามารถบรรลุจุดประสงคท์ ่ีตอ้ งการได้ ซ่ึงการตลาดมีความสาคญั ในดา้ นต่าง ๆ ดงั ต่อไปน้ี 1. ความสาคญั ต่อระบบเศรษฐกิจ 2. ความสาคญั ต่อองคก์ รธุรกิจ 3. ความสาคญั ต่อผบู้ ริโภค อรรถประโยชน์ 3.1 อรรถประโยชน์ดา้ นรูปร่าง 3.2 อรรถประโยชน์ดา้ นเวลา 3.3 อรรถประโยชนด์ า้ นสถานที่ 3.4 อรรถประโยชน์ดา้ นความเป็นเจา้ ของ 4. ความสาคญั ต่อสงั คม
หน่วยที่ ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) แนวทางการศึกษาการตลาด (Approach to Study of Marketing) กิจกรรมทางการตลาดเขา้ มามีบทบาทเก่ียวขอ้ งกบั ชีวิตประจาวนั ของมนุษยต์ ลอดเวลา ดงั น้นั ทุกคนจึง ควรทาความเขา้ ใจศึกษาความรู้เกี่ยวกบั การตลาด เพ่ือเป็นประโยชน์ต่อการดารงชีวิตหรือการประกอบอาชีพต่าง ๆ ใหเ้ กิดประสิทธิภาพเป็นอยา่ งดี โดยแนวทางการศึกษาการตลาดมีดงั ต่อไปน้ี 1. ศึกษาเกี่ยวกบั สินคา้ ท่ีใชใ้ นการผลิต 2. ศึกษาเก่ียวกบั สถาบนั 2.1 สถาบนั เพ่ือการลงทุน 2.2 สถาบนั เก่ียวกบั การหาขอ้ มูลการตลาดหรือวิจยั ตลาด 2.3 สถาบนั เก่ียวกบั การขนส่งเคล่ือนยา้ ยสินคา้ 2.4 สถาบนั ท่ีช่วยในการจดั จาหน่าย 2.5 สถาบนั การประกนั ภยั 3. ศึกษาเก่ียวกบั หนา้ ที่ในการปฏิบตั ิงาน 4. ศึกษาเก่ียวกบั สงั คม 5. ศึกษาเกี่ยวกบั การบริหาร
หน่วยที่ ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การตลาด เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความสามารถของชุมชนเมือง รัฐ ประเทศ ภูมิภาค หรือหน่วยงานในการ ผลิตสินคา้ และบริการทุกชนิดเพ่ือเล้ียงสงั คมน้นั ไดโ้ ดยไม่ตอ้ งพ่ึงพาปัจจยั ภายนอกชีวติ /เศรษฐกจิ /สังคม/สิ่งแวดล้อม สมดุล/มนั่ คง/ยง่ั ยืน นาสู่ พอประมาณมีเหตุผล ภูมิคุม้ กนั เง่ือนไขความรู้ เง่ือนไขคุณธรรม(รอบรู้ รอบคอบ ระมดั ระวงั ) (ซื่อสัตย์สุจริต ความเพยี ร ความอดทน แบ่งปัน)
หน่วยที่ ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การตลาด หลกั ในการพจิ ารณาปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง มี 5 ส่วนดงั น้ี 1. กรอบแนวคิด 2. คุณลกั ษณะ 3. คานิยาม 3.1 ความพอประมาณ 3.2 ความมีเหตุผล 3.3 การมีภูมิคุม้ กนั ที่ดีในตวั 4. เงื่อนไข 4.1 เง่ือนไขความรู้ 4.2 เง่ือนไขคุณธรรม 5. แนวทางปฏิบตั ิ/ผลที่คาดวา่ จะไดร้ ับ
หน่วยท่ี ความพืน้ ฐานทางการตลาด 1 (Basic of Marketing) เศรษฐกจิ พอเพยี งกบั การตลาด ระดบั ความพอเพยี งในด้านการตลาด 1. พอเพียงระดบั ครอบครัว 2. พอเพียงระดบั ชุมชน 3. พอเพียงระดบั ประเทศ 3.1 การศึกษาเพิ่มพนู ความรู้ และฝึกอบรมทกั ษะความชานาญใหป้ ระชาชน 3.2 การแสวงหาผนู้ าภูมิปัญญาในชุมชน 3.3 จดั ต้งั องคก์ รประชาชนแลว้ ใหผ้ นู้ า ตามขอ้ 2 มาเป็นผนู้ าการจดั การ 3.4 ปฏิรูปปรับปรุงองคก์ รการภาครัฐ ธุรกิจเอกชน และอาสาสมคั รของประชาชน เพื่อเขา้ ร่วมกบั ขอ้ 3 3.5 จดั ระบบบริการสนบั สนุนทุกสาขาวิชา 3.6 รัฐและประชาชนตอ้ งจดั กิจกรรมดา้ นปกป้องและใหค้ วามคุม้ ครองในเร่ือความปลอดภยั ในชีวิต และทรัพยส์ ิน 4. เพียงพอในระดบั การส่งออก
หน่วยที่ 2แนวความคดิ และสิ่งแวดล้อมทางการตลาด(Marketing Concept and Marketing Environment)
หน่วยที่ แนวความคดิ และสิ่งแวดล้อมทางการตลาด 2 (Marketing Concept and Marketing Environment) แนวความคดิ ทางการตลาด (Marketing Concept) แนวความคิดทางการตลาด เป้นการกาหนดแนวทางในการปฏิบตั ิงานทางการตลาด และจดั สรร ทรัพยากรของกิจการ เพ่ือให้บรรลุจุดมุ่งหมายตามแนวทางน้นั มีการเปล่ียงแปลงไปตามยคุ สมยั เพ่ือให้เหมาะ กบั ความตอ้ งการของสงั คม ระบบเศรษฐกิจและสภาพแวดลอ้ มท่ีเปล่ียนไป ววิ ฒั นาการของแนวความคดิ ทางการตลาด แบ่งออกเป็น 5 แนวความคิด ดงั น้ี 1. แนวความคิดแบบมุ่งเนน้ การผลิต 2. แนวความคิดแบบมุ่งเนน้ ผลิตภณั ฑ์ 3. แนวความคิดแบบมุ่งเนน้ การขาย 4. แนวความคิดแบบมุ่งเนน้ การตลาด 5. แนวความคิดแบบมุ่งเนน้ สงั คม ส่ิงแวดล้อมทางการตลาด (Marketing Environment) สิ่งแวดล้อมทางการตลาด แบ่ง 2 ประเภท 1. ส่ิงแวดลอ้ มภายใน 2. สิ่งแวดลอ้ มภายนอก
หน่วยที่ แนวความคดิ และส่ิงแวดล้อมทางการตลาด 2 (Marketing Concept and Marketing Environment) แนวความคดิ ทางการตลาด (Marketing Concept) SWOT ยอ่ มาจากคาวา่ Strength = จุดแขง็ Weakness = จุดอ่อน Opportunity = โอกาส Threat = อุปสรรค เป็นส่ิงท่ีธุรกิจนามาวเิ คราะห์และประเมินเพ่ือใชใ้ นการวางแผนและกาหนดกลยทุ ธท์ างการตลาด ดงั น้ี 1. Strength (จุดแขง็ ) เป็นการพิจารณาขอ้ ดี หรือจุดเด่นที่เก่ียวกบั บริษทั ผลิตภณั ฑ์ ส่วนประสมทาง การตลาด (4 P’s) และปัจจยั ภายในท่ีบริษทั สามารถควบคุมได้ และนามาใชใ้ นการวางแผนกลยุทธ์ การตลาด 2. Weakness (จุดอ่อน) เป็ นการพิจารณาขอ้ เสีย หรือจุดดว้ ย หรือขอ้ บกพร่องที่อยภู่ ายในบริษทั และ ผลิตภณั ฑ์ ซ่ึงเป็นปัจจยั ที่บริษทั สามารถควบคุมไดแ้ ละบริษทั จาเป็นตอ้ งปรับปรุงแกไ้ ข 3. Opportunity (โอกาส) แนวความคิดแบบมุ่งเนน้ สงั คม
หน่วยท่ี 3การแบ่งส่วนตลาด การเลือกตลาดเป้าหมาย และการกาหนดตาแหน่งผลติ ภัณฑ์ (Market Segmentation, Market Targeting and Market Positioning)
หน่วยท่ี การแบ่งส่วนตลาด การเลือกตลาดเป้าหมาย และการกาหนดตาแหน่งผลติ ภัณฑ์ 3 (Market Segmentation, Market Targeting and Market Positioning) การแบ่งส่วนตลาด (Market Segmentation) การแบ่งส่วนตลาด หมายถึง การแบ่งกลุ่มลูกคา้ หรือตลาดของผลิตภณั ฑ์ชนิดใดชนิดหน่ึงท่ีมีความ แตกต่างกนั ออกเป็ นส่วนย่อยๆ หรือเป็ นการจดั กลุ่มลูกคา้ ที่มีลกั ษณะและความตอ้ งการคลา้ ยคลึงกนั ให้อยู่ ร่วมกนั เป็นกลุ่มยอ่ ยๆ โดยพิจารณาจากกลุ่มผบู้ ริโภคซ่ึงมีความแตกต่างกนั ตามอายุ เพศ รายได้ ระดบั การศึกษา อาชีพ ศาสนา วฏั จกั รชีวติ ของครอบครัว ระดบั ของการแบ่งส่วนตลาด แบ่งออกเป็ น 4 ระดบั 1. การตลาดรวม ( Mass Marketing) 2. การตลาดแบบแบ่งส่วน (Segment Marketing) 3. การตลาดส่วนยอ่ ย (Niche Marketing) 4. การตลาดเฉพาะบุคคล (Micro Marketing) หลกั เกณฑ์การแบ่งส่วนตลาดผ้บู ริโภค (Bases for Segmenting Consumer Markets) 1. การแบ่งส่วนตลาดตามหลกั ภูมิศาสตร์ 2. การแบ่งส่วนตลาดตามหลกั ประชากรศาสตร์ 3. การแบ่งส่วนตลาดตามหลกั จิตวิทยา 4. การแบ่งส่วนตลาดตามหลกั พฤติกรรมศาสตร์
หน่วยที่ การแบ่งส่วนตลาด การเลือกตลาดเป้าหมาย และการกาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ 3 (Market Segmentation, Market Targeting and Market Positioning) การแบ่งส่วนตลาด (Market Segmentation) หลกั เกณฑ์การแบ่งส่วนตลาดอตุ สาหกรรม (Bases for Segmenting Industrial Markets) 1. การแบ่งตามลกั ษณะประชากร 2. ตวั แปรดา้ นการดาเนินงาน 3. การแบ่งตามวิธีการซ้ือ 4. การแบ่งตามสถานการณ์ 5. การแบ่งตามลกั ษณะเฉพาะบุคคล
หน่วยที่ การแบ่งส่วนตลาด การเลือกตลาดเป้าหมาย และการกาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ 3 (Market Segmentation, Market Targeting and Market Positioning) การเลือกตลาดเป้าหมาย (Target Market Decision) การเลือกตลาดเป้าหมาย หมายถึง การประเมินและเลือกตลาดในส่วนใดส่วนหน่ึงหรือมากกว่าอยู่ ท้งั หมด จากท่ีไดท้ าการแบ่งส่วนตลาดไปแลว้ ซ่ึงเป็ นวิธีการกาหนดความแตกต่างแต่ละส่วนตลาด (Market Segment) เพ่ือใหเ้ ป็นตลาดเป้าหมายท่ีชดั เจนและใชส้ ่วนประสมทางการตลาดกบั ส่วนที่เลือกน้นั ตลาดเป้าหมาย target market หรือ target Group หมายถึง กลุ่มผูบ้ ริโภคคือส่วนตลาดท่ีนกั การตลาด สนใจและเลือกที่จะเขา้ ไปดาเนินกิจกรรมทางการตลาด เพ่ือตอบสนองความตอ้ งการของผบู้ ริโภคกลุ่มน้นั ๆ การ เลือกตลาดเป้าหมายมี 2 ข้นั ตอน คือ 1. การประเมินส่วนตลาด 2. การเลือกส่วนตลาด การกาหนดตาแหน่งผลติ ภัณฑ์ (Market Positioning) 1. ความแตกต่างดา้ นผลิตภณั ฑ์ 2. ความแตกต่างดา้ นบริการ 3. ความแตกต่างดา้ นบุคคล 4. ความแตกต่างดา้ นภาพลกั ษณ์
หน่วยที่ การแบ่งส่วนตลาด การเลือกตลาดเป้าหมาย และการกาหนดตาแหน่งผลติ ภณั ฑ์ 3 (Market Segmentation, Market Targeting and Market Positioning) กลยุทธ์การตลาดในการแข่งขนั (Competitive Marketing strategies) 1. กลยทุ ธก์ ารแข่งขนั ทางการตลาดของผนู้ า 1.1 การขยายตลาดรวม 1.2 การป้องกนั ส่วนครองตลาด 1.3 การขยายส่วนครองตลาด 2. กลยทุ ธ์การแข่งขนั ทางการตลาดของผทู้ า้ ชิง 2.1 การโจมตีโดยตรง 2.2 การโจมตีทางออ้ ม 2.3 การโจมตีโอบออ้ ม 3. ประยทุ ธก์ ารแขง่ ขนั ทางการตลาดของผตู้ าม 3.1 การตามอยา่ งใกลช้ ิด 3.2 การตามอยา่ งห่าง 3.3 การเลือกตาม 4. กลยทุ ธท์ างการแขง่ ขนั ทางการตลาดของผเู้ จาะตลาด
หน่วยท่ี 4 พฤตกิ รรมผู้บริโภค(Consumer Behavior)
หน่วยท่ี พฤติกรรมผู้บริโภค 4 (Consumer Behavior) ความหมายของพฤตกิ รรมผู้บริโภค (The Meaning of Consumer Behavior) พฤตกิ รรม (Behavior) หมายถึง การกระทาหรืออาการที่แสดงออกทางขา้ มเน้ือ ความคิด และความรู้สึก เพ่ือตอบสนองส่ิงเร้า ผู้บริโภค (Consumer) หมายถึง ผซู้ ้ือหรือผไู้ ดร้ ับการบริการจากผปู้ ระกอบธุรกิจ และหมายความถึงผทู้ ่ี ไดร้ ับการเสนอหรือชกั ชวนจากผปู้ ระกอบธุรกิจ เพ่ือซ้ือสินคา้ หรือรับบริการดว้ ย พฤตกิ รรมผู้บริโภค (Consumer Behavior) หมายถึง การกระทาของบุคคลท่ีเก่ียวขอ้ งโดยตรงกบั การ ได้รับและการใช้สินคา้ หรือบริการทางเศรษฐกิจรวมถึงกระบวนการตดั สินใจที่เกิดข้ึนก่อนและที่เป็ นตัว กาหนดใหเ้ กิดการกระทาต่างๆ ข้ึน ปัจจยั ทม่ี อี ทิ ธิพลต่อพฤตกิ รรมการซื้อ 1. ปัจจยั ส่วนบุคคล ไดแ้ ก่ เพศ อายุ สถานภาพ การศึกษา อาชีพ รายได้ 2. ปัจจยั ด้านจติ วทิ ยา ประกอบดว้ ย การจูงใจ การรับรู้ การเรียนรู้ ความเช่ือ ทศั นคติ 3. ปัจจยั ด้านสังคม ประกอบดว้ ย ครอบครัว ผนู้ าทางความคิด วฒั นธรรม
หน่วยที่ พฤติกรรมผู้บริโภค 4 (Consumer Behavior) ทฤษฎคี วามต้องการของมาสโลว์ (Maslow's Hierarchy of Needs Theory) อบั ราฮมั แฮโรลด์ มาสโลว์ นกั จิตวิทยาแห่งมหาวิทยาลยั แบรนดีส์ ไดพ้ ฒั นาทฤษฎีการจูงใจท่ีรู้จกั กนั มากที่สุดเทศดีหน่ึงข้ึนมา โดยระบบว่าบุคคลจะมีความตอ้ งการท่ีเรียงลาดบั จากระดบั พ้ืนฐานไปยงั ระดบั สูงสุด ดงั น้ี 5. ความสาเร็จในชีวติ 4. ความต้องการการยกย่องนับถือ 3. ความต้องการทางสังคม 2. ความต้องการความปลอดภัย 1. ความต้องการทางด้านร่างกาย
หน่วยที่ พฤติกรรมผู้บริโภค 4 (Consumer Behavior) การวเิ คราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค (Analyzing Consumer Behavior) 1. ใครอยใู่ นตลาดเป้าหมาย 2. ผบู้ ริโภคซ้ืออะไร 3. ทาไมผบู้ ริโภคจึงซ้ือสินคา้ 4. ใครมีส่วนร่วมในการตดั สินใจซ้ือ 5. ผบู้ ริโภคซ้ือเม่ือไร 6. ผบู้ ริโภคซ้ือท่ีไหน 7. ผบู้ ริโภคซ้ืออยา่ งไร กระบวนการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค (Buying Decision Process) 1. การรับรู้ปัญหา 2. การแสวงหาขอ้ มูล 3. การประเมินผลทางเลือก 4. การตดั สินใจซ้ือ 5. พฤติกรรมหลงั การซ้ือ
หน่วยท่ี พฤติกรรมผู้บริโภค 4 (Consumer Behavior) แบบจาลองพฤตกิ รรมผู้บริโภค (Consumer Behavior Model)ส่ิงกระตุ้นภายนอก การตอบสนองของผู้บริโภค ส่ิงกระตุ้น สิ่งกระตุ้น กล่องดา - การเลือก ซื้อทางการตลาด อื่นๆ (ความรู้สึกนึกคิด ผลิตภณั ฑ์ ไม่ซื้อ ของผบู้ ริโภค) - การเลือกผขู้ าย- ผลิตภณั ฑ์ - เศรษฐกิจ - การเลือกตรายหี่ อ้- ราคา - กฎหมาย ผบู้ ริโภค - เวลาในการซ้ือ- สถานท่ี - เทคโนโลยี - ปริมาณการซ้ือ- การส่งเสริม - วฒั นธรรม การตลาด ฯลฯ ลกั ษณะของผู้บริโภค กระบวนการตดั สินใจซื้อ - ลกั ษณะส่วนบุคคล - การรับรู้ปัญหา - ลกั ษณะทางสงั คม - การคน้ หาขอ้ มูล - ลกั ษณะทางวฒั นธรรม - การประเมินทางเลือก - ลกั ษณะทางจิตวทิ ยา - การตดั สินใจซ้ือ - พฤติกรรมหลงั การซ้ือ
หน่วยท่ี 5 ผลติ ภณั ฑ์ (Product)
หน่วยที่ ผลติ ภัณฑ์ 5 (Product) ความหมายของผลติ ภณั ฑ์ (The Meaning of Product) ผลติ ภัณฑ์ (Product) หมายถึง ส่ิงท่ีเสนอขายโดยธุรกิจ เพ่ือสนองความตอ้ งการของผูบ้ ริโภคให้ไดร้ ับ ความพึงพอใจ ผลิตภณั ฑท์ ่ีเสนอขายอาจมีตวั ตนหรือไม่มีตวั ตนก็ได้ ซ่ึงประกอบดว้ ย สินคา้ บริการ ความคิด สถานที่ องคก์ ร คือบุคคลการขายเป็นการใหค้ วามช่วยเหลือ องค์ประกอบของผลติ ภัณฑ์ (Product Component) เป็ นการพิจารณาถึงคุณสมบตั ิและลกั ษณะที่เป็ นส่วนต่างๆ ของผลิตภณั ฑ์โดยทว่ั ไปผลิตภณั ฑ์จะมี องคป์ ระกอบอยู่ 5 ส่วนดว้ ยกนั คือ 1. ผลิตภณั ฑห์ ลกั 2. ส่วนที่บ่งช้ีเก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์ 3. ส่วนเพิ่มของผลิตภณั ฑ์ 4. ส่วนที่คาดหวงั จากผลิตภณั ฑ์ 5. ศกั ยภาพของผลิตภณั ฑ์
หน่วยท่ี ผลติ ภัณฑ์ 5 (Product) การแบ่งประเภทของผลติ ภัณฑ์ (Product Classification) ผลิตภณั ฑท์ ่ีจาหน่ายอยใู่ นตลาดมีอยหู่ ลากหลายชนิด ดงั น้นั อาจจะใชห้ ลกั เกณฑห์ รือมาตรฐานในการ พิจารณาเพื่อนจาแนกประเภทของผลิตภณั ฑ์ที่แตกต่างกันไปได้หลายๆ ด้าน โดยทว่ั ไปผลิตภณั ฑ์จาแนก ออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดงั น้ี 1. ผลิตภณั ฑเ์ พื่อการบริโภค 2. ผลิตภณั ฑเ์ พื่อการอุตสาหกรรม ส่วนผสมของผลติ ภณั ฑ์ (Product Mix) ส่วนผสมของผลิตภณั ฑ์ (Product Mix) หมายถึง จานวนของผลิตภณั ฑท์ ้งั หมดของกิจการที่มีอยเู่ พื่อ นาเสนอขายต่อผบู้ ริโภค ประกอบดว้ ย 1. สายผลติ ภัณฑ์ หมายถึง กลุ่มของผลิตภณั ฑท์ ี่อยภู่ ายในระดบั ช้นั ของผลิตภณั ฑ์ และมีความสมั พนั ธ์ ใกลช้ ิดกนั ในลกั ษณะของการใชง้ านร่วมกนั การทาหนา้ ท่ีคลา้ ยคลึงกนั หรือการขายใหล้ ูกคา้ กลุ่มเดียวกนั การใช้ โครงสร้างการจดั จาหน่ายอยา่ งเดียวกนั หรืออยภู่ ายในช่วงเวลาที่กาหนดไว้ 2. รายการผลติ ภัณฑ์ หมายถึง ลกั ษณะของผลิตภณั ฑ์ใดๆ ที่กิจการมีไวจ้ าหน่าย ซ่ึงมีความแตกต่างไป จากผลิตภณั ฑ์อ่ืน ภายในตลาดสินคา้ หรือภายในสายผลิตภณั ฑเ์ ป็ นความแตกต่างในดา้ นของขนาด รูปแบบ ราคา หรือคุณสมบตั ิสาคญั ในวนั อื่นๆ อยา่ งใดอยา่ งหน่ึง
หน่วยที่ ผลติ ภณั ฑ์ 5 (Product) ประเภทของตราสินค้า (Types of Brand) ตราสินคา้ สามารถแบ่งออกไดเ้ ป็น 2 ประเภท 1. ตราสินคา้ ของผผู้ ลิต 2. ตราสินคา้ ของผจู้ ดั จาหน่าย การเลือกใช้ตราสินค้า 1. ตราสินคา้ เดียว 2. ตราสินคา้ เฉพาะผลิตภณั ฑ์ 3. การสินคา้ เดียวแยกกนั สาหรับผลิตภณั ฑแ์ ต่ละกลุ่ม 4. ตราสินคา้ เฉพาะผลิตภณั ฑร์ ่วมกบั ช่ือกิจการ บรรจุภัณฑ์ (Package) บรรจุภณั ฑห์ มายถึงสิ่งท่ีห่อหุ้มผลิตภณั ฑเ์ พ่ือป้องกนั ความเสียหายช่วยให้สามารถรักษาคุณภาพของ ผลิตภณั ฑอ์ านวยความสะดวกในการเคลื่อนยา้ ยขนส่งและแจง้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั คุณสมบตั ิของผลิตภณั ฑร์ วมท้งั มี บทบาทสาคญั ท่ีช่วยในการส่งเสริมการขายดว้ ย
หน่วยที่ ผลติ ภณั ฑ์ 5 (Product) วงจรชีวติ ผลติ ภณั ฑ์ (Product Life Cycle = PLC) วงจรชีวิตผลิตภณั ฑจ์ ะประกอบดว้ ยวงจร 4 ข้นั ตอน คือ 1. ข้นั แนะนาผลติ ภณั ฑ์ ผลิตภณั ฑ์ใหม่ท่ีเร่ิมน้าออกสู่ตลาดยงั ไม่เป็ นท่ีรู้จกั ของผูบ้ ริโภคผผู้ ลิตหรือผูจ้ าหน่ายตอ้ งเสนอรายละเอียด สินคา้ โดยอาศยั การส่งเสริมการตลาด 2. ข้นั เจริญเตบิ โต การยอมรับในตวั ผลิตภณั ฑ์ จะส่งผลใหย้ อดขายเพม่ิ สูงข้ึนและเพ่ิมในอตั ราท่ีเร็ว ดงั น้นั จึงทาใหไ้ ดร้ ับผลกาไร ท่ีค่อนขา้ งสูงเนื่องจากไม่มีคู่แขง่ แต่มกั จะมีโอกาสไดไ้ มน่ านเพราะคูแ่ ข่งจะเร่ิมเขา้ มามีส่วนแบ่งตลาดเพม่ิ ข้ึนเร่ือยๆ 3. ข้นั อม่ิ ตวั ข้นั อ่ิมตวั เกิดจากลูกคา้ ซ้ือผลิตภณั ฑม์ าบริโภคอยา่ งทว่ั ถึง และมีคู่แข่งขนั มาเสนอขายผลิตภณั ฑช์ นิดเดียวกนั เพิ่มมากข้ึนไดเ้ ร่ือยๆ ทาให้ลูกคา้ มีโอกาสซ้ือผลิตภณั ฑเ์ ร็วข้ึน คู่แข่งขนั ท่ีเพ่ิมจานวนมากข้ึนเรื่อยๆ เกิดจากแรงจูงใจ ดา้ นกาไรที่ดี จะทาใหส้ ่วนแบ่งของตลาดที่ผผู้ ลิตแตล่ ะรายไดร้ ับรถนอ้ ยลง และผซู้ ้ือเร่ิมสนใจนอ้ ยลง 4. การถดถอย (ตกตา่ ) เม่ือผลิตภณั ฑ์ใหม่ข้ึนถึงจุดอ่ิมตวั หากไม่แกไ้ ข ผลิตภณั ฑ์น้นั จะเร่ิมมียอดขายลดลงเรื่อยเรื่อย จะทาให้ส่วน แบ่งตลาดลดลงไปด้วย ผูผ้ ลิตมีฐานะการเงินมั่นคงมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่าอาจจะอยู่ในตลาดเพื่อเก็บเกี่ยว ผลประโยชน์ตอ่ ไป
หน่วยท่ี 6การกาหนดราคา (Pricing)
หน่วยท่ี การกาหนดราคา 6 (Pricing) ความหมายของราคา (The Meaning of Price) ราคา คือ สิ่งที่กาหนดมูลค่าผลิตภณั ฑแ์ ละผลตอบแทนจากการดาเนินธุรกิจในรูปแบบของเงินตรา ท่ีใช้ ในการแลกเปลี่ยนซ้ือขายผลิตภณั ฑ์ ซ่ึงเป็นจานวนเงินท่ีผซู้ ้ือเตม็ ใจท่ีจะชาระและผขู้ ายเตม็ ใจท่ีจะขาย ในราคา เดียวกนั และในช่วงระยะเวลาหน่ึง วตั ถุประสงค์ในการกาหนดราคา (Pricing Objective) ราคา คือ ส่ิงท่ีกาหนดมูลค่าผลิตภณั ฑแ์ ละผลตอบแทนจากการดาเนินธุรกิจในรูปแบบของเงินตรา ที่ใช้ ในการแลกเปลี่ยนซ้ือขายผลิตภณั ฑ์ ซ่ึงเป็นจานวนเงินท่ีผซู้ ้ือเตม็ ใจที่จะชาระและผขู้ ายเตม็ ใจท่ีจะขาย ในราคา เดียวกนั และในช่วงระยะเวลาหน่ึง วตั ถุประสงค์ในการกาหนดราคาที่สาคญั มดี งั นี้ 1. การกาหนดราคาท่ีมุ่งรายไดจ้ ากการขาย 2. การกาหนดราคาท่ีมุ่งกาไร 3. การกาหนดราคาท่ีมุ่งยอดขายหรือปริมาณการขาย 4. การกาหนดราคาที่มุ่งการแข่งขนั 5. การกาหนดราคาท่ีมุ่งสงั คม
หน่วยท่ี การกาหนดราคา 6 (Pricing) วธิ ีการกาหนดราคา (Price Determination) 1. การกาหนดราคาจากตน้ ทุน 2. การกาหนดราคาจากอุปสงค์ นโยบายราคา (Pricing Policy) 1. นโยบายระดบั ราคา 2. นโยบายราคาเดียว 3. นโยบายราคายดื หยนุ่ ได้ ประเภทของส่ วนลดและส่ วนยอมรับ ส่วนลด หมายถึง ส่วนที่กิจการลดหรือหักออกจากราคาที่กาหนดไวใ้ นรายการ เนื่องจากผูซ้ ้ือไดท้ า หนา้ ที่ทางการตลาดบางอยา่ งที่เป็นประโยชนต์ ่อผผู้ ลิตหรือผขู้ าย ตามเงื่อนไขท่ีกาหนดไว้ ส่ วนยอมให้ หมายถึง ส่วนท่ีกิจการยอมให้กับผูซ้ ้ือ สาหรับการกระทาบางอย่าง หรือการยอมรับ บางอยา่ งที่กิจการตอ้ งการใหผ้ ซู้ ้ือช่วยเหลือ
หน่วยที่ การกาหนดราคา 6 (Pricing)กลยุทธ์การต้งั ราคา (Price Strategy) กลยุทธ์การต้งั ราคา หมายถึง วิธีการต่างๆ ที่ใชส้ าหรับการต้งั ราคาสินคา้ ตามนโยบายราคาท่ีไดก้ าหนดไว้ เพ่ือใหผ้ ซู้ ้ือยอมรับราคาท่ีต้งั ข้ึนมา ซ่ึงกลยทุ ธ์ในการต้งั ราคามีดงั น้ี1. การต้งั ราคาตามแนวภูมิศาสตร์ 3. การต้งั ราคาสูงและการต้งั ราคาต่า 1.1 การต้งั ราคาแบบ F.O.B. Pricing การต้ังราคาสู ง เป็ นการต้ังราคาสินค้าให้สูงใน 1.2 การต้งั ราคาตามเขต ช่วงแรกของการนาสินคา้ ใหม่เขา้ สู่ตลาด 1.3 การต้งั ราคาส่งมอบราคาเดียว 1.4 การต้งั ราคาแบบผขู้ ายรับภาระค่าขนส่ง การต้งั ราคาต่า เป็นการต้งั ราคาให้ต่าในช่วงแรกของ 1.5 การต้งั ราคา ณ จุดฐาน การนาสินคา้ เขา้ สู่ตลาด ถือเป็ นการต้งั ราคาเพื่อเจาะตลาดให้ ครอบคลุมตลาดส่วนใหญ่2. การต้งั ราคาตามหลกั จิตวิทยา 4. การต้งั ราคาเพื่อการส่งเสริมการตลาด 2.1 การต้งั ราคาแบบเลขคี่หรือเลขคู่ 4.1 การต้งั ราคาแบบล่อใจ 2.2 การต้งั ราคาแบบเลขคู่ 4.2 การต้งั ราคาแบบเหยอ่ื ล่อ 2.3 การต้งั ราคาตามความเคยชิน 4.3 การต้งั ราคาในเทศกาลพเิ ศษ 2.4 การต้งั ราคาที่แสดงถึงชื่อเสียง 2.5 การต้งั ราคาแนวระดบั ราคา
หน่วยที่ 7 การจดั จาหน่าย(Place or Distribution)
หน่วยท่ี การจัดจาหน่าย 7 (Place or Distribution) ความหมายของการจดั จาหน่าย (The Meaning of Distribution) การจดั จาหน่าย หมายถึง กิจกรรมต่างๆ เก่ียวกบั การนาสินคา้ และบริการของผผู้ ลิตออกสู่ตลาดเพ่ือเสนอ ต่อผูบ้ ริโภค โดยการจดั หาสถานที่ขายหรืออาศยั ผเู้ ชี่ยวชาญทางการตลาดท่ีเป็ นคนกลาง ช่วยในการนาสินคา้ และบริการไปสู่ผบู้ ริโภคในเวลาและสถานท่ีที่เหมาะสม กจิ กรรมหลกั ของการจดั จาหน่ายประกอบไปด้วย 1. ช่องทางการจดั จาหน่าย 2. การกระจายสินคา้ ช่องทางการจัดจาหน่าย (Channel Of Distribution) ช่องทางการจดั จาหน่าย หมายถึง เสน้ ทางที่สินคา้ และบริการเปลี่ยนกรรมสิทธ์ิและเคล่ือนยา้ ยจากผผู้ ลิต ไปสู่ผบู้ ริโภคคนสุดทา้ ย (Ultimate Consumer) หรือผใู้ ชท้ างอุตสาหกรรม (Industrial User) ในช่องทางการจดั จาหน่าย จะประกอบไปดว้ ยกลุ่มของสถาบนั ที่ทาหนา้ ท่ีหรือกิจกรรมอนั จะนาสินคา้ และบริการจากผผู้ ลิตไปสู่กลุ่มเป้าหมาย ซ่ึงจะทาใหเ้ กิดระดบั ของช่องทาง (Channel Level) คือ 1. ช่องทางการจดั จาหน่ายสินคา้ อุปโภคบริโภค 2. ช่องทางการจดั จาหน่ายสินคา้ อุตสาหกรรม
หน่วยที่ การจัดจาหน่าย 7 (Place or Distribution)สถาบนั การตลาด (Marketing Institution) คนกลางในสถาบนั การตลาด นอกจากจะเป็นผทู้ ่ีช่วยในการจดั จาหน่ายผลิตภณั ฑจ์ ากผูผ้ ลิตไปสู่ผูบ้ ริโภคแลว้ ยงั ทาหนา้ ที่ช่วยในการส่งเสริมทางการตลาดอีกดว้ ย ซ่ึงคนกลางในแต่ละช่องทางจะมีความชานาญและมีความใกลช้ ิดกบั ลูกคา้มากกว่าผผู้ ลิต การอาศยั คนกลางช่วยในการจดั จาหน่ายจะทาใหก้ ารดาเนินกิจกรรมต่างๆ ทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน กล่าวคือ ผผู้ ลิตไดใ้ ชเ้ วลาและงบประมาณเพ่ือการวิจยั และพฒั นาผลิตภณั ฑ์ของตนเองไดอ้ ยา่ งเตม็ ท่ี โดยให้คนกลางเป็ นผูร้ วบรวมสินคา้ จากผูผ้ ลิตหลายๆ ราย แลว้ นาไปสู่ผูบ้ ริโภคที่กระจายอยู่ทวั่ ไป และยงั เป็ นการลดการเดินทางติดต่อระหวา่ งผผู้ ลิตกบั กลุ่มลูกคา้ ไดอ้ ีกดว้ ยผู้ผลติ 1 ลกู ค้า 2รายท่ี 1 3 กล่มุ ที่ 1ผู้ผลติ 1 ลูกค้า 2รายที่ 2 3 กล่มุ ท่ี 2ผู้ผลติ 1 ลูกค้า 2รายท่ี 3 3 กล่มุ ท่ี 3 ช่องทางการตลาดทางตรง จากรูปภาพแสดงให้เห็นว่า ถา้ มีผูผ้ ลิต 3 ราย ใชว้ ิธีการจดั จาหน่ายทางตรงใหก้ บั ลูกคา้ 3 กลุ่ม กจ็ ะตอ้ งมีการติดต่อซ้ือขายกนั ท้งั หมดถึง 9 คร้ัง โดยผผู้ ลิต 1 ราย ติดต่อลูกคา้ 3 คร้ัง
หน่วยที่ การจดั จาหน่าย 7 (Place or Distribution)สถาบนั การตลาด (Marketing Institution)ผู้ผลติ 1 1 ลูกค้ารายที่ 1 กล่มุ ท่ี 1ผู้ผลติ 1 คนกลาง 2 ลูกค้า 3รายที่ 2 กล่มุ ที่ 2 1 ลูกค้าผู้ผลติ กล่มุ ท่ี 3รายท่ี 3 ช่องทางการตลาดโดยอาศัยคนกลาง จากรูปภาพแสดงให้เห็นว่า ถา้ ผูผ้ ลิต 3 ราย อาศยั สถาบนั คนกลางช่วยในการจดั จาหน่ายให้กบั ลูกคา้ 3 กลุ่ม จะสามารถลดการติดต่อซ้ือขายกนั เหลือเพียง 6 คร้ัง โดยผูผ้ ลิตแต่ละรายจะติดต่อคนกลางเพียงคร้ังเดียว ทาให้การติดต่อระหว่างผูผ้ ลิตกบั คนกลางมีจานวนรวม 3 คร้ัง และคนกลางติดต่อกลุ่มลูกคา้ 3 คร้ัง ซ่ึงทาให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากยงิ่ ข้ึน
หน่วยท่ี การจัดจาหน่าย 7 (Place or Distribution) สถาบนั การตลาด (Marketing Institution) สถาบนั การตลาด หมายถึง สถาบนั คนกลางต่างๆ ที่ช่วยในการจดั จาหน่ายและเคล่ือนยา้ ยผลิตภณั ฑจ์ ากผูผ้ ลิตไปสู่ ผบู้ ริโภคคนสุดทา้ ย หรือผใู้ ชท้ างอุตสาหกรรมรวมถึงการอานวยความสะดวกและใหบ้ ริการทางการตลาด สถาบนั การตลาดสามารถแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 1. สถาบนั พอ่ คา้ คนกลาง 2. สถาบนั ท่ีทาหนา้ ท่ีกระจายสินคา้ 3. สถาบนั ที่ทาหนา้ ที่อานวยความสะดวก การค้าปลกี (Retailing) การคา้ ปลีก หมายถึง กิจกรรมท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั การขายผลิตภณั ฑ์ โดยผูค้ า้ ปลีกขายให้กบั ผูบ้ ริโภคคนสุดทา้ ย เพ่ือ นาไปใชส้ ่วนตวั ไม่ใช่เป็นการใชเ้ พอ่ื ธุรกิจ ประเภทของการคา้ ปลีก สามารถแบ่งไดต้ ามลกั ษณะดงั น้ี 1. การคา้ ปลีกแบบไม่มีร้านคา้ 2. การคา้ ปลีกแบบมีร้านคา้
หน่วยที่ การจัดจาหน่าย 7 (Place or Distribution) การค้าส่ง (Wholesaler) การคา้ ส่ง หมายถึง กิจกรรมท่ีเก่ียวขอ้ งกบั การขายผลิตภณั ฑใ์ ห้กบั ผูซ้ ้ือหรือองคก์ รต่างๆ ที่ซ้ือไปเพ่ือขายต่อหรือ เพื่อใช้ในการดาเนินธุรกิจ กรมลูกคา้ เป้าหมายของสถาบนั การคา้ ส่ง ไดแ้ ก่ ผูค้ า้ ปลีก ผูค้ า้ ส่ง ผูใ้ ช้ทางอุตสาหกรรม และ สถาบนั ต่างๆ ปัจจัยในการพจิ ารณาช่องทางการจัดจาหน่าย 1. เงินทุน 2. วตั ถุประสงคใ์ นการดาเนินงานของกิจการ 3. ลกั ษณะของสินคา้ การกระจายสินค้า (Plysical of Distribution) การกระจายสินคา้ หมายถึงกิจกรรมที่เกี่ยวกบั การวางแผนการปฏิบตั ิงานและส่งเสริมสนบั สนุนในการนาสินคา้ จาก จุดเริ่มตน้ ไปยงั จุดท่ีมีการใชห้ รือการบริโภคสินคา้ เพือ่ สนองความตอ้ งการของลูกคา้ และก่อใหเ้ กิดกาไรแก่ผผู้ ลิต กจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั การกระจายสินค้า ได้แก่ 1. การคลงั สินคา้ 2. การขนส่ง
หน่วยที่ 8การส่ งเสริมการตลาด (Promotion)
หน่วยท่ี การส่งเสริมการตลาด 8 (Promotion) ความหมายของการส่งเสริมการตลาด (The Meaning of Promotion) การส่งเสริมการตลาด (Promotion) หมายถึง ความพยายามท่ีจะทาให้ผูร้ ับข่าวสารซ่ึงเป็ นผูบ้ ริโภค ได้ ทราบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผลิตภณั ฑ์หรือขอ้ มูลกิจการของผูข้ าย เพ่ือทาให้ผูร้ ับข่าวสารเกิดความรู้ ทศั นคติ และ พฤติกรรมท่ีเป็นไปในแนวทางที่ตอ้ งการและจูงใจ ชกั ชวนใหย้ อมรับแนวคิดผลิตภณั ฑท์ ี่ไดเ้ สนอไป กระบวนการตดิ ต่อส่ือสาร (The Communication Process)ผู้ส่ งข่าวหรือ การใส่ รหสั ช่องทาง การ ผู้รับข่าวสาร แหล่ง ข่าวสาร ถอดรหสั ข่าวสาร ส่ิงรบกวนทอ่ี ยู่ภายนอก การป้อนกลบั การตอบสนอง กระบวนการติดต่อสื่อสารทางการตลาด
หน่วยท่ี การส่งเสริมการตลาด 8 (Promotion)กระบวนการตดิ ต่อสื่อสาร (The Communication Process)กระบวนการติดต่อส่ือสารเป็ นข้นั ตอนของการส่งข่าวสารจากผสู้ ่งไปยงั ผรู้ ับดว้ ยกระบวนการที่สร้างข้ึนเพ่ือถา่ ยทอดขา่ วสาร โดยมีวตั ถุประสงคเ์ พอ่ื ส่งเสริมการตลาด ซ่ึงมีองคป์ ระกอบดงั น้ี1. ข่าวสาร 4. ช่องทางขา่ วสาร 7. ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั2. ผสู้ ่งขา่ วสาร 5. การถอดรหสั 8. สิ่งรบกวน3. การใส่รหสั 6. ผรู้ ับข่าวสาร นกั การตลาด จาเป็นตอ้ งศึกษาและทาความเขา้ ใจเกี่ยวกบั กระบวนการติดต่อสื่อสารในแต่ละข้นั ตอนเป็ นอยา่ งดี แลว้ นามาวางแผนการส่งเสริมการตลาดเพื่อใหผ้ ลิตภณั ฑเ์ ป็นที่ยอมรับและตอ้ งการของกล่มุ เป้าหมายกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด (Promotion Strategy) กลยทุ ธก์ ารส่งเสริมการตลาด เป็ นแผนปฏิบตั ิการท่ีอาศยั กิจกรรมทางการตลาดในรูปแบบต่างๆ ให้เหมาะสมกบั กล่มุ เป้าหมายและสถานการณ์ปัจจุบนั ซ่ึงตอ้ งอาศยั การวางแผนและการพฒั นาเพื่อใหบ้ รรลเุ ป้าหมายขององคก์ าร กลยทุ ธ์การส่งเสริมการตลาด ประกอบไปดว้ ย 3 กลยทุ ธ์ คือ 1. กลยทุ ธด์ ึง 2. กลยทุ ธ์ผลกั 3. กลยทุ ธผ์ สม
หน่วยที่ การส่งเสริมการตลาด 8 (Promotion)ส่วนผสมการส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix)ส่วนผสมการส่งเสริมการตลาด หมายถึง เครื่องมือส่ือสารทางการตลาดเพ่ือแจง้ ข่าวสารจูงใจผบู้ ริโภคสร้างทศั นคติและพฤติกรรมการซ้ือของตลาดส่วนประสมของการส่งเสริมการตลาด มี 4 ประการ คือ1. การขายโดยการใชบ้ ุคคล 3. การส่งเสริมการขาย2. การโฆษณา 4. การประชาสัมพนั ธ์ ส่ วนประสมทางการตลาดผลติ ภัณฑ์ ราคา สถานที่ การส่ งเสริมการตลาด - การจัดแสดงสินค้า การประชาสัมพนั ธ์ - การแจกสินค้าตัวอย่าง การส่ งเสริมการขาย - การใช้คูปอง - การให้ของแถม การโฆษณา - การใช้แสตมป์ การค้า การใช้พนักงานขาย - การลดราคาสินค้า บทบาทของการส่ งเสริ มการขาย
หน่วยท่ี 9การนาเทคโนโลยมี าประยุกต์ใช้ในงาน ด้านการตลาด (Technology used in Marketing)
หน่วยท่ี การนาเทคโนโลยมี าประยุกต์ใช้ในงานด้านการตลาด 9 (Technology used in Marketing) เทคโนโลยที างการตลาด (Technology Marketing) เทคโนโลยี หมายถึง การนาความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติให้เกิดผลเป็ นส่ิงที่วดั ได้ หรือจับต้องได้ เทคโนโลยีจะอยู่ภายใตอ้ ิทธิพลของปัจจยั ทางเศรษฐกิจ สงั คมและส่ิงแวดลอ้ ม ดงั น้นั เทคโนโลยีจึงถูกกาหนด เป็นสินคา้ อยา่ งหน่ึงท่ีมีราคาซ้ือขายกนั ในตลาด ประเภทของเทคโนโลยที างการตลาด เทคโนโลยีทางการตลาดที่ธุรกิจนิยมนามาใชง้ านร่วมกบั กระบวนการทางธุรกิจของระบบสารสนเทศ ทางการตลาด แบ่งเป็น 6 ประเภท ดงั น้ี 1. โปรแกรมสาเร็จรูปดา้ นการตลาด 2. นวตั กรรมร้านคา้ ปลีก 3. หน่วยขายอตั โนมตั ิ 4. การใชง้ านอินทราเน็ต 5. การใชง้ านอินเทอร์เน็ต 6. การทาเหมืองขอ้ มูลทางการตลาด
หน่วยท่ี การนาเทคโนโลยมี าประยุกต์ใช้ในงานด้านการตลาด 9 (Technology used in Marketing)สารสนเทศทางการตลาด (Marketing Information) ระบบสารสนเทศทางการตลาด เป็ นเครื่องมือหน่ึงของการนาเสนอสารสนเทศเพื่อใช้สาหรับงานด้านการตลาดในส่วนการพฒั นาผลิตภณั ฑแ์ ละโปรแกรมทางการตลาดท่ีดี จึงจาเป็ นตอ้ งใชส้ ารสนเทศท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ความตอ้ งการของลูกคา้ คูแ่ ข่งขนั ผขู้ าย ตลอดจนผทู้ ี่มีบทบาทคืนทางการตลาดดว้ ย แนวคดิ เกย่ี วกบั ระบบสารสนเทศทางการตลาด นิยามระบบสารสนเทศทางการตลาด หมายถึง ระบบที่ใชส้ นบั สนุนกิจกรรมของหนา้ ที่งานดา้ นการขายและการตลาด เช่น การระบุถึงความจาเป็ นและความตอ้ งการของลูกคา้ การวางแผนและพฒั นาผลิตภณั ฑ์เพื่อสนองตอบความจาเป็ นและความตอ้ งการน้นั การโฆษณาและส่งเสริมการขายสาหรับผลิตภณั ฑ์ต่างๆ การติดต่อลูกคา้ การขายสินคา้ หรือบริการ การรับคาส่ังซ้ือ รวมท้งั งานดา้ นการติดตอ่ การขาย เป็นตน้ระบบสารสนเทศด้านการตลาด Business Information Systemการตลาด Marketing เป็ นหน้าท่ีสาคญั ทางธุรกิจเน่ืองจากจะรับผิดชอบการกระจายสินคา้ และบริการไปสู่ลกู คา้ การตดั สินใจทางการตลาดจะเกี่ยวกบั ส่วนประสมทางการตลาด Marketing Mix ไดแ้ ก่ ผลิตภณั ฑ์ Product ราคาPrice สถานที่ press และการส่งเสริมการตลาด Promotion หรือ 4Ps โดยสารสนเทศที่ตอ้ งการวิเคราะห์ วางแผนตรวจสอบและควบคุมใหแ้ ผนการตลาดเป็นไปตามที่ตอ้ งการมาจากแหล่งขอ้ มลู ดงั ตอ่ ไปน้ี1. การปฏิบตั ิงาน 3. คู่แขง่ 5. ขอ้ มลู ภายนอก2. การวจิ ยั ตลาด 4. กลยทุ ธข์ ององคก์ าร
หน่วยท่ี การนาเทคโนโลยมี าประยุกต์ใช้ในงานด้านการตลาด 9 (Technology used in Marketing)อนิ เทอร์เน็ต (Internet) อินเทอร์เน็ต หมายถึง เครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ท่ีใช้ติดต่อส่ือสารกันผ่านทางบริการ www ซ่ึงอินเตอร์เน็ตเปรียบเสมือนเครือข่ายใยแมงมุม ซ่ึงจะช่วยใหส้ ามารถเช่ือมโยงกบั แหล่งขอ้ มูลต่างๆ ทวั่ โลกพาณชิ ย์อเิ ลก็ ทรอนิกส์ (E-Commerce)พาณิชยอ์ ิเลก็ ทรอนิกส์ หมายถึง การดาเนินธุรกิจทุกรูปแบบที่เกี่ยวขอ้ งกบั การซ้ือขายสินคา้ และบริการผา่ นคอมพิวเตอร์ และระบบส่ือสารโทรคมนาคมหรือส่ืออิเลก็ ทรอนิกส์รูปแบบการทาธุรกิจ สามารถแบ่งได้ 4 รูปแบบ ดงั น้ี1. ธุรกิจกบั ธุรกิจ 3. ธุรกิจกบั รัฐบาล2. ธุรกิจกบั ผบู้ ริโภค 4. ผบู้ ริโภคกบั ผบู้ ริโภครูปแบบธุรกจิ ในตลาดอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 5. ตลาดกลางซ้ือขายแลกเปลี่ยน1. ออนไลน์แคต็ ตาลอ็ ก 6. ผใู้ หบ้ ริการจดั ซ้ือ จดั หาสินคา้ หรือบริการ2. ร้านคา้ ปลีกออนไลน์ 7. ผใู้ หบ้ ริการขนส่ง3. การประมลู ออนไลน์4. กระทูส้ นทนา
หน่วยที่ การนาเทคโนโลยมี าประยุกต์ใช้ในงานด้านการตลาด 9 (Technology used in Marketing) การบริหารลูกค้าสัมพนั ธ์ การบริหารลูกคา้ สัมพนั ธ์ คือ การสร้างความสัมพนั ธ์กบั ลูกคา้ โดยการใชเ้ ทคโนโลยีและการ ใชบ้ ุคลากรอย่างมีหลกั การ CRM ไดถ้ ูกนามาใชม้ ากยิ่งข้ึนไดเ้ ร่ือยๆ เน่ืองมาจากจานวนคู่แข่งของ ธุรกิจแต่ละประเภทเพม่ิ ข้ึนสูงมาก การแข่งขนั รุนแรงข้ึน ในขณะท่ีจานวนลูกคา้ ยงั คงเท่าเดิม ธุรกิจจึง ตอ้ งพยายามสรรหาวิธีที่จะสร้างความพอใจใหแ้ ก่ลกู คา้ อนั จะนาไปสู่ความจงรักภกั ดีในที่สุด เน่ืองจากระบบ CRM เป็นกลยทุ ธ์หน่ึงในการดาเนินธุรกิจท่ีนาเอาเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้ ในการตลาด ดงั น้นั การดูแลระบบให้ทางานอยา่ งมีประสิทธิภาพจะตอ้ งอาศยั ความร่วมมือจากหลาย ฝ่ าย เช่น ฝ่ ายสารสนเทศ หรือผูอ้ อกแบบและผูจ้ ดั ทาเวบ็ ไซตข์ ององคก์ ร นอกจากน้นั การเช่ือมระบบ ERP กบั CRM เขา้ ดว้ ยกนั กไ็ ม่ใช่เรื่องท่ีง่ายนกั และอาจจะตอ้ งเสียเวลาและค่าใชจ้ ่ายสูง แต่กช็ ่วยให้ ประสบความสาเร็จในการขายและอาจจะนาเสนอบริการในรูปแบบอ่ืนใหก้ บั ลูกคา้ ได้
หน่วยท่ี 10 แผนธุรกจิ(Business Plan)
หน่วยที่ แผนธุรกจิ 10 (Business Plan)ความหมายและความสาคญั ของแผนธุรกจิ แผนธุรกิจ Business Plan หมายถึง แผนการดาเนินงานของธุรกิจท่ีจดั ทาข้ึนเพ่ือเป็นแนวทางในการดาเนินธุรกิจท้งั ระยะส้นั และระยะยาว อย่างไรก็ตามแผนธุรกิจยงั มีความสาคญั ต่อธุรกิจทุกประเภท เพื่อใช้เป็ นสื่อท่ีช้ีให้เห็นทิศทางการดาเนินงาน หรือศึกษาความเป็นไปไดข้ องโครงการ ดงั น้ี 1. ใหร้ ายละเอียดเกี่ยวกบั การเร่ิมตน้ ธุรกิจ ทาใหผ้ ปู้ ระกอบการมีเป้าหมายชดั เจน กาหนดแนวทางของความคิดและช่วยใหผ้ ปู้ ระกอบการมนั่ คงต่อการใชท้ รัพยากรและนาไปสู่เป้าหมาย 2. เป็นเคร่ืองมือที่แสวงหาเงินทุนจากผรู้ ่วมลงทุน กองทุน และสถาบนั การเงินต่างๆ 3. ใหร้ ายละเอียดของกิจกรรมต่างๆ ไดแ้ ก่ การจดั หาเงินทุน การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ การตลาด และอ่ืนๆในการบริหารกิจการ เพื่อใชใ้ นการกาหนดการปฏิบตั ิงานที่ต่อเนื่องในอนาคตของกิจการองค์ประกอบของแผนธุรกจิ ประกอบด้วย 6. แผนการตลาด1. หนา้ ปกและสารบญั 7. แผนการจดั การ2. วสิ ยั ทศั น์ พนั ธกิจ และเป้าหมาย 8. แผนการผลิต3. บทสรุปผบู้ ริหาร 9. แผนการเงิน4. ประวตั ิกิจการ5. การวิเคราะห์สถานการณ์
หน่วยที่ 11ความรับผดิ ชอบต่อสังคม และจรรยาบรรณ ทางการตลาด (Social Responsibility and Marketing Ethics)
หน่วยท่ี ความรับผดิ ชอบต่อสังคม และจรรยาบรรณทางการตลาด 11 (Social Responsibility and Marketing Ethics) ธุรกจิ กบั ความรับผดิ ชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility) ธุรกิจกบั ความรับผิดชอบต่อสังคม CSR เป็ นกิจกรรมต่างๆ ขององค์การธุรกิจที่สามารถติดต่อส่ือสารกบั ผูบ้ ริโภคและสังคม ให้เห็นว่าองค์การธุรกิจไม่ไดม้ ุ่งแสวงหาผลกาไรเพียงอยา่ งเดียว แต่ยงั มีจิตสานึกท่ีจะช่วยดูแล สังคมควบคู่กนั ไปดว้ ย การบริหารจดั การธุรกิจอยา่ งมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยผลิตสินคา้ และบริการที่มีความ ปลอดภยั ต่อผบู้ ริโภค ในขณะเดียวกนั ก็ช่วยดูแลรักษาสภาพแวดลอ้ มทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรบุคคลควบคู่ กนั ไป ตวั อยา่ งโครงการ CSR ที่ทาร่วมกบั ชุมชนและใหค้ วามสาคญั กบั สิ่งแวดลอ้ ม เช่น โครงการปลูกป่ า โครงการทา ความสะอาดแมน่ ้าลาคลอง เป็นตน้ จรรยาบรรณทางการตลาด (Marketing Ethics) จรรยาบรรณ หมายถึง ประมวลความประพฤติที่ผปู้ ระกอบอาชีพการงานแต่ละอยา่ งกาหนดข้ึนเพ่ือรักษาและ ส่งเสริมเกียรติคุณ ช่ือเสียงและฐานะของสมาชิก อาจเขียนเป็นลายลกั ษณ์อกั ษรหรือไม่กไ็ ด้ ผปู้ ระกอบวิชาชีพไดใ้ ห้ความหมายของคาวา่ จรรยาบรรณ วา่ หมายถึง หลกั ศีลธรรมและค่านิยมท่ีควรแต่ละ กลมุ่ ใชเ้ ป็นหลกั ฐานอา้ งอิงเพ่ือดาเนินพฤติกรรม กระทาการตดั สินใจ จรรยาบรรณนกั การตลาด หมายถึง ความประพฤติตา่ งๆ ที่นกั การตลาดกาหนดข้ึน เพ่ือเป็ นการเสริมสร้างและ รักษาช่ือเสียงเกียรติยศของอาชีพนกั การตลาด นักการตลาดท่ีดีจะต้องมีจรรยาบรรณในการประกอบอาชีพ มีความรับผิดชอบในงานท่ีทา มีความรู้ ความสามารถในงานท่ีทา โดยใชป้ ระสบการณ์ในการทางานมาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหท้ นั กบั การเปล่ียนแปลงของ ตลาด
Search