Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รายงานการวิจัยอบรมเลี้ยงดู-อจิ๋ม พร้อมส่งlll

รายงานการวิจัยอบรมเลี้ยงดู-อจิ๋ม พร้อมส่งlll

Published by Fon.nfcc7744, 2022-03-24 12:38:42

Description: รายงานการวิจัยอบรมเลี้ยงดู-อจิ๋ม พร้อมส่งlll

Search

Read the Text Version

41 ผูป้ กครองชมุ ชนบ้านชากไทยไมม่ ีการจัดสภาพแวดล้อมทบ่ี ้านเพื่อให้เดก็ เรยี นรู้ แตใ่ หเ้ ดก็ ไดเ้ รียนรู้จาก สภาพแวดล้อมทเี่ ปน็ บริเวณรอบๆ ของเล่นจะเป็นส่งิ ที่ไม่ใชแ้ ล้ว ดงั น้ันสื่อการเรยี นรูข้ องเดก็ ปฐมวัยชุมชนบ้าน ชากไทยจะเป็นของจรงิ ที่อยู่แวดลอ้ มเดก็ จึงทำให้เด็กๆมโี อกาสเรยี นรู้จากสอ่ื และสง่ิ แวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ 4.2 บทบาทหนา้ ทีใ่ นการอบรมเลี้ยงดูเด็ก ชุมชนบา้ นชากไทยอยู่กนั แบบครอบครวั ใหญ่ จงึ ทำให้สมาชกิ ในบา้ นมจี ำนวนมาก เม่ือมสี มาชิกใหม่ เพมิ่ ขึน้ ทุกคนในบา้ นจะให้ความรัก ความเอน็ ดู ผู้ท่ีบทบาทสำคัญในการเลี้ยงดูสมาชิกใหม่ เริ่มต้ังแต่ผทู้ ่มี ีอาวโุ ส มากท่ีสดุ ในบา้ นคือ ปู และยา่ จะทำหนา้ ทีใ่ นการสอนสิง่ ต่างๆ เช่น ขอ้ ควรปฏบิ ตั ทิ ่คี นในสมยั กอ่ นปฏิบัติกัน และใน ขณะเดียวกนั กจ็ ะช่วยดแู ลหลานแทนผู้ปกครองเด็ก ต่อมาคอื พอ่ แมข่ องฝ่ายสามี แมฝ่ า่ ยชายจะเปน็ ผ้มู บี ทบาทใน การจัดเตรยี มอาหารอาบน้ำให้หลาน และสอนวธิ ีการต่างๆ ใหก้ บั ลกู สะใภ้ และเปน็ ผูด้ ูอยา่ งใกลช้ ดิ 4.3 ความคาดหวังในการอบรมเลีย้ งดเู ดก็ ผูป้ กครองชุมชนบา้ นชากไทย สว่ นใหญจ่ ะคาดหวงั ใหล้ ูกเปน็ คนดีของสงั คม สุขภาพแขง็ แรงเปน็ คนดขี อง สงั คม มกี ารงานทำดีที่ ไมล่ ำบาก และมีความคาดหวงั ในตวั ลกู ชายและลกู สาวไว้ดแู ลในยามแกเ่ ฒ่าและเปน็ ผูห้ รือสบื สกลุ ใหก้ ับครอบครวั 4.4 ด้านรูปแบบการอบรมเลี้ยงดเู ด็ก รปู แบบการอบรมเลยี้ งดูเด็กของชุมชนบ้านชากไทยพบว่า ในอดตี น้นั ชมุ ชนบ้านชากไทย ไม่มรี ปู แบบการ เล้ียงดูลูกท่ีชดั เจนจะเล้ียงลูกตามวถิ ีชวี ิตและสภาพความเป็นอย่กู ารเลยี้ งลูกม่งุ ให้ลูกเติบโตมาแลว้ สามารถ ชว่ ยประกอบอาชีพเลีย้ งครอบครวั ได้ สว่ นผหู้ ญิงไม่มโี อกาสในการศึกษาเล่าเรียน จะทำหนา้ ทเี่ ปน็ แม่ศรเี รอื น หรือแมบ่ า้ นเป็นหลัก ซึง่ แตกตา่ งจากในปจั จบุ ันรปู แบบการเล้ยี งลูกมกี ารเปลย่ี นแปลงตามยคุ สมัยการเล้ยี ง ลกู จึงมรี ปู แบบทช่ี ดั เจน มคี วามเข้มงวดข้างในบางครัง้ และในบางครง้ั กเ็ ลย้ี งลกู อย่างอิสระ เป็นประชาธิปไตย เพอ่ื ใหล้ ูกเรียนรู้ และแสดงความคดิ เหน็ ไดอ้ ยา่ งอิสระ มกี ารเล้ยี งลูกดว้ ยเหตผุ ล เนอ่ื งจาก ผปู้ กครองมีโอกาส ในการศึกษาในระดบั ทีส่ ูงขึน้ และมีอาชีพท่สี ามารถเล้ยี งตัวเองได้ สามารถสืบคันความรู้ในการเลยี้ งลกู จากสื่อ เทคโนโลยีต่างแลว้ นำความความรูจ้ ากส่อื เหล่านี้มาประยุกต์กับการเล้ียงดูลูกของตนเองตามสภาพความเปน็ จริงทีส่ อดคล้องกับบริบทของครอบครัว

42 อภิปรายผลการวิจัย การวจิ ยั เรือ่ งการศึกษาวฒั นธรรมการอบรมเลี้ยงดูเด็กของชุมชนบ้านชากไทย 1 หม่บู ้าน คือ หมบู่ า้ นตำบลชากไทย กลุ่มผใู้ ห้ข้อมูลที่ศกึ ษา คือ ผปู้ กครองชุมชนบ้านชากไทยทเี่ ลี้ยงดูเดก็ ตัง้ แตแ่ รกเกดิ จนถงึ 6 ปี จำนวน 5คน มีวตั ถปุ ระสงคเ์ พื่อศึกษาวัฒนธรรมการอบรมเล้ยี งดูเด็กปฐมวัยของชุมชนบ้านชาก ไทย ผลจากการศึกษานำมาอภิปรายได้ดังน้ี ดา้ นโครงสร้างกายภาพและบรบิ ทของชุมชน การเปลยี่ นแปลงมาพร้อมการพัฒนาความเจริญในดา้ นบวกและการเลือนหายของวฒั นธรรมอนั ดี งาม ชมุ ชนบา้ นชากไทย ใน 1 จงั หวดั ภาคตะวนั ออก ก็เช่นเดยี วกัน ในหม่บู ้านที่ตง้ั บ้านเรือนอย่บู นที่ราบรมุ่ ไมห่ ่างไกลจากตวั อำเภอหรือตวั จงั หวัด การเดนิ ทางไมล่ ำบากบนถนนทีเ่ ปน็ ถนนคอนกรีด เทคโนโลยีสามารถ เข้าถึง การประกอบอาชีพหรอื เศรษฐกิจของหมบู่ ้านยงั ไม่ดมี ากนักย่อมเป็นหมบู่ า้ นที่ยงั รกั ษาไว้ซ่งึ วถิ ีชีวิต วฒั นธรรม ประเพณีอนั ดีงาม อนั เปน็ ผลดตี ่อการถ่ายทอดวัฒนธรรมการอบรมเลย้ี งดเู ด็กของชมุ ชนบ้านชาก ไทยแบบดั้งเดิม โครงสร้างและรปู แบบของครอบครัวซงึ่ เคยเปน็ ครอบครัวขยายกลายเป็นครอบครวั เดยี่ วมาก ขนึ้ ขนาดของครอบครัวเรมิ่ เล็กลง ครอบครัวไม่สามารถทำหน้าท่ไี ด้อย่างเหมาะสม สถาบนั ครอบครัวซงึ่ เคย เป็นทุนทางสังคม มีระบบเครือญาตทิ ี่มีความผูกพนั อยา่ งใกลช้ ิด มคี วามเกื้อกลู เอ้ืออาทร และการอบรม ขดั เกลาบุตรหลาน การปลูกฝงั วัฒนธรรมและค่านิยมประเพณี กลบั อ่อนแอลง ซ่ึงมีผลต่อปฏสิ ัมพนั ธ์ทั้งภายใน และภายนอกครอบครัวทัง้ ทางลบและทางบวก อนั เนื่องมาจากปญั หาวกิ ฤติท่ีคร๊อบครัวเผชญิ อยู่ ดังน้ี รวมทั้ง ภาวะความอยดู่ ีมสี ุขของประชาชนดา้ นชีวิตครอบครัวมีแนวโนม้ ลดลงโดยเฉพาะดัชนดี ้านสัมพันธภาพท่ี อบอุ่นในครอบครัวมคี า่ ดัชนลี ดลงจากร้อยละ 80.85 ในปี 2539ลดลงเปน็ 70.77 ในปี 2545 แสดงใหเ้ ห็นการ อยู่รว่ มกนั และความสมั พนั ธท์ ี่อบอ่นุ ในครอบครวั เริม่ เส่อื มสลาย ความผกู พันและความเกอ้ื กลู กันใน ครอบครัวเร่ิมห่างเหนิ อันเนื่องมาจากความจำเปน็ ทางเศรษฐกจิ บังคับให้สมาชิกในครอบครวั ตา่ งต้อง พงึ่ ตนเองมากขึ้น ขาดการดูแลเอาใจใสซ่ ึ่งกนั และกันในครอบครัว ทำให้ครอบครวั มีความผูกพนั กันน้อยลง ความหว่ งใยอาทร ความเสยี สละ ความอดทนและพ่ึงพาต่อกันลดนอ้ ยลง ขาดความเข้าใจระหวา่ งคสู่ มรส พ่อ แมก่ บั ลูก พ่ีกับน้องหรือญาติผู้ใหญใ่ นครอบครวั เป็นสาเหตหุ น่ึงท่ีทำใหเ้ กดิ ปญั หาความรุนแรงท้ังใน ครอบครัวและในสังคมดว้ ยเชน่ กัน

43 ดา้ นประเพณี วัฒนธรรม ที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวติ ประเพณวี ฒั นธรรม ของชุมชนบ้านชากไทย ทำใหเ้ ด็กปฐมวยั บ้านชากไทยได้ ผ่านการถ่ายทอดของ ผเู้ ช่ยี วชาญและผูป้ กครองของเด็กๆ แมว้ ่ารูปแบบของบางประเพณีจะเปลย่ี นตามยุคสมัยแตก่ ระบวนการในการจัด จัดประเพณแี ละถ่ายทอดวฒั นธรรมยังคงอยเู่ หมือนเดิม เป็นส่ิงทผ่ี ูกพันกบั ชุมชนบา้ นชากไทยมาตัง้ แต่อดตี จนถงึ ปจั จุบนั แมผ้ ู้ปกครองบางท่นจะไมส่ ามารถปฏิบัติความเช่อื นนั้ ได้ทง้ั หมด ในการอบรมเล้ียงดูเด็กน้นั ซึ่งสอดคล้อง กบั บทวเิ คราะห์ความเช่ือของผเู้ ลี้ยงดูหลกั ของคนไทย 4 ภาค เก่ยี วกบั การดูแลสุขภาพเดก็ ขวบปแี รก พน้ื ที่ศึกษา โครงการวจิ ัยระยะยาวในเด็กไทย ของอำภาพร พวั วไิ ล และคณะ (2546) พบว่าใน 4 พนื้ ทศ่ี ึกษามีความเช่อื รวมถึง ข้อห้าม ข้อปฏบิ ตั ิ และพธิ กี รรมทเ่ี ก่ียวกบั สุขภาพและการดแู ลสุขภาพ ทัง้ ท่ีคลา้ ยคลงึ กันและแตกตา่ งกันออกไปข้อ ค้นพบจากการศกึ ษาคร้งั นี้สะท้อนใหเ้ ห็นถึงบทบาทของภมู ิปญั ญาดงั้ เดมิ ท่ีมีอิทธิพลต่อการดูแลเด็กแรกเกิด ถึง 3 เดอื น ซึ่งสอดประสานไปกับอิทธิพลชุดความรสู้ มัยใหม่ ถึงแมว้ า่ คนรุน่ ใหมน่ จี้ ะได้รับการถ่ายทอดไปแลว้ ก็ตาม แต่ พบว่า ไม่สามารถสอดแทรกเข้าไปเป็นส่วนหนง่ึ ในวถิ ีชีวิตของคนไทยอยา่ งแท้จริง หากต้องการแก้ไขปัญหาสุขภาพ ด้วยวิธกี ารสมยั แล้วก็ควรไปพบแพทย์ท่ีโรงพยาบาลหรือเจา้ หน้าท่อี นามยั แตถ่ ้าจะใช้ภมู ปิ ญั ญาดง้ั เดมิ ทม่ี ีอยู่ สามารถทำได้เองโดยยึดตามคำแนะนำของผใู้ หญ่หรอื ผอู้ าวุโสในครอบครัวหรือผู้รู้ในชุมชน ซงึ่ สอดคล้องกบั ขอ้ มลู ของผวู้ ิจัย พบวา่ ผู้ปกครองสว่ นใหญไ่ ม่มีความรใู้ นเรื่องของความเช่ือและพิธีกรรมท่ีเก่ียวกับการอบรมเลี้ยงดเู ด็ก ของชุมชนบา้ นชากไทยยังมผี ู้อาวโุ สเป็นผู้ถ่ายทอดใหป้ ฏิบตั ติ ามเท่านั้น แต่หากไม่มผี ู้ถ่ายทอดให้แลว้ สิ่งดีงาม เหลา่ นค้ี งจะไมห่ ลงเหลอื ในชมุ ชนบ้านชากไทยเพื่อให้คนรุ่นใหมไ่ ด้ศึกษาหรอื เรียนรู้อกี ต่อไป ดังคำบอกเล่าของ ผเู้ ช่ียวชาญชนบา้ นชากไทยท่ีคาดหวังอยากเห็น ประเพณี วฒั นธรรมความเชื่อ และพิธีกรรม อยู่คกู่ บั ชุมชนวา่ อยาก ให้เด็กรนุ่ ใหมเ่ รยี นรู้และศึกษาวัฒนธรรมประเพณี เหลา่ นไ้ี ว้เพอื่ เป็นการสืบทอดให้สิ่งดีงามเหลา่ น้ยี งั คงอยู่กับ ชมุ ชนชนบ้านชากไทยตลอดไป เน่ืองจากปัจจบุ นั นีม้ ีเด็ก และคนรนุ่ ใหม่ใหค้ วามสนใจในการสบื ทอด ประเพณี วัฒ ธรรม โดยเฉพาะดา้ นการประกอบพธิ กี รรม หากแมน้ ไม่มผี สู้ บื ทอด ในไม่ช้าการกประกอบพิธกี รรมในเด็ก กจ็ ะสญู หายไปจากชุมชนบ้านชากไทยอยา่ งแนน่ อน ดา้ นการส่งเสรมิ พัฒนาการท้ัง 4 ของเดก็ ชมุ ชนบา้ นชากไทย การดูแลด้านรา่ งกายและสุขภาพอนามัยของเด็ก ด้านวิถีการดำเนินชีวติ ในเร่อื งของการดม่ื นมแม่ พบวา่ ผู้ปกครองจะให้ความสำคญั กับนำ้ นมแมเ่ ป็นอย่างมากดว้ ยการให้ลกู ได้ด่ืมนมเปน็ เวลานาน 6 - 12 เดือน ดังนั้นผปู้ กครองจะรับประทานอาหารทเี่ พม่ิ น้ำนม เช่น หวั ปลี เพราะเชื่อว่าน้ำนมแมจ่ ะชว่ ยเพิม่ ภมู ติ า้ นทาน โรคใหก้ บั ลูกและให้ลกู มสี ุขภาพแขง็ แรง อีกทั้งยงั เป็นการประหยัดคา่ ใช้จา่ ยในการเล้ียงดูลกู ซงึ่ สอดคล้องกับ การ วรรณวิมล วิเชยี รฉาย (2549) ท่ีศึกษาปัจจัยท่มี ีอิทธพิ ลต่อความตัง้ ใจในการเล้ยี งลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว

44 นาน 6 เดอื นหลังคลอดของหญิงตั้งครรภ์ทีม่ าฝากครรภ์ ณ โรงพยาบาลพระปกเกล้า พบว่า หญิงตง้ั ครรภ์มี ความเชอื่ เกย่ี วกบั การเล้ียงลูกดว้ ยนมแม่ 5 อนั ดบั แรกว่า การเล้ียงลูกดว้ ยนมแม่ช่วยสรา้ งความสัมพนั ธท์ ี่แน่น แฟันระหว่างลูกและพ่อแม่ ร้อยละ 99.00 ชว่ ยส่งเสริมพัฒนาการของสมองและสตปิ ัญญาของลูก รอ้ ยละ 97.00 ทำใหล้ ูกไดร้ บั สารอาหารครบถว้ น และถา้ มนี ำ้ นมไมเ่ พยี งพอสามารถสง่ เสริมใหม้ นี ำ้ นมเพยี งพอได้ รอ้ ยละ 96.00 และสามารถเลีย้ งลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือนไดแ้ ม้ไม่มีใครเห็นดว้ ย ร้อยละ79.00 และหญงิ ต้งั ครรภม์ คี วามต้ังใจการเล้ยี งลูกดว้ ยนมแม่อยา่ งเดียวนาน 6 เดือน เพราะจะชว่ ยส่งเสรมิ สัมพันธภาพท่ีดีระหวา่ งแม่และลกู เปน็ ผลดตี อ่ สุขภาพของลูกและช่วยลดคา่ ใชจ้ า่ ย และสอดคล้องกบั จินตนา พฒั นพงศธ์ ร (2547) ศึกษาอตั ราการเล้ียงลูกดว้ ยนมแมแ่ ละปัจจัยทมี่ ผี ลต่อการเลยี้ งลูกนมแม่อยา่ ง เดยี วอย่างน้อย 4 เดือน พบว่า อตั ราการเลยี้ งลูกดว้ ยนมแมอ่ ยา่ งนอ้ ย 4เดอื น พ.ศ. 2545 พบอตั ราร้อยละ 13.80 ซงึ่ มีอัตราสูงข้ึนจากปี พ.ศ. 2542 ร้อยละ 10.88 มารดามคี วามพงึ พอใจที่ได้เลีย้ งลูกดว้ ยนมแมใน ระดบั มากรอ้ ยละ 83.40 มารดาคิดวา่ ระยะเวลาทีจ่ ะเลยี้ งลูกดว้ ยนมแม่ควรอยใู่ นช่วง 9-12 เดอื น รอ้ ยละ 43.4 สามมี คี วามเห็นด้วยและสนับสนุนใหภ้ รรยาเลี้ยงดลู กู ดว้ ยนมแมร่ ้อยละ 93.0 สำหรับปจั จยั ทมี่ ีผลต่อ การเล้ยี งลกู ด้วยนมแม่ของมารดา นั่นคอื อาชพี ของมารดาท้งั ก่อนคลอดและหลงั คลอดบุตร ภาวะผิดปกติ หรืออาการแทรกซ้อนของเด็ก ระยะเวลาทจ่ี ะเลยี้ งลูกด้วยนมแมข่ องมารดา ความพึงพอใจของมารดาที่ ตอ้ งการเลย้ี งลกู ด้วยนมแมแ่ ละการได้รบั การสนับสนุนจากสามี การดแู ลด้านร่างกายและสขุ ภาพอนามัยของเด็ก ในเรอื่ งของการเจ็บป่วยของเด็กชุมชนบ้านชากไทย พบวา่ เดก็ จะไมเ่ จ็บปว่ ยมากนัก จะเปน็ ไขห้ วดั ธรรมดา ทีม่ ีสาเหตแุ ละในบางทา่ นก็ยังเชื่อเรอื่ งการเจบ็ ปว่ ยท่มี ี สาเหตุมาจากสงิ่ ท่ีมองไม่เหน็ เมอ่ื เด็กเจ็บปว่ ยจะดูแลเบ้อื งตน้ จากคนในครอบครวั ซง่ึ บางครอบครวั กจ็ ะใช้ วิธีการรักษาแบบพ้นื ขา้ นตามความเชอ่ื ดง้ั เดิมและบางครอบครัวก็จะดูแลแบบสมยั ใหม่ด้วยการพบแพทย์ และซอื้ ยาทานเอง ซงึ่ สอดคลอ้ งกับการศึกษาของ ศูนย์วิจยั การยา้ ยถิ่นแห่งเอเชยี (2549) ศึกษาการใช้ แรงงานเดก็ ภาคประมงต่อเน่ืองภาคประมงเกษตรกรรมและคนรบั ใช้ จงั หวดั สมุทรสาคร พบวา่ ในดา้ นปัญหา สขุ ภาพของเดก็ ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเจบ็ ปว่ ยหรือไดร้ บั บาดเจบ็ สาหสั แตจ่ ะเจ็บปว่ ยเลก็ นอ้ ย เมื่อมีปญั หาจะอยู่ เฉย รองลงมาคอื รักษาตนเอง และปรึกษาครอบครวั ซ่ึงสอดคล้องกบั สมพงษ์ สระแก้ว (2545) ศึกษา แนวทางกรรักษาสุขภาพในกล่มุ แรงงานตา่ งดา้ วจงั หวัดสมทุ รสาคร พบวา่ แบบแผนการใชบ้ รกิ ารสขุ ภาพของ แรงงานต่ำางด้าวส่วนใหญม่ ักจะใช้บริการจากร้านขายยา หรอื ซื้อยารับประทานเองตามร้านยาหรือร้าน คลนิ ิก เม่ือมอี าการเจ็บปว่ ยเล็กน้อย แต่เม่อื มีอาการหนักจงึ จะไปรักษาท่ีโรงพยาบาลและการดูแลสุขภาพ ดว้ ยตนเองนอกจากจะหาชือ้ ยากนิ เองแล้วการไปดแู ลสขุ ภาพกบั หมอพืน้ บ้านที่มีความร้เู ร่ืองยาแผนโบราณ

45 ยาแผนปจั จุบันท่ีเปน็ ที่ไว้วางใจของคนในหม่บู ้าน กเ็ ปน็ อกี ทางเลิกหนึ่งของแรงงานที่จะดูแลรกั ษาสุขภาพ ของเด็ก ด้านการส่งเสริมพฒั นาการทางดา้ นสติปัญญาของเด็กของชุมชนบา้ นชากไทย พบว่า ผ้ปู กครองใน ชุมชนบา้ นชากไทยจะมกี ารส่งเสรมิ ตามสภาพของครอบครัว เช่น ส่ือโปสเตอร์พยัญชนะ ตัวอักษร และการฝกึ ใหล้ กู อ่านหนังส่ือเดก็ บา้ ง ส่วนใหญแ่ ลว้ เด็กจะใชเ้ วลากับการดโู ทรศพั ท์ และรว่ มกิจกรรมกบั ผู้ปกครองหลงั กลับมาจากโรงเรยี นหรือชว่ งเย็นหลงั รบั ประทานอาหารเย็นและผปู้ กครองจะมีการเลา่ นิทานที่เป็นหนงั สือ นิทานทว่ั ไปเพ่ือให้ความบนั เทิงและส่งเสรมิ ทักษะทางภาษาใหก้ ับลกู แตย่ ังไม่พบผปู้ กครองชุมชนบ้านชาก ไทยเลา่ นิทาน ซึ่งแทจ้ รงิ แลว้ การเล่านิทานไมว่ า่ จะเปน็ นิทานประเภทไหนประโยชน์ทีไ่ ด้จากการที่ผู้ปกครอง เลา่ นิทานให้ลูกฟงั หรือใหล้ กู เลา่ ใหฟ้ งั นน้ั คอื การส่งเสรมิ นิสยั รกั การอา่ นของเด็ก การสง่ เสรมิ พฒั นาการทาง ภาษาของเด็ก การส่งเสริมสายใยรักระหว่างครอบครัว การสง่ เสริมจนิ ตนาการและความคิดสรง้ สรรค์ การ พฒั นาสมองให้เกิดการคิดและเรียนรู้รวมทัง้ การฝกึ สมาธใิ ห้กับเด็ก (ธนั วา จิตต์สงวน และคณะ, 2551) ซง่ึ สอดคล้องกบั ปัทมาวดี เลห่ ์มงคล (2551) กล่าวว่า เด็กเล็กทไ่ี ด้รบั การฝึกให้ดูรูปภาพ อ่านหนังสอื หรอื ได้รบั ฟังการเล่านิทานมักจะเป็นเด็ก ชา่ งพูด มคี วามมั่นใจในการพูดและสามารถตอบคำถามในปญั หาตา่ งๆ ได้ และมีความพร้อมที่จะอ่านหนังสอื ดว้ ยตนเองและผลพลอยไดจ้ ากที่พ่อแมอ่ ่านหนังสือใหเ้ ด็กฟัง คือ ขณะท่ี อ่านเดก็ จะอยใู่ นอ้อมกอดของพ่อแม่ ย่อมทำให้เด็กเกดิ ความรสู้ กึ อบอุ่นใจ เมื่อเดก็ อบอุ่นใจเด็กกจ็ ะรู้สึก ปลอดภยั ไว้วางใจสิง่ ต่างๆ ท่อี ยรู่ อบข้าง ความรูส้ ึกเชน่ นจ้ี ะเป็นฐานสำคัญสำหรับพฒั นาการทางดา้ น บุคลกิ ภาพของเด็กต่อไป รวมทง้ั การอา่ นนยี้ ังช่วยส่งเสรมิ นิสยั รักการอา่ น รักท่จี ะเรียนรู้นอกจากนี้บทบาท ของตัวละกรเปน็ บทบาทสมมติ ซง่ึ มผี ลต่อการพฒั นาทักษะทางสังคมมีความรสู้ กึ เขา้ ใจผูอ้ นื่ และร้จู ักแบง่ ปนั เชน่ เดียวกบั เสาวลักษณ์ สมวงษ์ (2545) ทศี่ ึกษาผลของการใชก้ ิกจรรมการเล่านิทานภาษาทมี่ ีผลต่อ ความสามารถในการใช้ภาษาไทยของเดก็ วยั อนบุ าลท่ีใช้ พบว่า กจิ กรรมการเลา่ นิทานภาษาช่วยพัฒนาให้เดก็ ปฐมวัยสามารถใชภ้ าษาไทยได้ดกี วา่ การเล่านิทานโดยใชภ้ าษาเดยี ว ซึง่ สอดคล้องกับ สภุ าภรณ์ มาละโรจน์ (2544) ขอ้ เสนอแนะในการนำผลการวจิ ยั ไปใช้ 1. ดา้ นวถิ ีการดำเนินชีวติ ในด้านของพิธีกรรมการหมนั้ การเส้นผี การแต่งงาน นัน้ แม้ว่าผูป้ กครองจะจดั ตามประเพณีอนั ดีงามของชุมชนบา้ นชากไทย ผู้อาวุโสเทา่ นนั้ ท่คี อยถา่ ยทอดให้ หากหมดรนุ่ ของผูเ้ ช่ียวชาญผู้ เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสแลว้ คนรนุ่ หลงั จะเรียนรปู้ ระเพณเี หลา่ น้ีจากใคร ดังน้ันชาวชนบ้านชากไทยรุ่นใหมจ่ งึ ควร ศึกษาอย่างจรงิ จังหรือผเู้ ช่ียวชาญควรถา่ ยทอดกับคนรุน่ หลังให้สืบทอดประเพณอี นั ดงี ามน้ีสืบตอ่ ไป หรือจดั

46 สถานที่ทเี่ ปน็ แหล่งเรียนรู้ไว้ในหมบู่ า้ นเพ่ือจะให้คนรนุ่ ใหม่ได้เรยี นร้แู ละอนุรักษ์ ประเพณวี ัฒนธรรม อนั ดีงาม เหลา่ น้ีไว้ 2.ดา้ นความเชอื่ ในเรื่องการคลอดบุตรและการดูแลหลังคลอดบุตร เมื่อคลอดบตุ รแล้วต้องอยู่ไฟ 3 เดอื น โดยการทับหม้อเกลือ ใชอฐิ แดงเผาและใชน้ ้ำเกลอื ราดหอ่ ใบพับพงึ นำมาทับท้อง ขับนำ้ คาวปลา เพ่ือให้ ร่างกาย เกิดความอบอุ่นท้งั แมแ่ ละลูกการอยู่ไฟจะต้องมี ยันต์ตรีนิสงิ เห และผูกสายสญิ จน์ลอ้ มรอบบริเวณห้องที่ อยไู่ ฟ คนไปเย่ยี มต้องรู้เคล็ดห้ามพูดว่าร้อนและไมใ่ ห้ทัก เดก็ ว่านา่ รัก ใหท้ ักว่านา่ เกลยี ดน่าชงั เปน็ ต้น หญงิ หลงั คลอดต้องงดของแสลงอยา่ งน้อย 4 เดือนได้แก่ แตงโม แคนตาลูป ของทะเล ไก่ หนอ่ ไม้ ของหมักดอง เชือ่ ว่าหากไม่งดของแสลงจะทำให้เป็นผลเสยี แกร่ า่ งกายเมื่ออายุมาก เช่น หรู ดู กระเพาะปสั สาวะเสือ่ มทำให้กล้ัน ปสั สาวะไม่อยู่ ถา้ อยูไ่ ฟนอ้ ยวันเกนิ ไป เมื่อเหน็ ฝนต้งั เคา้ จะมีอาการหนาวสัน่ ถา้ ต้องการมนี ้ำนมมากใหก้ นิ แกงเลียง หัวปลี ให้มดลกู เข้าอู่เร็ว ตอ้ งทับหม้อเกลือ ให้ร่างกายสดช่ืนแข็งแรงต้องเข้า กระโจมอบสมนุ ไพร และรักษาแผล ช่องคลอดดว้ ยการอบสมุนไพร ความเช่อื ทีน่ ่าสนใจอกี เร่ืองหนึ่งคือ เมอื่ สะดือ เด็กหลดุ แล้วรกั ษาแผลสะดือโดยใช้ พิมเสนโรยรกั ษาแผลส่วนสายสะดอื นั้นเก็บไว้ เวลาเดก็ ปวดทอ้ งให้เอาสาย สะดือมาฝนกับเหลา้ ใหเ้ ดก็ กิน และเม่ือ มีลกู คนต่อ ๆ ไปกจ็ ะนำสายสะดือไปเก็บไว้รวมกนั เชื่อว่าเด็กจะรัก สามัคคี ไมร่ งั แกกนั แม้เป็นลูกผู้พผ่ี ้นู ้องที่อยู่ บา้ นเดยี วกันก็จะเอาไว้รวมกันด้วย การเกิดลมื ตามาดูโลกภายใต้ความอบอนุ่ เชน่ น้ปี ระกอบกบั ความเช่ือในเรือ่ ง ตา่ ง ๆ ท่ี เปน็ ภมู ปิ ัญญาถา่ ยทอด กนั มานับเป็น วิถชี วี ิตที่นา่ ศกึ ษาอยา่ งยิ่ง มิใช่เรื่องเหลวไหล แตม่ ีเหตุมีผลใน ตวั เองทุกเรือ่ ง จึงทำให้ครอบครวั มีความเปน็ อยทู่ ี่อบอนุ่ มีความผูกพนั ฉนั ญาติมิตร คอยชว่ ยเหลือเก้อื กลู กันตลอด มา 3.ดา้ นความรู้ในการอบรมเล้ียงดเู ดก็ ของผปู้ กครอง เน่อื งจากชาวชุมชนบ้านชากไทยจะส่งเสริมพฒั นาการ ท้งั 4 ด้านของเด็กตามความรู้ทีผ่ ูป้ กครองได้ศกึ ษาจากแหลง่ ขอ้ มูลตา่ งบ้างและตามความเช่อื และวถิ ีการปฏบิ ัติท่สี ืบ ทอดต่อๆ กันมา ซึ่งก็เปน็ สิ่งดีท่ชี ุมชนบ้านชากไทยสามารถอนรุ ักษ์ความเช่ือบางอย่างไวไ้ ดแ้ ต่เพื่อในการอบรมเล้ียง ดชู ุมชนบ้านชากไทยที่มีคุณภาพควรมีการเช่ือมระหว่างความเช่ือด้ังเดิมกบั การอบรมเลี้ยงดเู ดก็ สมยั ใหม่นา่ จาก หน่วยงานท่มี คี วามรู้ความเชยี่ วชาญในด้านการอบรมเลี้ยงดูเดก็ เช่น โรงพยาบาล โรงพยาบาลสง่ เสรมิ สุขภาพ ตำบล อาจารย์ ครู นกั วิชาการ ที่มคี วามรู้เกี่ยวกับการอบรมเลีย้ งดเู ด็กปฐมวัย มาจดั อบรมเชงิ ปฏิบตั กิ าร หรอื จดั ทำหนังสอื เอกสารให้ความรแู้ ก่ผูป้ กครอง เพอ่ื ท่ผี ู้ปกครองจะได้มคี วามรู้ในการอบรมเล้ียงดเู ดก็ ไดม้ ากขน้ึ 4.ดา้ นการจดั สภาพแวดล้อม ในเร่ืองของสภาพแวดลอ้ มแหลง่ การเรียนรู้ ผปู้ กครองจะใหเ้ ด็ก ชุมชนบ้านชากไทยไดม้ โี อกาสเรียนรกู้ ับส่ิงต่างๆ รอบตัวอย่างอิสระ ในทุกสถานที่ จนบางคร้ังผปู้ กครองลืมนึก ถงึ ความปลอดภัยท่ีจะเกดิ ขนึ้ กับเด็ก เช่น การจดั เก็บของมีคม ระบบไฟฟ้า สารเคมีการเกษตร รวมทง้ั การลัก ขโมยเด็ก การขม่ ขนื เพราะส่ิงเหล่านอ้ี าจจะเกิดขึน้ ได้โดยทีค่ าดไม่ถงึ ดังนนั้ ผู้ปกครองควรคำนงึ ถงึ แลปลกู ฝงั

47 ให้เดก็ รู้จักอะไรควรทำอะไรไมค่ วรทำ อะไรท่ีเปน็ พิษและการปอ้ งกนั ตนเองจาการลอ่ หลวงหรือการลกั พาตัว เด็ก 5.ดา้ นการดูแลสขุ ภาพเดก็ เม่ือไม่สบายเพยี งเล็กนอ้ ยจะใช้การทุบหวั หอมโปะท่ีกระหม่อม หรอื กวาด ยา ถ้าเจบ็ ท้อง จะใชม้ หาหิงทาท้อง หรอื อาการทอ้ งอืดจะใชไ้ กดว์ อเตอรห์ ยดใสป่ ากเพอ่ื แก้อาการท้องอืด ทอ้ งเฟ้อตอ้ งกินทุกวนั ตอนเย็น หรอื ถา้ เด็กงอแงแบบไร้สาเหตกุ จ็ ะพาไปบรู ณก์ บั หมอชาวบ้านวิธีการบณู จ์ ะใช้ มดี คล้องเชอื กกระป๋องใส่ขา้ วสาร ละเขยา่ มดี ถา้ เอย่ ถึงชื่อคนท่ตี ายไปแล้วมีดหยุดท่ีคนไหนแปลว่า คนนนั้ เป็นคนทกั ข้อเสนอแนะในการทำวิจยั ครง้ั ตอ่ ไป 1. ควรศึกษาวฒั นธรรมการอบรมเลีย้ งดเู ดก็ ปฐมวยั ของชนเผ่าอื่นๆ เพื่อศึกษาเปรยี บเทียบความแตกตา่ ง ของวฒั นธรรมทใ่ี ช้ในการอบรมเลยี้ งดเู ดก็ ปฐมวัย 2. ควรศกึ ษาวจิ ัยท่ีเกยี่ วขอ้ งกับการพฒั นาฐานระบบขอ้ มลู อิเล็กทรอนิกส์ เกย่ี วกับวัฒนธรรมการอบรม เลี้ยงดเู ดก็ ของชนเผา่ อว้ิ เมี่ยนและชนเผ่าอน่ื ๆ

48 บรรณานุกรม บรรณานุกรมภาษาไทย กมลนันท์ รังสยาธร. (2543). การศกึ ษาวิธีการอบรมเลย้ี งดูเดก็ ทีส่ ่งเสริมผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการศกึ ษาปฐมวัย, มหาวทิ ยาลยั ศรีนครรินทราวโิ รฒประสานมิตร. กรงุ เทพมหานคร.กองสงเคราะห์ชาวเขา. (2540). ทำเนยี บชุมชนพืน้ ทสี่ งู 20 หวดั ในประเทศไทย. กระทรวงแรงงาและสวัสดกิ ารสงั คม. กรงุ เทพมหานคร.กศุ ล สุนทรธาดา. (2541). ทบทวน องค์ความรู้ เรือ่ งการเลี้ยงดูเด็กในสงั คมไทย. สถาบนั วิจัย ประชากรและสังคม สำนกั งานกองทุนสนับสนนุ การ วิจยั . มหาวทิ ยาลัยมหิดล. คลงั ปญั ญาไทย. (2550). ปัญหาวกิ ฤตครอบครวั ไทย. 12 กุมภาพนั ธ์ 2557 http://www.panyathai.or.th เครือข่ายวฒั นธรรมอวิ้ เม่ยี น. (2545).สาระองคค์ วามรู้ภมู ปิ ัญญาทอ้ งถิ่นอิว้ เมีย่ น ( เยา้ ). องค์กรชุมชนบา้ นปางคา่ - ปางพรกิ . พะเยา: สำนักงานกองทนุ เพ่ือสังคม. จิตตินนั ท์ ชุมทอง. (2547). ปจั จัยคัดสรรทส่ี มั พันธ์กับเชาวน์อารมณ์ของนิสิตนกั ศึกษามหา- วทิ ยาลยั . วิทยานพิ นธป์ ริญญามหาบัณฑติ สาขาจิตวทิ ยาพัฒนาการ คณะจติ วทิ ยาบณั ฑิตวิทยาลัย จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . จรรจา สวุ รรณทตั . (2539). ความเช่อื เกย่ี วกับการอบรมเลย้ี งดูเดก็ . เอกสารการสอนชุด พัฒนาการเด็กและการเล้ียงดูหน่วยที่ 8-15. พมิ พ์คร้งั ท่ี . มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธริ าช.นนทบรุ ี. จินตนา พัฒนพงศ์ธร. (2547). ศึกษาอัตราการเลยี้ งลูกด้วยนมแมแ่ ละปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการเลยี้ งลกู นมแม่อยา่ งเดียว อย่างน้อย 4 เดอื น. สำนกั สง่ เสริมคุณภาพ กรมอนามยั แมแ่ ละเด็ก กระทรวงสาธารณสุข. นนทบุร.ี ชลาธปิ สมาหิโต. (2549). การพัฒนาภาษาสำหรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพมหานคร: สาขาวิชาการศกึ ษาปฐมวยั ภาควชิ าการศกึ ษา คณะศึกษาศาสตร์, มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์.

49 ดนยั กล่าวแลว้ . (2545). การอบรมเลย้ี งดูเด็กของครอบครัวไทยใหญ่: กรณีศกึ ษาหมบู่ า้ น สามคั คี จังหวดั แมฮ่ ่องสอน. วทิ ยานิพนธ์ศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาประชากรศึกษา มหาวิทยาลยั มหิดล.ทัศนียา โตะ๊ นิ. (2551). การแพทย์รกั ษากาย ธรรมะรกั ษาใจ. 12 กุมภาพันธ์ 2557. http://ahanfood5.ueuo.com ทพิ จทุ า สุภิมารส. (2550). การพฒั นากระบวนการถา่ ยทอดวฒั นธรรมการอบรมเล้ียงดเู ด็กปฐมวัยเขมรถิน่ ไทยตาม แนวทฤษฎกี ารสรา้ งพลงั ภมู ปิ ัญญาชาวบา้ น. วิทยานพิ นธ์ครุศาสตรดษุ ฎี บณั ฑติ สาขาวชิ าการศึกษาปฐมวัย, จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยั . ธันวา จิตตส์ งวน และคณะ. (2551). คู่มอื สง่ เสริมพฒั นาการเดก็ ดว้ ยการเล่านทิ าน อา่ นหนงั สอื และ การเลน่ กับลูก. กรมพัฒนาสงั คมและสวัสดิการ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมน่ั คงของ มนษุ ย์: กรุงเทพมหานคร. ทิศนา แขมมณี และคณะ. (2536). หลักการและรูปแบบการพัฒนาเดก็ ปฐมวัยตามวิถชี วี ติ ไทย. หนว่ ยปฏบิ ตั ิการวิจยั การปฐมวยั ศกึ ษา คณะครุศาสตร์. กรงุ เทพมหานคร: จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. ทพิ จุทา สุภิมารส. (2550). การพัฒนากระบวนการถา่ ยทอดวัฒนธรรมการอบรมเล้ียงดเู ด็กปฐมวัยเขมรถ่นิ ไทยตาม แนวทฤษฎีการสรา้ งพลังภมู ปิ ัญญาชาวบ้าน. วิทยานพิ นธ์ ครศุ าสตรดุษฎบี ัณฑิต สาขาวชิ าการศกึ ษาปฐมวยั , จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . นภเนตร ธรรมบวร. (2541). บทบาท ของครอบครัวกบั การศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร: สำนักงาน คณะกรรมการการศกึ ษาแห่งชาต.ิ บษุ บง ตนั ตวิ งศ.์ (2537). รูปแบบการอบรมเลีย้ งดูเด็กปฐมวัยในสงั คมไทย. ประมวลสาระชุด วชิ าหลักการและแนวคิดทางการศึกษาปฐมวยั เล่มท่ี 3. นนทบรุ :ี มหาวทิ ยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ปัทมาวดี เล่หม์ งคล. (2551). คูม่ ือสง่ เสริมพฒั นาการเด็กด้วยการเลา่ นิทาน อ่านหนังสอื และการเล่นกับลกู . กรม พฒั นาสงั คมและสวัสดกิ าร กระทรวงพฒั นาสงั คมและความมนั่ คงของมนษุ ย์. กรงุ เทพมหานคร. ปรีชา สกุ ใส. (2541). การศึกษาเจตคติเก่ียวกับ จรยิ ธรรม ค่านยิ ม ประเพณีและวฒั นธรรมของครอบครวั ทม่ี ีผลต่อ การอบรมเลีย้ งดูบตุ ร. วิทยานิพนธศ์ ึกษาศาสตรมหาบณั ฑิตสาขาการพฒั นาชุมชน, สถาบันราชภฏั พบิ ลู สงคราม.

50 ภาคผนวก

51 ภาคผนวก ก แนวคำถามในการสัมภาษณ์

52 แนวคำถามในการสัมภาษณผ์ ู้เชย่ี วชาญดา้ นข้อมูลทวั่ ไปของชมุ ชน 1.ด้านขอ้ มลู ทัว่ ไปของหมบู่ ้าน คำถามเกร่นิ นำ 1. ชื่อผ้ใู หส้ ัมภาษณ์………………………………………………………………………………………. 2. อายขุ องผใู้ หส้ ัมภาษณ์……………………………………………………………………………… 3. ระดบั การศึกษา………………………………………………………………………………………… 4. สถานภาพการสมรสในปจั จบุ นั ………………………………………………………………….. 5. สถานภาพการทำงานในปจั จุบนั ………………………………………………………………. 6. จำนวนสมาชกิ ในครอบครวั ปัจจุบนั ที่อาศยั อยู่…………………………………………… 1.ดา้ นโครงสร้างทางกายภาพและข้อมลู ท่ัวไป 1.1 ลักษณะภมู ิประเทศและผมู้ อี ากาศ 1.2 ลกั ษณะการประกอบอาชพี 2.ดา้ นวัฒนธรรม ประเพณี ความเชอ่ื เก่ียวกบั การอบรมเลีย้ งดเู ด็ก 3.ด้านการอบรมเล้ยี งดู 1.การปฏบิ ตั หิ น้าทต่ี อ่ กจิ วตั รประจำวนั -การฝกึ สุขนสิ ยั และลักษณะนสิ ัยทีด่ ี -การสนับสนนุ ใหเ้ ดก็ เล่น/วธิ ีการ -กิจกรรมที่เดก็ ได้ลงมือกระทำโดยผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 2.การสง่ เสริมพฒั นาการของเด็ก 3.การปฏิบัตติ ่อเด็ก(คำพดู และวธิ กี าร) 4.การสงั เกตพฒั นาการ 5.การเฝ้าระวงั ความผิดปกติ

53 ภาคผนวก ข รายชอ่ื ผู้ให้ข้อมลู

54 รายช่ือผู้ให้ขอ้ มูลของชุมชนบ้านชากไทย 1.นางวันดี บญุ อภยั 2.นางสธุ ดิ า แก้วเกษ 3.นางสาวอรพรรณ แก้วเกษ 4.นางสาวรัชนาพร บุญอภัย

55 ภาคผนวก ค ภาพประกอบการลงพ้ืนท่ี

56 ภาพที่ ค-1สัมภาษเจาะลกึ กบั ผ้ปู กครองในชุมชน

57 ภาพที่ ค-2 การอบรมเลนี้ ฃยงดูเด็กของชมุ ชนบา้ นชากไทย

58

59 ประวตั ผิ วู้ จิ ัย ชอ่ื -นามสกุล นางสาวนำ้ ฝน ชายเชิด ประวัติการศึกษา ปริญญาตรี ครุศาสตร์ สาขาการศึกษาปฐมวยั มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook