37 ตารางท่ี 3-3 ทรัพยากรดนิ พ้ืนท่ีลุ่มน้าหว้ ยกระเสยี ว - หว้ ยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวดั อทุ ยั ธานี (ต่อ) หน่วย ทรพั ยากรดนิ คาอธบิ าย เนือ้ ที่ (ไร่) ร้อยละ แผนที่ 1,894 1.38 26 Uti-slA ชดุ ดนิ อุทยั มเี นอ้ื ดนิ บนเปน็ ดนิ รว่ นปนทรายความลาดชนั 4,587 3.33 0-2 เปอรเ์ ซ็นต์ 27 Uti-slB ชุดดินอุทยั มีเนอื้ ดินบนเป็นดนิ รว่ นปนทราย ความลาดชนั 1,216 0.88 2-5 เปอรเ์ ซน็ ต์ 28 Ws-clC ชดุ ดนิ วงั สะพุง มีเนอ้ื ดนิ บนเป็นดนิ รว่ นปนดนิ เหนยี ว 1,437 1.04 ความลาดชนั 5-12 เปอรเ์ ซน็ ต์ 29 Ws-clD ชดุ ดินวังสะพงุ มเี น้ือดินบนเป็นดนิ ร่วนปนดินเหนยี ว 162 0.12 ความลาดชัน 12-20 เปอร์เซ็นต์ 67,447 48.98 30 ML พื้นที่เบด็ เตล็ด 3,488 2.53 31 SC พืน้ ที่ลาดชันเชงิ ซ้อน 1,607 1.17 32 U พน้ื ท่ีชุมชนและส่ิงปลูกสร้าง 137,705 100.00 33 W พื้นทนี่ ้า รวมเน้ือที่
38 ภาพท่ี 3-4 ทรพั ยากรดิน พื้นท่ีล่มุ น้าห้วยกระเสยี ว - หว้ ยทา่ กวย อาเภอบา้ นไร่ จงั หวัดอทุ ัยธานี
39 สภาพปัญหาและข้อจ้ากดั ของดนิ สภาพปัญหาและข้อจากัดของดินในพ้ืนท่ีลมุ่ น้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวยประกอบด้วยปัญหาดิน ตื้นและเนื้อดินปนเศษหิน ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของต่า และเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้าและการชะล้าง พังทลายของดิน เนื่องจากพื้นที่มีความลาดชันสูง โดยแยกเป็น 3 ประเภทหลัก (กรมพัฒนาท่ีดิน, 2561) ซึ่งพบการกระจายตวั ในพนื้ ทต่ี า่ ง ๆ (ตารางที่ 3-4 ภาพที่ 3-5) โดยมรี ายละเอยี ด ดังนี้ 1) ปญั หาดินต้ืน เป็นดินที่เป็นชั้นดินหนาประมาณ 50 เซนติเมตร ส่วนใหญ่มีเน้ือดินเป็น ดินร่วนปนทราย ช้ันถัดไปเป็นช้ันดินมีเนื้อดินเป็นดินร่วนปนทราย ดินร่วนเหนียวปนทรายท่ีมีปริมาณกรวด หรือเศษหิน ปะปนมากกว่าหรือเท่ากับร้อยละ 35 โดยปริมาตร หรือพบหินพื้นผุ ภายในความลึก 50 เซนติเมตร จาก ผิวดิน จากลักษณะของดินดังกล่าวถือเป็นอุปสรรคต่อการเจริญเติบโตของพืชด้านการชอนไชของรากพืช ทาให้การเกาะยึดตัวของดินไม่ดี ยากแก่การไถพรวน เกิดการชะล้างพังทลายได้ง่าย สภาพปัญหานี้พบ ครอบคลุมเนอื้ ทรี่ วม 5,238 ไร่ หรือรอ้ ยละ 3.80 ของเนือ้ ที่ท้งั หมด แบ่งออกได้เปน็ 2 ประเภท คือ 1.1) ดินต้ืนถึงชั้นก้อนกรวดมน ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพ้ืนท่ีบางส่วนของตาบลเจ้าวัด บรเิ วณหมู่บา้ นบ้านบงุ มเี น้ือท่ี 741 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.54 ของเนือ้ ทที่ งั้ หมด 1.2) ดินตื้นช้ันเศษหิน ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพ้ืนท่ีลาดเชิงเขาของตาบลห้วยแหง และ บางสว่ นของตาบลคอกควายและตาบลบ้านไร่ มีเนื้อที่ 4,497 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 3.26 ของเน้อื ท่ที ง้ั หมด 2) ปัญหาดนิ มีความอดุ มสมบูรณ์ตา่ เม่ือพิจารณาหลักเกณฑ์การประเมินความอุดมสมบูรณ์ของดินในประเทศไทยนั้น กรมพัฒนาที่ดิน ใช้เกณฑ์การประเมินจากค่าวิเคราะห์ดิน 5 รายการ คือ ร้อยละปริมาณอินทรียวัตถุปริมาณฟอสฟอรัสท่ี เป็นประโยชน์ ปริมาณโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ ความจุแลกเปล่ียนแคตไอออนและอัตราร้อยละ ความอิ่มตัวเบส ซ่ึงแต่ละรายการจะมีเกณฑป์ ระเมนิ เป็นคา่ สูง ปานกลาง ต่า เน่อื งจากสภาพทางธรรมชาติ โดยดินมีวัตถุต้นกาเนิดดินท่ีมีแร่ธาตุอาหารตามธรรมชาติต่า ประกอบกับมีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่าง ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเวลานาน โดยไม่ได้มีการปรับปรุงบารุงดินเท่าท่ีควร ทาให้ดินเสื่อมโทรม ความอุดม สมบูรณ์ลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตช้า ผลผลิตตกต่า คุณภาพไม่ดี สภาพปัญหานี้พบ กระจายครอบคลุมเนื้อท่ีรวม 39,678 ไร่ หรือร้อยละ 28.81 ของเนื้อที่ท้ังหมด และสามารถแบ่งตาม สภาพพน้ื ที่ คอื 2.1) ดินร่วนหยาบมีความอุดมสมบูรณ์ต่าพ้ืนท่ีราบ ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพื้นที่ ตาบลหว้ ยแห้ง และบางสว่ นของตาบลเจ้าวดั มีเน้ือที่ 18,257 ไร่ หรอื ร้อยละ 13.26 ของเนือ้ ทท่ี ัง้ หมด 2.2) ดินร่วนหยาบมีความอุดมสมบูรณ์ต่าพ้ืนที่ลาดชัน ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพ้ืนท่ี ตาบลเจ้าวัด และบางส่วนของตาบลห้วยแห้ง ตาบลคอกควาย มีเน้ือที่ 16,223 ไร่ หรือร้อยละ 11.78 ของเนือ้ ที่ท้งั หมด 2.3) ดินร่วนหยาบมีความอุดมสมบูรณ์ต่าพ้ืนท่ีราบ ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ในพ้ืนท่ี ตาบลเจา้ วัด บรเิ วณหม่บู ้านอีพ่งุ ใหญ่ มเี นื้อท่ี 5,198 ไร่ หรือรอ้ ยละ 3.77 ของเน้อื ที่ทง้ั หมด
40 3) ปัญหาพนื้ ทมี่ คี วามลาดชันสูง พ้ืนท่ีท่ีมีความลาดชันสูง ส่วนใหญ่มีสภาพการใช้ท่ีดินเป็นป่าไม้ พื้นท่ีนี้ไม่เหมาะที่จะนามาใช้ ประโยชน์ด้านการเกษตร และมีความเส่ียงต่อการชะล้างพังทะลายของดินสูง ส่วนใหญ่พบกระจายตัวอยู่ ทางด้านทิศตะวนั ตกของพ้นื ท่ีตาบลเจา้ วัด มีเนือ้ ที่ 67,447 ไร่ หรอื รอ้ ยละ48.98 ของเน้อื ที่ท้งั หมด ตารางที่ 3-4 สภาพปัญหาทรัพยากรดินในพ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จงั หวัดอทุ ัยธานี หนว่ ยแผนที่ สถานภาพทรัพยากรดิน เนื้อท่ี (ไร)่ รอ้ ยละ 1 ดินต้ืน 5,238 3.80 1.1 ดนิ ต้ืนถงึ ชนั้ กรวดมน 741 0.54 1.2 ดนิ ต้นื ถึงช้ันเศษหิน 3.26 2 ดนิ มคี วามอุดมสมบูรณ์ต่า้ 4,497 28.81 2.1 ดินรว่ นหยาบมคี วามอุดมสมบูรณต์ า่ พ้ืนทีร่ าบ 39,678 13.26 2.2 ดินรว่ นหยาบมคี วามอุดมสมบูรณต์ า่ พื้นท่ีลาดชนั 18,257 11.78 2.3 ดินเหนยี วมีความอุดมสมบรู ณ์ตา่ พ้ืนท่ลี าดชัน 16,223 3.77 3 ดนิ อื่น ๆ 5,198 14.59 3.1 ดนิ รว่ นหยาบในพ้นื ทีร่ าบ 20,085 1.46 3.2 ดนิ รว่ นละเอียดลกึ ปานกลางในพื้นท่ีลาดชัน 2,007 11.20 3.3 ดินเหนียวลึกปานกลางในพืน้ ท่ลี าดชนั 15,425 1.93 4 ปญั หาพ้นื ท่ีมีความลาดชนั สูง 2,653 48.98 5 พื้นที่เบ็ดเตล็ด 67,447 0.12 6 พน้ื ทช่ี มุ ชนและส่ิงปลกู สรา้ ง 2.53 7 พ้ืนทน่ี ้า 162 1.17 7.1 แหล่งนา้ ธรรมชาติ 3,488 0.83 7.2 แหล่งนา้ ท่ีสร้างขนึ้ 1,607 0.34 1,143 100.00 รวมเนือ้ ท่ี 464 137,705
41 ภาพที่ 3-5 สภาพปัญหาทรัพยากรดิน พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวดั อทุ ัยธานี
42 พื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว – ห้วยท่ากวยลักษณะลุ่มน้าจะมีการไหลจากทิศตะวันตก และ ทิศเหนือมายังทิศตะวันออกเฉียงใต้โดยมีรูปแบบการระบายน้าเป็นแบบกิ่งไม้ (dendritic drainage pattern) เป็นลักษณะโครงข่ายการระบายน้าท่ีลาน้าย่อยไหลมารวมกันกับลาน้าหลักลักษณะคล้ายก่ิงไม้ หรือเสน้ ประสาทเป็นส่วนหน่ึงของลุ่มน้าสาขาห้วยกระเสยี วลุ่มน้าหลักแมน่ ้าท่าจนี โดยมีรายละเอียด (ภาพ ท่ี 3-6) ดังนี้ ลุ่มน้าสาขาห้วยกระเสียว (1302) เป็นลุม่ น้าสาขาทอี่ ยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของลุ่มน้าท่าจีน ครอบคลุมพ้ืนที่อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี อาเภอด่านช้าง อาเภอเดิมบางนางบวช อาเภอสามชุก อาเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี อาเภอเนินขาม อาเภอหันคา จังหวัดชัยนาท อาเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี สภาพภูมิประเทศจะมีลักษณะเป็นภูเขาสูงด้านทิศตะวันตก และเป็นพ้ืนที่ราบด้านทิศ ตะวันออก ลาน้าสายสาคัญของพ้ืนที่ ได้แก่ ห้วยกระเสียวซึ่งเป็นลาน้าสายหลักของพื้นที่ และห้วยท่ากวย ซึ่งเป็นลาน้าสายรอง นอกจากน้ีในพื้นท่ียังประกอบไปด้วยลาน้าย่อยซ่ึงไหลลงสู่ห้วยกระเสียว และ ห้วยท่ากวย ได้แก่ คลองเตยคลองอีพลู ห้วยแห้ง ห้วยตาแย สาหรับแหล่งน้าท่ีสาคัญในพื้นท่ี ได้แก่ อา่ งเก็บนา้ เขาแหลม อ่างเกบ็ น้าท่ากวย อา่ งเกบ็ นา้ บา้ นใหม่ลาปาง และอา่ งเก็บน้าห้วยคลองเตย 1) ขาดแคลนแหล่งน้าเพื่อการเกษตรตลอดจนน้าเพ่ือการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะในช่วง ฤดแู ลง้ ในบริเวณพนื้ ทใี่ กลล้ าน้า 2) แหล่งน้าท่ีมีอยู่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มท่ีเนื่องจากขาดระบบส่งน้า และ เคร่อื งสบู นา้ ตลอดจนการบริหารจดั การท่ดี ี 3) ไมม่ ีแหล่งเก็บกักและชะลอการไหลของน้า ซงึ่ เป็นผลทาให้เกิดการกัดเซาะในพ้นื ท่ีของลาน้า แนวโน้มในอนาคตสถานการณ์ปัญหาของแหล่งน้าเช่นปัญหาการขาดแคลนน้าใช้ในช่วงฤดู แล้งปัญหาน้าท่วมในช่วงฤดูฝนที่เกิดขึ้นในบางพ้ืนที่ปัญหาการพัฒนาพ้ืนท่ีแหล่งน้าและปัญหาคุณภาพ แหล่งน้าในอนาคตเมื่อคานึงถึงความต้องการที่เพ่ิมข้ึนของการใช้น้าในด้านต่าง ๆ อันเน่ืองมาจากการ เพิ่มขึ้นของประชากรการเจริญเติบโตด้านเศรษฐกิจและสังคมซึ่งจะทาให้เกิดความไม่สมดุลในด้านการใช้ น้าและทรัพยากรธรรมชาติอน่ื ที่เก่ียวข้องอาจก่อให้เกดิ ปัญหาตา่ ง ๆ ตามมาปัญหาเหล่านี้ยังคงเป็นปัญหา สาคญั ที่ควรได้รับการแก้ไขอยา่ งต่อเนื่อง
43 ภาพท่ี 3-6 เส้นทางนา้ และระบบคมนาคม พนื้ ทลี่ ุ่มนา้ ห้วยกระเสยี ว-ห้วยทา่ กวย อาเภอบา้ นไร่ จงั หวดั อทุ ัยธานี
44 จากการศึกษาสภาพพื้นที่ของลมุ่ นา้ ห้วยกระเสียว - ห้วยทา่ กวย มพี ื้นทรี่ บั น้าเท่ากับ 220.32 ตารางกิโลเมตร (137,705 ไร่) ภาพที่ 3-7 ขอบเขต พ้ืนทลี่ ่มุ น้าห้วยกระเสียว - ห้วยทา่ กวย อาเภอบ้านไร่ จังหวดั อุทยั ธานี 3.1) ปรมิ าณน้าทา่ โดยวิธี Regional Runoff equation จากการคานวณปริมาณน้าท่าด้วยวิธี Regional Runoff equation ซ่ึงอาศัยความสัมพันธ์ แบบรีเกรซช่ัน (regression) ระหว่างปริมาณน้านองสูงสุดเฉล่ียและพื้นท่ีรับน้าเท่ากับ220.32 ตาราง กิโลเมตร สามารถคานวณปรมิ าณน้าทา่ ไดจ้ ากสมการ Q = 4.4427A0.6291 สามารถวิเคราะห์ปริมาณน้าเฉล่ียรายปีและพ้ืนที่รับน้าท่ีได้จากสมการท่ี เท่ากับ 132.33 ล้านลูกบาศกเ์ มตร
45 ภาพที่ 3-8 ความสมั พันธ์ระหว่างปริมาณนา้ ทา่ รายปีเฉลีย่ กบั พ้ืนทร่ี ับน้าฝนของลุ่มน้าท่าจีน ท่มี า: กรมชลประทาน (2561) ปัญหาใหญ่ของพื้นที่คือการขาดแคลนน้าและการท่ีเกษตรกรใช้น้าไม่ได้เต็มประสิทธิภาพ เน่ืองจากขาดระบบกระจายน้าท่ีเพียงพอทาให้ได้ผลผลิตทางการเกษตรไม่เต็มท่ี ดังนั้นแนวทางในการ แกป้ ญั หาทรพั ยากรน้าของพ้นื ทค่ี ือจะต้องดาเนินการสรา้ งฝายชะลอน้าเปน็ ช่วง ๆ ทาให้การเคล่ือนตัวของ มวลน้าลดความเร็วและไหลช้าลง เพ่ือช่วยให้เกิดความช่มุ ช้ืนในดนิ ลดการกัดเซาะของลาน้า และมีแหล่ง น้าเพ่ิมขึ้น นอกจากน้ียังต้องดาเนินการสร้างระบบกระจายน้าให้คลอบคลุมพื้นที่เกษตรกรรมให้เพียงพอ ต่อความต้องการน้าของพืชผลทางการเกษตร และยังช่วยเพ่ิมความชุ่มชื้นในดินอีกด้วยแหล่งน้าต้นทุนใน พืน้ ทีศ่ กึ ษาลมุ่ นา้ ห้วยกระเสียว – ห้วยท่ากวย มีดังนี้ (ตารางท่ี 3-5) ตารางที่ 3-5 แหล่งน้าต้นทุน พ้นื ที่ลุ่มนา้ หว้ ยกระเสียว - หว้ ยท่ากวย อาเภอบา้ นไร่ จงั หวดั อุทัยธานี ลาดบั ที่ โครงการ ตาบล อาเภอ จงั หวัด 1 อา่ งเกบ็ น้าเขาแหลม เจ้าวดั บา้ นไร่ อทุ ยั ธานี 2 อา่ งเกบ็ นา้ ท่ากวย เจา้ วัด บา้ นไร่ อุทยั ธานี 3 อา่ งเก็บนา้ บ้านใหม่ลาปาง คอกควาย บ้านไร่ อทุ ัยธานี 4 อ่างเก็บนา้ หว้ ยคลองเตย เจ้าวดั บ้านไร่ อุทยั ธานี
46 พ้ืนที่ป่าไม้ในเขตป่าตามกฎหมายวิเคราะห์จากการซ้อนทับข้อมูลพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติ (เขตการใช้ ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดินป่าไม้ในพ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติ) พ้ืนที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรีเร่ือง การกาหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้า ป่าไม้ถาวรนอกเขตป่าเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เขต โฉนดท่ีดิน และสภาพการใชท้ ีด่ นิ ในพ้นื ท่ีโครงการ พบว่ามีสถานภาพของทรพั ยากรปา่ ไมด้ งั ตารางท่ี3-6 ตารางที่ 3-6 สถานภาพทรัพยากรป่าไม้ พื้นที่ลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวดั อทุ ยั ธานี สถานภาพทรัพยากรปา่ ไม้ เน้อื ท่ี ไร่ ร้อยละ พืน้ ทใ่ี นเขตปา่ ตามกฎหมาย 69,810 50.70 1) พื้นทป่ี ่าสมบูรณ์ 10,234 7.43 2) พ้นื ท่ปี ่ารอสภาพฟน้ื ฟู 49,570 36.00 3) พน้ื ที่มีการใชป้ ระโยชนเ์ พื่อเกษตรกรรม 9,109 6.62 - นาขา้ ว - พืชไร่ 2 n.s. - ไมย้ นื ต้น 7,347 5.34 - ไม้ผล - ไมด้ อกไมป้ ระดับ/พชื ผัก 1,469 1.07 4) พนื้ ทเ่ี บ็ดเตลด็ 5) พ้ืนทช่ี ุมชนและสงิ่ ปลูกสร้าง 283 0.21 6) พื้นท่นี ้า 8 0.01 184 0.13 462 0.34 251 0.18 หมายเหตุ: เนื้อทปี่ ่าไม้ตามกฎหมายและป่าตามมตคิ ณะรฐั มนตรคี านวณด้วยระบบสารสนเทศภมู ิศาสตร์ ข้อมูลขอบเขตท่ีดินของรัฐด้านทรัพยากรป่าไม้ในพ้ืนที่ดาเนินการลุ่มน้าห้วยกระเสียว – ห้วยท่ากวย ประกอบดว้ ย ข้อมูลป่าสงวนแห่งชาติ เขตการจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและดินป่าไม้ในเขตป่า สงวนแหง่ ชาติ ชั้นคุณภาพลมุ่ น้าป่าไมถ้ าวรเขตปฏริ ปู ท่ดี ิน (ส.ป.ก.) และเขตโฉนดท่ีดนิ ดงั ตารางที่ 3-7
47 ตารางที่ 3-7 ข้อมลู ท่ดี นิ ของรฐั ท่ีใชร้ ว่ มในการวเิ คราะห์ด้านทรัพยากรป่าไม้ อาเภอบ้านไร่ จงั หวัดอทุ ัยธานี หนว่ ยงานและข้อมลู ประเภททดี่ นิ สถานะทางกฎหมาย 1. กรมป่าไม้ 1.1 ป่าสงวนแห่งชาติ ปา่ สงวนแหง่ ชาตโิ ดยกฎกระทรวงตาม พ.ร.บ. ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 และท่แี กไ้ ขเพ่ิมเตมิ 1.2 เขตการจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ มติคณะรฐั มนตรวี นั ท่ี10 และ17มีนาคม 2535 ทรพั ยากรและดินปา่ ไม้ในเขตป่าสงวน แห่งชาติ 2. สานักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดลอ้ มช้นั คุณภาพลุ่มนา้ มตคิ ณะรัฐมนตรี 3. กรมพฒั นาทีด่ ิน ป่าไมถ้ าวร มติคณะรัฐมนตรี 4. สานกั งานปฏริ ปู ที่ดินเพื่อเกษตรกรรม เขตปฏริ ูปทีด่ นิ (ส.ป.ก.) แผนทีแ่ นบท้ายพระราชกฤษฎีกา (พระราชบัญญตั ิการปฏริ ูปที่ดินเพ่ือเกษตรกรรม พ.ศ.2518) 5. กรมทดี่ ิน ตามมาตรา 1 แห่งประมวลกฎหมายทีด่ นิ พ.ศ. โฉนด 2497(กฎกระทรวงฉบับที่ 43 พ.ศ.2537) เมื่อจาแนกพื้นที่ป่าไม้ตามข้อกาหนดการใช้ท่ีดินประเภทและวัตถุประสงค์ของการประกาศ เขตปา่ ไม้ตามกฎหมาย (แนวเขตป่าไม้และท่ีดินของรัฐประเภทอนื่ ไม่ชัดเจนและมีการทับซอ้ นกัน) สามารถ จาแนกพนื้ ที่ในพน้ื ที่ลมุ่ นา้ ไดด้ ังน้ี ป่าสงวนแห่งชาติอยู่ในความรับผิดชอบของกรมป่าไม้ กาหนดเป็นป่าสงวนแห่งชาติตาม ขอบเขตในแผนท่ีแนบท้ายกฎกระทรวง ตามพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มีท้ังหมด 1,221 ปา่ ซง่ึ ในพนื้ ท่ีดาเนินงานฯ ลุ่มน้าหว้ ยกระเสียว – หว้ ยทา่ กวย ประกอบด้วยป่าสงวน จานวน 4 ป่า ได้แก่ ป่าเขาตาแยและป่าเขาราวเทียน ป่าห้วยท่ากวยและป่าห้วยกระเวน ป่าปลายห้วยกระเสียว และ ปา่ หว้ ยขาแข้ง ดังตารางที่ 3-8 การจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดินป่าไม้ในเขตป่าสงวนแห่งชาติตามมติ คณะรัฐมนตรีวันที่ 10 และ 17 มีนาคม 2535 ได้ให้ความเห็นชอบตามมติของคณะกรรมการนโยบายป่า
48 ไม้แห่งชาติและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่ืองการจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดินป่า ไม้ในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติ ซ่ึงได้จาแนกเขตป่าสงวนแหง่ ชาติออกเปน็ 3 เขต ดังนี้ 1) เขตพืน้ ทีป่ า่ เพือ่ การอนรุ กั ษ์ (Zone C) เขตพ้ืนท่ีป่าเพื่อการอนุรักษ์ หมายถึง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ที่กาหนดไว้ เพื่อการ อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ดิน น้า พันธุ์พืช และพันธ์ุสัตว์ที่มีคุณค่าหายาก เพ่ือการป้องกันภัยธรรมชาติอันเกิด จากน้าท่วมและการพังทลายของดิน ตลอดทั้งเพื่อประโยชน์ในด้านการศึกษา การวิจัย นันทนาการของ ประชาชนและความมนั่ คงของชาติ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น คือ (1) พ้นื ท่ีป่าอนรุ กั ษ์ตามกฎหมายและมตคิ ณะรฐั มนตรี - พื้นทปี่ ่าอนุรักษ์ตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรี หมายถึง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ท่ีได้ประกาศเป็นพื้นท่ีป่าอนุรักษ์ ตามกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีท่ีเก่ีย วข้องกับการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติไปแลว้ พ้นื ท่ลี กั ษณะน้ี ไดแ้ ก่ - พ้ืนที่เขตรักษาพันธุ์สัตวป์ ่า ที่ได้ประกาศโดยพระราช-กฤษฎีกาตามพระราชบัญญัติ สงวนและค้มุ ครองสตั วป์ ่า พ.ศ. 2535 - พื้นที่อุทยานแห่งชาติ ท่ีได้ประกาศโดยพระราชกฤษฎีกาตามพระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 - พื้นท่ีลุ่มน้าชั้นที่ 1 ตามผลการกาหนดช้ันคุณ ภาพลุ่มน้า โดยสานักงาน คณะกรรมการส่งิ แวดลอ้ มแหง่ ชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี - พื้นทเ่ี ขตอนุรักษ์ป่าชายเลน ตามผลการจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ทด่ี ินในพื้นที่ป่า ชายเลนประเทศไทย ตามมตคิ ณะรัฐมนตรี (2) พืน้ ที่ปา่ อนุรักษเ์ พิม่ เติม - พื้นที่ป่าอนุรักษ์เพ่ิมเติม หมายถึง พื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติที่มีสภาพป่าสมบูรณ์หรือมี ศักยภาพเหมาะสมต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ เพื่อรักษาไว้ซึ่งความสมดุลของธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม พื้นท่ลี ักษณะนไ้ี ดแ้ ก่ - พื้นท่ีป่าท่ีมีลักษณะสมบูรณ์ตลอดจนพ้ืนท่ีป่าท่ีสมควรสงวนไว้ เพ่ือรักษา สภาพแวดลอ้ มและระบบนิเวศ - พนื้ ทปี่ ่าทมี่ ีความเหมาะสมตอ่ การสงวนไว้เพ่อื เป็นสถานท่ีศกึ ษาวจิ ยั - พื้นทีป่ า่ ทห่ี า้ มมใิ หบ้ ุคคลเข้าไปหรืออยู่อาศยั ตามแนวชายแดน - พื้นท่ีป่าที่เป็นเอกลกั ษณเ์ ฉพาะของท้องถิ่น พน้ื ที่ป่าซ่ึงเป็นเขตที่ตั้งแหล่งธรรมชาติอันควรอนุรักษ์ตามพระราชบัญญัติส่งเสรมิ และรักษา คณุ ภาพสิง่ แวดล้อมแหง่ ชาติ พ.ศ. 2535 พื้นท่ีป่าซึ่งกาหนดเป็นโบราณสถาน โบราณวัตถุตามพระราชบัญญัติสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพพิ ิธภัณฑส์ ถานแหง่ ชาติ พ.ศ. 2504 2) เขตพ้ืนทปี่ า่ เพ่ือเศรษฐกจิ (Zone E)
49 เขตพื้นท่ีป่าเพ่ือเศรษฐกิจ หมายถึง พ้ืนท่ีป่าสงวนแห่งชาติท่ีกาหนดไว้เพื่อผลิตไม้ และ ของปา่ รวมถึงพ้ืนที่เศรษฐกิจตามนยั มติคณะรัฐมนตรีเกีย่ วกับการกาหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้าและการจาแนก เขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าชายเลน พื้นท่ีเพื่อการพัฒนาการทรัพยากรป่าไม้ และพ้ืนที่ประสาน การใช้ประโยชน์ร่วมกันระหว่างทรัพยากร ป่าไม้กับทรัพยากรธรรมชาติอ่ืน ๆ เช่น ทรัพยากรมนุษย์ ทรพั ยากรแร่ และทรัพยากรพลงั งาน เพือ่ ประโยชนท์ างเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ ตลอดทง้ั ตอ้ งไม่ อย่ใู นหลักเกณฑท์ ่จี าแนกให้เป็นเขตพน้ื ท่ีปา่ เพื่อการอนรุ กั ษ์ พื้นทีล่ ักษณะนี้ ไดแ้ ก่ (1) พนื้ ท่พี ฒั นาป่าธรรมชาติ หมายถึง พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติท่ีมีสภาพป่าไม้สมบูรณ์และมีศักยภาพเหมาะสม ในการจัดการป่าไม้ ตามหลักวิชาการ เพื่อให้ราษฎรได้ใช้ประโยชน์จากไม้และของป่าร่วมกันโดยไม่บุกรุก เขา้ ไปใช้ประโยชน์ในเขตพ้ืนท่ปี า่ เพ่ือการอนรุ ักษ์ต่อไป พ้ืนท่ีลกั ษณะนไี้ ดแ้ ก่ - พื้นที่ป่าโครงการทาไมต้ า่ ง ๆ - พ้นื ที่ปา่ ชุมชน (2) พ้ืนท่ีพฒั นาทรัพยากรปา่ ไม้ พ้ืนที่พัฒนาทรัพยากรป่าไม้ หมายถึง พื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติท่ีเสื่อมโทรม ซ่ึงมี ศกั ยภาพสูงในการฟื้นฟูสภาพป่า สามารถส่งเสริมบทบาทและหน้าท่ีของสว่ นราชการและเอกชน ให้มีส่วน รับผิดชอบในการจัดการและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ร่วมกัน เพ่ืออานวยประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้มีไม้ใช้ในประเทศและเพื่อประโยชน์ในด้านอุตสาหกรรมแบบต่อเน่ือง โดยนาทุกส่วนของไม้มาใช้ ประโยชน์ ให้บรรลุผลต่อการพัฒนาด้านอตุ สาหกรรม ตลอดจนเศรษฐกิจและสังคมของชาติ พ้ืนท่ีลกั ษณะ น้ไี ด้แก่ - พ้ืนที่ปลูกป่าภาครัฐบาล - พืน้ ทีป่ ลกู ปา่ ภาคเอกชน - พื้นที่ปลกู ปา่ เพ่ือใชส้ อยในครวั เรอื น (3) พ้ืนท่ีพัฒนาตามหลกั วนศาสตรช์ มุ ชน พ้ืนที่พัฒนาตามหลักวนศาสตร์ชุมชน หมายถึง พ้ืนที่ป่าสงวน แห่งชาติที่กาหนดไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาการบุกรุกทาลายป่าในรูปแบบต่าง ๆ โดยการวางแผนพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการตั้ง ถ่ินฐานให้สอดคล้องกบั การใช้ประโยชน์ และการอนรุ ักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ การใช้ประโยชน์ พื้นท่กี ระทาในลักษณะของวนเกษตร พนื้ ทล่ี ักษณะน้ไี ดแ้ ก่ - พน้ื ท่โี ครงการตามพระราชดาริ - พ้ืนท่โี ครงการพฒั นาเพือ่ ความมน่ั คง - พน้ื ทโี่ ครงการหมบู่ ้านปา่ ไม้ - พืน้ ท่ี สทก.
50 3) พืน้ ท่ีพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาตอิ ่ืน ๆ พื้นท่ีพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ หมายถึง พื้นท่ีป่าสงวนแห่งชาติท่ีได้อนุญาตให้ใช้ ประโยชนร์ ่วมกันระหวา่ งทรัพยากรป่าไม้ และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ เชน่ แหล่งน้า และทรัพยากรธรณี เพือ่ ประโยชนต์ อ่ การพฒั นาเศรษฐกิจและสงั คมของประเทศ พน้ื ทล่ี กั ษณะนี้ ไดแ้ ก่ - พนื้ ทเี่ ขตแหลง่ แร่ - พ้นื ทเ่ี ขตระเบดิ หนิ และย่อยหิน - พนื้ ทอี่ นญุ าตให้สว่ นราชการ และเอกชนใช้ประโยชนใ์ น กิจกรรมตา่ ง ๆ 4) เขตพนื้ ทีป่ า่ ทเี่ หมาะสมต่อการเกษตร (Zone A) เขตพ้ืนที่ป่าที่เหมาะสมต่อการเกษตร หมายถึง พ้ืนที่ป่าสงวนแห่งชาติท่ีมีสมรรถนะท่ีดิน เหมาะสมต่อการเกษตรหรือศักยภาพสูงในการพัฒนาด้านการเกษตร ตามผลการจาแนกสมรรถนะที่ดิน ของกรมพัฒนาทีด่ ิน รัฐสามารถพัฒนาความเป็นอยู่ของราษฎร ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกท้ังต้องไม่อยใู่ น หลักเกณฑ์ท่ีจะจาแนกให้เป็นเขตพื้นที่ป่าเพ่ือการอนุรักษ์ และเขตพื้นท่ีป่าเพื่อเศรษฐกิจ พ้ืนที่ลักษณะนี้ ได้แก่ (1) พนื้ ที่ป่าทมี่ ีสมรรถนะของดนิ เหมาะสมต่อการเกษตร (2) พื้นท่ีที่เหมาะสมต่อการเกษตร ตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการกาห นด ช้นั คุณภาพลุ่มน้า และการจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ที่ดนิ ในพื้นที่ป่าชายเลน โดยเม่ือจาแนกป่าตามเขตป่าสงวนแห่งชาติพบว่า พื้นที่ลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย สามารถจาแนกเขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ดี ินป่าไมใ้ นพื้นท่ีป่าสงวนแหง่ ชาติ (ตารางท่ี 3-9) ตารางที่ 3-8 พ้ืนท่ีเขตป่าสงวนแห่งชาติ พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทยั ธานี ป่าสงวนแหง่ ชาติ เน้อื ที่ รอ้ ยละ ไร่ 73.04 พื้นท่ีปา่ สงวนแหง่ ชาติ 100,578 3.59 - ปา่ เขาตาแยและปา่ เขาราวเทยี น 46.14 - ปา่ ห้วยท่ากวยและป่าหว้ ยกระเวน 4,937 23.19 - ปา่ ปลายห้วยกระเสยี ว 63,540 0.12 - ปา่ หว้ ยขาแขง้ 31,935 164 ท่ีมา: กรมปา่ ไม้ (2560)
51 ตารางที่ 3-9 พื้นที่เขตการใช้ประโยชน์ทรัพยากรและท่ีดินป่าไม้ พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว – ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี เขตป่าจาแนกในเขตป่าสงวนแหง่ ชาติ เนอ้ื ท่ี ร้อยละ ไร่ 44.7 พน้ื ที่ปา่ อนุรักษ์ (โซน C) 61,547 24.38 พนื้ ทป่ี า่ เศรษฐกิจ (โซน E) 33,571 3.53 พ้ืนที่ปา่ เศรษฐกจิ (โซน A) 4,863 ที่มา: กรมปา่ ไม้ (2560) ตามมติคณ ะรัฐมน ตรีเรื่องการกาหน ดชั้นคุณ ภาพลุ่มน้าเพ่ื อให้ มีการอนุรักษ์ทรัพยากร ที่เหมาะสมจงึ ไดแ้ บง่ พ้นื ทีช่ ั้นคุณภาพลมุ่ น้าออกเป็น 6 ชัน้ คอื พืน้ ที่ลุ่มน้าชั้น 1A พ้ืนทีล่ ุ่มน้าชัน้ 1B พื้นท่ี ลุ่มน้าช้ัน 2 พ้ืนท่ีลุ่มน้าช้ัน 3 พื้นที่ลุ่มน้าชั้น 4 และพ้ืนท่ีลุ่มน้าชั้น 5 จากข้อกาหนดการใช้ประโยชน์และ การจัดการพื้นท่ีช้ันลุ่มน้าคุณภาพต่าง ๆ สรุปสาระสาคัญได้ คือ การใช้ประโยชน์พื้นที่ลุ่มน้าช้ัน 1 และ พื้นที่ลุ่มน้าช้ัน 2 ซึ่งเป็นพ้ืนท่ีทรัพยากรธรรมชาติที่สาคัญท่ีต้องสงวนรักษาไว้เป็นแหล่งต้นน้าลาธารและ เป็นพื้นท่ีป่าไม้ของประเทศ เนื่องจากมีลักษณะและสมบัติท่ีอาจมีผลกระทบทางส่ิงแวดล้อมจากการ เปลี่ยนแปลงการใช้ท่ีดินได้ง่ายและรุนแรงไม่ควรจะเปลี่ยนแปลงพื้นท่ีเพ่ือใช้ทาการเกษตรสาหรับการใช้ ประโยชน์พ้ืนที่ลุ่มน้าช้ัน 3 4 และพื้นท่ีลุ่มน้าชั้น 5 น้ันให้ใช้ทาการเกษตรได้แต่ต้องมีมาตรการตามข้อ กาหนดการใช้ประโยชน์พ้ืนที่ลุ่มน้าได้แก่มาตรการด้านการอนุรักษ์ดินและน้าและการป้องกันการชะล้าง พังทลายของดินเป็นต้นดังนั้นข้อกาหนดต่าง ๆ จึงมีมาตรการท่ีเข้มงวดแตกต่างกันเพื่อป้องกันการเสื่อม โทรมของดินและให้สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างย่ังยืนต่อไปพ้ืนท่ีโครงการฯ รายละเอียดแสดงใน ตารางท่ี 3-10 ประกอบดว้ ยชนั้ คุณภาพลุม่ น้าดังน้ี 1) พ้ืนที่ลุ่มน้าช้ัน 1A เป็นพื้นที่ลุ่มน้าชั้นท่ี 1 ซ่ึงมีสภาพเป็นป่าสมบูรณ์ก่อนปี 2525 โดยพื้นท่ีนี้ ควรสงวนรักษาไว้เป็นป่าต้นน้าลาธาร (ห้ามมีการใช้ประโยชน์อย่างอ่ืน) มีเนื้อท่ีประมาณ 33,253 ไร่ หรอื ร้อยละ 24.15 ของเน้ือทที่ ้ังหมด 2) พื้นท่ีลุ่มน้าชั้น 2 เป็นพื้นท่ีมีความลาดชันค่อนข้างสูง ซ่ึงมีคุณภาพเหมาะสมต่อการเป็นป่าต้น นา้ ลาธารและสามารถนามาใช้ประโยชนเ์ พ่ือกิจการท่ีสาคัญ เช่น การทาเหมอื งแร่ สวนยางพารา หรอื พืชที่ มคี วามม่นั คงตอ่ เศรษฐกิจ มีเนอื้ ท่ปี ระมาณ 24,115 ไร่ หรอื ร้อยละ 17.51 ของเน้ือทที่ ั้งหมด 3) พื้นที่ลุ่มน้าช้ัน 3 เป็นพื้นท่ีมีความลาดเทสูงสามารถนามาใช้ประโยชน์ได้ท้ังกิจกรรมทาไม้ เหมืองแร่และสามารถใช้พ้ืนที่เพ่ือการเกษตรได้โดยถ้าเป็นบริเวณที่เป็นดินลึกควรปลูกไม้ผลหรือไม้ยืนต้น แต่ถ้าเป็นบริเวณที่เป็นดินตื้นควรปลูกปา่ และทุง่ หญ้า มีเน้อื ที่ประมาณ 16,612 ไร่ หรือร้อยละ12.06 ของ เนอ้ื ทที่ ้ังหมด
52 4) พื้นที่ลุ่มน้าช้ัน 4 เป็นพื้นท่ีมีความลาดชันต่าและป่าถูกบุกรุกเป็นพื้นท่ีใช้ประโยชน์เพื่อกิจการ ทาไมเ้ หมอื งแร่และสามารถใช้พนื้ ท่เี พื่อการเกษตรได้โดยถ้าเป็นบริเวณท่ีเปน็ ดินลึกและมคี วามลาดชันมาก ควรปลูกไม้ผลแต่ถ้าเป็นบริเวณที่มีความลาดชันน้อยจะใช้ประโยชน์เพ่ือการปลูกพืชไร่ได้มีเนื้อที่ประมาณ 27,326 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 19.84 ของเนอ้ื ทที่ ัง้ หมด 5) พื้นท่ีลุ่มน้าชั้น 5 เป็นพื้นท่ีราบลุ่มมีเน้ือที่ประมาณ 36,396 ไร่ หรือร้อยละ 26.43 ของเน้ือที่ ทงั้ หมด ตารางที่ 3-10 พื้นทชี่ นั้ คุณภาพลุ่มน้า พื้นทีล่ ่มุ นา้ หว้ ยกระเสยี ว - หว้ ยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอทุ ยั ธานี ชน้ั คุณภาพล่มุ นา้ เนอ้ื ที่ ร้อยละ ไร่ 24.15 พน้ื ที่ลมุ่ นา้ ช้นั 1A 33,254 17.51 พน้ื ท่ลี ุ่มน้าชน้ั 2 24,116 12.07 พื้นทล่ี ุ่มนา้ ชนั้ 3 16,613 19.84 พ้นื ทลี่ มุ่ นา้ ชั้น 4 27,326 26.43 พื้นที่ลุ่มน้าช้นั 5 36,396 100.00 137,705 รวมเน้ือที่ ทีม่ า: สานักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม (2555) ป่าไม้ถาวรตามมติคณะรฐั มนตรเี ปน็ แนวเขตท่ีดินท่ีเห็นสมควรรกั ษาไว้เปน็ เขตป่าไม้ โดยมกี รมป่า ไมเ้ ป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการนาพ้ืนท่ีท่ีคณะรฐั มนตรีมมี ตใิ หร้ ักษาไว้เป็นป่าไม้ถาวรในพ้ืนที่โครงการฯ ประกอบดว้ ยพ้นื ทเ่ี ขตป่าไม้ถาวรนอกเขตปา่ ดังน้ี (ตารางที่ 3-11) ตารางท่ี 3-11 พืน้ ท่ีเขตป่าไม้ถาวรนอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ พื้นทลี่ ุ่มน้าห้วยกระเสยี ว - หว้ ยทา่ กวยอาเภอ บา้ นไร่ จงั หวัดอทุ ัยธานี ป่าไมถ้ าวรตามมติคณะรฐั มนตรี เน้ือที่ รอ้ ยละ ไร่ 10.52 พ้นื ทป่ี ่าไม้ถาวรนอกเขตปา่ 0.93 - ป่าเขาแหลม - เขาตาแย 14,490 1.26 - ป่าห้วยท่ากวย - หว้ ยกระเวณ 1,280 8.29 - ป่าปลายหว้ ยกระเสียว 1,730 0.05 - ปา่ หมายเลข 66 11,412 67
53 เขตพื้นท่ีปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกา พระราชบัญญัติการปฏิรูปท่ีดินเพ่ือเกษตรกรรมพ.ศ.2518 พบว่ามีเน้ือท่ีประมาณ 24,658 ไร่ หรือร้อยละ 17.91 ของเนอื้ ท่ีทง้ั หมด แปลงท่ีดินตามเอกสารสิทธ์ิกรมท่ีดิน มีเน้ือที่ประมาณ 13,735 ไร่ หรือร้อยละ 9.98 ของเนอ้ื ที่ท้ังหมด
54 ภาพที่ 3-9 สถานภาพป่าไม้ และแปลงท่ีดินทากิน พื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จงั หวัดอทุ ัยธานี
55 สภาพการใช้ท่ีดินในโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูท่ีเกษตรกรรมด้วย ระบบ อนุรักษ์ดินน้า พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเน้ือที่รวมทั้งสิ้น 137,705 ไร่ พบว่า มีการใช้ท่ดี ินแบง่ ออกเปน็ 5 ประเภทหลัก ได้แก่ 1) พน้ื ทชี่ ุมชนและสงิ่ ปลูกสร้าง (U) มี เนือ้ ที่ 3,488 ไร่ หรือร้อยละ 2.53 ของเนือ้ ที่ท้งั หมด 2) พ้นื ท่ีเกษตรกรรม (A) มเี นื้อท่ี 67,393 ไร่ หรือรอ้ ย ละ 48.94 ของเนือ้ ทีท่ ้ังหมด 3) พน้ื ท่ีป่าไม้ (F) มีเนื้อที่ 64,164 ไร่ หรอื ร้อยละ 46.60 ของเนือ้ ที่ท้ังหมด 4) พื้นท่ีเบ็ดเตล็ด (M) มีเน้ือที่ 1,053 ไร่ หรือร้อยละ 0.76 ของเนื้อที่ทั้งหมด 5) พื้นท่ีแหล่งน้า มีเนื้อที่ 1,607 ไร่หรือรอ้ ยละ 1.17 ของเน้อื ท่ที ้ังหมด ตามลาดบั (ตารางที่ 3-12 และภาพท่ี 3-11) ตารางท่ี 3-12 ประเภทการใชท้ ี่ดิน พน้ื ท่ีล่มุ นา้ ห้วยกระเสยี ว - หว้ ยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอทุ ัยธานี สญั ลกั ษณ์ ประเภทการใช้ท่ีดนิ เนอ้ื ที่ ร้อยละ 2.53 U พน้ื ท่ชี ุมชนและส่งิ ปลกู สร้าง ไร่ 1.77 U201 หมบู่ ้านบนพน้ื ราบ 3,488 0.06 U202 หมบู่ า้ นชาวไทยภูเขา 2,444 0.47 U301 สถานทรี่ าชการและสถาบนั ต่าง ๆ 82 0.15 U405 ถนน 645 0.01 U502 โรงงานอุตสาหกรรม 203 0.02 U503 ลานตากและแหล่งรับซ้ือทางการเกษตร 10 0.06 U601 สถานทพ่ี ักผ่อนหย่อนใจ 24 48.94 A พ้นื ที่เกษตรกรรม 80 0.18 A101 นาข้าว 67,393 0.19 A200 ไรร่ ้าง 254 2.85 A202 ขา้ วโพด 261 26.94 A203 ออ้ ย 3930 6.74 A204 มันสาปะหลงั 37,094 0.03 A204/A302 มนั สาปะหลัง/ยางพารา 9,283 3.85 A205 สบั ปะรด 37 0.54 A205/A302 สับปะรด/ยางพารา 5,301 0.09 A216 ข้าวไร่ 740 0.16 A301 ไม้ยนื ตน้ ผสม 129 4.97 A302 ยางพารา 219 6,847
56 ตารางท่ี 3-12 ประเภทการใช้ที่ดิน พื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี (ตอ่ ) สญั ลกั ษณ์ ประเภทการใชท้ ี่ดิน เนอ้ื ที่ ร้อยละ ไร่ 1.15 A303 ปาล์มน้ามนั 1,586 A304 ยคู าลิปตัส 52 0.04 A305 สัก 521 0.38 A312 กาแฟ 6 0.00 A312/A411 กาแฟ/กลว้ ย 4 0.00 A314 หม่อน 9 0.01 A315 ไผ่ปลกู เพื่อการคา้ 19 0.01 A317/A405 หมาก/มะพรา้ ว 14 0.01 A401 ไม้ผลผสม 389 0.28 A403 ทุเรียน 12 0.01 A403/A411 ทเุ รียน/กล้วย 10 0.01 A404 เงาะ 5 0.00 A404/A411 เงาะ/กล้วย 6 0.00 A405 มะพร้าว 4 0.00 A406 ลิ้นจี่ 6 0.00 A407 มะมว่ ง 16 0.01 A407/A411 มะม่วง/กลว้ ย 12 0.01 A408 มะม่วงหมิ พานต์ 31 0.02 A411 กลว้ ย 283 0.21 A411/A427 กลว้ ย/สม้ โอ 4 0.00 A412 มะขาม 61 0.04 A413 ลาไย 31 0.02 A422 มะนาว 26 0.02 A427 ส้มโอ 2 0.00 A428 ละมดุ 3 0.00 A502 พืชผัก 58 0.04 A503 ไมด้ อก ไม้ประดับ 4 0.00 A506 สตรอเบอรี่ 5 0.00 A701 ทุ่งหญ้าเล้ยี งสตั ว์ 18 0.01
57 ตารางที่ 3-12 ประเภทการใช้ท่ีดินในพื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอุทัยธานี (ตอ่ ) สญั ลักษณ์ ประเภทการใชท้ ่ีดนิ เน้อื ท่ี ร้อยละ ไร่ 0.01 A702 โรงเรือนเลย้ี งโค กระบือ และมา้ 15 A703 โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ปกี 50 0.04 A902 สถานทเ่ี พาะเลี้ยงปลา 36 0.03 F พืน้ ที่ป่าไม้ 64,164 46.60 F101 ป่าไมผ่ ลัดใบสมบูรณ์ 10,234 7.43 F200 ปา่ ผลดั ใบรอสภาพฟน้ื ฟู 1,353 0.98 F201 ป่าผลัดใบสมบรู ณ์ 52,577 38.18 M พื้นทีเ่ บ็ดเตล็ด 1,053 0.76 M101 ทุ่งหญ้าธรรมชาติ 14 0.00 M102 ทุ่งหญา้ สลบั ไม้พุ่ม/ไมล้ ะเมาะ 946 0.69 M301 เหมืองแร่ 78 0.06 M405 พื้นท่ถี ม 15 0.01 W พนื้ ท่ีแหลง่ น้า 1,607 1.17 W101 แมน่ ้า ลาหว้ ย ลาคลอง 1,138 0.83 W102 หนอง บึง ทะเลสาบ 5 0.01 W201 อ่างเก็บน้า 320 0.23 W202 บอ่ น้าในไร่นา 144 0.10 รวมเนื้อท่ี 137,705 100.00 สภาพการใช้ที่ดินในโครงการป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และฟ้ืนฟูพ้ืนท่ีเกษตรกรรมด้วย ระบบอนุรักษ์ดินและน้า พ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว-ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ ปี พ.ศ. 2563 มีเน้ือท่ีรวม 137,705 ไร่ สามารถจาแนกประเภทการใชท้ ดี่ ินไดเ้ ป็น 5 ประเภทหลกั ดงั น้ี 1) พื้นที่ชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง (U) มีเน้ือท่ี 3,488 ไร่ หรือร้อยละ 2.53 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ประกอบ ไปด้วย หมู่บ้านบนพ้ืนราบ หมู่บ้านชาวไทยภูเขา สถานท่ีราชการและสถาบันต่าง ๆ ถนน โรงงาน อตุ สาหกรรม ลานตากและแหลง่ รบั ซ้ือทางการเกษตร และสถานท่ีพักผ่อนหย่อนใจ (1) หมู่บ้าน (U2) มีเน้ือท่ี 2,526 ไร่ หรือร้อยละ 1.83 ของเนื้อที่ลุ่มน้า ประกอบไปด้วยหมู่บ้าน บนพนื้ ราบ หมู่บา้ นชาวไทยภเู ขา (2) สถานที่ราชการและสถาบันต่าง ๆ (U3) มีเน้ือที่ 645 ไร่ หรือร้อยละ 0.47 ของ เนื้อท่ีลุ่มน้า ได้แก่ สถานทร่ี าชการและสถาบันต่าง ๆ (3) สถานีคมนาคม (U4) มเี นื้อท่ี 203 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.15 ของเนื้อทล่ี มุ่ น้า ไดแ้ ก่ ถนน
58 (4) พื้นท่ีอุตสาหกรรม (U5) มีเนื้อท่ี 34 ไร่ หรือร้อยละ 0.03 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ได้แก่ โรงงาน อตุ สาหกรรม ลานตากและแหล่งรบั ซือ้ ทางการเกษตร (5) สิ่งปลูกสร้างอ่ืน ๆ (U6) มีเน้ือท่ี 80 ไร่ หรือร้อยละ 0.06 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ได้แก่ สถานท่ี พกั ผ่อนหยอ่ นใจ 2) พ้ืนท่ีเกษตรกรรม (A) มีเน้ือท่ี 67,393 ไร่ หรือร้อยละ 48.94 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ประกอบไปด้วย พ้ืนที่ นา พืชไร่ ไมย้ นื ตน้ ไมผ้ ล พชื สวน ทงุ่ หญ้าเลีย้ งสัตวแ์ ละโรงเรือนเลย้ี งสตั ว์ และสถานทเี่ พาะเลีย้ งสตั วน์ า้ (1) นาข้าว (A1) มเี นอื้ ท่ี 254 ไร่ หรือร้อยละ 0.18 ของเนื้อท่ลี ุ่มนา้ ได้แก่ นาข้าว (2) พืชไร่ (A2) มีเนื้อที่ 56,775 ไร่ หรือร้อยละ 41.23 ของเนื้อท่ีลุ่มน้า ได้แก่ ออ้ ย มันสาปะหลัง สับปะรด (3) ไม้ยืนต้น (A3) มีเน้ือท่ี 9,277 ไร่ หรือร้อยละ 6.74 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ได้แก่ ยางพารา ปาลม์ น้ามัน สกั (4) ไม้ผล (A4) มีเน้ือท่ี 901 ไร่ หรือร้อยละ 0.65 ของเนื้อท่ีลุ่มน้า ได้แก่ ไม้ผลผสม กล้วย มะขาม (5) พืชสวน (A5) มีเนื้อที่ 67 ไร่ หรือร้อยละ 0.05 ของเนื้อที่ลุ่มน้า ได้แก่ พืชผัก ไม้ดอก ไมป้ ระดับ สตรอเบอร่ี (6) ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ (A7) มีเน้ือท่ี 83 ไร่ หรือร้อยละ 0.06 ของเน้ือท่ีลุ่ม นา้ ได้แก่ โรงเรอื นเล้ียงสัตว์ปกี โรงเรือนเล้ียงโค กระบอื ม้า ทุ่งหญา้ เล้ียงสตั ว์ (7) สถานท่ีเพาะเล้ียงสัตว์น้า (A9) มีเน้ือที่ 36 ไร่ หรือร้อยละ 0.03 ของเนื้อท่ีลุ่มน้า ได้แก่ สถานทเี่ พาะเล้ียงปลา 3) พื้นท่ีป่าไม้ (F) มีเน้ือท่ี 64,164 ไร่ หรือร้อยละ 46.60 ของเนื้อที่ลุ่มน้า ประกอบไปด้วย ปา่ ไมผ้ ลัดใบ ป่าผลดั ใบ (1) ป่าไม่ผลัดใบ (F1) มีเน้ือท่ี 10,234 ไร่ หรือร้อยละ 7.43 ของเนื้อท่ีลุ่มน้า ได้แก่ ป่าไม่ผลัดใบ สมบรู ณ์ (2) ป่าผลัดใบ (F2) มีเน้ือท่ี 53,930 ไร่ หรือร้อยละ 39.16 ของเนื้อที่ลุ่มน้า ได้แก่ ป่าผลัดใบรอ สภาพฟื้นฟู ป่าผลัดใบสมบูรณ์ 4) พื้นที่แหล่งน้า (W) มเี น้ือท่ี 1,607 ไร่ หรือร้อยละ 1.17 ของเน้อื ท่ีลุ่มนา้ ประกอบไปด้วยแหล่งน้า ธรรมชาติ แหลง่ น้าทีส่ รา้ งขน้ึ (1) แหล่งน้าธรรมชาติ (W1) มีเน้ือท่ี 1,143 ไร่ หรือร้อยละ 0.84 ของเน้ือท่ีลุ่มน้า ได้แก่ แม่น้า ลาหว้ ย ลาคลอง หนอง บึง ทะเลสาบ (2) แหล่งน้าท่ีสร้างข้ึน (W2) มีเนื้อที่ 464 ไร่ หรือร้อยละ 0.33 ของเนื้อที่ลุ่มน้า ได้แก่ อ่างเก็บน้า บอ่ นา้ ในไรน่ า 5) พื้นท่ีเบ็ดเตล็ด (M) มีเน้ือท่ี 1,053 ไร่ หรือร้อยละ 0.76 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ประกอบไปด้วย ทงุ่ หญ้าและไมล้ ะเมาะ เหมอื งแร่ บอ่ ขุด พน้ื ทเี่ บด็ เตลด็ อ่ืน ๆ
59 (1) ทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ (M1) มีเน้ือท่ี 960 ไร่ หรือร้อยละ 0.69 ของเน้ือที่ลุ่มน้า ได้แก่ ท่งุ หญา้ ธรรมชาติ ทงุ่ หญา้ สลับไมพ่ ่มุ /ไมล้ ะเมาะ (2) เหมืองแร่ บอ่ ขดุ (M3) มีเนอื้ ที่ 78 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 0.06 ของเน้อื ทล่ี ุ่มนา้ ไดแ้ ก่ เหมอื งแร่ (3) พ้นื ทเ่ี บ็ดเตล็ดอนื่ ๆ (M4) มีเนือ้ ที่ 15 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.01 ของเนอ้ื ทลี่ ่มุ นา้ ไดแ้ ก่ พ้นื ทถี่ ม
60 ภาพท่ี 3-10 สภาพการใชท้ ี่ดนิ พ้ืนท่ลี ุ่มน้าหว้ ยกระเสยี ว-หว้ ยทา่ กวย อาเภอบา้ นไร่ จังหวัดอทุ ัยธานี
61 การชะล้างพังทลายของดินเป็นปัญหาท่ีสาคัญท่ีส่งผลให้ทรัพยากรท่ีดินเสื่อมโทรมเน่ืองจากทาให้ เกิดการสูญเสียหน้าดิน การสูญเสียธาตุอาหาร และอินทรียวัตถุในดิน ส่งผลให้ความอุดมสมบูรณ์ของ ดินลดลงโดยเฉพาะอย่างย่ิงในพื้นท่ีท่ีมีการใช้ท่ีดินในการปลูกพืชอย่างเข้มข้นในรอบปีรวมทั้งในพ้ืนท่ีท่ี มี การใช้เครื่องจักรกลในการไถพรวนดินเป็นสาเหตุสาคัญที่ทาให้สมบัติทางกายภาพของดินโดยเฉพาะ โครงสรา้ งดินถูกทาลายยง่ิ ส่งเสริมให้เกิดการพังทลายของดินในพืน้ ที่ผลจากการชะล้างพังทลายของ ดินจะ ส่งผลกระทบต่อส่ิงแวดล้อมท้ังในพ้ืนทที่ ่ีเกิดการชะล้างพังทลายของดินและพื้นท่ีโดยรอบและทาให้ผลผลิต ต่อหน่วยพื้นท่ีลดลง เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ลดลงและเกิดการตื้นเขินของแม่น้า ลาคลองจากมีการ สะสมของตะกอนดิน ทาให้ศักยภาพในการเก็บกักน้าของแหล่งน้าต่าลงปัญหาเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อ การเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป ดังน้ันจึงมีความจาเป็นอย่างย่ิงที่จะต้องมีการป้องกัน การชะล้างพังทลาย ของดนิ เพื่อรักษาทรัพยากรที่ดินให้สามารถใชท้ ี่ดนิ ได้อยา่ งยัง่ ยืน การชะล้างพังทลายของดินในแตล่ ะพื้นท่ีจะมรี ะดับความรุนแรงแตกต่างกันไป ข้ึนอยู่กับ ลกั ษณะของ ดนิ เองและปัจจัยจากภายนอก โดยปกติแล้วการชะล้างพังทลายของดินในประเทศไทยจะ เกิดขึ้นโดยมีฝน เป็นปัจจัยหลักที่สาคัญ แต่โดยธรรมชาติแล้วจะเกิดไม่รุนแรงบนพื้นท่ีที่มีความลาดชัน น้อยและมีสิ่งปก คลมุ ผิวดินหรือพ้ืนทท่ี ่ีมคี วามลาดชนั สูงแต่มสี ง่ิ ปกคลุมผวิ ดนิ หนาแนน่ จนเม็ดฝนไม่ สามารถกระทบสู่พน้ื ดิน ได้ แต่จะเกิดรุนแรงมากข้ึนถ้าพื้นท่ีมีความลาดชันมากขึ้นและไม่มีสิ่งปกคลุมผิว ดินโดยมีกิจกรรมการใช้ ท่ีดินของมนุษย์เป็นตัวเร่งให้เกิดความรุนแรงมากขึ้น การชะล้างพังทลายของดินนอกจากมีผลกระทบต่อ สิง่ แวดล้อมแล้วยังส่งผลเสียทางด้านเศรษฐกิจและจากการประเมินการ สูญเสียดิน (ตัน/ไร่/ปี) ในพ้ืนท่ีลุ่ม น้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย สามารถแบ่งระดับความรุนแรงของการชะ ล้างพังทลายของดินออกเป็น 5 ระดบั (ตารางท่ี 3-13 และภาพท่ี 3-11) ดังนี้ การประเมนิ การสูญเสียดิน การประเมินการสูญเสียดินเป็นการศึกษาหน้าดินที่ถูกชะล้างพังทลายโดยการไหลบ่าของน้าฝนต่อ ปริมาณน้าฝนเพื่อนามาศึกษาหาแนวทางป้องกันการสูญเสียหน้าดินที่เป็นประโยชน์สาหรับการปลูกพชื ได้ อย่างมีประสิทธิภาพโดยมีสมการคานวณการสูญเสียดินสากล(Universal Soil Loss Equation: USLE) คอื A = RKLSCP A = ปริมาณสูญเสยี ดนิ ต่อหน่วยพน้ื ที่ซงึ่ ได้จากการคานวณคา่ ปัจจัยทง้ั 6 ปจั จัย มหี น่วยเป็นตนั /เฮกแตร์/ปี R = ปจั จยั ของนา้ ฝนและการไหลบา่ (rain and run off factor) K = ปัจจยั ความคงทนต่อการชะล้างพังทลายของดิน (erosion index) L = ปจั จัยความยาวของความลาดชนั (Slope - length factor) S = ปจั จัยความลาดชันของพ้ืนที่ (slope steepness factor) C = ปัจจยั การจดั การพืช (cropping management factor)
62 P = ปจั จยั การปฏบิ ตั กิ ารปอ้ งกนั การชะล้างพงั ทลาย (erosion control practice) ตามการคานวณการสูญเสียดินสากลของ USLE มี 5 ระดับการประเมินน้อย (0-2 ตันต่อไร่ต่อปี) ปานกลาง (2-5 ตันตอ่ ไร่ต่อปี) รนุ แรง (5-15 ตันต่อไร่ตอ่ ปี) รุนแรงมาก (15-20 ตนั ต่อไรต่ อ่ ปี) และรนุ แรง มากทีส่ ุด (>20 ตันต่อไรต่ อ่ ปี) จากการประเมนิ การสูญเสียดินในพ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยกระเสียว – ห้วยท่ากวย พบว่า มีระดบั การสูญเสีย ดินทง้ั 5 ระดับ แต่ด้วยพื้นทีก่ ารสูญเสยี ดินในระดบั รุนแรงมากและรนุ แรงมากท่ีสุดมีปริมาณไม่มากนัก จึง ได้รวมการจัดกลุ่มการสูญเสียดินต้ังแต่ระดับรุนแรงจนถึงรุนแรงมากท่ีสุดเป็นกลุ่มเดียวกัน ซึ่งสามารถจัด กลุ่มระดบั การสญู เสยี ดินท่ีสง่ ผลกระทบตอ่ การทาเกษตรได้ ดงั นี้ 1) การสญู เสียดินระดบั น้อย มีอตั ราการสูญเสยี ดนิ ระหว่าง 0-2 ตันต่อไร่ตอ่ ปี มีพ้ืนที่ 41,315 ไร่ หรือรอ้ ยละ 30.00 ของพ้ืนท่ี ท้ังหมดเป็นพ้ืนที่ดินลุ่มได้แกช่ ุดดิน Uti มีความลาดชัน 0- 5 เปอร์เซ็นต์ มีลักษณะเป็นดินร่วนปนทราย มี การใช้ประโยชน์เป็นพื้นท่ีปลูกข้าวและพืชไร่ ส่วนพื้นท่ีดินดอนมีความลาดชัน 2-20 เปอร์เซ็นต์ ได้แก่ ชุด ดิน Bar, Kld, Kpg, Lsk, Ly, Mr, Tas, Ty, และWs ลักษณะเป็นดินร่วนปนทรายปนลูกรังถึงดินร่วนปน ดนิ เหนยี ว มกี ารใช้ประโยชนป์ ลกู พืชไร่ไม้ผลไมย้ นื ต้นและพน้ื ทป่ี ่า 2) การสูญเสียดินระดบั ปานกลาง มีอตั ราการสูญเสยี ดินระหว่าง 2-5 ตันตอ่ ไร่ตอ่ ปี มีพน้ื ท่ี 71,685 ไร่ หรือรอ้ ยละ 52.06 ของพน้ื ท่ี ทั้งหมด เป็นพื้นท่ีดินดอนได้แก่ชุดดิน Uti, Bar, Kld, Kpg, Lsk, Ly, Mr, Tas, Ty, และ Ws มีความลาด ชนั 2-20 เปอร์เซน็ ต์ มลี ักษณะเป็นดินรว่ นปนทรายปนลูกรังถงึ ดินร่วนปนดินเหนียว มคี วามลาดชัน 2-20 เปอร์เซน็ ต์ มีการใชป้ ระโยชน์ปลกู พชื ไรไ่ มผ้ ลไมย้ ืนตน้ และพื้นท่ปี ่า 3) การสญู เสียดนิ ระดับรนุ แรงถึงรนุ แรงมากท่ีสุด มีอัตราการสูญเสียดินระหว่าง 5-55 ตันต่อไร่ต่อปี มีพ้ืนที่ 24,705 ไร่ หรือร้อยละ 17.94 ของ พืน้ ทีท่ ้ังหมด เป็นพนื้ ทดี่ อน ได้แก่ ชุดดิน Bar, Kld, Kpg, Lsk, Ly, Mr, Tas, Ty, และ Wsลกั ษณะเปน็ ดิน ร่วนปนทรายปนลูกรังถึงดินร่วนปนดินเหนียว มีความลาดชัน 2 - 35 เปอร์เซ็นต์ มีการใช้ประโยชน์ปลูก พชื ไร่ไรร่ า้ งไม้ผลและไมย้ นื ตน้ ตารางที่ 3-13 ระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน พ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบา้ นไร่ จงั หวัดอุทัยธานี ระดับความรนุ แรง คา่ การสญู เสยี ดิน เนื้อที่ น้อยน้อย (ตัน/ไร/่ ปี) ไร่ รอ้ ยละ 0-2 41,315 30.00 ปานกลาง 2-5 71,685 52.06 รนุ แรง 5-15 18,321 13.30 รุนแรงมาก 15-20 354 0.26 รุนแรงมากทีส่ ดุ รวมเนอื้ ที่ มากกว่า 20 6,030 4.38 137,705 100.00
63 จากผลการศึกษาจะเห็นว่าพื้นที่ส่วนใหญ่มีความรุนแรงของการชะล้างพังทลายในระดับปานกลาง โดยมีปริมาณการสูญเสียดิน 2 - 5 ตันต่อไร่ต่อปี โดยครอบคลุมเน้ือท่ีคิดเป็นร้อยละ 52.06 ของเน้ือที่ ท้ังหมด โดยพบกระจายตัวอยู่ในตาบลเจ้าวัด และตาบลห้วยแห้ง ซึ่งพื้นท่ีดังกล่าว เป็นพื้นที่ท่ีมีความลาด ชันอยูใ่ นชว่ ง 0 - 12 เปอร์เซ็นต์ มีลักษณะสภาพพื้นที่เป็นแบบราบเรยี บถึง ค่อนข้างราบเรียบลูกคลน่ื ลอด ลาดเล็กน้อย และลูกคลื่นลอนลาดบางส่วนเม่ือพิจารณาประเภทการใช้ที่ดิน การใช้ประโยชน์ของพ้ืนท่ีใน การปลูกพืชไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และพื้นที่ป่า ซ่ึงหากมีปัญหาการชะล้างพังทลายควรได้รับการป้องกันเพื่อ ไม่ให้เกิดความ เสียหายต่อการผลิตและผลผลิตของเกษตรกรอีกทั้งลดต้นทุนการผลิตที่สูญหายไปกับการ ชะล้างของ ผวิ หน้าดนิ ท่ีอาจเกิดขึ้นอย่างตอ่ เน่ือง นอกจากนี้ ในพื้นที่ทม่ี ีสภาพภูมปิ ระเทศแบบเนนิ เขาแบบ สงู ชัน และแบบสูงชันมากจะเกิดการชะล้างพังทลายของดินท่ีมีความรุนแรงมากท่ีสุดโดยก่อให้เกดิ ปริมาณ การสูญเสยี ดินมากกว่า 20 ตนั ต่อไร่ตอ่ ปี โดยพ้ืนท่ีดังกล่าวมีการใช้ประโยชน์ทด่ี ินเปน็ ขา้ วโพดและข้าวโพด แบบไรห่ มุนเวยี น ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันและหยุดการชะล้างพังทลายของดินอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะพ้ืนท่ีที่มีความ รุนแรงของการสูญเสียดนิ ปานกลางถึงรุนแรงมากท่ีสดุ นั้นควรมีมาตรการในการจัดระบบอนุรกั ษ์ดินและน้า ทเี่ หมาะสมสาหรับแต่ละพ้ืนท่ี โดยเฉพาะในพ้ืนที่บางแห่งทมี่ ีการใช้ทดี่ ินอยา่ งไม่เหมาะสม เน่ืองจากพน้ื ท่ีท่ี มีความลาดชันสูงควรปรับเปล่ียนการใช้ท่ีดินให้เหมาะสมและวิธีการจัดการมีความเป็นไปได้จริงวิธีการที่ สะดวกและเสียค่าใช้จ่ายน้อยไม่ต้องใช้แรงงานมากและสอดคล้องตามความ ต้องการของชุมชน ท้ังนี้ เมื่อ พิจารณาถึงการคาดคะเนการชะล้างพังทลายของดินในแต่ละพื้นท่ี และแต่ละระดับแม้กระทั้งในพื้นท่ีที่มี การชะล้างพังทลายในระดับน้อยซ่ึงมีปริมาณการสูญเสียดิน 0 - 2 ตันต่อไร่ต่อปี ซ่ึงไม่ควรเพิกเฉยต่อการ ใช้มาตรการอนุรักษ์ดินและน้า และมีจัดการปรับปรุงดินท่ีเหมาะสมซึ่งหากมีการละเลยหรือมีการจัดการที่ ไม่เหมาะสม และถูกต้องตามหลักวิชาการอาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงข้ึน ก่อให้เกิดปัญหาต่อการสูญเสีย ดิน ปริมาณและคุณภาพผลผลิต และส่งผลกระทบต่อตน้ ทุนการผลิตการจดั การดิน นา้ ปุ๋ย ทาให้เกษตรกร ในพืน้ ท่ีมคี า่ ใช้จา่ ยทเ่ี พ่มิ สงู ข้ึนตามไปดว้ ย
64 ภาพท่ี 3-11 การสญู เสียดนิ พนื้ ทลี่ มุ่ นา้ ห้วยกระเสียว - หว้ ยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จงั หวัดอทุ ัยธานี
65 จากการศึกษาข้อมลู เชงิ สังคมและเศรษฐกจิ จากหนว่ ยงานต่างๆ และการสัมภาษณ์เกษตรกรในพ้นื ท่ี ลุ่มน้าแม่ห้วยกระเสียวและพื้นท่ีลุ่มน้าห้วยท่ากวย ประกอบด้วย ตาบลบ้านไร่ ตาบลทัพหลวงตาบลห้วย แห้ง ตาบลคอกควาย ตาบลแก่นมะกรูด ตาบลบ้านบึง และตาบลเจ้าวัด มีรายละเอียดดังน้ี (ตารางที่ 3- 14) 1) สภาพท่วั ไป ประชากรของพ้ืนท่ีลุ่มน้าเฉล่ียประมาณ 3,361.71 คนต่อตาบล โดยตาบลท่ีมีประชากรสูงสุดคือ ตาบลคอกควาย รองลงมาเป็นตาบลทัพหลวง ตาบลบ้านไร่ ตาบลเจ้าวัด ตาบลบ้านบึง ตาบลแก่นมะกรูด และตาบลห้วยแห้ง สัดส่วนของเพศชาย และเพศหญิง ค่อนข้างใกล้เคียงกันคือ เป็นเพศชายเฉลี่ย ประมาณ 1,696.85 คนต่อตาบล และเป็นเพศหญิงเฉล่ียประมาณ 1,664.85 คนต่อตาบล จานวน ครัวเรือนเฉล่ียประมาณ 1,432 ครวั เรือนต่อตาบล โดยตาบลคอกควายมีจานวนครัวเรือนสูงสุด รองลงมา เป็นตาบลทัพหลวง ตาบลบ้านไร่ ตาบลห้วยแห้ง ตาบลเจ้าวัด ตาบลบ้านบึง และตาบลแก่นมะกรูด การ รวมกลุ่มของเกษตรกรทุกตาบลโครงสร้างพื้นฐาน ด้านสาธารณูปโภค (ไฟฟ้าประปาโทรคมนาคม) ด้าน สถานบริการสาธารณะ และหน่วยธุรกิจมีครบถ้วนทุกตาบล แต่มีจานวนแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดของ พน้ื ท่แี ละประชากร 2) ด้านเศรษฐกจิ การประกอบอาชีพประชากรส่วนใหญ่ในทุกตาบลประกอบอาชีพเกษตรกรรม เช่น ทานา ทาไร่ ทาสวน และเล้ียงสัตว์ เป็นการประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพ่ือบริโภค และเพื่อจาหน่าย ส่วนอาชีพอื่น มีรับราชการ รัฐวิสาหกิจ พนักงานเอกชน ธุรกิจส่วนตัว รับจ้างท่ัวไป ค้าขาย และอ่ืน ๆ จานวนครัวเรือน เกษตร เฉล่ียประมาณ 961.57 ครัวเรือนต่อตาบล หรือร้อยละ 67.15 ของครัวเรือนทั้งหมด ตาบลที่มี ครัวเรือนเกษตรมากที่สุด คือ ตาบลคอกควาย รองลงมาเป็น ตาบลบ้านไร่ ตาบลเจ้าวัด ตาบลทัพหลวง ตาบลห้วยแห้ง ตาบลแก่นมะกรูด และตาบลบ้านบึง มีพื้นท่ีเกษตรเฉลี่ย 17.07 ไร่ต่อครัวเรือน จานวน แรงงานภาคเกษตรเฉลี่ย 2 คนต่อครัวเรือน มีรายได้เฉลี่ย 70,013.89 บาทต่อคนต่อปี ซ่ึงตาบลท่ีมีรายได้ เฉลี่ยสูงสุด คือ ตาบลห้วยแห้ง รองลงมาเป็น ตาบลเจ้าวัด ตาบลคอกควาย ตาบลทัพหลวง ตาบลบ้านบึง ตาบลบ้านไร่ และตาบลแก่นมะกรูด ลักษณะการถือครองท่ีดิน พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่มีที่ดินทากินเป็น ของตนเอง มีทั้งที่มีหนังสือสาคัญในที่ดิน เช่นโฉนด นส.3 น.ส.3ก ใบจอง ส.ค.1 สทก. ส.ป.ก.4-01 และ ไม่มีเอกสารสิทธ์ิในท่ีดินทากิน เป็นต้นเคร่ืองมือการเกษตร เกษตรกรส่วนใหญ่ใช้ รถไถเดินตาม รถไถใหญ่ เครอ่ื งพน่ ยา เคร่อื งสูบน้า และเครอื่ งนวดข้าว
ตารางท่ี 3-14 สภาวะเศรษฐกจิ และสงั คม 66
ตารางท่ี 3-14 สภาวะเศรษฐกิจและสังคม (ตอ่ ) 67
68 3) พืชเศรษฐกิจที่สา้ คัญ จากผลการศึกษาสถานการณ์พืชเศรษฐกิจท่ีสาคัญ ในพื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียวและลุ่มน้าห้วยท่า กวย ปีการผลิต2562 ได้แก่ สับปะรด ข้าวโพดลี้ยงสัตว์ มันสาปะหลัง อ้อย และยางพารา โดยพิจารณา การปลูกพืช ตามระดับของความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน 5 ระดับ คือ น้อย (0-2 ตันต่อไร่ต่อปี) ปานกลาง (2-5 ตันต่อไร่ต่อปี) รุนแรง (5-12 ตันต่อไร่ต่อปี) รุนแรงมาก(15-20 ตันต่อไร่ต่อปี) และรุนแรงมากที่สุด (มากกว่า 20 ตันต่อไร่ต่อปี) แต่การสารวจคร้ังนี้สามารถเก็บตัวอย่าง ได้ 4 ระดับ เนื่องจากเกษตรกรทปี่ ลูกพืชในพ้ืนที่ระดบั รนุ แรงมากทสี่ ุด ส่วนมากเปน็ นายทนุ จากที่อ่ืนไม่ใช่ คนในพ้ืนท่ี ไม่สามารถเก็บตัวอย่างได้ จึงทาการเก็บตัวอย่างได้เพียง 4 ระดับ คือ ระดับน้อย ระดับปาน กลาง ระดบั รนุ แรง และระดับรนุ แรงมาก โดยมรี ายละเอยี ดดังนี้ (ตารางท่ี 3-15 ) 3.1) สบั ปะรด ปลูกในพื้นทด่ี ินทมี่ ีการชะล้างพังทลายของดิน 3 ระดับ คือระดับปานกลาง ระดับ รุนแรง และระดับรุนแรงมาก พันธุ์ท่ีใช้ปลูก คือ พันธุ์ปัตตาเวีย พื้นที่ดินที่มีการชะล้างพังทลายของดิน ระดับปานกลาง ผลผลิตเฉลี่ย 4,000.00 กโิ ลกรมั ตอ่ ไร่ ต้นทุนทั้งหมด 19,039.16 บาทต่อไร่ ผลตอบแทน เหนือต้นทุนท้ังหมด 10,960.84 บาทต่อไร่ อัตราส่วนผลตอบแทนตอ่ ต้นทุนท้ังหมด 1.58 พ้ืนที่ดินท่ีมีการ ชะล้างพังทลายของดิน ระดับรุนแรง ผลผลิตเฉลี่ย 4,350.00 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนท้ังหมด 18,959.68 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมด 13,665.32 บาทต่อไร่ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุน ท้ังหมด 1.72 และพื้นท่ีดินท่ีมีการชะล้างพังทลายของดินระดับรุนแรงมาก ผลผลิตเฉล่ีย 3,942.86 กโิ ลกรัมต่อไร่ ต้นทนุ ทั้งหมด 20,312.52 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนทัง้ หมด 9,258.91 บาทต่อไร่ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.46 เมื่อพิจารณาในภาพรวมของผลผลิต ต้นทุนการผลิต และ ผลตอบแทนของการผลิตสับปะรดในพ้ืนที่ดินแต่ละระดับความรุนแรง ของการชะล้างพังทลายของดิน พบว่า ต้นทุนการผลิตในพื้นท่ีดิน ที่มีการชะล้างพังทลายรุนแรงมาก มีต้นทุนการผลิตสูงท่ีสุด ปริมาณ ผลผลิตพบว่า พื้นท่ีดนิ ท่ีมรี ะดับการชะล้างพังทลายรนุ แรงมาก ให้ผลผลิตต่าสุดสง่ ผลให้ผลตอบแทนเหนือ ต้นทนุ ของพนื้ ทด่ี ินท่ีมีการชะลา้ งพังทลายรุนแรงมาก มีค่าน้อยทส่ี ดุ 3.2) ข้าวโพดเล้ียงสัตว์ ปลูกในพ้ืนที่ดินที่มีการชะล้างพังทลายของดิน 3 ระดับ คือ ระดับปาน กลาง ระดับรุนแรง และระดับรุนแรงมาก พันธุ์ท่ีใช้ปลูก คือพันธ์ุดีเค 6818 พันธุ์ดีเค 9955 และพันธุ์ซีพี 888 พื้นท่ีดินท่ีมีการชะล้างพังทลายของดินระดับปานกลาง ผลผลิตเฉล่ีย 844.63 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนทั้งหมด 4,203.67 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมด 5,170.91 บาทต่อไร่ อัตราส่วน ผลตอบแทนต่อต้นทุนท้ังหมด 2.23 พ้ืนท่ีดินที่มีการชะล้างพังทลายของดินระดับรุนแรง ผลผลิตเฉลี่ย 866.67 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนทั้งหมด 4,619.83 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมด 5,004.48 บาทตอ่ ไร่ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 2.08 และพ้ืนที่ดินท่ีมีการชะล้างพังทลายของดินระดับ รุนแรงมาก ผลผลิตเฉล่ีย 708.14 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนท้ังหมด4,082.05 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือ ต้นทุนทั้งหมด 3,778.30 บาทต่อไร่ อัตราส่วนผลตอบแทน ต่อต้นทุนทั้งหมด 1.93 เมื่อพิจารณาใน ภาพรวมของ ผลผลติ ต้นทนุ การผลติ และผลตอบแทนของการผลิตขา้ วโพดเลีย้ งสัตว์ พืน้ ท่ีดินแต่ละระดับ ความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน พบว่า ต้นทุนการผลิต ในพื้นท่ีดินที่มีการชะล้างพังทลาย
69 ระดับรุนแรง มีต้นทุนการผลิตสูงท่ีสุด รองลงมาเป็นพ้ืนท่ีดินท่ีมีการชะล้างพังทลายปานกลาง และพ้ืน ท่ดี ินท่ีมีการชะล้างพังทลายรุนแรงมาก มีต้นทุน การผลิตต่าที่สุด เน่ืองจากค่าแรง แต่ละพ้ืนท่ีแตกต่างกัน ในพื้นที่ท่ีมีระดับการชะล้างพังทลายระดับรุนแรงจะมีการจ้างงานสูงสุด ส่วนในพ้ืนท่ีที่มีการชะล้าง พังทลายรุนแรงมาก จะมีการจ้างงานน้อยกว่าปริมาณผลผลิต พบว่าพ้ืนที่ดินท่ีมีการชะล้างพังทลายของ ดินรุนแรง ให้ผลผลิตมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ดินท่ีมีการชะล้างพังทลายปานกลาง และดินท่ีมีระดับการ ชะล้างพังทลายรุนแรงมาก ให้ผลผลิตต่าสุด ส่งผลให้ผลตอบแทนเหนือต้นทุนมีแนวโน้มลดลง เมื่อระดับ ความรนุ แรงของการชะลา้ งพงั ทลายของดินเพม่ิ สงู ขึ้น 3.3) มนั ส้าปะหลัง ปลกู ในพ้ืนทดี่ ินท่ีมีการชะล้างพังทลายของดิน 3 ระดับ คือ ระดับน้อย ระดับ ปานกลาง และระดับรุนแรง พันธ์ุที่ใช้ปลูก คือ พันธ์ุระยอง 5 พันธ์ุเกษตรศาสตร์ 50 พันธ์ุ 89 พื้นที่ดินท่ีมี การชะล้างพังทลายของดินระดับน้อย ผลผลิตเฉล่ีย 4,586.21 กิโลกรัมต่อไร่ต้นทุนท้ังหมด 5,705.56 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมด 3,696.16 บาทต่อไร่ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.65 พ้นื ที่ดินที่มีการชะล้างพงั ทลายของดินระดับปานกลาง ผลผลติ เฉล่ีย 3,962.96 กโิ ลกรมั ต่อไร่ ตน้ ทุน ทั้งหมด 5,936.43 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมด 2,187.64 บาทต่อไร่ อัตราส่วน ผลตอบแทนต่อต้นทุนทั้งหมด 1.37 และพน้ื ที่ดนิ ท่ีมีการชะล้างพังทลายของดินระดับรุนแรง ผลผลติ เฉลี่ย 3,678.57 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนท้ังหมด 5,481.47 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนท้ังหมด 2,059.60 บาทต่อไร่ อัตราสว่ นผลตอบแทนต่อต้นทนุ ท้ังหมด 1.38 เม่ือพิจารณาในภาพรวมของ ผลผลิต ต้นทุนการ ผลิต และผลตอบแทน ของการผลิตมันสาปะหลัง พื้นที่ดินแต่ละระดับความรุนแรงของการชะล้าง พังทลายของดิน พบว่า ต้นทุนการผลิตในพื้นที่ดินท่ีมีระดับการชะล้างพังทลายระดับปานกลาง มีต้นทุน การผลิตสูงที่สุด รองลงมาเป็นพื้นทดี่ ินที่มกี ารชะล้างพงั ทลายระดับน้อย และพ้ืนทดี่ ินท่มี ีระดับการชะล้าง พังทลายระดับรุนแรงมีต้นทุนการผลิตต่าท่ีสุด ปริมาณผลผลิตมีแนวโน้มลดลง เมอ่ื ระดบั ความรุนแรงของ การชะล้างพังทลายของดินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนเหนือต้นทุนมีแนวโน้มลดลง เม่ือระดับความ รนุ แรงของการชะลา้ งพังทลายของดินเพ่มิ สูงขนึ้ 3.4) อ้อย ปลูกในพ้ืนที่ดินที่มีการชะล้างพังทลายของดิน 2 ระดับคือระดับน้อย และระดับปาน กลาง การสารวจครั้งนี้เป็นการสารวจอ้อยปีท่ี 1 ทาให้มีต้นทุนค่อนข้างสูง พันธุ์ที่ใช้ปลูก คือ พันธ์ุ ขอนแก่น 3 และพนั ธลุ์ าปาง 11 พน้ื ที่ดนิ ทม่ี ีการชะล้างพังทลายของดินระดบั น้อย ผลผลติ เฉลย่ี 9,971.15 กโิ ลกรัม ต่อไร่ ต้นทนุ ทั้งหมด 10,097.33 บาท ตอ่ ไร่ ขาดทนุ 2,020.70 บาทตอ่ ไร่ อัตราส่วนผลตอบแทน ต่อต้นทุนทั้งหมด 0.80 พื้นท่ีดินที่มีการชะล้างพังทลายของดินระดับปานกลาง ผลผลิตเฉล่ีย 6,594.94 กิโลกรัมต่อไร่ ตน้ ทุนทัง้ หมด 8,915.15 บาทต่อไร่ ขาดทุน 3,519.58 บาทตอ่ ไร่ อัตราสว่ นผลตอบแทนต่อ ต้นทุนท้ังหมด 0.60 เม่ือพิจารณาในภาพรวมของผลผลิต ต้นทุนการผลิต และผลตอบแทนของการผลิต ออ้ ย ในพน้ื ทด่ี นิ แต่ละระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลายของดิน พบว่าตน้ ทุนการผลิต พ้ืนทดี่ ินท่ีมี การชะล้างพงั ทลายของดินระดบั น้อยสงู กว่าพ้ืนดนิ ท่ีมรี ะดับการชะล้างพงั ทลายระดับปานกลาง เนือ่ งจาก ค่าแรงแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน ในพ้ืนที่ท่ีมีระดับการชะล้างพังทลายระดับน้อย จะมีการจ้างงานมากกว่า พื้นท่ีที่มีการชะล้างพังทลายปานกลาง ปริมาณผลผลิตมีแนวโน้มลดลง เม่ือระดับความรุนแรงของการชะ
70 ล้างพังทลายของดินเพิ่มข้ึน ส่งผลให้ผลตอบแทนเหนือต้นทุนมีแนวโน้มลดลง เมื่อระดับความรุนแรงของ การชะลา้ งพงั ทลายของดินเพิ่มสูงข้ึน 3.5) ยางพารา ปลูกในพื้นท่ีดินที่มีการชะล้างพังทลายของดิน 2 ระดับคือ ระดับน้อย และระดับ ปานกลาง พันธุ์ที่ใช้ปลูกคือ พันธ์ุ RRIM 600 พ้ืนท่ีดินท่ีมีการชะล้างพังทลายของดินระดับน้อย ผลผลิต เฉลี่ย 435.82 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทนุ ท้งั หมด 9,338.08 บาทต่อไร่ผล ขาดทนุ 870.08 บาทตอ่ ไร่ อัตราสว่ น ผลตอบแทนต่อต้นทุนท้ังหมด 0.91 และพื้นท่ีดินที่มีการชะล้างพังทลายของดินระดับปานกลาง ผลผลิต เฉล่ีย 500.00 กิโลกรัมต่อไร่ ต้นทุนทั้งหมด 9,409.07 บาทต่อไร่ ผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมด 305.93 บาทต่อไร่ อัตราส่วนผลตอบแทนต่อต้นทุนท้ังหมด 1.03 เม่ือพิจารณาในภาพรวมของ ผลผลิต ต้นทุนการผลิต และผลตอบแทน ของการผลิตยางพารา ในพ้ืนที่ดินแต่ละระดับความรุนแรงของการชะ ล้างพังทลายของดิน พบว่า ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มท่ีเพิ่มข้ึนตามระดับความรุนแรง ของการชะล้าง พังทลายของดินที่เพ่ิมข้ึน ปริมาณผลผลิตมีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนเมื่อระดับความรุนแรงของการชะล้างพังทลาย ของดินเพ่ิมข้ึน ส่งผลให้ผลตอบแทนเหนือต้นทุนมีแนวโน้มเพิ่มข้ึน เม่ือระดับความรุนแรงของการชะล้าง พังทลายของดนิ เพ่มิ สงู ขนึ้ เม่ือพิจารณาผลจากการเกิดชะล้างพังทลายของดิน ในพ้ืนท่ีเพาะปลูกพืชโดยเฉพาะผลผลิต ต้นทุนการผลิต และผลตอบแทนของการปลูกพืช ในพื้นท่ีมีระดับการชะล้างพังทลายต่างกันจะเห็นว่า ภาพรวมของต้นทุนต่อหน่วยผลิต ของแต่ละพืชมีแนวโน้มสูงขึ้น เมื่อทาการปลูกในพ้ืนท่ีมีระดับความ รุนแรงของการชะล้างพังทลายของดินที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ปลูกยางพาราซึ่งอาจเป็นผลจากการ เปล่ียนแปลงต้นทุนผันแปร ในการผลิต เช่น ค่าจ้างแรงงาน ค่าปุ๋ยเคมี และสารเคมีต่าง ๆ นอกจากน้ี พบว่า ผลผลิตของพืชมีปริมาณแตกต่างกัน ตามระดับความรุนแรงของพื้นที่ดินสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ประกอบกัน สาเหตุหลัก ๆ เกิดจากการชะล้างพังทลายของดิน ทาให้ดินขาดความอุดมสมบูรณ์ และอีก สาเหตคุ อื ขาดแหลง่ นา้ ในการทาการเกษตร ท้ังนี้ จากผลการศึกษาจะเห็นว่าพืชเศรษฐกิจที่สาคัญ ได้แก่ สับปะรด ข้าวโพดล้ียงสัตว์ มัน สาปะหลัง ให้ผลตอบแทนคมุ้ ค่าการลงทนุ โดยข้าวโพดเลีย้ งสัตว์ ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าท่ีสุด รองลงมาเป็น สับปะรด และ มันสาปะหลัง สาหรับอ้อย และ ยางพารา ให้ผลตอบแทนการลงทุนขาดทุนเน่ืองจากมี ตน้ ทนุ คอ่ นขา้ งสงู ในส่วนของ ตน้ พันธ์ุ และ คา่ แรงงาน ประกอบกบั ไดผ้ ลผลติ น้อย และราคาผลผลิตต่า
71 ตารางท่ี 3-15 ต้นทุนการผลิตผลผลิตและผลตอบแทนเหนือต้นทุนทั้งหมดของการปลูกพืชในพื้นที่ มีระดับการชะล้างพังทลายของดนิ ต่างกนั พชื ระดบั การ ผลผลติ ราคา มลู ค่า ต้นทุนการ ผลตอบแทน B/C สบั ปะรด ชะล้าง เฉลี่ย ผลผลติ ผลผลติ ผลติ ทง้ั หมด เหนอื ตน้ ทนุ ratio พงั ทลายของ (กก./ไร)่ (บาท/กก.) (บาท/ไร)่ (บาท/ไร)่ ข้าวโพด ดนิ * ท้งั หมด 1.58 ปานกลาง 4,000.00 7.50 30,000.00 19,039.16 (บาท/ไร)่ 1.72 มันสาปะหลัง รนุ แรง 4,350.00 7.50 32,625.00 18,959.68 10,960.84 1.46 รนุ แรงมาก 3,942.86 7.50 29,571.43 20,312.52 13,665.32 2.23 ออ้ ย ปานกลาง 844.63 11.10 9,374.58 4,203.67 9,258.91 2.08 ยางพารา รุนแรง 866.67 11.10 9,624.31 4,619.83 5,170.91 1.93 รนุ แรงมาก 708.14 11.10 7,860.35 4,082.05 5,004.48 1.65 นอ้ ย 4,586.21 2.05 9,401.72 5,705.56 3,778.30 1.37 ปานกลาง 3,962.96 2.05 8,124.07 5,936.43 3,696.16 1.38 รุนแรง 3,678.57 2.05 7,541.07 5,481.47 2,187.64 0.80 นอ้ ย 9,971.15 0.81 8,076.63 10,097.33 2,059.60 0.60 ปานกลาง 6,594.94 0.81 5,341.60 8,915.15 -2020.70 0.91 นอ้ ย 435.82 19.43 8,468.00 9,338.08 -3,573.25 1.03 ปานกลาง 500.00 19.43 9,715.00 9,406.07 -870.08 305.93 หมายเหตุ *ระดับการชะล้างพงั ทลายของดิน 4 ระดับซึ่งมีปรมิ าณการสญู เสียดนิ คือ น้อย(0-2 ตนั /ไร่/ปี) ปานกลาง (2-5 ตนั /ไร่/ปี) รนุ แรง (5-12 ตนั /ไร่/ปี) และรุนแรงมาก (15-20 ตนั /ไร่/ปี) 4) ความรู้ความเขา้ ใจดา้ นการอนุรักษ์ดินและน้า จากผลการสัมภาษณ์เกษตรกรกลุ่มตัวอย่าง เก่ียวกับความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและ น้า ในพื้นที่ลุ่มน้าห้วยกระเสียวและพ้ืนท่ีลุ่มน้าห้วยท่ากวย โดยมุ่งเน้นข้อมูลเก่ียวกับ 1) ความรู้ความ เข้าใจการชะล้างพังทลายของดิน 2) ผลกระทบท่ีเกิดขึ้นต่อผลผลิต 3) แนวทางการป้องกันและแก้ไข ปัญหาการชะล้างพงั ทลายของดินและทัศนคตติ ่อการป้องกนั สภาพปัญหา (ตารางท3่ี -16) 4.1) ความรู้ความเข้าใจการชะล้างพังทลายของดิน เกษตรกรให้ข้อมูลถึงการชะล้างพังทลาย ของดิน ในพื้นที่เพาะปลูกพืช และที่อยู่อาศัยของเกษตรกร พบว่า เกษตรกรร้อยละ 52.44 ของเกษตรกร ทั้งหมด พ้ืนที่มีสภาพหน้าดินเป็นร่อง หรือร่องน้าขนาดเล็ก ร้อยละ 54.55 มีน้าไหลบ่าพัดพาหน้าดิน โดยเฉพาะในช่วงฤดฝู น รอ้ ยละ 29.27 มีการใช้ปยุ๋ สารเคมี ยาฆา่ แมลง เพิ่มมากขนึ้ รอ้ ยละ 15.85 การชะ ลา้ งพังทลายของหน้าดิน ส่งผลใหแ้ หลง่ นา้ ตื้นเขนิ ขึ้น ทาให้มปี ริมาณการกกั เกบ็ นา้ ได้นอ้ ยลง รอ้ ยละ 3.66 ในบางพน้ื ท่ีมสี ภาพรอยทรุด หรือรอยแยกของหนา้ ดนิ
72 ทัง้ นี้จะเหน็ ว่าเกษตรกรมีความรู้ความเข้าใจ เกยี่ วกับผลกระทบของการชะล้างพังทลายของ ดินต่อความเสียหายทางทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม โดยดินท่ีถูกชะล้าง หรือกัดเซาะจะถูกพัดพา ไหลไปตกตะกอนในแหล่งน้า ทาให้แหล่งน้าตื้นเขิน ส่งผลให้ในฤดูฝนแม่น้าลาคลองเก็บน้าไว้ไม่ทัน เกิดน้าท่วม และเกิดสภาวะขาดแคลนน้าในฤดูแล้ง อีกทั้งสารเคมีและยาฆ่าแมลง ที่ไหลปนไปกับตะกอน ดินสพู่ ืน้ ทต่ี อนลา่ ง ทาใหเ้ กดิ มลพษิ สะสมในดิน และน้ามีผลเสียตอ่ คน พชื สัตว์บก และสัตว์น้า 4.2) ผลกระทบต่อผลผลิต เกษตรกรส่วนใหญ่ ร้อยละ 69.77 ได้รับผลกระทบ ต่อปริมาณ ผลผลิตจากการชะล้างพังทลายของดิน ในกรณีพ้ืนท่ีเพาะปลูกทางการเกษตร ที่มีสภาพเป็นร่องน้า การ สูญเสียของหน้าดินซ่ึงถูกพัดพาไป หรือทรุดตัวในบางแห่ง โดยแบ่งระดับผลกระทบต่อผลผลิตออกเป็น 3 ระดับ พบวา่ เกษตรกรร้อยละ 50.00 ของเกษตรกรท้งั หมดได้รบั ผลกระทบระดับนอ้ ย (ลดลงไมเ่ กิน 20%) ร้อยละ 36.67 ได้รับผลกระทบระดับปานกลาง (ลดลง 20-40%) และร้อยละ 13.33 ได้รับผลกระทบ ระดับมาก (ลดลงมากกวา่ 40%) 4.3) แนวทางการป้องกนั และแก้ไขปัญหาการชะล้างพงั ทลาย จากสภาพปญั หาของการชะลา้ ง พังทลายของดิน ในพ้ืนท่ีเพาะปลูกพืช และที่อยู่อาศัยของเกษตรกร จะเห็นว่ามีเกษตรกรเพียงร้อยละ 21.28 ของเกษตรกรท้ังหมด มีการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาการชะล้างพังทลาย โดยอาศัย 4 วิธหี ลักคือ 1) ก้ันด้วยแนวกระสอบทราย 2) ทาคันดิน 3) ปลูกหญ้าแฝก 4) ปรับเปล่ียนพื้นท่ีปลูกข้าว ในขณะท่ี เกษตรกรมากถึงร้อยละ 78.72 ที่ไม่มีแนวทางหรือมาตรการในการป้องกัน หรือแก้ไขแต่อย่างใด โดยให้ เหตุผลว่าส่วนใหญ่ขาดองค์ความรู้ และยังขาดการสนับสนุนงบประมาณ ขาดแรงงานเพื่อดาเนินการ ดังกล่าว นอกจากนหี้ ากมชี ่องทางในการป้องกนั หรือแกไ้ ขโดยอาศยั หน่วยงานรัฐเขา้ มาจัดการแก้ไขให้ ซ่ึง เกษตรกรส่วนใหญ่ (ร้อยละ 72.97) มีความต้องการให้เข้ามาดาเนินการแก้ไข และมีเพียงบางส่วนที่ไม่ ต้องการให้เข้ามาดาเนนิ การแกไ้ ข
73 ตารางที่ 3-16 ความรู้ความเข้าใจด้านการอนุรักษ์ดินและน้า พื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จงั หวัดอุทยั ธานี ปีการผลติ 2562/63 รายการ รอ้ ยละ 1) ลักษณะและสภาพปญั หาดา้ นการชะล้างพังทลายของดิน 52.44 (1)หน้าดนิ มรี ่อง/ร่องนา้ เลก็ ๆ 54.55 ในพ(2ืน้ )นท้าีป่ ไลหกูลพบืชา่ พแดัลพะทาหอี่ นยู่อา้ ดานิศยั (ตอบไดม้ ากกว่า 1 ขอ้ ) 29.27 15.85 (3)มกี ารใช้ปุ๋ย/สารเคมี/ยาฆา่ แมลงมากขึ้น 3.66 (3)แหลง่ นา้ ตนื้ เขนิ มากขึน้ (5)มรี อยทรดุ หรือรอยแยก 30.23 2) ผลกระทบต่อผลผลติ (กรณีทีม่ รี อ่ งนา้ /หน้าดินถูกพดั พาหรอื ทรุดตัว) 69.77 (1) ไมม่ ี 50.00 (2) มโี ดยมีผลกระทบให้ผลผลิตลดลงในระดบั 36.67 13.33 - น้อย (ลดลงไมเ่ กิน 20%) - ปานกลาง (ลดลง 20-40%) 21.28 - มาก (ลดลงมากกวา่ 40%) 40.00 3) แนวทางการป้องกนั และแกไ้ ขปัญหาการชะล้างพงั ทลาย 30.00 (กรณีทีด่ ินถูกน้ากัดเซาะ/น้าพดั พาหน้าดิน) 20.00 10.00 (1) ดาเนินการแก้ไข/ปอ้ งกันโดยวธิ ี 78.72 - กน้ั ดว้ ยแนวกระสอบทราย 83.78 - ทาคนั ดนิ 51.35 - ปลกู หญ้าแฝก 5.41 - ปรับเปลยี่ นพ้ืนที่ปลกู ขา้ ว 27.03 (2) ไมด่ าเนนิ การแกไ้ ข/ปอ้ งกนั เนอื่ งจาก 72.97 - ขาดองคค์ วามรู้ 25.93 - ขาดงบประมาณสนับสนนุ 55.56 - ขาดแรงงาน 18.52 * กรณีท่ไี ม่ได้แก้ไขความประสงค์ให้หนว่ ยงานรัฐชว่ ยเหลอื (1) ไม่ต้องการ (2) ต้องการโดยมรี ะดบั ความตอ้ งการ - นอ้ ย - ปานกลาง - มาก ทม่ี า: จากการสารวจกลมุ่ วางแผนการใชท้ ีด่ นิ (2563) ท้ังนี้ จะเห็นว่าเกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจ ในวิธีการรักษา และป้องกันไม่ให้เกิดการชะล้าง พังทลายของดิน ในทุกวิธีการเท่ากัน ได้แก่ การทาฝายน้าล้น หรือคันชะลอความเร็วของน้า การปลูกพืช คลุมดนิ (ตารางท่ี 3 - 17)
74 ตารางท่ี 3-17 ความรแู้ ละความเข้าใจ การรักษาและป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน พ้นื ที่ลุ่มน้า ห้วยกระเสยี ว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จงั หวดั อุทยั ธานี ปกี ารผลิต 2562/63 วธิ ีการรกั ษาและปอ้ งกัน ร้อยละ ลาดบั ความ ใช่ ไมใ่ ช่ ไมแ่ น่ใจ ตอ้ งการ 1) การทาฝายน้าล้นหรอื คันชะลอความเร็วของน้า 100.00 0.00 0.00 1 2) การปลูกพืชคลุมดนิ 100.00 0.00 0.00 1 3) การยกร่องและปลกู พืชทาร่องนา้ ไปตามแนวระดับ 100.00 0.00 0.00 1 4) การทาคันดนิ ขวางทางลาดเท 100.00 0.00 0.00 1 5) การปลกู พชื แบบข้นั บนั ได (ปรับพน้ื ท่ีเป็นขั้น ๆ) 100.00 0.00 0.00 1 6) การปลูกหญ้าแฝกขวางทางลาดชัน 100.00 0.00 0.00 1 7) การใช้วัสดุต่างๆอย่างงา่ ยเชน่ ท่อนไมห้ นิ กระสอบบรรจุ 100.00 0.00 0.00 1 ทรายอิฐและก่อสร้างขวางทางระบายน้าเพ่ือชะลอความเร็ว ของน้าไมใ่ ห้กดั เซาะ 8) การปลกู พืชสลับเปน็ แถบ 100.00 0.00 0.00 - 9) การปลกู พืชหมนุ เวียน/ปลกู พชื แซม/ปลกู พืชเหลอื่ มฤดู 100.00 0.00 0.00 - 10) การใชว้ สั ดุคลุมดนิ เชน่ เศษซากพชื พลาสตกิ กระดาษ 100.00 0.00 0.00 - 11) การถางป่าตัดไม้ทาลายป่าการขุดถนนทาให้เกดิ 100.00 0.00 0.00 - การชะลา้ งพงั ทลายของดิน ท่มี า: จากการสารวจกลุม่ วางแผนการใชท้ ดี่ ิน (2563) เมื่อพิจารณาข้อมูลทัศนคติของเกษตรกรเกี่ยวกับประเด็นท่ีเช่ือมโยงกับส ภาพปัญหาการชะล้าง พังทลายของดนิ 3 ดา้ น (ตารางท่ี 3-18) ดังน้ี 1) การย้ายถิ่นฐาน จากประเด็นทัศนคติเกี่ยวกับกรณีหากเกิดเหตุการณ์ดินถล่มในพื้นท่ีเส่ียงภัย แล้วภาครัฐต้องการให้เกษตรกรในพ้ืนที่อพยพออกจากพื้นที่ โดยจะจัดหาสถานท่ีที่เหมาะสมให้ ซ่ึง เกษตรกรไม่มีความต้องการย้ายออกจากพ้ืนที่ และมีความต้องการย้ายออกจากพื้นท่ีไปอยู่ในสถานท่ีที่รัฐ จัดใหใ้ นสัดส่วนทเี่ ทา่ กนั ร้อยละ 50.00 ของเกษตรกรทั้งหมด 2) ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐ ในการจัดทาเขตระบบอนุรักษ์ดินและน้า โดยเกษตรกร ในพ้นื ทที่ กุ คนเห็นดว้ ย ทจ่ี ะมหี น่วยงานรัฐมาจดั ทาเขตระบบอนรุ ักษ์ดินและน้าในพืน้ ที่ 3) ปัญหาด้านการเกษตร เกษตรกรท้ังหมดมีปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาที่พบ ได้แก่ ฝนแล้ง ฝนทิ้งชว่ ง ศัตรพู ืชรบกวน ราคาผลผลิตตกตา่ ผลผลติ ลดลง และบางส่วนมปี ญั หาเร่ืองสภาพดินเสือ่ มโทรม
75 ตารางที่ 3-18 ทัศนคติด้านการย้ายถิ่นฐานปัญหาด้านการเกษตรและแนวทางแก้ไขของเกษตรกรพ้ืนที่ ล่มุ นา้ ห้วยกระเสียว – หว้ ยทา่ กวย อาเภอบา้ นไร่ จงั หวดั อุทยั ธานี ปกี ารผลิต 2562/63 รายการ ร้อยละ 1) การย้ายถน่ิ ฐาน(กรณีท่ีคาดวา่ ในอนาคตจะเกดิ ดินถล่มและทางรัฐต้องการพ้ืนท่ี ใหอ้ พยพออกจากโดยทางจัดหาสถานทีใ่ ห้) 50.00 (1) ไม่มคี วามตอ้ งการออกจากพ้ืนที่ 50.00 (2) มคี วามต้องการออกจากพ้ืนท่ีไปอยู่ในสถานทีท่ ร่ี ัฐจดั ให้ - 2) ความช่วยเหลือจากหน่วยงานภาครัฐในการจดั ท้าเขตระบบอนรุ กั ษด์ ินและน้า (1) ไม่เหน็ ด้วย (2) เห็นด้วย 100.00 3) ปัญหาดา้ นการเกษตร 0.00 (1) ไมม่ ี 100.00 (2) มี 90.24 59.76 - ฝนแลง้ /ฝนท้งิ ช่วง 41.46 - ศัตรูพชื รบกวน 25.61 - ราคาผลผลิตตกต่า 8.54 - ผลผลิตลดลง - สภาพดินเส่อื ม ทีม่ า: จากการสารวจกลมุ่ วางแผนการใชท้ ด่ี นิ (2563) จากการรวบรวมข้อมูลสภาพแวดล้อมทางกายภาพ สังคมและเศรษฐกิจ เพ่ือจัดทาแผนการใช้ที่ดิน เพ่ือการป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ืนที่เกษตรกรรม พ้ืนที่ลุ่มน้าห้วยกระเสียว – ห้วยท่ากวย ได้วิเคราะห์ SWOT โดยศึกษาสภาพการณ์ภายใน และภายนอก วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และข้อจากัด ใน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม และดา้ นนโยบาย เพือ่ นาไปใช้ในการกาหนดมาตรการท่เี หมาะสมและวางแผนบริหารโครงการ สรุปไดด้ ังน้ี 1. ด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิง่ แวดล้อม จดุ แข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness) - มีระบบลุ่มน้าย่อยทส่ี ามารถบริหารจดั การเชิง - พื้นทม่ี ีการชะลา้ งพังทลายของดินสูง พน้ื ทใ่ี นแตล่ ะระดับได้ - ทรพั ยากรดนิ สว่ นใหญข่ องพื้นท่ลี ุ่มนา้ - มเี สน้ ทางตอ่ เน่ืองถงึ ลานา้ หลัก (ลุ่มน้าแมน่ า้ ท่าจนี ) มศี ักยภาพตา่ ในการทาเกษตรกรรม จาเป็นต้อง - มแี หล่งนา้ ธรรมชาตแิ ละแหลง่ นา้ ทีส่ รา้ งขึ้น ได้รับการปรบั ปรุงและฟนื้ ฟู เพ่อื ใหเ้ กษตรกรใชใ้ นการทาการเกษตร และ - ในบางพื้นท่ีประสบปัญหาการขาดแคลนนา้ อุปโภค บริโภค และสามารถพฒั นาตอ่ ยอดได้ - มีตะกอนดนิ สะสมในพ้ืนที่แหลง่ น้า
76 โอกาส (Opportunity) ปัญหา (Threat ) - เปน็ นโยบายระดบั ประเทศในการแก้ไขปัญหาด้าน - ปัญหาความเส่ือมโทรมของ ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม ทรพั ยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะทรพั ยากรดิน (ด้านทรพั ยากรดนิ ) จากมนษุ ย์ เน่ืองจากการใช้ที่ดินมาเป็น - เปน็ ประเดน็ การพฒั นาระดับจงั หวดั ท่ีม่งุ เน้นการ เวลานาน ปลกู พชื เชิงเด่ียว บางพ้นื ที่ไมม่ ี บรหิ ารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม มาตรการในการอนรุ ักษ์ดนิ และนา้ อยา่ งสมดุลและเปน็ ระบบพ้นื ฐานการมีสว่ นร่วมของ - การบุกรกุ พ้ืนทปี่ า่ พน้ื ทีส่ าธารณะ ปญั หา ทกุ ภาคสว่ น การทับซ้อนกนั ระหวา่ งพ้ืนทท่ี ากนิ ของราษฎร - มีทรัพยากรพื้นฐาน ได้แก่ ทรัพยากรดนิ แหลง่ น้า เดิมกบั พืน้ ท่ีเขตป่า และแหลง่ ท่องเทย่ี ว ท่ีเพียงพอที่จะนาไปสูภ่ าคการ ผลิตหรอื การพัฒนาต่อไป - ภาคเอกชนให้ความสนใจและเขา้ รว่ มสนับสนุน การแก้ไขปญั หาและฟ้นื ฟูทรัพยากรธรรมชาติ 2. ดา้ นสงั คม จดุ แข็ง (Strength) จุดอ่อน (Weakness) - เกษตรกรในพนื้ ท่ีใหค้ วามสนใจและใหค้ วามรว่ มมือ - เกษตรกรมีความหลากหลายดา้ นภาษา ต่อการเขา้ รว่ มโครงการ วฒั นธรรม เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสาร - เกษตรกรมีความรู้ จากภูมปิ ัญญาชาวบา้ น - การต้ังถน่ิ ฐานของเกษตรกรมกี ารกระจาย ในการแกไ้ ขปญั หาในพ้นื ทท่ี ากนิ ของตนเอง - เกษตรกรส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มผู้สูงวยั - มีการรวมกลุ่มเกษตรกรที่เข้มแขง็ โอกาส (Opportunity) ปญั หา (Threat ) - องค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ใหค้ วามสาคญั ในดา้ น - การขนส่งสินค้าทางการเกษตรเกดิ ความล่าช้าใน การพัฒนาโครงสร้างพนื้ ฐานด้านตา่ ง ๆ บางพื้นทีเ่ นื่องจากการคมนาคมไม่สะดวกเส้นทาง - องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิน่ มีการติดต่อ คมนาคมบางส่วนชารุด ประสานงานจากหนว่ ยงานอ่ืน ๆ มาดาเนินการ - องคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ มงี บประมาณจากดั พฒั นาโครงสรา้ งพืน้ ฐาน เพอื่ ให้ครอบคลมุ ทั่วถึงทุก จึงไม่สามารถพัฒนาโครงสร้างพ้นื ฐานได้อย่าง หมบู่ า้ นซงึ่ ได้กาหนดเปน็ แผนงานไว้ชดั เจน ทว่ั ถึงภายในเวลาจากดั - ภาคเอกชนให้ความสนใจและเข้าร่วมสนับสนุนการ แก้ไขปัญหาให้กับชุมชน
77 3. ด้านเศรษฐกจิ จุดแข็ง (Strength) จดุ อ่อน (Weakness) - เกษตรกรปลกู พชื เศรษฐกจิ เป็นหลัก ไดแ้ ก่ - การผลติ สนิ ค้าเกษตรกรรม เปน็ การปลูกพืช ขา้ วโพด มันสาปะหลัง อ้อย ยางพารา และ เชงิ เดีย่ วทาให้เกษตรกรมรี ายไดค้ ่อนขา้ งต่า สบั ปะรด การเข้าไปส่งเสรมิ หรอื พัฒนาดา้ นตา่ งๆ - พืชทีป่ ลกู ส่วนอาศัยน้าฝนเป็นหลกั ทาให้ ทาไดง้ า่ ยข้ึน ไดร้ บั ความเสียหาย เม่ือไดร้ ับผลกระทบจากภยั - หนว่ ยงานราชการ ในพื้นทใ่ี ห้ความสาคญั ในการ ทางธรรมชาติ พัฒนาด้านเศรษฐกจิ ดา้ นการประกอบอาชีพ การ - เกษตรกรบางสว่ นขาดองคค์ วามรู้ เช่น การ ชว่ ยเหลอื เกษตรกรดา้ นต่าง ๆ การสง่ เสริมการ พัฒนาทรัพยากรดิน พืช นา้ และ การตลาด รวมกลุ่ม - ผปู้ ระกอบการรายยอ่ ย ยงั ขาดความร้ดู า้ นการ - มีกลมุ่ การผลิตตา่ ง ๆ ทีส่ ามารถพัฒนาต่อยอด ผลติ การตลาด และสรา้ งมลู คา่ เพ่ิม ให้มคี วามเข้มแขง็ ได้ - เกษตรกรขาดการวางแผน ดา้ นการเพาะปลูก ส่วนใหญ่ตดั สินใจเลอื กพืชท่จี ะปลูกจากราคา ผลผลติ ในปที ่ีแลว้ เป็นหลัก โอกาส (Opportunity) ปญั หา (Threat ) - นโยบายของรฐั บาลมุ่งเนน้ การแกไ้ ขภาค - ราคาผลผลิตทางการเกษตรไมแ่ นน่ อนส่งผล การเกษตรเพ่ือสรา้ งการเติบโตทางเศรษฐกจิ กระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่ - แผนปฏริ ูปประเทศดา้ นเศรษฐกิจ ให้ความสาคัญ - ปัจจยั การผลติ มีราคาแพงส่งผลกระทบต่อ กบั การพัฒนาฟน้ื ฟทู รัพยากรดินที่เปน็ พ้นื ฐานสาคัญ รายได้และต้นทุนการผลิตของเกษตรกร ตอ่ การพัฒนาการผลิตภาคการเกษตร โดยเฉพาะการปลกู พชื เศรษฐกิจเชิงเด่ียว 4. ดา้ นนโยบาย จุดแขง็ (Strength) จดุ ออ่ น (Weakness) - มหี นว่ ยงานใหค้ วามสาคญั ในการคดั เลือกพ้นื ท่ี - ยงั ขาดการรับร้ขู องหนว่ ยงานผูป้ ฏิบตั งิ านใน เปน็ ตน้ แบบในการนาร่องการจดั ทาแผนบริหาร ระดบั พนื้ ที่ จดั การเชงิ พื้นทรี่ ะดับลมุ่ น้า - ยงั ขาดการเช่ือมโยงงานด้านแผนงานวิชาการ - หน่วยงานมขี ้อมูลเชิงวชิ าการสนับสนนุ การ และปฏบิ ตั ิการ เพื่อขบั เคล่ือนงานสู่ระดับพนื้ ท่ี วางแผนและกาหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหา - หนว่ ยงานราชการในพ้ืนที่ ให้ความสาคญั ในการ พฒั นาด้านเศรษฐกิจ ด้านการประกอบอาชีพการ ช่วยเหลือเกษตรกรดา้ นตา่ ง ๆ การสง่ เสรมิ การรวม กลุ่มการแก้ไขปญั หาและฟนื้ ฟูทรัพยากรธรรมชาติ
78 โอกาส (Opportunity) ปัญหา (Threat ) - นโยบายของรฐั บาลม่งุ เนน้ การแกไ้ ขภาค - แผนงาน/โครงการยงั ไม่สามารถสนับสนนุ ได้ การเกษตรเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกจิ ครอบคลุมทกุ สภาพปัญหาของพืน้ ที่ เนื่องจาก - ความสาคัญกบั การพฒั นาฟื้นฟทู รพั ยากรดนิ ที่ ขอ้ จากัดของงบประมาณ เป็นพ้ืนฐานสาคัญต่อการพฒั นาการผลิตภาค - ขาดการติดตาม และประเมินผลตามตวั ช้วี ดั ท่ี การเกษตร ครอบคลุมทุกมิติ ทางกายภาพ สังคม และ - อยใู่ นแผนแม่บทการบริหารจดั การทรัพยากรนา้ เศรษฐกิจ 20 ปีของสานกั งานทรพั ยากรน้าแห่งชาตดิ า้ นท่ี 5 การอนุรักษ์ฟ้นื ฟูพน้ื ท่ีเกษตรกรรมในพนื้ ท่ีดนิ เสอื่ มโทรมและชะล้างพงั ทลายของดนิ - ยุทธศาสตร์จังหวัดอทุ ยั ธานีท่ีส่งเสริมการบริหาร จดั การทรัพยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อมอยา่ งเป็น ระบบบนพ้ืนฐานการมสี ่วนร่วมของทุกภาคสว่ น จากการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ระหว่างจุดแข็งกับโอกาส จุดแข็งกับข้อจากัด จุดอ่อนกับโอกาส และ จดุ อ่อนกับข้อจากัด (TOWS matrix) ซ่ึงผลของการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ ในข้อมูลแต่ละคู่ดังกล่าว ทาให้ได้ แนวทางและมาตรการสาหรับการพัฒนาพื้นที่ เพื่อป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและฟ้ืนฟูพ้ื นที่ เกษตรกรรม เพื่อเป็นแนวทางในการกาหนดมาตรการ ด้านการอนุรักษ์ดินและน้า กาหนดแผนงาน/โครงการ สนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การจัดลาดับความสาคัญของปัญหาในการกาหนดแผนการดาเนินงาน และกลไกการขับเคลื่อน แผนบริหารจัดการโครงการในลาดับถัดไป
79 4
4 80 เขตการใช้ท่ีดินเป็นผลจากการวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพของทรัพยากรธรรมชาติและสภาพการใช้ ที่ดนิ รว่ มกับข้อกฎหมายที่เกยี่ วข้องภายในพื้นท่ีโครงการฯ โดยการวิเคราะหอ์ ยู่ภายใต้เง่อื นไขทีต่ อ้ งรักษา สภาพป่าไม้และระบบนิเวศของพนื้ ท่ีไว้ ร่วมกับการใช้พื้นท่ีใหเ้ หมาะสมกับศักยภาพของที่ดินตามประเภท การใช้ท่ีดิน ภายใต้ข้อจากัดการใช้ที่ดินของภาครัฐ และต้องสอดคล้องกบั ภาวะเศรษฐกจิ สังคมของชุมชน ในพืน้ ที่ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการมีส่วนรว่ มของชุมชนและภาครฐั ในการพิจารณาจดั ทา แผนการใช้ที่ดินในพ้ืนที่โครงการฯ เพ่ือให้เกิดการใช้ประโยชน์พื้นท่ีอย่างยั่งยืน และคงไว้ซึ่งสมดุลของ ระบบนิเวศรวมทั้งก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่ของการฟ้ืนฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นท่ี โครงการฯ ต่อไป จากการวิเคราะห์ฐานข้อมูลเพ่ือการพิจารณากาหนดเขตการใช้ที่ดินในพื้นท่ีลุ่มน้าห้วย กระเสียว-ห้วยท่ากวย สามารถกาหนดเขตการใช้ท่ีดินทากินในพ้ืนท่ี ได้เป็น 5 เขตหลัก คือ 1) เขตพ้ืนที่ ป่าไม้ตามกฎหมาย 2) เขตเกษตรกรรม 3) เขตชุมชนและสิ่งปลูกสร้าง 4) เขตแหล่งน้า และ 5) เขตพื้นท่ี คงสภาพปา่ ไมน้ อกเขตปา่ ตามกฎหมาย (ตารางที่ 4-1 และภาพท่ี 4-1) โดยมรี ายละเอียด ดงั นี้ เขตพ้ืนท่ีป่าไม้ตามกฎหมายในพื้นท่ีโครงการฯ มีเนื้อท่ี 69,097 ไร่ หรือร้อยละ 50.18 ของเนื้อที่ ท้ังหมด พื้นท่ีในเขตนี้เป็นบริเวณท่ีมีการประกาศเป็นเขตป่าไม้ตามกฎหมาย รวมถึงบริเวณที่มีมติ คณะรัฐมนตรีเก่ียวกับการใช้ทรัพยากรที่ดิน พื้นท่ีเขตอุทยานแห่งชาติ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าหรือ พืน้ ท่ีชน้ั คุณภาพลุ่มน้าชน้ั ที่ 1 และช้ันที่ 2 และเมื่อพิจารณาตามวตั ถุประสงคห์ ลักของการประกาศเขตป่า ไม้ ความเหมาะสมของที่ดินต่อการทาเกษตรบนพื้นท่ีสูงในด้านความลาดชันของพื้นที่และความลึกของดิน สามารถกาหนดเขตการใช้ท่ีดนิ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ เขตนม้ี ีเน้อื ที่ 59,517 ไร่ หรือ รอ้ ยละ 43.22 ของเนื้อทท่ี งั้ หมด สภาพพ้ืนท่ปี ัจจุบนั มีลักษณะเป็นปา่ สมบูรณ์ ข้อเสนอแนะนาการใช้พื้นท่ี จากการที่รัฐบาลมีนโยบายท่ีเด่นชัดในการรักษาพ้ืนที่ป่าไม้ โดยเฉพาะบริเวณท่ีเป็นป่าสมบูรณ์ให้ คงสภาพอยู่ เพ่ือรักษาความสมดุลของระบบนิเวศภายในพื้นที่ลุ่มน้า ดังนั้นในการใช้พื้นท่ีดังกล่าวจึงควร ดาเนนิ การ ดงั นี้ - ควบคุมมใิ ห้มกี ารเปลี่ยนแปลงสภาพปา่ ตามธรรมชาติไปใชป้ ระโยชน์ในรูปแบบอื่น - ควรมกี ารบารงุ รักษาสภาพป่าธรรมชาตติ ามหลกั วิชาการ
81 - ดาเนินการป้องกันและปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทาลายป่าให้มีประสิทธิภาพและมีการ ปฏบิ ตั อิ ย่างตอ่ เนอ่ื ง รวมทง้ั ดาเนนิ การกบั ผูก้ ระทาผดิ อยา่ งเดด็ ขาด - ถา้ บริเวณน้ีมกี ารบุกรุกพ้นื ที่ในภายหลัง เจ้าหนา้ ที่ผรู้ ับผิดชอบในพ้ืนท่ีควรรบี ดาเนนิ การปลกู ป่า ทดแทนโดยเรว็ และป้องกนั การบุกรุกเพม่ิ - ควรส่งเสริมให้ราษฎรในพื้นท่ีและพื้นท่ีข้างเคียงเห็นคุณค่าของทรัพยากรป่าไม้ และมีส่วนร่วม ในการดูแลรักษาปา่ ไม้ เขตนี้มีเนื้อท่ี 464 ไร่ หรือร้อยละ 0.34 ของเนื้อท่ีท้ังหมด พื้นท่ีในเขตน้ีปัจจุบันมีสภาพเป็นพ้ืนท่ี ปา่ รอสภาพฟ้ืนฟูและท่งุ หญา้ สลับพุม่ ไม้ละเมาะ สภาพพื้นท่มี คี วามลาดชันมากกวา่ 35 เปอรเ์ ซ็นต์ ข้อเสนอแนะนาการใช้พืน้ ที่ - กาหนดมาตรการและแนวทางในการป้องกนั มิใหร้ าษฎรบุกรุกพ้ืนที่ในเขตน้ี เพือ่ นากลบั มาใช้ด้าน การเกษตรรวมทง้ั ป้องกนั มิใหม้ ีการเปดิ พื้นทปี่ า่ เพอื่ ทาการเกษตรเพ่ิม - ควรจัดทาแนวกันไฟเพื่อป้องกันไฟป่าท่ีอาจเกิดข้ึนได้จากธรรมชาติหรือจากกิจกรรมของมนุษย์ เพ่อื ใหป้ ่าไมม้ ีการฟ้ืนตวั ตามธรรมชาติทส่ี มบูรณ์ เขตนี้มเี นอื้ ท่ี 9,116 ไร่ หรือร้อย ละ 6.62 ของเน้ือที่ท้ังหมด พื้นที่ในเขตนี้ปัจจุบันเป็นบริเวณท่ีมีการใช้ท่ีดินเพ่ือการปลูกมันสาปะหลัง ขา้ วโพด สปั ปะรด ออ้ ย และยางพารา - เขตพื้นที่ท่ีมีการใช้ที่ดินเพ่ือการเกษตรท่ีมีแนวโน้มของการชะล้างพังทลายสูง (หน่วยแผนท่ี 131) เขตนี้มีเนื้อที่ 265 ไร่ หรือร้อยละ 0.19 ของเน้ือท่ีทั้งหมด พื้นที่เขตน้ีปัจจุบันมีการใช้ท่ีดินเพื่อการ ปลูกข้าวโพด และยางพารา มีสภาพพนื้ ทมี่ ีความลาดชนั มากกว่า 35 เปอร์เซ็นต์ และเปน็ บริเวณซงึ่ มีความ เสยี่ งต่อการชะล้างพงั ทลายในระดับรนุ แรงถึงรนุ แรงมากทส่ี ุด - เขตพ้ืนที่ที่มีการใช้ท่ีดินเพ่ือการเกษตรที่มีแนวโน้มของการชะล้างพังทลายปานกลาง (หน่วย แผนที่ 132) มีเนื้อท่ี 8,716 ไร่ หรือร้อยละ 6.33 ของเน้ือที่ท้ังหมด พ้ืนท่ีเขตน้ีปัจจุบันมีการใช้ที่ดินเพื่อ การปลูกมันสาปะหลัง ข้าวโพด สัปปะรด อ้อยและยางพารา ในสภาพพ้ืนที่มีความลาดชัน 5-35 เปอร์เซน็ ต์ และเป็นบริเวณซ่ึงมีความเสยี่ งต่อการชะลา้ งพังทลายในระดบั ปานกลางถงึ รุนแรง - เขตพื้นท่ีที่มีการใช้ท่ีดินเพ่ือการเกษตรที่มีแนวโน้มของการชะล้างพังทลายต่า (หน่วยแผนท่ี 133) มีเน้ือท่ี 135 ไร่ หรือร้อยละ 0.10 ของเน้ือที่ทั้งหมด พื้นท่ีเขตน้ีปัจจุบันมีการใช้ที่ดินเพื่อการปลูก อ้อย สัปปะรด และมันสาปะหลัง ในสภาพพื้นท่ีมีความลาดชันต่ากว่า 5 เปอร์เซ็นต์ และเป็นบริเวณซ่ึงมี ความเสย่ี งต่อการชะลา้ งพังทลายในระดบั น้อยถึงปานกลาง ขอ้ เสนอแนะนาการใชพ้ น้ื ท่ี - ให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน2541 เรื่อง มาตรการและแนวทางแก้ไขปัญหาที่ดินป่าไม้ โดยมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาในพื้นท่ีปา่ อนุรกั ษ์ตามกฎหมาย เช่น
82 เขตอุทยานแห่งชาติ และพื้นที่ป่าอนุรักษ์ตามมติคณะรัฐมนตรี กาหนดให้กรมป่าไม้สารวจพ้ืนที่ที่มีการ ครอบครองให้ชดั เจน - ให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2540 เรื่อง แผนการจดั การทรพั ยากรที่ดินและปา่ ไม้ระดับพ้ืนท่ี เพื่อให้เกดิ การบรหิ ารจัดการทรพั ยากรทดี่ ินและป่าไม้ อย่างมีระบบ โดยให้มีการอนุรักษ์ควบคู่กับการพัฒนาที่ย่ังยืน และสงวนรักษาไว้ซ่ึงทรัพยากรป่าไม้ที่ เหลืออยู่รวมถึงฟ้ืนฟูป่าท่ีเส่ือมสภาพ โดยต้องอยู่บนหลักในการลดปัญหาความขัดแย้งของการใช้ ทรพั ยากรในพื้นที่ - ควรเพิ่มมาตรการในการอนุรักษ์ท่ีเข้มงวด จริงจังและต่อเน่ือง เพื่อคงสภาพป่าไม้ให้มีความ สมบูรณ์ โดยการพัฒนาด้านต่าง ๆ ต้องคานึงถึงความย่ังยืนของระบบนิเวศและผลกระทบต่อพื้นที่ลุ่มน้า ด้านล่าง โดยเฉพาะแนวทางจัดการให้พ้ืนท่ีป่าไม้เปน็ ตวั ควบคุมปริมาณนา้ ในล่มุ นา้ ในเวลาทเ่ี หมาะสม เช่น การสร้างฝายชะลอนา้ ในบรเิ วณทเ่ี หมาะสม - ควรเร่งปลูกป่าทดแทนและฟื้นฟูสภาพป่าเพื่อรักษาระบบนิเวศลุ่มน้าบริเวณพื้นที่ที่มีความลาด ชันสูง และพ้ืนท่เี ส่ียงต่อการชะลา้ งพังทลาย โดยเพ่ิมมาตรการอนุรกั ษ์ดนิ และน้าท่ีเหมาะสม เชน่ การปลูก หญ้าแฝกและสร้างฝายชะลอนา้ เปน็ ต้น - ควรส่งเสริมและรณรงค์ให้ราษฎรในพ้ืนที่เห็นถึงคณุ คา่ ของทรพั ยากรป่าไม้และมีส่วนรว่ มในการ ดูแลและบารุงรกั ษาผนื ปา่ ในพนื้ ทรี่ ว่ มกนั มีเน้ือที่ประมาณ 59,192 ไร่ หรือร้อยละ 42.95 ของเนื้อที่ท้ังหมด พื้นท่ีในเขตน้ีอยู่นอกเขตท่ีมีการ ประกาศเป็นเขตป่าไม้ตามกฎหมาย ซึ่งเป็นพ้ืนที่ทากินมีการออกเอกสารสิทธิ์ (โฉนด สปก.) และจากการ พิจารณาสามารถแบง่ พ้นื ท่ตี ามความเหมาะสมของทีด่ นิ และศักยภาพของพ้นื ท่ีได้เป็น 7 เขตยอ่ ย ดงั น้ี มีเน้ือที่ประมาณ 59 ไร่ หรือร้อยละ 0.04 ของเนื้อที่ทั้งหมด พื้นที่เขตนี้มีการใช้ประโยชน์ท่ีดินเพื่อ การปลกู พืชไร่ ข้าวโพด ไรห่ มุนเวียน มสี ภาพพ้ืนทม่ี ีความลาดชันมากกว่า 35 เปอร์เซน็ ต์ ขอ้ เสนอแนะนาการใช้พ้ืนที่ - ภาครัฐควรกาหนดเป้าหมายในการควบคุมการใช้พื้นท่ีในเขตดังกล่าว รวมถึงรณรงค์ให้มีการใช้ ประโยชนท์ ี่ดินเพื่อการปลกู ปา่ หรือระบบวนเกษตร และส่งเสริมมาตรการอนรุ ักษด์ ินและนา้ ที่เหมาะสมกับ สภาพพน้ื ที่ - ส่งเสริมให้มีการใช้ปุ๋ยและสารปราบศัตรูพืชที่เป็นชีวภาพทดแทนการใช้สารเคมี เนื่องจาก สารเคมีจะตกคา้ งในดินและแหล่งนา้ และจะส่งผลตอ่ ระบบนิเวศของพืน้ ทปี่ ลายนา้ มีเนื้อท่ีประมาณ 2,485 ไร่ หรือร้อยละ 1.80 ของเน้ือท่ีทั้งหมด พ้ืนที่เขตนี้มีการใช้ที่ดินเพ่ือ
83 การปลกู มันสาปะหลงั อ้อย ข้าวโพด และสัปปะรด ในสภาพพื้นที่มคี วามลาดชนั 12-35 เปอรเ์ ซน็ ต์ ขอ้ เสนอแนะในการใช้พน้ื ที่ - ในบริเวณพ้ืนที่มีความลาดชันสูง และเสี่ยงต่อการชะล้างพังทลาย ควรจัดทาระบบอนุรักษ์ดิน และน้า เช่น การปลูกไม้ยืนต้นร่วมกับหญ้าแฝกขวางความลาดเทบนแนวคันดิน ทาอาคารชะลอความเร็ว น้าร่วมกับการใช้หญ้าแฝก ฝายชะลอน้า คันดินเบนน้า คูรับน้ารอบขอบเขา เพื่อป้องกันการชะล้าง พังทลายของดิน และช่วยเก็บความช้ืนไว้ในดิน รวมทั้งมีการจัดระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพ พืน้ ท่ี และบารุงดินดว้ ยปุ๋ยหมักหรอื ป๋ยุ คอก เพือ่ เพมิ่ อินทรียวตั ถุใหด้ ิน - ในกรณีที่เป็นดินดีหรือดินลึก ควรทาเป็นคันดินสาหรับปลูกพืชล้มลุกท่ีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง หรอื ถ้ามกี ารปลกู ไม้ยืนตน้ ควรปลูกพชื คลุมดินรว่ มดว้ ย - ในกรณีท่ีเป็นดินตื้น ควรจดั ทาระบบอนุรักษ์ดินและน้าโดยใช้ระบบพืช เช่น การปลูกแถบหญ้า แฝก ปลูกพืชสลับเป็นแถบ ปลูกไม้ยืนต้นขวางความลาดเทของพ้ืนที่ และปลูกพืชคลุมดินระหว่างต้นพืช ในกรณีที่ปลูกไม้ยืนต้นและต้องการปลกู พืชแซมระหว่างแถวก่อนไม้ยืนต้นโตนั้นไม่ควรมกี ารไถพรวน เพื่อ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และช่วยเก็บความชื้นไว้ในดินรวมท้ังมีการจัดระบบการปลูกพืชให้ เหมาะสมกบั สภาพพื้นที่ และบารงุ ดนิ ดว้ ยปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก เพือ่ เพมิ่ อินทรยี วตั ถใุ ห้ดนิ มีเนื้อท่ีประมาณ 29,287 ไร่ หรือร้อยละ 21.27 ของเนื้อท่ีท้ังหมด พื้นท่ีเขตน้ีมีการใช้ท่ีดินเพื่อการ ปลกู ออ้ ย มันสาปะหลัง สปั ปะรด ยางพารา และขา้ วโพด ในสภาพพื้นทีม่ คี วามลาดชนั 5-12 เปอรเ์ ซ็นต์ ขอ้ เสนอแนะในการใช้พ้ืนท่ี ควรจัดทาระบบอนุรักษ์ดินและน้า เช่น การปลูกไม้ยืนต้นร่วมกับหญ้าแฝกขวางความลาดเทบน แนวคันดิน ทาอาคารชะลอความเร็วน้าร่วมกับการใช้หญ้าแฝก ฝายชะลอน้า คันดินเบนน้า คูรับน้ารอบ ขอบเขา เพ่ือป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และช่วยเก็บความชื้นไว้ในดิน รวมทั้งมีการจัดระบบการ ปลูกพืชใหเ้ หมาะสมกับสภาพพน้ื ท่ี และบารุงดนิ ด้วยป๋ยุ หมักหรือปุ๋ยคอก เพื่อเพ่ิมอินทรยี วตั ถุให้ดนิ - ในกรณีท่ีเป็นดินดีหรือดินลึก ควรทาเป็นคันดินสาหรับปลูกพืชล้มลุกที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง หรือถา้ มกี ารปลูกไม้ยนื ต้นควรปลูกพืชคลุมดนิ รว่ มดว้ ย - ในกรณีที่เป็นดินต้ืน ควรจดั ทาระบบอนุรักษ์ดินและน้าโดยใช้ระบบพืช เช่น การปลูกแถบหญ้า แฝก ปลูกพืชสลับเป็นแถบ ปลูกไม้ยืนต้นขวางความลาดเทของพ้ืนที่ และปลูกพืชคลุมดินระหว่างต้นพืช ในกรณีที่ปลูกไม้ยืนต้นและต้องการปลกู พืชแซมระหว่างแถวก่อนไม้ยืนต้นโตน้ันไม่ควรมีการไถพรวน เพ่ือ ป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน และช่วยเก็บความชื้นไว้ในดินรวมท้ังมีการจัดระบบการปลูกพืชให้ เหมาะสมกับสภาพพ้ืนที่ และบารุงดินดว้ ยปุย๋ หมกั หรอื ปุย๋ คอก เพ่อื เพ่มิ อินทรียวตั ถุให้ดิน มี เน้ือท่ีประมาณ 26,052 ไร่ หรือร้อยละ 18.92 ของเนื้อท่ีท้ังหมดพ้ืนท่ีเขตน้ีมีการใช้ท่ีดินเพ่ือการปลูกอ้อย ยางพารา และปาลม์ นา้ มัน ในสภาพพนื้ ที่มีความลาดชัน 0-5 เปอรเ์ ซน็ ต์
84 ข้อเสนอแนะในการใช้พ้นื ที่ - ควรจัดทาระบบอนุรักษ์ดินและน้า โดยใช้ระบบพืชในการอนุรักษ์ดินและน้า เช่น การปลูกแถบ หญ้าแฝก ปลกู พืชสลับเปน็ แถบ หรือปลกู พืชคลุมดิน เพ่ือป้องกนั การชะล้างพงั ทลายของดิน และช่วยเก็บ ความชื้นไว้ในดินรวมท้ังมีการจัดระบบการปลูกพืชให้เหมาะสมกับสภาพพ้ืนที่ และบารุงดินด้วยปุ๋ยหมัก หรอื ปยุ๋ คอก เพื่อเพิ่มอนิ ทรียวัตถุให้ดนิ - ควรจัดระบบปลูกพืชให้เหมาะสมโดยการไถพรวน และปลูกพืชขวางความลาดเทและควรจดั ให้ มีพืชข้ึนปกคลุมหน้าดินตลอดท้ังปี สนบั สนุนการปลูกไม้โตเร็วควบคู่กับการอนรุ ักษ์ดินและน้า เนน้ การทา การเกษตรแบบผสมผสานตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง โดยเน้นการปลูกพืชใหห้ ลากหลายชนดิ ทั้งไม้ผล ไมย้ ืนตน้ พชื ไร่ และพชื ผัก - พัฒนากระบวนการผลิตไม้ผล ส่งเสริมการผลิตพืชปลอดสารพิษ เพ่ิมศักยภาพการผลิตโดย ปรับปรงุ โครงสร้างของดินด้วยการปลูกพืชตระกูลถ่วั ในพน้ื ที่ เพื่อเพมิ่ อินทรยี วัตถุแก่ดนิ ส่งเสริมการใช้ปุ๋ย อินทรีย์ และผลิตภัณฑเ์ ทคโนโลยีชวี ภาพทดแทนการใช้ป๋ยุ เคมีและสารเคมี มีเนื้อที่ประมาณ 252 ไร่ หรือร้อยละ 0.18 ของเน้ือท่ีทั้งหมด ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการใช้ท่ีดินเพ่ือการทานา ดินท่ีพบในบริเวณน่ี เป็นดินลึก มีการระบายน้าดีถึงดีปานกลาง และมีการทาคันนา ดินมีความอุดมสมบูรณ์ตามธรรมชาติต่า ส่วนใหญ่แหลง่ น้าในเขตน้พี อเพียงสาหรับการเพาะปลูกในช่วงฤดูฝนเท่านั้น ข้อเสนอแนะในการใช้พื้นท่ี - ควรมีการปรับพ้ืนที่ในแปลงนา เพื่อรักษาระดับการขังของน้าให้เหมาะสมในระยะที่ข้าว เจริญเติบโต - ควรปรับปรุงบารุงดินโดยการเพ่ิมอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยพืชสด เพื่อช่วย ปรับปรุงโครงสร้างของดินและเพิ่มธาตุอาหารท่เี ป็นประโยชน์สาหรับพืช ร่วมกับการใส่ปุ๋ยเคมใี นอตั ราส่วน ทเ่ี หมาะสม มีเน้ือที่ประมาณ 93 ไร่ หรือร้อยละ 0.07 ของเน้ือท่ี ท้ังหมด โดยปจั จุบนั มีสภาพเป็นทงุ่ หญา้ เลย้ี งสตั ว์ หรอื โรงเรือนเล้ยี งสตั ว์ มีเน้ือท่ีประมาณ 924 ไร่ หรือรอ้ ยละ 0.67 ของเนื้อที่ ทั้งหมด โดยปัจจุบันมีสภาพเป็นพ้ืนที่ทุ่งหญ้าและไม้ละเมาะ (หน่วยแผนที่ 271) และพื้นท่ีดัดแปลง (หน่วยแผนท่ี 272) คือ พ้นื ทถ่ี มและเหมืองแร่ มเี นอื้ ท่ีรวมประมาณ 3,488 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 2.53 ของเน้อื ทที่ งั้ หมด
85 มีเนอื้ ทร่ี วมประมาณ 1,607 ไร่ หรอื รอ้ ยละ 1.17 ของเน้ือทที่ ้งั หมด ได้แก่ แหล่งน้าธรรมชาติ (หน่วย แผนท่ี 41) มีเนื้อท่ีประมาณ 1,143ไร่ หรือร้อยละ 0.83 ของเนื้อท่ีทั้งหมด และแหล่งน้าที่มนุษย์สร้างขึ้น (หน่วยแผนท่ี 42) มีเน้อื ทป่ี ระมาณ 417 ไร่ หรอื ร้อยละ 0.20 ของเนอื้ ที่ทง้ั หมด มเี นอื้ ท่ีประมาณ 4,361 ไร่ หรือร้อยละ 3.17 ของเนือ้ ที่ท้งั หมด พื้นทใี่ นเขตนีม้ ีสภาพเป็นปา่ ค่อนขา้ ง สมบูรณ์แต่อยู่นอกเขตป่าสงวนแห่งชาติ สภาพพ้ืนที่โดยท่ัวไปมีความลาดชันค่อนข้างมาก รวมถึงพ้ืนที่ดิน ตื้นมีกรวดหินปะปนมาก พื้นที่ในเขตน้ีกระจายตัวอยู่เป็นหย่อม ซึ่งควรรักษาพ้ืนที่ไว้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือจดั ทาเปน็ ป่าชมุ ชนทง้ั หมด ประกอบดว้ ย 1) พ้ืนท่ีป่าสมบูรณ์ (หน่วยแผนที่ 51) มีเน้ือท่ีประมาณ 3,291 ไร่ หรือร้อยละ 2.39 ของเนื้อท่ี ทงั้ หมด พื้นท่ีเขตนมี้ ีการใชท้ ี่ดินเป็นป่าผลัดใบสมมูรณ์ 2) พื้นท่ีป่ารอสภาพฟ้ืนฟู (หน่วยแผนท่ี 52) มีเนื้อท่ีประมาณ 1,070 ไร่ หรือร้อยละ 0.78 ของเน้ือท่ีทง้ั หมดพื้นทเี่ ขตน้มี กี ารใช้ทดี่ นิ เปน็ ป่าผลัดใบรอสภาพฟื้นฟู ขอ้ เสนอแนะในการใช้พืน้ ที่ - ควรมีการใช้ประโยชน์พื้นท่ีโดยปลูกไม้โตเร็ว และยึดหลักการใช้ที่ดินแบบผสมผสานระหว่างป่าไม้ กบั การเกษตร - ควรป้องกันและรักษาสภาพป่าไม้ให้คงความสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ โดยให้ ชุมชนมสี ว่ นร่วมในการจัดการ เพ่อื ให้มกี ารใชป้ ระโยชน์จากไมแ้ ละของป่ารว่ มกันอยา่ งพอเพียงและย่งั ยืน
86 ตารางที่ 4-1 แผนการใช้ท่ีดินเพ่ือการอนุรักษ์ดินและน้า พื้นท่ีลุ่มน้าห้วยกระเสียว - ห้วยท่ากวย อาเภอบ้านไร่ จังหวัดอทุ ยั ธานี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153