หนว่ ยการจัดการเรียนรทู้ ่ี 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ทักษะการเรยี นรู้ รายวชิ าทักษะการเรยี นรู้ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ การเรียนรดู้ ้วยตนเอง เวลา .......17.....ชั่วโมง 1.มาตรฐานการเรยี นรู้ สามารถวิเคราะห์ เห็นความสำคัญ และปฏิบัติการแสวงหาความรู้จากการอ่าน ฟัง และสรุปได้ ถูกต้องตามหลกั วชิ าการ 2.ตัวชี้วัด 1. บอกความหมาย ตระหนักและ เหน็ ความสำคัญของการเรียนรดู้ ้วยตนเอง 2. มที กั ษะพื้นฐานทางการศกึ ษา หาความรู้ ทักษะการแก้ปญั หา และเทคนิคในการเรยี นรูด้ ้วย ตนเอง 3. อธบิ ายปัจจัยท่ีทำใหก้ ารเรยี นรู้ ด้วยตนเองประสบความสำเรจ็ 4. สามารถวางแผนการเรยี นรู้และการประเมนิ ผลการเรียนรูด้ ว้ ยตนเองได้ 3.สาระสำคญั การเรียนรูด้ ้วยตนเอง เป็นกระบวนการเรยี นร้ทู ีผู้เรียนรเิ ร่ิมการเรยี นรดู้ ้วยตนเอง ตามความสนใจ ความต้องการ และความถนัด มเี ป้าหมาย รู้จกั แสวงหาแหล่งทรัพยากรของการเรยี นรู้ เลอื กวธิ ีการเรียนรู้ จนถึงการประเมนิ ความก้าวหนา้ ของการเรยี นรขู้ องตนเอง โดยจะดำเนนิ การดว้ ยตนเองหรอื รว่ มมอื ช่วยเหลือกับผูอ้ ่ืนหรือไม่ก็ได้ ทุกวนั นี้คนส่วนใหญแ่ สวงหาการศึกษาระดบั ทีสูงข้ึน จำเปน็ ต้องรูว้ ธิ ี วินจิ ฉยั ความต้องการในการเรียนของตนเอง สามารถกำหนดเป้ามายในการเรยี นรู้ของตนเอง สามารถ ระบุแหลง่ ความรทู้ ีตอ้ งการ และวางแผนการใชย้ ุทธวธิ ี สื่อการเรียน และแหลง่ ความรเู้ หล่า นั้น หรือแม้แต่ ประเมิน และตรวจสอบความถกู ต้องของผลการเรียนรขู้ องตนเอง มาตรฐานการเรียนร้สู ามารถวเิ คราะห์ เห็น ความสำคัญ และปฏิบัติการแสวงหาความรจู้ ากการอ่าน ฟัง และสรปุ ได้ถกู ตอ้ งตามหลักวิชาการ 4.วัตถุประสงค์การเรียนรู้ 1. เพ่ือให้นกั ศกึ ษามคี วามรู้ ความเข้าใจจากการอ่าน การฟงั การสังเกต และสรุปไดถ้ ูกตอ้ ง 2. นกั ศกึ ษาสามารถปฏบิ ัติตนตามขนั้ ตอนในการแสวงหาความรูเ้ กยี่ วกบั ทกั ษะการอ่าน ทักษะ การฟงั และทกั ษะการจดบันทกึ 3. นักศกึ ษาเห็นความสำคญั ของการเรียนรู้ด้วยตนเอง 5.คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ ขยัน ซ่อื สัตย์ มวี ินยั มนี ำ้ ใจ สามัคคี
6.การจดั กระบวนการเรียนรู้ (ใช้เทคนคิ การสอน 5E (จำนวน 3 ช่วั โมง) ขน้ั สร้างความสนใจ ( 30 นาท)ี 1. ครูตัง้ คำถามเก่ยี วกับการเรียนรดู้ ้วยตนเอง ดงั นี้ สอบถามผ้เู รยี นว่าใครเคยมีประสบการณก์ ารเรียนร้ดู ้วย ตนเองมีอะไรบ้าง และยกตัวอยา่ งสถานการณ์ในชีวิตประจำวันท่ีเกีย่ วข้องกับการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเอง พรอ้ ม อธบิ ายว่าเรยี นรู้อยา่ งไร พร้อมเปดิ คลปิ วีดีโอเกีย่ วกับ การศกึ ษาแบบ Home School โดยเปดิ ลิ้งค์ : https://www.youtube.com/watch?v=-rccpidd4KE (\"โฮมสคูล\" ทางเลอื กใหมใ่ นการเรียนร)ู้ 2. ทำแบบวดั ระดบั ความพร้อมในการเรียนร้ดู ้วยตนเองของผู้เรยี น ขั้นสำรวจและค้นหา ( 1 ช่วั โมง 20 นาที) 1. ครูชีแ้ จงวตั ถุประสงคข์ องการเรียน แบง่ กลุ่มผูเ้ รยี น กลุม่ ละ 3 คน แจกใบงาน หวั ข้อ “Home School” ให้นกั ศกึ ษาตีความหมาย และบอกส่วนประกอบของคำดังกลา่ วว่าการท่ีเราจะ เป็น “Home School” ประกอบด้วยอะไรบ้าง โดยเขยี นตามแผนผังความคดิ 2. ผู้เรียนศกึ ษาใบงานตคี วามหมาย และบอกส่วนประกอบของคำดังกล่าว และเขยี น ตามแผนผังความคิดโดยครูชว่ ยกระต่นุ ความคิด และช้ีแนะ ครสู ังเกตการปฏิบัตกิ ารของแต่ละกลมุ่ และให้ คำปรึกษา 3. ครแู ละผเู้ รียนร่วมกนั สรปุ ประโยชน์ของการเรยี นแบบ Home School เขียนภาพรวมและตดิ โชว์ไว้บนบอรด์ 4. ครูแจกตัวอย่างการวางแผนการเรยี นโดยใช้สัญญาการเรยี นใหน้ ักศึกษาอ่านและทำความเข้าใจ ครูอภิปรายเพ่ิมเติมในการเขียนสัญญาการเรียน 5. ครแู จกแบบฟอร์มสัญญาการเรียน ให้ผู้เรียนคนละ 1 ชดุ 6. ครูอธบิ ายการเขียนขอ้ ตกลงในแบบฟอร์มแตล่ ะช่อง ให้คำแนะนำแก่ผู้เรยี นเกีย่ วกบั ความจำเปน็ และวิธกี ารวางแผนการเรียน พรอ้ มให้คำแนะนำผู้เรียนในการเขยี นสัญญาการเรียน 7. ผู้เรียนลงมือเขยี นข้อตกลงโดยผู้เรียนเอง โดยเขียนรายละเอียดในแบบฟอร์มสัญญาการเรียน นอกจากน้ีผู้เรยี นตอ้ งระบุระดบั การเรยี นท้งั ในระดับดี ดีเยีย่ ม หรอื ปานกลาง ผ้เู รยี นต้องแสดง ความสามารถพเิ ศษเรอื่ งใดเรือ่ งหนึง่ ด้วย ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (30 นาท)ี 1. ผู้เรยี นส่งตัวแทนนำข้อมูลที่ไดน้ ำมาเสนอหน้าชัน้ เรยี น 2. ครอู ธบิ ายเพ่ิมเตมิ เก่ียวกับความหมายของการเรยี นแบบ Home School ครูถามผ้เู รียนวา่ Home School มคี วามสำคญั อย่างไร ครูสรุปและนกั ศึกษาใหเ้ หน็ ว่า ในการเรียนทกุ รปู แบบมีความสำคญั เทา่ ๆ กนั เช่น การเรียนในระบบ การเรียนนอกระบบ การเรียนแบบ Home School การเรยี นสายอาชพี ฯลฯ แตผ่ เู้ รยี นจะตอ้ งฟงั จด จำ คิดวิเคราะห์ ใสใ่ จในการเรยี น หม่ันทบทวนบทเรียน ไม่หยุดพัฒนาตนเอง และท่สี ำคัญท่สี ุดต้องมกี ารเรยี นร้ดู ว้ ยตนเอง ขน้ั ขยายความรู้ (20 นาท)ี นักศึกษา ค้นควา้ หาขอ้ มูล เกย่ี วกบั ครอบครวั ที่เรยี นแบบ Home School แล้วประสบความสำเร็จใน การดำเนินชวี ติ ยกตัวอย่างพรอ้ มใหน้ กั ศึกษานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน
ขน้ั ประเมิน (20 นาที) - ครูใหผ้ เู้ รยี นทำแบบสอบถามความพร้อมในการเรยี นรดู้ ้วยตนเองของผูเ้ รียน และ - มอบภาระงาน และมอบหมายให้นักศกึ ษาจดบนั ทึกข้อมูลว่าเรามกี ารเรียนรดู้ ้วย ตนเองอยา่ งไรบ้างในแต่ละวิชา ในแต่ละสัปดาห์ (กรต.) ( 14 ช่ัวโมง ) - ครตู ัง้ คำถามใหผ้ เู้ รยี นตอบคำถามในหอ้ งเรยี น 7.สือ่ อุปกรณแ์ ละแหล่งเรยี นรู้ คลปิ วดิ ีโอ https://www.youtube.com/watch?v=-rccpidd4KE (\"โฮมสคูล\" ทางเลอื กใหมใ่ น การเรียนร้)ู 8.การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรว่ มกบั เพอื่ น 2. การสงั เกตจากการนำเสนอ 3. การซักถามผู้เรยี น 4. ใบงาน 5. แบบทดสอบก่อนและหลังเรยี น 6. ภาระงานที่ได้รบั มอบหมาย
9.บันทึกหลังการจดั การเรยี นรู้ รายวิชา......................................รหัสรายวิชา......................สัปดาห์ท่.ี .........วนั ที่.........เดือน……… พ.ศ…….. แผนการจดั การเรียนรู้คร้ังท.ี่ .........ชอ่ื หน่วยระดับ.....................กลุ่ม .............. 9.1 ผลการจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………………………………… 9.2 ปัญหาและอปุ สรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 9.3 แนวทางแก้ไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....…… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 9.4 ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….………………….. ผู้บันทกึ (…………………………………………………) ครู........................... ความคิดเหน็ /ข้อเสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………....……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… (…………………………………………………) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอดอนตูม
แบบวดั ระดับความพร้อมในการเรียนรดู้ ้วยตนเองของผู้เรยี น ชอ่ื .................................................นามสกุล................................................ระดับมัธยมศกึ ษาตอนต้น คำชแ้ี จง แบบสอบถามฉบับน้ี เป็นแบบสอบถามท่วี ดั ความชอบและเจตคติเกี่ยวกับการเรยี นร้ขู องทา่ น ให้ ท่านอา่ นข้อความตา่ ง ๆ ตอ่ ไปนี้ ซง่ึ มดี ว้ ยกนั 58 ขอ้ หลงั จากนนั้ โปรดทำเคร่อื งหมาย √ลงในช่องทีต่ รงกบั ความเป็นจรงิ ของตวั ท่านมากที่สุด ระดับความคดิ เหน็ มากทส่ี ดุ หมายถึง ท่านรสู้ ึกวา่ ขอ้ ความนน้ั ส่วนใหญ่เปน็ เช่นนี้ หรือมีน้อยครั้งท่ไี มใ่ ช่ มาก หมายถงึ ท่านรสู้ กึ วา่ ขอ้ ความเกินครง่ึ มกั เป็นเชน่ น้ี ปานกลาง หมายถึง ทา่ นรูส้ ึกว่า ข้อความจริงบ้างไมจ่ ริงบ้างครึง่ ตอ่ คร่ึง นอ้ ย หมายถงึ ทา่ นรูส้ ึกว่า ขอ้ ความเปน็ จรงิ บ้างไมบ่ ่อยนัก นอ้ ยทสี่ ดุ หมายถึง ทา่ นร้สู กึ วา่ ขอ้ ความไม่จรงิ ไมเ่ คยเป็นเช่นนั้น รายการคำถาม ความคิดเหน็ 1. ขา้ พเจ้าต้องการเรียนรูอ้ ย่เู สมอตราบช่ัวชวี ติ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ทส่ี ุด กลาง ท่ีสุด 2. ข้าพเจ้าทราบดวี ่าข้าพเจ้าต้องการเรียนอะไร 3. เมอ่ื ประสบกับบางสง่ิ บางอย่างที่ไม่เข้าใจ ขา้ พเจา้ จะหลีกเล่ยี งไปจากส่งิ นั้น 4. ถา้ ขา้ พเจา้ ต้องการเรยี นรูส้ ิ่งใด ขา้ พเจา้ จะหาทางเรยี นร้ใู ห้ได้ 5. ขา้ พเจ้ารักท่จี ะเรยี นรู้อย่เู สมอ 6. ข้าพเจา้ ต้องการใชเ้ วลาพอสมควรในการเริม่ ศกึ ษาเรือ่ งใหม่ ๆ 7. ในช้ันเรยี นขา้ พเจา้ หวังทจี่ ะให้ผูส้ อนบอกผูเ้ รยี นทงั้ หมดอย่างชัดเจนวา่ ต้องทำ อะไรบา้ งอยูต่ ลอดเวลา 8. ขา้ พเจา้ เชอ่ื วา่ การคิดเสมอว่าตัวเราเป็นใครและอยู่ที่ไหน และจะทำอะไร เปน็ หลัก สำคญั ของการศึกษาของทุกคน 9. ข้าพเจ้าทำงานด้วยตนเองได้ไม่ดนี ัก 10. ถา้ ต้องการขอ้ มลู บางอยา่ งท่ียังไม่มี ขา้ พเจา้ ทราบดีว่าจะไปหาได้ที่ไหน 11. ข้าพเจา้ สามารถเรยี นร้สู ิง่ ตา่ ง ๆ ดว้ ยตนเองไดด้ กี วา่ คนสว่ นมาก 12. แม้ข้าพเจ้าจะมคี วามคิดทด่ี ี แต่ดูเหมอื นไมส่ ามารถนำมาใชป้ ฏบิ ตั ิได้ 13. ข้าพเจ้าต้องการมีส่วนรว่ มในการตัดสินใจว่าควรเรยี นอะไร และจะเรยี นอยา่ งไร 14. ขา้ พเจ้าไม่เคยท้อถอยต่อการเรยี นสิง่ ท่ยี าก ถ้าเป็นเรื่องท่ขี า้ พเจ้าสนใจ
รายการคำถาม ความคดิ เหน็ 15. ไมม่ ใี ครอน่ื นอกจากตัวขา้ พเจ้าทจ่ี ะตอ้ งรับผิดชอบในสิ่งที่ขา้ พเจ้าเลอื กเรียน มาก มาก ปาน นอ้ ย น้อย ทีส่ ดุ กลาง ท่สี ดุ 16. ข้าพเจ้าสามารถบอกได้วา่ ขา้ พเจ้าเรียนสง่ิ ใดได้ดีหรอื ไม่ 17. ส่งิ ท่ีขา้ พเจา้ ตอ้ งการเรียนรไู้ ดม้ ากมาย จนขา้ พเจ้าอยากใหแ้ ต่ละวันมมี ากกว่า 24 ชว่ั โมง 18. ถ้าตดั สินใจทจ่ี ะเรียนร้อู ะไรกต็ าม ข้าพเจา้ สามารถจะจัดเวลาทจ่ี ะเรียนรสู้ ่งิ นั้นได้ ไมวา่ จะมีภารกจิ มากมายเพียงใดก็ตาม 19. ขา้ พเจา้ มปี ญั หาในการทำความเขา้ ใจเรื่องท่อี ่าน 20. ถา้ ขา้ พเจา้ ไมเ่ รียนก็ไม่ใช่ความผดิ ของข้าพเจ้า 21. ขา้ พเจ้าทราบดีว่า เม่อื ไรทข่ี า้ พเจ้าต้องการจะเรียนรใู้ นเร่ืองใดเร่ืองหนึง่ ให้มากข้นึ 22. ขอมคี วามเข้าใจพอทจ่ี ะทำข้อสอบให้ไดค้ ะแนนสูง ๆ กพ็ อใจแล้ว ถงึ แม้ว่า ขา้ พเจา้ ยังไมเ่ ขา้ ใจเรื่องน้ันอย่างถอ่ งแท้ก็ตามที 23. ข้าพเจา้ คดิ วา่ หอ้ งสมดุ เปน็ สถานที่ทนี่ า่ เบอื่ 24. ขา้ พเจ้าชื่นชอบผทู้ เี่ รียนรสู ง่ิ ใหม่ ๆ อยู่เสมอ 25. ข้าพเจ้าสามารถคิดคน้ วิธีการตา่ ง ๆ ไดห้ ลายแบบสำหรบั การเรยี นรหู้ วั ขอ้ ใหม่ ๆ 26. ข้าพเจ้าพยายามเชอื่ มโยงส่ิงทก่ี าํ ลังเรยี นกบั เปา้ หมายระยะยาว ที่ต้งั ไว้ 27. ขา้ พเจา้ มคี วามสามารถเรยี นรู้ ในเกือบทกุ เรอื่ ง ทีข่ ้าพเจา้ ตอ้ งการจะรู้ 28. ข้าพเจา้ สนุกสนานในการคน้ หาคำตอบสำหรบั คำถามตา่ งๆ 29. ข้าพเจา้ ไม่ชอบคำถามท่ีมคี ำตอบถกู ตอ้ งมากกว่าหนึ่งคำตอบ 30. ข้าพเจา้ มคี วามอยากรูอ้ ยากเห็นเกี่ยวกับสิง่ ต่าง ๆ มากมาย 31. ขา้ พเจา้ จะดใี จมาก หากการเรียนรขู้ องข้าพเจา้ ไดส้ ้นิ สุดลง 32. ขา้ พเจ้าไม่ได้สนใจการเรียนรู้ เม่ือเปรียบเทียบกบั ผ้อู น่ื 33. ข้าพเจ้าไมม่ ีปญั หา เกี่ยวกับทักษะเบอ้ื งต้นในการศึกษาคน้ ควา้ ได้แก่ ทกั ษะการฟัง อา่ น เขียน และจำ 34. ข้าพเจา้ ชอบทดลองสิ่งใหม่ๆ แม้ไมแ่ น่ใจ วา่ ผลนนั้ จะออกมา อย่างไร 35. ข้าพเจา้ ไม่ชอบ เมือ่ มีคนชี้ให้เหน็ ถึงขอ้ ผิดพลาด ในสงิ่ ท่ขี า้ พเจ้ากาํ ลงั ทำอยู่ 36. ขา้ พเจา้ มีความสามารถในการคิดคน้ หาวิธีแปลกๆ ที่จะทำสง่ิ ตา่ ง ๆ 37. ขา้ พเจ้าชอบคิดถึงอนาคต 38. ข้าพเจ้ามคี วามพยายามคน้ หาคำตอบในสิง่ ที่ต้องการรู้ไดด้ ี เมอ่ื เทยี บกับผอู้ นื่
รายการคำถาม ความคดิ เหน็ มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย 39. ข้าพเจ้าเห็นวา่ ปัญหาเป็นสิ่งทท่ี า้ ทาย ไมใ่ ช่สัญญาณใหห้ ยดุ ทำ ท่ีสุด กลาง ทีส่ ดุ 40. ข้าพเจา้ สามารถบังคับตนเอง ให้กระทำสิ่งที่ คิดวา่ ควรกระทำ 41. ขา้ พเจา้ ชอบวิธีการของขา้ พเจา้ ในการสำรวจตรวจสอบปัญหาต่าง ๆ 42. ข้าพเจ้ามักเป็นผนู้ ำกลมุ่ ในการเรียนรู้ 43. ข้าพเจา้ สนุกท่ีไดแ้ ลกเปลี่ยนความคิดเห็นกบั ผ้อู นื่ 44. ขา้ พเจ้าไม่ชอบสถานการณก์ ารเรยี นรทู้ ท่ี า้ ทาย 45. ขา้ พเจ้ามีความปรารถนาอยา่ งแรงกล้าทจี่ ะเรยี นร้สู ิ่งใหม่ๆ 46. ยงิ่ ได้เรยี นรู้มาก ขา้ พเจา้ ก็ย่งิ รูส้ กึ ว่า โลกนี้นา่ ตืน่ เต้น 47. การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุก 48. การยดึ การเรียนรู้ทใ่ี ช้ไดผ้ ลมาแลว้ ดกี วา่ การลองใช้วิธีใหม่ ๆ 49. ขา้ พเจ้าต้องการเรยี นร้ใู ห้มากยง่ิ ขน้ึ เพื่อจะได้ เป็นคนทมี่ ีความเจริญก้าวหนา้ 50. ข้าพเจ้าเป็นผูร้ ับผดิ ชอบเกี่ยวกับการเรยี นร้ขู องขา้ พเจ้าเอง ไมม่ ใี ครมารบั ผิดชอบ แทนได้ 51. การเรยี นรถู้ ึงวิธกี ารเรียน เป็นส่งิ ทสี่ ำคญั สำหรับขา้ พเจ้า 52. ขา้ พเจ้าไมม่ ีวนั ท่ีจะแกเ่ กินไป ในการเรียนรสู้ ิ่งใหม่ ๆ 53. การเรียนรู้อยตู่ ลอดเวลา เป็นสง่ิ ท่ีนา่ เบอ่ื หนา่ ย 54. การเรียนร้เู ปน็ เครอื่ งมอื ในการดำเนนิ ชวี ิต 55. ในแตล่ ะปีขา้ พเจา้ ได้เรียนรูส้ ิง่ ใหม่ ๆ หลายๆ อย่างด้วยตนเอง 56. การเรยี นรู้ไมไ่ ด้ทำใหช้ ีวิตของข้าพเจา้ แตกตา่ งไปจากเดิม 57. ข้าพเจ้าเป็นผเู้ รียนทม่ี ปี ระสทิ ธภิ าพ ทง้ั ในช้ันเรียน และการเรียนรู้ด้วยตนเอง 58 ข้าพเจา้ เหน็ ด้วยกับความคดิ ท่ีว่า “ผเู้ รยี นคอื ผนู้ ำ” การเร่ิมต้นเรยี นรู้ด้วยตนเองที่ดีทสี่ ดุ น้ัน เรามาเร่มิ ตน้ ทคี่ วามพรอ้ มในการเรียนรู้ ดว้ ยตนเอง และท่านคงทราบในเบอื้ งตน้ แล้ววา่ ระดบั ความพร้อมในการเรยี นรู้ ดว้ ยตนเองของท่าน อยูใ่ นระดบั ใด (มากที่สุด มาก ปานกลาง น้อย น้อยท่ีสุด) ความพรอ้ มในการเรียนรู้ดว้ ยตนเอง ในการเรยี นรูด้ ว้ ยตนเองเปน็ บุคลกิ ลกั ษณะสว่ นบคุ คลของผูเ้ รียน ทตี่ ้องการให้เกิดขน้ึ ในตวั ผูเ้ รียนตามเปา้ หมายของการศึกษา ผู้เรียนทมี่ ีความพร้อมในการเรยี นดว้ ยตนเองจะมีความรับผดิ ชอบส่วนบุคคล ความรบั ผดิ ชอบตอ่ ความคดิ และการกระทาของ ตนเอง สามารถควบคมุ และโตต้ อบสถานการณ์ สามารถควบคุมตนเองให้เปน็ ไปในทิศทางทตี่ นเลอื ก โดยยอมรับผลทเ่ี กิดข้นึ จาก การกระทาทีม่ าจากความคิดตัดสนิ ใจของตนเอง ใบงานท่ี 1
.ใบงานเรอ่ื ง Home School ให้นักศึกษาตีความหมาย และบอกสว่ นประกอบของคำดงั กลา่ วว่าการท่เี ราจะเป็น “Home School” ประกอบดว้ ยอะไรบา้ ง โดยเขียนตามแผนผังความคดิ
บทสะทอ้ นท่ีได้จากการเรียนรู้ 1. สงิ่ ทีท่ ่านประทับใจในการเรยี นรูร้ ายวชิ าการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................ 2. ปัญหา / อุปสรรค ท่พี บในการเรยี นรูร้ ายวิชาการเรยี นรู้ด้วยตนเอง ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................ 3. ข้อเสนอแนะเพมิ่ เตมิ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................................ ........................................................................................................................................................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ .ี่ ....2.......... กลุม่ สาระการเรยี นรู้ ทกั ษะการเรยี นรู้ รายวชิ า ทักษะการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศึกษา 2563 ชื่อหนว่ ยการเรียนรู้ การใช้แหลง่ เรียนรู้ เวลา .......34.....ชัว่ โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ สามารถจำแนก จัดลำดบั ความสำคญั และเลือกใช้แหล่งเรยี นรู้ได้อยา่ งเหมาะสม ตัวชี้วัด 1. อธิบายความหมาย ความสำคญั ของการใช้ห้องสมุดประชาชน 2. อธิบายการเขา้ ถึงสารสนเทศ ของห้องสมุดประชาชน 3. อธิบายแหล่งเรยี นรู้ หอสมุด แห่งชาติ หอสมดุ วทิ ยาลยั /มหาวิทยาลยั หอ้ งสมุดเฉพาะ ห้องสมดุ โรงเรยี น พพิ ธิ ภัณฑอ์ ทุ ยานแห่งชาติ แหลง่ เรยี นรู้สำคัญอื่นๆ ในประเทศ 4. อธิบายและปฏิบตั กิ ารใช้ อินเทอรเ์ นต็ และ การเขา้ ถงึ ขอ้ มลู สารสนเทศที่ต้องการและสนใจ สาระสำคัญ แหล่งเรยี นรูม้ ีความสำคญั ในการพัฒนาความรูข้ องมนุษย์ให้สมบูรณ์มากย่ิงขนึ้ นอกเหนือจาก การเรยี นใน ชั้นเรียน และเปน็ แหล่งทีอยู่ให้สงั คมชมุ ชนล้อมรอบตวั ผ้เู รยี น สามารถเข้าไปศึกษาค้นคว้า เพ่ือการเรยี นรู้ ไดต้ ลอดชวี ติ วัตถปุ ระสงค์ 1. เพอ่ื ใหน้ ักศึกษามีความรู้ ความเข้าใจ ของการใช้หอ้ งสมดุ ประชาชน 2. นกั ศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ต และ การเข้าถึงขอ้ มลู สารสนเทศท่ีตอ้ งการและสนใจ 3. เพอ่ื ให้นกั ศกึ ษาเหน็ ความสำคญั ของแหลง่ เรยี นรู้ และหอ้ งสมดุ หอสมุดวทิ ยาลยั /มหาวิทยาลัย หอ้ งสมุด เฉพาะ ห้องสมดุ โรงเรยี น พพิ ธิ ภัณฑ์อุทยานแห่งชาติ แหลง่ เรียนรู้สำคัญอื่นๆ ในประเทศ คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ขยนั ซื่อสตั ย์ สจุ ริต มวี ินยั ใฝ่เรียนรู้ การจดั กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั สร้างความสนใจ ( 30 นาท)ี 1. ครูถามผูเ้ รยี นวา่ “อะไรบา้ งทีเ่ ปน็ แหล่งเรยี นร”ู้ จากนนั้ ครูอธบิ ายความหมายความสำคัญ ประโยชนข์ องการใชส้ ื่อ และสรุปร่วมกับผู้เรียนเรื่องแหลง่ เรียนรูป้ ระเภทตา่ งๆ 2. ครูให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบกอ่ นเรียน ขน้ั สำรวจและคน้ หา ( 1 ชัว่ โมง ) 1. ครูชแ้ี จงวัตถุประสงคข์ องการเรียน
2. ครแู จกใบความรู้ “การใชแ้ หลง่ เรียนรู้” และให้ผู้เรยี นทำใบงาน การใช้แหลง่ เรียนรู้ โดยการ สืบค้นจากโทรศพั ทม์ ือถอื และหนังสือเรียนวชิ าทักษะการเรยี นรูแ้ ละจากใบความรู้ ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป ( 1 ชั่วโมง ) ให้นักศึกษานำข้อมูลที่ได้จากการทำใบงาน ไปติดที่บอร์ดในช้ันเรียน แล้วให้นกั ศึกษาทุกคนเดินชม แลกเปลย่ี นเรยี นรู้กับเพอ่ื นคนอน่ื ๆ มาเขยี นสรุปเป็นภาพรวมในกระดาษปร๊ฟู ท่คี รู เตรียมไว้ ครแู ละนักศึกษาร่วมกันพิจารณาความคิดเห็น และอภิปรายสรุป การใช้แหล่งเรียนรู้มีก่ีประเภท มี ความสำคัญต่อการเรยี นรู้ของนกั ศกึ ษาอย่างไร ขัน้ ขยายความรู้ (10 นาท)ี นกั ศึกษาไดศ้ กึ ษาบอกถึงแหล่งเรียนรใู้ นชมุ ชนของตนเอง หรือแหลง่ เรยี นรู้ที่ตนเองมีความ สนใจ และคน้ ควา้ ขอ้ มูลตามท่กี ำหนด และอธิบายหน้าช้นั เรียน ขั้นประเมิน (20 นาที) 1. ครูประเมินความรู้ ความเขา้ ใจและทกั ษะการนำไปใช้ตามเกณฑ์ท่ีกําหนดไว้ 2. ครใู ห้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น 3. ครูติดตาม สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในการทำกจิ กรรม ครูมอบหมายใหน้ ักศกึ ษาไป ศกึ ษาดว้ ยตนเองโดยไปสำรวจวัดท่ีอยู่ในชุมชน แล้วเขยี นประวัติ ความเปน็ มา ความสำคัญ สง่ิ ที่จะเรยี นรู้ ได้จากวดั จัดทำเป็นรายงานส่งครู (กรต. 31 ช่วั โมง) สอ่ื อุปกรณ์และแหล่งเรียนรู้ 1. หนงั สือเรยี นรายวิชา ทกั ษะการเรียนรู้ บท การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ 2. ใบงาน / แบบฝกึ กิจกรรม การวดั ผลและประเมินผล 1. การทำกจิ กรรมตามใบงาน / แบบทดสอบ 2. การอภิปรายหน้าชัน้ เรยี น 3. การสังเกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนรว่ มในการทำกจิ กรรม 4. แบบทดสอบกอ่ น /หลังเรียน
บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ รายวชิ า........ ......................................................รหัสรายวิชา.............................สัปดาห์ที่.................. แผนการจัดการเรยี นรู้ครง้ั ท่.ี .........ระดบั .....................กล่มุ .......................... วนั ท่ี .......................... 10.1 ผลการจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.2 ปญั หาและอปุ สรรค ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.3 แนวทางแก้ไข ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………....…… ……………………………………………………………………………………………………………………………… 10.4 ขอ้ เสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….………………….. ผู้บนั ทกึ (…………………………………………………) คร.ู .......................... ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………....……… ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… (นางจดิ าภา บวั ทอง) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอดอนตมู
ใบงานเรอื่ ง “การใชแ้ หลง่ เรยี นรู้” ให้ผู้เรียนตอบคำถามตอ่ ไปน้ี 1. แหลง่ เรยี นรู้ หมายถึง …………………………..………………………………..…………………...…………………............……………………………..……… ………………………..…………………………………….............………………………………..………………………… ……………………..…………………………………….............………………………………..……………………………………. 2. แหล่งเรยี นรู้มคี วามสำคญั อยา่ งไร …………………………..………………………………..…………………...…………………............……………………………..……… ………………………..…………………………………….............………………………………..………………………… ……………………..…………………………………….............………………………………..……………………………………. 3. แหล่งเรียนรู้แบ่งตามลกั ษณะได้ ๖ ประเภท ได้แก่ แหลง่ เรยี นรูป้ ระเภทบุคคล/ธรรมชาติ/วสั ดุ และ สถานที่/สอ่ื /เทคนคิ และกจิ กรรม ใหท้ ่านบอกแหล่งเรยี นรทู้ ีท่ ่านรู้จกั มา 2 แหล่ง …………………………..………………………………..…………………...…………………............……………………………..……… ………………………..…………………………………….............………………………………..………………………… ……………………..…………………………………….............………………………………..……………………………………. 4. หากท่านตอ้ งการใชบ้ รกิ ารห้องสมุดท่านจะตอ้ งปฏบิ ตั ติ นอยา่ งไรบา้ ง …………………………..………………………………..…………………...…………………............……………………………..……… ………………………..…………………………………….............………………………………..………………………… ……………………..…………………………………….............………………………………..……………………………………. 5. ใหท้ ่านอธบิ ายการใชแ้ หล่งเรียนรทู้ ่ที า่ นสนใจนอกจากห้องสมุดมา 1 แห่ง …………………………..………………………………..…………………...…………………............……………………………..……… ………………………..…………………………………….............………………………………..………………………… ……………………..…………………………………….............………………………………..……………………………………. ……………………………..………………………………..……………………………………............. 6. ใหท้ า่ นอธิบายวิธกี ารคน้ หาข้อมูลทาง Internet พร้อมเสนอตัวอย่างทไี่ ดจ้ าการค้นหาขอ้ มูลจาก Internet มา 1 ตัวอยา่ ง …………………………..………………………………..…………………...…………………............……………………………..……… ………………………..…………………………………….............………………………………..………………………………………… ………………..…………………………………….............………………………………..…………………………
แบบทดสอบ เรอ่ื ง การใชแ้ หล่งเรยี นรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนตน้ 1. ขอ้ ใดเปน็ แหล่งรวบรวมข้อมลู สารสนเทศ มาก 6. เหตุใดหอ้ งสมดุ จงึ ตอ้ งกำหนดระเบียบและข้อ ทสี่ ดุ ปฏบิ ัติในการเข้าใช้บรกิ าร ก. หอ้ งสมุด ก. เพือ่ อานวยความสะดวกตอ่ ผ้ใู ช้บริการ ข. อินเทอรเ์ น็ต ข. เพื่อสนองความต้องการแกผ่ ูใ้ ช้บริการทกุ ค. สวนสาธารณะ คน ง. อุทยานแหง่ ชาติ ค. เพอ่ื ใหก้ ารบริหารงานหอ้ งสมดุ เป็นไปอย่าง 2. หอ้ งสมดุ ประเภทใดท่เี ก็บรวบรวม เรยี บร้อย ทรพั ยากรสารสนเทศท่ีมเี นื้อหาเฉพาะวชิ า ง. เพ่ือให้เกิดความเปน็ ธรรมและความเสมอ ก. หอ้ งสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” ภาค แก่ผู้ใช้บริการ ข. หอ้ งสมดุ โรงเรยี นสวนกหุ ลาบวทิ ยาลยั 7. การจัดทำคมู่ ือการใชห้ อ้ งสมุดเพอ่ื ให้ข้อมลู ค. หอ้ งสมุดมารวย เกีย่ วกบั หอ้ งสมดุ เปน็ บริการประเภทใด ง. ห้องสมดุ อำเภอ ก. บริการข่าวสารขอ้ มูล 3. แหลง่ เรียนรู้ หมายถงึ ข้อใด ข. บรกิ ารสอนการใช้หอ้ งสมุด ก. สถานที่ให้ความรตู้ ามอธั ยาศัย ค. บรกิ ารแนะนำการใชห้ ้องสมดุ ข. แหล่งคน้ คว้าเพอ่ื ประโยชน์ในการ ง. บรกิ ารตอบคำถามและช่วยการคน้ คว้า พัฒนาตนเอง 8. ความสำคัญของห้องสมุดข้อใดท่ชี ่วยให้ ค. แหลง่ รวบรวมความรแู้ ละข้อมลู เฉพาะ ผ้ใู ช้บรกิ ารมีจติ สำนกึ ทด่ี ตี อ่ ส่วนรวม สาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง ก. ชว่ ยให้รจู้ ักแบ่งเวลาในการศกึ ษาหาความรู้ ง. แหลง่ ขอ้ มูลและประสบการณท์ ี่ส่งเสรมิ ข. ช่วยใหม้ ีความรเู้ ท่าทนั โลกยุคใหม่ ใหผ้ เู้ รียนแสวงหาความรแู้ ละเรยี นรดู้ ว้ ย ตลอดเวลา ตนเอง ค. ช่วยให้มีนิสยั รกั การค้นคว้าหาความรดู้ ว้ ย 4. ถา้ นกั ศกึ ษาตอ้ งการร้เู กี่ยวกับโลกและดวงดาว ตนเอง ควรไปใชบ้ ริการแหลง่ เรียนรูใ้ ด ง. ชว่ ยให้ระวงั รกั ษาทรพั ยส์ นิ ส่งิ ของของ ก. ท้องฟา้ จำลอง ห้องสมุด ข. เมอื งโบราณ ค. พพิ ิธภณั ฑ์ ง. หอ้ งสมุด 9. หอ้ งสมุดประเภทใดใหบ้ ริการทกุ เพศ ทุกวยั 5. หนงั สอื ประเภทใดที่ห้ามยืมออกนอกห้องสมุด และความรู้ ก. เรือ่ งแปล ก. หอ้ งสมุดเฉพาะ ข. นวนิยาย ข. ห้องสมุดโรงเรียน ค. หนังสอื อา้ งองิ ค. ห้องสมดุ ประชาชน ง. วรรณกรรมสำหรับเด็ก ง. ห้องสมุดมหาวทิ ยาลัย
10. หอ้ งสมดุ มารวยเปน็ หอ้ งสมดุ ประเภทใด 13. http://www.nfe.go.th คำว่า th หมายถึง ก. ห้องสมุดเฉพาะ อะไร ข. ห้องสมดุ โรงเรยี น ค. ห้องสมุดประชาชน ก. ตวั ย่อประเทศ ง. หอ้ งสมดุ มหาวิทยาลยั ข. ตวั ยอ่ หน่วยงานต้นสังกัด ค. ตัวยอ่ ของประเภทองค์กร 11. ขอ้ ใดเปน็ แหลง่ เรยี นรทู้ ีท่ ีส่ ำคัญในการทำ ง. ตวั ยอ่ ของผใู้ ห้บรกิ ารอนิ เทอรเ์ นต็ กจิ กรรมทางศาสนาและสอนคนให้เป็นคนดี 14. กลุ่มคำ ทีใ่ ชใ้ นการคน้ หาขอ้ มูลเรียกวา่ อะไร ก. Password ก. วัด ข. Keyword ข. มสั ยิด ค. word ค. โบสถ์ ง. Microsoft Word ง. ถูกทุกข้อ 15. ลงิ ค์ (Link) ในอินเทอรเ์ น็ตหมายถึงอะไร 12. ขอ้ ใดเปน็ ประโยชนข์ องอนิ เทอร์เนต็ ก. การขาดหายของข้อมูลในเวบ็ เพจ ก. สะดวก รวดเร็ว ข. การเชื่อมโยงของข้อมลู ในเวบ็ เพจ ข. ส่ือสารได้หลายช่องทาง ค. การค้นหาข้อมลู ในเว็บเพจ ค. มีภาพนิ่งและภาพเคล่ือนไหว ง. ผดู้ ูแลและผู้ใชใ้ นเว็บเพจ ง. ถกู ทุกขอ้ เฉลย ขอ้ 1 ข ขอ้ 2 ค ข้อ 3 ง ข้อ 4 ก ข้อ 5 ค ข้อ 6 ง ขอ้ 7 ค ขอ้ 8 ง ข้อ 9 ค ขอ้ 10 ก ข้อ 11 ง ขอ้ 12 ง ข้อ 13 ก ข้อ 14 ข ขอ้ 15 ข
แผนการจดั การเรยี นรู้ท.ี่ ....3......... กล่มุ สาระการเรียนรู้ ทักษะการเรยี นรู้ รายวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 ช่อื หน่วยการเรียนรู้ การจัดการความรู้ เวลา .......34.....ช่ัวโมง มาตรฐานการเรยี นรู้ สามารถจำแนกผลท่ีเกดิ ขนึ้ จากขอบเขตความรู้ ตัดสนิ คุณคา่ กำหนดแนวทางพัฒนา ตวั ช้ีวัด 1. อธิบายความหมาย ความสำคัญ หลักการ กระบวนการจัดการ ความรู้ การรวมกลมุ่ เพื่อตอ่ ยอด ความรู้ การพัฒนาขอบขา่ ย ความรขู้ องกลมุ่ และ การจัดทำสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ 2. ปฏิบตั กิ ารจดั การความรู้ในเน้ือหาท่ีสอดคลอ้ งกับความ ต้องการของชมุ ชน 3. จัดทำสารสนเทศและเผยแพร่ ความรู้ สาระสำคญั การจดั การความรูเ้ ปน็ เคร่ืองมอื ของการพัฒนาคุณภาพของงาน หรอื สร้างนวตั กรรม ในการทำงาน การจดั การ ความรูจ้ ึงเปน็ การจดั การกับความรูแ้ ละประสบการณ์ทมี อี ยู่ในตัวคน และความรู้เด่นชัด นำมาแบ่งปันให้เกดิ ประโยชน์ต่อตนเองและองคก์ รดว้ ยการผสมผสาน ความสามารถของคนเข้าด้วยกนอย่างเหมาะสม มีเปา้ หมาย เพอื่ การพัฒนางาน พัฒนาคน และพัฒนาองคก์ รใหเ้ ป็นองคก์ รแหง่ การเรียนรู้ วตั ถุประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. เพอ่ื ใหศ้ กึ ษา อธบิ ายความสำคัญ หลกั การ กระบวนการจัดการความรู้ การรวมกล่มุ เพ่ือ ตอ่ ยอด ความรู้ การพัฒนาขอบข่าย ความร้ขู องกลุ่ม และ การจัดทำสารสนเทศเผยแพร่ความรู้ 2. ปฏิบตั กิ ารจัดการความรู้ในเน้ือหาท่ีสอดคล้องกับความ ต้องการของชุมชน 3. จัดทำสารสนเทศและเผยแพรค่ วามรู้ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ขยนั ซ่ือสตั ย์ มวี ินยั มีนำ้ ใจ สามัคคี การจัดกระบวนการเรยี นรู้ ขนั้ สร้างความสนใจ ( 30 นาท)ี 1. ครูซักถามผู้เรียนเกย่ี วกบั การดรู ายการโทรทศั น์ในซักถามของพธิ กี รกับแขกรบั เชิญในรายการโทรทัศน์ ตา่ งๆ เชน่ รายการทเู ดย์โชว์ ท่นี ีห่ มดชติ ตีสบิ หม่ำโชว์ โหนกระแส ฯลฯ ว่ามีรูปแบบการซกั ถามลกั ษณะใด มี ปฏิสมั พันธ์อย่างไร ครแู ละนักศกึ ษาร่วมแสดงความคิดเหน็ 2. ครใู หน้ กั ศึกษา ปฎิบติกจิ กรรมพัฒนาทกั ษะกระบวนการคิด เร่ือง นำ้ เต็มแก้ว
ขน้ั สำรวจและค้นหา ( 1 ชวั่ โมง 20 นาท)ี 1. ครใู ห้นกั ศึกษาแบง่ กลุ่ม และแจกใบงานเร่ืองการเลา่ เร่อื ง ให้ผลัดกัน เล่าเรอื่ งประสบการณ์ความสำเรจ็ ในการทำงาน ของตนเอง มา 1 เร่อื ง พรอ้ มให้จดบนั ทึกตามแบบฟอร์ม กจิ กรรมเล่าเรอ่ื ง 2. นกั ศกึ ษาเล่าเรือ่ งความสำเรจ็ ของตนเองให้เพื่อนในกลุม่ ฟงั ครูสังเกตการปฏิบัติการของแตล่ ะ คแู่ ละให้คำแนะนำ 3. นักศกึ ษาช่วยกันสรุปขุมความรู้ท่ีสกัดไดจ้ ากเรือ่ ง ซึ่งสามารถรวบรวมไดภ้ ายในกลุ่ม ใหก้ ลายเป็นแก่น ความรู้ ซ่ึงเปน็ หัวใจท่ีจำทำให้งานสำเรจ็ ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (30 นาท)ี 1. ให้แตล่ ะกลุ่มคดั เลอื กเรื่องเล่าที่ดีที่สุด เพือ่ นำเสนอใหเ้ พื่อนในชน้ั เรียนได้ฟัง 2. รวมเรอ่ื งเล่าของแตล่ ะกลุ่ม จัดทำเปน็ เอกสารคลังความรขู้ อง กศน.ตำบล เพอื่ แบง่ บนั ประสบการณ์ ให้รนุ่ นอ้ งไดศ้ ึกษาตอ่ ไป 3. ครูและนกั ศกึ ษาร่วมกันอภิปรายและสรปุ องค์ความร้ทู ่ีได้ศึกษา ข้นั ขยายความรู้ (20 นาที) 1. นักศึกษาศกึ ษาใบความรู้ การถอดองค์ความรจู้ ากบทความท่ีครแู จกให้ ครอู ธิบายกระบวนการ การถอดองคค์ วามรูต้ ามใบความรู้ ( กรต. 31 ชว่ั โมง) 2. นกั ศกึ ษาจัดทำกจิ กรรมการเรียนรู้เพ่ือใหเ้ กดิ การคดิ เรือ่ ง น้ำเตม็ แกว้ การเล่าเรอ่ื ง ข้นั ประเมิน (20 นาท)ี 1. ครูประเมินนักศกึ ษาจากการสงั เกตจากการบนั ทกึ ใบงาน การรว่ มกจิ กรรมกลมุ่ การเล่าเร่ือง การจด บันทึกขอ้ มลู ทไี่ ดฟ้ ัง 2. ครูมอบหมายให้นกั ศกึ ษาจบั กลมุ่ 3-5 คน ไปถอดองคค์ วามรจู้ ากปราชญช์ าวบา้ น หรือผู้ท่ีมีความรู้ และประสบการณ์ในเรอื่ งตา่ งๆ โดยเรียบเรยี งเขยี น (กรต.) ( 31 ชวั่ โมง ) สอื่ อุปกรณ์และแหลง่ เรียนรู้ 1. โทรศพั ทม์ อื ถือ 2. ส่อื หนังสือเรียนวิชาทกั ษะการเรียนรู้ ทร21001 การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ 1. สังเกตพฤติกรรมการทำงานร่วมกับเพ่ือน 2. การสังเกตจากการนำเสนอ 3. การซักถามผู้เรียน 4. ใบงาน 5. ใบความรู้ 6.ภาระงานท่ีไดร้ บั มอบหมา
บนั ทึกหลังการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า................. ............................................รหสั รายวิชา...............................สัปดาห์ที่.................. แผนการจัดการเรียนรู้คร้ังท่ี..........ระดับ.....................กลุม่ ............................ วนั ท่ี .......................... 10.1 ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.2 ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.3 แนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………....……………… …………………………………………………………………………………………………………………… 10.4 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….………………….. ผบู้ ันทึก (…………………………………………………) ครู........................... ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………....…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… (นางจดิ าภา บัวทอง) ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอดอนตมู
แบบเสนอกจิ กรรมพฒั นาทักษะกระบวนการคิดสกู่ ารเรยี นรกู้ ารจดั การเรียนการสอนในศตวรรษท่ี 21 เรอ่ื ง นำ้ เตม็ แก้ว จุดประสงค์ 1. เพ่อื ใหผ้ ูเ้ รียนมีความรู้ ความเขา้ ใจ และฝกึ การคิดวเิ คราะห์ เวลาที่ใช้ 5 นาที อปุ กรณ์ 1. ใบความรู้ 2. ใบงาน 3. Power point วิธีการดำเนนิ การ 1. แบง่ กล่มุ ผเู้ รียนออกเปน็ กลมุ่ ๆละ 3 คน 2. ครแู จกใบงานให้ผ้เู รยี นแต่ละกล่มุ 3. ผเู้ รียนดำเนินการสังเกตตามภาพทก่ี ำหนด 4. ใหผ้ เู้ รยี นเสนอผลงาน 5. ครแู ละผ้เู รยี นช่วยกันสรุปความหมายทงั้ หมด
ใบงาน เร่ือง นำ้ เต็มแกว้ คำชีแ้ จง ใหผ้ ้เู รียนพิจารณาภาพท่กี ำหนดใหแ้ ลว้ บอกวา่ แกว้ หมายเลขใดน้ำจะเต็มแกว้ ก่อน เทนำ้ ลงแก้วท่ี 1 ท่อทางเดนิ ของน้ำ 1 23 45 67
การเลา่ เรือ่ ง การเล่าเรื่อง หรือ Storytelling เป็นเครอื่ งมืออย่างงา่ ยในการจดั การความรู้ ซง่ึ มวี ธิ กี ารไม่ยงุ่ ยากซบั ซ้อน สามารถใชไ้ ดก้ บั ทุกกลุ่มเปา้ หมายเป็นการเล่าประสบการณใ์ นการทำงานของแต่ละคนวา่ มีวธิ กี ารทำอย่างไรจงึ จะประสบผลสำเรจ็ กิจกรรมเลา่ เรือ่ ง ตอ้ งทำอะไรบา้ ง กิจกรรมจัดการความรู้ โดยใชเ้ ทคนิคการเล่าเรือ่ ง ประกอบดว้ ยกิจกรรมต่าง ๆ ดงั น้ี 1. ให้คุณกิจ (สมาชิกทุกคน) เขยี นเรือ่ งเล่าประสบการณค์ วามสำเร็จในการทำงาน ของตนเอง เพอื่ ให้ความรูฝ้ งั ลึกในตวั (Tacit Knowledge) ปรากฏออกมาเป็นความรู้ชดั แจ้ง (Expicit Knowledge) 2. เล่าเร่อื งความสำเรจ็ ของตนเอง ให้สมาชกิ ในกลมุ่ ยอ่ ยฟัง 3. คุณกจิ (สมาชิก) ในกลุม่ ช่วยกนั สกดั ขมุ ความรูจ้ ากเรื่องเล่า เขยี นบนกระดาษฟลปิ ชารต์ 4. ช่วยกันสรุปขุมความรทู้ ่ีสกดั ได้จากเรือ่ ง ซึ่งมจี ำนวนหลายขอ้ ให้กลายเป็นแกน่ ความรู้ ซงึ่ เป็น หวั ใจท่ีทำให้งานประสบผลสำเร็จ 5. ใหแ้ ต่ละกลุ่ม คัดเลอื กเร่ืองเล่าที่ดีท่สี ุด เพื่อนาเสนอในที่ประชมุ ใหญ่ 6. รวมเร่ืองเล่าของทกุ คน จัดทำเป็นเอกสารคลังความรู้ขององค์กร หรอื เผยแพรผ่ า่ นทางเว็บไซต์ เพอื่ แบง่ ปันแลกเปล่ยี นความรู้ และนำมาใช้ประโยชนใ์ นการทำงาน
กิจกรรมท่ี 2 องค์ความรทู้ ่ีผู้เรยี นไดร้ บั จากการจดั การความร้ดู ว้ ยตนเองคืออะไร (แยกเปน็ ข้อ ๆ) ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................... กิจกรรมท่ี 3 ใหผ้ เู้ รยี นเขียนเรื่องเล่าแห่งความสำเร็จ และรวมกลุม่ กบั เพ่ือนท่มี ีเรอ่ื งเลา่ ลกั ษณะ คลา้ ยกนั ผลดั กนั เล่าเรื่อง สกัดความรจู้ ากเร่อื งเลา่ ของเพือ่ น ตามแบบฟอรม์ ดงั นี้ แบบฟอร์มการบันทกึ ขมุ ความรู้จากเร่ืองเกา่ ชอื่ เรื่อง ..................................................................................................................................................................... ชือ่ ผู้เลา่ ..................................................................................................................................................................... 1. เนื้อเร่อื งยอ่ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................
2. การบนั ทกึ ขมุ ความรู้จากเรอื่ งเล่า 2.1 ปญั หา............................................................................................................................................................ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... 2.2 วิธแี กป้ ญั หา (ขมุ ความรู้).............................................................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 2.3 ผลทเ่ี กิดข้นึ .................................................................................................................................................. ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 2.4 ความร้สู ึกของผูเ้ ลา่ / ผู้เล่าได้เรียนร้อู ะไรบ้าง จากการทางานนี้ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... 3. แก่นความรู้ ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... ..................................................................................................................................................................... .....................................................................................................................................................................
กจิ กรรมท่ี 4 ให้ผู้เรยี นจบั กลุ่ม 3 - 5 คน ไปถอดองคค์ วามรู้กลุ่มอาชพี ตา่ ง ๆ ในชุมชน และ นำมาสรุปเปน็ องคค์ วามรู้ ตามแบบฟอรม์ ดงั นี้ สรุปองค์ความรกู้ ลุ่ม..................................................................................................................... ทอี่ ยู่กลมุ่ ...................................................................................................................................................... ชอื่ ผู้ถอดองค์ความรู้ 1........................................................................................................................ 2........................................................................................................................ 3........................................................................................................................ เน้ือหาความรู้ ข้อดี/จดุ เดน่ ปญั หา แนวทางแก้ไขปญั หา แหลง่ ความรู้บคุ คล
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี.่ .....4......... กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ทกั ษะการเรยี นรู้ รายวชิ าทักษะการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ การคิดเปน็ เวลา .......34.....ชวั่ โมง มาตรฐานการเรียนรู้ ความสามารถในการศึกษา เลอื กสรร จดั เกบ็ และการวิเคราะห์ สงั เคราะห์ข้อมูลทั้ง 3 ประการ และการใช้เทคนิคในการฝึกทกั ษะการคิดเปน็ เพื่อใช้ประกอบการตดั สนิ ใจแก้ปญั หา ตัวชวี้ ัด 1. มคี วามรู้ ความเชื่อพ้ืนฐานของคนคดิ เป็นทางการศึกษาผู้ใหญ่และการเชื่อมโยงมาสู่การเรยี นรู้เรื่องของการ คิดเป็น ปรัชญาคิดเป็น การคดิ แกป้ ญั หาอยา่ งเป็นระบบ 2. สามารถคิดการแกป้ ญั หาอย่างเป็นระบบ การคิดเปน็ ท้ังจากกรณตี ัวอยา่ งที่ซบั ซอ้ น 3. มีทางเลือกท่ีหลากหลายในการแก้ปญั หาอยา่ งมีเหตุผล มีคุณธรรม จริยธรรม และมคี วามสุขอยา่ งยง่ั ยนื การ ประยุกตใ์ ชอ้ ย่างมเี หตุผลเหมาะสมกบั ตนเองครอบครวั และชุมชน/สังคม สาระสำคัญ ทบทวนทำความเข้าใจกับความเชื่อพ้ืนฐานทางการศึกษาผู้ใหญ่ และเช่ือมโยงไปสู่การเรยี นรู้ เรืองของการคิด เป็น กระบวนการแก้ปัญหาของคนคิดเป็นและปรัชญาคิดเป็น ศึกษาวิเคราะห์ลักษณะ ของข้อมูลท้ังด้าน วิชาการ ตนเอง และสังคม สิงแวดล้อม รวมทังเทคนิคการเก็บข้อมูล เพ่ีอนำไปใช้ใน การเลือกเก็บข้อมูล ดังกล่าวมาใช้ประกอบการคิดตดั สินใจอย่างคนคิดเป็น วตั ถุประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เพือ่ ให้นักศึกษาอธบิ ายได้ถงึ ความเช่ือพ้ืนฐานทางการศึกษาผูใ้ หญ่/ การศึกษานอกระบบ และเช่ือมโยงมาสู่กระบวนการคดิ เปน็ และระบบคิดการแก้ปญั หาอย่างคนคิดเปน็ 2. เพื่อใหน้ ักศกึ ษาอธิบายลักษณะของข้อมูลวิชาการ ตนเอง และสังคมสงิ่ แวดล้อม โดยเปรียบเทียบให้ เห็น ความแตกตา่ งของขอ้ มลู ทั้ง 3 ประการ 3. เพอ่ื ใหน้ ักศึกษาอธิบายและฝึกปฏิบัตกิ ารคดิ เป็น จากกรณีตวั อย่างตา่ ง ๆ ถงึ กระบวนการแก้ปัญหาอยา่ งคน คดิ เป็นได้อยา่ งเปน็ ระบบ
คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ขยัน ซื่อสตั ย์ มวี นิ ัย มีน้ำใจ สามัคคี การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ขั้นสรา้ งความสนใจ ( 30 นาที) 1. ครใู หผ้ ู้เรยี นอ่านบทกลอน พร้อม ๆ กัน “คิดเปน็ คอื อะไร ใครรู้บ้าง มที ศิ ทางมาจากไหน ใครเคยเหน็ จะเรียนร่ำทำอย่างไรให้ “คดิ เปน็ ” ไม่ล้อเล่นใครตอบไดข้ อบใจเอย” ครูสอบถามผู้เรียนวา่ มีใครรจู้ ักแนวคดิ “คิดเปน็ ” บ้าง และมีลกั ษณะอยา่ งไร 2. จากนั้นครูยกตัวอย่างเหตกุ ารณ์ ขนั้ สำรวจและคน้ หา ( 1 ช่วั โมง 30 นาที) 1. ครชู ี้แจงวัตถุประสงคข์ องการเรยี น 2. ครเู ปิด youtube เรื่อง “5 วธิ เี ปลีย่ นตวั เองให้กลายเปน็ คนคดิ บวก” https://www.youtube.com/watch?v=1cW-G8D1oMM 3. ครแู บ่งผู้เรยี น เปน็ 3 กล่มุ แจกใบงาน หวั ข้อ “วุน่ ” (ในหนังสือเรียนทักษะการเรยี นรู้ หน้า 125) 4. ผู้เรียนศึกษาใบความรู้ รว่ มกบั เพอ่ื นเพื่อหาขอ้ มูล ชว่ ยกันระดมความคดิ แบ่งหน้าท่ีในการจดั การ ความรูร้ ว่ มกันแลกเปล่ียนเรียนรภู้ ายในกลมุ่ (ความเห็นอาจมหี ลายคำตอบได้) 5. ครูสังเกตการปฏบิ ตั ิการของแต่ละกลมุ่ และใหค้ ำแนะนำ ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (30 นาท)ี ผูเ้ รียนเลือกขอ้ คิดหรือคำตอบของกลุม่ ทีค่ ดิ ว่าเป็นแนวทางการแกป้ ัญหาทดี่ ที ี่สุดมา 1 คำตอบ ส่งตวั แทน นำข้อมลู ทไี่ ดน้ ำมาเสนอหน้าชั้นเรียน ครูและผเู้ รียนร่วมกันสรุปผลการอภปิ รายจากกรณีตัวอยา่ งเรื่อง “วุ่น” ขั้นขยายความรู้ (20 นาที) นกั ศกึ ษาศกึ ษาเกยี่ วกบั คดิ เป็น ความสำคญั ของการคดิ เปน็ กระบวนการคิดการแก้ปญั หาอย่างเปน็ ระบบ กระบวนการคดิ เปน็ แลว้ เช่ือมโยงเข้ากับประสบการณ์ตนเอง วา่ ในชว่ งชีวิตที่ผ่านมามีการแก้ไขปัญหาอย่างไร บ้าง เกิดผลอยา่ งไร และแลกเปล่ียนความคิดกับเพ่ือนภายในกลมุ่ ขนั้ ประเมิน (10 นาที) 1. นกั ศกึ ษาตอบคำถามจาการเรยี นรู้ 2. ครมู อบหมายงานใหน้ กั ศกึ ษาไปทำกจิ กรรมใบงาน กรณีตัวอย่างเร่ือง “ส้มกับ หนุม่ ” และตอบคำถามทางด้านวิชาการ ขอ้ มลู เก่ียวกับตนเอง ข้อมูลเกี่ยวกับสงั คมและสิ่งแวดลอ้ ม (ในหนงั สอื เรยี นทักษะการเรียนรู้ หน้า 141 – 142) (กรต.) ( 14 ช่ัวโมง )
สอื่ อุปกรณ์และแหลง่ เรียนรู้ 1. คลปิ วิดโี อ 2. สอ่ื หนังสอื เรยี นวชิ าทักษะการเรยี นรู้ ทร21001 การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานร่วมกับเพอื่ น 2. การสังเกตจากการนำเสนอ 3. การซักถามผเู้ รียน 4. ใบงาน 5.ภาระงานที่ไดร้ บั มอบหมาย
ใบความรู้ หลักปรัชญาคิดเป็น ปรัชญา “คิดเปน็ ” อย่บู นพน้ื ฐานความคดิ ทีว่ ่า ความตอ้ งการของแต่ละบุคคลไมเ่ หมอื นกัน แต่ทุก คนมจี ุดรวมของความตอ้ งการที่เหมือนกัน คอื ทุกคนต้องการความสขุ คนเราจะมคี วามสุขเมื่อเราและสังคม สง่ิ แวดลอ้ มประสมกลมกลืนกันได้ โดยการปรบั ปรุงตวั เราให้เขา้ กบั สงั คมหรือสิง่ แวดลอ้ มหรือโดยการปรับปรงุ สังคมและส่ิงแวดล้อมให้เข้ากบั ตัวเรา หรอื ปรบั ปรงุ ทง้ั ตวั เราและสังคมสิง่ แวดลอ้ มให้ประสมกลมกลืนกนั หรือ เขา้ ไปอยู่ในส่ิงแวดลอ้ มท่เี หมาะสมกบั ตน คนท่สี ามารถทำไดเ้ ช่นน้ี เพอื่ ให้ตนเองมคี วามสขุ นั้น จำเปน็ ตอ้ งเปน็ ผูม้ คี วามคิดสามารถคิดแกป้ ญั หา รจู้ กั ตนเองและธรรมชาตสิ ่ิงแวดล้อม จึงจะเรยี กไดว้ า่ ผนู้ ้นั เป็นคนคดิ เป็น หรือ อีกนัยหนึ่งปรัชญา “คิดเปน็ ” มาจากความเชือ่ พืน้ ฐานตามแนวพุทธศาสนา ท่ีสอนใหบ้ ุคคลสามารถพน้ ทกุ ข์ และพบความสุขได้ดว้ ยการคน้ หาสาเหตุของปัญหา สาเหตุของทุกข์ ซง่ึ สง่ ผลใหบ้ ุคคลผนู้ ้ันสามารถอยใู่ นสงั คม ไดอ้ ย่างมีความสขุ ความหมายของ “คิดเปน็ ” โกวทิ วรพิพฒั น์ ได้ใหค้ ำอธบิ ายเก่ยี วกบั “คดิ เป็น” วา่ “บคุ คลท่คี ิดเป็นจะสามารถเผชิญปญั หาใน ชีวิตประจำวันได้อยา่ งมรี ะบบ บคุ คลผู้น้ีจะสามารถพินจิ พิจารณาสาเหตุของปัญหาทเ่ี ขากำลังเผชญิ อยู่ และ สามารถรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ ไดอ้ ยา่ งกว้างขวางเก่ยี วกับทางเลือก เขาจะพิจารณาขอ้ ดีขอ้ เสียของแตล่ ะเรอื่ ง โดยใชค้ วามสามารถเฉพาะตัวคา่ นิยมของตนเอง และสถานการณ์ที่ตนเองกำลังเผชญิ อยู่ ประกอบการ พจิ ารณา” การ “คิดเป็น” เปน็ การคิดเพ่อื แก้ปัญหา คือ มีจุดเรมิ่ ตน้ ทป่ี ัญหาแลว้ พิจารณายอ้ นไตร่ตรองถึง ขอ้ มูล 3 ประเภท คอื ข้อมลู ด้วยตนเองชมุ ชน สังคม ส่ิงแวดล้อม และข้อมูลวิชาการ ต่อจากนั้นก็ลงมือกระทำ ถ้าหากสามารถทำให้ปญั หาหายไป กระบวนการกย็ ุตลิ ง แตห่ ากบุคคลยงั ไมพ่ อใจแสดงวา่ ยังมปี ัญหาอยู่ บุคคล กจ็ ะเริ่มกระบวนการพิจารณาทางเลือกใหมอ่ กี คร้ัง และกระบวนการน้ียุตลิ งเมอื่ บุคคลพอใจและมีความสขุ สรุป ความหมายของ “คิดเป็น” 1. การวเิ คราะหป์ ญั หาและแสวงหาคำตอบหรือทางเลอื กเพ่ือแก้ปญั หาและดบั ทกุ ข์ 2. การคิดอยา่ งรอบคอบเพือ่ การแก้ปญั หาโดยอาศยั ขอ้ มูลตนเอง ขอ้ มูลสงั คมสง่ิ แวดล้อมและ ข้อมูลวิชาการ เป้าหมายของ “คิดเป็น” เปา้ หมายสุดทา้ ยของการเป็นคน “คิดเป็น” คือความสุข คนเราจะมีความสุขเมอื่ ตวั เราและสังคม สิง่ แวดล้อมประสมกลมกลนื กนั อยา่ งราบรืน่ ทั้งทางดา้ นวัตถุ กายและใจ แนวคิดหลักของ “คิดเป็น” 1. มนษุ ย์ทุกคนล้วนตอ้ งการความสุข 2. ความสขุ ทีไ่ ด้นน้ั ขึ้นอย่กู บั การปรบั ตวั ของแตล่ ะคนให้สอดคล้องกบั สภาพแวดลอ้ มตามวิธีการ ของตนเอง
3. การตัดสนิ ใจเป็นการคดิ วเิ คราะหโ์ ดยใชข้ ้อมูล 3 ดา้ น คอื ด้านตนเอง ด้านสังคม และดา้ น วิชาการ 4. ทกุ คนคดิ เปน็ เท่าท่กี ารคิดและตัดสนิ ใจทำให้เราเปน็ สขุ ไม่ทำใหใ้ ครหรือสงั คมเดือดร้อน คิดอย่างไรเรยี กวา่ “คิดเปน็ ” “คิดเปน็ ” เปน็ การคดิ แบบพอเพยี ง พอประมาณ ไมม่ าก ไมน่ อ้ ยเปน็ ทางสายกลาง สามารถอธบิ ายได้ ดว้ ยเหตผุ ล พร้อมท่ีจะรบั ผลกระทบท่ีเกดิ โดยมคี วามรอบรใู้ นวชิ าการที่เก่ยี วขอ้ งอย่างร้จู รงิ สามารถนำความรู้ มาใช้ประโยชนไ์ ดม้ คี ุณภาพใช้สติปัญญา ในการดำเนนิ ชีวิต ซง่ึ แนวคดิ นี้สอดคล้องกบั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยู่หัวน่นั เอง เป็นการบรู ณาการเอาการคิด การกระทำ การแก้ปัญหา ความเหมาะสมและความพอดี มารวมไว้ในคำวา่ “คดิ เปน็ ” คือ การคิดเป็นทำเป็นอยา่ งเหมาะสมตนเกดิ ความ พอดี และแก้ปัญหาไดด้ ว้ ยการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้เพ่ือใหเ้ ป็นคน “คดิ เปน็ ”กระบวนการเรียนรตู้ ามปรชั ญา “คิดเป็น” นี้ ผเู้ รียนสำคัญที่สุดผูส้ อนจะเปน็ เพยี งผูจ้ ัดโอกาส จัดกระบวนการ จดั ระบบขอ้ มูล และแหล่งการ เรยี นรู้ กิจกรรมในการเรียนรูอ้ าจมแี นวปฏบิ ตั ดิ ังนี้ 1. กระตนุ้ ใหผ้ เู้ รยี นคดิ วิเคราะห์จากปญั หาและความต้องการของตนเอง 2. ผู้เรยี นมสี ่วนร่วมในการเรียนรูอ้ ย่างเตม็ ศกั ยภาพ 3. เรียนรู้จากการอภปิ รายถกเถยี งในประเด็นทเ่ี ป็นปัญหา 4. ให้ผเู้ รยี นไดเ้ รียนรูจ้ ากกระบวนการกลุ่ม มกี ารใช้ข้อมูลหลาย ๆ ดา้ น 5. เรยี นรูจ้ ากวิถีชวี ิตจริง จากการทำงาน 6. ให้ผู้เรียนได้เรยี นรูจ้ ากการทำโครงงาน 7. เรียนรจู้ ากการศึกษา กรณตี ัวอย่างเพื่อการแกป้ ญั หาชมุ ชน 8. ผู้เรยี นตอ้ งรจู้ ักใชข้ ้อมลู ท่ีลกึ ซง่ึ ฝกึ ตดั สินใจดว้ ยระบบข้อมูลทีเ่ พียงพอและเชอื่ ถอื ได้ 9. นำเวทีชาวบา้ นมาเป็นเครอ่ื งมือสำคญั ในกระบวนการคิดแกป้ ญั หา 10. ส่งเสริมให้ผู้เรยี นได้ตัดสนิ ใจในการแก้ปัญหาบนพื้นฐานของข้อมลู ตนเอง ชมุ ชนสิ่งแวดล้อม และวิชาการ
ใบงาน การคดิ เปน็ ในครอบครัวเล็ก ๆ ครอบครวั หน่งึ มีมพี อ่ แม่และลูกสาวสองคน คนพีช่ ือ่ แพรว คนน้องชือ่ พลอย ท้งั สองคนอายุไลเ่ ลย่ี กนั ศกึ ษาอยชู่ ้ันมธั ยมศกึ ษาตอนต้นในโรงเรียนเดยี วกนั แพรวเปน็ คนทีเ่ รยี นเกง่ ได้อบั ดับ 1 ของระดบั ช้ัน เพราะขยนั อ่าน หนังสือและทบทวนบทเรียน สว่ นพลอย ชอบเลน่ กีฬาและทำกิจกรรมของโรงเรยี นเป็นประจำ ผลการเรียนจงึ ไมค่ ่อยดี นัก และมักฝกึ ซอ้ มกีฬาในชว่ งเยน็ เป็นประจำทำให้ไม่ค่อยมีเพือ่ น เมื่อประชมุ ผูป้ กครอง ครมู กั ชื่นชมแพรวให้พอ่ แม่ฟงั อยเู่ สมอวา่ เรียนดเี รียนเกง่ แตไ่ ม่ได้ช่นื ชมพลอยเลย จนพลอยเริ่มท้อแม้ใจและไมอ่ ยากไปโรงเรียน ครูตั้งคำถามว่าถา้ ปัญหาของพลอยเปน็ ปัญหาของท่าน ทา่ นคิดวา่ ปัญหาน้เี กดิ ขึน้ จากอะไร มแี นวทางแกไ้ ขอย่างไรไดบ้ า้ งและใหน้ กั ศึกษา ช่วยเรียงลำดับความเป็นไปได้ของทางเลือกทีน่ ำไปแก่ไขปัญหา ครแู ละนักศกึ ษาร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ จากการศึกษา สรุปประเด็นไดด้ ัง้ น้ี 1. ทำไมถงึ เกดิ ปัญหาตา่ งๆ เหลา่ นี้ขึ้นในครอบครัว .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................ 2. ถ้าทา่ นเป็นคนในครอบครวั ทา่ นจะแก้ปญั หาอย่างไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................ 3. ทา่ นคิดว่าการเรยี นรทู้ ีเ่ หมาะสมกับสภาพของชมุ ชนเช่นนีค้ วรเปน็ เช่นไร .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ........................................................................................................
บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ รายวชิ า.............. ............................................รหัสรายวิชา...............................สัปดาห์ที่.................. แผนการจัดการเรยี นรู้ครง้ั ที่..........ระดบั .....................กลมุ่ ....................... วนั ท่ี .......................... 10.1 ผลการจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.2 ปัญหาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.3 แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………....……………… …………………………………………………………………………………………………………………… 10.4 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….………………….. ผูบ้ นั ทึก (…………………………………………………) ครู........................... ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………....…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… (นางจิดาภา บวั ทอง)
ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอดอนตมู แผนการจัดการเรียนรู้ท่.ี ....5.......... กลุม่ สาระการเรียนรู้ ทักษะการเรียนรู้ รายวิชาทักษะการเรียนรู้ ระดบั มัธยมศึกษาตอนตน้ ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ช่ือหน่วยการเรยี นรู้ การวิจยั อย่างง่าย เวลา .......19.....ชว่ั โมง มาตรฐานการเรยี นรู้ สามารถวเิ คราะห์ปัญหา ความจำเปน็ เหน็ ความสัมพันธข์ องกระบวนการวจิ ยั กบั การนำไปใช้ในชวี ิต และดำเนินการวิจยั ทดลองตามขน้ั ตอน ตวั ช้วี ัด 1. อธิบายความหมาย ความสำคัญของการวจิ ยั อยา่ งงา่ ย กระบวนการและข้ันตอนของการดำเนินงาน 2. มีทักษะในการใช้สถติ ิง่าย ๆ เพื่อการวจิ ัยและจัดทำเครื่องมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 3. มีทกั ษะในการเขยี นโครงการวจิ ัยอยา่ งงา่ ยๆ สาระสำคัญ การแสวงหาความรู้ ขอ้ มูล ขอ้ เท็จจริงอย่างมรี ะบบเพื่อให้ได้รบั คำตอบหรือความรใู้ หม่ทเี ช่ือถอื ได้สามารถทำ ไดโ้ ดยกระบวนการวิจัย วตั ถุประสงค์การเรียนรู้ 1. เพื่อใหน้ ักศึกษาเข้าใจรายละเอียดที่หลากหลายในเชิงเปรียบเทียบของลกั ษณะข้อมลู ทางด้านวิชาการ ตนเอง และสังคม ส่ิงแวดล้อมที่แตกต่างกันไปของชุมชน วัฒนธรรม จารีตประเพณี สถานภาพทางสังคม เศรษฐกิจและ บคุ คลเพอ่ื นำมาขยายในการคิด 2. นักศึกษาสามารถฝกึ ปฏิบตั กิ ารเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มลู ในชุมชน เพือ่ นำมา ประกอบการคิดการตัดสินใจ 3. นักศึกษาใช้กระบวนแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ การคิดเป็นทั้งจากกรณีตัวอย่างที่ซับซ้อน และ หลากหลายโดยนำขอ้ มูลดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ขยนั ซือ่ สัตย์ มีวินัย มีน้ำใจ สามัคคี
การจัดกระบวนการเรียนรู้ ขนั้ สรา้ งความสนใจ ( 30 นาที) 1. ครูสนทนา ซักถามนกั ศึกษา “นกั วิจัยต้องมีคุณสมบัตอิ ย่างไร” 2. ครูชแ้ี จงวัตถุประสงค์ของการเรียน ขัน้ สำรวจและคน้ หา ( 1 ช่ัวโมง 20 นาที) 1. ให้ผ้เู รยี นสำรวจจำนวนนักเรียนวา่ ในชน้ั เรยี น แบง่ เป็นเพศหญงิ ก่ีคน และเพศชายกี่ คน สามารถแจงนับจำนวนได้อยา่ งไร ดังตางรางดงั นี้ เพศ การแจงนับ ความถ่ี (คน) ชาย llll llll llll 40 15 หญิง llll llll llll llll llll 25 รวม 40 2. ครูแบง่ กลมุ่ นกั ศึกษาเปน็ 3 กลมุ่ แจกใบงานกรณีตวั อย่าง เรือ่ ง ข้นั ตอนการวิจยั อย่างง่าย ประกอบด้วย ข้ันท่ี 1 การกำหนดคำถามวิจัย/ปญั หาวิจยั ขนั้ ท่ี 2 ความเป็นมาและความสำคัญ ขนั้ ที่ 3 การดำเนินงานตามแผน ขน้ั ท่ี 4 การเขยี นรายงานวิจัย ขั้นที่ 5 การเผยแพร่ผลงานวจิ ยั 3. ผเู้ รียนศกึ ษาใบความรู้ เกี่ยวกับ สถติ ิง่าย ๆ ท่ใี ชใ้ นการวิจัย รว่ มกบั เพอื่ นเพื่อหาข้อมูล ช่วยกนั ระดม ความคดิ แบง่ หน้าท่ใี นการจัดการความร้รู ว่ มกนั แลกเปลีย่ นเรียนรภู้ ายในกลุ่ม 4. ครสู งั เกตการปฏิบตั กิ ารของแตล่ ะกล่มุ และให้คำแนะนำ ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (20 นาท)ี ผู้เรยี น สง่ ตวั แทนนำขอ้ มูลมาเสนอหน้าช้ันเรียน ครูและผ้เู รยี นร่วมกันสรปุ ผลการอภิปราย ขั้นขยายความรู้ (30 นาท)ี 1. นำความรู้ทไี่ ด้รับมาสรปุ ดว้ ยการเขียนแผนผงั สรุปความรู้ เรอ่ื ง ขนั้ ตอนการทำวจิ ัย และสถิติง่ายๆ ทใี่ ช้ ในการวจิ ยั 2. ตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลงานเพือ่ แลกเปล่ียนเรียนรูร้ ่วมกนั ขนั้ ประเมนิ (10 นาที) 1. การตอบคำถามทา้ ยบท
2. ให้ผู้เรียนแต่ละคนบันทกึ ผลการเรียนรทู้ ่ีได้รบั จากการเรยี นรู้ในสมุดบันทกึ (กรต.) 3. ให้ผูเ้ รียนฝึกเขียนโครงการวจิ ัยอยา่ งงา่ ย (จำนวน 16 ชว่ั โมง) สือ่ อุปกรณแ์ ละแหล่งเรียนรู้ 1. ส่อื หนงั สือเรยี นวชิ าทกั ษะการเรยี นรู้ ทร21001 2. สอ่ื อนิ เทอร์เน็ต การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ 1. การสอบกอ่ นเรียน - หลังเรยี น 2. สังเกตพฤตกิ รรมการทำงานรว่ มกับเพอื่ น 3. การสงั เกตจากการนำเสนอ 4. การซกั ถามผเู้ รยี น 5. ใบงาน 6. ภาระงานทไ่ี ด้รบั มอบหมาย
แบบทดสอบ 1. ขัน้ ตอนการเขยี นวจิ ยั อยา่ งงา่ ยมกี ขี่ นั้ ตอน ก. 3 ข้ันตอน ข. 4 ขั้นตอน ค. 5 ขั้นตอน 2. ขั้นแรกของการวิจัยคอื อะไร ก. คำถาม/ปัญหาการวิจยั ข. วตั ถปุ ระสงค์ ค. รายงานการวจิ ยั 2. ขั้นตอนสดุ ทา้ ยของการวิจยั คืออะไร ก. การเขียนโครงการ ข. การเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั ค. การเขยี นรายงานการวิจัย 4. เหตผุ ลท่ีอยากทำวจิ ยั ควรเขยี นอยู่ในหวั ขอ้ ใดของโครงการ ก. ชอื่ โครงการวิจยั ข. ความเปน็ มาและความสำคัญ ค. วตั ถุประสงค์ในการทำวจิ ัย 5. อยากรอู้ ะไรบ้างจากการเขยี นวจิ ยั ควรเขียนอย่ใู นหัวข้อใดของโครงการ ก. ชอื่ โครงการ ข. วตั ถปุ ระสงค์ในการทำวิจยั ค. ประโยชน์ของการวิจยั หรอื ผลท่ีคาดว่าจะไดร้ บั เฉลย แบบทดสอบ 1. ค 2. ก 3. ข 4. ข 5. ข
บันทึกหลังการจัดการเรียนรู้ รายวชิ า....... ......................................................รหสั รายวิชา......... ....................สัปดาหท์ ี่.................. แผนการจดั การเรียนรู้ครง้ั ที่..........ระดบั .....................กลุม่ .... ...................... วนั ที่ .......................... 10.1 ผลการจัดการเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.2 ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.3 แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………....……………… …………………………………………………………………………………………………………………… 10.4 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….………………….. ผูบ้ ันทกึ (…………………………………………………) คร.ู .......................... ความคิดเห็น/ขอ้ เสนอแนะของผบู้ รหิ ารสถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………....…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… (นางจิดาภา บวั ทอง) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอดอนตูม
แผนการจดั การเรียนรู้ท่.ี ....6.......... กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ ทกั ษะการเรียนรู้ รายวิชาทกั ษะการเรยี นรู้ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2563 ชื่อหน่วยการเรียนรู้ ทักษะการเรยี นรแู้ ละศักยภาพหลักของพืน้ ท่ใี นการพฒั นาอาชีพ เวลา 30 ชั่วโมง มาตรฐานการเรยี นรู้ สามารถจำแนกและวเิ คราะห์ ทักษะการเรยี นรู้และศักยภาพหลกั ของพ้ืนท่ีในการเพิม่ ขดี ความสามารถ ของการประกอบอาชีพใน 5 กลมุ่ อาชีพใหม่ ตวั ชี้วัด 1. บอกความหมาย ตระหนกั และเห็นความสำคัญของทักษะการเรียนรู้และ ศกั ยภาพหลกั ของพ้นื ท่ี 2. มที ักษะการเรียนรูพ้ ้ืนฐาน และ เทคนิควธิ ใี นการแสวงหาความรู้ 3. สามารถบอกอาชพี ในกลุ่ม อาชีพใหม่ ไดแ้ ก่ กลมุ่ อาชพี ดา้ น เกษตรกรรม อตุ สาหกรรม พาณิชยกรรม ความคดิ สร้างสรรค์ การบริหารจัดการและการบริการ 4. สามารถบอกและยกตัวอยา่ งทกั ษะการเรียนรู้เพ่อื พฒั นาศักยภาพ กลุ่มอาชพี ใหม่ สาระสำคัญ ความสามารถ ความชำนาญการ ทั้งภาคทฤษฎี และปฏบิ ตั ิ ผู้ที่ประสบผลสำเรจ็ ในอาชพี ของ ตนเอง จะตอ้ งมกี ารคน้ ควา้ หาความรู้จากแหลง่ เรยี นรตู้ ่าง ๆ เพ่ือเพ่ิมพูนความรคู้ วามสามารถให้ สอดคล้องกับการ เปลยี่ นแปลงอยตู่ ลอดเวลา การทีจะจดั การอาชีพให้ไดผ้ ลสำเรจ็ นั้นจำเป็นตอ้ งมปี จั จยั หลายด้าน การเรียนรู้ ปัจจัยด้านศกั ยภาพหลกั ของพื้นที เปน็ เร่ืองที่สำคัญเรื่องหนง่ึ ทตี ้องเรียนรู้ วัตถุประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. เพอื่ ใหน้ กั ศึกษาเขา้ ใจ ความสำคญั ของทกั ษะการเรยี นร้แู ละศักยภาพ หลักของพื้นท่ที ่ีแตกต่างกัน 2. นักศกึ ษามที กั ษะการเรียนร้พู ื้นฐาน และ เทคนคิ วธิ ใี นการแสวงหาความรู้ 3. นกั ศึกษาสามารถบอกอาชีพในกลุ่ม อาชีพใหม่ ไดแ้ ก่ กลุ่มอาชพี ดา้ น เกษตรกรรม อุตสาหกรรม พาณิชยกรรม ความคดิ สรา้ งสรรค์ การบริหารจัดการและการบริการได้ 4.นักศึกษาสามารถบอกและยกตัวอยา่ งทกั ษะการเรยี นรู้เพือ่ พฒั นาศักยภาพ กล่มุ อาชีพใหม่ คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ขยนั ซ่อื สตั ย์ มวี ินัย มนี ้ำใจ สามัคคี
การจดั กระบวนการเรียนรู้ ขัน้ สร้างความสนใจ ( 30 นาท)ี 1. ครูตัง้ คำถามเกี่ยวกบั การประกอบอาชพี ของนกั ศกึ ษา และคนในครอบครัว สอดคลอ้ งกบั บรบิ ทของ ชมุ ชนหรอื ไม่ 2. ให้นกั ศึกษาเลน่ เกม ขอ 3 คำ (ใหค้ ิดอาชีพ คนละ 1 อาชีพ แลว้ ให้ใบ้คำ 3 คำ คำละ 1 พยางค์ แล้วใหเ้ พอ่ื นทายวา่ คืออาชพี ใด เช่น บอกคำใบ้คำที่ 1 แล้วใหเ้ พ่อื นทาย ถา้ ทายไม่ถกู บอกคำใบ้คำที่ 2 และ ถา้ ยงั ไมถ่ ูกอกี บอกคำใบค้ ำท่ี 3 ตวั อยา่ งท่ี 1 คำที่ 1 “เจ็บ” ใหเ้ พอื่ นทายก่อน แล้วจงึ ใบ้ คำที่ 2 “มา” และคำที่ 3 “หา” คำตอบคือ “หมอ” ตวั อย่างท่ี 2 คำที่ 1 “สวย” ใหเ้ พอื่ นทายกอ่ น แล้วจึงใบ้ คำที่ 2 “บน” และคำท่ี 3 “ฟา้ ” คำตอบคือ “แอร์โฮสเตส” 3. ดูวิดโี อ เรื่อง เกษตรทำเงิน : พนื้ ที่ไร่คร่ึงปลูกพชื 10 ชนดิ สร้างรายไดเ้ ดอื นละครึ่งแสน https://www.youtube.com/watch?v=R0pr4BS_sk0 ขนั้ สำรวจและค้นหา ( 1 ช่ัวโมง 20 นาที) 1. ครชู ้ีแจงวัตถุประสงคข์ องการเรยี น แบ่งกลุ่มผู้เรยี น กล่มุ ละ 3 คน แจกใบงาน หวั ข้อ “การประกอบอาชพี ของแตล่ ะภมู ิภาค” โดยให้นกั ศกึ ษายกตวั อย่างอาชพี ที่เหมาะสมกับ 4 ภาคใน ประเทศไทย โดยเขียนตามแผนผังความคิด และอธิบายว่าเหมาะสมอย่างไร 2. ผู้เรยี นศึกษาใบความรู้ ร่วมกับเพื่อนเพือ่ หาข้อมูล 3. นักศกึ ษาปฏิบัติการแบ่งหนา้ ทใี่ นการจัดการความรู้ร่วมกนั แลกเปล่ียนเรยี นรู้ภายในกลมุ่ 4. ครูสังเกตการปฏบิ ัตกิ ารของแต่ละกลุ่มและให้คำแนะนำ ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (30 นาท)ี 1. ผเู้ รยี นสง่ ตัวแทนนำข้อมูลที่ได้นำมาเสนอหนา้ ช้ันเรียน 2. ครอู ธบิ ายเพิม่ เตมิ เก่ยี วกบั เรื่องท่ี 1 ความหมายและความสำคญั ของศักยภาพหลกั ของพนื้ ทใ่ี นการพัฒนาอาชีพ เรอ่ื งที่ 2 การวเิ คราะห์ศักยภาพหลกั ของพน้ื ทใี่ นการพฒั นาอาชพี เร่อื งที่ 3 ตวั อยา่ งอาชีพท่ีสอดคลองกบั ศักยภาพหลักของพ้ืนที่ ครูถามผ้เู รียนวา่ การประกอบอาชพี ทีเ่ หมาะสมกับพนื้ ที่ มีความสำคญั อย่างไร ครูสรปุ และนักศึกษาใหเ้ หน็ ว่า ในการประกอบอาชพี ทกุ อาชพี มคี วามสำคญั เท่าๆ กัน มีการพึงพาอาศยั เช่อื มโยงกัน แต่ถา้ เหมาะสมกบั พื้นที่ ดว้ ยแลว้ จะทำให้ง่ายต่อการประกอบอาชีพของคนในชุมชน ขั้นขยายความรู้ (20 นาท)ี นักศกึ ษา ค้นควา้ หาอาชีพท่มี ีความเกี่ยวข้องกับดา้ นเกษตรกรรม วา่ ในอนาคตจะพฒั นาอย่างไรได้บ้าง ยกตัวอยา่ งพรอ้ มให้นกั ศึกษานำเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ข้ันประเมนิ (20 นาที)
1. ครูต้งั คำถามให้ผ้เู รยี นตอบคำถามในหอ้ งเรียน 2. มอบหมายให้นักศกึ ษาจดบนั ทึกขอ้ มูลในชมุ ชนของตนเอง วา่ มีการประกอบอาชพี อะไรบ้าง และ เหมาะสมกับศักยภาพของพ้นื ที่หรอื ไม่ อยา่ งไร (กรต.) ( 14 ชว่ั โมง ) ส่อื อปุ กรณ์และแหลง่ เรียนรู้ 1. ดวู ิดโี อ เรื่อง เกษตรทำเงิน : พื้นที่ไร่คร่งึ ปลูกพชื 10 ชนิด สรา้ งรายได้เดือนละคร่ึงแสน https://www.youtube.com/watch?v=R0pr4BS_sk0 2. สอื่ หนังสอื เรยี นวชิ าทกั ษะการเรียนรู้ ทร21001 การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการทำงานร่วมกับเพ่อื น 2. การสงั เกตจากการนำเสนอ 3. การซักถามผู้เรยี น 4. ใบงาน 5. ภาระงานทไี่ ด้รับมอบหมาย
บันทึกหลังการจดั การเรียนรู้ รายวชิ า................... .................. .............................รหัสรายวิชา..............................สัปดาหท์ ี่.................. แผนการจัดการเรียนรู้ครงั้ ท่ี..........ระดบั .....................กล่มุ .......... ................. วนั ท่ี .......................... 10.1 ผลการจัดการเรยี นรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.2 ปญั หาและอปุ สรรค …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… 10.3 แนวทางแกไ้ ข …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………....……………… …………………………………………………………………………………………………………………… 10.4 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… …………….………………….. ผู้บันทึก (…………………………………………………) ครู........................... ความคิดเหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผบู้ ริหารสถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………………………………………………....…………… ………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………… (นางจิดาภา บวั ทอง) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอดอนตูม
ใบงาน การประกอบอาชีพของแตล่ ะภมู ภิ าค 1. ภาคเหนือ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 2. ภาคอสี าน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 3. ภาคกลาง .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. 4. ภาคใต้ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ..............................................................................................................................................................................
Search
Read the Text Version
- 1 - 43
Pages: