สำนักวทิ ยบริกำรและเทคโนโลยีสำรสนเทศ มหำวิทยำลยั รำชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมรำชูปถมั ภ์หลักเกณฑ์ประเมินสงิ่ สนบั สนุนกำรเรยี นรู้ กำรประเมนิ ควำมพงึ พอใจและกำรสำรวจควำมคิดเหน็
หลกั เกณฑ์ประเมนิ สิง่ สนบั สนนุ กำรเรยี นรู้ กำรประเมนิ ควำมพงึ พอใจสิ่งสนับสนนุ กำรเรียรู้และ กำรสำรวจควำมคดิ เหน็ กำรใหบ้ รกิ ำร ปีกำรศึกษำ 2557 สำนกั วทิ ยบรกิ ำรและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ มหำวทิ ยำลยั รำชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมรำชปู ถมั ภ์
หน้า 1 กำรประเมนิ ควำมพงึ พอใจส่งิ สนับสนุนกำรเรียนรู้และกำรสำรวจควำมคิดเหน็ กำรใหบ้ ริกำร สำนักวิทยบริกำรและเทคโนโลยสี ำรสนเทศ1. จดุ มุง่ หมำยของกำรประเมนิ เพอ่ื ประเมินความพึงพอใจและสารวจความความคิดเหน็ ของผูใ้ ช้บริการ ต่อคณุ ภาพสิง่ สนบั สนนุ การเรยี นรู้ของสานักวทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ประจาปีการศึกษา และงานบรกิ ารภายในต่างๆ ดงั นี้ 1. งานบริการและกิจกรรม 2. งานส่ิงพมิ พ์ตอ่ เนอื่ ง 3. งานบริการวิจยั วทิ ยานพิ นธ์ 4. งานบริการหอ้ งสมดุ กฎหมาย 5. งานบรกิ ารมมุ อาเซียน (AEC) 6. งานบรกิ ารเทคโนโลยสี ารสนเทศ 7. งานบริการโสตทัศนวสั ดุ 8. สงิ่ สนบั สนนุ การเรียนรู้ในภาพรวมทงั้ หมดของสานกั ซงึ่ มสี อดคล้องกับการประกันคณุ ภาพการศึกษาภายใน ระดับอุดมศึกษา ประจาปีการศึกษา 2557ตามเกณฑก์ ารประเมิน องคป์ ระกอบท่ี 5 การบริหารจดั การ ตวั บง่ ช้ี 5.2 ท่ีสานกั พัฒนาขน้ึ คอื การประเมินสิ่งสนบั สนนุ การเรยี นรู้ สานกั วทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ และองคป์ ระกอบท่ี 6 สิง่ สนบั สนนุ การเรียนรู้ตัวบง่ ช้ี 6.1 สงิ่ สนับสนนุ การเรียนรู้ ที่นอกเหนือจากการเรียนการสอน เพ่ือวัดระดับคุณภาพและความพร้อมได้แก่ ความพรอ้ มทางดา้ นกายภาพ เชน่ ห้องปฏิบัติการ ห้องอ่านหนังสือ และพ้ืนที่สาหรับบริการ ฯลฯ และความพร้อมของอุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ คอมพิวเตอร์ Wi-Fi และส่ิงอานวยความสะดวกหรือทรัพยากรทเ่ี อื้อตอ่ การเรียนรู้ เช่น หนังสือ ตารา สิ่งพิมพ์ วารสาร ฐานขอ้ มลู เพ่ือการสบื ค้น แหล่งเรียนรู้สื่ออิเล็คทรอนิกส์ ซ่ึงสิ่งสนับสนุนเหล่าน้ีต้องมีปริมาณเพียงพอและมีคุณภาพพร้อมใช้งาน เพื่อนาผลการประเมินในทุกๆ ด้านไปใช้เป็นข้อมูลประกอบการปรับปรุงและพัฒนาส่ิงสนับสนุนการเรียนรู้ท่ีสนองความตอ้ งการต่อผู้ใช้บริการต่อไป ปจั จัยกำหนดคุณภำพของกำรบริกำร อ้างถงึ ผลการศึกษาวจิ ัยของพาราสรุ มนั และคณะ เกย่ี วกับการประเมนิ คณุ ภาพของการบริการ ทาให้ทราบวา่ ผบู้ รโิ ภคไดใ้ ชป้ ัจจัย 10 ประการ ในการประเมินคณุ ภาพของการบรกิ าร ปัจจัยทั้ง 10 ด้าน ดังน้ีคือ(Parasuraman et al. 1985 : 41 - 50) 1. ลักษณะทางกายภาพ (Tangible) คือ สภาพที่ปรากฏให้เห็น หรือจับต้องได้ ในการให้บริการได้แก่ อาคารสถานท่ี การใช้เคร่ืองมืออุปกรณ์ เพื่ออานวยความสะดวก การแต่งกายของผู้ให้บริการ เอกสารสิง่ พมิ พ์ หรอื อุปกรณท์ ี่ใชใ้ นการติดตอ่ ส่ือสาร เป็นตน้ 2. ความนา่ เชอ่ื ถอื ของบริการ (Reliability) คอื ความสามารถในการให้บริการได้ตามคาม่ันสัญญาที่มีใหไ้ ว้อยา่ งมีคณุ ภาพและมีความถูกต้อง
หน้า 2 3. การตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ (Responsiveness) คือ การแสดงออกด้วยความเตม็ ใจทีจ่ ะชว่ ยเหลือและพร้อมจะให้บรกิ ารลูกค้าในทันทที นั ใด 4. ความเช่ียวชาญ (Competence) คือ การมีความรู้ ทักษะและความสามารถในการปฏิบัติงานบรกิ ารท่ีรบั ผดิ ชอบ 5. ความมอี ธั ยาศยั (Courtesy) คือ ความมีไมตรี มีความสุภาพ ให้เกียรติผู้อ่ืน มีความจริงใจและมีนา้ ใจ ความเปน็ มิตรและมีมนุษยสัมพนั ธ์ 6. ความน่าเช่ือถือ (Credibility) คือ มีการสร้างความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ ความซื่อสัตย์ในการให้บริการต่อผใู้ ช้ รวมทั้งมกี ารเสนอบริการที่ดีท่ีสุดแก่ผูร้ บั บริการ 7. ความปลอดภัย (Security) คือ การสร้างความมั่นใจเพ่ือให้เกิดความปลอดภัยโดยปราศจากอนั ตรายในการมาใช้บรกิ ารและจากสถานการณ์ทีม่ ีความเส่ียงจากปัญหาต่างๆ 8. การเขา้ ถงึ บรกิ าร (Access) คือ การตดิ ต่อเขา้ รับบริการ ไดด้ ้วยความสะดวกไมย่ ุ่งยาก 9. การติดต่อสื่อสาร (Communication) คือ การให้ข้อมูลและข่าวสารแก่ผู้ใช้บริการ โดยสามารถสื่อความหมายไดช้ ัดเจน ใช้ภาษาท่เี ข้าใจง่ายและรบั ฟงั ผู้ใช้บริการ 10.ความเข้าใจลูกค้า (Understanding of customer) คือ ความพยายามค้นหาและเข้าใจความต้องการของลกู คา้ ให้ความสาคัญและสามารถตอบสนองความต้องการของลกู คา้ ไดเ้ กณฑก์ ารประเมินคุณภาพบริการท้ัง 10 ดา้ น2. วัตถปุ ระสงค์ของกำรประเมินและกำรสำรวจควำมคดิ เห็น 2.1 เพ่ือวิเคราะห์ผลการประเมินความพึงพอใจส่ิงสนับสนุนการเรียรู้และสารวจความคิดเห็นคุณภาพงานบริการในแต่ละงานของ สานกั วิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ 2.2 เพอื่ รับทราบขอ้ คิดเห็นและข้อเสนอแนะในการให้บริการของ สานักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศ จากผใู้ ช้บริการ 2.3 เพ่ือประกอบการพิจารณา การประเมินผลการปฏิบัติราชการของบุคลากรภายในสานักวิทยบรกิ ารและเทคโนโลยสี ารสนเทศ 2.4 เพ่ือใช้เป็นตวั ช้วี ดั ผล ของผลการดาเนนิ กจิ กรรมตามโครงการประจาปงี บประมาณ 2.5 เพ่ือนาผลการประเมินความพึงพอใจและการสารวจความคิดเห็นของคุณภาพงานบริการมากาหนดนโยบาย วางแผนการดาเนินงาน และการพฒั นางานบรกิ ารใหม้ ปี ระสทิ ธภิ าพ3. ประโยชน์ที่คำดวำ่ จะได้รับ 3.1 เพ่อื ใหบ้ ุคลากรแต่ละหนว่ ยงานได้รับทราบผลการประเมินฯ และนาไปวางแผนการพัฒนางานบริการของหน่วยงานให้สอดคลอ้ งกบั ความต้องการของผใู้ ช้บริการ 3.2 เพื่อรับทราบข้อเสนอแนะของผู้ใช้บริการซ่ึงช่วยให้บุคลากรผู้รับผิดชอบในแต่ละหน่วยงานไดร้ บั ขอ้ มูลเพือ่ นาไปปรับปรุงการใหบ้ รกิ ารไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3.3 เพื่อเป็นตวั ชว้ี ดั ผลการปฏบิ ตั ิราชการของบุคลากรท่ีเกี่ยวขอ้ งกับงานบรกิ าร
หน้า 34. ขอบเขตกำรประเมนิ กำรประเมินควำมพงึ พอใจส่ิงสนบั สนนุ กำรเรียนรู้และกำรสำรวจควำมคิดเหน็ คณุ ภำพงำนบรกิ ำร 4.1 ขอบเขตการประเมินความพึงพอใจและการสารวจความคิดเหน็ กาหนดไว้ดังนี้ 1. งานบรกิ ารและกิจกรรม 2. งานสง่ิ พิมพต์ อ่ เน่อื ง 3. งานบรกิ ารวจิ ัย วทิ ยานิพนธ์ 4. งานบรกิ ารหอ้ งสมดุ กฎหมาย 5. งานบรกิ ารมุมอาเซยี น (AEC) 6. งานบริการเทคโนโลยสี ารสนเทศ 7. งานบริการโสตทศั นวสั ดุ 8. สิง่ สนบั สนุนการเรยี นรู้ในภาพรวมทัง้ หมดของสานัก4.2 ขอบเขตด้านระยะเวลา การประเมินความพงึ พอใจและการสารวจความคิดเห็นคุณภาพงานบรกิ ารคือ- การสารวจความคิดเหน็ การใหบ้ รกิ าร สารวจตลอดปกี ารศกึ ษา- การประเมนิ ความพงึ พอใจ ในคุณภาพงานบรกิ ารสานกั เดอื นพฤษภาคมของทกุ ปกี ารศึกษา 4.3 ขอบเขตด้านขอ้ มูลจากผู้ใชบ้ ริการ หมายถงึ บุคคลท่ีมีสิทธเ์ ข้าใช้บรกิ ารของสานกั วิทยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ ตามระเบียบสภามหาวิทยาลัยราชภฏั วไลยอลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จังหวดัปทมุ ธานี ว่าดว้ ย การใชบ้ รกิ ารสานักวิทยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ5. เคร่ืองมือและวธิ กี ำรประเมินควำมพึงพอใจและกำรสำรวจควำมคดิ เหน็ คณุ ภำพงำนบริกำร การประเมินผลต่อสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้และการให้บริการของสานักวิทยบริการและเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการประเมนิ ผลในเชงิ ปรมิ าณเพื่อวิเคราะหผ์ ลความพึงพอใจอยู่ในระดับใด ตลอดจนข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของผใู้ ช้บริการ โดยจัดเกบ็ รวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถาม ดังน้ี 5.1 แบบประเมินควำมพึงพอใจสง่ิ สนับสนุนกำรเรียนรู้ ประจำปีกำรศึกษำ เป็นเคร่ืองมือที่ใช้ในการเกบ็ รวบรวม เพือ่ การประเมนิ ข้อมลู และศกึ ษา โดยใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดงั น้ี ส่วนท่ี 1 การสอบถามข้อมูลเก่ียวกับสถานภาพของผู้ใช้บริการ ได้แก่ เพศ หญิง ชาย ประเภทนักศึกษา อาจารย์ พนักงาน คณะที่สังกัด ภาคการศึกษา ชั้นปีท่ีกาลังศึกษา ปริมาณการใช้บริการ และระยะเวลาในการเขา้ ใช้บรกิ าร เป็นตน้ ส่วนท่ี 2 การสอบถามระดบั ความพงึ พอใจต่อส่งิ สนบั สนุนการเรยี นรูห้ รือการใหบ้ รกิ ารในด้านต่างๆดงั นี้ 1. ความพร้อมดา้ นกายภาพ 2. ความพร้อมดา้ นอปุ กรณ์ (ทรพั ยากรสารสนเทศ) 3. ความพรอ้ มด้านเทคโนโลยี 4. ความพร้อมดา้ นการใหบ้ ริการ
หนา้ 4 ส่วนที่ 3 ขอ้ เสนออ่ืนๆ ต่อการปรับปรุงการให้บริการ 5.2 แบบสำรวจควำมคิดเห็นกำรให้บริกำรกบั งานต่างๆ เป็นเครอ่ื งมือท่ใี ช้ในการเก็บรวบรวม เพื่อการสารวจความคดิ เห็นและศกึ ษา โดยใชแ้ บบสอบถาม (Questionnaire) แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ดงั นี้ สว่ นท่ี 1 การสอบถามขอ้ มูลเก่ียวกบั สถานภาพของผูใ้ ช้บริการ ได้แก่ เพศ หญงิ ชาย ประเภทนกั ศกึ ษา อาจารย์ พนกั งาน คณะท่ีสังกัด ภาคการศกึ ษา ช้นั ปีที่กาลงั ศึกษา เป็นตน้ สว่ นที่ 2 การสอบถามระดบั ความคิดเหน็ กบั งานบรกิ ารตา่ งๆ 7 งาน ดงั น้ี 1. งานบริการและกจิ กรรม 2. งานสิ่งพิมพ์ตอ่ เน่อื ง 3. งานบริการวจิ ัย วิทยานพิ นธ์ 4. งานบริการหอ้ งสมุดกฎหมาย 5. งานบริการมุมอาเซียน (AEC) 6. งานบริการเทคโนโลยสี ารสนเทศ 7. งานบรกิ ารโสตทศั นวัสดุ สว่ นท่ี 3 แนะนาทรัพยากรและการบรกิ ารอื่นๆ สว่ นท่ี 4 ส่ิงที่ควรปรับปรงุ และพฒั นาเรอ่ื งใดบ้าง แบบสอบถามมลี กั ษณะเปน็ คาถามเลือกตอบ (Check List) คาถามที่เปน็ มาตรวัด แบบ Likert scaleแบ่งระดับความพงึ พอใจเปน็ 5 ระดบั ดังนี้ 5 หมายถึง ความพึงพอใจ ระดับมากที่สดุ 4 หมายถงึ ความพงึ พอใจ ระดบั มาก 3 หมายถึง ความพึงพอใจ ระดบั ปานกลาง 2 หมายถึง ความพึงพอใจ ระดับน้อย 1 หมายถึง ความพึงพอใจ ระดับน้อยทส่ี ดุ การแปลผลคะแนนการประเมินของสานกั วิทยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศได้ใช้เกณฑก์ ารให้คะแนนแบง่ ออกเป็น 5 ช่วง จากการคานวณตามสตู รหาความกวา้ งของอัตราภาคชนั้ ดงั น้ีอันตรภาคช้นั = พิสยั = จานวนชน้ั = คะแนนสูงสุด – คะแนนตา่ สุด = จานวนช้ัน 5-1 5 0.80
หนา้ 5คะแนนเฉลี่ย ควำมหมำยถึง1.00 – 1.80 ผลการประเมินอยู่ในระดับนอ้ ยท่สี ุด1.81 – 2.60 ผลการประเมนิ อยู่ในระดบั น้อย2.61 – 3.40 ผลการประเมนิ อยใู่ นระดับปานกลาง3.41 – 4.20 ผลการประเมนิ อยู่ในระดบั มาก4.21 – 5.00 ผลการประเมนิ อยู่ในระดบั มากที่สดุ6. กำรกำหนดขนำดตัวอยำ่ ง การกาหนดกลุม่ ตัวอยา่ งมีความจาเป็นอย่างย่ิง ท้ังนี้เนื่องจากการเก็บข้อมูลกับประชากรทุกหน่วยอาจทาให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่สูงมาก และบางคร้ังเป็นเรื่องท่ีต้องตัดสินใจ ภายในเวลาจากัด การเลือกศกึ ษาเฉพาะบางส่วนของประชากรจงึ เปน็ เร่อื งที่มีความจาเปน็ เพื่อให้มีความเข้าใจในการเลือกตัวอย่างจะขอนาเสนอความหมายของคา่ ท่ีเกย่ี วข้อง ดังนี้ควำมหมำยของคำทเี่ ก่ยี วขอ้ ง ประชากร (Population) สมาชกิ ทกุ หนว่ ยของสง่ิ ท่สี นใจศึกษา ซงึ่ ไมไ่ ด้หมายถึงคนเพียงอย่างเดียวประชากรอาจจะเป็นส่ิงของ เวลา สถานที่ ฯลฯ เช่นถ้าสนใจว่าความคิดเห็นของคนไทยท่ีมีต่อการเลือกต้ังประชากร คือคนไทยทุกคน หรือถ้าสนใจอายุการใช้งานของเคร่ืองคอมพิวเตอร์ย่ีห้อหนึ่งประชากรคือเครื่องคอมพิวเตอร์ย่ีห้อน้ันทุกเคร่ือง แต่การเก็บข้อมูลกับประชากรทุกหน่วยอาจทาให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายท่ีสูงมากและบางคร้ังเปน็ เรื่องทีต่ อ้ งตัดสินใจภายในเวลาจากัด การเลอื กศกึ ษาเฉพาะบางส่วนของประชากรจึงเป็นเรอื่ งทมี่ ีความจาเปน็ เรยี กวา่ กลุม่ ตวั อยา่ ง กลุม่ ตัวอย่าง (Sample) หมายถึงสว่ นหน่ึงของประชากรที่นามาศึกษาซึ่งเป็นตัวแทนของประชากรการท่กี ล่มุ ตัวอยา่ งจะเปน็ ตวั แทนที่ดขี องประชากรเพอ่ื การอา้ งอิงไปยังประชากรอย่างนา่ เชื่อถือได้น้ันจะต้องมีการเลือกตัวอย่างและขนาดตัวอย่างท่ีเหมาะสม ซ่ึงจะต้องอาศัยสถิติเข้ามาช่วยในการสุ่มตัวอย่างและการกาหนดขนาดของกลุม่ ตวั อย่าง การสมุ่ ตวั อยา่ ง (Sampling) หมายถงึ กระบวนการไดม้ าซงึ่ กลุ่มตัวอย่างที่มคี วามเป็นตัวแทนที่ดีของประชากรประเภทของกำรสุ่มกลมุ่ ตวั อยำ่ ง วธิ ีการสุ่มตวั อย่างแบ่งเปน็ 2 ประเภทใหญๆ่ คือ 1. กำรสมุ่ ตวั อย่ำงโดยไมใ่ ช้ควำมน่ำจะเป็น (Nonprobability sampling) เป็นการเลือกตัวอย่างโดยคานงึ วา่ ตัวอยา่ งแต่ละหน่วยมีโอกาสถูกเลือกมากนอ้ ยเทา่ ไร ทำใหไ้ ม่ทรำบควำมน่ำจะเป็นท่ีแต่ละหน่วยในประชำกรจะถูกเลือก กำรเลือกกลุ่มตัวอย่ำงแบบนี้ไม่สำมำรถนำผลท่ีได้อ้ำงอิงไปยังประชำกรได้แต่มีควำมสะดวกและประหยดั เวลำและคำ่ ใช้จำ่ ยมำกกว่ำ ซ่งึ สำมำรถทำไดห้ ลำยแบบ ดังนี้
หน้า 6 1.1 การเลือกกลุ่มตวั อย่างแบบบังเอิญ (Accidental sampling) เปน็ การเลือกกลุ่มตัวอย่างเพ่ือให้ไดจ้ านวนตามต้องการโดยไม่มหี ลกั เกณฑ์ กลุ่มตัวอย่างจะเปน็ ใครกไ็ ด้ท่ีสามารถให้ขอ้ มูลได้ 1.2 การเลอื กกลุ่มตัวอย่างแบบโควตา (Quota sampling) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยคานึงถึงสดั ส่วนองค์ประกอบของประชากร เชน่ เมอื่ ตอ้ งการกลุม่ ตวั อยา่ ง 100 คน ก็แบง่ เป็นเพศชาย 50 คน หญิง 50คน แลว้ กเ็ ลอื กแบบบังเอญิ คอื เจอใครก็เลอื กจนครบตามจานวนท่ีต้องการ 1.3 การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive sampling) เป็นการเลือกกลุ่มตัวอย่างโดยพิจารณาจากการตดั สนิ ใจของผวู้ จิ ัยเอง ลักษณะของกลุ่มท่ีเลอื กเป็นไปตามวตั ถปุ ระสงค์ของการวิจัยการเลือกกลุ่มตวั อยา่ งแบบเจาะจงตอ้ งอาศัยความรอบรู้ ความชานาญและประสบการณ์ในเรื่องน้ันๆ ของผู้ทาวิจัย การเลือกกลุม่ ตวั อย่างแบบนมี้ ีชอื่ เรียกอีกอยา่ งว่า Judgement sampling 2. กำรสุ่มตัวอย่ำงโดยใช้ควำมน่ำจะเป็น (Probability sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยสามารถกาหนดโอกาสที่หน่วยตัวอย่างแต่ละหน่วยถูกเลือก ทาให้ทราบความน่าจะเป็นท่ีแต่ละหน่วยในประชากรจะถกู เลอื ก การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบน้ีสามารถนาผลท่ีได้อ้างอิงไปยังประชากรได้ สามารถทาได้หลายแบบ ดังน้ี 2.1 การสุ่มตัวอย่างแบบง่าย (Simple random sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยถือว่าทุกๆหน่วยหรือทุกๆ สมาชิกในประชากรมโี อกาสจะถูกเลือกเทา่ ๆกนั การสุ่มวิธีน้ีจะต้องมีรายช่ือประชากรทั้งหมดและมีการใหเ้ ลขกากับ วิธีการอาจใช้วิธกี ารจับสลากโดยทารายช่ือประชากรท้ังหมด หรือใช้ตารางเลขสุ่มโดยมีเลขกากับหน่วยรายชอ่ื ท้ังหมดของประชากร 2.2 การสุ่มตัวอย่างแบบเป็นระบบ (Systematic sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยมีรายช่ือของทกุ หน่วยประชากรมาเรียงเปน็ ระบบตามบัญชเี รียกชื่อการสุ่มจะแบ่งประชากรออกเป็นช่วงๆ ท่ีเท่ากันอาจใช้ช่วงจากสดั สว่ นของขนาดกลุ่มตัวอยา่ งและประชากร แล้วสุ่มประชากรหน่วยแรก ส่วนหน่วยต่อๆ ไปนับจากชว่ งสัดสว่ นที่คานวณไว้ 2.3 การสุ่มตัวอย่างแบบช้ันภูมิ (Stratified sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยแยกประชากรออกเป็นกลุ่มประชากรย่อยๆ หรือแบ่งเป็นช้ันภูมิก่อน โดยหน่วยประชากรในแต่ละชั้นภูมิจะมีลักษณะเหมอื นกัน (homogenous) แล้วสุม่ อยา่ งงา่ ยเพ่ือให้ได้จานวนกลมุ่ ตัวอย่างตามสัดส่วนของขนาดกลุ่มตัวอย่างและกล่มุ ประชากร 2.4 การสมุ่ ตัวอย่างแบบกลุ่ม (Cluster sampling) เป็นการสุ่มตัวอย่างโดยแบ่งประชากรออกตามพ้นื ที่โดยไมจ่ าเปน็ ตอ้ งทาบญั ชีรายชื่อของประชากร และส่มุ ตัวอย่างประชากรจากพ้ืนที่ดังกล่าวตามจานวนท่ีต้องการแล้วศึกษาทุกหน่วยประชากรในกลุ่มพื้นที่น้ันๆ หรือจะทาการสุ่มต่อเป็นลาดับข้ันมากกว่า 1 ระดับโดยอาจแบ่งพื้นที่จากภาค เป็นจังหวัด จาก จังหวัดเป็นอาเภอ และเร่ือยไปจนถึงหมู่บ้านนอกจากน้ีการสุ่มตัวอย่างยงั สามารถเลือกสุ่มตวั อยา่ งผสมระหว่างแบบง่ายแบบชน้ั ภมู แิ ละแบบกลมุ่ ดว้ ยกไ็ ด้
หนา้ 7กำรใช้ตำรำงสำเร็จรปู การกาหนดขนาดของกลุ่มตัวอยา่ งดว้ ยตารางสาเร็จรปู มอี ยู่หลายประเภท ขึ้นอยู่กับ ความต้องการของผวู้ ิจัย ตารางสาเร็จรูปท่ีนิยมใช้กันในงานวิจยั เชิงสารวจ ได้แก่ ตารางสาเร็จของทาโร ยามาเน่ และตารางสาเร็จรูปของเครจซ่แี ละเมอรแ์ กน เปน็ ตน้ตำรำงสำเรจ็ ของทำโร ยำมำเน่ ตารางสาเร็จรูปของ ทาโร ยามาเน่ (Yamane, 1973 อา้ งใน ธรี วุฒิ เอกะกุล, 2543) เป็นตารางท่ีใช้หาขนาดของกลุ่มตัวอย่างเพื่อประมาณค่าสัดส่วนของประชากร โดยคาดว่าสัดส่วนของลักษณะที่สนใจในประชากร เทา่ กบั 0.5 และระดับความเชื่อมั่น 95% ดังตารางท่ี 1 วิธีการอ่านตารางผู้วิจัยจะต้องทราบขนาดของประชากร และกาหนดระดับความคลาดเคล่ือนท่ียอมรับได้ เช่น ต้องการหาขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากประชากรทม่ี ีขนาดเท่ากับ 2,000 คน ความคลาดเคล่ือนท่ีผู้วิจัยยอมรับได้เท่ากับ 5% ขนาดของกลุ่มตัวอย่างทต่ี อ้ งการจะเท่ากบั 333 คน เป็นตน้
หนา้ 87. กำรดำเนินงำน7.1 สานักจัดทาเกณฑ์การประเมินความพึงพอใจสิ่งสนับสนุนการเรียนรู้ และการสารวจความคิดเห็นกบั งานบรกิ าร เสนอในทปี่ ระชมุ ระดบั หวั หนา้ งานเพ่อื พิจารณาเหน็ ชอบ และมอบหมายผู้รบั ผิดชอบ7.2 สานักจัดทาแบบสารวจความคิดเห็นการให้บริการกับงานต่างๆ วางกล่องแสดงความคิดเห็นณ จุดบริการ 5 จดุ ตลอดปกี ารศึกษา การสรุปผลการประเมนิ แบง่ เปน็ 2 รอบรอบที่ 1 ระหวา่ งเดอื นพฤศจกิ ายน – กุมภาพันธ์ (ปีถัดไป) จานวน 100 ชุดรอบที่ 2 ระหวา่ งเดือนมิถุนายน – กันยายน จานวน 100 ชดุ7.3 สานักกาหนดขนาดตัวอย่างท่ีเหมาะสมสาหรับประเมินความพึงพอใจส่ิงสนับสนุนการเรียนรู้คอื กำรเลือกตัวอย่ำงแบบเจำะจงโดยเก็บข้อมูลจำกประเมินทุกคณะ (การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงPurposive sampling เปน็ การเลือกกล่มุ ตัวอยา่ งโดยพิจารณาจากการตัดสินใจของผู้ทางานเอง ลักษณะของกลุ่มทเี่ ลือกเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการทางาน การเลือกกลุ่มตัวอย่างแบบเจาะจงต้องอาศัยความรอบรู้ความชานาญและประสบการณใ์ นเร่ืองนนั้ ๆ ของผู้ดาเนนิ การ)7.4 สานักจัดทาแบบประเมินความพึงพอใจส่ิงสนับสนุนการเรียนรู้สานัก (ภาพรวม) มอบหมายหน้าทร่ี บั ผดิ ชอบในการเกบ็ ขอ้ มูล ระหวา่ งเดือนเมษายน-พฤษภาคม ของทกุ ปีการศึกษา7.5 แจกและเกบ็ แบบสอบถำมกลบั ให้ไดค้ รบทุกคณะ จากผู้ใช้บริการท้ังหมด รวมกันจำนวนไมน่ ้อยกวำ่ 400 ชุด ตรวจสอบความสมบูรณ์ ของแบบสอบถามท่ไี ด้รับคนื มาเพื่อการวิเคราะห์ข้อมลู ต่อไป7.6 วเิ คราะหข์ อ้ มูลจากแบบประเมนิ ความพึงพอใจและแบบสารวจความคดิ เห็นที่มีความสมบูรณ์7.7 รายงานผลต่อผู้บริหาร หัวหน้างานและผู้เกี่ยวข้อง เพื่อดาเนินการจัดทาแผนพัฒนาและปรบั ปรงุ การบริการที่สนองความตอ้ งการของผูใ้ ช้บรกิ าร8. กำรวิเครำะหข์ ้อมูล การวเิ คราะห์ข้อมูลปัจจัยลักษณะส่วนบุคคลเป็นการวิเคราะห์โดยใช้ค่าความถ่ี (Frequency) และรอ้ ยละ (Percentage) การวิเคราะห์ข้อมูลเก่ียวกับการให้บริการ คือวัดระดับความพึงพอใจของผู้ใช้บริการ/การสารวจระดับความคิดเหน็ ใช้คา่ ความถี่ รอ้ ยละ ค่าเฉล่ีย (Mean) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standarddeviation) การประเมินความพึงพอใจและการสารวจความคดิ เหน็ คุณภาพงานบริการเปน็ การวัดระดับความพึงพอใจและการสารวจความคิดเห็น เพ่ือนาผลการประเมินความพึงพอใจและการสารวจความคิดเห็นของคณุ ภาพงานบรกิ ารมากาหนดนโยบาย วางแผนการดาเนินงาน และการพัฒนางานบริการสานักวิทยบริการและเทคโนโลยสี ารสนเทศให้มปี ระสิทธิภาพตอ่ ไป (อาจารย์ไชย มีหนองหวา้ ) ผ้อู านวยการสานกั วทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ภำคผนวกหนังสอื มอบหมายคณะกรรมการดาเนนิ งานแบบประเมนิ ความพงึ พอใจสิง่ สนบั สนุนการเรยี นรู้แบบสารวจความคิดเห็น 7 งาน 1. งานบริการและกจิ กรรม 2. งานส่ิงพิมพ์ต่อเนอ่ื ง 3. งานบรกิ ารวิจัย วทิ ยานิพนธ์ 4. งานบรกิ ารห้องสมุดกฎหมาย 5. งานบริการมมุ อาเซยี น (AEC) 6. งานบรกิ ารเทคโนโลยีสารสนเทศ 7. งานบริการโสตทัศนวัสดุ
หนงั สอื มอบหมำยคณะกรรมกำรดำเนนิ งำน
แบบประเมินควำมพงึ พอใจสิ่งสนบั สนนุ กำรเรียนรู้ สานกั วทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ
แบบสำรวจควำมคิดเหน็ สานกั วทิ ยบรกิ ารและเทคโนโลยีสารสนเทศ
ดำ้ นหลังแบบสำรวจควำมคดิ เหน็
ท่ีปรึกษำอาจารยไ์ ชย มหี นองหวา้ ผอู้ านวยการผู้ช่วยศาสตราจารยท์ ักษณิ า วไิ ลลักษณ์ รองผอู้ านวยการอาจารย์กมลมาศ วงษ์ใหญ่ รองผู้อานวยการน.ส.อฉั ราภรณ์ เอ่ียมสถาน รองผอู้ านวยการนางรชั นีกร ดวงอาจ หัวหน้าสานักงานคณะทำงำนอาจารยก์ มลมาศ วงษ์ใหญ่ ประธานกรรมการนางรัชนีกร ดวงอาจ กรรมการนางปยิ นนั ท์ ลีละชาต กรรมการนายอภชิ าติ หนั ชะโด กรรมการนางสาวกรรณกิ า เทพนวล กรรมการนางสาวทพิ าตนิ นั ท์ สุดแจง้ กรรมการนายปริญญา หงษท์ อง กรรมการนายอภชิ าติ หนั ชะโด กรรมการนางสาวจิราภรณ์ ปานเทวัญ กรรมการนางสาวพทั ธนนั ท์ แสงปาก กรรมการและเลขานุการนางสาวรัตติกาล มีเกาะ ผู้ช่วยกรรมการและเลขานุการรวบรวมข้อมลู และจัดทำน.ส.พัทธนนั ท์ แสงปาก (งานประกันคุณภาพหน่วยงาน)สานกั วิทยบรกิ ารและเทคโนโลยสี ารสนเทศโทร. 0 - 2529 - 1976 ตอ 16
สอบถำมขอ้ มูลเพ่ิมเติมสถำนท่ี : ชน้ั 1 อำคำรหอสมดุ กลำงโทรศพั ท์ : 0-2529-1967ตอ่ 16 : งำนประกนั คุณภำพหน่วยงำนWebsite : www.http://lib.vru.ac.th
Search
Read the Text Version
- 1 - 22
Pages: