Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อินทรียสังวร

อินทรียสังวร

Published by librarytl49, 2020-11-04 05:06:38

Description: ภิกษุทั้งหลาย ผู้ใดเพลิดเพลินอยู่ ในรูป ในเวทนา ในสัญญา ในสังขารทั้งหลาย ผู้นั้น เท่ากับเพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์

Search

Read the Text Version

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : อินทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ความพอใจ เปน็ เหตแุ ห่งทุกข์ 07 -บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๔๐๓/๖๒๗. “ทกุ ขใ์ ดๆ ที่เกิดข้ึนแลว้ ในอดตี ทกุ ข์ทั้งหมดน้ัน มฉี นั ทะเป็นมลู มฉี นั ทะเปน็ เหตุ เพราะวา่ ฉนั ทะ (ความพอใจ) เป็นมลู เหตุแหง่ ทุกข์ ทกุ ข์ใดๆ อนั จะเกิดขน้ึ ในอนาคต ทุกข์ท้งั หมดนั้น กม็ ีฉันทะเป็นมลู มีฉนั ทะเป็นเหตุ เพราะวา่ ฉนั ทะ (ความพอใจ) เป็นมลู เหตแุ หง่ ทุกข์ และทกุ ขใ์ ดๆ ท่เี กดิ ขึน้ ทกุ ขท์ ้งั หมดนน้ั กม็ ฉี ันทะเป็นมูล มฉี นั ทะเป็นเหตุ เพราะว่า ฉนั ทะ (ความพอใจ) เปน็ มลู เหตุแหง่ ทกุ ข”์ . (ในเน้อื ความพระสตู ร ทรงชีใ้ หเ้ ห็นถึงเหตุของทุกข์ในปจั จบุ ัน ซึ่งก็คือ ฉนั ทะ เปน็ ความร้ทู เ่ี ห็นกนั ได้ แล้วจงึ ได้สรุปใหเ้ ห็นไปถึงนยั ยะโดยอดตี กับอนาคต) 33

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปิด : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) เมอื่ คดิ ถงึ ส่ิงใด 08 แสดงวา่ พอใจในสิง่ นัน้ -บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๗๘/๑๔๕. ภกิ ษุทั้งหลาย !   ถา้ บคุ คลยอ่ มคดิ ถึงสิ่งใดอยู่ (เจเตติ) ย่อมดำ�รถิ งึ ส่ิงใดอยู่ (ปกปเฺ ปต)ิ และย่อมมจี ิตฝงั ลงไปในสิ่งใดอยู่ (อนเุ สต)ิ สิง่ น้นั ยอ่ มเป็นอารมณ์เพือ่ การตัง้ อยู่แห่งวิญญาณ. เมือ่ อารมณ์ มอี ยู่ ความตง้ั ขึน้ เฉพาะแห่งวญิ ญาณ ย่อมมี เมอ่ื วญิ ญาณน้นั ตั้งขนึ้ เฉพาะ เจรญิ งอกงามแลว้ ความเกดิ ข้ึนแห่งภพใหม่ตอ่ ไป ยอ่ มมี เมื่อความเกดิ ขนึ้ แห่งภพใหมต่ ่อไป มี ชาติชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนสั อุปายาสทงั้ หลาย จึงเกดิ ขนึ้ ครบถ้วนตอ่ ไป ความเกดิ ขน้ึ พรอ้ มแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ น้ี ยอ่ มมี ดว้ ยอาการอยา่ งน.้ี 34

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ ูกปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภพแม้ชัว่ ขณะดีดน้ิวมอื 09 ก็ยังนา่ รงั เกยี จ -บาลี เอก. อ.ํ ๒๐/๔๖/๒๐๓. ภกิ ษุท้งั หลาย !   คูถ แม้นดิ เดยี ว กเ็ ปน็ ของมกี ลิ่นเหมน็ ฉันใด ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   สิ่งทเ่ี รียกว่า ภพ กฉ็ ันนั้นเหมอื นกัน แม้มีประมาณน้อยชวั่ ลดั นว้ิ มอื เดยี ว กไ็ มม่ คี ุณอะไรท่ีพอจะกล่าวได้. (พระสูตรต่อไป ทรงตรสั ถงึ มตู ร น้ำ�ลาย หนอง โลหิต ด้วยขอ้ ความเดียวกนั ) 35

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) 36

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : อนิ ทรียสังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ตณั หา คอื “เช้อื แห่งการเกิด” 10 -บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๔๘๕/๘๐๐. วจั ฉะ ! เรายอ่ มบัญญตั คิ วามบงั เกดิ ขนึ้ สำ�หรับสตั วผ์ ู้ที่ยังมอี ุปาทานอยู่ (สอุปาทานสสฺ ) ไมใ่ ชส่ �ำ หรับสัตวผ์ ู้ท่ไี ม่มอี ปุ าทาน วจั ฉะ ! เปรยี บเหมอื น ไฟทม่ี เี ชอ้ื ยอ่ มโพลงขน้ึ ได้ (อคคฺ ิ สอปุ าทาโน ชลต)ิ ท่ไี ม่มเี ชื้อ ก็โพลงข้นึ ไมไ่ ด้ อปุ มานฉี้ นั ใด อุปไมยกฉ็ ันน้นั วจั ฉะ ! เราย่อมบญั ญตั ิความบังเกดิ ข้ึน ส�ำ หรับสัตวผ์ ู้ทย่ี งั มอี ุปาทานอยู่ ไมใ่ ช่ส�ำ หรับสัตว์ผู้ที่ไมม่ อี ปุ าทาน 37

พุทธวจน - หมวดธรรม “พระโคดมผเู้ จรญิ  !  ถา้ สมยั ใด เปลวไฟ ถกู ลมพัดหลุดปลิวไปไกล สมยั นนั้ พระโคดมยอ่ มบญั ญตั ิซึ่งอะไรวา่ เป็นเช้อื แก่เปลวไฟน้ัน ถา้ ถอื วา่ มันยังมีเชอ้ื อย ู่ ?” วัจฉะ ! สมยั ใด เปลวไฟ ถูกลมพัดหลดุ ปลวิ ไปไกล เรายอ่ มบัญญัติเปลวไฟนัน้   ว่า มลี มน่นั แหละเปน็ เช้อื วัจฉะ ! เพราะว่า สมัยนน้ั ลมย่อมเปน็ เชือ้ ของเปลวไฟนนั้ . “พระโคดมผู้เจรญิ  ! ถา้ สมยั ใด สัตว์ทอดทง้ิ กายนี้ และยงั ไมบ่ ังเกดิ ข้นึ ด้วยกายอน่ื   สมยั น้นั พระโคดมย่อมบญั ญตั ิซง่ึ อะไร วา่ เป็นเชอื้ แก่สัตวน์ ้ัน ถ้าถือวา่ มันยงั มเี ชื้ออย ู่ ?” วจั ฉะ ! สมัยใด สัตว์ทอดทิ้งกายนี้ และยังไม่บงั เกดิ ขน้ึ ด้วยกายอืน่ เรากลา่ ว สตั วน์ ้ี วา่ มีตณั หานัน่ แหละเปน็ เชือ้ เพราะว่า สมยั นนั้ ตัณหายอ่ มเป็นเชือ้ ของสัตวน์ ั้น แล. 38

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ : อินทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) เมื่อมีความพอใจ ย่อมมตี ณั หา 11 -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๑๐๒/๑๙๖-๑๙๗. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เปรยี บเหมือนไฟกองใหญ่ พงึ ลกุ โพลงด้วยไมส้ ิบเลม่ เกวียนบ้าง ย่สี ิบเล่มเกวยี นบ้าง สามสบิ เล่มเกวยี นบา้ ง สี่สบิ เลม่ เกวียนบา้ ง. บรุ ุษพึงเติมหญา้ แหง้ บ้าง มลู โคแหง้ บา้ ง ไมแ้ หง้ บา้ ง ลงไปในกองไฟน้นั ตลอดเวลาทค่ี วรเตมิ อย่เู ป็นระยะๆ. ภกิ ษุทั้งหลาย !   ด้วยอาการ อย่างนีแ้ ล ไฟกองใหญ่ ซ่งึ มี เครอื่ งหล่อเลี้ยง อยา่ งนัน้ มี เชอ้ื เพลิง อย่างนั้น ก็จะพึงลุกโพลง ตลอดกาลยาวนาน ข้อน้ฉี นั ใด ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   เมื่อภกิ ษเุ ป็นผู้ มปี กติ เหน็ โดยความเป็นอัสสาทะ (น่ารกั นา่ ยินดี) ใน อปุ าทานยิ ธรรม (ธรรมทั้งหลายอนั เปน็ ทตี่ ้ังแหง่ อุปาทาน) อยู่ ตณั หายอ่ มเจริญ อยา่ งทั่วถงึ 39

พุทธวจน - หมวดธรรม เพราะมตี ณั หาเปน็ ปัจจยั จึงมีอุปาทาน เพราะมีอุปาทานเปน็ ปัจจัย จึงมีภพ เพราะมภี พเป็นปัจจัย จงึ มีชาติ เพราะมชี าติเป็นปจั จยั ชรามรณะ โสกะปรเิ ทวะทุกขะโทมนสั อปุ ายาสท้งั หลาย จึงเกิดข้ึนครบถ้วน ความเกดิ ขน้ึ พรอ้ มแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ น้ี ยอ่ มมี ดว้ ยอาการอยา่ งน.้ี 40

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ตณั หา คอื เครอื่ งน�ำไปสูภ่ พใหม่ 12 อันเป็นเหตเุ กิดทุกข์ -บาลี นิทาน. สํ. ๑๖/๖๘๐/๑๔๙. ภิกษทุ ง้ั หลาย !   ถา้ บคุ คลยอ่ มคดิ ถงึ สงิ่ ใดอยู่ (เจเตต)ิ ยอ่ มดำ�ริ ถงึ ส่ิงใดอยู่ (ปกปเฺ ปติ) และยอ่ มมใี จฝังลงไป ในสงิ่ ใดอยู่ (อนเุ สต)ิ (อารมมฺ ณเมต โหติ วิ ฺ าณสฺส ติ ิยา) สง่ิ น้ันย่อมเปน็ อารมณ์เพ่ือการตง้ั อยู่แหง่ วิญญาณ (อารมมฺ เณ สติ ปติฏฺา วิฺ าณสสฺ โหติ) เมื่ออารมณ์ มอี ยู่ ความตงั้ ขน้ึ เฉพาะแหง่ วญิ ญาณ ยอ่ มมี (ตสฺมึ ปตฏิ ฺิเต วิ ฺ าเณ วริ ูเฬหฺ นติ โหติ) เมอ่ื วญิ ญาณนน้ั ตง้ั ขน้ึ เฉพาะ เจรญิ งอกงามแลว้ ยอ่ มมกี ารนอ้ มไป (นตยิ า สติ อาคติคติ โหติ) เมือ่ มีการนอ้ มไป ย่อมมีการไปการมา (อาคตคิ ตยิ า สติ จตุ ปู ปาโต โหต)ิ เมื่อมีการไปการมา ย่อมมกี ารเคล่อื นการบังเกิด 41

พุทธวจน - หมวดธรรม เมอ่ื มีการเคลอื่ นการบังเกิด ชาติชรามรณะ โสกะปรเิ ทวะฯ จงึ เกิดข้นึ ครบถว้ น ความเกดิ ขน้ึ พรอ้ มแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ น้ี ยอ่ มมี ดว้ ยอาการอยา่ งน.้ี ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   ถ้าบคุ คลยอ่ มไม่คิดถึงสิง่ ใด ยอ่ มไมด่ ำ�ริถงึ สงิ่ ใด แต่เขายงั มีใจปักลงไปในสิง่ ใดอยู่ ส่งิ นน้ั ยอ่ มเปน็ อารมณเ์ พื่อการตง้ั อยู่แหง่ วิญญาณ. เม่ืออารมณ์ มอี ยู่ ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวญิ ญาณยอ่ มมี เมอ่ื วญิ ญาณนน้ั ตง้ั ขน้ึ เฉพาะ เจรญิ งอกงามแลว้ ยอ่ มมกี ารนอ้ มไป เมอ่ื มกี ารนอ้ มไป ยอ่ มมกี ารไปการมา เมอ่ื มกี ารไปการมา ย่อมมกี ารเคล่ือนการบงั เกดิ เมือ่ มีการเคลอื่ นการบังเกิด ชาติชรามรณะ โสกะปรเิ ทวะฯ จึงเกิดขึน้ ครบถว้ น ความเกดิ ขน้ึ พรอ้ มแหง่ กองทกุ ขท์ ง้ั สน้ิ น้ี ยอ่ มมี ดว้ ยอาการอยา่ งน.้ี 42

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปิด : อนิ ทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) 13 สิ้นความอยาก กส็ ิน้ ทุกข์ -บาลี อุ. ขุ. ๒๕/๒๐๘/๑๖๑. นสิ ฺสิตสฺส จลิตํ ความหวน่ั ไหว ยอ่ มมี แกบ่ คุ คลผอู้ นั ตณั หาและทฏิ ฐอิ าศยั แลว้ อนิสสฺ ติ สสฺ จลิตํ นตถฺ ิ ความหวน่ั ไหว ยอ่ มไมม่ ี แกบ่ คุ คลผอู้ นั ตณั หาและทฏิ ฐไิ มอ่ าศยั แลว้ จลเิ ต อสติ ปสสฺ ทฺธิ เม่อื ความหว่ันไหว ไม่มี ปสั สัทธิ ย่อมมี ปสฺสทฺธิยา สติ นติ น โหติ เมือ่ ปสั สทั ธิ มี ความนอ้ มไป ย่อมไมม่ ี นติยา อสติ อาคตคิ ติ น โหติ เมอื่ ความนอ้ มไป ไมม่ ี การไปและการมา ย่อมไมม่ ี อาคตคิ ติยา อสติ จุตูปปาโต น โหติ เมอ่ื การไปการมา ไมม่ ี การเคลอ่ื นและการบงั เกดิ ยอ่ มไมม่ ี 43

พทุ ธวจน - หมวดธรรม จุตูปปาเต อสติ เนวธิ น หรุ ํ น อุภยมนตฺ เร เมื่อการเคล่อื นและการบังเกดิ ไมม่ ี อะไรๆ ก็ไมม่ ีในโลกนี้ ไมม่ ใี นโลกอน่ื ไมม่ ใี นระหว่างแหง่ โลกทง้ั สอง เอเสวนฺโต ทกุ ขฺ สสฺ นั่นแหละ คอื ที่สุดแห่งทุกข์ละ. 44

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ กู ปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) มคี วามเพลนิ คอื มีอุปาทาน 14 ผ้มู ีอุปาทานย่อมไม่ปรนิ พิ พาน -บาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๘/๒๘. ภิกษุทัง้ หลาย !   ภกิ ษุน้นั ยอ่ มเพลิดเพลิน ยอ่ มพร่ำ�สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซ่ึงรูป. เม่อื ภกิ ษนุ น้ั เพลิดเพลนิ พรำ�่ สรรเสรญิ เมาหมกอยู่ ซึง่ รปู ความเพลนิ (นันท)ิ ย่อมเกิดขึ้น ความเพลินใด ในรูป ความเพลินน้นั คอื อุปาทาน... ภิกษุท้ังหลาย !   ภกิ ษุนั้นย่อมเพลดิ เพลิน ยอ่ มพร่ำ�สรรเสรญิ ย่อมเมาหมกอยู่ ซึ่งเวทนา. เมอื่ ภิกษนุ ้ันเพลดิ เพลนิ พร่ำ�สรรเสรญิ เมาหมกอยู่ ซึง่ เวทนา ความเพลนิ (นนั ท)ิ ย่อมเกิดขน้ึ ความเพลินใด ในเวทนา ความเพลินนน้ั คืออปุ าทาน... 45

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษทุ ั้งหลาย !   ภิกษุนั้นย่อมเพลิดเพลนิ ย่อมพรำ�่ สรรเสริญ ย่อมเมาหมกอยู่ ซ่งึ สญั ญา. เมือ่ ภกิ ษุนนั้ เพลดิ เพลนิ พร่ำ�สรรเสรญิ เมาหมกอยู่ ซง่ึ สญั ญา ความเพลิน (นันท)ิ ยอ่ มเกิดขน้ึ ความเพลนิ ใด ในสญั ญา ความเพลนิ นนั้ คืออุปาทาน... ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   ภิกษุนน้ั ย่อมเพลิดเพลิน ยอ่ มพร่�ำ สรรเสรญิ ยอ่ มเมาหมกอยู่ ซ่งึ สงั ขาร. เม่ือภิกษนุ ั้นเพลิดเพลิน พร่ำ�สรรเสรญิ เมาหมกอยู่ ซึง่ สังขาร ความเพลนิ (นันทิ) ย่อมเกิดขึ้น ความเพลนิ ใด ในสังขาร ความเพลนิ น้นั คอื อุปาทาน... ภกิ ษุทงั้ หลาย !   ภกิ ษนุ ้ันยอ่ มเพลดิ เพลนิ ย่อมพร่�ำ สรรเสริญ ยอ่ มเมาหมกอยู่ ซง่ึ วญิ ญาณ. เมือ่ ภิกษุนน้ั เพลดิ เพลิน พรำ่�สรรเสรญิ เมาหมกอยู่ ซ่งึ วญิ ญาณ ความเพลนิ (นนั ทิ) ยอ่ มเกิดขึ้น. ความเพลนิ ใด ในวญิ ญาณ ความเพลนิ นน้ั คอื อปุ าทาน 46

เปิดธรรมที่ถูกปดิ : อนิ ทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) เพราะอปุ าทานของภกิ ษนุ ัน้ เปน็ ปจั จยั จงึ มีภพ เพราะมีภพเปน็ ปัจจัย จึงมีชาติ เพราะมชี าตเิ ปน็ ปจั จยั ชรามรณะ โสกะปรเิ ทวะอปุ ายาสทง้ั หลาย จึงเกิดขนึ้ ครบถ้วน ความเกดิ ข้นึ แห่งกองทุกขท์ ้งั ส้นิ นี้ ยอ่ มมดี ้วยอาการอยา่ งน.ี้ 47

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) 48

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปิด : อนิ ทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ในอรยิ มรรคมีองค์ ๘ 15 -บาลี มหา. ที ๑๐/๓๘๔/๒๙๙. ภกิ ษุท้งั หลาย !   สมั มาสังกัปปะ เปน็ อย่างไรเลา่  ? (เนกขฺ มมฺ สงกฺ ปโฺ ป) ความดำ�ริในการออกจากกาม (อพยฺ าปาทสงฺกปฺโป) ความดำ�ริในการไม่มุ่งรา้ ย (อวิหึสาสงกฺ ปฺโป) ความด�ำ รใิ นการไมเ่ บียดเบียน ภิกษทุ ัง้ หลาย !   อนั นเ้ี รากลา่ วว่า สัมมาสังกปั ปะ. 49

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   สัมมาวายามะ เป็นอยา่ งไรเล่า  ภิกษุทั้งหลาย !   ภิกษใุ นกรณนี ้ี ยอ่ มทำ�ความพอใจให้เกิดขนึ้ ยอ่ มพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจติ ตั้งจิตไว้ เพ่อื จะยงั อกุศลธรรมอนั เป็นบาปท่ยี ังไมเ่ กิด ไมใ่ หเ้ กดิ ขึ้น ย่อมท�ำ ความพอใจให้เกิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจติ ต้ังจิตไว้ เพือ่ ละอกุศลอันเปน็ บาป ท่เี กดิ ข้นึ แล้ว ย่อมท�ำ ความพอใจใหเ้ กิดขน้ึ ย่อมพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ต้งั จิตไว้ เพอ่ื จะยังกุศลธรรมท่ยี ังไม่เกดิ ให้เกิดขน้ึ ย่อมทำ�ความพอใจใหเ้ กิดขึ้น ยอ่ มพยายาม ปรารภความเพียร ประคองจิต ตงั้ จิตไว้ เพอื่ ความตัง้ อยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามยิ่งขึน้ ความไพบลู ย์ ความเจริญ ความเต็มรอบ แหง่ กศุ ลธรรมทเี่ กิดขึ้นแลว้ . ภิกษุทงั้ หลาย !   อนั นเี้ รากลา่ ววา่ สัมมาวายามะ. 50

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปิด : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ทรงตรัสวา่ “เป็นเรื่องเรง่ ดว่ นท่ตี อ้ งเรง่ กระท�ำ” 16 -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๙๗/๕๑. ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   ถา้ ภิกษุไมเ่ ป็นผ้ฉู ลาดในวาระจิตของผอู้ น่ื ไซร้ เมอ่ื เปน็ เชน่ นน้ั เธอพงึ ท�ำ ความส�ำ เหนยี กวา่ “เราจกั เปน็ ผฉู้ ลาดในวาระจติ แหง่ ตน” ดงั น้เี ถิด. ภิกษุทง้ั หลาย !   ภิกษุเป็นผฉู้ ลาดในวาระจติ แหง่ ตน เปน็ อย่างไรเลา่  ? ภิกษทุ ั้งหลาย !   เปรยี บเหมอื นชายหนมุ่ หญงิ สาว ทช่ี อบแตง่ ตวั ส่องดเู งาหนา้ ของตนที่แวน่ สอ่ งหน้า หรอื ที่ภาชนะน�้ำ อนั บริสุทธ์ิหมดจดใสสะอาด ถ้าเห็นธุลหี รอื ตอ่ มท่หี น้า ก็พยายามน�ำ ธุลหี รือตอ่ มน้นั ออกเสีย ถา้ ไมเ่ หน็ ธลุ หี รอื ตอ่ มกย็ นิ ดพี อใจวา่ เปน็ ลาภหนอบรสิ ทุ ธด์ิ แี ลว้ หนอ ขอ้ นฉี้ ันใด 51

พุทธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย ! การพิจารณาของภกิ ษุ กฉ็ นั น้นั เหมือนกนั คือ จะมอี ปุ การะมากในกศุ ลธรรมทง้ั หลายในเมอ่ื เธอพจิ ารณาวา่ “เรามีชวี ิตอย่โู ดยมาก โดยมีอภชิ ฌา หรอื ไม่มอี ภิชฌา เรามีชวี ติ อยูโ่ ดยมาก โดยมีจิตพยาบาท หรอื ไมม่ ีจิตพยาบาท เรามชี วี ติ อยโู่ ดยมาก โดยมีถนี มทิ ธะกลุม้ รุมอยู่ หรือปราศจากถนี มทิ ธะ เรามีชีวิตอยโู่ ดยมาก โดยมคี วามฟ้งุ ซ่าน หรอื ไมฟ่ งุ้ ซ่าน เรามีชีวติ อยโู่ ดยมาก โดยมวี จิ ิกิจฉา หรือหมดวิจิกิจฉา เรามชี ีวติ อยโู่ ดยมาก โดยเป็นผู้มักโกรธ หรอื ไมม่ กั โกรธ เรามชี วี ติ อยโู่ ดยมาก โดยมจี ติ เศรา้ หมอง หรอื ไมม่ จี ติ เศรา้ หมอง เรามชี วี ติ อยโู่ ดยมาก โดยมกี ายอนั เครยี ดครดั ในการปฏบิ ตั ธิ รรม หรอื มกี ายไม่เครียดครดั เรามชี วี ิตอยู่โดยมาก โดยเป็นผู้เกียจครา้ น หรอื เปน็ ผู้ปรารภความเพียร เรามชี ีวติ อยู่โดยมาก โดยมีจติ ตง้ั มัน่ หรือไม่มีจิตตง้ั มน่ั ” ดงั นี้ ภิกษุท้งั หลาย !   ถ้าภิกษพุ ิจารณาอยู่ รูส้ กึ วา่ “เราอยโู่ ดยมาก โดยความเปน็ ผมู้ ากดว้ ยอภชิ ฌา มจี ติ พยาบาท ถีนมทิ ธะกลุ้มรุม ฟ้งุ ซา่ น มีวจิ ิกจิ ฉา มกั โกรธ มีจติ เศรา้ หมอง มีกายเครียดครดั เกยี จครา้ น มจี ติ ไม่ตง้ั ม่นั ” ดงั นแี้ ลว้ 52

เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปดิ : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภกิ ษนุ น้ั พงึ กระท�ำ ซง่ึ ฉนั ทะ (ความพอใจ) วายามะ (ความพยายาม) อสุ สาหะ อสุ โสฬห๎ ี (ความขะมกั เขมน้ ) อปั ปฏวิ านี (ความไมถ่ อยหลงั ) สติและสัมปชัญญะ อยา่ งแรงกล้า เพื่อละเสยี ซงึ่ ธรรมอนั เปน็ บาปอกุศลเหล่านนั้ เชน่ เดยี วกบั บคุ คลผมู้ เี สอ้ื ผา้ หรอื ศรี ษะอนั ไฟลกุ โพลงแลว้ จะพงึ กระท�ำ ฉนั ทะ วายามะ อสุ สาหะ อุสโสฬ๎หี อปั ปฏวิ านี สตแิ ละสัมปชญั ญะอนั แรงกล้า เพอ่ื จะดับไฟทเ่ี สื้อผา้ หรือที่ศรี ษะนั้นเสีย ฉนั ใดก็ฉนั น้ัน. ภิกษทุ ง้ั หลาย !   ถา้ ภิกษุพิจารณาอยู่ รสู้ กึ วา่ “เราอย่โู ดยมาก โดยความเป็นผูไ้ ม่มอี ภชิ ฌา ไมม่ จี ิตพยาบาท ไมม่ ถี นี มิทธะกลมุ้ รมุ ไม่ฟุ้งซ่าน หมดวจิ ิกิจฉา ไม่มกั โกรธ มีจิตไม่เศรา้ หมอง มกี ายไมเ่ ครียดครดั ปรารภความเพียร มีจติ ตง้ั มั่น” ดงั นแี้ ล้ว ภิกษุนน้ั พงึ ตั้งอยูใ่ นกศุ ลธรรมเหลา่ น้ันแหละ แลว้ ประกอบโยคกรรม เพอ่ื ความสน้ิ อาสวะทง้ั หลายใหย้ ง่ิ ขน้ึ ไป. 53

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ตอ้ งเพียรละความเพลนิ 17 ในทุกๆ อริ ยิ าบถ -บาลี จตกุ ฺก. อ.ํ ๒๑/๑๗/๑๑. ภกิ ษุทงั้ หลาย !   เม่ือภิกษุก�ำ ลังเดินอยู่ ถา้ เกิดครนุ่ คดิ ดว้ ยความครุน่ คิดในกาม (กามวิตก) หรือ ครุน่ คดิ ด้วยความครุ่นคิดในทางเดือดแคน้ (พยาบาทวติ ก) หรอื ครนุ่ คิดด้วยความครนุ่ คดิ ในทางทำ�ผ้อู น่ื ให้ลำ�บากเปล่าๆ (วิหิงสาวิตก) ขึน้ มา และภิกษุก็ ไมร่ ับเอาความคร่นุ คดิ นัน้ ไว้ สละทิ้งไป ถา่ ยถอนออก ท�ำ ให้ส้ินสุดลงไปจนไม่มเี หลือ ภิกษุทเ่ี ป็นเชน่ นี้ แมก้ ำ�ลงั เดนิ อยู่ ก็เรยี กวา่ เปน็ ผทู้ ำ�ความเพียรเผากเิ ลส รู้สึกกลัวตอ่ สิง่ ลามก เปน็ คนปรารภความเพยี ร อทุ ศิ ตนในการเผากเิ ลส อยเู่ นอื งนจิ . ภิกษทุ ้ังหลาย !   เมือ่ ภิกษุกำ�ลังยนื อยู่ ถา้ เกิดครุ่นคดิ ด้วยความครุ่นคิดในกาม หรือ ครุ่นคิดดว้ ยความครนุ่ คิดในทางเดือดแคน้ หรอื ครนุ่ คดิ ดว้ ยความครนุ่ คดิ ในทางท�ำ ผอู้ น่ื ใหล้ �ำ บากเปลา่ ๆ ขน้ึ มา และภกิ ษกุ ็ ไม่รบั เอาความคร่นุ คดิ น้ันไว้ สละท้งิ ไป ถา่ ยถอนออก ทำ�ให้ส้ินสุดลงไปจนไมม่ ีเหลือ ภกิ ษุท่เี ป็นเชน่ นี้ แมก้ �ำ ลงั ยนื อยู่ กเ็ รยี กวา่ เป็นผู้ทำ�ความเพยี รเผากเิ ลส รสู้ ึกกลวั ตอ่ ส่งิ ลามก เป็นคนปรารภความเพียร อทุ ศิ ตนในการเผากิเลสอยเู่ นอื งนจิ . 54

เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : อินทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภกิ ษทุ ัง้ หลาย !   เม่ือภิกษุก�ำ ลงั น่งั อยู่ ถ้าเกดิ ครุ่นคิดด้วยความครนุ่ คิดในกาม หรอื ครุน่ คิดดว้ ยความครุ่นคดิ ในทางเดอื ดแค้น หรอื ครนุ่ คดิ ดว้ ยความครนุ่ คดิ ในทางท�ำ ผอู้ น่ื ใหล้ �ำ บากเปลา่ ๆ ขน้ึ มา และภกิ ษกุ ็ ไม่รับเอาความครนุ่ คดิ นั้นไว้ สละทง้ิ ไป ถา่ ยถอนออก ท�ำ ใหส้ ิน้ สดุ ลงไปจนไมม่ ีเหลอื ภกิ ษทุ ่ีเปน็ เช่นน้ี แม้กำ�ลังน่ังอยู่ ก็เรยี กว่า เปน็ ผทู้ �ำ ความเพยี รเผากเิ ลส ร้สู กึ กลวั ต่อสง่ิ ลามก เปน็ คนปรารภความเพยี ร อทุ ิศตนในการเผากเิ ลสอย่เู นอื งนิจ. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เมื่อภกิ ษกุ ำ�ลังนอนอยู่ ถ้าเกดิ ครุ่นคดิ ด้วยความคร่นุ คดิ ในกาม หรือ ครนุ่ คิดด้วยความครุน่ คิดในทางเดอื ดแค้น หรอื ครนุ่ คดิ ดว้ ยความครนุ่ คดิ ในทางท�ำ ผอู้ น่ื ใหล้ �ำ บากเปลา่ ๆ ขน้ึ มา และภิกษุก็ ไม่รบั เอาความครุ่นคดิ นั้นไว้ สละทง้ิ ไป ถา่ ยถอนออก ท�ำ ใหส้ น้ิ สดุ ลงไปจนไมม่ เี หลอื ภิกษทุ ่ีเปน็ เช่นน้ี แม้กำ�ลงั นอนอยู่ ก็เรียกว่า เปน็ ผูท้ ำ�ความเพยี รเผากเิ ลส ร้สู ึกกลวั ต่อสิ่งลามก เปน็ คนปรารภความเพยี ร อทุ ศิ ตนในการเผากเิ ลสอยเู่ นอื งนจิ แล. 55

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : อินทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ความเพยี ร ๔ ประเภท (นัยท่ี ๑) 18 -บาลี จตุกฺก. อ.ํ ๒๑/๙๖/๖๙. ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   ปธานส่ีอย่างเหล่านี้ มอี ยู.่ สอี่ ย่าง อยา่ งไรเลา่  ? สีอ่ ยา่ ง คือ สังวรปธาน (เพียรระวัง) ปหานปธาน (เพยี รละ) ภาวนาปธาน (เพียรบำ�เพ็ญ) อนุรักขนาปธาน (เพียรตามรักษาไว)้ ภิกษทุ ง้ั หลาย !   สังวรปธาน เปน็ อยา่ งไรเล่า ? ภิกษทุ ั้งหลาย !   ภกิ ษุในกรณีนี้ ย่อมท�ำ ความพอใจใหเ้ กิดขน้ึ ย่อมพยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจติ ตง้ั จิตไว้ เพื่อจะยังอกุศลธรรมอนั เปน็ บาปท่ยี ังไมเ่ กดิ ไม่ใหเ้ กดิ ขน้ึ ภิกษุทงั้ หลาย !   นเ้ี รียกวา่ สังวรปธาน. ภกิ ษุทงั้ หลาย !   ปหานปธาน เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษทุ ั้งหลาย !   ภิกษุในกรณนี ้ี ย่อมทำ�ความพอใจให้เกดิ ขึน้ ย่อมพยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจติ ตง้ั จติ ไว้ เพ่ือจะละอกศุ ลธรรมอันเป็นบาปท่ีบังเกิดขน้ึ แล้ว ภิกษุทั้งหลาย !   นี้เรียกวา่ ปหานปธาน. 56

เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภกิ ษุทั้งหลาย !   ภาวนาปธาน เป็นอยา่ งไรเล่า ? ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   ภิกษใุ นกรณีนี้ ยอ่ มทำ�ความพอใจใหเ้ กดิ ขน้ึ ยอ่ มพยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจติ ตง้ั จิตไว้ เพ่ือยังกุศลธรรมทงั้ หลายทีย่ งั ไม่เกิด ใหเ้ กิดข้ึน ภกิ ษุทั้งหลาย !   น้เี รียกวา่ ภาวนาปธาน. ภิกษทุ ั้งหลาย !   อนรุ ักขนาปธาน เป็นอย่างไรเล่า ? ภกิ ษุท้ังหลาย !   ภกิ ษใุ นกรณนี ้ี ย่อมท�ำ ความพอใจใหเ้ กิดขึ้น ย่อมพยายาม ปรารภความเพยี ร ประคองจติ ตัง้ จิตไว้ เพือ่ ความตง้ั อยู่ ความไม่เลอะเลือน ความงอกงามย่ิงขึ้น ความไพบูลย์ ความเจรญิ ความเตม็ รอบ แห่งกศุ ลธรรมท้ังหลายท่บี งั เกดิ ขนึ้ แล้ว ภิกษุทั้งหลาย !   นี้เรียกวา่ อนุรกั ขนาปธาน. ภกิ ษุทัง้ หลาย !   เหลา่ น้ีแล ปธานสีอ่ ยา่ ง 57

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ความเพียร ๔ ประเภท (นยั ท่ี ๒) 19 -บาลี จตกุ กฺ . อํ. ๒๑/๒๐/๑๔. ภิกษุทง้ั หลาย !   ปธานส่อี ย่างเหลา่ น้ี มอี ยู.่ ส่อี ย่าง อย่างไรเล่า ? สี่อย่าง คอื สังวรปธาน ปหานปธาน ภาวนาปธาน อนรุ ักขนาปธาน. ภิกษุทงั้ หลาย !   สังวรปธาน เปน็ อย่างไรเล่า ? ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   ภิกษุในกรณีน้ี เหน็ รูปดว้ ยตาแล้ว ไม่เป็นผถู้ ือเอาในลกั ษณะทเ่ี ปน็ การรวบถอื เอาท้ังหมด ไม่เป็นผู้ถือเอาในลักษณะทีเ่ ป็นการถือเอาโดยแยกเป็นส่วนๆ อกศุ ลธรรมอนั เปน็ บาป คือ อภชิ ฌาและโทมนสั จะพึงไหลไปตามบุคคลผไู้ ม่ส�ำ รวมอยู่ ซึง่ อินทรีย์อันเป็นต้นเหตุคือตา ใด เธอยอ่ มปฏบิ ัติเพื่อส�ำ รวมซึง่ อินทรยี น์ ั้น ยอ่ มรักษาอินทรีย์คือตา ย่อมถึงการส�ำ รวมในอนิ ทรีย์คอื ตา (ในกรณแี หง่ อนิ ทรยี ค์ อื หู อินทรยี ค์ ือจมูก อนิ ทรยี ค์ ือล้นิ อินทรยี ์คือกาย อนิ ทรยี ค์ อื ใจ ก็มขี ้อความที่ไดต้ รสั ไวท้ �ำ นองเดียวกนั ) ภกิ ษุท้งั หลาย !   น้เี รากล่าวว่า สังวรปธาน. 58

เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภกิ ษุทง้ั หลาย !   ปหานปธาน เปน็ อย่างไรเล่า ? ภกิ ษุทั้งหลาย !   ภกิ ษใุ นกรณีน้ี ไมร่ บั เอาไว้ สละท้งิ ไปถา่ ยถอนออก ทำ�ใหส้ นิ้ สดุ เสยี ทำ�ใหถ้ งึ ความไม่มี ซ่ึงกามวติ ก ท่เี กิดขนึ้ แลว้ ... ซึง่ พยาบาทวิตก ท่เี กิดขน้ึ แลว้ ... ซึ่งวิหิงสาวิตก ท่ีเกดิ ข้ึนแลว้ ... ซึง่ อกศุ ลธรรมอันเปน็ บาปทง้ั หลาย ทบี่ ังเกดิ ข้ึนแล้วๆ ภิกษุทั้งหลาย !   นเ้ี รากล่าวว่า ปหานปธาน. ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   ภาวนาปธาน เป็นอยา่ งไรเล่า ? ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   ภกิ ษใุ นกรณีน้ี ยอ่ มเจรญิ ซ่ึง สติสมั โพชฌงค.์ .. ซงึ่ ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์... ซง่ึ วริ ยิ สมั โพชฌงค.์ .. ซง่ึ ปตี สิ มั โพชฌงค.์ .. ซง่ึ ปสั สทั ธสิ มั โพชฌงค.์ .. ซง่ึ สมาธสิ มั โพชฌงค.์ .. ซง่ึ อเุ บกขาสมั โพชฌงค์ อนั (แตล่ ะอยา่ งๆ) อาศัยวิเวก อาศยั วิราคะ อาศัยนโิ รธ น้อมไปเพอ่ื โวสสคั คะ ภิกษุทั้งหลาย !   น้ีเรากลา่ ววา่ ภาวนาปธาน. 59

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษุทัง้ หลาย !   อนรุ กั ขนาปธาน เป็นอยา่ งไรเลา่  ? ภิกษุท้งั หลาย !   ภกิ ษุในกรณีน้ี ยอ่ มตามรกั ษาซึ่งสมาธินมิ ิตอันเจรญิ ทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว้ คอื อัฏฐกิ สัญญา ปฬุ วกสญั ญา วนิ ลี กสญั ญา วิปพุ พกสัญญา วจิ ฉิทกสัญญา อทุ ธมุ าตกสัญญา ภิกษทุ ้ังหลาย !   น้เี ราเรียกว่า อนรุ กั ขนาปธาน. ภิกษุทง้ั หลาย !   ปธานสอ่ี ย่างเหลา่ นี้ แล. 60

จิตที่เพลินกับอารมณ ละไดดวยการมีอินทรียสังวร (การสํารวมอินทรีย)

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : อนิ ทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) เมอ่ื มสี ติ ความเพลินย่อมดบั 20 -บาลี ม.ู ม. ๑๒/๔๙๔/๔๕๘. ภิกษทุ ้งั หลาย !   ภิกษนุ ้ัน เห็นรูปดว้ ยตาแล้ว ยอ่ มไมก่ �ำ หนดั ยนิ ดี ในรปู อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความรกั ยอ่ มไมข่ ดั เคอื ง ในรปู อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความเกลยี ดชงั ... ภิกษนุ น้ั ไดย้ นิ เสียงด้วยหแู ล้ว ยอ่ มไมก่ �ำ หนดั ยนิ ดี ในเสยี ง อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความรกั ยอ่ มไมข่ ดั เคอื ง ในเสยี ง อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความเกลยี ดชงั ... ภิกษุนน้ั รู้สกึ กลน่ิ ด้วยจมูกแล้ว ยอ่ มไมก่ �ำ หนดั ยนิ ดี ในกลน่ิ อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความรกั ยอ่ มไมข่ ดั เคอื ง ในกลน่ิ อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความเกลยี ดชงั ... ภิกษุนนั้ ลิ้มรสดว้ ยลนิ้ แลว้ ย่อมไมก่ �ำ หนดั ยินดี ในรส อันมลี กั ษณะเปน็ ทตี่ ง้ั แห่งความรกั ยอ่ มไมข่ ดั เคอื ง ในรส อนั มลี กั ษณะเปน็ ทต่ี ง้ั แหง่ ความเกลยี ดชงั ... 62

เปิดธรรมท่ีถกู ปิด : อนิ ทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภกิ ษนุ น้ั ถกู ต้องสัมผสั ด้วยกายแลว้ ยอ่ มไมก่ �ำ หนดั ยนิ ดี ในสมั ผสั ทางกาย อนั มีลักษณะเปน็ ท่ีตง้ั แหง่ ความรกั ย่อมไม่ขดั เคือง ในสมั ผสั ทางกาย อนั มลี กั ษณะเป็นทตี่ ั้งแหง่ ความเกลียดชัง... ภกิ ษนุ นั้ รูแ้ จง้ ธรรมารมณ์ดว้ ยใจแลว้ ย่อมไม่ก�ำ หนัดยนิ ดี ในธรรมารมณ์ อนั มลี กั ษณะเป็นทีต่ ง้ั แหง่ ความรัก ยอ่ มไม่ขัดเคือง ในธรรมมารมณ์ อนั มลี กั ษณะเป็นทต่ี ้งั แห่งความเกลียดชงั เป็นผอู้ ย่ดู ว้ ยสตเิ ปน็ ไปในกายอันตนเข้าไปตั้งไวแ้ ล้ว มีจติ หาประมาณมไิ ด้ด้วย ยอ่ มรู้ชัดตามทีเ่ ป็นจริงซึง่ เจโตวมิ ุตติ ปัญญาวมิ ุตติ อนั เปน็ ทด่ี บั โดยไมเ่ หลอื แหง่ ธรรมอนั เปน็ บาปอกศุ ลทง้ั หลายดว้ ย 63

พุทธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษนุ น้ั เปน็ ผลู้ ะเสยี ไดแ้ ลว้ ซง่ึ ความยนิ ดี และความยนิ รา้ ยอยา่ งนแ้ี ลว้ เสวยเวทนาใดๆ อนั เปน็ สุขก็ตาม เป็นทกุ ข์กต็ าม มใิ ช่ทกุ ขม์ ใิ ชส่ ขุ ก็ตาม ยอ่ มไมเ่ พลดิ เพลนิ ไมพ่ ร�ำ่ สรรเสรญิ ไมเ่ มาหมกอยู่ ในเวทนานน้ั ๆ เม่อื ภิกษนุ นั้ ไมเ่ พลิดเพลิน ไม่พร่ำ�สรรเสรญิ ไม่เมาหมกอยู่ ในเวทนาน้ันๆ นนั ทิ (ความเพลนิ ) ในเวทนาทั้งหลายเหลา่ นั้น ยอ่ มดบั ไป เพราะความดับแห่งนันทิของภกิ ษุนน้ั จงึ มีความดบั แห่งอปุ าทาน เพราะมีความดบั แหง่ อุปาทาน จึงมคี วามดบั แหง่ ภพ เพราะมคี วามดบั แห่งภพ จงึ มีความดับแห่งชาติ เพราะมคี วามดบั แหง่ ชาตนิ น่ั แล ชรามรณะ โสกะปรเิ ทวะฯ จงึ ดบั สน้ิ ความดบั ลงแห่งกองทกุ ข์ทง้ั สิ้นนี้ ย่อมมี ดว้ ยอาการอย่างนี.้ 64

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : อินทรียสังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) กายคตาสติ 21 มคี วามส�ำคัญต่ออนิ ทรยี สงั วร -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๒๔๖,๒๔๘/๓๔๘,๓๕๐. ลักษณะของผู้ไมต่ ัง้ จิตในกายคตาสติ (จิตทไ่ี มม่ เี สาหลัก) ภิกษุทั้งหลาย !   เปรียบเหมือนบรุ ุษจับสัตว์หกชนิด อนั มีท่อี ยอู่ าศยั ตา่ งกัน มที ่ีเท่ียวหากินตา่ งกนั มาผูกรวมกันด้วยเชือกอนั มน่ั คง คอื เขาจับงู มาผกู ดว้ ยเชอื กเหนยี วเส้นหน่ึง จบั จระเข.้ ..จับนก...จับสุนขั บ้าน...จับสุนัขจิ้งจอก... จับลิง มาผกู ดว้ ยเชอื กเหนยี วเสน้ หน่งึ ๆ แล้วผูกรวมเข้าดว้ ยกนั เป็นปมเดียวในทา่ มกลาง ปลอ่ ยแล้ว. ภิกษุท้ังหลาย !   ครัง้ น้ัน สัตว์เหลา่ นนั้ ทั้งหกชนดิ มที ี่อาศยั และทเี่ ทีย่ วต่างๆ กัน ก็ยอ้ื แยง่ ฉุดดึงกัน เพอื่ จะไปสทู่ ่อี าศัยทเี่ ท่ียวของตนๆ งจู ะเขา้ จอมปลวก จระเขจ้ ะลงนำ้� นกจะบนิ ขึ้นไปในอากาศ สุนัขจะเข้าบา้ น สนุ ัขจ้งิ จอกจะไปป่าชา้ ลงิ กจ็ ะไปป่า. 65

พุทธวจน - หมวดธรรม คร้ันเหนอ่ื ยล้ากันทั้งหกสัตว์แลว้ สตั วใ์ ดมีก�ำ ลังกวา่ สตั วน์ อกนน้ั กต็ ้องถูกลากติดตามไป ตามอ�ำ นาจของสัตวน์ นั้ ข้อนีฉ้ นั ใด ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   ภกิ ษุใดไม่อบรมท�ำ ใหม้ ากในกายคตาสติแลว้ ตา กจ็ ะฉดุ เอาภกิ ษุนน้ั ไปหารปู ทน่ี า่ พอใจ รปู ทีไ่ มน่ า่ พอใจกก็ ลายเป็นสิ่งที่เธอรู้สึกอดึ อดั ขยะแขยง หู ก็จะฉดุ เอาภกิ ษุน้ันไปหาเสยี งท่ีนา่ ฟัง เสียงทีไ่ ม่นา่ ฟงั กก็ ลายเป็นสิง่ ที่เธอรู้สึกอึดอัดขยะแขยง จมกู ก็จะฉุดเอาภิกษุนั้นไปหากล่ินทน่ี ่าสดู ดม กลน่ิ ทไ่ี มน่ ่าสูดดมก็กลายเปน็ ส่ิงที่เธอรู้สกึ อดึ อัดขยะแขยง ลิน้ ก็จะฉุดเอาภกิ ษนุ ้ันไปหารสท่ชี อบใจ รสทไี่ มช่ อบใจก็กลายเปน็ สงิ่ ท่เี ธอรูส้ ึกอึดอัดขยะแขยง กาย ก็จะฉุดเอาภกิ ษนุ ัน้ ไปหาสมั ผัสท่ีย่วั ยวนใจ สัมผัสท่ไี มย่ ั่วยวนใจก็กลายเปน็ สิ่งที่เธอรสู้ กึ อึดอดั ขยะแขยง และใจ กจ็ ะฉดุ เอาภิกษุนนั้ ไปหาธรรมารมณ์ท่ถี กู ใจ ธรรมารมณ์ที่ไม่ถูกใจก็กลายเปน็ ส่งิ ท่ีเธอรสู้ กึ อดึ อดั ขยะแขยง ข้อน้กี ็ฉันนัน้ เหมอื นกัน 66

เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ลักษณะของผูต้ ัง้ จติ ในกายคตาสติ (จิตท่มี ีเสาหลักมัน่ คง) ภิกษุทงั้ หลาย !   เปรียบเหมอื นบุรษุ จบั สัตว์หกชนดิ อันมที ี่อยอู่ าศยั ต่างกัน มที เ่ี ท่ยี วหากนิ ตา่ งกัน มาผกู รวมกันดว้ ยเชือกอันมัน่ คง คือ เขาจับงมู าผูกด้วยเชือกเหนียวเสน้ หนงึ่ จับจระเข้...จบั นก...จบั สนุ ขั บ้าน...จับสุนัขจิง้ จอก... และจบั ลงิ มาผูกดว้ ยเชอื กเหนียวเสน้ หน่งึ ๆ ครั้นแลว้ นำ�ไปผูกไวก้ ับเสาเข่อื น หรือเสาหลักอีกต่อหน่งึ ภิกษุทัง้ หลาย !   ครง้ั นนั้ สัตวท์ ัง้ หกชนิดเหลา่ น้ัน มที ีอ่ าศัยและท่เี ทีย่ วตา่ งๆ กัน ก็ยอ้ื แย่งฉดุ ดงึ กนั เพ่ือจะไปส่ทู ่ีอาศยั ทีเ่ ทย่ี วของตนๆ งจู ะเขา้ จอมปลวก จระเขจ้ ะลงน�้ำ นกจะบินข้นึ ไปในอากาศ สนุ ขั จะเข้าบ้าน สุนขั จ้ิงจอกจะไปปา่ ชา้ ลงิ ก็จะไปปา่ 67

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ งั้ หลาย !   ในกาลใดแล ความเป็นไปภายในของสตั ว์ทัง้ หกชนดิ เหล่านน้ั มีแตค่ วามเม่อื ยล้าแล้ว ในกาลน้ัน มันทง้ั หลายก็จะพึงเขา้ ไป ยนื เจา่ น่ังเจ่า นอนเจา่ อยขู่ า้ งเสาเขือ่ นหรือเสาหลกั น้นั เอง ขอ้ นี้ฉันใด ภกิ ษทุ ง้ั หลาย ! ภกิ ษใุ ดไดอ้ บรมทำ�ใหม้ ากในกายคตาสตแิ ล้ว ตา ก็จะไม่ฉดุ เอาภกิ ษนุ ั้นไปหารปู ทน่ี ่าพอใจ รปู ท่ไี มน่ า่ พอใจ กไ็ ม่เปน็ ส่งิ ที่เธอรู้สกึ อดึ อัดขยะแขยง หู กจ็ ะไมฉ่ ุดเอาภิกษุนน้ั ไปหาเสยี งทน่ี ่าฟงั เสียงทีไ่ มน่ ่าฟัง กไ็ ม่เป็นส่งิ ท่ีเธอรสู้ กึ อดึ อดั ขยะแขยง จมกู กจ็ ะไมฉ่ ุดเอาภกิ ษนุ ัน้ ไปหากลน่ิ ท่นี า่ สูดดม กล่ินท่ีไมน่ ่าสูดดม กไ็ ม่เป็นส่งิ ที่เธอรูส้ กึ อดึ อดั ขยะแขยง ล้นิ กจ็ ะไมฉ่ ดุ เอาภิกษนุ นั้ ไปหารสท่ีชอบใจ รสทไี่ มช่ อบใจ กไ็ ม่เป็นสิ่งทเ่ี ธอรู้สกึ อดึ อัดขยะแขยง กาย ก็จะไม่ฉุดเอาภิกษุน้นั ไปหาสมั ผัสทย่ี วั่ ยวนใจ สัมผัสทไ่ี มย่ ่วั ยวนใจก็ไม่เปน็ สิง่ ทีเ่ ธอรู้สกึ อดึ อดั ขยะแขยง และใจ ก็จะไมฉ่ ุดเอาภกิ ษุนัน้ ไปหาธรรมารมณ์ที่ถกู ใจ ธรรมารมณ์ทไี่ ม่ถกู ใจกไ็ ม่เปน็ สิง่ ทเี่ ธอรู้สกึ อดึ อัดขยะแขยง 68

เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ขอ้ นก้ี ฉ็ นั นนั้ เหมอื นกนั . ภิกษุทง้ั หลาย ! ค�ำ วา่ “เสาเข่ือน หรือเสาหลัก” น้ี เป็นค�ำ เรียกแทนช่อื แหง่ กายคตาสติ ภิกษุท้งั หลาย !   เพราะฉะน้ัน ในเร่ืองน้ี พวกเธอท้งั หลายพงึ สำ�เหนยี กใจไวว้ ่า “กายคตาสตขิ องเราท้งั หลาย จักเป็นสิง่ ทเ่ี ราอบรม กระทำ�ให้มาก กระท�ำ ใหเ้ ป็นยานเครือ่ งน�ำ ไป กระท�ำ ให้เป็นของที่อาศยั ได้ เพียรตง้ั ไวเ้ นืองๆ เพยี รเสริมสรา้ งโดยรอบคอบ เพียรปรารภสมำ�่ เสมอดว้ ยด”ี ดงั นี้. ภิกษุท้ังหลาย !   พวกเธอทง้ั หลาย พึงส�ำ เหนยี กใจไว้ด้วยอาการอยา่ งนแี้ ล. 69

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปิด : อนิ ทรียสงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) อินทรยี สงั วร 22 ปดิ ก้ันการเกดิ ข้นึ แหง่ บาปอกุศล -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๒๒๒/๓๒๐. ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   เรอ่ื งเคยมมี าแตก่ อ่ น เตา่ ตวั หนง่ึ เทย่ี วหากนิ ตามรมิ ล�ำ ธารในตอนเยน็ สนุ ขั จง้ิ จอกตวั หนง่ึ กเ็ ทย่ี วหากนิ ตามรมิ ล�ำ ธารในตอนเยน็ เชน่ เดยี วกนั . เตา่ ตวั นี้ได้เหน็ สุนขั จ้งิ จอกซง่ึ เทยี่ วหากนิ แตไ่ กล คร้ันแลว้ จึงหดอวยั วะทงั้ หลาย มีศีรษะเปน็ ท่ีหา้ เข้าในกระดองของตนเสีย เปน็ ผขู้ วนขวายน้อยนิง่ อย.ู่ แมส้ นุ ขั จง้ิ จอกกไ็ ดเ้ หน็ เตา่ ตวั ทเ่ี ทย่ี วหากนิ นน้ั แตไ่ กลเหมอื นกนั ครั้นแลว้ จึงเดินตรงเขา้ ไปท่ีเต่า คอยช่องอยู่วา่ “เมื่อไรหนอ เต่าจักโผลอ่ วยั วะสว่ นใดสว่ นหน่งึ ออก ในบรรดาอวัยวะท้ังหลาย มศี รี ษะเปน็ ท่ีห้า แลว้ จักกัดอวยั วะสว่ นนั้นคร่าเอาออกมากนิ เสีย” ดงั น.ี้ ภกิ ษุทั้งหลาย !   ตลอดเวลาทเี่ ตา่ ไมโ่ ผลอ่ วัยวะออกมา สนุ ขั จ้งิ จอกก็ไมไ่ ด้โอกาส ต้องหลีกไปเอง 70

เปิดธรรมทถ่ี ูกปดิ : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ภิกษุทัง้ หลาย !   ฉนั ใดกฉ็ นั น้นั มารผู้ใจบาป กค็ อยชอ่ ง ตอ่ พวกเธอทง้ั หลายตดิ ตอ่ ไมข่ าดระยะอยเู่ หมอื นกนั วา่ “ถ้าอยา่ งไร เราคงไดช้ ่อง ไม่ทางตา ก็ทางหู หรือทางจมกู หรอื ทางล้นิ หรือทางกาย หรือทางใจ” ดงั น้.ี ภิกษุทง้ั หลาย !   พราะฉะนน้ั ในเรอ่ื งน้ี พวกเธอทง้ั หลาย จงเปน็ ผคู้ มุ้ ครองทวารในอนิ ทรยี ท์ ง้ั หลายอยเู่ ถดิ ไดเ้ ห็นรปู ด้วยตา ไดฟ้ ังเสยี งดว้ ยหู ไดด้ มกลิ่นดว้ ยจมูก ได้ลมิ้ รสด้วยลน้ิ ได้สมั ผสั โผฏฐพั พะดว้ ยกาย หรือไดร้ ธู้ รรมารมณ์ดว้ ยใจแลว้ จงอยา่ ไดถ้ อื เอาโดยลักษณะท่เี ปน็ การรวบถือทง้ั หมด อยา่ ไดถ้ ือเอาโดยลักษณะท่เี ปน็ การแยกถอื เป็นสว่ นๆ เลย สง่ิ ทเ่ี ปน็ บาปอกศุ ลคอื อภชิ ฌาและโทมนสั จะพงึ ไหลไปตามบคุ คล ผูไ้ มส่ �ำ รวม ตา หู จมกู ล้ิน กาย ใจ เพราะการไมส่ ำ�รวมอนิ ทรยี ์เหลา่ ใดเป็นเหตุ. พวกเธอทั้งหลายจงปฏิบัตเิ พื่อการปดิ กัน้ อนิ ทรีย์นนั้ ไว้ พวกเธอท้งั หลายจงรกั ษา และถึงความส�ำ รวม ตา หู จมูก ลนิ้ กาย ใจ เถิด. 71

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   ในกาลใด พวกเธอท้ังหลาย จกั เป็นผูค้ มุ้ ครองทวารในอนิ ทรยี ท์ งั้ หลายอยู่ ในกาลนั้น มารผใู้ จบาป จกั ไมไ่ ด้ชอ่ งแม้จากพวกเธอท้ังหลาย และจักต้องหลกี ไปเอง เหมือนสุนัขจง้ิ จอกไม่ได้ช่องจากเตา่ ก็หลีกไปเอง ฉะนนั้ . “เต่า หดอวยั วะไวใ้ นกระดอง ฉนั ใด ภิกษุ พงึ ตงั้ มโนวติ ก (ความตริตรกึ ทางใจ) ไว้ในกระดอง ฉันนน้ั . เป็นผู้ทต่ี ัณหาและทิฏฐิไมอ่ งิ อาศยั ได้ ไมเ่ บียดเบียนผอู้ น่ื ไมก่ ล่าวร้ายตอ่ ใครท้งั หมด เปน็ ผู้ดบั สนทิ แลว้ ” ดังน้แี ล. 72

ความสําคัญแหงอินทรียสังวร

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปดิ : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) อนิ ทรยี สังวร เป็นเหตใุ ห้ 23 ได้มาซึง่ วมิ ุตติญาณทัสสนะ -บาลี ฉกกฺ . อ.ํ ๒๒/๔๐๒/๓๒๑. ภิกษทุ งั้ หลาย !   เปรียบเหมือนต้นไม้ เมอื่ สมบรู ณด์ ว้ ยก่ิงและใบแล้ว สะเกด็ เปลือกนอก กบ็ ริบูรณ์ เปลอื กชั้นใน ก็บริบรู ณ์ กระพ้ี ก็บริบูรณ์ แก่น กบ็ ริบูรณ์ นีฉ้ ันใด ภกิ ษุท้งั หลาย !   เมื่ออนิ ทรียสงั วร มอี ยู่ ศลี ก็ถงึ พรอ้ มดว้ ยอปุ นิสยั เม่ือ ศลี มอี ยู่ สมั มาสมาธิ กถ็ ึงพรอ้ มด้วยอปุ นสิ ัย เมอ่ื สมั มาสมาธิ มอี ยู่ ยถาภตู ญาณทสั สนะ กถ็ งึ พรอ้ มดว้ ยอปุ นสิ ยั เมอ่ื ยถาภตู ญาณทสั นะ มอี ยู่ นพิ พทิ าวริ าคะ กถ็ งึ พรอ้ มดว้ ยอปุ นสิ ยั เมอ่ื นพิ พทิ าวริ าคะ มอี ยู่วมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ กถ็ งึ พรอ้ มดว้ ยอปุ นสิ ยั ฉนั น้นั เหมือนกันแล. 74

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถ่ี กู ปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ผ้ไู มส่ �ำรวมอนิ ทรยี ค์ ือผปู้ ระมาท 24 ผ้สู �ำรวมอนิ ทรียค์ อื ผไู้ ม่ประมาท -บาลี สฬา. สํ. ๑๘/๙๗/๑๔๓-๔. ภิกษุท้ังหลาย !   ภิกษเุ ปน็ ผู้มีปกติอย่ดู ว้ ยความประมาท เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุทัง้ หลาย !   เมอ่ื ภกิ ษไุ มส่ �ำ รวมระวงั ซ่งึ อนิ ทรยี ์คือตาอยู่ จติ ยอ่ มเกลอื กกลว้ั ในรปู ทง้ั หลายอนั เปน็ วสิ ยั แหง่ การรสู้ กึ ดว้ ยตา เมื่อภกิ ษนุ ัน้ มจี ิตเกลอื กกล้วั แลว้ ปราโมทย์ ย่อมไมม่ ี เมอ่ื ปราโมทย์ ไมม่ ี ปีติ ก็ไมม่ ี เมื่อ ปีติ ไมม่ ี ปัสสทั ธิ กไ็ มม่ ี เมอ่ื ปัสสัทธิ ไมม่ ี ภกิ ษุน้นั ยอ่ มอยู่เปน็ ทุกข์ เมื่อ มที กุ ข์ จติ ย่อมไมต่ ้ังมน่ั เมือ่ จติ ไมต่ ัง้ มั่น ธรรมทง้ั หลายยอ่ มไมป่ รากฏ เพราะธรรมท้งั หลายไม่ปรากฏ ภิกษนุ ั้น ยอ่ มถึงซงึ่ การถูกนับว่า เป็นผ้มู ปี กตอิ ยูด่ ว้ ยความประมาท โดยแท.้ (ในกรณีแหง่ อินทรยี ์ คอื หู จมูก ล้ิน กาย และใจ กม็ ีนัยยะอยา่ งเดยี วกนั ) ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   อยา่ งนี้แล ภิกษุเป็นผูม้ ปี กติอยดู่ ้วยความประมาท. 75

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย !   ภิกษเุ ปน็ ผูม้ ปี กตอิ ยูด่ ้วยความไมป่ ระมาท เปน็ อย่างไรเล่า ? ภิกษุท้ังหลาย !   เมื่อภิกษสุ ำ�รวมระวัง ซ่งึ อนิ ทรียค์ ือตาอยู่ จติ ยอ่ มไมเ่ กลอื กกลว้ั ในรปู ทง้ั หลายอนั เปน็ วสิ ยั แหง่ การรสู้ กึ ดว้ ยตา เมอ่ื ภกิ ษุนนั้ ไม่มีจติ เกลือกกล้วั แลว้ ปราโมทย์ ยอ่ มเกิด เมอ่ื ปราโมทย์ แลว้ ปีติ ยอ่ มเกดิ เม่ือใจมี ปีติ ปสั สทั ธิ ยอ่ มมี เมื่อมี ปัสสทั ธิ ภกิ ษุนน้ั ย่อมอยู่เป็นสขุ เมื่อ มสี ขุ จิตยอ่ มต้งั มั่น เมอ่ื จติ ตง้ั มั่น แลว้ ธรรมทัง้ หลายยอ่ มปรากฏ เพราะธรรมทง้ั หลายย่อมปรากฏ ภกิ ษุนัน้ ย่อมถงึ ซ่ึงการถูกนับวา่ เปน็ ผมู้ ีปกติอย่ดู ้วยความไมป่ ระมาท โดยแท้. (ในกรณแี หง่ อนิ ทรยี ์ คอื หู จมกู ลน้ิ กาย และใจ กม็ นี ยั ยะอยา่ งเดยี วกนั ) ภกิ ษุทง้ั หลาย !   อย่างนแ้ี ล ภิกษเุ ป็นผมู้ ีปกติอยูด่ ว้ ยความไม่ประมาท. 76

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : อนิ ทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ความไมป่ ระมาท 25 เปน็ ยอดแห่งกุศลธรรม -บาลี มหาวาร. ส.ํ ๑๙/๖๒-๖๗/๒๔๕-๒๖๓. ภิกษุทัง้ หลาย !   สัตว์ทง้ั หลายทไ่ี ม่มีเท้า มีสองเทา้ มีมากเท้าก็ดี มรี ูป ไม่มรี ูป มสี ญั ญา ไม่มีสญั ญา มีสัญญาก็หามไิ ด้ไม่มสี ัญญากห็ ามิได้กด็ ี มปี ระมาณเท่าใด ตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธะ ยอ่ มปรากฏว่าเลิศกว่าบรรดาสัตวเ์ หลา่ น้นั . ภิกษทุ งั้ หลาย !   กศุ ลธรรมเหลา่ ใดเหลา่ หนง่ึ บรรดามี กุศลธรรมท้ังหลายทัง้ ปวงน้นั มคี วามไม่ประมาทเปน็ มลู มคี วามไมป่ ระมาทเป็นท่ปี ระชมุ ลง. ความไมป่ ระมาท ย่อมปรากฏวา่ เป็นเลิศ กวา่ บรรดากศุ ลธรรมเหลา่ นนั้ ฉนั ใดกฉ็ นั นนั้ . ภกิ ษุทงั้ หลาย !   ข้อนเี้ ปน็ สง่ิ ที่ภกิ ษุผ้ไู มป่ ระมาทพงึ หวงั ได้ คือ เธอจักเจรญิ กระทำ�ใหม้ ากซงึ่ อรยิ มรรคมีองค์ ๘. 77

พุทธวจน - หมวดธรรม (การท่คี วามไม่ประมาทเปน็ ยอดแห่งกศุ ลธรรมทั้งปวง ในสูตรนี้ ทรงอปุ มาด้วยพระตถาคตเปน็ สัตว์เลศิ กวา่ สัตวท์ ั้งปวง. สว่ นในสูตรอืน่ อีกมากแห่ง ทรงอปุ มาดว้ ย รอยเทา้ ช้างเลศิ คือใหญ่กว่ารอยเท้าสตั ว์ทั้งหลาย ทรงอปุ มาด้วย ยอดเรอื นเลศิ คอื อยเู่ หนือไมโ้ ครงเรอื นทั้งหลาย ทรงอปุ มาดว้ ย รากไมโ้ กฏฐานสุ ารยิ ะ เลศิ กวา่ รากไมห้ อมทง้ั หลาย ทรงอุปมาด้วย แกน่ จันทร์แดง เลศิ กว่าไมแ้ กน่ หอมทง้ั หลาย ทรงอุปมาดว้ ย ดอกวัสสกิ ะ (มะลิ) เลศิ กวา่ ดอกไม้หอมทั้งหลาย ทรงอุปมาด้วย ราชาจกั รพรรดิ เลศิ กวา่ พระราชาเมอื งขน้ึ เมอื งออกทง้ั หลาย ทรงอปุ มาด้วย แสงจนั ทร์ เลศิ คอื รุ่งเรอื งกว่าแสงดาวทัง้ หลาย ทรงอุปมาดว้ ย แสงอาทติ ยภ์ ายหลงั ฝนตกไมม่ เี มฆในฤดสู ารท แจม่ ใสกวา่ ฯ ทรงอปุ มาดว้ ย ผา้ กาสี เลศิ กวา่ บรรดาผา้ ทอดว้ ยเสน้ ดา้ ยทง้ั หลาย) 78

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถ่ี กู ปิด : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) ผู้มีอนิ ทรยี สงั วร 26 จงึ สามารถเจริญสตปิ ฏั ฐานท้ัง ๔ ได้ -บาลี ฉกกฺ . อ.ํ ๒๒/๒๕๐/๓๘๘. ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   บคุ คลอาจเพอ่ื เปน็ ผมู้ ปี กตติ ามเหน็ กายในกายอยู่ เพราะเขาละธรรมหกอยา่ ง. หกอยา่ ง อยา่ งไรเลา่  ? หกอยา่ ง คอื ความเปน็ ผู้ยินดีในการงาน ความเปน็ ผู้ยนิ ดใี นการคุยฟุง้ ความเปน็ ผยู้ ินดใี นการหลบั ความเปน็ ผูย้ ินดใี นการคลุกคลีกันเปน็ หมู่ ความเปน็ ผไู้ ม่ค้มุ ครองทวารในอินทรีย์ทง้ั หลาย ความเปน็ ผู้ไม่รู้ประมาณในการบริโภค. ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   เพราะละธรรมหกอยา่ งเหล่านแ้ี ล บคุ คลจงึ เป็นผ้อู าจเพือ่ เปน็ ผู้มีปกตติ ามเหน็ กายในกายอยู่. ( ผู้ อ า จ เ ป็ น ผู้ มี ป ก ติ ต า ม เ ห็ น ก า ย ใ น ก า ย ใ น ภ า ย ใ น - ใ น ภ า ย น อ ก - ในภายในและภายนอก และผู้อาจเป็นผู้มีปกติตามเห็นเวทนาในเวทนา- ตามเห็นจิตในจิต-ตามเห็นธรรมในธรรม ล้วนแต่มีข้อความที่ทรงตรัสไว้ อย่างเดียวกัน) 79

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ กู ปิด : อนิ ทรยี สงั วร (ตามดู! ไม่ตามไป) อาสวะบางส่วนสามารถละได้ 27 ด้วยการส�ำรวม -บาลี มู. ม. ๑๒/๑๖/๑๓. ภกิ ษุทงั้ หลาย !   อาสวะทง้ั หลาย สว่ นทจ่ี ะพงึ ละเสยี ดว้ ยการส�ำ รวม เปน็ อยา่ งไรเลา่  ? ภิกษทุ ั้งหลาย !   ภิกษใุ นกรณีนี้ พจิ ารณาโดยแยบคายแลว้ เปน็ ผสู้ �ำ รวมดว้ ยการสงั วรในอนิ ทรยี ์ คอื ตา หู จมกู ลน้ิ กาย ใจ อนั เปน็ อนิ ทรยี ท์ เ่ี มอ่ื ภกิ ษไุ มส่ �ำ รวมแลว้ อาสวะท้ังหลาย อนั เปน็ เครือ่ งท�ำ ความคบั แคน้ และเร่าร้อน จะพงึ บงั เกดิ ขึน้ . และ เมอ่ื ภิกษุเป็นผู้ส�ำ รวมแลว้ เปน็ อยู่ อาสวะทง้ั หลาย อันเป็นเครื่องทำ�ความคับแคน้ และเรา่ ร้อน จะไม่พึงบงั เกิดขึน้ แก่ภกิ ษนุ ้นั . ภกิ ษุทง้ั หลาย !   ข้อน้เี ปน็ เพราะ เมื่อภกิ ษุไมส่ ำ�รวมด้วยอาการอย่างน้ี อาสวะทัง้ หลาย อนั เป็นเคร่อื งทำ�ความคับแค้นและเร่ารอ้ น จะพงึ บังเกดิ ขึ้น และ เม่อื ภิกษสุ ำ�รวมแลว้ เปน็ อยู่ อาสวะทง้ั หลาย อนั เป็นเครอ่ื งทำ�ความคบั แคน้ และเร่ารอ้ น จะไม่พึงบงั เกิดขน้ึ แกภ่ กิ ษนุ ้ัน. ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   น้เี รากล่าวว่า อาสวะทัง้ หลาย ส่วนท่จี ะพงึ ละเสยี ดว้ ยการสำ�รวม. 80

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปิด : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) อาสวะบางสว่ นสามารถละได้ 28 ด้วยการบรรเทา -บาลี มู. ม. ๑๒/๑๙/๑๗. ภิกษุทั้งหลาย !   อาสวะทง้ั หลาย สว่ นทจ่ี ะพงึ ละเสยี ดว้ ยการบรรเทา เปน็ อยา่ งไรเลา่  ? ภิกษทุ งั้ หลาย !   ภิกษุในกรณีนี้ พจิ ารณาโดยแยบคายแลว้ ย่อมไมร่ ับเอาไวใ้ นใจ ย่อมละเสยี ย่อมบรรเทา ทำ�ให้สนิ้ สุด ทำ�ให้ถึงความมีไมไ่ ด้ ซ่งึ กามวิตก พยาบาทวิตก วิหงิ สาวิตก อันบังเกิดขึ้นแลว้ และยอ่ มไม่รบั เอาไวใ้ นใจ ย่อมละเสีย ยอ่ มบรรเทา ท�ำ ใหส้ น้ิ สุด ท�ำ ให้ถงึ ความมไี ม่ได้ ซงึ่ สง่ิ อนั เปน็ อกุศลธรรมอนั เปน็ บาปทงั้ หลาย ทบ่ี ังเกิดข้นึ แลว้ . ภิกษุทัง้ หลาย !   ข้อน้ีเป็นเพราะ เมอ่ื ภิกษุไมบ่ รรเทาดว้ ยอาการอยา่ งน้ี อาสวะทง้ั หลาย อนั เปน็ เครอ่ื งคบั แคน้ และเรา่ รอ้ น จะพงึ บงั เกดิ ขน้ึ และ เม่ือภิกษุบรรเทาอยู่ อาสวะท้งั หลาย อนั เปน็ เครือ่ งคับแค้นและเร่ารอ้ น จะไมพ่ งึ บงั เกดิ ขน้ึ แกภ่ กิ ษุนนั้ . ภิกษทุ ง้ั หลาย !   น้เี รากลา่ วว่า อาสวะทงั้ หลาย สว่ นทจ่ี ะละเสยี ดว้ ยการบรรเทา. 81

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : อินทรยี สังวร (ตามดู! ไม่ตามไป) ผลทีไ่ ด้ 29 เพราะเหตุแหง่ การปดิ ก้นั อาสวะ -บาลี มู. ม. ๑๒/๒๐/๑๙. ภิกษทุ ้งั หลาย !   เมื่อใด ภกิ ษลุ ะเสยี ได้ซงึ่ อาสวะทั้งหลาย อนั จะพึงละได้ด้วยการสงั วร ... ละเสียไดซ้ ึ่งอาสวะทัง้ หลาย อันจะถึงละได้ดว้ ยการบรรเทา ... แล้ว ภิกษุทัง้ หลาย !   ภิกษนุ ี้เรากล่าวว่า เปน็ ผปู้ ิดกั้นแล้วดว้ ยการปิดกนั้ ซง่ึ อาสวะท้ังปวง อยู่ ตดั ตณั หาไดข้ าดแลว้ ร้ือถอนสงั โยชนไ์ ดแ้ ลว้ กระท�ำ ทสี่ ดุ แห่งทุกขไ์ ดแ้ ล้ว เพราะร้เู ฉพาะซ่ึงมานะโดยชอบ ดังนี้แล. 82


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook