Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ปฐมธรรม

ปฐมธรรม

Published by librarytl49, 2020-11-04 05:30:32

Description: “ราหุล ! กรรมทั้งหลาย ก็เป็นสิ่งที่บุคคลควรสอดส่อง พิจารณาดูแล้ว ๆ เล่า ๆ เสียก่อน จึงทำลงไป ทางกาย, ทางวาจา หรือ ทางใจ ฉันเดียวกับกระจกเงานั้นเหมือนกัน

Search

Read the Text Version

เปิดธรรมทีถ่ กู ปิด : ปฐมธรรม ภิกษุทง้ั หลาย !   ในทิศใด พวกภิกษุ มีความ พร้อมเพรียงกัน  มีความบันเทิงต่อกันและกัน  ไม่ ทะเลาะวิวาทกัน  เข้ากันและกันได้สนิทเหมือนน้ำ�นม กับน้ำ�  มองดูกันและกันด้วยสายตาแห่งความรักอยู่ ภิกษุทัง้ หลาย !   ทศิ นั้นเป็นท่ผี าสุกแกเ่ รา แมต้ อ้ งเดินไป (อยา่ งเหนด็ เหนอ่ื ย) จะปว่ ยกลา่ วไปไยถงึ การทเ่ี พยี งแตน่ กึ ถงึ . ในกรณนี ้ี เราเชอ่ื แนแ่ กใ่ จวา่ เปน็ เพราะพวกภกิ ษเุ หลา่ นน้ั ไดล้ ะทง้ิ ธรรม ๓ อยา่ งเหลา่ โนน้ เสยี แลว้ และพากนั มาถอื กระทำ�ใหม้ ากในธรรม ๓ อยา่ งเหล่าน้ีแทน. 75

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ปฐมธรรม 76

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : ปฐมธรรม ความอยาก (ตณั หา) ๒๘ คอื ตน้ เหตุแหง่ การทะเลาะววิ าท -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๖๗-๗๒/๕๘-๕๙. เพราะอาศัยตัณหา  (ความอยาก)  จึงมี  การ แสวงหา (ปริเยสนา) เพราะอาศยั การแสวงหา  จงึ ม ี การได ้ (ลาโภ) เพราะอาศยั การได ้ จงึ ม ี ความปลงใจรกั (วนิ จิ ฉฺ โย) เพราะอาศัยความปลงใจรัก  จึงมี  ความกำ�หนัด ด้วยความพอใจ (ฉนฺทราโค) เพราะอาศัยความกำ�หนัดด้วยความพอใจ  จึงมี  ความสยบมัวเมา (อชฺโฌสานํ) เพราะอาศัยความสยบมัวเมา  จึงมี  ความจับอก จับใจ (ปรคิ ฺคโห) เพราะอาศยั ความจบั อกจบั ใจ  จงึ ม ี ความตระหน่ี (มจฉฺ รยิ )ํ 77

พุทธวจน - หมวดธรรม เพราะอาศัยความตระหนี่  จึงมี  การหวงกั้น (อารกฺโข) เพราะอาศัยการหวงกั้น  จึงมี  เร่ืองราวอันเกิด จากการหวงกั้น  (อารกฺขาธกิ รณ)ํ กล่าวคือ การใชอ้ าวุธ ไมม่ คี ม การใชอ้ าวธุ มคี ม การทะเลาะ การแกง่ แยง่ การววิ าท การกลา่ วค�ำ หยาบว่า “มึง  ! มึง  !” การพูดคำ�ส่อเสียด และการพูดเท็จทั้งหลาย ธรรมอันเป็นบาปอกุศลเป็น อเนก ย่อมเกดิ ขนึ้ พร้อม ด้วยอาการอย่างน้ี. 78

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม กฎธรรมชาต ิ ๒๙ -บาลี นิทาน. ส.ํ ๑๖/๘๔/๑๕๔. อมิ สั ๎มงิ สะติ อิทงั โหติ เมอ่ื สง่ิ น้ี “ม”ี ส่ิงน้ี ย่อมมี อมิ ัสสุปปาทา อิทัง อุปปัชชะติ เพราะความเกดิ ขึ้นแหง่ สิ่งนี้ สงิ่ น้จี งึ เกิดขึน้ อิมสั ม๎ งิ อะสะติ อิทงั นะ โหติ เมอ่ื ส่ิงนี้ “ไม่ม”ี สิ่งนี้ ย่อมไมม่ ี อมิ สั สะ นโิ รธา อทิ งั นิรุชฌะต.ิ เพราะความดับไปแหง่ สิ่งนี้ สงิ่ น้ีจึงดบั ไป. 79

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี ูกปิด : ปฐมธรรม เหตุแห่งการเบียดเบียน ๓๐ -บาลี มหา. ท.ี ๑๐/๓๑๐-๓๑๒/๒๕๕-๒๕๖. “ขา้ แตพ่ ระองคผ์ นู้ ริ ทกุ ข ์ !  อะไรเปน็ เครอ่ื งผกู พนั เทวดา มนษุ ย์ อสรู นาค คนธรรพท์ ง้ั หลาย อนั มอี ยเู่ ปน็ หมๆู่ (ซง่ึ แตล่ ะหม)ู่ ปรารถนาอยวู่ า่ เราจกั เปน็ ผไู้ มม่ เี วร ไมม่ อี าชญา ไมม่ ขี า้ ศกึ ไมม่ ี การเบยี ดเบยี นแกก่ นั และกนั แตแ่ ลว้ กไ็ มส่ ามารถจกั เปน็ ผอู้ ยอู่ ยา่ ง ผไู้ มม่ เี วร ไมม่ อี าชญา ไมม่ ขี า้ ศกึ ไมม่ เี บยี ดเบยี นแกก่ นั และกันเลา่ พระเจา้ ข้า ?”. จอมเทพ !  ความอิจฉา  (อิสสา)  และความ ตระหน ่ี (มจั ฉรยิ ะ)  นน่ั แล เปน็ เครอ่ื งผกู พนั เทวดา มนษุ ย์ อสรู นาค คนธรรพท์ ง้ั หลาย อนั มอี ยเู่ ปน็ หมๆู่ (ซง่ึ แตล่ ะหม)ู่ ปรารถนาอยู่วา่ เราจักเปน็ ผไู้ มม่ เี วร ไมม่ ีอาชญา ไมม่ ี ขา้ ศกึ ไมม่ กี ารเบยี ดเบยี นแกก่ นั และกนั แตแ่ ลว้ กไ็ มส่ ามารถ จกั เปน็ ผอู้ ยอู่ ยา่ งผไู้ มม่ เี วร ไมม่ อี าชญา ไมม่ ีข้าศกึ ไม่มกี าร เบยี ดเบียนแกก่ นั และกันได้. “ข้าแต่พระองค์ผู้นิรทุกข์  !  ก็ความอิจฉาและความ ตระหนีน่ นั้ มอี ะไรเป็นต้นเหต ุ (นทิ าน) มีอะไรเปน็ เครื่องก่อขึน้ (สมทุ ยั ) มอี ะไรเปน็ เครอ่ื งทำ�ใหเ้ กดิ   (ชาตกิ ะ) มอี ะไรเปน็ แดนเกดิ (ปภวะ) ?  เม่ืออะไรมีอยู่  ความอิจฉาและความตระหนี่จึงมี ? เมอ่ื อะไรไมม่ อี ยู่ ความอจิ ฉาและความตระหนจ่ี งึ ไมม่ ี พระเจา้ ขา้ ?”. 80

เปดิ ธรรมที่ถกู ปิด : ปฐมธรรม จอมเทพ !  ความอิจฉาและความตระหน่ีนั้น มสี ง่ิ อนั เปน็ ทร่ี กั และสง่ิ อนั ไมเ่ ปน็ ทร่ี กั (ปยิ าปปฺ ยิ ) นน่ั แล เป็นตน้ เหตุ ...ฯลฯ... เมื่อส่งิ เปน็ ที่รักและส่งิ ไม่เป็นทร่ี กั ไมม่ ีอยู่ ความอจิ ฉาและความตระหน่กี ไ็ มม่ .ี “ข้าแต่พระองค์ผ้นู ิรทุกข์  !  ก็ส่งิ เป็นท่รี ักและส่งิ ไม่เป็น ที่รกั น้ันเล่า มีอะไรเปน็ ต้นเหตุ ...ฯลฯ... ? เมอ่ื อะไรมีอยู่ สงิ่ เป็น ท่ีรักและสิง่ ไม่เป็นท่รี ักจึงม ี? เมื่ออะไรไม่มอี ยู่ ส่ิงเปน็ ทรี่ กั และสง่ิ ไม่เปน็ ที่รกั จงึ ไม่มี พระเจ้าข้า ?”. จอมเทพ !  ส่ิงเป็นท่ีรักและส่ิงไม่เป็นท่ีรักน้ัน มฉี ันทะ (ความพอใจ) เป็นต้นเหตุ ...ฯลฯ... เมอ่ื ฉันทะ ไม่มอี ยู่ สงิ่ เป็นทร่ี ักและสง่ิ ไม่เป็นท่ีรกั ก็ไมม่ .ี .. 81

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ปฐมธรรม ความพอใจใด ความพอใจนั้น ๓๑ คอื เหตเุ กดิ แห่งทกุ ข์ -บาลี สฬา. ส.ํ ๑๘/๔๐๓/๖๒๗. “ทุกขใ์ ดๆ ที่เกิดขึน้ แลว้ ใน อดตี ทกุ ข์ทัง้ หมดนัน้ มีฉันทะ (ความพอใจ) เปน็ มูล มีฉนั ทะเป็นเหตุ เพราะวา่ ฉนั ทะเปน็ มูลเหตุแห่งทุกข์ และทุกขใ์ ดๆ อันจะเกิดขน้ึ ใน อนาคต ทกุ ขท์ ั้งหมดนน้ั กม็ ฉี ันทะ (ความพอใจ) เปน็ มลู มีฉันทะเปน็ เหตุ เพราะว่า ฉันทะเป็นมูลเหตแุ ห่งทกุ ข”์ . 82

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม ธรรมอนั เป็นไปเพอ่ื ความเจริญ ๓๒ ไมเ่ สอื่ ม (อปรหิ านยิ ธรรม) -บาลี มหา. ที. ๑๐/๘๖-๙๐/๖๘-๖๙. พราหมณ์ ! ถา้ ธรรมท้ัง ๗ อย่างน้นั คงต้งั อยู่ ในพวกเจา้ วชั ชี หรอื เจา้ วชั ชจี กั ตง้ั ตนอยใู่ นธรรมทง้ั ๗ อยา่ ง เหลา่ นน้ั แลว้ พราหมณ์ ! อนั นน้ั ยอ่ มเปน็ ไปเพอ่ื ความเจรญิ อย่างเดยี ว หาความเสอื่ มมไิ ด้. (ต่อไปน้ี เป็นตวั ธรรมเจด็ ประการท่ตี รสั แกพ่ ระอานนท์ ซ่ึงวสั สการพราหมณ์ก็นง่ั ฟังอยดู่ ้วย) (๑) อานนท์ ! พวกเจา้ วชั ชปี ระชมุ กนั เนอื งๆ ประชมุ กนั โดยมาก... (๒) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีพร้อมเพรียงกัน ประชมุ พรอ้ มเพรยี งกนั เลกิ ประชมุ และพรอ้ มเพรยี งกนั ท�ำ กิจทพี่ วกเจ้าวชั ชี จะต้องท�ำ ... (๓) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีมิ ไ ด้ บั ญ ญั ติ ข้อที่มิได้บัญญัติไว้  มิได้ถอนข้อที่บัญญัติไว้แล้ว  แต่ประพฤติอยใู่ นวชั ชีธรรมตามท่ไี ดบ้ ญั ญัติไว.้ .. 83

พทุ ธวจน - หมวดธรรม (๔) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีสักการะ  เคารพ นบั ถอื บชู า ทา่ นทเ่ี ปน็ ประธานของเจา้ วชั ชี ตง้ั ใจฟงั ค�ำ สง่ั ของท่านผูน้ น้ั ... (๕) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีมิได้ลบหลู่  ดูถูก สตรี ทีเ่ ป็นเจ้าหญิง หรือกุมารใี นสกุล... (๖) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีสักการะ  เคารพ นับถือ  บูชา  เจดีย์ทั้งภายในและภายนอก  มิได้ปล่อย ละเลย ให้ทานทีเ่ คยให้ ให้กิจทเี่ คยท�ำ แก่เจดยี ์เหล่านั้น และให้พลีกรรมทป่ี ระกอบดว้ ยธรรม เส่อื มเสียไป... (๗) อานนท์ ! พวกเจ้าวัชชีเตรียมเครื่อง ต้อนรับไว้พร้อม  เพื่อพระอรหันต์ทั้งหลายว่า  “พระอรหันต์ทั้งหลายท่ียังมิได้มา  พึงมาสู่แว่นแคว้นน้ี ท่ีมาแล้วพงึ อยู่สุขส�ำ ราญ เถดิ ” ดงั นี้... อานนท์ ! เหล่านี้ ลว้ นแตเ่ ปน็ ความเจริญแก่ เจา้ วัชชีอย่างเดียว หาความเสอ่ื มมไิ ด.้ 84

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : ปฐมธรรม เหตใุ หศ้ าสนาเจริญ ๓๓ -บาลี จตุกกฺ . อํ. ๒๑/๑๙๘/๑๖๐. ภิกษุทัง้ หลาย !   มูลเหตุ ๔ ประการเหล่านี้ ยอ่ มทำ�ให้พระสัทธรรมตงั้ อยูไ่ ด้ ไม่เลอะเลอื น จนเสือ่ มสญู ไป. ๔ ประการ อะไรบา้ งเล่า ? ๔ ประการ คือ (๑) ภิกษุท้ังหลาย !   พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เลา่ เรยี นสตู รอนั ถอื กนั มาถกู ดว้ ยบทพยญั ชนะทใ่ี ชก้ นั ถกู ความหมายแห่งบทพยัญชนะทีใ่ ชก้ ันกถ็ กู ยอ่ มมนี ยั อัน ถกู ต้องเช่นนั้น ภิกษุท้งั หลาย !   นี่เปน็ มูลกรณที ่หี น่ึง ซ่ึงท�ำ ให้ พระสัทธรรมตง้ั อยไู่ ด้ ไม่เลอะเลือนจนเสือ่ มสญู ไป. (๒) ภิกษทุ ั้งหลาย !   อกี อยา่ งหนง่ึ พวกภิกษุ เป็นคนว่าง่าย  ประกอบด้วยเหตุที่ทำ�ให้เป็นคนว่าง่าย อดทน ยอมรบั ค�ำ ส่ังสอนโดยความเคารพหนกั แนน่ ภิกษทุ ัง้ หลาย !   นี่เป็น มลู กรณที ี่สอง ซึง่ ท�ำ ให้ พระสทั ธรรมต้งั อยูไ่ ด้ ไม่เลอะเลอื นจนเสอื่ มสูญไป. 85

พทุ ธวจน - หมวดธรรม (๓) ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   อกี อย่างหนึง่ พวกภกิ ษุ เหลา่ ใด เปน็ พหุสตู คลอ่ งแคลว่ ในหลกั พระพทุ ธวจน ทรงธรรม ทรงวนิ ยั ทรงมาตกิ า  (แมบ่ ท) พวกภกิ ษเุ หลา่ นน้ั เอาใจใส่ บอกสอน เนอ้ื ความแหง่ สตู รทง้ั หลายแกค่ นอน่ื ๆ เมอ่ื ท่านเหลา่ นนั้ ล่วงลับไป สูตรทัง้ หลาย กไ็ ม่ขาด ผู้เป็น มูลราก (อาจารย)์ มีท่อี าศยั สืบกันไป ภกิ ษุทั้งหลาย !   นเ่ี ปน็ มูลกรณีที่สาม ซง่ึ ทำ�ให้ พระสัทธรรมต้งั อยไู่ ด้ ไม่เลอะเลอื นจนเส่ือมสูญไป. (๔) ภิกษทุ ัง้ หลาย !   อีกอยา่ งหน่งึ พวกภิกษุ ผเู้ ถระ ไมท่ �ำ การสะสมบรกิ ขาร ไม่ประพฤติย่อหย่อน ในไตรสกิ ขา ไมม่ จี ติ ตกต�ำ่ ดว้ ยอ�ำ นาจแหง่ นวิ รณ์ มงุ่ หนา้ ไปในกจิ แห่งวเิ วกธรรม ย่อมปรารภความเพียร เพอ่ื ถึง สง่ิ ที่ยังไมถ่ งึ เพ่ือบรรลสุ ่ิงที่ยังไมบ่ รรลุ เพอื่ ทำ�ใหแ้ จ้ง สง่ิ ทย่ี งั ไมท่ �ำ ใหแ้ จง้ พวกภกิ ษทุ บ่ี วชในภายหลงั ไดเ้ หน็ พระเถระเหลา่ นัน้ ท�ำ แบบฉบับเช่นนนั้ ไว้ ก็ถือเอาเป็น แบบอยา่ ง พวกภกิ ษรุ นุ่ หลงั จงึ เปน็ พระทไ่ี มท่ �ำ การสะสม บรกิ ขาร ไมป่ ระพฤตยิ อ่ หยอ่ นในไตรสกิ ขา ไมม่ จี ติ ตกต�ำ่ 86

เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ปฐมธรรม ดว้ ยอำ�นาจแห่งนิวรณ์ มุ่งหน้าไปในกิจแห่งวเิ วกธรรม ย่อมปรารถความเพยี ร เพ่อื ถึงสิ่งท่ียงั ไม่ถึง เพ่ือบรรลุ สง่ิ ทย่ี ังไมบ่ รรลุ เพ่อื ท�ำ ให้แจ้งส่งิ ที่ยงั ไมท่ ำ�ให้แจง้ . ภกิ ษทุ ั้งหลาย !   นเ่ี ป็น มูลกรณีทีส่ ่ี ซึ่งท�ำ ให้ พระสัทธรรมต้ังอยไู่ ด้ ไม่เลอะเลอื นจนเสอ่ื มสูญไป. ภกิ ษุทง้ั หลาย !   มูลเหตุ ๔ ประการเหล่าน้แี ล ยอ่ มท�ำ ใหพ้ ระสทั ธรรมตง้ั อยไู่ ด้ ไมเ่ ลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไปเลย. 87

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ปฐมธรรม เหตใุ หศ้ าสนาเสือ่ ม ๓๔ -บาลี จตกุ กฺ . อ.ํ ๒๑/๑๙๗/๑๖๐. ภิกษทุ ั้งหลาย !   มูลเหตุ ๔ ประการเหล่านี้ ทีท่ ำ�ใหพ้ ระสทั ธรรม เลอะเลอื นจนเสอ่ื มสญู ไป. ๔ ประการ อะไรบา้ งเลา่  ? ๔ ประการคอื (๑) ภิกษุทงั้ หลาย !   พวกภกิ ษุ เล่าเรยี นสตู ร อันถือกันมาผิด  ด้วยบทพยัญชนะท่ีใช้กันผิด  เมื่อ บทและพยญั ชนะใชก้ ันผิดแลว้ แม้ความหมายก็มีนยั อนั คลาดเคลอ่ื น. ภิกษทุ ง้ั หลาย !   นเี้ ปน็ มลู กรณีท่ีหนงึ่ ซึง่ ท�ำ ให้ พระสัทธรรมเลอะเลือนจนเส่ือมสญู ไป. (๒) ภกิ ษุทงั้ หลาย !   อกี อย่างหน่ึง พวกภิกษุ เป็นคนว่ายาก  ประกอบด้วยเหตุท่ีทำ�ให้เป็นคนว่ายาก ไมอ่ ดทน ไมย่ อมรบั ค�ำ ตกั เตอื นโดยความเคารพหนกั แนน่ . ภิกษทุ ั้งหลาย !   นี้เปน็ มูลกรณที ่สี อง ซึง่ ทำ�ให้ พระสทั ธรรมเลอะเลอื นจนเสือ่ มสญู ไป. 88

เปิดธรรมท่ีถกู ปิด : ปฐมธรรม (๓) ภิกษทุ งั้ หลาย !   อีกอย่างหนงึ่ พวกภิกษุ เหล่าใด  เป็นพหุสูต  คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจน ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาตกิ า (แมบ่ ท) ภิกษุเหลา่ นน้ั ไม่ได้เอาใจใส่บอกสอนใจความแห่งสูตรท้ังหลาย แกค่ นอน่ื ๆ เมื่อทา่ นเหลา่ นนั้ ลว่ งลับไป สูตรท้ังหลาย กเ็ ลยขาดผเู้ ป็นมูลราก (อาจารย)์ ไมม่ ีทอี่ าศัยสบื ไป. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย !   นเ้ี ปน็ มลู กรณที ่ีสาม ซ่ึงทำ�ให้ พระสทั ธรรมเลอะเลอื นจนเส่ือมสูญไป. (๔) ภกิ ษุท้ังหลาย !   อกี อยา่ งหนง่ึ พวกภกิ ษุ ชั้นเถระ ท�ำ การสะสมบรกิ ขาร ประพฤตยิ อ่ หย่อนใน ไตรสกิ ขา มจี ิตต่ำ�ด้วยอำ�นาจแห่งนวิ รณ์ ไมเ่ หลียวแล ในกจิ แห่งวิเวกธรรม ไม่ปรารภความเพียร เพอื่ ถึงส่งิ ท่ี ยังไมถ่ ึง เพื่อบรรลุสิง่ ที่ยังไมบ่ รรลุ เพ่ือทำ�ให้แจ้งในสิง่ ท่ี ยงั ไมท่ �ำ ใหแ้ จง้ ผบู้ วชในภายหลงั ไดเ้ หน็ พวกเถระเหลา่ นน้ั ทำ�แบบแผนเช่นนน้ั ไว้ ก็ถือเอาไปเปน็ แบบอยา่ ง จงึ ท�ำ ให้ เป็นผู้ทำ�การสะสมบริกขารบ้าง  ประพฤติย่อหย่อนใน ไตรสิกขา  มีจิตต่ำ�ด้วยอำ�นาจแห่งนิวรณ์  ไม่เหลียวแล ในกิจแห่งวิเวกธรรม ไม่ปรารภความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ 89

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ยงั ไมถ่ งึ เพอื่ บรรลสุ งิ่ ท่ียงั ไมบ่ รรลุ เพ่ือท�ำ ให้แจ้งสง่ิ ท่ียัง ไมท่ �ำ ให้แจง้ ตามกนั สบื ไป. ภิกษุทั้งหลาย !   น้ีเป็น  มูลกรณีที่ส่ี  ซ่ึงทำ�ให้ พระสทั ธรรมเลอะเลอื นจนเสอ่ื มสูญไป. ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   มูลเหตุ ๔ ประการเหล่านี้แล ท่ีทำ�ใหพ้ ระสทั ธรรมเลอะเลอื นจนเส่อื มสูญไป. 90

พุทธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ีถกู ปดิ : ปฐมธรรม ส่งิ ทง้ั หลายไม่เที่ยง ๓๕ -บาลี สตตฺ ก. อํ. ๒๓/๑๐๒-๑๐๕/๖๓. ภิกษุท้งั หลาย !   สงั ขารทัง้ หลาย ไมเ่ ที่ยง (อนิจฺจ). ภกิ ษทุ ้ังหลาย !   สงั ขารทงั้ หลาย ไมย่ ่งั ยนื (อธวุ ). ภิกษทุ ั้งหลาย !   สงั ขารทง้ั หลาย เปน็ สง่ิ ทห่ี วงั อะไรไมไ่ ด้ (อนสสฺ าสกิ ). ภิกษุทั้งหลาย !   เพียงเท่าน้ีก็พอแล้วเพ่ือจะ เบอ่ื หนา่ ยในสงั ขารทง้ั ปวง พอแลว้ เพอ่ื จะคลายก�ำ หนดั พอแลว้ เพื่อจะปล่อยวาง. ภกิ ษุท้งั หลาย !   ขนุ เขาสเิ นรุ โดยยาว ๘๔,๐๐๐ โยชน*์ โดยกว้าง ๘๔,๐๐๐ โยชน์ หยง่ั ลงในมหาสมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน์ สูงข้ึนจากผวิ พน้ื สมุทร ๘๔,๐๐๐ โยชน ์ ภิกษุทั้งหลาย !   มีสมัยซ่ึงล่วงไปหลายปี หลายร้อยปี หลายพันปี หลายแสนปี ท่ีฝนไม่ตกเลย. เมื่อฝนไมต่ ก (ตลอดเวลาเทา่ น)ี้ ปา่ ใหญๆ่ อนั ประกอบดว้ ย พีชคาม  ภูตคาม  ไม้  หยูกยาและหญ้าทั้งหลาย * ๑ โยขน์ = ๑๖ กิโลเมตร 91

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ย่อมเฉา  ย่อมเห่ียวแห้ง  มีอยู่ไม่ได้  (นี้ฉันใด) ภกิ ษุทงั้ หลาย !   สงั ขารทง้ั หลาย ไมเ่ ทยี่ ง ฉนั น้นั สงั ขาร ทงั้ หลาย ไมย่ ง่ั ยนื ฉนั นนั้ สงั ขารทง้ั หลาย เปน็ สง่ิ ทหี่ วงั อะไร ไมไ่ ด้ ฉนั นนั้ . ภกิ ษุท้ังหลาย !   เพยี งเทา่ นกี้ พ็ อแลว้ เพื่อ จะเบ่ือหน่ายในสังขารทั้งปวง พอแล้วเพื่อจะคลาย ก�ำหนดั พอแลว้ เพ่ือจะปลอ่ ยวาง. ภิกษุท้ังหลาย !   มีสมัยซ่ึงในกาลบางครั้งบาง คราวโดยการลว่ งไปแห่งกาลนานไกล อาทิตยด์ วงท่ีสอง ยอ่ มปรากฏ. เมอ่ื ดวงอาทติ ยด์ วงทส่ี องปรากฏ แมน่ �ำ้ นอ้ ย หนองบึง  ท้ังหมดก็งวดแห้งไป  ไม่มีอยู่  (นี้ฉันใด) ภิกษุท้ังหลาย !   สังขารท้ังหลาย  ไม่เที่ยง  ฉันนั้น สงั ขารทง้ั หลาย ไมย่ ง่ั ยนื ฉนั นน้ั สงั ขารทง้ั หลาย เปน็ สง่ิ ที่ หวังอะไรไม่ได้  ฉันน้ัน.  ภิกษุท้ังหลาย !   เพียงเท่านี้ ก็พอแล้วเพื่อจะเบ่ือหน่ายในสังขารท้ังปวง  พอแล้วเพ่ือ จะคลายกำ�หนดั พอแล้วเพือ่ จะปล่อยวาง. ภิกษุท้ังหลาย !   มีสมัยซ่ึงในกาลบางครั้งบาง คราวโดยการลว่ งไปแหง่ กาลนานไกล อาทติ ย์ดวงท่สี าม 92

เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม ย่อมปรากฏ.  เม่ือดวงอาทิตย์ดวงท่ีสามปรากฏ  แม่น้ำ� สายใหญๆ่ เชน่ แมน่ �ำ้ คงคา ยมนุ า อจริ วดี สรภู มหี ทง้ั หมดกง็ วดแหง้ ไป ไมม่ อี ยู่ (นฉ้ี นั ใด) ภกิ ษุทง้ั หลาย !   สังขารท้ังหลาย ไมเ่ ท่ยี ง ฉันนั้น สังขารทัง้ หลาย ไมย่ ั่งยืน ฉนั น้นั สงั ขารท้งั หลาย เป็นสิง่ ทหี่ วังอะไรไม่ได้ ฉันนัน้ . ภิกษุท้ังหลาย !   เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบื่อหน่าย ในสังขารท้ังปวง  พอแล้วเพื่อจะคลายกำ�หนัด  พอแล้ว เพ่อื จะปลอ่ ยวาง. ภิกษุท้ังหลาย !   มีสมัยซ่ึงในกาลบางคร้ังบาง คราวโดยการลว่ งไปแหง่ กาลนานไกล อาทติ ยด์ วงทส่ี ่ี ยอ่ ม ปรากฏ. เมอ่ื ดวงอาทติ ยด์ วงทส่ี ป่ี รากฏ มหาสระทง้ั หลาย อันเป็นท่เี กิดแห่งแม่นำ�้ ใหญ่ๆ  เช่น  แม่นำ�้ คงคา  ยมุนา อจริ วดี สรภู มหี มหาสระเหลา่ นน้ั ทง้ั หมดกง็ วดแหง้ ไป ไม่มีอยู่  (น้ีฉันใด)  ภิกษุท้ังหลาย !   สังขารท้ังหลาย ไมเ่ ทย่ี ง ฉนั นน้ั สงั ขารทง้ั หลาย ไมย่ ง่ั ยนื ฉนั นน้ั สงั ขาร ทง้ั หลาย เปน็ สง่ิ ทห่ี วงั อะไรไมไ่ ด้ ฉนั นน้ั . ภกิ ษทุ ง้ั หลาย !   เพียงเท่านี้ก็พอแล้วเพื่อจะเบ่ือหน่ายในสังขารท้ังปวง พอแลว้ เพ่ือจะคลายก�ำ หนัด พอแล้วเพือ่ จะปล่อยวาง. 93

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ภิกษุทั้งหลาย !   มีสมัยซึ่งในกาลบางครั้งบาง คราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล  อาทิตย์ดวงท่ีห้า ย่อมปรากฏ.  เม่ือดวงอาทิตย์ดวงท่ีห้าปรากฏ  นำ้�ใน มหาสมทุ รอนั ลกึ รอ้ ยโยชน์ กง็ วดลง น�ำ้ ในมหาสมทุ รอนั ลกึ สอง-สาม-ส-่ี หา้ -หก-เจด็ รอ้ ยโยชน์ กง็ วดลง เหลอื อยู่ เพียงเจ็ดช่วั ต้นตาล ก็มี เหลืออยเู่ พียงหก-ห้า-สี่-สาม- สอง กระทง่ั หนง่ึ ชั่วต้นตาล ก็มี งวดลงเหลอื อยเู่ พยี ง เจด็ ชว่ั บรุ ษุ กม็ ี เหลอื อยเู่ พยี งหก-หา้ -ส-่ี สาม–สอง-หนง่ึ กระทัง่ ครง่ึ ชว่ั บุรุษ ก็มี งวดลง เหลอื อยู่เพียงแค่สะเอว เพยี งแค่เขา่ เพียงแคข่ ้อเทา้ กระทัง่ เหลืออยู่ ลกึ เทา่ น�้ำ ในรอยเท้าโค ในทนี่ น้ั ๆ เช่นเดียวกับน�้ำ ในรอยเท้าโค เมือ่ ฝนเม็ดใหญ่เร่มิ ตกในฤดสู ารทลงมาในที่นน้ั ๆ. ภิกษุทั้งหลาย !   เพราะการปรากฏแห่งอาทิตย์ ดวงที่ห้า  นำ้�ในมหาสมุทรไม่มีอยู่แม้สักว่าองคุลีเดียว (น้ีฉันใด)  ภิกษุทั้งหลาย !   สังขารทั้งหลาย  ไม่เที่ยง ฉันนั้น สังขารท้ังหลาย ไมย่ ่งั ยนื ฉนั นั้น สังขารท้ังหลาย เปน็ ส่ิงที่หวังอะไรไมไ่ ด้ ฉนั นนั้ . ภิกษุทัง้ หลาย !   เพียง เทา่ น้ีกพ็ อแลว้ เพือ่ จะเบอ่ื หน่ายในสงั ขารทง้ั ปวง พอแลว้ เพ่อื จะคลายกำ�หนัด พอแล้วเพ่อื จะปล่อยวาง. 94

เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม ภิกษุท้ังหลาย !   มีสมัยซึ่งในกาลบางคร้ังบาง คราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล  อาทิตย์ดวงที่หก  ย่อมปรากฏ.  เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่หก มหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุ  ก็มีควันข้ึน  ย่ิงข้ึนและ ยิ่งข้ึน  เปรียบเหมือนเตาเผาหม้อ  อันนายช่างหม้อ สมุ ไฟแลว้ ย่อมมีควันข้นึ โขมง ย่ิงขึน้ และยิ่งขน้ึ ฉะน้นั (นี้ฉันใด)  ภิกษุทั้งหลาย !     สังขารทั้งหลาย  ไม่เที่ยง ฉันน้ัน สงั ขารท้งั หลาย ไมย่ ัง่ ยนื ฉนั นัน้ สงั ขารทั้งหลาย เป็นส่ิงท่หี วงั อะไรไม่ได้ ฉนั น้นั .  ภกิ ษุท้ังหลาย !   เพยี ง เท่านีก้ ็พอแล้วเพื่อจะเบอื่ หนา่ ยในสงั ขารท้ังปวง พอแลว้ เพือ่ จะคลายกำ�หนัด พอแล้วเพอ่ื จะปล่อยวาง. ภิกษุทั้งหลาย !   มีสมัยซึ่งในกาลบางคร้ังบาง คราวโดยการล่วงไปแห่งกาลนานไกล  อาทิตย์ดวงที่เจ็ด  ย่อมปรากฏ.  เพราะความปรากฏแห่งอาทิตย์ดวงที่เจ็ด มหาปฐพีน้ีและขุนเขาสิเนรุ  ย่อมมีไฟลุกโพลงๆ  มี เปลวเป็นอันเดียวกัน.  เมื่อมหาปฐพีนี้และขุนเขาสิเนรุ อันไฟเผาอยู่  ไหม้อยู่อย่างนี้  เปลวไฟถูกลมซัดข้ึนไป จนถึงพรหมโลก.  ภิกษุทั้งหลาย !   เม่ือขุนเขาสิเนรุ ถูกไฟเผาอยู่  ไหม้อยู่  วินาศอยู่  อันกองไฟท่วมทับแล้ว 95

พทุ ธวจน - หมวดธรรม ยอดท้ังหลายอันสูงร้อยโยชน์บ้าง  สอง-สาม-ส่ี-ห้า ร้อยโยชน์บ้าง  ก็พังทำ�ลายไป.  ภิกษุท้ังหลาย !   เม่ือ มหาปฐพีนีแ้ ละขนุ เขาสิเนรุอันไฟเผาอยู่ ไหม้อยู่ ขเ้ี ถา้ และเขมา่ ย่อมไมป่ รากฏ เหมอื นเมอื่ เนยใส หรอื น�ำ้ มนั ถูกเผา ขเ้ี ถ้าและเขม่าย่อมไมป่ รากฏ ฉะน้ัน (นฉ้ี นั ใด) ภิกษุทั้งหลาย !   สังขารท้ังหลาย  ไม่เที่ยง  ฉันนั้น สังขารทงั้ หลาย ไมย่ ่งั ยนื ฉนั นนั้ สังขารทั้งหลาย เปน็ ส่ิงท่ีหวงั อะไรไมไ่ ด้ ฉันนนั้ . ภกิ ษุทัง้ หลาย !   เพยี งเท่าน้ี ก็พอแล้วเพ่ือจะเบ่ือหน่ายในสังขารท้ังปวง  พอแล้วเพื่อ จะคลายกำ�หนัด พอแล้วเพ่ือจะปลอ่ ยวาง. ภิกษุท้ังหลาย !   ในข้อความน้ัน  ใครจะคิด ใครจะเชอ่ื วา่ “ปฐพนี แ้ี ละขนุ เขาสเิ นรจุ กั ลกุ ไหม้ จกั วนิ าศ จกั สูญส้นิ ไปได”้ นอกเสียจาก พวกมีบทอันเห็นแล้ว. 96

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปิด : ปฐมธรรม ผลจากความไมม่ ธี รรมะของมนุษย์ ๓๖ (อยา่ งเบา) -บาลี จตุกกฺ . อํ ๒๑/๙๗/๗๐. ภิกษุทง้ั หลาย !   สมยั ใดราชา(ผปู้ กครอง)ทง้ั หลาย ไมต่ ้ังอยู่ในธรรม สมยั นัน้ ราชยตุ ต์ (ข้าราชการ) ทัง้ หลาย ก็ไม่ต้ังอยใู่ นธรรม เม่ือ ราชยตุ ตท์ ง้ั หลาย ไมต่ ง้ั อยใู่ นธรรม พราหมณ์ และคหบดที ง้ั หลาย กไ็ ม่ตง้ั อย่ใู นธรรม เม่ือ พราหมณแ์ ละคหบดที ง้ั หลาย ไมต่ ง้ั อยใู่ น ธรรม ชาวเมอื งและชาวชนบททง้ั หลาย กไ็ มต่ ง้ั อยใู่ นธรรม เม่อื ชาวเมอื งและชาวชนบททง้ั หลาย ไมต่ ง้ั อยู่ ในธรรม ดวงจนั ทรแ์ ละดวงอาทติ ย์ กม็ ปี รวิ รรต (การเคลอ่ื นท่ี การหมนุ เวยี น) ไมส่ มำ่�เสมอ เมอื่ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์  มีปริวรรต ไม่สม่ำ�เสมอ ดาวนักษัตรและดาวทั้งหลาย ก็มีปริวรรต ไม่สมำ�่ เสมอ 97

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เมอ่ื ดาวนักษัตรและดาวท้ังหลาย  มีปริวรรต ไม่สมำ�่ เสมอ คืนและวัน ก็มีปรวิ รรตไมส่ มำ�่ เสมอ เมอ่ื คืนและวนั มปี รวิ รรตไมส่ ม�ำ่ เสมอ เดือน และปกั ษ์ กม็ ีปริวรรตไมส่ ม�ำ่ เสมอ เมอ่ื เดือนและปักษ์  มีปริวรรตไม่สม่ำ�เสมอ ฤดแู ละปี กม็ ีปริวรรตไมส่ มำ่�เสมอ เมื่อ ฤดูและปี  มีปริวรรตไม่สมำ่�เสมอ  ลม (ทุกชนดิ ) กพ็ ดั ไปไมส่ มำ่�เสมอ เม่อื ลม (ทุกชนดิ ) พัดไปไม่สมำ่�เสมอ ปัญชสา (ระบบแหง่ ทศิ ทางลมอันถกู ต้อง) กแ็ ปรปรวน เมื่อ ปัญชสา แปรปรวน เทวดาทงั้ หลาย ก็ ระสำ่�ระสาย เม่ือ เทวดาทง้ั หลาย ระส�ำ่ ระสาย ฝนกต็ กลงมา อย่างไมเ่ หมาะสม เมื่อ ฝนตก ลงมาอย่างไมเ่ หมาะสม พืชพรรณ ข้าวทัง้ หลาย กแ็ กแ่ ละสกุ ไม่สม�ำ่ เสมอ 98

เปิดธรรมที่ถูกปดิ : ปฐมธรรม ภิกษุทั้งหลาย !   เม่ือมนุษย์ทั้งหลาย  บริโภค พืชพรรณข้าวท้ังหลายอันมีความแก่และสุกไม่สม่ำ�เสมอ ก็กลายเป็นผู้มีอายุสนั้ ผวิ พรรณทราม ทพุ พลภาพและ มีโรคภยั ไข้เจบ็ มาก. (ข้อความต่อไปน้ี  ได้ตรัสถึงภาวะการณ์ท่ีตรงกันข้าม ผู้ศึกษาพึงทราบโดยนยั ตรงกนั ขา้ ม ตลอดสาย). 99

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม ผลจากความไมม่ ธี รรมะของมนษุ ย์ ๓๗ (อย่างหนัก) -บาลี ปา. ที. ๑๑/๗๐-๘๐/๓๙-๔๗. ภิกษทุ งั้ หลาย !   เมอ่ื พระราชา มกี ารกระท�ำ ชนดิ ทเ่ี ปน็ ไปแตเ่ พยี งเพอ่ื การคมุ้ ครองอารกั ขา แตม่ ไิ ดเ้ ปน็ ไป เพอ่ื การกระท�ำ ใหเ้ กดิ ทรพั ย์ แกบ่ คุ คลผไู้ มม่ ที รพั ยท์ ง้ั หลาย ดงั นน้ั แลว้ ความยากจนขดั สน กเ็ ปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวาง แรงกล้าถึงทสี่ ดุ เพราะความยากจนขดั สนเปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวาง แรงกล้าถึงที่สุด  อทินนาทาน  (ลักทรัพย์)  ก็เป็นไปอย่าง กว้างขวางแรงกลา้ ถึงท่สี ุด เพราะอทนิ นาทานเปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวางแรงกลา้ ถึงท่สี ดุ การใชศ้ สั ตราวุธโดยวธิ กี ารตา่ งๆ กเ็ ปน็ ไปอย่าง กว้างขวางแรงกล้าถงึ ทส่ี ดุ เพราะการใชศ้ สั ตราวธุ โดยวธิ ีการตา่ งๆ เปน็ ไป อยา่ งกว้างขวางแรงกลา้ ถงึ ที่สุด ปาณาตบิ าต (ซ่ึงหมายถงึ การฆ่ามนุษย์ด้วยกัน)  ก็เป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้าถึง ทสี่ ุด 100

เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : ปฐมธรรม เพราะปาณาตบิ าตเปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวางแรงกลา้ ถึงท่ีสุด  มุสาวาท  (การหลอกลวงคดโกง)  ก็เป็นไปอย่าง กวา้ งขวางแรงกลา้ ถงึ ทสี่ ดุ (ในสมัยนี้ มนุษย์มีอายุขัยถอยลงมาจาก ๘ หมื่นปี เหลือเพยี ง ๔ หมืน่ ปี) เพราะมุสาวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า ถึงที่สุด ปสิ ุณาวาท (การพดู จายุแหย่เพื่อการแตกกันเปน็ กก๊ เปน็ หมู่ ท�ำ ลายความสามคั ค)ี กเ็ ปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวางแรงกลา้ ถงึ ทีส่ ุด (ในสมยั น้ี มนษุ ยม์ อี ายขุ ยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๒ หมน่ื ป)ี เพราะปิสุณาวาทเป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า ถงึ ที่สุด กาเมสมุ จิ ฉาจาร (การท�ำ ชู้ การละเมดิ ของรักของ บคุ คลอน่ื ) ก็เปน็ ไปอย่างกว้างขวางแรงกลา้ ถึงทสี่ ุด (ในสมยั น้ี มนษุ ยม์ อี ายขุ ยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๑ หมน่ื ป)ี เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกลา้ ถึงทีส่ ดุ ผรสุ วาท และ สัมผัปปลาปวาท (การใช้ ค�ำ หยาบ และคำ�พูดเพอ้ เจอ้ เพื่อความสำ�ราญ) ก็เป็นไปอย่าง กว้างขวางแรงกลา้ ถึงที่สดุ (ในสมยั น้ี มนษุ ยม์ อี ายขุ ยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๕ พนั ป)ี 101

พุทธวจน - หมวดธรรม เพราะผรุสวาทและสัมผัปปลาปวาทเป็นไป อย่างกว้างขวางแรงกล้าถึงท่ีสุด  อภิชฌาและพยาบาท (แผนการกอบโกย และการท�ำ ลายลา้ ง) กเ็ ปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวาง แรงกลา้ ถึงที่สดุ (ในสมยั น้ี มนษุ ยม์ อี ายขุ ยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๒,๕๐๐- ๒,๐๐๐ ป)ี เพราะอภชิ ฌาและพยาบาทเปน็ ไปอยา่ งกวา้ งขวาง แรงกล้าถึงที่สุด  มิจฉาทิฏฐิ  (ความเห็นผิดชนิดเห็นกงจักร เป็นดอกบวั นิยมความชั่ว) ก็เปน็ ไปอยา่ งกว้างขวางแรงกลา้ ถึงทสี่ ดุ (ในสมยั น้ี มนษุ ยม์ อี ายขุ ยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๑,๐๐๐ ป)ี เพราะมิจฉาทิฏฐเิ ป็นไปอย่างกว้างขวางแรงกล้า ถึงที่สดุ (อกศุ ล) ธรรมทัง้ สาม คือ อธัมมราคะ (ความยินดี ทไ่ี มเ่ ปน็ ธรรม) วสิ มโลภะ (ความโลภไม่สิ้นสดุ ) มิจฉาธรรม (การประพฤติตามอำ�นาจกิเลส)  ก็เป็นไปอย่างกว้างขวาง แรงกลา้ ถึงทส่ี ดุ (อย่างไม่แยกกัน) (ในสมยั น้ี มนษุ ยม์ อี ายขุ ยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๕๐๐ ป)ี เพราะ (อกศุ ล) ธรรม ทั้งสาม ... นนั้ เปน็ ไปอย่าง กว้างขวางแรงกล้าถึงที่สุด  (อกุศล)  ธรรมท้ังหลาย  คือ 102

เปดิ ธรรมทถ่ี ูกปิด : ปฐมธรรม ไมป่ ฏบิ ัติอยา่ งถกู ต้องในมารดา บิดา สมณพราหมณ์ ไมม่ กี ลุ เชฏฐาปจายนธรรม  (ความออ่ นนอ้ มตามฐานะสงู ต�ำ่ ) กเ็ ป็นไปอยา่ งกวา้ งขวางแรงกล้าถงึ ที่สดุ . (ในสมัยน้ี มนษุ ย์มอี ายุขยั ถอยลงมาเหลอื เพยี ง ๒๕๐- ๒๐๐-๑๐๐ ป)ี สมัยน้ัน  จักมีสมัยท่ีมนุษย์มีอายุขัยลดลงมา เหลอื เพยี ง ๑๐ ปี (จกั มลี กั ษณะแหง่ ความเสอ่ื มเสยี มปี ระการ ต่างๆ  ดังท่ีท่านกล่าวไว้ว่า)   หญิงอายุ  ๕  ปี  ก็มีบุตร รสทง้ั หา้ คอื เนยใส เนยข้น นำ้ �มัน นำ้ �ผ้ึง น้ำ�อ้อย และ รสเคม็ กไ็ มป่ รากฏ มนษุ ยท์ ง้ั หลาย กนิ หญา้ ทเ่ี รยี กวา่ กุท๎รูสกะ  (ซ่ึงนิยมแปลกันว่าหญ้ากับแก้)  แทนการกินข้าว กุศลกรรมบถหายไป  ไม่มีร่องรอย  อกุศลกรรมบถ รงุ่ เรอื งถงึ ทส่ี ดุ ในหมมู่ นษุ ย์ ไมม่ คี ำ�พดู วา่ กศุ ล จงึ ไมม่ ี การทำ�กศุ ล มนษุ ยส์ มยั นน้ั จกั ไมย่ กยอ่ งสรรเสรญิ ความ เคารพเก้ือกูลต่อมารดา  (มัตเตยยธรรม)  ความเคารพ เก้ือกูลต่อบิดา  (เปตเตยยธรรม)  ความเคารพเก้ือกูลต่อ สมณะ  (สามัญญธรรม)  ความเคารพเก้ือกูลต่อพราหมณ์  (พรหมญั ญธรรม) และกลุ เชฏฐาปจายนธรรม เหมอื นอยา่ ง ทม่ี นษุ ยย์ กยอ่ งกนั อยใู่ นสมยั น้ี ไมม่ คี ำ�พดู วา่ แม่ นา้ ชาย 103

พุทธวจน - หมวดธรรม นา้ หญงิ พอ่ อา ลงุ ปา้ ภรรยาของอาจารย์ และคำ�พดู วา่ เมยี ของครู สตั วโ์ ลกจกั กระทำ�การสมั เภท (สมสสู่ ำ�สอ่ น) เชน่ เดยี วกนั กบั แพะ แกะ ไก่ สกุ ร สนุ ขั สนุ ขั จง้ิ จอก ความอาฆาต ความพยาบาท ความคดิ รา้ ย ความคดิ ฆา่ เปน็ ไปอยา่ งแรงกลา้ แมใ้ นระหวา่ งมารดากบั บตุ ร บตุ รกบั มารดา บดิ ากบั บตุ ร บตุ รกบั บดิ า พก่ี บั นอ้ ง นอ้ งกบั พ่ี ทง้ั ชาย และหญงิ เหมอื นกบั ทน่ี ายพรานมคี วามรสู้ กึ ตอ่ เนอ้ื ทง้ั หลาย. ในสมัยน้นั จักมี สัตถนั ตรกปั ป์ (การใชศ้ ัสตราวธุ ติดต่อกันไม่หยุดหยอ่ น) ตลอดเวลา ๗ วนั สัตวท์ ้ังหลาย เหล่านั้น  จักมีความสำ�คัญแก่กันและกัน  ราวกะว่า เนอื้ แตล่ ะคนมีศัสตราวุธในมือ ปลงชวี ติ ซึง่ กนั และกนั ราวกะวา่ ฆ่าปลา ฆ่าเนื้อ. (มีมนุษย์หลายคน  ไม่เข้าร่วมวงสัตถันตรกัปป์ด้วย ความกลวั   หนไี ปซอ่ นตวั อยใู่ นทท่ี พ่ี อจะซอ่ นตวั ไดต้ ลอด ๗ วนั แลว้ กลบั ออกมาพบกนั และกนั ยนิ ดสี วมกอดกนั กลา่ วแกก่ นั และ กนั ในท่ีน้ันว่า  มีโชคดีท่ีรอดมาได้  แล้วก็ตกลงกันในการต้ังต้น ประพฤตธิ รรมกนั ใหมต่ อ่ ไป  ชวี ติ มนษุ ยก์ ค็ อ่ ยเจรญิ ขน้ึ จาก ๑๐ ปี ตามล�ำ ดบั ๆ จนถงึ สมยั ๘ หมน่ื ปี อกี ครง้ั หนง่ึ จนกระทง่ั เปน็ สมยั แหง่ ศาสนาของพระพทุ ธเจา้ มพี ระนามวา่ เมตเตยยสมั มาสมั พทุ ธะ). 104

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปิด : ปฐมธรรม ข้อควรทราบเกีย่ วกับอกศุ ลมลู ๓๘ (ราคะ โทสะ โมหะ) -บาลี ติก. อ.ํ ๒๐/๒๕๖/๕๐๘. ภิกษุทั้งหลาย !   ถ้าพวกปริพพาชกเดียรถีย์ เหลา่ อืน่ จะพึงถามอยา่ งน้ีว่า “อาวโุ ส ! ธรรม ๓ อยา่ งเหลา่ น้ี มอี ยู่ คอื ราคะ โทสะ โมหะ. อาวโุ ส ! อะไรเปน็ ความผดิ แปลก อะไรเปน็ ความแตกตา่ ง อะไรเปน็ เครอ่ื งแสดงความตา่ ง ระหวา่ งธรรม ๓ อยา่ งเหลา่ นน้ั  ?” ดงั น.้ี ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   พวกเธอถกู ถามอยา่ งนแี้ ลว้ พงึ พยากรณ์แกเ่ ขาวา่ “อาวโุ ส ! ราคะมโี ทษนอ้ ย คลายช้า โทสะมโี ทษมาก คลายเรว็ โมหะมโี ทษมาก คลายชา้ ”. ถา้ เขาถามวา่ “อาวุโส ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปัจจยั ทท่ี ำ�ใหร้ าคะท่ียังไม่เกดิ เกิดขึ้น หรือราคะทเ่ี กิดขึน้ แล้ว เปน็ ไป เพือ่ ความเจรญิ โดยยง่ิ เพื่อความไพบูลย์ ?” ดงั น.้ี คำ�ตอบพึงมวี า่ สภุ นมิ ิต (สิง่ ท่ีแสดงใหร้ ู้สกึ ว่างาม) คือเม่ือเขาทำ�ในใจซึ่งสุภนิมิตโดยไม่แยบคาย  ราคะท่ียัง ไม่เกิดก็เกิดข้ึน  และราคะที่เกิดอยู่แล้ว  ก็เป็นไปเพื่อ ความเจรญิ โดยยง่ิ เพอ่ื ความไพบลู ย.์ อาวโุ ส ! นค้ี อื เหตุ นีค้ ือปัจจัย.  105

พุทธวจน - หมวดธรรม ถา้ เขาถามอกี วา่ “อาวโุ ส ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปจั จยั ทที่ ำ�ใหโ้ ทสะทย่ี ังไม่เกดิ เกดิ ขึน้ หรอื โทสะท่เี กดิ ข้ึนแล้ว เปน็ ไป เพื่อความเจริญโดยยิง่ เพื่อความไพบูลย์ ?” ดงั น้.ี คำ�ตอบพึงมีว่า  ปฏิฆนิมิต  (สิ่งที่แสดงให้รู้สึก กระทบกระท่ัง)  คือเมื่อเขาทำ�ในใจซึ่งปฏิฆนิมิตโดยไม่ แยบคาย  โทสะท่ียังไม่เกิดก็เกิดข้ึน  และโทสะท่ีเกิดอยู่ แล้ว ก็เป็นไปเพอ่ื ความเจรญิ โดยยิ่ง เพอ่ื ความไพบูลย์. อาวุโส ! นคี้ อื เหตุ นี้คือปัจจัย. ถา้ เขาถามอกี วา่ “อาวโุ ส ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปจั จยั ที่ทำ�ใหโ้ มหะทยี่ งั ไมเ่ กิด เกดิ ขึ้น หรอื โมหะทเ่ี กิดข้ึนแลว้ เป็นไป เพื่อความเจริญโดยยิง่ เพอื่ ความไพบลู ย์ ?” ดังน้ี. ค�ำ ตอบพงึ มวี า่ อโยนโิ สมนสกิ าร (การกระท�ำ ในใจ โดยไม่แยบคาย) คือเมือ่ ทำ�ในใจโดยไมแ่ ยบคาย โมหะที่ ยังไม่เกิดก็เกิดข้ึน  และโมหะที่เกิดอยู่แล้วก็เป็นไปเพื่อ ความเจรญิ โดยยง่ิ เพอื่ ความไพบลู ย.์ อาวุโส ! น้ีคือเหตุ นค้ี ือปจั จยั . ถา้ เขาถามอกี ว่า “อาวโุ ส ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปจั จยั ทท่ี ำ�ใหร้ าคะทย่ี งั ไมเ่ กดิ ไมเ่ กดิ ขน้ึ หรอื ราคะทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ ละไป ?” ดังน้ี. 106

เปดิ ธรรมทถี่ ูกปดิ : ปฐมธรรม ค�ำ ตอบพงึ มวี า่ อสภุ นิมิต (ส่งิ ทีแ่ สดงใหร้ ูส้ ึกวา่ ไม่งาม)  คือเม่ือเขาทำ�ในใจซึ่งอสุภนิมิตโดยแยบคาย ราคะทย่ี งั ไมเ่ กดิ กไ็ มเ่ กดิ ขน้ึ และราคะทเ่ี กดิ อยแู่ ลว้ กล็ ะไป. อาวุโส ! นี้คือเหตุ นค้ี อื ปัจจัย. ถา้ เขาถามอกี วา่ “อาวโุ ส ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปจั จยั ทท่ี ำ�ใหโ้ ทสะทย่ี งั ไมเ่ กดิ ไมเ่ กดิ ขน้ึ หรอื โทสะทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ ละไป ?” ดงั น.้ี คำ�ตอบพึงมีวา่ เมตตาเจโตวมิ ุตติ (ความหลดุ พน้ แห่งจิตอันประกอบอยู่ด้วยเมตตา)  คือเมื่อเขาทำ�ในใจซ่ึง เมตตาเจโตวมิ ตุ ตโิ ดยแยบคาย โทสะทย่ี งั ไมเ่ กดิ กไ็ มเ่ กดิ ขน้ึ และโทสะทเ่ี กดิ อยแู่ ลว้ กล็ ะไป. อาวโุ ส ! นค้ี อื เหตุ นค้ี อื ปจั จยั . ถ้าเขาถามอีกวา่ “อาวโุ ส ! อะไรเปน็ เหตุ อะไรเปน็ ปจั จยั ทท่ี ำ�ใหโ้ มหะทย่ี งั ไมเ่ กดิ ไมเ่ กดิ ขน้ึ หรอื โมหะทเ่ี กดิ ขน้ึ แลว้ ละไป?” ดงั นี้. คำ�ตอบพึงมีวา่ โยนิโสมนสิการ คอื เมอ่ื ทำ�ในใจ โดยแยบคาย  โมหะที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้น  และโมหะ ทเ่ี กิดอยู่แลว้ ก็ละไป. อาวุโส ! นีค้ ือเหตุ นีค้ ือปจั จยั . 107

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : ปฐมธรรม คณุ สมบตั ขิ องทูต ๓๙ -บาลี จุลฺล. วิ. ๗/๒๐๑/๓๙๘. ภิกษุท้ังหลาย !   ภิกษุผู้ประกอบด้วยองค์  ๘ ควรท�ำ หน้าทท่ี ูต. องค์ ๘ เปน็ อยา่ งไรเลา่  ? คอื ภกิ ษใุ นธรรมวนิ ยั น้ี ๑.  รบั ฟงั ๒.  ให้ผู้อ่ืนฟงั ๓.  กำ�หนด ๔.  ทรงจำ� ๕.  เขา้ ใจความ ๖.  ใหผ้ อู้ ื่นเขา้ ใจความ ๗.  ฉลาดต่อประโยชนแ์ ละมิใช่ประโยชน์ ๘.  ไมก่ ่อความทะเลาะ ภิกษุใด  เข้าไปสู่บริษัทที่พูดคำ�หยาบ  ก็ไม่ สะทกสะท้าน  ไม่ยังคำ�พูดให้เสีย  ไม่ปกปิดข่าวสาส์น พดู จนหมดความสงสัย และถกู ถามก็ไม่โกรธ. ภกิ ษผุ ู้เชน่ นน้ั แล ย่อมควรท�ำ หนา้ ทที่ ูต. 108

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถูกปดิ : ปฐมธรรม ไมโ่ กหกกนั แมเ้ พยี งเพอื่ หวั เราะเล่น ๔๐ -บาลี ม. ม. ๑๓/๑๒๓/๑๒๖. “ราหุล ! นกั บวช ทไ่ี มม่ คี วามละอายในการแกลง้ กลา่ วเทจ็ ทัง้ ทร่ี ู้อยู่ว่าเป็นเทจ็ ก็มีความเปน็ สมณะ เท่ากบั ความวา่ งเปลา่ ของน�ำ้ ในภาชนะน้ี ฉนั นน้ั เหมอื นกนั ..ฯลฯ..”. “ราหุล ! เรากล่าวว่า  กรรมอันเป็นบาปหน่อย หนง่ึ   ซ่ึงนักบวชท่ีไม่มีความละอายในการแกล้งกล่าวเท็จ ท้ังท่ีรู้อยู่ว่าเป็นเท็จ  จะทำ�ไม่ได้  หามีไม่.  เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ เธอทงั้ หลาย พงึ สำ�เหนียกใจไวว้ า่ “เราทัง้ หลายจักไม่กล่าวมุสา แมแ้ ต่เพอื่ หัวเราะกันเลน่ ” ดงั น.้ี ราหลุ ! เธอทง้ั หลายพงึ ส�ำ เหนยี กใจไวอ้ ยา่ งน”้ี . 109

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ีถกู ปดิ : ปฐมธรรม งเู ป้อื นคถู ๔๑ -บาลี ติก. อํ. ๒๐/๑๕๘/๔๖๖. ภิกษุทั้งหลาย !   นักบวชชนิดไร  ท่ีทุกๆ  คน ควรขยะแขยง ไมค่ วรสมาคม ไมค่ วรคบ ไมค่ วรเขา้ ใกล ้ ? ภกิ ษุทงั้ หลาย !   นกั บวชบางคนในกรณนี ้ี เป็น คนทุศีล  มีความเป็นอยู่เลวทราม  ไม่สะอาด  มีความ ประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง  มีการ กระทำ�ท่ีต้องปกปิดซ่อนเร้น  ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่า เป็นสมณะ  ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเนา่ ใน เปยี กแฉะ มสี ัญชาติ หมักหมม เหมือนบอ่ ที่เทขยะมูลฝอย. ภกิ ษทุ ้งั หลาย !   นักบวชชนิดนแี้ ล ทีท่ กุ ๆ คน ควรขยะแขยง ไมค่ วรสมาคม ไมค่ วรคบ ไม่ควรเข้าใกล้. ข้อน้ันเพราะอะไร ? ภิกษุทั้งหลาย !   เพราะเหตวุ า่ ถงึ แมผ้ ทู้ เ่ี ขา้ ใกลช้ ดิ จะไมถ่ ือเอานักบวชชนดิ น้ี เป็นตวั อย่างก็ตาม แตว่ า่ เสียง ร�ำ่ ลืออันเสอื่ มเสยี จะระบือไปวา่ “คนๆ น้ี มมี ติ รเลว มีเพ่อื นทราม มีเกลอลามก” ดงั น้ี. 110

เปดิ ธรรมท่ีถูกปดิ : ปฐมธรรม ภิกษุทั้งหลาย !   เปรียบเหมือนงูท่ีตกลงไปจม อยู่ในหลุมคูถ  กัดไม่ได้ก็จริงแล  แต่มันอาจทำ�คน ที่เข้าไปช่วยยกมันขึ้นจากหลุมคูถให้เป้ือนด้วยคูถได้  (ด้วยการดน้ิ ของมัน) น้ฉี นั ใด. ภิกษุทั้งหลาย !   แม้ผู้เข้าใกล้ชิด  จะไม่ถือเอา นักบวชชนิดนเี้ ป็นตวั อย่างกจ็ รงิ แล แต่วา่ เสยี งร่ำ�ลืออนั เส่ือมเสยี จะระบอื ไปวา่ “คนๆ นี้ มีมติ รเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก” ดงั นี้ ฉันน้นั เหมือนกัน. เพราะเหตนุ น้ั นกั บวชชนดิ น้ี จงึ เปน็ คนทท่ี กุ ๆ คน ควรขยะแขยง ไมค่ วรสมาคม ไมค่ วรคบ ไมค่ วรเขา้ ใกล.้ 111



“กรรม” และ ผลของการกระทํา

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมท่ถี ูกปิด : ปฐมธรรม ส่งิ ทค่ี วรรู้เบอื้ งต้นเกีย่ วกับ “กรรม” ๔๒ -บาลี ฉกกฺ . อ.ํ ๒๒/๔๕๘,๔๖๓-๔๖๔/๓๓๔. ภิกษุทั้งหลาย !   เรากลา่ วซง่ึ เจตนาวา่ เปน็ กรรม เพราะวา่ บุคคลเจตนาแลว้ ย่อมกระท�ำ ซึง่ กรรมด้วยกาย ดว้ ยวาจา ด้วยใจ ... ภกิ ษุทั้งหลาย !   เหตุเกิด (นิทานสัมภวะ) แห่ง กรรมทั้งหลาย เป็นอยา่ งไรเล่า ? ภิกษุท้ังหลาย !   เหตุเกิดแห่งกรรมทั้งหลาย คือ ผัสสะ. ภิกษุท้ังหลาย !   ความมีประมาณต่างๆ (เวมัตตตา) แหง่ กรรมทั้งหลาย เป็นอยา่ งไรเล่า ? ภิกษทุ ั้งหลาย !   กรรมที่ท�ำ สัตว์ใหเ้ สวยเวทนาในนรก มอี ยู่ กรรมทท่ี �ำ สัตวใ์ หเ้ สวยเวทนาในก�ำ เนิดเดรัจฉาน มอี ยู่ กรรมท่ีท�ำ สตั ว์ใหเ้ สวยเวทนาในเปรตวิสัย มีอยู่ กรรมทที่ �ำ สตั วใ์ หเ้ สวยเวทนาในมนุษยโลก มีอยู่ กรรมท่ีท�ำ สตั ว์ใหเ้ สวยเวทนาในเทวโลก มอี ยู่... 114

เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ปฐมธรรม ภิกษุท้ังหลาย !   วิบากแห่งกรรมทั้งหลาย เป็นอยา่ งไรเลา่  ? ภิกษุทั้งหลาย !   เรากล่าววิบากแห่งกรรม ทั้งหลายว่ามีอยู่  ๓  อย่าง  คือ  วิบากในทิฏฐธรรม (คอื ทนั ควัน) หรอื วา่ วบิ ากในอปุ ะปัชชะ (คอื ในเวลาตอ่ มา) หรือวา่ วิบากในอปรปรยิ ายะ (คอื ในเวลาต่อมาอีก) ... ภิกษุท้ังหลาย !   ความดับแห่งกรรม  เป็น อยา่ งไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย !   ความดับแห่งกรรม  ย่อมมี เพราะ ความดบั แหง่ ผสั สะ. อรยิ มรรคมอี งค์ ๘ นน้ี ั่นเอง เปน็ ขอ้ ปฏบิ ตั ใิ หถ้ ึง ความดับไม่เหลือแห่งกรรม  (กัมมนิโรธคามินีปฏิปทา) ได้แก่  สิ่งเหล่าน้ีคือ  สัมมาทิฏฐิ  สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากมั มนั ตะ สมั มาอาชีวะ สมั มาวายามะ สมั มาสติ สัมมาสมาธ.ิ 115

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมทีถ่ ูกปดิ : ปฐมธรรม กายน้ี เปน็ “กรรมเก่า” ๔๓ -บาลี นทิ าน. ส.ํ ๑๖/๗๗/๑๔๓. ภิกษุท้ังหลาย !   กายน ้ี ไมใ่ ชข่ องเธอทง้ั หลาย และท้ังไม่ใช่ของบุคคลเหล่าอื่น.  ภิกษุทั้งหลาย !   กรรมเกา่   (คือกาย)  นี้ อันเธอทัง้ หลาย พึงเห็นวา่ เปน็ ส่ิงที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น  (อภิสงฺขต)  เป็นสิ่งท่ีปัจจัยทำ�ให้ เกิดความรู้สึกข้ึน  (อภิสญฺเจตยิต)  เป็นส่ิงท่ีมีความรู้สึก ตอ่ อารมณ์ได้ (เวทนีย). ภกิ ษุทั้งหลาย !   ในกรณขี องกายน้ัน อรยิ สาวก ผู้ได้สดับแล้ว  ย่อมทำ�ไว้ในใจโดยแยบคายเป็นอย่างดี ซง่ึ ปฏิจจสมปุ บาท น่นั เทียว ดงั นี้ว่า “ดว้ ยอาการอย่างนี้ เพราะสิ่งน้มี ี สงิ่ นจี้ งึ มี เพราะความเกดิ ขนึ้ แห่งสง่ิ น้ี สิง่ นีจ้ ึงเกิดขึน้ เพราะสงิ่ นไ้ี มม่ ี สง่ิ นีจ้ งึ ไม่มี เพราะความดับไปแห่งสง่ิ นี้ สงิ่ นี้จึงดบั ไป ข้อน้ไี ดแ้ ก่ส่ิงเหลา่ นค้ี อื เพราะมีอวชิ ชาเป็นปจั จยั จงึ มสี ังขารท้ังหลาย เพราะมสี ังขารเป็นปัจจยั จงึ มวี ิญญาณ 116

เปดิ ธรรมที่ถกู ปดิ : ปฐมธรรม เพราะมีวญิ ญาณเป็นปัจจยั จงึ มีนามรูป เพราะมนี ามรูปเป็นปัจจยั จึงมีสฬายตนะ เพราะมสี ฬายตนะเป็นปัจจยั จงึ มีผสั สะ เพราะมีผัสสะเป็นปจั จัย จงึ มเี วทนา เพราะมเี วทนาเปน็ ปจั จยั จึงมตี ณั หา เพราะมตี ณั หาเป็นปจั จัย จึงมีอุปาทาน เพราะมอี ปุ าทานเปน็ ปัจจยั จึงมภี พ เพราะมีภพเปน็ ปัจจัย จึงมชี าติ เพราะมีชาตเิ ป็นปัจจยั ชรา มรณะ โสกะ ปรเิ ทวะ ทุกขะ โทมนสั อปุ ายาสท้งั หลาย จึงเกดิ ข้ึนครบถว้ น ความเกิดข้ึนพรอ้ มแห่งกองทุกขท์ ั้งสน้ิ น้ี ย่อมมี ดว้ ยอาการ อยา่ งน.ี้ เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่ง อวิชชานั้น นน่ั เทยี ว จงึ มคี วามดบั แหง่ สงั ขาร เพราะ มีความดับแห่งสังขาร จงึ มคี วามดบั แหง่ วิญญาณ .... ฯลฯ....ฯลฯ....ฯลฯ.... เพราะมคี วามดบั แห่งชาติน่นั แล ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทกุ ขะ โทมนสั อุปายาส ทั้งหลาย จึงดับสิ้น ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นน้ี ยอ่ มมี ดว้ ยอาการอยา่ งน้ี” ดงั น้ี แล. 117

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมทีถ่ ูกปดิ : ปฐมธรรม ศีล ๕ ๔๔ -บาลี ปา. ท.ี ๑๑/๒๔๗/๒๘๖., -บาลี สี. ที. ๙/๘๓/๑๐๓., -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๒๘๕/๑๖๕. (ปาณาติปาตา เวรมณ)ี เธอนั้น ละปาณาตบิ าต เว้นขาดจากปาณาติบาต (ฆ่าสัตว์) วางทอ่ นไมแ้ ละศสั ตรา เสียแล้ว  มีความละอาย  ถึงความเอ็นดูกรุณา  หวัง ประโยชน์เกื้อกูลในบรรดาสตั ว์ท้งั หลายอยู่. (อทินนาทานา เวรมณี) เธอน้นั ละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทนิ นาทาน (ลักทรพั ย์) ถือเอาแต่ของทเ่ี ขา ใหแ้ ล้ว หวงั อยู่แต่ของทเี่ ขาให้ ไมเ่ ป็นขโมย มีตนเปน็ คน สะอาดเป็นอยู.่ (กาเมสมุ ิจฉาจารา เวรมณ)ี เธอน้ัน ละการ ประพฤตผิ ดิ ในกาม เว้นขาดจากการประพฤตผิ ดิ ในกาม (คือเว้นขาดจากการประพฤตผิ ิด) ในหญงิ ซ่งึ มารดารกั ษา บดิ ารักษา พ่ีนอ้ งชาย พีน่ ้องหญิง หรอื ญาติรกั ษา อนั ธรรมรักษา เป็นหญงิ มสี ามี หญิงอยู่ในสินไหม โดยทส่ี ุด แมห้ ญิงอันเขาหมนั้ ไว้ (ด้วยการคลอ้ งพวงมาลัย) ไมเ่ ป็น ผูป้ ระพฤติผิดจารตี ในรูปแบบเหล่านนั้ . 118

เปิดธรรมท่ถี กู ปดิ : ปฐมธรรม (มสุ าวาทา เวรมณี) เธอนน้ั ละมสุ าวาท เวน้ ขาด จากมุสาวาท พดู แต่ความจรงิ รกั ษาความสัตย์ ม่ันคงใน คำ�พูด มคี �ำ พูดควรเชอ่ื ถอื ได้ ไม่แกลง้ กล่าวใหผ้ ดิ ตอ่ โลก. (สรุ าเมระยะมชั ชะปมาทฏั ฐานา เวรมณ)ี เธอนน้ั เว้นขาดจากการดม่ื น้ำ�เมา คือสุราและเมรยั อันเป็นที่ตั้ง ของความประมาท. 119

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมที่ถูกปดิ : ปฐมธรรม ทาน ท่จี ดั ว่าเปน็ มหาทาน ๔๕ -บาลี อฏฺก. อ.ํ ๒๓/๒๕๐/๑๒๙. ภิกษุทั้งหลาย !   อริยสาวก  ในกรณีนี้  ละ ปาณาตบิ าต เวน้ ขาดจากปาณาตบิ าต. ภกิ ษทุ ัง้ หลาย !   อริยสาวกเว้นขาดจากปาณาติบาตแล้ว  ย่อมชื่อว่า  ให้ อภัยทาน อเวรทาน อัพยาปชั ฌทาน แก่สตั วท์ งั้ หลาย มากไม่มีประมาณ  ครั้นให้อภัยทาน  อเวรทาน อัพยาปัชฌทาน  แก่สัตว์ทั้งหลายมากไม่มีประมาณแล้ว ย่อมเป็นผู้  มีส่วนแห่งความไม่มีภัย  ไม่มีเวร  ไม่มี ความเบียดเบียน  อันไม่มีประมาณ.  ภิกษุทั้งหลาย !   นี้เปน็ ทานชน้ั ปฐม  เป็นมหาทาน รู้จกั กนั ว่าเป็นของเลศิ เป็นของมมี านาน เป็นของประพฤติสบื กันมาแตโ่ บราณ ไมถ่ กู ทอดทง้ิ เลย ไมเ่ คยถกู ทอดทง้ิ ในอดตี ไมถ่ กู ทอดทง้ิ อยู่ในปัจจุบัน  และจักไม่ถูกทอดท้ิงในอนาคต  อัน สมณพราหมณ์ผู้รู้ไม่คัดค้าน.  ภิกษุทั้งหลาย !   ข้อน้ี เป็นทอ่ ธารแหง่ บญุ เป็นทีไ่ หลออกแหง่ กศุ ล นำ�มาซ่งึ สุข เป็นไปเพ่ือยอดสุดอันดี  มีสุขเป็นวิบาก  เป็นไปเพ่ือ สวรรค์  เป็นไปเพ่ือประโยชน์เก้ือกูลเพื่อความสุขอันพึง ปรารถนา  นา่ รักใคร่  น่าพอใจ. 120

เปิดธรรมทถี่ กู ปิด : ปฐมธรรม (ในกรณศี ลี ๕ อีกสีข่ อ้ ทีเ่ หลอื คอื การเว้นขาดจาก อทินนาทาน  การเว้นขาดจากกาเมสุมิฉาจาร  การเว้นขาดจาก มุสาวาท  และการเว้นขาดจากการด่ืมนำ้�เมา  คือสุราและเมรัย อนั เปน็ ทต่ี ั้งแหง่ ความประมาท ก็ตรัสอยา่ งเดียวกนั ) ภิกษุทั้งหลาย !   ทาน  ๕  ประการน้ีแล  เป็น มหาทานรู้จักกันว่าเป็นของเลิศ  เป็นของมีมานาน  เป็น ของประพฤติสืบกันมาแต่โบราณ  ไม่ถูกทอดท้ิงเลย  ไม่เคยถูกทอดท้ิงในอดีต  ไม่ถูกทอดท้ิงอยู่ในปัจจุบัน และจักไม่ถูกทอดท้ิงในอนาคต  อันสมณพราหมณ์ผู้รู้ ไมค่ ดั ค้าน. 121

พุทธวจน - หมวดธรรม เปิดธรรมที่ถูกปิด : ปฐมธรรม อุโบสถ (ศลี ) ๔๖ -บาลี ติก. อํ. ๒๐/๒๗๑/๕๑๐. (ปาณาติปาตา เวรมณี) เธอนัน้ ละปาณาติบาต เวน้ ขาดจากปาณาติบาต (ฆ่าสตั ว์) วางทอ่ นไม้และศสั ตรา เสียแล้ว  มีความละอาย  ถึงความเอ็นดูกรุณา  หวัง ประโยชนเ์ ก้ือกลู ในบรรดาสัตว์ทง้ั หลายอยู.่ (อทนิ นาทานา เวรมณี) เธอนน้ั ละอทินนาทาน เว้นขาดจากอทนิ นาทาน (ลกั ทรัพย์) ถือเอาแต่ของทีเ่ ขา ให้แล้ว หวงั อยแู่ ต่ของทีเ่ ขาให้ ไมเ่ ป็นขโมย มตี นเป็นคน สะอาดเป็นอย่.ู (อพรฺหมฺจริยา  เวรมณี)  เธอน้ัน  ละกรรม อันไม่ใช่พรหมจรรย์  ประพฤติพรหมจรรย์โดยปกติ ประพฤติห่างไกลเว้นขาดจากการเสพเมถุนอันเป็นของ ชาวบ้าน. (มสุ าวาทา เวรมณ)ี เธอนน้ั ละมสุ าวาท เวน้ ขาด จากมสุ าวาท พูดแตค่ วามจรงิ รักษาความสัตย์ ม่ันคงใน ค�ำ พดู มคี �ำ พูดควรเช่อื ถือได้ ไมแ่ กล้งกลา่ วให้ผิดตอ่ โลก. 122

เปดิ ธรรมท่ถี ูกปดิ : ปฐมธรรม (สรุ าเมระยะมชั ชะปมาทฏั ฐานา เวรมณ)ี เธอนน้ั เว้นขาดจากการดมื่ น้�ำ เมา คือสรุ าและเมรยั อนั เป็นทีต่ ั้ง ของความประมาท. (วิกาละโภชนา  เวรมณี)  เธอนั้น  เป็นผู้ฉัน อาหารวนั หนึ่งเพียงหนเดยี ว เว้นจากการฉนั ในราตรแี ละ วกิ าล. (นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา  เวรมณี) เธอนั้น  เป็นผู้เว้นขาดจากการฟ้อนรำ�  การขับร้อง  การประโคม  และการดูการเลน่ ชนดิ เปน็ ข้าศกึ แก่กศุ ล. (มาลาคันธะวิเลปะนะธาระณะมัณฑะนะวิภู- สะนัฏฐานา  เวรมณี)  เธอนั้น  เป็นผู้เว้นขาดจากการ ประดบั ประดา คอื ทดั ทรงตกแตง่ รา่ งกายดว้ ยมาลา ของหอม และเครอื่ งลูบทา. (อจุ จาสะยะนะมหาสะยะนา เวรมณี) เธอนน้ั เปน็ ผเู้ วน้ ขาดจากการนอนบนทน่ี อนสงู ใหญ่ ส�ำ เรจ็ การนอน บนท่ีนอนอันต�่ำ . 123

พทุ ธวจน - หมวดธรรม เปดิ ธรรมท่ถี กู ปิด : ปฐมธรรม อกุศลกรรมบถ ๑๐ ๔๗ -บาลี ทสก. อํ. ๒๔/๒๘๓-๒๘๙/๑๖๕. จุนทะ ! ความไม่สะอาดทางกาย มี ๓ อยา่ ง ความไมส่ ะอาดทางวาจา มี ๔ อย่าง ความไมส่ ะอาดทางใจ มี ๓ อย่าง จนุ ทะ ! ความไมส่ ะอาดทางกาย มี ๓ อย่าง เป็นอย่างไรเล่า ? (๑)  บุคคลบางคนในกรณีนี้  เป็นผู้มีปกติทำ� สัตว์มีชีวิตให้ตกล่วง  หยาบช้า  มีฝ่ามือเป้ือนด้วย โลหติ มแี ตก่ ารฆา่ และทบุ ตี ไมม่ คี วามเอน็ ดใู นสตั วม์ ชี วี ติ . (๒)  เป็นผู้มีปกติถือเอาสิ่งของที่มีเจ้าของ มไิ ด้ให้ คือวตั ถุอปุ กรณ์แห่งทรัพย์ของบคุ คลอ่ืนที่อยู่ใน บ้านหรือในป่าก็ตาม  เป็นผู้ถือเอาส่ิงของท่ีเขาไม่ได้ให้ ด้วยอาการแหง่ ขโมย. (๓)  เป็นผู้มีปกติประพฤติผิดในกาม  (คือ ประพฤตผิ ดิ ) ในหญงิ ซง่ึ มารดารกั ษา บดิ ารกั ษา พน่ี อ้ งชาย พน่ี อ้ งหญงิ หรอื ญาตริ กั ษา อนั ธรรมรกั ษา เปน็ หญงิ มสี ามี หญงิ อยใู่ นสนิ ไหม โดยทส่ี ดุ แมห้ ญงิ อนั เขาหมน้ั ไว้ (ดว้ ยการ คลอ้ งพวงมาลยั ) เปน็ ผปู้ ระพฤตผิ ดิ จารตี ในรปู แบบเหลา่ นน้ั . 124


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook