Food for us makanan kita จดั ทำโดย : ยุวทตู ทศภำคี โรงเรยี นมธั ยมวดั สทุ ธำรำม สำนกั งำนเขตคลองสำน กรงุ เทพมหำนคร
สารบญั At first sight หน้า หลง ๆ ลมื ๆ 2 ลม 4 Keep Tryin 6 In the sky? 16 ซ้าย ขวา ซา้ ย 24 อนาคต 29 Sky line 34 39
First A“ t first sight” we eat “เพราะอาหารเปน็ สงิ่ ท่หี ลอ่ เลยี้ งชวี ติ ทุกชีวิตจงึ ตอ้ งการอาหาร” คากล่าวนี้แสดงให้เห็นถึงความสาคัญของอาหาร ที่มีต่อทุกชีวิตบนโลกใบนี้ then อาหารเป็นกลไกในการขับเคลื่อนโลกให้หมุนไปในทุกยุคทุกสมัย ทั้งทางตรง และทางออ้ ม ดงั นั้นอาหารจงึ เป็นสิ่งท่ีมนุษย์ควรให้ความสาคญั และคานงึ ถึงเป็นส่ิงแรก we do everything else. สุดของทุกวนั ... จากโอกาสที่พวกเราได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวแทน “ยุวทูตทศภาคี” M.F.K. Fisher โรงเรียนมัธยมวัดสุทธราม เพื่อการเรียนรู้เพื่อนสมาชิกอาเซียน และประชาสัมพันธ์ กรุงเทพมหานครและประเทศไทย สู่การรับรู้ของประชาคม ณ สหพันธรัฐมาเลเซีย 1 : Food for us… และสาธารณรัฐสิงคโปร์ พวกเรารู้สึกดีใจและยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ ในครั้งนี้ โอกาสที่ไม่คิดว่าจะหวนกลับมาอีกครั้ง จากภาพฝันอันเลื่อนลางในวันนั้น กลับกลายเป็นเรื่องจริงที่น่าตื่นเต้นในวันนี้ การได้ไปเยือนยังประเทศที่ได้รับ การขนานนามว่า “เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว” ในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่าง สหพันธรัฐมาเลเซีย และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ทาให้พวกเราพบเห็นสิ่งต่าง ๆ มากมาย จนเกิดข้อสงสัยว่า ประเทศที่เจริญแล้วนั้นมีการจัดการพัฒนามนุษย์โดยใช้ปัจจัยสาคัญ อย่าง “อาหาร”อย่างไร จึงเกิดเป็นหัวข้อในการทาสื่อสารคดีในครั้งนี้ คือ “Food for us” ขึ้น เพื่อมุ่งศึกษาประโยชน์ของอาหารที่ช่วยพัฒนาทรัพยากร มนุษย์ และอาหารในเชิงวัฒนธรรม เนื่องจากทั้งสองประเทศเป็นประเทศที่มีการพัฒนา ทรพั ยากรมนษุ ยไ์ ด้อย่างดีเยี่ยม อกี ทั้งยังมคี วามหลากหลายเชงิ วฒั นธรรมอีกด้วย สุดท้ายนี้พวกเราอยากขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่ได้สร้างสรรค์ และให้ความสาคัญกับโครงการนี้ ขอขอบพระคุณท่านผู้อานวยการสานักการศึกษา ท่านณัฐพงศ์ ดิษยบุตร ท่านผู้อานวยการสานักยุทธศาสตร์การศึกษา 2 : Food for us…
ท่านศุภร คุ้มวงศ์ ท่านหัวหน้ากลุ่มงานนโยบาย และแผนการศึกษา หลง ๆ ...ลืม ๆ ท่านจิรภิญญา สันนิภางกูร และพี่ ๆ จากสานักการศึกษากรุงเทพมหานคร ทุกท่านที่ได้สร้างสรรคโ์ ครงการนี้ข้ึน พร้อมให้โอกาส และสนับสนุนให้พวกเราให้ได้ไป “หลง” สาหรับฉันคาคานี้มักให้ความหมายในทางลบเสมอ ไม่ว่าจะเป็น ศึกษาดูงานในครั้งน้ี ขอขอบพระคุณ ท่านผู้อานวยการสถานศึกษาโรงเรียนมัธยม หลงทาง หลงผิด หลงรัก(คนที่ไม่ได้รักเรา) หรือลุ่มหลง เป็นต้น ยิ่งหากมาพร้อม วัดสุทธาราม ท่านปานสิริ เสาวดี ท่านรองผู้อานวยการฯ ทั้ง 3 ท่าน และคุณครู คาว่า “ลืม” แล้วด้วยน้นั ย่งิ แย่ไปกนั ใหญ่ เพราะหมายความว่า เรากาลังจะทาอะไร ที่ปรึกษาโครงการที่ให้ความช่วยเหลือ พร้อมให้คาแนะนาดี ๆ อีกมากมาย บางอย่างผิดพลาด... จากความไม่รอบคอบ และความไม่ใส่ใจของเรา ยิ่งไปกว่าน้ัน ขอขอบพระคณุ พอ่ แมผ่ ้ปู กครองทีใ่ หก้ ารสนับสนุนในทุกเรอื่ ง สุดทา้ ยน้ขี อขอบใจเพอื่ น ๆ หากคาว่า “หลงลืม” มาพร้อมกับช่วงเวลากระชั้นชิด และเรื่องที่สาคัญคงยากที่จะ ในโครงการที่อยู่เป็นเพื่อนกนั และไมท่ งิ้ กันเสมอ... บรรยายเหตกุ ารณ์ทจ่ี ะตามมาวา่ จะเป็นภาพท่ีน่าสยดสยองขนาดไหน... Food for us… ฉันเป็นคนขี้หลงขี้ลืมอยู่บ่อย ๆ ทาให้ต้องเจอเหตุการณ์ลุ้นระทึกมากมาย MSR. อย่างเช่นเรื่องการไปทาพาสปอร์ตก่อนออกเดินทาง... เช้าวันนั้นฉันจาได้ดีเลยค่ะ ว่าครูนัดฉันกับน้องอีกคนเพื่อไปทาพาสปอร์ตพร้อมกัน ครูย้านักย้าหนาว่า 3 : Food for us… ทาพาสปอร์ตต้องนาบัตรประชาชนที่ยังไม่หมดอายุไปด้วย ที่สาคัญพ่อแม่ต้องมา และต้องเป็นพ่อแม่จริง ๆ เท่านั้น พ่อเลี้ยงหรือแม่เลี้ยงไม่ได้เด็ดขาด มาพร้อมบัตร ประชาชน หากพ่อหรือแม่ไม่สะดวกต้องเขียนใบคาร้องมอบอานาจแทน และจะต้องมี ใบรับรองบุตรจากอาเภอมาเป็นหลักฐานจึงจะทาได้ ฉันตั้งใจฟังละเตรียมทุกอย่าง ตามท่คี รูบอก ท้งั นดั หมายกับพ่อแมเ่ อาไว้ที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินคลองเตย โดยครูจะพา พวกเราน่ังแทก็ ซ่ไี ป... เมื่อถึงเวลาครูก็มาตามฉันที่แถว ฉันเลยรีบหยิบบัตรประชาชนจากกระเป๋า ซึ่งครูก็พูดว่าเอาไปทั้งกระเป๋าเลยไหม แต่ฉันขี้เกียจถือเลยตัดสินใจดึงไปแค่บัตร ประชาชนไปตามเดิม... จนกระทั่งถึงที่หมายพวกเราลงรถ และรอจนพ่อแม่มาครบ แต่พอจะไปยื่นรับบัตรคิว ฉันกลับหาบัตรประชาชนไม่เจอ... สุดท้ายก็เลยโดนพ่อแม่ สวดยาวเลยค่ะ... จาเอาไว้เลยว่า บัตรสาคัญควรรักษาให้ดี และหากกลัวลืม เอามาทั้งกระเป๋าเลยค่ะ จะได้ไม่หายง่าย ๆ ในระหว่างที่คิดหาทางออกกันอยู่ พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกทางออกให้กับพวกเรานั่นคือ การทาบัตรประชาชนใหม่ 4 : Food for us…
แต่ตอ้ งทาใหเ้ สร็จก่อนเวลา 15.30 น. เน่อื งจากจะปดิ การทาพาสปอร์ต พวกเราเลย ลม... รีบไปทาบัตรใหม่ในทันที ซึ่งกว่าจะได้ทาพาสปอร์ตเวลาก็เกือบบ่าย 3 โมงเย็น... เมื่อทาเสร็จฉันก็เดินไปจ่ายค่าทาเนียม 1,000 บาท และค่าส่งด่วนพิเศษแบบ “ลม” สิ่งที่อยู่รอบตัวของเราไม่เคยห่าง หมุนคว้านาพาทุกสรรพสิ่ง 3 วันถึงอีก 60 บาท ทุกอย่างเป็นอันเสร็จสิ้นในการทาพาสปอร์ต... หลังจากนั้น ให้ปลิดปลิวล่องลอยไปกับมัน อย่างไร้รูปแบบ และยากคาดเดา ในบางครั้งลมช่วยให้ อกี 3 วนั พาสปอร์ตของฉันกถ็ ูกส่งตรงมาทโ่ี รงเรยี นตามคาด เรารู้สึกสงบ เย็นสบายทั้งกายใจ แต่บางครั้งกลับทาให้เราร้อนรนทั้งกายและใจ ยากเกินตั้งรับ ถึงอย่างนั้นธรรมชาติของลมที่ฉันรู้จักคือ พัดมาแล้วพัดไป แต่เรื่องความหลงของฉันยังไม่จบ เพราะ ฉันยังคงหลง และลืมอีก ไม่อยู่กับเรานาน และมักจะมาจากที่เย็นไปหาที่ร้อนเสมอ... แต่จะจริงเสมอไป เป็นระยะ ๆ เช่น ในวันเตรียมเอกสารฉันก็ดันลืมเอาสาเนาบัตรประจาตัวประชาชน หรือเปล่า อันนี้ฉันไม่ทราบได้ เพราะบางครั้งลมที่ฉันคุ้นเคยก็พัดจากที่ร้อน(น้อย) ของพ่อแม่มาให้ครู ในวันที่นัดหมายกันทางานฉันดันลืมเวลานัด เป็นอย่างนี้ประจา ไปยังที่ร้อน(มาก) จนทาให้คนที่อยู่แถวนั้น ร้อนกายร้อนใจหนักกว่าเดิม ครูเลยหาทางแก้ให้ โดยให้ฉันจดทุกอย่าง และบันทึกเตือนความจาลงในโทรศัพท์ จนแทบจะบ้าตายกนั เลยทเี ดียว... พร้อมแจ้งเตือนลวงหน้า 1 วัน และ 1 ชั่วโมงก่อนเวลาจริง ซึ่งสามารถช่วยฉัน ได้มากทีเดยี ว... วันนี้เป็นวันแรก ของการเดนิ ทางไปต่างประเทศ อาการหลง ๆ ลืม ๆ ของฉัน อาจจะเป็นอุปสรรคในการทางานอยู่บ้าง เพื่อไปทาข่าวยังประเทศ แต่ฉันก็ตั้งใจทางานที่ได้รับมาอย่างเต็มที่ ให้สมกับโอกาสที่ได้รับมา... สิงคโปร์ และประเทศมาเลเซีย อย่างเต็มความสามารถค่ะ... ฉันตื่นตั้งแต่ตี 2 เพื่ออาบน้า แต่งตัว และเก็บข้าวของ ความหลงบางครั้งก็ไม่ได้แย่เสมอไป หากหลงรักในสิ่งที่ดี และตั้งใจทามัน ทเี่ หลอื ลงในกระเป๋า พ่อกับแม่ ให้สาเร็จ... การลืมอาจเป็นสิ่งที่ดี หากเราลืมในข้อเสียที่จะบันทอนจิตใจของเรา เ ร ่ ง ฉ ั น เ พ ร า ะ ก ล ั ว ว่ า ให้รู้สึกแย่... ดังนั้นไม่ว่าจะ หลง ๆ ลืม ๆ แค่ไหน... ฉันก็จะพยายามค่ะ... จะไปไม่ทันเวลานัดหมาย กว่าทุกอย่างจะลงตัวเวลาก็เดินไปถึงตี 3 พ่อของฉัน วา่ แตฉ่ ันหยบิ เส้อื ผา้ ใสก่ ระเป๋าหรือยังนะ... เลยขับซิ่ง เพราะถนนเช้าวันจันทร์เอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่รถก็ไม่ติดอย่างที่คิด ฉันเลยถึงสนามบินประมาณตี 4 ก่อนเวลานัดถึง 1 ชั่วโมง เลยมีเวลาได้ถ่ายรูปเล่น หวงั ว่าจะไมล่ ืม... เดินดสู นามบนิ กอ่ นทจ่ี ะเรม่ิ โหลดกระเป๋ากนั เวลาประมาณตี 5 พวกเราทัง้ 9 โรงเรยี น ถูกแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ตามหัวข้อที่ทาข่าวดังที่ได้ประชุมนัดหมายกันเอาไว้ - เต้าห้ทู รงเครื่อง – พร้อมรับพาสปอร์ต กระเป๋าใสค่ ู่มือ เนมแท็ก และป้ายคล้องคอ จากพี่ไกด์ประจากลุม่ 5 : Food for us… 6 : Food for us…
ซึ่งพี่ไกด์ประจากลุ่มของฉันชื่อว่า พี่แมน เมื่อรับของเรียบร้อย พี่แมนก็แนะนา เมื่อผ่านการตรวจทุกอย่าง สิ่งต่าง ๆ ก่อนการเดินทาง เช่น ของเหลวทุกชนิด ไม่สามารถเอาขึ้นเครื่องได้ เรียบร้อยแล้ว พวกฉันก็มุ่งหน้าไปยังเกต หากเกิน 100 มิลลิลิตร ถึงแม้จะน้อยกว่า 100 มิลลิตร แต่ถ้าขวดใหญ่กว่า D8A ซึ่งระหว่างทางมีร้านขายของ 100 มิลลิตรก็เอาขึ้นไม่ได้ทิ้งสถานเดียว สเปรย์ก็เช่นเดียวกันเกิน 100 มิลลิตร ปลอดภาษี (แต่ราคาไม่ชวนโล่งใจ) ก็เอาขึ้นเครื่องไม่ได้ ของมีคมทุกชนิดถึงแม้จะเป็นเพียงแค่กรรไกรตัดเล็บก็ไม่รอด ยั่วยวนใจเต็มไปหมด พวกฉันแวะตามทาง เพาเวอร์แบงค์ความจุไฟฟ้าอยู่ที่ระหว่าง 20000 – 32000 mAh สามารถนา ไปจนกระทั่งถึงเกต ขอบอกเลยว่า ขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ก้อน หากมีความจุไฟฟ้าต่ากว่า 20000 mAh สามารถนา เดินไกลมาก ลมแทบจับ... เมื่อถึงเกตแล้ว ขึ้นเครื่องได้ไม่จากัดจานวน ขอย้าว่าให้นาขึ้นเครื่องนะคะ ห้ามโหลดลงกระเป๋า พวกเราก็นั่งรอ... จากฟ้าที่ยังมืดก็คอ่ ย ๆ เริ่มสว่างขึ้นทีละน้อย จนถึงเวลา 8 โมง ใต้เครื่องเด็ดขาด ระหว่างเขาตรวจพาสปอร์ตที่ จุดตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) นิดหน่อย เขาก็เรียกให้ขึ้นเครื่องได้ พวกฉันจึงคอ่ ย ๆ เดินเข้าไปเกตไป... โดยในใจ ของทุกประเทศห้ามถ่ายรูปโดยเด็ดขาด และที่สาคัญที่สุดพาสปอร์ตให้ติดตัวเสมอ หวังว่าจะได้ขึ้นเครื่องเลย แต่ฝันสลายค่ะ... เพราะพวกฉันต้องต่อรถไปเพื่อขึ้นเครื่อง ห้ามวาง ห้ามทาหายโดยเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นออกนอกประเทศ หรือกลับประเทศไม่ได้ สภาพพวกเราเลยไม่ต่างจากนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนสักเท่าไหร่... เมื่อรถจอดฉันก็พบกับ นะจะบอกให้... เคร่ืองบินลาใหญ่ตรงหน้า ขึ้นบันไดเครื่องไป ก็ไดพ้ บกบั พี่ ๆ น้า ๆ แอรโ์ ฮสเตสที่คอย สง่ ย้ิมให้ ทาใหฉ้ ันรูส้ กึ คลายกังวลได้นิดหน่อย... การเดนิ ทางครง้ั นต้ี ้องราบร่นื แนน่ อน เมื่อฉันฟังพี่แมนชี้แจงเสร็จ พวกฉันก็มุ่งหน้าตามพี่แมนไปยังจุดโหลดกระเป๋า บนเครื่องบินมีภาพยนตร์ให้ดู มีเพลงให้ฟัง แต่ฉันง่วงมาก เลยเลือกนอน เป็นโรงเรียนแรก ฉันแอบตื่นเต้นนิดหน่อยกลัวว่า กระเป๋าของฉันจะน้าหนักเกิน ดีกว่า... ยังไม่ทันหลับเลยค่ะ พี่แอร์โฮสเตสก็นาอาหารมาให้ เป็นบะหมี่ผัดไก่ แต่สุดท้ายมันกลับเบาเกินคาด โล่งอกไปที ถัดจากการโหลดกระเป๋าคือการไปท่ี รสชาติอร่อย ฉันเลยกินหมดอย่างรวดเร็ว... พอหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน... จุดตรวจคนเข้าเมือง ตรงนี้ค่อนข้างวุ่นวายนิดหน่อย เพราะพวกฉันต้องผ่านจุด ฉันเลยตตี ๋ัวนอนยาวจนกระทงั้ ถึงท่หี มายประเทศสิงคโปรก์ ันเลยทเี ดยี ว... สแกนกระเป๋า ซึ่งต้องใช้เวลานิดหน่อย ข้อควรจาเลยนะคะ คือ อย่าลืมของที่อยู่ พวกฉันลงเครื่อง ผ่านการเข้าตรวจที่จุดตรวจ ซึ่งต้องยื่นใบคาร้อง ในกระเป๋ากางเกง หรอื กระโปรงค่ะ ไมว่ า่ จะเศษเหรียญ กระเป๋าสตางค์ โทรศพั ทม์ อื ถือ ขอผ่านเข้าเมือง ที่ได้เตรียมตัวกรอกไว้แล้วพร้อมพาสปอร์ต ระหว่างที่ตรวจเอกสาร เอาออกมาใส่ถาดให้หมดนะคะ ไม่งั้นได้ตรวจใหม่รอกันอีกนาน หากใครนา พี่เจ้าหน้าที่ถามฉันว่ามาจากไหน ฉันตอบว่ามาจากประเทศไทย เขายิ้มให้พร้อมย่ืน คอมพวิ เตอรโ์ นต้ บุ๊คไป ใหน้ าออกจากกระเป๋า ใสล่ งในถาด เพราะไม่เช่นนนั้ ตรวจใหม่ ลูกอมให้ฉัน นี่คือความประทับใจแรกที่เกิดขึ้นในประเทศสิงคโปร์ของฉันเลยค่ะ... เชน่ เดยี วกนั ค่ะ หลังจากผ่านจุดตรวจ และรับกระเป๋า พี่แมนก็ย้าว่า เก็บพาสปอร์ตให้ดี พร้อมใบที่ 7 : Food for us… 8 : Food for us…
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองฉีกไว้ให้ เพราะหากหายจะออกจากประเทศนี้ลาบากมาก ไม่แข็งจนเกินไป สมคาร่าลือจริง ๆ ค่ะ ฉันเลยเกบ็ ท้งั 2 อย่างทันที... กลวั ไมไ่ ด้กลับบ้านค่ะ ส่วนอาหารอย่างอื่นที่ฉันประทับใจ คือ บัวลอยแห้ง (ชื่อที่พี่เบนบอกค่ะ) มันคือ พวกฉันเดินต่อไปตามพี่แมน ในตอนแรก บัวลอยไส้งาด า คลุกกับถั่วบดกับ กค็ ดิ ว่าคงไปข้ึนรถเลย แต่ไม่ใช่คะ่ ในระหว่างทีฉ่ ันเดินคุย น้าตาล รสชาติหวามมัน มีกลิ่นหอมของถ่วั กับเพื่อน ๆ อยู่นั้น ฉันก็ได้ยินเสียงคล้ายเสียงน้าตกดัง และงาดา อรอ่ ยไปอกี แบบคะ่ มาไกล ๆ พอเงยหน้ามองขึ้นไปภาพที่อยู่เบื้องหน้า ทาให้ฉันรู้สึกประทับใจ และประหลาดใจ เพราะมันคือ พอทานเสร็จพวกเราก็ออกเดินทางต่อไปยัง S.E.A. Aquarium ระหว่าง ภาพของน ้าตกจ าลองที่ชื่อว่า “HSBC rain ทางพี่เบนเล่าเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับประเทศสิงคโปร์ให้ฟัง เช่น เรื่องของสภาพ vortex” เหมือนภาพน ้าที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ความเป็นอยู่ที่สิงคโปร์ท่ีเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงเป็นอันดับท่ี 1 ของโลก โดยไร้ซึ่งหน้าผาสูงเป็นฉากหลัง สายลมพัดละอองน้าให้ลอยล่องราวกับสายหมอก โดยมีค่าที่อยู่อาศัย และค่ารถยนต์เป็นสาธารณูปโภคที่แพงที่สุด ประเทศนี้ไม่มี เมื่อสัมผัสถูกผิวก็ทาให้รู้สึกเย็นสบาย เป็นภาพที่ฉันคิดว่าจะจดจาไปอีกนาน... ทรัพยากรธรรมชาติเป็นของตนเองโดยเฉพาะน้าจืด จึงต้องนาเข้าน้าจืด ต้นไม้ และ ยากลืมเลือน... พวกเราได้ถ่ายรูปรวมทั้งคณะที่นี่ แต่ด้วยความที่พวกเรามีจานวนมาก อาหารจากต่างประเทศ น้าดื่มในสิงคโปร์มีราคาสูง แต่เราสามารถดื่มน้าจากก๊อกได้ หากมัวยนื งงทาอะไรเชอื่ งช้าจะเสียเวลามาก เหตุการณน์ ี้จึงสอนให้รูว้ า่ ถา่ ยรูปรวมเน้น โดยไม่ต้องต้ม รัฐบาลสิงคโปร์สนับสนุนให้คนในประเทศมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ความไว เพราะหากช้าคนอื่นเดือดร้อนนะคะ หลังจากนั้นพวกฉันก็ได้เดินเล่นถ่ายภาพ อกี ประมาณ 10 นาที จึงคอ่ ย ๆ เคล่ือนย้ายตัวเองไปยังรถบสั เพื่อเดินทางต่อ... โดยมีทั้งห้องชุดของทางรัฐบาลทีร่ าคาไม่ สิ่งแรกที่ฉันก้าวเท้าออกจากสนามบิน และได้สัมผัสในประเทศสิงคโปร์ คือ สงู มากนกั และคอนโดของเอกชนที่ราคา ลมร้อนที่ร้อนไม่แพ้กรุงเทพฯ ที่วิ่งเข้ามาปะทะฉันอย่างจัง ร้อนถึงร้อนมาก พวกฉันจงึ สูงกว่าของทางรัฐถึง 3 เท่า ประชาชน รีบขึ้นรถในทนั ที ก่อนทีล่ มรอ้ น ๆ จะพดั ให้พวกฉนั ละลายหายไป... ในสิงคโปร์ถึง 93% มีบ้านเป็นของ ในระหว่างที่รถบัสพาเราไปยังร้านอาหาร พี่แมนก็แนะนาไกด์ท้องถ่ิน ตนเอง ซึ่งประมาณ 80% เป็นบ้าน ที่จะอยู่กับพวกฉันไปจนกระทั่งออกจากประเทศแห่งน้ี เธอชื่อว่า “พี่เบน” ของรัฐ เป็นต้น ฉันนั่งฟังเรื่องราว พี่เขาเป็นคนสิงคโปร์ที่พูดไทยได้ค่อนข้างชัดเจน พี่เขาเล่าเรื่องเมืองสิงคโปร์ให้ฟัง อย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งถึงที่หมาย พวกเราลงรถท่ีชั้นใต้ดินของอาคาร จนถึงร้านอาหาร มื้อแรกที่สิงคโปร์เป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ นั่นคือ ข้าวมันไก่ ซึ่งฉันยังไม่รู้ว่ามันคืออาคารอะไร แต่เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้ว ภาพที่เห็น คือ ร้านบุญตงกี่ ขอบอกเลยว่าไก่อร่อยมาเนื้อนิ่ม ถูกใจมากค่ะ ข้าวก็อร่อยไม่นิ่ม ภาพลูกโลกขนาดใหญ่ที่แสนคุ้นตา ลูกโลกหน้าสวนสนุก Universal Studio ที่เป็นแลนด์มาร์คสาคัญของประเทศสิงคโปร์ ฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่ได้เห็นลูกโลกยักษ์ 9 : Food for us… 10 : F o o d f o r u s …
ใบนี้... พวกฉันมุ่งตรงไปถ่ายรูปอย่างรวดเร็ว... ไม่มีใครรอใครค่ะ จนคุณครูเดินมา “ประเทศสิงคโปร์ เดิมชื่อว่า บอกว่า ให้มาถ่ายรูปกับท่าน ผอ.สานักการศึกษา พวกฉันเลยตั้งแถวพร้อมถ่ายรูป ”เทมาเสก” ที่หมายถึง เมืองทะเล กับท่าน เมื่อถ่ายเสร็จพี่แมนก็น าพวกเราเดินไปยัง S.E.A. Aquarium จ น ป ร ะ ม า ณ ค ร ิ ส ต ์ ศ ต ว ร ร ษ ที่ 15 พี่เบนแนะนาว่าที่นี่มีสัตว์น้าทั้งน้าเค็ม และน้าจืดกว่า ได้เปลี่ยนมาเป็น “สิงหปุรา หรือ 1 แสนชีวิต... มากมายจนฉันตกใจ แต่เมื่อไปเห็น สิงหปุรา” ที่หมายถึง นครแห่งสิงโต ของจริงยิ่งตกใจกว่า เพราะ มันทั้งสวยงาม ทั้งยุ่งเหยิง ว่ากันว่ามาจากตานานเมืองที่ว่า เจ้าชายแห่งนครศรีวิชัย ได้เดินทางมายัง และมากมาย แต่กลับสอดคล้องและลงตัวได้อย่าง เกาะแห่งนี้ และได้พบกับสิงโตเข้า จึงได้ตั้งชื่อดังกล่าวให้เป็นเกียรติกับสิงโตประจา น่าอัศจรรย์ใจ โดยเฉพาะตู้แมงกะพรุนที่เปลี่ยนสีไปมา เกาะ ต่อมาจากสิงหปุระ ได้กลายมาเป็น สิงคโปร์ในปัจจุบัน แต่เดิมชนชาวพื้นเมือง เป็นตู้ที่ทั้งสวยงาม และทั้งน่าพิศวงไปพร้อม ๆ กัน ของที่นี่ประกอบอาชีพหลัก คือ การทาประมง จนกระทั่ง เซอร์โทมัส สแตมฟอร์ด อีกด้วย ข้อสาคัญของการเดินเที่ยวที่นี่ คือ สถานที่ แรฟเฟลิ ส์ ได้เดินทางเข้ามายังเกาะแห่งนี้ และไดพ้ ัฒนาเกาะแหง่ นจ้ี นกลายเป็นเมืองท่า คนเยอะ แอบอัด ไม่ควรหยุดรอกันตามทางเดิน เพราะจะทาในคนอื่นเดินลาบาก ค้าขายสาคัญของบริษัท East India company ของประเทศมหาอานาจอย่าง หนกั ข้นึ ไปอกี ... อังกฤษ เป็นแหล่งค้าขายเครื่องเทศสาคัญ และเป็นเมืองท่าที่ประเทศมหาอานาจ ต่างหมายปอง... ประเทศสิงคโปร์ในปัจจุบันแตกต่างจากอดีตพอสมควร หลังจากที่ได้ดูฝูงปลา พร้อมถ่ายรูปจนเต็มอิ่มแล้ว พวกเราก็มุ่งตรงไปยัง เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติมีจากัด รัฐบาลสิงคโปร์จึงเร่งพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ จุดนดั หมาย ซึ่งพวกฉนั ร้สู ึกหวิ นา้ มาก แตไ่ มไ่ ด้ติดขวดน้าท่ีได้รับแจกมา เลยตอ้ งจาใจ ให้มีคุณภาพ เพื่อให้ประเทศของตนเจริญก้าวหน้า ประเทศนี้จึงมีกฎระเบียบที่ค่อนข้าง ซื้อโค้กที่ราคาคิดเป็นเงินไทยกระป๋องละเกือบ 80 บาท... เสียดายเงินมาก ๆ ค่ะ เคร่งครัด และมีบทลงโทษที่ชัดเจน ทาให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ประชาชนทาตาม พวกฉันนั่งพักกันได้ไม่นาน พี่แมนก็เรียกพวกเรารวมเพื่อขึ้นรถไปยังสถานที่ถัดไป หน้าที่ของตนเอง โดยทางานสัปดาห์ละไม่เกิน 40 ชั่วโมง ตามกฎหมายแรงงาน แต่ระหว่างที่รอรถคุณครูของฉันก็เดินมาพร้อมกับโค้กกระป๋อง ที่เพิ่งไปหยอดจาก กาหนดเอาไว้ เปน็ ต้น” ตู้ขายน้ามาในราคาประมาณ 40 บาทไทย ทาให้พวกฉันรู้สึกเสียดายเงินเข้าไปอีก... เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนจะซื้ออะไรคิดให้ดีเสียก่อน และที่สาคัญตู้ขายน้าในสิงคโปร์ ขณะที่ฉันฟังเรื่องราวอย่างเพลิดเพลิน (แต่มีแอบหลับไปในบางช่วง) ราคาถูกกวา่ รา้ นค้าเสมอ... รถบัสก็พาเรามาถึงยังที่หมายนั้นก็ คือ เมอร์ไลออน ก่อนที่จะลงไปทาภารกิจ ต่าง ๆ พี่เบนยังได้แนะนาสถานที่อีก 2 แห่งที่มีความสาคัญไม่แพ้กันกับ ระหว่างเดนิ ทางไปยังสถานทตี่ ่อไปน่ันก็ คือ เมอรไ์ ลออน ไอคอนของประเทศ เมอร์ไลออน นั่นก็คือ อนุสาวรีย์ของเซอร์โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ ที่อยู่ สิงคโปร์ พเ่ี บนกเ็ ลา่ ถึงประวัติความเปน็ มาของประเทศนใ้ี หเ้ ราฟงั ซึง่ สามารถสรปุ ไดว้ า่ ใกล้ ๆ กับจุดจอดรถบัสของพวกเรา และอีก 1 แห่งนั้นก็ คือ ช้างสัมฤทธ์ิ 11 : F o o d f o r u s … 12 : F o o d f o r u s …
ที่เป็นของกานัลจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด และความตื่นเต้นเลยทาให้จาได้ไม่หมด สุดท้ายคุณครูเลย พระราชทานให้กับประเทศสิงคโปร์ เพื่อเป็นการเจริญพระราชไมตรี ซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ แก้ปัญหาจาบทไม่ได้ให้ โดยการเขียนบทใส่กระดาษชูไว้เหนือกล้อง เพื่อให้ฉันได้อ่าน หน้าอาคารใกลก้ ับรัฐสภาของสิงคโปรไ์ ม่ไกลกบั เมอร์ไลออน... ซึ่งสามารถช่วยให้จาบทได้ และผ่านช่วงคับขนั มาได้ค่ะ... แต่ถ้าเป็นไปได้ขอเลยนะคะ ว่าอย่ามีซีนพิเศษอีกเลย... ลมมาหลายระดับเลยค่ะ ทั้งลมขึ้น จะเป็นลม และลมจะ เมื่อฟังจบพวกฉันก็รีบเตรียมตัวเพื่อเริ่มงาน ออกหูเลย หลังจากนั้นพวกฉันก็เข้ารวมกลุ่ม และถ่ายรูปรวม เมื่อถ่ายเสร็จพวกเรา ถ่ายทา เพราะเวลามีจากัดเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น กข็ ึน้ รถ เพอ่ื มุง่ หน้าสู่รา้ นอาหารเย็นทีร่ อคอย... หิวแลว้ คะ่ พอลงจากรถสิ่งที่รอตอนรับเราอยู่นั่นก็ คือ ลมร้อน ๆ ที่พัดเข้ามาเป็นระยะ ๆ ทวีคูณความร้อนไปด้วยเสื้อสูท มื้อเย็นเราได้ไปทานอาหารจีนในแบบสิงคโปร์ มื้อนี้มีของพิเศษอย่างซุปปู สีดาที่ต้องสวมใส่เวลาทาข่าวอีก บอกได้เลยว่า และปูนา้ แดงด้วยคะ่ ... หรูหรามากเลย สว่ นรสชาตถิ งึ แมจ้ ะออ่ นไปนิด แตก่ อ็ รอ่ ยสมกับ ร้อนมาก ๆ ค่ะ... พวกฉันรีบเดินไปหามุมที่จะถ่ายทา การรอคอยค่ะ... หลังทานอาหารเสร็จ พวกฉันก็ขึ้นรถเพื่อมุ่งหน้าสู่ที่พัก ระหว่างทาง เนื่องจากคนเยอะ เราจึงใช้เวลาหามุมดี ๆ อยู่นาน พี่เบนก็เล่าเรื่องราวของ เมอร์ไลออนให้ฟังเพิ่มเติมว่า มันคือไอคอนที่รัฐบาลสิงคโปร์ กว่าจะเจอ พวกฉันตั้งกล้องเตรียมอุปกรณ์พร้อม สร้างขึ้น โดยหัวสิงโต มาจากชื่อเมือง และตานานเมือง ส่วนหางปลามาจาก ถ่ายทา แต่พอถ่ายไปได้สักพักเสียงหายค่ะ... ตอ้ งเร่ิมใหม่ทั้งหมด... จนสดุ ทา้ ยตอ้ งเปล่ียนเอาไมค์สารองออกมาใช้ ผ่านไปหลายเทค การที่เดิมเป็นเมืองประมง แล้วเปลี่ยนมา เลยค่ะกว่าจะลงตัวได้... ในขณะที่เราถ่ายทาอยู่ พี่ใหญ่ตากล้องจากช่อง 7 วิทยากร เป็นเมืองท่า จากนั้นพี่เบนก็เล่าต่อถึงยาน คนสาคัญก็เดินมาให้คาแนะนากับพวกฉันว่า เวลาถ่ายทาอย่าให้ยอดของฉากหลังตรง ที่พักที่พวกฉันจะได้เข้าพัก นั่นก็คือ กับหัวของนักข่าว เพราะมันจะกลืนกันหมด และหากแสงไม่ได้ให้ค่อย ๆ ขยับ ยานถนนออร์ชาร์ดที่เป็นถนนยานธุรกิจ เพื่อหาจุดที่ได้ อาจขยับกล้อง หรือขาตั้งกล้องก็ได้ในการหามุมที่ดี ซึ่งเมื่อทาตาม ที่มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร มีทั้ง คาแนะนาก็ได้ผลตามที่พี่ใหญ่บอกเลยค่ะ พวกฉันขอบคุณพี่ใหญ่ และรู้สึกโล่งใจ ห้างสรรพสินค้า โรงแรม และที่สาคัญเป็น เพราะงานได้ลุลว่ งไปหนึ่งชิ้น กว่าจะลงตัวก็เหลือเวลาแค่ 15 นาที... แต่เหตุการณ์น้ี สถานที่ตั้งสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ ไม่ได้จบแบบมีความสุขเหมือนในนิยายค่ะ... เพราะคุณครูได้เพิ่มซีนเข้ามา สิงคโปร์ ท่มี คี วามกว้างถึง 11 ไร่ และถูกสรา้ งข้นึ ตั้งแตใ่ นสมยั รชั กาลท่ี 5 อีกด้วย... อย่างกะทันหัน ซีนที่จะกล่าวถึงเซอร์โทมัส สแตมฟอร์ด แรฟเฟิลส์ บทคิดสดเดี๋ยวนั้น เมื่อใกล้ถึงที่พักพี่แมนก็นัดหมาย และแจกกุญแจห้อง พร้อมบอกข้อควรระวังนั่นก็คือ แถมยาวอีกต่างหาก... มันทาให้ลมที่ว่าร้อนแล้วตอนนั้นยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ควรพกข้อมีค่าติดตัว และให้ระวังพาสปอร์ตเอาไว้ให้ดี เมื่อถึงท่ีพักพวกฉันก็แยกย้าย เหมือนทุกอย่างกาลังจะลุกเป็นไฟ... ฉันพยายามท้องจาบทที่ครูให้มา ไปเก็บของ และลงมาตามท่ีพแี่ มนนัดหมาย เพ่อื ไปเดนิ ชมเมอื ง จงึ ทาให้รไู้ ด้วา่ สงิ คโปร์ เป็นประเทศท่สี งบ สะอาด และดูปลอดภยั จริงตามทใี่ ครหลายคนได้กลา่ วเอาไว้... 13 : F o o d f o r u s … 14 : F o o d f o r u s …
สายลมยามค่าคืนพัดเรื่อย ๆ ทาให้รู้สึกเย็นสบาย อย่างนี้สินะคือ Keep Tryin… ธรรมชาติของลม พัดมาและพัดไป... ไมว่ า่ จะร้อนหรอื เยน็ กต็ าม... “ Where is the effort, The success is there. ” - กุ้งผัดซอส - ข้อความนี้เป็นข้อความที่ใครหลายคนรู้จักดี หากกล่าวเป็นภาษาไทย คือ 19 สงิ หาคม 2562 “ความพยามอยู่ที่ไหน ความสาเร็จอยู่ที่นั้น” เราจะประสบความสาเร็จได้หากเรา ลงมือทาด้วยความตั้งใจ และพยามประคับประคอบทามันจนสาเร็จ แต่หลายคน 15 : F o o d f o r u s … มักจะล้มเลิกที่จะทา เพียงเพราะกลัวว่ามันจะไม่สาเร็จ... ซึ่งหากคิดเช่นนั้น... น่ันคือ จุดจบของความฝัน และความสาเร็จทจี่ ะเกิดขนึ้ ... หนูตื่นขึ้นเพราะเสียง Moring call ในเวลา 6 โมงเช้า บอกตามตรง เลยว่า หนูเมาขี้ตาอยู่มาก และไม่อยากตื่นเลยจริง ๆ แต่ถ้านอนต่อมีหวัง ไม่ได้กินข้าวแน่ ๆ ... roommate ของหนูเป็นเพื่อนต่างโรงเรียนที่แสนจะสุภาพ เรียบร้อย เธอตื่นขึ้นมาและอาบน้าก่อนหนู พร้อมที่จะไปทานข้าวแล้ว หนูจึงต้องรีบ เขา้ หอ้ งนา้ จัดการตวั เองใหเ้ รียบรอ้ ย เพราะไม่อยากให้เธอรอนาน... เมื่อถึงโต๊ะอาหาร หนูก็พบกับพวกพี่ ๆ โรงเรียนของหนูที่นั่งกินข้าวอยู่ก่อน อาหารเช้าในวันนี้ เป็นอาหารเช้าหลาก style เลือกตักตามใจชอบ... ด้วยความหิวเลยตักมาเต็มที่ จนพี่ ๆ ต้องช่วยกินกว่าจะหมด และโดนดุตามระเบียบว่า ให้ตักมาแค่พอกิน พอกินข้าวเสร็จพวกหนูก็เตรียมตัวขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยัง Mediacorp Campus ซึ่งระหว่างทางเราได้ผ่านสวนพฤกษชาติที่มีชื่อว่า Singapore Botanic Garden พี่เบนไกด์ของเราบอกว่า สวนนี้เป็นสวนพฤกษชาติแห่งแรก และแห่งเดียวในโลกที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลก ต้นไม้ส่วนใหญ่ในสวนมีมา ตั้งแต่สมัย เซอร์สแตมฟอร์ด ก่อตั้งเมืองสิงคโปร์ สวนแห่งนี้ได้รับการลงทะเบียน มรดกโลกในปี พ.ศ. 2558 พีเ่ บนยงั บอกอีกว่าข้างในสวนเปน็ เหมือนป่าที่ยงั สมบูรณ์อยู่ แสดงออกให้เห็นถงึ ความพยามของคนสงิ คโปรท์ พ่ี ยามรักษาทรัพยากรธรรมชาติของเขา ไวอ้ ยา่ งเตม็ ความสามารถ... 16 : F o o d f o r u s …
นอกจากเรื่องสวนพฤกษชาติแล้ว พี่เบนยังเล่าถึงวัฒนธรรมของ Broadcasting Corporation ชาวสิงคโปร์ด้วย พี่เบนบอกว่า สิงคโปร์มีหลายวัฒนธรรม เพราะมีหลายเชื้อชาติ (BMBC) จากนั้นเราก็ได้เข้าไปดู ทั้งจีน มาเลเซีย และอินเดีย แต่ละชนชาติก็มีเอกลักษณ์เฉพาะ แต่ก็อยู่ร่วมกันได้ การถ่ายทา และฉากจาลองจากละคร อย่างสงบสุข นอกจากนี้พี่เบนยังพูดถึงคาว่า ชิโนโปรตุกีส ที่หมายถึง ลักษณะศิลปะ เรื่อง Little Nyonya ที่ถ่ายทา และวัฒนธรรมของชาวจีน และชาวโปรตเุ กส ท่ีผสมผสานกันอยา่ งลงตัว ไมน่ านนกั รถก็ เมื่อปี ค.ศ. 2008 ละครเรื่องน้ี ถึงที่หมาย พวกเราลงจากรถ แต่รถคันที่ 3 ยังมาไม่ถึง เลยต้องยืนรอเพื่อถ่ายภาพ เ ป ็ น เ ร ื ่ อ ง ร า ว ข อ ง ช า ว เ ป อ ร า น า กั น ร่วมกนั กอ่ น รออยู่ประมาณ 10 นาที รถคนั ที่ 3 กม็ าถึง... ถึงจะช้าแต่กม็ าถงึ นะ... ในสมัย ค.ศ. 1930 ซึ่งพี่มีม่ีได้ชวนให้ พวกหนูเข้าร่วมการแสดงด้วยค่ะ เมื่อแสดงเสร็จพี่มีมี่ก็พาเราไปยังฉากจาลอง 3 มิติ หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จแล้ว พวกเราก็เดินตามพี่แมนไป และแยกออกเป็น ที่เป็นฉากในซีรี่เรื่องหนึ่งของสิงคโปร์ ดูธรรมดาก็เป็นแค่ฉาก แต่พอเปลี่ยนมุมไป กลุ่มย่อยทั้งหมด 3 กลุ่ม โดยกลุ่มของหนูมีโรงเรียนมัธยมปุรณาวาส และโรงเรียนหนู จากฉากก็ดเู หมอื นสถานท่ีจรงิ ๆ เลยค่ะ... พวกเราเดนิ ไปยังห้องประชุมท่ีหน้าตาเหมอื นโรงละคร... พอพวกเราเขา้ ทเี่ สร็จเรียบร้อย เราเดินขยับไปอีกห้อง พี่มีมี่ก็บอกกับพวกเราว่าห้ามถ่ายภาพ เนื่องจาก วิทยากรก็แนะนาตัว เขาเป็นผู้ชายวัยประมาณ 50 ที่มีชื่อว่า คุณไนเจล เขาบอกว่า เป็นห้องปฏิบัติงานจริง ๆ ของเจ้าหน้าที่ควบคุมการออกอากาศ ห้องนี้มีชื่อว่า เขาเป็นทั้งผู้ประกาศข่าว เป็นดีเจ และนักจัดรายการทั้งวิทยุ และโทรทัศน์ ห้อง MOC (Media Operations Center) เป็นห้องที่เจ้าหน้าที่จะจัดลาดับ คุณไนเจลพูดสร้างแรงบันดาลใจได้เป็นอย่างดี เขาพูดถึงเรื่องชีวิตของเขาที่ไม่ได้เรียน การฉายรายการ (หนูเพ่งิ ร้ทู หี ลงั ว่าเป็นรายการทุกช่องของรัฐเลยค่ะ ยง่ิ ใหญ่มาก ๆ ) ตามความต้องการของตนเอง แต่ต้องเรียนเพื่อพ่อแม่ เขาเลือกเรียนการโรงแรม ใส่โลโก้ช่อง และคอยดูแลโฆษณาให้ถูกต้องเหมาะสม... เมื่อพี่เขาอธิบายเสร็จ ทั้ง ๆ ที่เขาชอบดนตรี สุดท้ายพอเขาเรียนจบ เขาก็ไม่ได้ทางานในโรงแรม เขาก็ตั้งคาถามว่า หากเกิดข้อผิดพลาดในการออกอากาศจะแก้ไขปัญหาภายในเวลา แต่กลับเดนิ ทางตามความฝันของตัวเองไปเปน็ DJ. เขาพูดย้าเสมอว่า การจะประสบ เท่าใด พวกเราก็ทายไปเรื่อยเปื่อย 10 นาทีบ้าง 5 นาทีบ้าง บางคนบอกว่า ความสาเรจ็ ได้ ขึน้ อยู่กบั การลงมอื ทา หากไมไ่ ด้ก็ลองทาต่อไป... 10 วินาที ซึ่งพี่มีมี่ก็บอว่าช้า ๆ ไป... ในความจริงแล้วเขาใช้เวลาเพียงแค่ 3 วินาทีเท่านั้นในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว และทางานกันตลอด 24 ชั่วโมง. หลังจากที่ออกจากห้องประชุม พร้อมกับกาลังใจอันเต็มเปี่ยมแล้ว นอกจากควบคุมการออกอากาศทางโทรทัศน์แล้ว ยงั เป็นหอ้ งจดั รายการวิทยุอีกด้วย... พี่ ๆ เจ้าหน้าที่ก็บอกให้พวกเราเก็บกระเป๋า และพาพวกเราไปชมสถานที่ของ ครบวงจรมากเลยค่ะ... Mediacorp Campus โดยมีพี่เจ้าหน้าที่ชื่อ มีมี่ เป็นผู้นาทาง แต่พี่มีมี่พูด ภาษาอังกฤษเร็วมาก หนูเลยอาสาเป็นลามให้กับทุกคน พี่มีมี่เล่าถึงประวัติ 18 : F o o d f o r u s … ความเป็นมาของระบบสื่อสารมลชนในประเทศสิงคโปร์ ที่เริ่มทาสื่อผ่านวิทยุขึ้น เมื่อปี ค.ศ. 1930 และพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ โดยบริษัท British Malaya 17 : F o o d f o r u s …
ต่อจากการดูการทางานของ อย่างราบรื่นค่ะ... หลังจากนั้นเราก็ถ่ายรูปร่วมกัน มอบของที่ระลึก แล้วมุ่งตรง เจ้าหน้าที่แล้ว หนูยังไม่ทดลองเป็น ขนึ้ รถบสั เพือ่ ไปทานอาหารกลางวนั ค่ะ... ผู้ประกาศข่าวอีกด้วย... น่าตื่นเต้นมาก ค่ะ แต่ที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้นก็คือ มอ้ื กลางวนั มอื้ นี้ก็เปน็ อาหารจีนอีกเชน่ เคยค่ะ... แตก่ แ็ อบดีใจนะคะท่ีมีกับข้าว ห้องหลังผ้าม่านที่พี่มีมี่เปิดออกให้เราดู หนา้ ตาคล้าย ๆ กับทอดมันอยูบ่ นโต๊ะด้วย เพราะเปน็ เมนูทหี่ นูรูจ้ ักค่ะ มื้อน้ีอาหารส่วน หลังกระจกใสเป็นห้องทาข่าวจริง ๆ ใหญ่รสชาติคอ่ นข้างอ่อนทานง่ายคะ่ ไมม่ ปี ญั หาใด ๆ ... ของนักข่าวที่มีมากกว่า 600 ชีวิต ในนั้นมีทั้งสตูดิโอทาข่าว ห้องจัดรายการวิทยุ จุดกระจายข่าวทั้งใน และต่างประเทศ... หนาซ้าพี่มีมีย่ ังให้ข้อมูลอีกว่า ห้องกระจ่าย สถานที่ดูงานต่อไปของเราคือ กรมผังเมืองที่มีชื่อว่า URA ข่าวห้องนี้ เป็นห้องตัดต่อที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอีกด้วย... หนูเดินไปช้า ๆ จนสุดทาง (Urban Redevelopment Authority) พี่เบนบอกพวกเราว่า ที่ประเทศนี้ และไดพ้ บกับห้องถ่ายทาขา่ ว ที่กาลังมีพี่นักข่าวผู้หญงิ น่ังอ่านข่าวอยู่ ด้านหลังพ่ีนักข่าว ไม่ว่าจะก่อสร้างอะไรก็ตาม หรือแม้กระทั่งปลูกต้นไม้ต้องขออนุญาตกับ URA เป็นกระจกใส ๆ ไม่มีฉากใด ๆ หนูเห็นเท้าของพี่เขาโยกไปมา แต่ยังไม่ทันที่จะ ก่อนเสมอ นอกจากนี้พี่เบนยังบอกอีกว่า เด็ก ๆ ในสิงคโปร์นั้นนิยมทางานพิเศษ เอยปากถาม พี่มีมี่ก็บอกว่าตรงเท้าของพี่นักข่าวจะมีตัวเหยียบอยู่คล้ายกับเปียโน เพราะรายได้ดี 1 ชั่วโมง : 8 ดอลลาร์สิงคโปร์ แถมมาตรการทางกฎหมายที่ใช้กับ เป็นอุปกรณ์ที่ไว้ใช้หยุดสคลิปที่เลื่อนขึ้นมาจากจอด้านหน้า ภายในห้องนั้นมีกล้อง เด็ก ๆ ยังมีการพฒั นาตามช่วงวัยของเด็กกลมุ่ นัน้ ๆ ไป เช่น ในปี 2018 เด็กที่อายุ ไม่ต่ากว่า 3 ตัว แต่ท่ีเยอะไปกว่ากล้องคือไฟค่ะ ที่ไม่น่าจะต่ากว่า 15 ตัว ต่ากว่า 18 ปีห้ามซื้อบุหรี่ พอปี 2019 เด็กที่อายุต่ากว่า 19 ปี ห้ามซื้อบุหรี่แทน พรอ้ มสาดแสงไปยังพน่ี ักข่าว... ถ้าเปน็ ฉนั คงต่ืนเต้นจนเป็นลมแน่ ๆ เลย กลายเป็นว่าเด็ก ๆ สิงคโปร์จะไม่สูบบุหรี่จนกว่าจะถึงวัยผู้ใหญ่นั้นเอง ซึ่งหนูคิดว่า เป็นสิ่งที่ดี และอยากให้ประเทศไทยของเราเอามาใช้บ้าง... ไม่นานเกินรอรถบัส นอกจากห้องส่งแล้ว หนูยังได้ดูห้องจัดรายการวิทยุ ที่พี่มีมี่บอกว่า ก็พาพวกเรามาถึงยังตึก URA พวกเราถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่มเช่นเคย เพื่อไปชม นักจัดรายการ 1 คนจะต้องดูมอนิเตอร์ทั้งหมด 3 ตัว คือ เพลง ข่าว และ นิทรรศการ โดยกลุ่มของหนูมีพี่ไกด์ที่ชื่อว่า Rainy เป็นผู้ค่อยให้ข้อมูล comment จากผู้ฟงั อกี ทั้งตอ้ งเตรียมบทเองอกี ด้วย... สุดท้ายกอ่ นทพ่ี วกเราจะไดไ้ ป และหนูก็กลายเป็นผู้แปลอีกตามเคย โดยพี่เขาได้ให้ ความรู้กับพวกเราว่า รวมกับกลุ่มอื่น พี่มีมี่พาพวกเราไปทดลองเล่นเครื่องฉายที่มีชื่อว่า VR ซึ่งฉายละคร จุดประสงค์ของ URA คือ เพื่อทาให้ประเทศสิงคโปร์เป็นไปตาม concept จาก Web series มันกส็ นุกดคี ่ะ... หนแู อบเผลอทาทา่ ทางตามในละครดว้ ย... “play(เพื่อเล่น) work(เพื่อท างาน) live(เพื่อการด าเนินชีวิต) ” โดยมีหน้าที่หลักในการพัฒนาจัดสรรเนื้อที่ให้เหมาะสมและเป็นระเบียบสะดวก ก่อนจะกลับหนูได้สัมภาษณ์คุณไนเจล ตอนแรกหนูตื่นเต้นมาก ๆ เนื่องจาก ต่อการดูแล เนื่องจากประเทศนี้เป็นประเทศที่มีขนาดเล็ก มีทรัพยากรธรรมชาติจากัด คุณไนเจลเก่งมากเลยค่ะ หนูกลัวพลาด... ซึ่งก็เหมือนว่าคุณไนเจลจะรู้ว่าหนูไม่มั่นใจ จึงเน้นไปที่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการส่งผู้คนไปเรียนรู้รูปแบบ เขาเลยแนะนา จัดท่าทาง และช่วยปรับมุมกล้องให้กับพวกหนู จนสามารถถ่ายทาได้ การจัดการ หรือความรู้ ในระบบต่าง ๆ จากประเทศที่มีวิธีการที่ดีที่สุดทั่วโลก 19 : F o o d f o r u s … 20 : F o o d f o r u s …
แล้วนามาปรับปรุง ประยุกต์ใช้ให้เข้าประเทศของตนเองจนกลายมาเป็นสิงคโปร์อย่าง ซึ่งพอมารวมกันที่จุดนัดหมายแล้วเจอพี่ ๆ กับคุณครู ทาให้รู้ว่าหนูซื้อของแพงกว่า ในทุกวันน.ี้ .. ชาวบ้านเขา... เศร้าเลยค่ะ การเดินห้างในครั้งนี้สอนให้รู้ว่า ก่อนเลือกซื้ออะไรเดินดู ใหท้ ่วั ก่อน เพราะราคาในแตล่ ะรา้ นไม่เท่ากนั เสมอ... พวกเราเดินดูนิทรรศการพร้อม ฟ ั ง ค า บ ร ร ย า ย จ า ก ค ุ ณ Rainy สถานที่ต่อไปนั่นก็คือ Hawker จนกระทั่งไปถึงห้องหนึ่ง ที่หนูรู้สึก center ขนาดใหญ่ในย่านเมืองเก่าที่มี ประทับใจมาก ๆ เป็นห้องที่มีผังเมือง ชื่อว่า Lau Pa Sat มื้อนี้พิเศษกว่า ของประเทศสิงคโปร์อยู่กลางห้อง ทุกมื้อ เพราะพวกเราจะได้เลือกอาหารเอง ทาให้เห็นรูปแบบการวางผังเมืองได้อย่าง โดยพี่แมนจะฝากเงินไว้กับคุณครู สถานที่น้ี ชัดเจน... แต่มีส่วนหนึ่งที่แปลกตาไป... เป็นสถานที่สาคัญของโรงเรียนหนูมาก ๆ ส่วนนั้นไม่ได้เป็นตึก สวน หรือหมู่บ้าน แต่เป็นส่วนที่ถูกสร้างขึ้นมาจากตัวต่อเลโก้ เพราะหนูต้องถ่ายทา เก็บภาพ สัมภาษณ์ และทานมื้อเย็นให้เสร็จภายในเวลา สขี าวหลายรูปแบบ และมีปา้ ยคาอธิบายอยู่ด้านข้างวา่ เป็นสว่ นทแ่ี สดงพื้นที่ในอนาคต 1 ชั่วโมง... พอรถจอดสนิท พวกหนูก็เตรียมข้าวของ ออกหาสถานที่ถ่ายทา ที่เยาวชนสิงคโปร์จะเป็นผู้สร้าง แสดงให้เหน็ ว่า ประเทศสิงคโปร์ให้ความสาคญั กบั เดก็ ก่อนแสงจะหมด พอได้จดุ ถ่ายทากเ็ ตรียมกล้องทุกอย่างดูราบรื่นดี... แต่ปัญหาก็เกิดขน้ึ และเยาวชน เป็นอย่างมาก เพราะเขาเหล่านั้นคืออนาคตของชาติ... จนได้ค่ะ ไมค์เกิดติด ๆ ดับ ๆ สุดท้ายต้องเปลี่ยนไมค์แล้วเริ่มใหม่ทาให้กินเวลาไป จากนั้นหนูได้ขอสัมภาษณ์คุณ Rainy เกี่ยวกับอาหารในสิงคโปร์ ซึ่งเขาบอกว่า พอสมควร... เหตุการณ์นี้ทาให้รู้ว่า มาตรการทางกฎหมายของที่นี่คือ การจัดระบบร้านอาหารให้อยู่ในจุดเดี่ยวกัน ควรตรวจสอบอุปกรณ์ทุกครั้งก่อนใช้งาน เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อทั้งผู้ให้บริการ ผู้ใช้บริการ และสะดวกต่อการดูแลควบคุม จริง ๆ เพราะถ้าเป็นงานที่ห้ามเทค ซึ่งศูนย์อาหารเหล่านี้มีชื่อเรียกว่า Hawker center ซึ่งเราจะได้ไปเยือน มันแก้ไขอะไรไม่ได้... พวกเราใช้เวลา ในเย็นวนั น.้ี .. ถ่ายทา และเก็บภาพไปประมาณ พวกเราออกจาก URA มุ่งตรงสู่ห้างสรรพสินค้ามุสตาฟา แหล่งรวมอาหาร 40 นาที จากนั้นเราก็รับเงินจากคุณครู เสริม และน้าหอมของเหล่านักชอปจากต่างประเทศ พี่แมนบอกว่า หากใครไม่สนใจ แล้วก็แยกย้ายกันไปหามื้อเย็น หนูเลือกอาหารเกาหลีค่ะเพราะมันดูน่ากินมากเลย อาหารเสรมิ และน้าหอมใหม้ าเดินหา้ งด้านหนา้ จะดีกว่า สุดทา้ ยพวกหนูเลยลงมติว่าไป ส่วนพี่ ๆ คนอื่น ก็มีหลายอย่างท้ังขา้ วมันเป็ด อาหารญี่ปุ่น สเต็ก และอาหารอินเดีย ห้างแทนค่ะ... ในตอนแรกพวกเราก็เดินอยู่ด้วยกัน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทันใจ (คุณครูบอกว่าต้องใช้มือกินค่ะ ถึงจะได้รสชาติ) พวกเราจัดการมื้อเย็นกันเสร็จ จึงแยกกันเดินแล้วค่อยมาเจอกันที่จุดนัดหมาย หนูได้ขนมมา 2-3 อย่าง อย่างรวดเร็วเพราะหิวมาก ระหว่างรอขึ้นรถบัส เราก็ได้ทาภารกิจสุดท้ายนั้นคือ 21 : F o o d f o r u s … 22 : F o o d f o r u s …
การสัมภาษณ์พี่เบนไกด์ท้องถิ่นใจดีของเราเกี่ยวกับอาหารของประเทศสิงคโปร์ In the sky? .... ซึ่งกร็ าบร่นื ดีค่ะไม่มีปญั หาใด ๆ (เปลยี่ นไมค์แลว้ คะ่ สบายใจได)้ ผมลืมตาตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ที่ดังปลุกในยามเช้า ภายนอกหน้าต่างยังคง รถบสั ค่อย ๆ พาเรากลับมายงั โรงแรมท่พี กั ของเรา ถงึ แมจ้ ะเหนอ่ื ยล้า แต่หนู มืดสลัว... ชวนให้เข้าสู่ห่วงนิทราอีกครา... แต่ก็ต้องลุกขึ้น เพราะพวกผมไม่ได้อยู่ ก็ยงั เดินไหว คืนนี้พี่แมนนัดกับพวกเราอีกแล้วคะ่ ... ไปชอปปิง... ความพยามอยู่ท่ีไหน ในห้องตัวเอง... ใช่ครับเมื่อคืนพวกผมอพยพมานอนที่ห้องคุณครู เนื่องจากกลัวผี ความสาเร็จอยู่ท่ีนน่ั จริง ๆ คะ่ การหลอกผีในต่างแดนไมใ่ ชเ่ ร่อื งท่ีควรทาจริง ๆ เพราะทง้ั ตัวเราและคนอนื่ จะเดือดร้อน ครับ พวกผมกลับห้องจัดขา้ วของ เตรียมตัว และลงไปกินมื้อเช้า พร้อมขึ้นรถบัส และ วันนี้เป็นวันที่หนูได้ลองทาสิ่งใหม่ ๆ มากมาย ทั้งลองเป็น DJ. ได้ดูละคร อาลาประเทศสิงคโปร์เพ่ือไปสูป่ ระเทศมาเลเซยี ... ผ่านเครื่อง VR ได้ลองซื้อหาอาหารทานเองในต่างแดน และที่สาคัญและสนุกท่ีสุดคือ การได้ลองเป็นลามแปลภาษา ถึงแม้จะไม่ถนัดไปบ้าง แต่ถ้าได้ลองทา และลองทา บนรถพี่แมนยังคงย้าเตือนเรื่องของการเข้าตม.ว่า ห้ามถ่ายภาพในตม. ซ้า ๆ มันตอ้ งดขี ้ึนในสกั วัน... หนูเช่อื อย่างนั้นคะ่ และให้ระวังพาสปอร์ตใหด้ ี พร้อมเพิ่มข้อควรระวังอีกข้อ คือ ให้ดูด้วยว่าพนักงานตม. ของมาเลเซียได้ประทับตราลงในพาสปอร์ตหรือไม่ หากไม่ให้บอกให้เข้าทา เนื่องจาก - ข้าวมนั ไก่ - หากไม่ประทับตราในวันกลับเราจะเสียค่าปรับหลายร้อยริงกิต เมื่อถึงด่านพวกเราต้อง 20 สงิ หาคม 2562 ขนสัมภาระทุกอย่างลงมาเพื่อผ่านการตรวจ ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี จนกระทั่งเรา ได้ข้ามผ่านดินแดนพร้อมร่าลาพี่เบน และประเทศสิงคโปร์ พร้อมเข้าสู่ด่านยะโฮบารูห์ 23 : F o o d f o r u s … ในประเทศมาเลเซยี ... ตามข้อกาหนดของการเดินทางท่องเที่ยวต้องมีไกด์ท้องถิ่นประจารถ ครั้งนี้ในประเทศมาเลเซีย รถบัสคันที่ผมนั่งเป็นไกด์ผู้ชายสูงวัยชื่อ “ริชาร์ต” เขาบอกว่าเขาพูดภาษาไทยไม่ค่อยเก่ง แต่พูดไม่หยุดเลยครับ... ลุงแกพูดถึงประเทศ ของแกว่า เดิมที่ประเทศมาเลเซียชื่อว่า มาลายา และได้เปลี่ยนเป็นประเทศมาเลเซีย ในปี ค.ศ. 1963 มีรัฐทั้งหมด 13 รัฐ ประชากรราว 33 ล้านคน แบ่งเป็นเผ่าได้ ประมาณ 50 เผ่า มีภาษามาลายูเป็นภาษาประจาชาติ นอกจากนี้ลุงยังบอกอีกว่า ไทยเราได้พืชหลายชนิดมาจากมาเลเซีย เช่น ยางพารา เงาะโรงเรียน เป็นต้น... ผมฟังเรือ่ งราวจากลงุ ริชารต์ ตาก็มองภาพทิวทัศนข์ า้ งทางทีเ่ ต็มไปดว้ ยป่าไม้เขียวชอมุ่ บนท้องฟ้าพระอาทิตย์ยังคงสาดแสงแรง ทาให้อากาศค่อนข้างร้อน... ไม่นานเราก็ถึง 24 : F o o d f o r u s …
ร้านอาหารมื้อกลางวัน มื้อแรกในมาเลเซีย... มื้อนี้เป็นอาหารจนี เมนูที่ถูกใจผมมาก ท้องฟา้ ขา้ งนอกค่อย ๆ ครึ้มลงเรือ่ ย ๆ ดว้ ยเมฆฝน... ในขณะทีร่ ถยังคงแล่น ที่สุดก็คงจะเป็นปลาทอดราดซีอิ๊วมีหอมเจียวกลิ่นหอม ๆ ราดอยู่บนตัวปลา ต่อไปเรื่อย ๆ และคุณลุงริชาร์ตยังคงพูดเล่าเรื่องต่อไปเรื่อย ๆ เช่นกัน รสชาติเข้ากันดีมากครับ... พวกผมจัดการมื้อกลางวันเสร็จแล้วก็ขึ้นรถ เพื่อมุ่งหน้า ลุงเล่าถึงความเป็นมาของเมืองมะละกาที่เมืองสาคัญทางการค้าอันยิ่งใหญ่ในอดีต ไปยังเมืองมะละกา... เพราะเป็นที่ตั้งของช่องแคบมะละกา ที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแหลมมลายู กับประเทศอินโดนีเซีย อีกทั้งยังเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอารายธรรมนานาชาติทั้ง ระหว่างทางท่าน ผอ.ศุภรได้ขึ้นมาพูดคุยกับพวกเราในบัสที่ 2 โปรตุเกส อังกฤษ ฮอลันดา ฝรั่งเศส จากนั้นท่านก็ให้พี่ใหญ่ และพี่เอ็กซ์วิทยากรผู้มากประสบการณ์ขึ้นมาแนะนาการทางาน และชาวดัตช์ ที่แสดงผ่านอาคาร โดยพีเ่ อ็กซ์ใหค้ าแนะนาเกย่ี วกบั เรือ่ งการดูแลบทว่า สถานที่ภายในเมือง ไม่นานรถก็จอด ที่หน้าหอนาฬิกาจุดนัดหมายของ 1. ผสู้ ่อื ขา่ ว คอื หวั หน้าทีม ทจี่ ะตอ้ งเตรียมขอ้ มลู และประกาศข่าว พวกเรา... เราต้องรีบลงรถเพราะ 2. ตากลอ้ งควรถ่ายภาพอินเสิรต์ ก่อน แล้วจงึ คอ่ ยมาถ่ายเปดิ เพื่อดูว่าจุดใด ไม่สามารถจอดรถในจุดนั้นได้นาน... เหมาะกบั การถา่ ยทา ลุงริชาร์ตแนะนาว่าตรงจุดนี้มีที่เที่ยวชม 3 จุดใหญ่ ๆ คือ ป้อมปืนใหญ่ 3. ควรเก็บภาพอนิ เสริ ์ตไว้มาก ๆ จะเป็นประโยชน์ในการตัดต่อข่าว เอ ฟาร์โม ซา ตลาดย่านไชน่าทาวน์ ที่มีของขึ้นชื่อย่างลอดช่องใส่ทุเรียน 4. ควรแบ่งหน้าที่กันดูแลอุปกรณ์ เพื่อจะได้ไม่หลงลืม และสะดวก ให้ได้ลองชิม และโบสถ์เซนต์พอล ที่สามารถมองเห็นแหลมมลายูได้... ในการใช้งาน พวกผมเตรียมอุปกรณ์เพื่อสัมภาษณ์ลุงริชาร์ตพวกผมคิดว่า จะสัมภาษณ์ลุงไม่นานมาก 5. เมื่อสับสเลทแล้วผู้ประกาศข่าวควรทิ้งระยะเวลาประมาณ 3-5 วินาที เพื่อจะไดม้ เี วลาในการชมสถานที่ไดค้ รบ แต่ลงุ พดู นานมากเลยครบั อกี ท้งั ในรอบแรกลุง จงึ คอ่ ยพดู เพอ่ื สะดวกในการตัดต่อ จับไมค์จากมือพิธีก่อนอีก เนื่องจากพวกผมไม่ได้แนะนาลุงก่อนเราจึงต้องเริ่มใหม่ 6. หากถ่ายทาหลายมุมกล้อง ควรเลือกมุมกล้องให้ดี เวลาตัดต่อ ทั้งหมดครับ... ก่อนสัมภาษณ์ควรนัดแนะกับแหล่งข่าวก่อน ว่าไม่ต้องจับไมค์ หากตอ้ งการเปลีย่ นมุมกลอ้ งให้ใสภ่ าพอินเสริ ต์ ก่อน แล้วค่อยเปล่ยี นมมุ และเราต้องการคาตอบแบบใดมากน้อยแค่ไหน เพ่ือให้สามารถควบคมุ เวลาได.้ .. 7. บทท่ใี ชใ้ นการถา่ ยทาตอ้ งสัมพนั ธ์กับภาพที่นามาใช้ 8. การเชญิ คนมาสัมภาษณ์ ควรตรวจสอบอุปกรณ์ และทุกอย่างให้พร้อมก่อน ท้องฟา้ ครม้ึ ลง แตอ่ ากาศกลับร้อนขน้ึ พวกผมใช้เวลาในการสมั ภาษณ์ลงุ ไปถึง แลว้ คอ่ ยเชญิ และผสู้ อ่ื ข่าวควรมองหนา้ และย้มิ ใหแ้ หล่งข่าวด้วย เพอ่ื เป็นการใหเ้ กยี รติ 20 นาที เราเลยตัดสินใจว่าจะขึ้นไปบนโบสถ์เพื่อไปดูทิวทัศน์... ตอนแรกผมคิดว่า และทาให้ผู้ถกู สมั ภาษณ์รูส้ กึ ผอ่ นคลาย ไม่น่าจะไกลมาก แต่ความเป็นจริงเล่นเอาเหงื่อซึมเลยครับ แต่ก็คุ้มค่า ทั้งหมดเป็นข้อแนะนาจากนักข่าวมากประสบการณ์ที่จะช่วยเสริมสร้าง กับภาพเบื้องหน้าที่ได้เห็น ภาพของโบสถ์เก่าที่หันหน้าออกไปยังเมืองและทะเล การทางานของเด็ก ๆ อยา่ งพวกผมให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ... ขอบพระคุณครบั 26 : F o o d f o r u s … 25 : F o o d f o r u s …
ยาวไปจรดเส้นขอบฟ้า... เป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกสงบ และรู้สึกเหงาในคราวเดี่ยวกัน... ที่พี่แมนบอกแพงมาก ๆ พอได้ยินคาว่าแพง... คาเดียวดึงพวกผมให้เดินต่อได้ในทันที ผมค่อย ๆ เดินลงจากโบสถ์ แต่พอดูเวลาแล้วเราคงค่อย ๆ ไม่ได้ เพราะเหลือเวลา เพื่อไปยังโรงแรมท่ีพัก... ไมถ่ งึ 5 นาที สุดท้ายก็ตอ้ งวง่ิ ครับ... เหนอื่ ยหนกั กวา่ เดมิ ... พี่แมนย้าว่า ที่มาเลเซียไม่เหมือนที่สิงคโปร์ เวลาไปไหนให้ไปเป็นกลุ่ม รถบัสพาเราออกจากเมืองมะละกา เพื่อตรงไปยังกรุงกัวลาลัมเปอร์ และไม่ควรพกกระเป๋าหรือพาสปอร์ตออกไป เพราะมีการกระชากกระเป๋า ให้ระวังของ เมอื งหลวงแห่งประเทศมาเลเซีย... ระหว่างทางลุงริชารต์ ยังคงบรรยายเร่ืองราวต่าง ๆ มีค่าของตัวเองให้ดี จากนั้นเราก็รับคีย์การ์ดและลงมาตามเวลาที่พี่แมนนัดหมาย เช่น เมืองมะละกาได้เป็นมรดกโลกในปี 2008 ชิโนโปรตุกีส คือ ความเป็นจีน เพื่อเดินชมเมืองในยามค่าคืน... พวกผมเดินไปที่ห้างสรรพสินค้า เลือกซื้อของฝาก กับโปรตุเกส ชิโนแองโก คือ ความเป็นจีนกับอังกฤษ ชิโนดัตช์ คือ ความเป็นจีน ส่วนใหญ่ก็เป็นช็อกโกแลต ที่คนขายนาเสนอว่าแข็งไม่ละลายแน่นอน เลยได้เงิน กับฮอลันดา สถานีตารวจในมาเลเซียเรียกว่า บันลายโปลิส เป็นต้น ป่าภายนอก จากพวกเราไปเยอะเลยทีเดียว เมื่อถึงเวลาพวกผมก็เดินทางกลับโรงแรม หน้าตา่ งดรู ่มรื่น แต่ท้องฟา้ กลับหมองหม่น... ไมน่ านภาพเบอื้ งหน้าของผมก็ดบั สนิท... ด้วยความเหนอ่ื ยลา้ ... ผมตื่นขึ้นเพราะรถจอดในใจคิดว่าคงถึงแล้ว... แต่เราแค่จอดพักรถกัน ภาพบรรยากาศเมืองกัวลาลัมเปอร์ท่ีเต็มไปด้วยแสงไฟน้อยใหญ่ ตัดกับท้องฟ้า เท่านั้น... ภายนอกมืดครึ้มจนน่ากลัว และเริ่มมีหยาดฝนโปร่ยลงมา... จากอากาศที่ ดาสนิทไร้ซึ่งดวงดาว ฉายอยู่ที่หน้าต่างของห้องพักชวนให้รู้สึกสงสัยว่า สรุปแล้ว ร้อนระอุในช่วงกลางวัน กลับกลายเป็นเย็นยะเยือกด้วยสายฝนในทันทีรถของเรา ที่ใดกันแน่ที่ดวงดาวควรล่องลอยอยู่... ท้องฟ้าในวันนี้ได้แสดงอะไรหลายอย่าง วิ่งผ่านป่าฝ่าสายฝนไป... ท้องฟ้าในวันนี้ช่างยากเกินคาดเดาว่าจะปลดปล่อยสิ่งใด ที่ผมคิดว่ามันควรจะเก็บเอาไว้ แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้แสดงออกมา... มาอีก... เพราะวันนี้ทั้งวันผมเจอครบเกือบทุกฤดู ทั้งร้อนน้อย แดดจ้า ร้อนมาก ราวกบั วา่ มนั ตงั้ ใจจะปกปิดบางอยา่ งไวไ้ มย่ อมเปดิ เผย... อบอ้าว และเย็นฝน ขาดอย่างเดียวก็คงหิมะครับ... รถยังคงแล่นต่อไป เช่นเดียวกับ สายฝนที่ยงั คงร่วงหลนจากทอ้ งฟ้า แต่ไม่นานสายฝนกลับหายไปเหมอื นว่ามันไม่เคยตก - บัวลอยแห้ง - มาก่อน พนื้ ถนนเป็นสเี ทาเช่นเดียวกบั ผืนฟ้า และแห้งสนิทอยา่ งนา่ อัศจรรย์ใจ... 21 สิงหาคม 2562 รถบสั จอดให้พวกผมลงทห่ี นา้ อาคารพ่ีแมนบอกว่าร้านอาหารม้อื นี้อยูบ่ นอาคาร 28 : F o o d f o r u s … ชั้น 4 ให้เราขึ้นบันไดไป ในตอนที่ขึ้นบันไดเลื่อนผมก็สะดุดกลับกลิ่นของชาหอม ๆ ที่ชั้น 3 แต่ความหิวก็หยุดความสนใจของผมได้ ผมเลยมุ่งตรงไปยังร้านอาหารก่อน มื้อนี้ก็ยังเป็นอาหารจีนอีกเช่นเคย... อาหารคล้าย ๆ กับมื้อที่ผ่านมา จานที่ผมว่า อร่อยที่สุดในมื้อนี้ก็คงจะเป็นเต้าหู้ผัดราดซอสที่รสชาติเข้มข้นกว่าที่ผ่าน ๆ มาครับ... พอกินเสร็จพวกผมก็ลงมายังช้ัน 3 และแวะดูร้านขายชา และขนมไหว้พระจันทร์ 27 : F o o d f o r u s …
ซา้ ย ขวา ซ้าย.... ตรงนั้นเป็นเกาะกลางถนนท่านฝ่ายฯป๋วย แนะนาว่าให้เราลองถ่ายเป็น 2 มุมกล้อง จะได้ดนู า่ สนใจมากขึ้น ซึง่ พวกเรากท็ าตามท่ที า่ นแนะนาค่ะ... ทุกอย่างราบรน่ื ดี จังหวะในการเดินที่ที่ฉันรู้จักมากตลอดคือ ซ้าย ขวา ซ้าย... ฉันเคยสงสัยนะว่าทาไมต้องซ้าย ขวา ซ้าย... ทาไมไม่ขวา ซ้าย ขวา... ที่ต่อไปที่เราได้ไป ใครเป็นคนก าหนดกันว่าต้องเดินแบบนี้ แต่สุดท้ายค าตอบ ก็ไม่ได้ส าคัญ เยือนเป็นจุดสาคัญ 3 แห่งของ เทา่ กบั จงั หวะในการเดินจะพาเราไปเจออะไรเบ้ืองหน้ามากกว่า... กัวลาลัมเปอร์ คือ จัตุรัสเมอร์เดก้า เสาธงสูงที่สูง 100 เมตร และอาคาร เช้านี้ค่อนข้างรีบร้อน เพราะเราต้องเก็บของเตรียมตัวไปยังเมืองปีนัง สุลต่านอับดุลซาหมัด ทั้ง 3 ที่ วันนี้ฟ้าค่อนข้างมืด เหมือนฝนจะตก ฉันก็ได้ภาวนาว่าอย่าตกนะ เพราะถ้าตกขึ้นมา อยู่ในบริเวรเดียวกัน พวกเราถ่ายทา งานเขา้ แน่ ๆ จะถา่ ยทากนั ยังไงทนี ้ี... เพิ่มเติมที่หน้าอาคารสุลต่านอับดุลซาหมัด แต่ต้องเดินย่าไปไกล เพราะมีรถจอดบัง ตัวตึกตลอดทาง กว่าจะได้จุดเหมาะ ๆ ก็เหนื่อยเลยค่ะ... ถ่ายทาเสร็จพวกเราก็ ร ถ บ ั ส พ า เ ร า ไ ป ย ั ง ส ถ า น ท ี ่ แ ร ก น ั ่ ง ก ็ คื อ ถา่ ยรปู เลน่ อีกนิดหนอ่ ย แล้วค่อยเขา้ ร่ม เพราะอากาศร้อนมาก ๆ คะ่ ... ตึกแฝดเอกลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย ตึกแฝด รถบัสพาพวกเรามุ่งหน้าไปยังสถานที่ต่อไปคือ พระราชวังแห่งชาติ เปโตรนาส ลุงริชาร์ตบอกว่าเป็นตึกที่สูงประมาณ ระหว่างทางลุงริชาร์ตบอกว่า ประเทศมาเลเซียเป็นประเทศที่มีระบบกษัตริย์ 4,500 เมตร ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกา โดยกษัตริย์ของมาเลเซียจะเรียกว่า สุลต่าน และมีวาระองค์ละ 5 ปี กษัตริย์ไม่ได้มี นามว่า เซซาร์ เปลลี มีจานวนชั้นทั้งหมด 375 ช้ัน องค์เดียวแต่มีประจารัฐค่ะ ทาให้มาเลเซียมีเชื้อพระวงศ์มากที่สุดในโลกค่ะ... โดยชั้นที่ 41 และ 42 จะมีสะพานเชื่อมถึงกันอยู่ เมื่อถึงที่หมายพวกเราก็ลงจากรถ ตอนนี้อากาศร้อนมากแดดแรงสุด ๆ ไปเลยค่ะ เพื่อสร้างความสมดุลให้ตัวตึก... เมื่อรถจอดเรียบร้อย แต่พวกเราก็ไม่หวันเดินย่ากันต่อไป... ระหว่างที่ถ่ายรูปเล่นอยู่พี่ ๆ ทหารก็ พวกเราก็รีบลงไปเพื่อจะถ่ายทาทันที เพราะมีเวลาจากัดแค่ 30 นาที แต่แล้วเรื่อง ขอความร่วมมือให้พวกเรายืนเรียงแถว เพื่อรับเสด็จเชื้อพระวงศ์ จากในวัง... ไม่คาดฝันก็เกิดขึน้ เพราะหน้าตึกเขาไมใ่ ห้ถา่ ยทาค่ะ... ครั้งหน้าต้องถามพีไ่ กด์ก่อนว่า ไม่นานก็มีรถตารวจนาขบวนแล่นออกมาตามด้วยรถยนต์พระที่นั่งแล่นตามออกมา เขาใหถ้ ่ายทาหรือไมจ่ ะไดไ้ มเ่ สยี เวลา เราเลยต้องมองหาท่ีถา่ ยทา โดยข้ามถนนไปถ่าย เป็นภาพที่ฉันไม่คิดว่าจะได้เห็น... รู้สึกประทับใจมากค่ะ... พวกเราแวะซื้อของ ที่ริมฟุตบาทฝั่งตรงข้ามกับตัวตึก ภาพค่อนข้างมืดเนื่องจากท้องฟ้าไม่เป็นใจ ที่ร้านขายของที่ระลึกนิดหน่อย บอกเลยว่าไอศกรีมอร่อยมากค่ะก่อนที่พวกเราจะขึ้นรถ เราปรับภาพอยู่นานจนท่านฝ่ายฯป๋วย และพี่ใหญ่ เข้ามาช่วยแนะนา ท่านแนะนาว่า เพอ่ื มุ่งหนา้ ไปยัง ร้านอาหารมื้อกลางวนั ... ถ้าภาพมืดให้ลองปรับขากล้อง มุมกล้อง ปรับค่า iso ของกล้องจะช่วยได้ เมื่อได้ตามที่ต้องการแล้วเวลายังพอเหลือเราเลยไปถ่ายเพิ่มเติมอีก 1 จุด เอาไว้เลือก 30 : F o o d f o r u s … 29 : F o o d f o r u s …
มื้อกลางวันเป็นอาหารจีน มื้อนี้มีผัดผัก กุ้งผัดซอส เต้าหู้ทรงเครื่อง พวกเราเดินวนอยู่ในเมืองอิโปห์ ถ่ายทา อาหารหลักเลยค่ะ แต่กุ้งผัดซอสของร้านนี้อร่อยมากค่ะรสชาติถูกใจเลย... และถ่ายภาพนดิ หน่อย และแวะกินน้ากับพุดด้ิง กนิ เสรจ็ เราก็เดินทางไปกันตอ่ ยงั เมอื งท่ีมนี ามว่า อิโปหท์ าวน์ ตอนนั้นเราก็ยังหาซอยเมียน้อยไม่เจอ จนกระทั่งเจอพี่แมน พี่แมนเลยชี้เป้านาไป... ระหว่างทางลุงริชาร์ตเล่าเรื่อง ฉันเดนิ มงุ่ ไปร้านขายน้าเต้าหู้ เอาจริง ๆ คือ ของ เมืองอิโปห์ให้พวกเราฟัง ก่อนที่ฉัน ฉันไม่ชอบกินน ้าเต้าหู้ แต่ก็อยากชิม จะหลับ จับความได้ว่า เมืองอิโปห์ เลยขอเพื่อนกับครูชิม มันก็หวาน ๆ อร่อยดีค่ะ... พอกินเสร็จเราก็เดินกลับไปยังรถ... เป็นเมืองท่ีอยู่ในรัฐเปลัก เดิมเป็นเหมืองแร่ อากาศตอนนี้ร้อนมากจนแทบจะละลาย... แต่ยังไงก็ต้องเดินพวกเราเลยเร่งจังหวะ ดีบุก ที่มีเหมืองมากถึง 51 แห่ง เพือ่ ให้ทนั เวลา และหลบร้อนด้วยกวา่ จะถงึ รถเล่นเอาหอบเลยคะ่ ... และเคยตกเป็นของอังกฤ ษท าใ ห้ ออกจากอิโปห์ทาวน์เราก็มุ่งหน้าสู่ปีนัง รถยังคงแล่นผ่านป่าไปเรื่อย ๆ ตึกอาคารต่าง ๆ ได้รับอิทธิพลจากอังกฤษมาส่วนใหญ่จะทาด้วยสีขาว แดดยังคงจัดอยู่ จนฉันต้องหรี่ตา... หรี่ตาไปมาก็เลยหลับตาและหลับไปในที่สุด... ปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมี การพัฒนาอาคารเก่า และแต่งเติม มาต่ืนอีกทกี ็ถงึ ร้านอาหารเยน็ เรยี บร้อยแลว้ คะ่ ... ความน่าสนใจด้วย street art ทาให้เมืองอิโปห์เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มี อาหารเย็นมื้อนี้ทาให้ฉันคิดถึงบ้านเลยค่ะ เพราะร้านเหมือนเราอยู่ที่ เอกลักษณ์ นอกจากนี้ลุงยังบอกอีกว่า เมืองนี้มีชาวจีนกวางตุ้งเยอะทาให้มีอาหาร บางขนุ เทียนชายทะเลเลย รอบรา้ นเป็นบอ่ น้ามปี ลาว่ายเตม็ ไปหมด อาหารมื้อน้ีรสชาติ กวางตุ้งอร่อยจานวนมาก เช่น หมูแดง ติ่มซา เป็ดย่าง หมี่ผัด เป็นต้น ใกลเ้ คยี งกบั อาหารไทยที่สดุ เท่าท่ีกินมาเลยค่ะ โดยเฉพาะเตา้ หผู้ ดั ซอสเหมือนท่ีร้านแถว ที่ลุงบอกว่าอย่าพลาดให้ไปที่ซอยเมียน้อยที่ได้ชื่อนี้มาเพราะ เป็นซอยที่เศรษฐี บ้านทาขายเลยค่ะ... เสร็จจากมอื้ เย็นเรากม็ ุ่งตรงไปยังท่ีพักในเมอื งปนี งั ... ส่วนใหญ่จะนาเมียน้อยของตนเองไปสร้างบ้านอยู่ที่นี่ ที่สาคัญต้องไปชิมน้าเต้าหู้ และ เมืองปีนังลุงริชาร์ตบอกว่าเป็นเมืองเก่าอยู่ติดกับชายแดนประเทศไทย เต้าหู้ให้ได้ค่ะ... พอลงรถได้พวกเราก็รีบเดิน โดยที่ไม่ได้รอไปพร้อมกลุ่ม เมืองนี้มีคนจีนเยอะ มีจุดเด่นอยู่ที่เมืองจอร์จทาวน์ เพราะเป็นย่านที่มีอาคารเก่า สดุ ทา้ ยหลงคะ่ ... แต่แลว้ เกมโปเกมอนโกของครูก็ชว่ ยชวี ิตพวกเรา เพราะในเกมมีบอก จานวนมาก เป็นอาคารที่มีลักษณ์ของศิลปะแบบชิโนโปรตุกีสอยู่... จากนั้นพี่แมนก็มา แผนที่ และรปู ภาพของเมืองบางจุดเอาไว.้ .. ดังนน้ั อยา่ ดถู กู เกมว่าไร้สาระเกมบางเกม กาชบั เรื่องการเดนิ เทย่ี วในปีนัง เมืองปนี งั ค่อนขา้ งน่ากลัว มกี ารกระชากกระเป๋าไม่ควร สามารถใช้เป็นแผนทไ่ี ดอ้ ย่างไมน่ า่ เช่อื ค่ะ ไปคนเดียวโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะผู้หญิง พอลงรถเราก็รับคีย์การ์ด ต่างคน ต่างแยกย้ายไปเก็บของ และลงมาเจอกันเพื่อไปเดินซื้อขนมที่ร้านสะดวกซื้อแถว ๆ 31 : F o o d f o r u s … โรงแรม... เราเดินกันไปเป็นกลุ่มโดยครูเป็นผู้นา... พวกเราเข้าไปซื้อของใน 7-11 32 : F o o d f o r u s …
ระหว่างที่รอน้องจ่ายเงินอยู่ เพื่อน ๆ ส่วนหนึ่งก็ออกไปยนื รอหน้าร้าน แต่ก็ต้องตกใจ อนาคต... เพราะมีผู้ชายกลุ่มหนึ่งเข้ามาแซว... น่ากลัวมาก ๆ เลยค่ะ ข้อย้าเลยว่า เมืองนี้ ไม่เหมาะกับผู้หญิงมาเดินคนเดียวสุด ๆ เลยค่ะ จากนั้นเราก็รีบเดินย่าเท้ากลับโรงแรม สิ่งที่อยู่เบ้ืองหน้า... สิ่งที่ยงั ไม่มาถึง... สิ่งที่เรายังไมร่ ู้... ทุกสิ่งคือ อนาคต กันในทันท.ี .. กลัวค่ะบอกเลย สงิ่ ท่อี าจคาดเดาได้ แต่บางครั้งกลับคาดเดาไม่ได้ จะดหี รือร้ายกไ็ ม่อาจรู้ เพราะเชน่ น้ัน เราจึงตอ้ งทาปัจจบุ นั ใหด้ ีทส่ี ุด เพอ่ื สร้างอดีตท่ดี ีไวเ้ ปน็ ความทรงจา และปทู างสู่อนาคต การเดินไม่ว่าจะรูปแบบไหน หรือที่ใด มันจะนาพาเราไปพบเจอกับ ที่ไม่สามารถคาดเดาได้ขา้ งหน้า... สิ่งแปลกใหม่ ๆ เสมอ... ไม่ว่าจะเรื่องราวที่ดี หรือไม่ดีก็ตาม... ขอเพียงเราได้ก้าว เดินเรากจ็ ะได้รู้ ไม่วา่ จะซา้ ย ขวา ซา้ ย หรอื ขวา ซ้าย ขวาก็ตาม... ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมคิดว่าวันนี้เราจะต้องเจออะไรกันนะ... เพราะเท่าท่ี จาได้วันนี้เราต้องเขาไปเยี่ยมชมโรงเรียนของปีนัง และต้องเข้าไปสถานกงสุลใหญ่ ณ - ซุปหฉู ลาม - ปีนัง... พิธีการทั้งนั้นเลย... แค่คิดก็แอบเครียดแล้วค่ะ... แต่ก็ต้องทาให้ดีที่สุด 22 สิงหาคม 2562 เพื่อให้ผ่านพ้นไปให้ได้... ฉันรีบเตรียมตัว และลงไปกินมื้อเช้า ก่อนที่จะออกไปขึ้นรถ กบั พ่ี ๆ เพอ่ื น ๆ นอ้ ง ๆ และคุณคร.ู .. 33 : F o o d f o r u s … รถบัสนาพวกเราไปมุง่ ตรงไปยังโรงเรยี นที่มีชื่อว่า SMK Bukit Jambul ที่เป็นโรงเรียนขนาดกลาง อยู่ติดกับกระทรวงศึกษาธิการของปีนังตามข้อมูลที่พี่แมน ได้ให้ไว้ เมือไปถึงฉันก็ต้องตกใจ เพราะท่านผู้อานวยการโรงเรียนออกมาตอนรับ คณะของเรา พร้อมกับเพื่อน ๆ นักเรียนท่ีตั้งขบวนชุดประจาชาติ ออกมาตั้งขวบนเป็น ขวบนแห่... ยังไม่ทันจะตั้งสติได้ รถยนต์คันหนึ่งก็เข้ามาจอด คนภายในรถค่อย ๆ ก้าวออกมา เป็นผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่าง หน้าตา ทางท่าดูดีมากค่ะ... ซึ่งฉันมารู้ ตอนหลังว่าเป็นท่านกงสุลปีนัง ท่านเข้ามทักทายกับท่าน ผอ.โรงเรียน และท่านฝ่ายฯ แหม่ม ก่อนที่จะเดินนาพวกเราตามขวบนแห่ของนักเรียนเข้าไปยังโรงเรียน... ภาพนี้ดูคุ้นตามาก ๆ ค่ะ คล้าย ๆ กับตอนที่โรงเรียนฉันตอนรับคณะศึกษาดูงาน จากไอจเิ ลย... บรรยากาศภายในโรงเรียนค่อนข้างร่มรื่น เพราะด้านหลังโรงเรียนเป็นภูเขา เราถ่ายภาพร่วมกัน เข้าไปยังห้องประชุมเพื่อฟังการแนะนาโรงเรียน... ซึ่งโรงเรียนน้ี เน้นให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงเป็นสาคัญ และเน้นหนักไปที่วิชาการ... 34 : F o o d f o r u s …
ที่นี่มีครูพูดภาษาไทยได้ด้วยนะคะ เป็นคนมุสลิมค่ะ... เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น พวกเราก็แลก facebook กัน เพื่อใช้ คณุ ครูเขาชอ่ื สาลี ครูบอกว่าครูเป็นคน ติดตอ่ พูดคยุ กนั ต่อ... กอ่ นจะขึน้ รถเพอื่ ไปทานอาหารกลางวนั ค่ะ... ไทยที่อยู่ในปีนัง เป็นคุณครูสอน วิชาสังคมค่ะ... จากนั้นพวกเราก็ถูก อาหารกลางวันมื้อนี้เป็นอาหารทะเล ร้านอยู่ติดทะเลเลยค่ะ... ส่วนใหญ่เมนู แบ่งเป็นกลุ่มย่อย ๆ กลุ่มละ จะคล้ายกับทุกมื้อที่ผ่านมา แต่วันนี้มีแกงที่คล้าย ๆ ต้มยาด้วยค่ะ... รสชาติถึงใจ 5 – 6 คน เพื่อเข้าชมกิจกรรม ทเี ดียว... เมอื่ ทานเสร็จเราก็รีบขึน้ รถ เพ่อื เดินทางต่อไปยงั โรงงานชอ็ กโกแลตคะ่ ... ต่าง ๆ ของทางโรงเรียน กลุ่มของ ฉันเดินไปพร้อมกับนักเรียนชาวปีนัง 2 คน ซึ่งพูดภาษาอังกฤษเก่งมาก ๆ เธอพาเรา เรารีบเข้าไปในโรงงาน เพราะมีเวลาค่อนข้างน้อย อีกทั้งอากาศยังร้อนมาก ไปยังห้องต่าง ๆ เพื่อเข้าร่วมกิจกรรม ห้องแรกเป็นห้องศิลปะพวกเราได้ทาการสาน อีกด้วย เมื่อเข้าไปแล้วก็ต้องฟังการบรรยายของทางโรงงานก่อน... สิ่งที่สะดุดตาของ กระดาษสี ห้องที่สองเราได้ไปห้องกิจกรรมการแสดงได้ลองแต่งตัวชุดประจาชาติ และ ฉันก็คือ ช็อกโกแลตสีชมพู เขาบอกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของทางโรงงานเลยนะคะ ถ่ายภาพเก็บเอาไว้ ห้องนี้เพื่อน ๆ ปีนังเป็นกันเองมาก ๆ เลยค่ะ... ห้องต่อมาคือ ตอนแรกฉันไมร่ ู้ว่ามนั คืออะไร เลยลองชมิ รสชาติมันออกเปรีย้ ว ๆ พออ่านหน้ากล่องดู ห้องคอมพิวเตอร์ เราได้ทดลองสร้างเกมจากโปรแกรมสาเร็จรูป ห้องนี้มีเคร่ืองทา ถึงได้รู้ว่า มันเป็นช็อกโกแลตผสมเบอร์รี่ต่าง ๆ ค่ะ... ช็อกโกแลตในโรงงานน้ีราคา พลาสติก 3D ด้วยค่ะน่าสนใจมาก ๆ ต่อมาเราถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มให้ไปดูห้อง ค่อนข้างแพงกว่าที่ห้างมาก... ผิดคาดทั้ง ๆ ที่เป็นโรงงานน่าจะถูกกว่า จัดรายการวิทยุ และห้องเก็บผลงาน เนื่องจากห้องจัดรายการวิทยุค่อนข้างเล็ก แต่กลับแพงกว่า... แต่ที่ผิดคาดหนักกว่าคือ กาแฟที่นี่รสชาติอร่อยมากค่ะ... เลยไม่สามารถจุคนได้ทั้งหมด ในห้องจัดรายการวิทยุเราได้ทดลองเปิดเพลง เพื่อน ๆ แทนที่จะเป็นช็อกโกแลต... เราซื้อของกันเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นรถ โดยพวกเรา 4 คน ชาวปีนังหาเพลงไทยมาให้เราเปิดด้วยค่ะ... ส่วนในห้องสุดท้ายเราได้เห็นถึง ท่ตี ้องไปสถานกงสลุ ฯ จะต้องไปข้ึนรถคันที่ 3 ... ความสาเร็จของโรงเรียนนี้ ฉันถามเพื่อนชาวปีนังว่าทาไมได้รางวัลเยอะจัง เธอบอกว่าโรงเรียนของเธอเน้นวิชาการ และจะตั้งใจฝึกซ้อมหากไม่มั่นใจว่าจะชนะ ระหว่างทางพี่ไกด์แนะนาถึง จะไม่ส่งไปแข่งขันเด็ดขาด ซึ่งเพื่อนปีนังคนนี้เคยไดไ้ ปแข่งขันที่ประเทศไทยของเราด้วย เรื่องของ ท่านกงสุล ว่าจะต้องมี ค่ะ ได้ที่ 2 มาเก่งมาก ๆ เลย... เมื่อเราเดินชมโรงเรียนแล้วเข้าร่วมกิจกรรมจนครบ ตาแหน่งหนึ่งที่คอยติดตามท่าน เราก็เรม่ิ ถา่ ยทาขา่ ว และสัมภาษณน์ กั เรยี น และครทู ป่ี นี งั ถงึ อาหารกลางวันของนักเรียน ไปทุกที่ นั่นก็คือ “แม่ครัว” เพราะ ในปีนังค่ะ... ได้ข้อมูลมาว่า ที่โรงเรียนแห่งนี้ให้นักเรียนนาอาหารมาทานเอง แม่ครัวจะมีหน้าที่จัดอาหาร ตามความตอ้ งการ และตามแตค่ วามเช่ือของศาสนา คนจีนจะไมแ่ บ่งอาหารให้เพื่อนท่ี ตอนรับแขกให้ถูกใจ ถูกต้อง ตามความต้องการของท่านกงสุลที่มี 35 : F o o d f o r u s … แขกเข้ามาเยี่ยมเยือนมากในแต่ละวนั ... เมื่อถึงสถานกงสุลใหญ่ ณ ปีนัง ฉันก็ลงจาก รถด้วยใจท่ตี นื่ เต้น... ประตเู ปดิ ออกพร้อมมีชายคนหน่งึ มาตอนรับ พาพวกเราเข้าไปใน 36 : F o o d f o r u s …
อาคาร ซึ่งฉันมารู้ที่หลังว่า ท่านนั้นคือ เรารีบทานอย่างรวดเร็วเพราะคุณครูจะพาเราไปเดินเที่ยวท่ีห้างไม่ไกลจาก ท่านรัชฎา จิวาลัย กงสุลใหญ่ ณ โรงแรม... เราออกไปรอรถแท็กซี่ซึ่งมีอยู่คันเดียว กว่าจะวนมารับรอนานมากค่ะ เมืองปีนัง ท่านตอนรับพวกเราด้วย แถมโก่งราคาคิดพวกเราตั้ง 10 ริงกิต ทั้ง ๆ ที่ถ้าเรียกแกร็ปแค่ 5 ริงกิตเอง... ความเป็นกันเอง และแนะนาหน้าที่ของ ทาให้เรารู้ว่า หากจะเดินทางในเมืองปีนังเรียกแกร็ปจะราคาถูก และมารับตรงเวลา ท่านว่า สถานกงสุลนั้นมีหน้าที่ในการทา แนน่ อนมากกวา่ คะ่ ... ความเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ กับ ต่างประเทศ... และยังมีหน้าที่ดูแล เราเดนิ เทีย่ วเลน่ อยูป่ ระมาณ ชาวไทยที่มาท่องเที่ยว ทางาน หรือ 3 ชั่วโมง ก็เดินกลับ เพราะ ทากิจกรรมอื่นยังประเทศนั้น ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ท่าน ยังบอกอีกว่าตอนนี้ อยากกินอาหารเมนูหนึ่งที่พี่ ๆ ท่านรับนักศึกษามาฝึกงานยังที่นี่อีกด้วย พี่ ๆ มาจากหลายมหาวิทยาลัยมาก น ั ก ศ ึ ก ษ า ฝ ึ ก ง า น ท ี ่ ส ถ า น ก ง สุ ล พอฟังอย่างนั้นแล้วฉันก็อยากมาบ้างจัง... พี่ ๆ แนะนาเรื่องราวต่าง ๆ ของปีนัง แนะน ามา มันมีชื่อเรียกว่า ทั้งความเป็นอยู่อาหารการกิน ฯลฯ ต่อจากนั้นท่านก็ให้เราพักผ่อน ดื่มน้า ทานขนม Lok Lok เป็นจิ้มจุ่มจีนเสียบไม้ ที่ท่านจัดเจรียมไว้ให้... ที่น่าสนใจคือน้าลูกจันทน์เทศค่ะ เป็นสิ่งแปลงใหม่ที่ฉันไม่เคย คล้าย ๆ กับชาบูเสียบไม้ในบ้านเรา รจู้ ักมากอ่ น แรก ๆ ไมก่ ล้าดมื่ สดุ ท้ายครบู อกว่าใหล้ อง เลยลองดูอร่อยเกนิ คาดค่ะ... ต่างกันที่บ้านเราเขาลวกให้ แต่ที่นี่เขาให้จุ่มเองค่ะ... เดินไปไม่นานก็ได้เจอร้าน เมื่อพักเรียบร้อยแล้ว นักข่าวของแต่ละโรงเรียนก็เข้าไปสัมภาษณ์ท่านค่ะ Lok Lok จริง ๆ ค่ะ รสชาติอร่อยอย่างคาด... แต่ที่เกินคาดเพราะมีทั้งแบบจุ่ม ด้วยความเป็นกนั เองทกุ อยา่ งเลยผ่านไปไดด้ ้วยดี... และทอดค่ะ ทั้งสองแบบอรอ่ ยท้งั คู่ แนะนาเลยนะคะต้องลอง... ฉันกลับถึงโรงแรมด้วยความรู้สึกโล่งใจ เราเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงโรงแรมก่อนที่จะแยกย้ายกันไปนอน... และผ่อนคลาย... เมื่อถึงเวลานัดหมาย เหตุการณ์วันนี้ถึงแม้ว่าจะชวนกังวลในหลาย ๆ เรื่อง แต่บางเรื่องก็กลับไม่ได้เป็น พวกเรามารวมตัวกันถ่ายรูป และเข้าไปทาน อย่างคาด บางเรอื่ งดีกว่าท่ีคาดไว้ บางเร่ืองเกนิ ความคาดหมายไปมาก แต่บางเรื่องก็ มื้อเย็นที่โรงแรม มื้อนี้ยังคงเป็นอาหารจีน ผิดคาดเกินไป... ดังนั้นอนาคตจึงเป็นหนทางที่ยากจะคาดเดา และเราทาได้เพียง ยังคงมีผัดผัก เต้าหู้ทรงเครื่อง เช่นเคย คาดการณ์เทา่ นน้ั ... เราสามารถกงั วลได้แต่อย่ายึดตดิ เพราะไม่เช่นนน้ั จะไม่มีความสุข ถงึ รสชาติจะอ่อนไปนิด แต่กถ็ ูกปากคะ่ ... ค่ะ... วา่ แต่พรุง่ นีจ้ ะเป็นยังไงกันนะ...อยากรู้จัง... 37 : F o o d f o r u s … - Lok Lok จมิ้ จุ่มจีน - 23 สงิ หาคม 2562 38 : F o o d f o r u s …
Sky Line... พอข้นึ มาบนรถบัสลุงริชาร์ตอธิบายให้ฟังว่า ค ฤ ห า ส น ์ ห ล ั ง น ี ้ เ ด ิ ม เ ป ็ น ข อ ง เ ศ ร ษ ฐี บางสิ่งบางอย่างได้แค่พบเจอแล้วจาก ยากจะบรรจบเป็นทางเดียวกัน ชาวเปอรานากันที่เป็นผู้มีอิทธิพล บางสิ่งเหมือนจะบรรจบกัน แต่กลับเป็นเพียงภาพลวงตาหาได้บรรจบกันจริง ๆ ไม่ หรือนักเลงนั่นเอง และได้เปลี่ยนมาเป็น เหมือนกับเส้นขอบฟ้าที่อยู่ไกลสุดสายตา ในที่โล่งไร้ซึ่งสิ่งใดขวางกั้น... พพิ ิธภัณฑ์ในท่ีสุด... เป็นจุดที่ราวกับแผ่นฟ้า และผืนดินจะบรรจบพบเจอกัน แต่กลับเป็นเพียงภาพลวงตา ทไี่ ม่ไดเ้ ป็นความจรงิ ... เหมอื นบางสง่ิ ทผี่ มไดพ้ บเจอ... รถบัสพาเรามุ่งหน้าไปยังสถานท่ี หนึ่งที่ผมคิดว่า ไม่น่าจะมาบรรจบกันได้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเยือนต่างประเทศของพวกเรา ผมรีบจัดข้าวของ ในเส้นทางนี้ นั่นก็คือ วัดไชยมังคลาราม ครับ ลุงริชาร์ตบอกว่าตรงข้ามวัดน้ี เก็บทุกอย่างลงในกระเป๋า เตรียมตัว และลงไปกินมื้อเช้าให้ทันเวลา... จะเปน็ วดั ของชาวพมา่ ชอื่ ว่า วดั ธรรมกิ าราม สามารถเขา้ ไปดไู ด้ พวกผมเขา้ ไปเดินดู วันนี้อากาศค่อนข้างอบอ้าวเลยทีเดียว พอกินข้าวเสร็จก็ขนทุกอย่างขึ้นรถ ในวัด พี่ ๆ และคุณครูเข้าไปไหว้พระ เมื่อเสร็จจากวัดนี้แล้วเราก็ข้ามไปวัดพม่า และตรวจสอบทกุ อยา่ งให้เรยี บร้อย... ก่อนออกเดนิ ทาง ที่นี่มีภาพวาดพุทธประวัติที่วาดได้สวยมากครับ... ผมเดินอยู่ได้ไม่นานก็ขึ้นรถ เพราะเหมือนว่าฝนกาลังจะตก ต่อจากการไหว้พระเราก็ไปยังร้านขายของฝาก สถานที่แรกในวันนี้ คือ ป้อมปืนคอร์นเวลลิส ลุงริชาร์ตบอกว่า ร้านสุดท้ายของการเดินทางครงั้ นี้ รา้ นน้มี ชี อื่ วา่ Lim Wah Thai เปน็ ร้านที่ข้ึนช่ือ ที่นี่เป็นป้อมปืนใหญ่ของชาวอังกฤษ ตั้งชื่อตามผู้สร้าง คือ ชาร์ล คอร์นเวลลิส ในเร่อื งของขนมเป๊ียะครับ... รสชาตติ า่ งจากบ้านเรานิดหน่อย เพราะธรรมดาไส้ด้านใน ตั้งอยูใ่ กล้ ๆ กบั เมืองจอร์จทาวน์ พวกเรามเี วลาอยู่ทนี่ ี่ถงึ 1 ช่ัวโมง เราจึงรบี เดินไป ถา้ บ้านเราจะหวาน แตท่ ี่น่ีรสเค็มครบั แถมราคาไมแ่ พงอกี ต่างหาก... ถ่ายทาก่อน เพื่อที่จะได้มีเวลาไปเดินถ่ายรูป แต่ครั้งนี้การถ่ายทาดาเนินไปได้ด้วยดี รถบัสพาเราไปยังร้านอาหารมื้อกลางวัน มื้อนี้เป็นร้านอาหารทะเลครับ เกินคาด ทาให้มีเวลาเหลือเยอะในการเดินเที่ยว... พวกผมเดินไปได้สักพัก เมนูส่วนใหญ่ไม่ต่างจากทุกวัน แต่ร้านนี้รสชาติเข้มข้นกว่าทุกร้านที่ผ่านมา... สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความร้อนเลยขึ้นไปรอบนรถในที่สุด... เมื่อครบแล้วก็ไปยัง แถมมเี ฟรนฟรายให้ไดก้ นิ อกี ด้วยครับ... สถานทตี่ อ่ ไปน่ันคือ คฤหาสน์เปอรานากนั ... สถานที่สุดท้ายที่เราได้ไปเยือนก่อนกลับสู่ไทย คือ จอร์จทาวน์ เมืองที่ได้รับ การยกย่องใหเ้ ป็นมรดกโลกในปี 2008 เมืองนเี้ ป็นเมืองที่สวยงามตัง้ แต่อาคารสถานที่ พวกเราถึงคฤหาสน์เปอรานากันด้วยความงุนงง เพราะเราไม่คิดว่าจะถึงเร็ว การจัดองค์ประกอบต่าง ๆ และที่ทาให้เมืองนี้น่าสนใจยิ่งขึ้นนั่นก็คือ street art ขนาดนี้ทาให้พี่ และน้องที่เป็นนักข่าวลืมนาเสื้อสูทลงมา โดนครูบ่นไปตาม ๆ กัน โดยเฉพาะรูปภาพจักรยาน ที่มีภาพวาด 2 พี่น้องเป็นคนขี่ เป็นแลนด์มาร์คสาคัญ เลยครับ เพราะเวลาค่อนข้างน้อยเลยต้องรีบแก้ปัญหา และรีบหาสถานที่ในการถ่ายทา ที่ไม่ควรพลาด พวกผมเดินชมเมืองที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่อันมีเอกลักษณ์ เรื่องนี้บอกกับเราว่า หากรู้ตัวว่าจะต้องถ่ายทาต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ไม่ว่าจะ ทางใกล้หรือไกลก็ตาม ไม่ต้องรอให้รถจอดแล้วค่อยเตรียม เตรียมไว้ก่อนเลยดีที่สุด 40 : F o o d f o r u s … แต่คฤหาสนห์ ลงั นีส้ วยจรงิ ๆ นะครบั ทัง้ เครอ่ื งเรือน ท้งั โครงสรา้ งสวยงามมากครับ... 39 : F o o d f o r u s …
กับความทันสมัยใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ... ผมเดินผ่านตม. รับกระเป๋าและรอกลับบ้าน เราแยกย้ายกันกลับ แต่ก็มีเรื่อง สองสิ่งที่ไม่น่าจะบรรจบลงตัว แต่กลับลงตัว ระทึกใจเกิดขึ้นอีกจนได้ เพราะเพื่อนเราคนหนึ่งลืมกระเป๋าเป้ไว้ตรง ได้จริง ๆ ... แต่ความเพลิดเพลินนั้นก็จาต้อง จุดรับกระเป๋า สุดท้ายต้องเดินกลับมาเอาวุ่นวายไปหมดเลยครับ... จบลงเพราะฝนสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมา ครั้งหน้าจะไปไหนตรวจสอบข้าวของทุกครั้งก่อนออกเดินจะดีมากเลยครับ... ทาให้เราต้องรีบว่ิงขนึ้ รถบัสอยา่ งเลอื กไม่ได้ ผมรีบขึ้นรถแท็กซี่เพราะ คิดถึงคนที่รอผมอยู่ที่บ้าน ไม่นานนักรถก็จอดที่หน้าบ้าน... ภาพผู้หญงิ ทีแ่ สนคนุ้ ตายืนรอตอนรบั ผมอยู.่ .. แลว้ เรากบ็ รรจบกนั จนได้... ออกจากจอร์จทาวน์ พวกเราก็มุ่งหน้า สู่สนามบิน... ระหว่างทางฝนยังคงตกหนัก - ไกผ่ ัดเปรี้ยวหวาน - ท้องฟ้ามืดครึ้ม... ทาให้รู้สึกเศร้าหมอง แต่ไม่สามารถเศร้าได้นานครับ เพราะเมื่อถึง 24 สิงหาคม 2562 สนามบินทุกสิ่งทุกอย่างต้องดาเนินไปตามเวลาครับ... พอรถจอดสนิทพวกเราก็รีบหา กระเป๋าอาลาลงุ ริชาร์ต แลว้ มุ่งหน้าไปโหลดกระเป๋า... แต่ด้วยความท่ีกลุ่มของพวกเรา 42 : F o o d f o r u s … มีจานวนมาก เลยทาให้ค่อนข้างเสียเวลา... กว่าจะโหลดเสร็จก็ผ่านไปตั้งเกือบ 1 ชั่วโมง พวกเราผ่านตม. แต่ผมลืมครับ... ลืมนาคอมพิวเตอร์ออกจากกระเป๋าครับ สุดท้ายเสียเวลาตรวจอีกรอบเลย... ย้า ๆ ห้ามลืมเอาคอมพิวเตอร์ออกจากกระเป๋า ทุกครั้งที่ตรวจครับ... เมื่อเราผ่านทุกอย่างมาได้แล้ว เราก็เข้ามานั่งรอเรียกขึ้นเครื่อง ที่หน้าเกต... ผมนั่งทบทวนถึงเรื่องราวการมาทากิจกรรมในช่วง 5 วันที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องที่เป็นราวกับความฝัน... และผมไม่เคยคิดว่าชีวิตผมจะได้มาบรรจบพบเจอ กับเส้นทางนี้... ผมที่ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น แต่ได้รับโอกาสเช่นนี้ ผมก็ตื้นตันใจมาก แล้วครบั ... ผมได้ขึ้นเครื่องช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง เครื่องลาเล็กกว่าขามาแต่ก็นั่ง สบาย... นั่งไม่ทันหลับพี่ ๆ แอร์โฮสเตสก็นาอาหารมาแจกให้พวกเรา... กินเสร็จก็ง่วงนอนเลยครับ ไม่นานเกินรอก็หลับไป ผมมาตื่นอีกทีเครื่องก็ ใกลถ้ ึงพืน้ ... 41 : F o o d f o r u s …
Food for us ... บรรณาธิการ : นางพชิ ุตา เพ็ชรชู รองบรรณาธิการ ผู้อานวยการสถานศึกษาโรงเรยี นมัธยมวัดสทุ ธาราม กองบรรณาธิการ : นางสาวนัฎยา บันดาลสิน นางสาวกัญญาภทั ร วงศพ์ ูนสขุ นายชยั วฒั น์ สมี าวงษ์ รองผู้อานวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนมธั ยมวัดสุทธาราม : นายษัษฐพรรษ สังแก้ว นายสญั ญา อาภาสโชคทวี นายชาคริต สรุ ะเวคิน นายสรุ ยิ ะ แกว้ อินทร์ นางสาวศริ ิทพิ ย์ จู่คาศรี นางสาววิชชุดา วจิ ติ รวรรณา นางสาวธารทิพย์ มีจอม นางสาวรัตนาพร จันทร์ตระกลู นางสาวญานิน พบทรัพย์
Search
Read the Text Version
- 1 - 24
Pages: