บทท่ี 6 การจดั การและวินยั ในชั้นเรยี น ลกุ จากท่ีนงั่ - การจดั การช้นั เรียน พดู คาหยาบ - การปรับพฤติกรรม
จุดประสงคข์ องการเรียน • นกั ศกึ ษาสามารถอธิบายความหมายและความสาคญั ของการจดั การชนั้ เรียนที่มี ประสทิ ธิภาพได้ • นกั ศกึ ษาสามารถออกแบบแนวทางการแก้ปัญหาพฤติกรรมที่ไมพ่ งึ ประสงคใ์ นชนั้ เรียนได้อยา่ งเหมาะสม
หอ้ งเรียนน้มี ีปญั หาอะไรบา้ ง ?
การจดั การช้นั เรยี น (Classroom Management) หมายถงึ พฤตกิ รรม หรอื เทคนิคของครูในการดาเนินกิจกรรม ที่กาหนดขน้ึ / สร้างสภาพแวดลอ้ มเชงิ บวกเพือ่ การเรยี นรู้ / ปราศจากพฤตกิ รรมทีเ่ ป็นปัญหา
จดั การหอ้ งเรียนเพือ่ ? สรา้ งเสรมิ การเรียนรูท้ ีม่ ปี ระสทิ ธิ์ภาพ / มงุ่ เน้นและ ส่งเสริมใหน้ กั เรียนสามารถกากบั ตนเอง (Self-Regulation) / ได้มีส่วนรว่ มในการเรียน / มีการคิดข้ันสูง / สรา้ งองค์ความรู้ ผ่านการมีปฎสิ ัมพันธ์ทางสงั คม / มวี นิ ยั ในตนเอง (Self- Discipline) มากข้ึน
เปา้ หมายของการจดั การชน้ั เรียน 1. การเขา้ รว่ มในการเรียนรู้
เปา้ หมายของการจดั การชน้ั เรียน 2. การใหเ้ วลาแหง่ การเรยี นร้มู ากข้นึ
2. การใหเ้ วลาแหง่ การเรยี นร้มู ากข้นึ นอ้ ย ใช้เวลาทากิจกรรม มาก การเรยี นรู้
2. การให้เวลาแห่งการเรยี นรมู้ ากขน้ึ เวลาแหง่ การเรียนรู้เชิงวิชาการ (Academic Learning Time) มีกลยทุ ธ์ดงั นี้ 1.ดาเนินกจิ กรรมให้ลน่ื ไหล (ตอ้ งไม่หยุดสอนกลางคนั ) 2.การใชเ้ วลาในการเชอ่ื มโยงกิจกรรมหนงึ่ ไปอีกกจิ กรรมหนง่ึ ใหน้ ้อยท่ีสดุ 3.การทาให้ผู้เรียนทางานอย่างต้งั ใจ ต้องอธิบายให้ผู้เรยี นทราบว่าตอ้ งทา อะไร ทาแลว้ มีประโยชนอ์ ยา่ งไร มีเวลาในการทางานเท่าไร หากเจอ ปัญหาแก้อยา่ งไร และเม่อื ทางานเสร็จแล้วควรทาอย่างไร
3. การจดั การตนเอง การจดั การชัน้ เรยี นเปน็ การชว่ ยใหผ้ เู้ รยี นสามารถ จดั การตนเอง (Self- Management) ให้ดีขึ้น หากครผู ้สู อนมุง่ แต่ บน่ หรอื ตาหนนิ กั เรยี น (นักเรียนก็ตอ้ งคอยทาตามกฏทคี่ รสู ง่ั ) ……..แตค่ รู ควรจัดการเรยี นรทู้ ี่ส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นสามารถจัดการ การบ่น การตาหนิ ตนเองได้ (จดั การพฤติกรรมตนเอง และ รับผิดชอบในการกระทา เปน็ การใช้เวลาไป ของตนเอง) เชน่ การเรียนรูแ้ บบรว่ มมอื การเรียนรูโ้ ดยใชป้ ัญหา เป็นฐาน กบั การตรวจสอบ และแกไ้ ขพฤตกิ รรม ของผู้เรยี น แต…่ ….
คลิป ดูใหร้ ู้ - โรงเรียนญ่ีป่ ุน Dohiru 学校 01 • https://www.youtube.com/watch?v=z7PL upVkv_w
กฎ ระเบียบในชน้ั เรียน การพฒั นาวินยั ใน ช้นั เรยี น ดว้ ยการ ครตู อ้ งเผชิญกับเดก็ ทีแ่ ตกต่างกัน บคุ ลกิ ภาพ กาหนดกฏ จงึ เป็น แรงจูงใจ ความถนดั การคิด สไตล์การเรียน หากครไู ม่ ส่งิ สาคัญเพอ่ื สามารถจัดการไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ กระบวนการเรียนร้กู ็ ป้องกนั ปัญหาต่างๆ จะเกดิ ปัญหาได้ ท่ีจะเกดิ ข้นึ
ใหน้ กั ศึกษา ยกตวั อยา่ ง กฎของหอ้ งเรยี น
กฎ เปน็ ขอ้ บังคับวา่ ดว้ ยพฤตกิ รรมของผูเ้ รียนที่ถกู คาดหวงั และท่ีหา้ มปฎบิ ัติในชัน้ เรียน ก่อนทผ่ี สู้ อนจะกาหนด กฎตา่ งๆ ครผู สู้ อนจะต้องคานึงบรรยากาศในชั้นเรยี นท่ี กฎ ท่กี าหนด ควร ต้องการใหเ้ กิด เปน็ ลกั ษณะเชงิ บวก และ วดั ได้ สงั เกต ได้ และ ควรเป็นกฏ ทว่ั ไปที่ครอบคลุม พฤติกรรมย่อยๆได้
กิจวัตร และ วธิ ปี ฎบิ ัติ กจิ วตั ร และ วิธีปฎบิ ตั ิ เปน็ การอธิบายวา่ กิจกรรม ในช้ันเรยี นจะประสบความสาเร็จได้อยา่ งไร ซ่งึ ครูผสู้ อน มักจะมองขา้ มท่ีจะแจง้ ใหผ้ เู้ รยี นรบั ทราบเก่ียวกับสิ่งเหล่านี้ ดงั นน้ั ……..
กิจวัตร และ วิธปี ฎบิ ตั ิ ครูควรแจง้ ให้ 1. กาหนดวธิ ีปฎิบตั ใิ นการบารงุ รกั ษาอุปกรณ์ต่างๆในชัน้ เรียน การ นกั เรียนทราบ เกยี่ วกบั กิจวัตรที่ เก็บสิง่ ของตา่ งๆ นักเรียนทตี่ ้องทาเปน็ 2. กาหนดวิธีปฎิบัติเม่ืออยูใ่ นห้องเรียน/นอกหอ้ งเรียน ประจาและควรเป็น 3. กาหนดความหมายของสญั ญาณตา่ งๆ การเปิดปิดไฟ การได้ยนิ ส่งิ ท่ีต้องร่วมกนั รบั ผดิ ชอบในโรงเรยี น เสยี งกระดง่ิ 4. กาหนดวิธปี ฎบิ ัติในการมีส่วนร่วมในห้องเรียน 5. กาหนดวิธกี ารสอื่ สาร รวบรวมงาน และสง่ คืนงานใหแ้ ก่ผเู้ รยี น กาหนดสถานทรี่ ับ สง่ งาน
สรปุ กฎ และ ระเบยี บในช้นั เรยี น คอื ?
นกั ศกึ ษาสามารถอธิบายความหมายและความสาคญั ของการจดั การชนั้ เรียนที่มีประสิทธิภาพได้
การปรับพฤติกรรม กฎ ระเบยี บ การปรับพฤตกิ รรม • เป็นสิง่ ทถี่ กู กาหนดขนึ ้ มาเพื่อให้เป็น • เป็นการนาหลกั การแห่งพฤตกิ รรม มา แนวทางในการปฎิบตั ริ ่วมกนั ในห้องเรียน ประยกุ ต์ใช้เพื่อเปล่ยี นแปลงพฤตกิ รรม ในโรงเรียน หรือ ในกลมุ่
ลกั ษณะของการปรับพฤติกรรม 1.มุง่ พฤตกิ รรมโดยตรง พฤติกรรมต้องสงั เกตเห็นได้ วดั ไดต้ รงกนั ซึ่งพฤติกรรมในทนี่ ้ี หมายถึง สิ่งทบ่ี ุคคลกระทา แสดงออก ตอบโตต้ ่อสิ่งใดส่ิงหนึ่งใน สถานการณ์ใดสถานการณ์หน่งึ ทส่ี ามารถสงั เกตเหน็ ได้ นบั ได้
ลกั ษณะของการปรับพฤติกรรม 2.ไม่ใช่คาตตี รา กา้ วร้าว โง่ ฉลาด ขเ้ี กียจ เกเร เก่ง เพราะคาเหลา่ น้ีมคี วามหมาย กว้าง ที่รวมหลายพฤตกิ รรมเขา้ ไว้ดว้ ยกนั (วัดยาก ไม่ชัดเจน) นอกจากน้ี อาจทาใหค้ นทถี่ ูกตีตราอาจจะพยายามทาตนให้มีลักษณะเหมอื นกับท่ีถกู ตี ตรา
ลกั ษณะของการปรับพฤติกรรม 3.พฤติกรรมยอ่ มเกดิ จากผลจากการเรียนรู้ในอดีต ดงั น้นั พฤติกรรมเหลา่ นสี้ ามารถปรับเปล่ียนได้โดยกระบวนการ เรยี นรู้
ลกั ษณะของการปรับพฤติกรรม 4.การปรับพฤตกิ รรมจะเนน้ ทส่ี ภาพและเวลาปจั จบุ นั เทา่ นั้น แม้พฤตกิ รรมท่เี ป็นปญั หาจะเกิดจากการเรียนรใู้ นอดีต แต่การ วางเงอ่ื นไขในปัจจุบันจะเปน็ ตวั กาหนดว่าพฤตกิ รรมน้นั จะเพิม่ ข้ึน หรอื ลดลง
ลกั ษณะของการปรับพฤติกรรม 5.การปรับพฤตกิ รรม จะเน้นวิธีทางบวกมากกวา่ การลงโทษ เพราะเป้าหมายของการปรับพฤติกรรม เน้นสร้าง/เพมิ่ พฤตกิ รรม ที่พึงประสงค์ จึงจาเป็นทจี่ ะต้องใช้วิธีการทางบวก เพอ่ื สนับสนนุ ให้เดก็ แสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์เพิม่ มากขน้ึ
ลกั ษณะของการปรับพฤติกรรม 6.วิธีการปรบั พฤตกิ รรม สามารถใชไ้ ดต้ ามลกั ษณะของแต่ละบคุ คล เนอื่ งจากบุคคลมคี วามแตกตา่ งกัน การเสรมิ แรงหรือการลงโทษ หน่งึ อาจใชไ้ ดผ้ ลกบั คนหนึง่ แตอ่ ยากใชไ้ ม่ไดก้ ับอีกคน
ความแตกต่างระหวา่ ง การปรบั พฤตกิ รรม การตดิ สนิ บน
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การจัดการเง่ือนไขผลกรรม พฒั นามาจากแนวคดิ ของทฤษฎีการเรียนรูก้ ารวางเง่อื นไขแบบ การกระทาของ B.F. Skinner เชอ่ื ว่า พฤติกรรมของบุคคลจะเพิ่มขนึ้ หรอื ลดลงเป็นผลเน่อื งมาจากผลกรรมของพฤตกิ รรมน้นั
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การเสริมแรง 1.ตัวเสรมิ แรงท่ีเป็นส่งิ ของ (ดใู หเ้ หมาะสมกับวยั ของผ้เู รยี น)
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การเสริมแรง 2.ตัวเสรมิ แรงทางสงั คม การชมเชย การยกย่อง การย้มิ การแตะตวั การเขา้ ใกล้
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การเสรมิ แรง 3.ตวั เสรมิ แรงท่เี ป็นกจิ กรรม หรอื หลกั พรีแมค็ (Premack Principle) การอนญุ าตใหว้ งิ่ เลน่ ท่ีสนามหญา้ ได้ การดูทีวี เล่นเกม
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การเสรมิ แรง 4.ตัวเสริมแรงทเี่ ป็นเบยี้ อรรถกร เปน็ การเสริมแรงทม่ี ีคุณค่าก็ตอ่ เม่อื สามารถนาไปแลกเป็นตวั เสรมิ แรงอ่นื ๆ ตัวเสริมแรงท่ีนาไปแลกได้ เรยี กว่า ตวั เสริมแรงสนับสนนุ
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การเสริมแรง 5.ตวั เสริมแรงภายใน ตวั เสรมิ แรงนี้ครอบคลมุ ความคิด ความรู้สึก ความภาคภมู ใิ จ ซง่ึ ตัว เสริมแรงจะอธิบายถึงสาเหตขุ องพฤติกรรมบางอย่าง ที่เมือ่ แสดงแล้วไม่เหน็ จะ ได้รบั ผลตอบแทนทเี่ ห็นได้ชดั
กลุ่มพฤติกรรมนิยม 5.ตวั เสรมิ แรงภายใน
กลุ่มพฤติกรรมนิยม การลงโทษ การทาให้ร่างกายเจบ็ ปวด การตาหนิ การใช้เวลานอก (Time out) การ ปรับสนิ ไหม การแก้ไขใหถ้ กู ต้องเกนิ กว่าที่ทาผิด
การลงโทษ การลงโทษ ประโยชน์ คอื ได้ผลอย่างรวดเรว็ ไม่มคี วามจาเปน็ ตอ้ งกาจัดแหลง่ ของ การเสริมแรง สามารถระงับพฤติกรรมได้สมบรู ณ์ และ มีโอกาสเป็นไปได้ ที่จะเพม่ิ พฤตกิ รรมท่พี งึ ปรารถนา
การลงโทษ การลงโทษ ขอ้ จากัด คือ ก่อใหเ้ กดิ ปญั หาทางอารมณ์ กระตุ้นใหเ้ กดิ ความก้าวรา้ ว ผลของการลงโทษมกั ไมเ่ กิดการแผข่ ยาย และ กอ่ ให้เกดิ การระงับ ความสัมพันธ์ทางสังคม
ทาแบบฝึกหัด ….ทาในคาบเรียน 10 PG
Search
Read the Text Version
- 1 - 37
Pages: