ภยั คกุ คามจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการป้องกนั อนิ เทอรเ์ น็ตเปน็ แหลง่ ขอ้ มูลขนาดใหญ่ทม่ี ีข้อมลู และสารสนเทศจากท่ัว โลก ทาใหเ้ ราสามารถเข้าถึงข้อมลู ได้โดยงา่ ยและรวดเรว็ แต่ในทางกลับกัน ก็มีภัยคกุ คามจากอนิ เทอร์เนต็ แฝงมาหลากหลายรปู แบบ ถา้ หากขาดความ รอบคอบ หรือใช้งานอยา่ งไมร่ ะมดั ระวัง ดงั นนั้ เราจึงต้องเรยี นรกู้ ารใช้งาน เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อไม่ให้ถูกภัยคุกคามจนเกิดผลเสยี ตามมา
รปู แบบภัยคุกคาม 1. การคุกคามโดยใช้หลักจิตวิทยา เป็นการคุกคามท่ีใช้หลักการแนวคิดเพ่ือหลอกลวง เพื่อให้ได้ข้อมูลท่ีต้องการ เช่น ข้อมูลรหัสผ่าน ข้อมูลด้านการเงิน เป็นต้น ผู้คุกคามอาจใช้การจูงใจว่าจะได้ รางวัลแต่ต้องทาตามเง่ือนไขที่กาหนด แต่เป็นการส่งรหัสผ่านไปให้ เป็นต้น ท้ังนี้ นกั เรยี นสามารถปอ้ งกนั ไดโ้ ดยใช้ความระมดั ระวัง อย่าเชอ่ื ใจบุคคลบนอินเทอร์เน็ต หรอื ส่อื สังคมออนไลนต์ ่างๆ หากไมใ่ ช่บคุ คลใกลช้ ิดหรือญาตพิ น่ี ้อง คือคาที่ใช้เรียกเทคนิคการหลอกลวงโดยใช้อีเมลหรือหน้าเว็บไซต์ปลอม เพื่อให้ไ Phishing ได้มาซึ่งข้อมูล เช่น ช่ือผู้ใช้ รหัสผ่าน หรือข้อมูลส่วนบุคคลอื่น ๆ เพ่ือ นาข้อมูลที่ได้ไปใช้ในการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือสร้างความเสียหาย ในดา้ นอ่นื ๆ เช่น ด้านการเงิน ผลกระทบจากการไดร้ ับขอ้ มูลผดิ พลาดน้ี คอื
รปู แบบภยั คุกคาม 2. การคุกคามด้วยเนอื้ หาทีไ่ มเ่ หมาะสม บนอนิ เทอรเ์ น็ตมที ง้ั ขอ้ มลู ท่ีเหมาะสมและไม่เหมาะสม เพราะข้อมลู ท่มี ีมากมายทาใหไ้ ม่ สามารถตรวจสอบได้ท้งั หมด ท้ังน้นี ักเรียนควรใชว้ ิจารณญาณในการเลอื กรับหรอื ปฏเิ สธ ข้อมูลที่ไมเ่ หมาะสมน้ันๆ เพื่อไมใ่ ห้เกดิ ปญั หาตามมา ตวั อย่างแหลง่ ข้อมูลท่ไี มเ่ หมาะสม เชน่ แหล่งข้อมลู เก่ียวกับการใชค้ วามรุนแรง การยุยงให้ เกิดความแตกแยก สื่อลามก การพนนั การกระทาทผ่ี ดิ กฎหมายและจรยิ ธรรม
รูปแบบภัยคุกคาม 3. ภยั คกุ คามด้วยโปรแกรมประสงคร์ า้ ย ▪ ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เป็นโปรแกรมที่เขียนขึ้นโดยมุ่งเจตนาร้ายต่อคอมพิวเตอร์หรือ ข้อมูลในเคร่ืองคอมพิวเตอร์ ทาให้เกิดความราคาญ เกิดความเสียหายต่อข้อมูล เช่น ไวรัสซ่อนไฟล์และ โฟลเดอร์ ▪ เวิร์ม (Worm) เป็นโปรแกรมที่สามารถแพร่กระจายตัวเองไปสู่คอมพิวเตอร์เครื่องอ่ืนในเครือข่ายได้ โดย ผา่ นจดุ อ่อนหรอื ช่องโหว่ของระบบ ก่อใหเ้ กดิ ความเสียหายรนุ แรง ▪ ม้าโทรจัน (Trojan Horse Virus) คือโปรแกรมที่หลอกลวงให้ผู้ใช้นึกว่าเป็นโปรแกรมธรรมดาทั่วไป เม่ือติดตั้งและใชง้ าน โปรแกรมจะทางาน เชน่ ทาลายขอ้ มลู หรอื เกบ็ ข้อมูลของผใู้ ช้ ▪ สปายแวร์ (Spyware) คือโปรแกรมท่ีฝังตัวอยู่ในคอมพิวเตอร์โดยท่ีเราไม่ทราบ จากนั้นจะดักจับข้อมูล เช่นแอบเกบ็ ข้อมลู การใชอ้ นิ เทอรเ์ นต็ เพ่ือการโฆษณา เปน็ ตน้ ▪ แอดแวร์ (Advertising Supported Software: Adware) คอื โปรแกรมโฆษณาทต่ี ดิ มากับการ ดาวน์โหลดขอ้ มูลจากอนิ เทอรเ์ นต็ มกั จะแสดงโฆษณาต่างๆ ขนึ้ มาเอง ทาใหเ้ กดิ ความราคาญกบั ผใู้ ช้
การป้องกนั ภยั คุกคาม 1. ตรวจสอบจากสง่ิ ทผ่ี ใู้ ช้รู้ ไดแ้ ก่ การตรวจสอบตัวตนผู้ใช้ว่าเป็นตัวจริงหรือไม่ โดยตรวจสอบจากสิ่งที่ผู้ใช้งานรู้แต่เพียง ผู้เดียว เช่น รหัสผ่าน ซึ่งเป็นวิธีที่นิยมที่สุด เพราะสามารถยืนยันตัวตนได้ง่าย เพราะฉะนั้นเราจึงต้อง เกบ็ รักษารหสั ผ่านไว้เป็นความลับท่ีเรารแู้ ตเ่ พยี งผู้เดียว 2. ตรวจสอบจากส่งิ ทผ่ี ูใ้ ช้มี ได้แก่ การยืนยันตัวตนจากอุปกรณ์ท่ีผู้ใช้มีอยู่ เช่น การส่งรหัสยืนยัน (OTP) ที่ส่งมาทาง โทรศัพทม์ อื ถือ การยืนยนั ด้วยเลขบตั รประจาตัวประชาชน เป็นต้น 3. ตรวจสอบจากสิง่ ทีเ่ ปน็ สว่ นหนึง่ ของผใู้ ช้ เปน็ การตรวจสอบขอ้ มูลชีวมาตร (Biometrics) เชน่ ลายนว้ิ มือ มา่ นตา ใบหนา้ เสียง
การปอ้ งกันภัยคกุ คาม 4. การตงั้ รหัสผ่านใหป้ ลอดภยั ▪ ควรประกอบด้วยอกั ษรตัวพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตวั เลข หรือสัญลักษณ์ ผสมกัน เช่น BiRd-2561 ▪ หลีกเลยี่ งการต้งั รหสั ผ่านโดยใชข้ ้อมูลสว่ นตัว เชน่ วนั เกิด ช่อื เล่น ▪ ต้ังให้จดจาไดง้ า่ ย แตย่ ากตอ่ การคาดเดา ▪ ควรใชร้ หัสผา่ นท่ีแตกต่างกัน ในบัญชแี ตล่ ะบัญชี ▪ ไม่บนั ทึกรหสั ผา่ นไว้บนเว็บเบราวเ์ ซอร์ โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ เมอ่ื ใช้งานคอมพิวเตอร์รว่ มกับผู้อื่น หรอื เคร่ืองสาธารณะ ▪ ไมบ่ อกรหสั ผ่านใหก้ ับผอู้ ื่น ▪ หลกี เลย่ี งการบนั ทึกรหสั ผ่านไว้ในที่ตา่ งๆ เชน่ ในกระดาษ ในโทรศพั ท์ ในคอมพวิ เตอร์ ▪ เปล่ียนรหัสผา่ นเป็นประจา ▪ ออกจากระบบทกุ ครั้งหลงั ใช้งานเสร็จ
การป้องกนั ภัยคกุ คาม 4. การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภยั ▪ ศึกษาวธิ ใี ช้งาน คาแนะนา ในการใช้งานเทคโนโลยสี ารสนเทศ เพอ่ื ให้มีความรู้ ความเขา้ ใจ และ สามารถใชง้ านได้อยา่ งถูกต้องและมีประสิทธิภาพ ▪ ไมใ่ ชบ้ ญั ชรี ่วมกบั ผ้อู ่นื และเกบ็ รหัสผ่านเป็นความลบั ▪ สารองข้อมลู และเก็บขอ้ มูลไวห้ ลายแหลง่ ▪ ไม่ตดิ ตงั้ ซอฟต์แวร์ทไี่ มน่ ่าเชื่อถือ หรอื ดาวน์โหลดจากแหล่งท่ีมาทไ่ี มน่ า่ เชอื่ ถอื ▪ ปฏิบตั ิตามกฎ กติกา คาแนะนา และมารยาทในการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ ▪ ไม่เข้าใช้งานเวบ็ ไซต์ที่ไม่เหมาะสม หรอื เวบ็ ไซต์ทไ่ี มม่ ีความน่าเช่อื ถือ ▪ ตดิ ต้ังโปรแกรมปอ้ งกนั ไวรัสคอมพวิ เตอร์ ปรับปรงุ ระบบปฏบิ ัตกิ ารใหเ้ ป็นปัจจบุ นั ▪ สังเกตความผดิ ปกตทิ ีเ่ กดิ ขน้ึ เมื่อใช้งาน ▪ ระวังการใชง้ าน เพราะอาจตกเปน็ เหยื่อมจิ ฉาชีพ
การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ จรรยาบรรณทผ่ี ู้ใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอรเ์ น็ตยดึ ถอื ไว้เพอื่ ปฏิบตั ิ 1. ไมใ่ ชค้ อมพิวเตอรท์ ารา้ ยหรือละเมดิ สทิ ธผิ อู้ น่ื 2. ไมก่ อ่ กวนผอู้ น่ื 3. ไม่สอดแนมหรอื แกไ้ ขเปิดดใู นแฟม้ ของผ้อู ่นื กอ่ นไดร้ บั อนญุ าต 4. ไม่ใชค้ อมพิวเตอรเ์ พอื่ การโจรกรรมข้อมลู ขา่ วสาร 5. ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์สรา้ งหลักฐานที่เป็นเท็จ 6. ไม่คัดลอกโปรแกรมผอู้ ื่นทมี่ ลี ิขสิทธิ์ 7. ไม่ละเมดิ การใช้ทรพั ยากรคอมพวิ เตอร์โดยท่ตี นเองไม่มสี ิทธ์ิ 8. ไมน่ าเอาผลงานของผอู้ ืน่ มาเป็นของตน 9. คานึงถงึ สิ่งทจ่ี ะเกดิ ขน้ึ กับสังคมจากการกระทาของตน 10. ใชค้ อมพวิ เตอรโ์ ดยเคารพกฎระเบยี บ กติกามารยาท
ลขิ สิทธ์ิ (Copyright) ลขิ สทิ ธเิ์ ป็นสิทธิทางกฎหมายทีก่ ฎหมายของประเทศหนึง่ ๆ สรา้ งข้ึน ซ่ึงให้สทิ ธิแตผ่ ้เู ดยี ว ทาใหผ้ ลงาน ท่มี ีลิขสทิ ธิ์ ผู้ใช้หรือผซู้ ้ือไม่สามารถนาไปเผยแพร่ โดยไม่ไดร้ บั อนุญาตจากผถู้ ือสิทธิไ์ ด้ พจนานกุ รม ฉบับราชบัญฑติ ยสถาน พ.ศ.2554 ได้ใหค้ วามหมายวา่ ลขิ สทิ ธ์ิ หมายถึง สทิ ธิทาง วรรณกรรม ศิลปกรรม และประดิษฐกรรม ซึ่งผเู้ ป็นต้นคิดได้รบั การคุ้มครองตามกฎหมาย กรมทรัพย์สนิ ทางปัญญา กระรวงพาณิชย์ ไดใ้ ห้ความหมายว่า ลิขสทิ ธิ์ คอื สิทธิแต่เพยี งผ้เู ดียวทจ่ี ะ กระทาการใดๆ เกีย่ วกบั งานท่ีผู้สรา้ งสรรคไ์ ดร้ ิเริม่ โดยการใช้สติปญั ญา ความรู้ ความสามารถ และความ อตุ สาหะของตน ในการสร้างสรรค์ โดยไมค่ ดั ลอกของผ้อู นื่ ผสู้ รา้ งสรรค์จะได้รบั ความคมุ้ ครองทนั ทีโดยไม่ต้อง จดทะเบียน ลขิ สทิ ธ์ิ (Copyright)
สัญญาอนุญาตครเี อทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons:CC) ครเี อทฟี คอมมอนส์ คอื ชดุ สัญญาอนุญาตแบบเปดิ กวา้ ง หรือสัญญาอนญุ าตใหใ้ ชง้ านไดต้ าม ขอ้ กาหนดสัญญาอนุญาต เน่อื งจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆ ทมี่ ลี ขิ สทิ ธ์ิ อาจมีคา่ ใช้จา่ ย ซง่ึ ทาใหป้ ดิ โอกาสในการเรยี นรู้ ครีเอทฟี คอมมอนส์ จึงพัฒนาสญั ญาอนุญาตที่ทาให้ผู้ใช้สามารถใชง้ าน และเผยแพรผ่ ลงานภายใต้เง่ือนไขท่กี าหนดโดยไมต่ ้องเสียค่าใชจ้ ่าย เปน็ การเพมิ่ โอกาสการเรยี นรู้ เพยี งแตต่ ้องทาตามเงอื่ นไขท่ีกาหนดไว้ เชน่ อา้ งองิ แหล่งท่มี า ไม่ใช้เพื่อการค้า หรอื คงต้นฉบบั ไว้ แต่ เจ้าของผลงานยังเปน็ ผ้ถู อื ครองสิทธเ์ิ ช่นเดิม สัญญาอนญุ าตครเี อทฟี คอมมอนส์ (Creative Commons:CC)
สญั ญาอนุญาตครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons:CC)
ตัวอยา่ งเวบ็ ไซตท์ ่ีใช้สัญญาอนุญาต ครีเอทฟี คอมมอนส์ (Creative Commons) 1. วกิ พิ ีเดีย (Wikipedia) เปน็ เว็บไซต์สารานกุ รมเสรี ที่ รวบรวมขอ้ มูลต่างๆ ไว้มากมาย ทั้งน้ียังอนุญาตให้เพิ่มเติม แก้ไขข้อมลู ไดอ้ กี ดว้ ย โดยสามารถเขา้ ใช้งานได้ที่ https://th.wikipedia.org/wiki/
ตวั อยา่ งเวบ็ ไซตท์ ใี่ ชส้ ัญญาอนญุ าต ครีเอทีฟคอมมอนส์ (Creative Commons) 2. เว็บไซต์ของสถาบนั วิจัยเพือ่ พัฒนาประเทศไทย (TDRI) เปน็ สถาบนั วิจัยเชงิ นโยบาย เป็นองคก์ รเอกชนท่ี ไม่แสวงผลกาไร สามารถเขา้ ใช้งานได้ที่ https://tdri.or.th/
Search
Read the Text Version
- 1 - 13
Pages: